Fio
บทที่ 5
5… หุ่นยนต์อันตราย
ตึก Grandix
อาคารรับรองของ Grand Coporation ชื่อว่า Grandix ตั้งอยู่ริมชายฝั่งมหาสมุทร Eraban เป็นตึกสูง 25 ชั้น ออกแบบไว้เพื่อรับแขกสำคัญ ลักษณะตึกแผ่กว้างคล้ายกำแพง มักจะมีนักธุรกิจชั้นนำมาพักอยู่เสมอ อยู่ในความดูแลของ Robert Jensen ผู้เป็นพ่อของ Ren
ภายในห้องรับรองขนาดใหญ่ มีอาคันตุกะจากดาว Mela จำนวน 18 คน เป็นชาย 15 คน หญิง 3 คน กำลังนั่งพักผ่อนมองดูทะเลด้วยความสงบ เจ้าของสถานที่และพวกของยันต์นั่งพักผ่อน เป็นการคลายความเครียดจากการสู้รบและเดินทางจากกลางมหาสมุทร ยันต์ไม่ได้พาไปที่เมืองใต้น้ำเพราะเพิ่งรู้จัก จึงพามาที่นี่เพื่อสอบถามและปรึกษาหารือเรื่องราว
ในบรรดาแขก ผู้สูงวัยที่สุดเป็นจักรพรรดิของดาว Mela ชื่อว่า Bios วัย 60 ปี รองลงมาคือองค์ราชินี Leda อายุ 47 ปี แม่ทัพใหญ่ของดาวชื่อ Hoze อายุ 49 ปี ที่เหลือมีคนสำคัญอยู่ 2 คนคือ เจ้าหญิง Aniz วัย 23 ปี และเจ้าชาย Bes วัย 20 ปี ผู้หญิงอีก 1 คนเป็นพี่เลี้ยงของเจ้าหญิง นอกนั้นเป็นบรรดาแม่ทัพ
ในการเจรจาครั้งนี้ องค์จักรพรรดิขอให้พูดอย่างเป็นกันเอง ทำให้ยันต์สบายใจ เพราะที่เจอมามีแต่พวกผู้นำดวงดาวที่เป็นคนธรรมดา ยกเว้นตอนที่ไปช่วยดาว Lovo เจอกับจักรพรรดิ Lawara ก็พูดกันธรรมดา หากให้พูดกันเหมือนที่เขาเคยอ่านเจอในเรื่องอดีตของโลกที่ต้องใช้คำเฉพาะคงจะอึดอัดเพราะไม่คุ้นเคย
“พวกท่านไม่ใช่ผู้นำของดาวดวงนี้หรอกรึ” เสียงแม่ทัพใหญ่ถามขึ้นมาหลังนั่งพักผ่อนอยู่ครู่ใหญ่
“พวกข้าไม่ใช่ผู้นำของดาวดวงนี้ ที่นี่เรียกว่าโลก มีหลายประเทศ ผู้นำจะเป็นกลุ่มประเทศที่มีกำลังกล้าแข็ง มีการผลัดเปลี่ยนไปตามสถานะแห่งอำนาจและทรัพย์สิน” ยันต์ตอบ
“อือ! แปลกดี ถ้าเช่นนั้นท่านนำพวกข้าไปขอความช่วยเหลือจากผู้นำประเทศนี้ได้หรือไม่”
คำถามนี้ทำให้พวกของยันต์ทำหน้าตาแปลกๆ เริ่มไม่ค่อยถูกใจที่พวกนี้มองข้ามพวกตน การปราบหุ่นยนต์ที่ผ่านมาก็ได้เห็นฝีมือกันแล้วแต่กลับไม่เห็นความสำคัญ เกิดความเซ็งที่ฝีมือไม่เข้าตากรรมการ ทุกคนจึงพากันเงียบเสียงไม่พูดคุย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหัวหน้าเพียงคนเดียว ความประทับใจในแขกที่มาเยือนลดลงจนเหลือศูนย์ไปแล้ว
“ยันต์ พี่ขอตัวกลับก่อนนะ พอดีมีธุระน่ะ” Jackลุกขึ้นพูดกับยันต์ เมื่อน้องชายมองมาก็ยักคิ้วให้พร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
“อ้าว! ไหนว่าจะพาพวกผมไปด้วย จะทิ้งกันไม่ได้นะ พี่ยันต์พวกผมไปกับพี่ Jackก่อนนะ” Tomพูดพร้อมกับลุกขึ้น ตามมาด้วยพวกที่เหลือ
ยันต์มองดูพรรคพวกและเข้าใจ เขาพยักหน้าอนุญาต ทุกคนก็พากันโค้งให้กับจักรพรรดิและเดินออกจากห้องไปทันที เมื่อทุกคนออกไปหมดแล้ว หัวหน้าทีมจึงบอกกับแขกว่า
“เดี๋ยวข้าจะติดต่อกับพวกผู้นำและให้คนพาพวกท่านไปพบ”
“อืม! ขอบใจท่านมาก หวังว่าเราคงจะได้กองกำลังที่เข้มแข็งไปช่วยรบ จะได้จัดการกับพวกนั้นขั้นเด็ดขาดเสียที” เสียง Hoze พูดขึ้น
“ติดต่อประธานาธิบดี Fomara ประเทศ Bovalia ให้หน่อย GAC” ยันต์สั่ง
“ครับ! Boss”
เมื่อสัญญาณสายด่วนติดแล้ว ยันต์ได้บอกเรื่องมีคนต้องการพบในเรื่องด่วนอย่างรวบรัด ยังไม่ทันที่ฝ่ายโน้นจะได้ถามเขาก็ตัดสายอย่างรวดเร็ว จากนั้นบอกกับทุกคนว่าจะให้ยานไปส่ง ตัวเขามีภารกิจต้องทำ ช่วยได้เพียงเท่านี้ แม่ทัพใหญ่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร ตรงข้ามกับองค์จักรพรรดิที่ยังมีสีหน้าเครียดๆอยู่ ซึ่งยันต์ก็ไม่ได้สนใจ
ยาน 10 ลำบินออกจากลานจอด มุ่งหน้าสู่ทำเนียบประธานาธิบดีประเทศ Bovalia ทวีปยูโรปา ประเทศที่เป็นอันดับหนึ่งของโลกในปัจจุบัน ยันต์หันมาคุยกับพ่อตาที่มาส่งด้วยกันว่า
“ไปแล้วครับ ผมส่งภารกิจสุดยอดไปให้ประเทศอันดับหนึ่งของโลกแล้ว พวกเขาต้องการผู้ช่วยเหลือที่เข้มแข็ง ก็ได้ตามนั้น”
“เธอนี่ขี้เล่นจริงๆ เฮ้อ! สงสารพวกนั้นที่ต้องกลับไปกลับมา เหตุเพราะสายตาสั้น” Robert พูดพร้อมกับตบบ่าเขาเบาๆด้วยใบหน้ายิ้มๆ
เมื่อยันต์กลับไปถึงเมืองใต้น้ำก็พบกับพรรคพวกที่ห้อง Nest Jackยักคิ้วให้พร้อมกับพูดว่า
“ส่งแขกผู้มีเกียรติเสร็จแล้วเหรอครับ”
“เรียบร้อยแล้วครับ ท่านแม่ทัพใหญ่” สิ้นเสียงตอบก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น ทุกคนมีความรู้สึกขบขันกับการมองคนของ Hoze
“เฮ้อ! ถ้ามีแม่ทัพใหญ่แบบนี้ ก็สมควรที่จะถูกหุ่นยนต์กบฏแล้วละ” อัลพูดขึ้น พรรคพวกพากันพยักหน้า เห็นใจองค์จักรพรรดิที่ต้องลำบากเพราะความคิดของคนใกล้ตัว น้ำอยู่เบื้องหน้ากลับไม่ตัก ไปหวังน้ำที่อยู่ห่างไกลว่าจะมีมากกว่า
“ช่างพวกเขาเถอะ แค่ที่เป็นอยู่นี่ก็ยุ่งวุ่นวายพอแล้ว ลดไปเรื่องนึงก็สบายขึ้นเยอะ” ยันต์บอกพรรคพวก จากนั้นทุกคนก็เข้าโหมดเรื่องของการฝึกบินและต่อสู้อย่างสนุกสนาน
“เอ้า! เย็นนี้จะเลี้ยงผู้ชนะร้านไหน เอาผู้ติดตามไปได้หรือเปล่า” Jackถามผู้ที่แพ้การประลอง
ผู้แพ้มองหน้ากันไปมา ในที่สุดTomที่ดูจะเป็นหัวหน้าตอบว่า
“เอาร้าน Ocean ก็แล้วกัน เวลา 6 โมงเย็น ผู้ติดตามไม่อั้น”
“ไชโย! ดีใจจังได้กินร้านอร่อยๆ” อัลส่งเสียงร้องหลังน้องชายบอกชื่อร้าน เพราะเคยไปรับประทานมาก่อน รู้ว่าอาหารอร่อยมาก
เมื่อตกลงกันเรียบร้อย ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อน ยันต์บอก AI คู่ใจไม่ให้รับสายใดๆ เพราะไม่อยากรับรู้เรื่องอื่นๆอีกแล้ว เขามุ่งหน้ากลับห้องเพื่อเล่นกับพวกลูกๆทั้งสิบ
ทำเนียบประธานาธิบดี
ประเทศ Bovalia
เป็นเวลาเกือบชั่วโมงในการพบปะหารือระหว่างประธานาธิบดี Fomara กับคณะรัฐมนตรีและแขกผู้มาเยือน ครั้งแรกเขาไม่รู้ว่าเป็นใครเพราะยันต์ไม่ได้บอกรายละเอียด คาดเอาว่าคงสำคัญมากเพราะผู้นำเมืองใต้น้ำแนะนำมาเอง ครั้นรู้ว่าเป็นพวกต่างดาวระดับองค์จักรพรรดิมาเอง ทำให้เกิดความวุ่นวาย มีการเรียกคณะรัฐมนตรีมาร่วมการพบปะหารือด้วย
เมื่อทราบสาเหตุแห่งการมาเยือนยิ่งทำให้ Fomara รู้สึกหนาวๆร้อนๆ แม้จะพอมั่นใจในกำลังรบของประเทศ แต่ก็มั่นใจในการสู้กันภายในโลกนี้เท่านั้น เรื่องรบระหว่างดวงดาวตั้งแต่เจอกับพวกดาว Uharo เป็นอันดับแรก และดาว Auka เป็นอันดับต่อมา เขาก็รับรู้ถึงขีดความสามารถของโลกเป็นอย่างดี ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างขอเป็นพันธมิตรกับเมืองใต้น้ำที่สงสัยว่ามีความเข้มแข็ง เพราะมีพวกต่างดาวมาเยือนอยู่ตลอด แต่ก็ยังไม่ถึงไหนเพราะเจ้าเมืองมีภารกิจซึ่งไม่รู้ว่าเป็นอะไร วันนี้มีสายมาก็ดีใจแต่กลายเป็นให้รับรองคนสำคัญด้วยเรื่องคอขาดบาดตายเสียอีก เหมือนน้ำท่วมปากยากจะเอ่ยออกมา ไม่รับปากช่วยเหลือก็กลัวเสียหน้า ครั้นรับปากก็รู้ว่าน่าจะย่ำแย่ แต่ก็ต้องจำใจเพราะศักดิ์ศรีค้ำคออยู่
“ข้าจะช่วยและขอให้กลุ่มประเทศพันธมิตรเข้าช่วยด้วย เรื่องแรกท่านจะทำอย่างไร” ประธานาธิบดีเอ่ยถาม Hoze
“ข้าจะล่อพวกหุ่นยนต์ให้มาที่นี่มากๆและกำจัดมันทิ้ง เมื่อเหลือน้อยแล้วจะรวบรวมกำลังไปปราบพวกมันให้หมดไปจาก Mela” แม่ทัพใหญ่พูด โดยไม่รู้ความจริงว่า หากนำเอาหุ่นยนต์รบมารบก็ตึงเครียดแล้ว ไม่รู้ว่าจะเก็บได้สักกี่ตัว แต่ถ้าต้องไปปราบที่ดาว Mela นั่นจึงเป็นความฝันเพราะยานบินที่นี่ไม่สามารถไปไกลเกินระบบสุริยะได้ ระบบวาร์ปก็ไม่รู้จัก งานนี้เข้าข่ายเตี้ยอุ้มค่อมชัดๆ
การเจรจาเป็นไปนานพอสมควร หลังจากนั้นแขกทั้งหมดก็ถูกพาไปพักยังห้องรับรอง ตัวของ Fomara ต้องปรึกษากับคณะรัฐมนตรีต่อ
“จะไหวหรือท่านประธานาธิบดี พวกหุ่นยนต์ที่ว่านั่นดูแล้วมันจะแข็งแกร่งมากนะ ขนาดพวกนี้ที่เดินทางระหว่างกาแลคซี่ได้ยังทานไม่อยู่ พวกเราจะเอาอะไรไปต้านไหว” Yaref รองประธานาธิบดีฝ่ายความมั่นคงเอ่ยปากเตือน
“อืม! ผมก็พูดไม่ออก พวกนี้มาขอความช่วยเหลือโดยคิดว่าเราเข้มแข็ง พวกคุณคิดว่าจะบอกเขาว่าเราไม่พร้อม ไม่เข้มแข็งได้หรือเปล่า แล้วประเทศเราอยู่ในฐานะอันดับหนึ่งของโลกแบบนี้”
เจอคำพูดนี้เข้า เหล่ารัฐมนตรีทั้งหลายก็อึ้งไปตามๆกัน เรื่องศักดิ์ศรีเป็นเรื่องใหญ่ ทำให้ต้องกล้ำกลืนความยากลำบากเข้าไว้ในใจ
“เดี๋ยวผมจะติดต่อขอความร่วมมือจากพรรคพวกของเรา คิดว่าคงพอจะช่วยได้บ้าง เอาไว้ถ้าปราบพวกหุ่นยนต์นั่นเสร็จ และต้องไปช่วยถึงต่างดาว ค่อยบอกว่าเราไม่พร้อมก็คงไม่เสียหน้ามากนัก” เป็นคำพูดต่อมาของผู้นำทำให้พรรคพวกค่อยสบายใจขึ้นบ้าง
หลังจากนั้นไม่นาน ประเทศชั้นนำทั้งหลายอันได้แก่ ประเทศ Showaland ทวีป ยูโรปา ประเทศ Ratonia ทวีปลาตินา และประเทศ Cenaream ทวีป เอเชียน่า ก็ได้รับรู้เรื่องราว ผู้นำทุกคนล้วนลำบากใจ แต่จำต้องตกปากรับคำให้การช่วยเหลือ
‘คงจะถึงเวลาเปิดตัวผู้นำของโลกที่แท้จริงแล้วสินะ ’ Charle Profet ผู้นำของ Ratonia คิดในใจ
ร้าน Ocean
วันนี้เจ้าของร้านมีความดีใจอย่างที่สุดที่ได้ต้อนรับคณะของเจ้าเมืองทั้งหมด ถือเป็นเครดิตของร้านประการหนึ่งในการได้ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติและคนสำคัญ การที่มาเป็นครอบครัวทั้งหมดแบบนี้มีไม่บ่อยครั้งนัก ส่วนมากจะเป็นไม่กี่คน ซึ่งแค่นั้นก็ภูมิใจมากอยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่พนักงานของร้านจะยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นพิเศษ เพราะถ้าร้านเจริญรุ่งเรือง ค่าจ้างและโบนัสก็จะตามมา และวันนี้รับรองว่าแขกต้องแน่นร้านแน่นอน เนื่องจากเมื่อมีคนรู้ว่าครอบครัวเจ้าเมืองมารับประทานอาหารก็อยากจะมาอยู่ใกล้ชิดด้วย โดยเฉพาะลูกๆทั้งสิบคนที่กำลังน่ารักเป็นจุดดึงดูดให้ผู้คนอยากเห็นอยากสัมผัส
ก่อนเวลา 18.00 น.เล็กน้อย ครอบครัวทั้งหมดก็ทยอยเข้ามาในร้าน พบเห็นชาวเมืองที่จองโต๊ะและนั่งรออยู่ก่อนก็ทักทายปราศัยอย่างกันเอง ความสนุกสนานกระจายไปทั่วร้านทันทีที่ตัวเล็กๆน่ารักทั้งสิบปรากฏตัว เสียงหัวเราะสดใสของเด็กทำให้ผู้อยู่ใกล้มีความสุข นอกจากนั้นพวกเด็กๆยังวิ่งเล่นไปทั่วให้ผู้คนได้จับต้องและอุ้มอีกด้วย
เมื่อมาครบคน งานเลี้ยงก็เปิดฉาก อาหารที่สั่งไว้ล่วงหน้าทยอยกันออกมาเรื่อยๆท่ามกลางเสียงชมเชยของผู้รับประทานซึ่งเสียงอัลจะดังกว่าเพื่อน พวกตัวน้อยมีคราบเลอะปากต้องให้พี่เลี้ยงคอยเช็ดตลอดเวลา แถมยังเคลื่อนที่ไปโต๊ะโน้นโต๊ะนี้อย่างสนุกสนาน นับว่างานเลี้ยงให้ผู้ชนะการแข่งขันครั้งนี้สร้างความสุขให้กับทุกคนถ้วนหน้า
“แล้วนี่จะมีการแข่งขันกันอีกเมื่อไหร่” Monica Jansen แม่ของ Ren ถามขึ้นขณะรับประทานของหวาน
“พรุ่งนี้ก็มีอีกครับ แข่งกันทุกวัน จนกว่าครูฝึกจะบอกให้หยุดฝึก” Jackตอบ
“อ๊ะ ! งั้นก็เป็นลาภปากของพวกเราสินี่” Fe อุทานและหัวเราะชอบใจ
“พี่คะ หนูแข่งด้วยได้หรือเปล่า” Aliceถามยันต์
“ไม่ได้จ้ะ ! พวกที่เคยทำสงครามแล้วเป็นได้แต่ครูฝึกเท่านั้น” สามีตอบ ขณะที่มือขวาป้อนขนมให้กับ Rune ลูกชายของ Ren ที่มาเกาะขาอยู่
“เฮ ! งั้นพวกเราก็แข่งได้สิ พวกเรายังไม่ได้ออกรบเลย”เสียงของ Fe ดังขึ้น อีกสามสาวก็ให้การสนับสนุน
“ได้สิ แต่คนแพ้ต้องเลี้ยงคนชนะที่ 1-3 นะ มีตังค์พอรึเปล่า” ยันต์ตอบรับแล้วถามหยอกภรรยา
“พวกหนูมีไม่พอหรอก แต่ยืมเจ้าเมืองได้ ฮิ ! ฮิ !” คำตอบของ Aya ทำให้เกิดเสียงหัวเราะขึ้น
งานนี้ ทั้งเจ้าเมืองและครอบครัวได้พบปะทักทายกับแขกอื่นที่มานั่งร่วมร้านด้วยอย่างทั่วถึง สร้างความสนิทสนมและสัมพันธ์อันดีต่อกันได้เป็นอย่างมาก และในอีกหลายวันต่อมางานเลี้ยงก็ไปในร้านอื่นๆ ทำให้เกิดเป็นเทศกาลที่คึกคักของร้านอาหารโดยไม่ได้ตั้งใจ
ช่วงที่พวกของยันต์ฝึกซ้อมรบ เป็นช่วงที่กลุ่มประเทศผู้นำของโลกกับดาว Mela อยู่ระหว่างวางแผนดำเนินการร่วมกัน จึงเป็นการสับหลีกสถานที่โดยบังเอิญ เพราะพวกดาว Mela ชอบใจที่จะล่อให้หุ่นยนต์มายังจุดรบเดิม และเวลาที่กำหนดก็เป็นหลังจากที่พวกของยันต์หยุดฝึกแล้ว 1 วัน
มหาสมุทร Eraban
ยังคงเป็นสถานที่เดิม นั่นคือกลางมหาสมุทรมียานบินของดาว Mela บินอยู่จำนวน 20 ลำ เป็นพวกที่มาเสริมโดยมาจากดาวดวงอื่นที่ไปลี้ภัยอยู่ พวกยานรบของโลกจำนวน 200 ลำ บินรออยู่ในระดับสูง เตรียมพร้อมจู่โจมเพื่อพิชิตข้าศึกอย่างรวดเร็ว สัญญาณติดตามของพวกหุ่นยนต์จะทำงานเมื่อยานของผู้หลบหนีอยู่ในที่โล่งกว้าง เพราะเป็นติดตามระยะไกล แต่หากอยู่ในเมืองหรือที่ๆมีความอึกทึกสัญญาณจะสับสนไม่สามารถรายงานให้ผู้ดักฟังรู้ตำแหน่งแน่นอนได้
หลังจากบินวนเวียนอยู่ครึ่งชั่วโมง ความพยายามก็สำเร็จ มียานบินโผล่มาจากระยะไกลหลายสิบลำ พวกนี้ถูกส่งเพิ่มเนื่องจากชุดแรกหายไปหมด เป็นที่คาดว่าถูกทำลายทิ้ง ส่วนบังคับการจึงสั่งให้ยานจากที่อื่นเข้ามาสมทบ ครั้งนี้มากันถึง 80 ลำ
ศัตรูเมื่อพบหน้า วาจาก็ไม่ต้องกล่าว ยานฝ่ายของจักรพรรดิพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็วพร้อมกับยิงแสงออกทำลาย ความที่มีมากทำให้หลบไม่พ้น พวกยานหุ่นยนต์ถูกทำลายระเบิดไป 4 ลำ และได้บินแยกออกจากกันเพื่อป้องกันการถูกทำลาย เมื่อแยกออกและโอบกลับฝ่ายเสียเปรียบก็เป็นฝ่ายมนุษย์ ถูกยิงร่วงไป 2 ลำโดยพลขับไม่สามารถดีดตัวออกมาได้ เมื่อนั้นกองกำลังของโลกจึงออกมาช่วยเหลือ
การออกมาร่วมรบ ผ่านการวางแผนมาอย่างดี จึงไม่มีการสกัดขัดขวางทางกัน เป็นการยิงประสานทำให้ศัตรูหลบหลีกลำบาก ยานหุ่นยนต์โดนแสงจากปืนเข้าหลายกระบอก แม้จะรุนแรงไม่มากเท่ากับปืนของดาว Mela แต่ก็เป็นวิทยาการจากดาว Uharo ที่ได้รับการพัฒนาจนใกล้เคียงต้นฉบับถึง 80% ดังนั้นยานหุ่นยนต์จึงถึงกาลแตกดับลงไปเรื่อยๆ จนเหลือเพียง 17 ลำ และกำลังจะหลบหนี
พวกดาว Mela ส่งสัญญาณให้ยานบินของโลกเปิดทาง เพื่อจะเข้าดวลเดี่ยวกับพวกที่เหลืออยู่ แม้จะงุนงงแต่ยานทั้งหมดก็ทำตามแต่โดยดี เมื่อเปิดทางเสร็จการต่อสู้โดยยานทั้งหมดกลายสภาพเป็นหุ่นยนต์ก็เกิดขึ้น รวมทั้งหมด 17 คู่ ทำให้ฝ่ายมนุษย์ที่เพิ่งเคยเห็นต้องรู้สึกตื่นเต้น ต่างกับผู้เฝ้าดูจากใต้น้ำ
“อารายว้า ได้เปรียบอยู่เห็นๆ แทนที่จะรีบๆปราบ พวกตัวเองก็เหลือน้อยอยู่แล้ว ยังบ้าแอคชั่นอยู่ด้าย” เสียงยานคางของอัลดังขึ้น ท่ามกลางการเฝ้าดูของสมาชิกทั้งหมดในห้อง Nest
“เฮ้อ ! ท่านแม่ทัพใหญ่แสดงหนังอีกแล้ว เมื่อไหร่จะจบล่ะนี่ ดีไม่ดีพวกรุ่นใหม่มาสมทบอีก งานก็หนัก เหนื่อยก็เหนื่อย” เสียง Tomสนับสนุนขึ้นมา
ทุกคนเห็นด้วย การรบต้องรวบรัด จบให้เร็วเพื่อจะได้คอยรับมือกับสถานการณ์ต่อไป การสร้างเรื่องยืดเยื้อไม่ควรทำ แต่แม่ทัพใหญ่คนนี้กลับทำแปลกๆไม่รู้เป็นนิสัยหรืออยากโชว์ความเก่งกาจ
“นั่นไง! งานเข้าแล้วคร้าบพ่อแม่พี่น้อง”อัลบอกมาเมื่อเห็นยานฝ่ายหุ่นยนต์ปรากฏตัวขึ้นมาอีกนับร้อยลำ
การที่ประมาทมัวแต่ดูการต่อสู้ของหุ่นยนต์ ทำให้ยานรบของโลกไม่มีการเตรียมการเช่นครั้งแรก เมื่อเห็นศัตรูก็อยู่ในระยะใกล้แล้ว ทำให้การต่อสู้เป็นไปอย่างฉุกละหุก ที่ควรได้เปรียบก็กลับกลายเป็นเสียเปรียบในทันที โดนปืนแสงร่วงไปหลายลำ เมื่อเกิดการเสียหายขวัญของนักบินก็พลอยกระเจิดกระเจิงไปด้วย แม้จะมีจำนวนมากกว่า แต่เมื่อมาอยู่ใกล้กันก็ติดขัด ขวางทางกันเองไม่เป็นกระบวนรบ ดังนั้นความเสียหายจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
สุดท้ายเมื่อหนักหนาสาหัส หัวหน้าหน่วยจึงสั่งให้ถอย ยานรบฝ่ายโลกบินกลับที่ตั้ง แต่เป็นการทำที่ผิดพลาดเพราะเป็นการชักนำภัยเข้าบ้าน ยานรบของหุ่นยนต์มีมาไม่มีกลับ พากันแยกย้ายตามติดไปยังฐานทัพของแต่ละประเทศ แม้จะมีพรรคพวกบินขึ้นมาช่วยรบก็เป็นเพียงช่วยชะลอความเร็วเท่านั้น และหายนะก็มาเยือนเมื่อมียานรบของหุ่นยนต์เพิ่มมาอีกหลายร้อยลำแยกย้ายไปยังฐานทัพของทั้ง 5 ประเทศตามสัญญาณที่พวกตนส่งมา
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
PS. \"ถามไถ่ทั่วโลกหล้า อันว่ารักเป็นฉันใด จึงมอบให้กันละกันด้วยชีวิต...\" ไม่ว่าจะฟังกี่ครั้งกี่หน อ่านผ่านตาไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ ถึงอย่างไร... มันก็ทำให้ ลี้มกโช้ว ดูทั้งน่ารัก น่าสงสารขึ้นมาจับจิตจับใจ
PS. ไร้ชีวิต ไร้ตัวตน ไร้ความรู้สึก เป็นเพียงแต่ก้อนหินริมทางที่ไม่มีใครเห็น
PS. ที่นี่!! ไม่มีอะไรมาก เป็นเพียงสถานที่ๆเก็บคลังนิยาย ที่ชอบ=,.=;; หลงเข้ามาแล้ว!! ไงๆก็ช่วยดูๆหน่อยนะ
PS. วัยเด็กไม่รู้สิ่งใดเริ่มใฝ่รู้ ต่อสู้ข้อผิดพลาดเมื่อเป็นผู้ใหญ่ แก่ตัวจมอยู่กับอดีตรำลึกถึงความหลัง
พวกนั้นเขาเป็นต่างดาว เขาไม่รู้ใครเก่งที่สุด เมื่อยันต์บอกว่าเขาไม่ใช่ผู้นำดาวดวงนี้
ขนาดไม่ใช่ผู้นำยังเก่งขนาดนี้ เป็นใครก็คิดว่าผู้นำต้องเก่งกว่าเรื่องปกติครับ
อีกอย่างยันต์รู้ทั้งรู้เท่ากับตั้งใจส่งคนไปตาย มันไม่ใช่นิสัยยันต์นะจากทั้งเรื่อง
ช่วยคนทั้งจักรวาลแต่จงใจส่งบนดวงเดียวกันไปตาย ทั้งที่ไม่ได้มีเรื่องอะไรกันแล้ว
จะบอกว่าให้ผู้นำโลกปฏิเสธเองมันไม่ใช่เพราะผู้นำโลกยังไม่เคยสู้กับหุ่นยนต์นั่นเลย
อาจจะคิดว่าพอไหวก็ได้มันเป็นเรื่องธรรมชาติมากๆ
ปล. ผมเข้าใจนะว่าไรท์เตอร์แต่งแบบตามใจพระเอกเก่งเวอร์ แต่ิตอนนี้นิสัยตัวละครมัน
ขัดกันสุดๆ ก่อนหน้านี้รบกันจะตายยังไม่ฆ่าทหารสักคนเลย แต่นี่จงใจให้ไปตายชัดๆ
PS. สถานะ : อารมณ์ดีมากกกก
PS. สถานะ : อารมณ์ดีมากกกก
นิสัยเห็นแก่ตัว คิดได้ยังไง ล่อมาจัดการที่บ้านคนอื่น
เอาบ้านคนอื่นเป็นสนามรบ แล้วผลจากสงครามก็ตกอยู่ที่โลก
แถมไม่ดูกำลังรบ อาวุธของชาวโลกก่อนรบ
ผู้นำโลกก็โง่เง่า มีใครใช้บ้านตัวเองรบ ยังไม่รู้กำลังของศัตรูแท้ๆ
สรุป นี่มันเด็กเล่นเกมสงครามกันใช่มั๊ย
ยันต์ก็เหมือนกัน รู้ว่าผู้นำโลกยังไงก็รบไม่ได้ แพ้แน่นอน
นั่นหมายถึงชีวิตและทรัพย์สิน
แค่อารมณ์ที่ว่า "เขาไม่เห็นหัว" ทำให้ลืมทุกอย่าง
จากที่เคยเป็นคนดี คอยช่วยเหลือก็เปลี่ยนไป
หรืออำนาจ จะทำให้ยันต์เปลี่ยนไป
โลกจะเป็นอย่างไรกรูไม่สน กรูมีพลังที่จะซ่อมแซม
แต่ไม่สามารถซ่อมแซมชีวิตได้นะ...อย่าลืม
หัวหน้าแม่ทัพ ไม่น่าจะใช่ไส้ศึก ถ้าใช่ก็เป็นไส้ศึกที่โง่มาก
ด้วยจำนวนและเทคโนโลยี สามารถทำลายได้ง่ายๆ ไม่จำเป็นต้องส่งไส้ศึกมา
อาจจะเป็นแค่คนโง่ๆ อวดเก่ง ธรรมดาๆก็ได้
ยิ่งถ้าเป็นไส้ศึกเพื่อกำจัดยันต์ยิ่งเป็นไปไม่ได้
เพราะเมินตั้งแต่ทีแรก และถ้ารู้จักก่อน ก็น่าจะรู้ถึงพลังของยันต์ดี
ตอนนี้เป็นตอนที่ไม่ประทับใจเอาซะเลย
เนื่องจากการกระทำของยันต์เป็นสำคัญ
แต่ก็แล้วแต่ไรเตอร์นะคะ แค่บ่นเฉยๆ
มาขอสู้บนโลกที่อื่นเยอะแยะไม่ไปสู้...
PS. อุปสรรคก็เหมือนเชือกกระโดด มีไว้ให้ข้าม ไม่ได้มีไว้ให้สะดุด เมื่อข้ามบ่อยๆ แล้วยังจะทำให้ร่างกายและจิตใจแข็งแรงด้วยนะ
PS. I am I & Just the way you are:)
การตัดสินใจ เพื่อจะให้สูญเผ่าพนธ์ ชาวมนุษย์ ? ของกลุ่มครอบครัวยันต์ บทนี้ อ่านแล้วเศร้า
คนตายแล้วฟื้นไม่ได้ สงคราม นั้น ไม่รู้จักกัน ตายแล้วตายเลย
จะบอกว่า ผลยี้เกิดจากเหตุ คือ ผู้นำโง่ ๆ
มากด้วยฐิฐิท สูงด้วยความหยิ่ง และโง่ด้วยศักดิ์ศรี
แต่ ก็สงสารปราชนของแต่ละประเทศ ที่ต้องมาตกเป็นเหยื่อของความไมง่รู้ ไม่ทราบ และโดนลูกหลง หรือเจตนาโจมตี จนต้องตาย และบ้านเรือนได้รับความเสียหาย
ยันต์เอง น่าจะ ลองสอบถามข้อมูลของ ดาว Mela จากพวกพันธมิตรทั้งหลายของตัวเอง ทั้งเพื่อนเก่า ชาว Uharo และ เหล่าผู้เฒ่าชาว Waboo และ ชาวกลเล็กซี่ Zes ทั้งหลาย รวมทั้งพวก เพื่อน ๆ ชาว เชลยศักดิ์ของตัวเอง เพื่อ เรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ ของชาว Mela และเทคโนโลยีหุ่นยนต์ การรู้เขา และ รู้เรา ถึงจะเก่ง แต่การสงครามนั้น ไม่ควรที่จะตั้งอยู่ในความประมาท ข้อมูลจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น
จะรออ่านต่อนะครับ
PS. สถานะ : อารมณ์ดีมากกกก
ถึงต้องหนีหัวซุกหัวซุน อย่างนี้ไง
PS. สถานะ : อารมณ์ดีมากกกก
PS. คนมี สุข ทุกข์ ร่วม พลัดพราก จันทร์มี มืด สว่าง กลม แหว่ง เว้า
คงมีการขอความช่วยเหลือจากเมืองใต้น้ำแน่
ยันต์ เล่นตัวให้สุดๆไปเลย
ฐานมีตาหามีแววไม่
ขอบคุณค่ะไรท์เตอร์
ใช่ปะ ท่านเจ้าเมืองใต้น้ำ
PS. เวลาเป็นสิ่งที่ทุกคนมีเท่ากัน ไม่มีใครมีมากมีน้อยกว่ากัน หากอ้างว่าไม่มีเวลา แปลว่าเราแบ่งเวลาไม่เป็น