ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    All + Reader ตัวละครแสนรัก [ปิดรับรีเควสชั่วคราวจ้า]

    ลำดับตอนที่ #12 : [The Twilight Saga] Jacob Black x Reader : Snow Cold

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.52K
      95
      19 มี.ค. 61

            " ตกหนักซะขนาดนี้คงออกไปไหนไม่ได้แล้วล่ะ " นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของเจคอบ แบล็คกวาดไล่ดูวิวนอกบ้านที่ตอนนี้ขมุกขมัวไปด้วยหมอกจากพายุที่พัดพาหิมะปลิวว่อนไปทั่วทุกทิศทางจนมองอะไรไม่เห็นนอกจากเกล็ดหิมะที่ปลิวว่อนภายในกลุ่มสายลมสีหม่นดูคล้ายผงแป้งสาลีทำขนมที่ฟุ้งกระจาย
    " ก็บอกแล้วว่าฉันน่าจะกลับบ้านไปตั้งแต่ตอนสี่โมงคุณก็ไม่เชื่อ เป็นไงล่ะทีนี้ " คุณเอ็ดเขา ค่อยๆทิ้งตัวนั่งเกยคางลงกับขอบหน้าต่างอย่างหมดอาลัยตายอยาก คุณสองนั่งๆนอนๆอยู่แถวหน้าต่างมาสองชั่วโมงเต็มแล้ว แต่พายุก็ไม่มีวี่แววว่าจะสงบลงเลย ดูท่ามันมีแต่จะตกหนักขึ้นทุกทีๆ

            เจคอบเท้าคางกับกระจกหน้าต่างพลางถอนหายใจอย่างหน่ายๆ สายตายังคงจดจ้องไปข้างนอกราวกับสามารถหยุดพายุได้ด้วยการจ้องมองมัน คุณรู้สึกถึงความฉุนที่แล่นขึ้นมานิดๆภายในใจ

    เลือกมาบ้านเขาผิดวันจริงๆ รู้งี้ฉันน่าจะมาวันอื่นซะดีกว่า 

            วันนี้คุณแวะมาเที่ยวบ้านเจคอบเพราะเขาบอกว่าเขาได้แผ่นเกมมาใหม่แล้วเกิดอยากลองเล่นกับคุณก่อนจะไปท้าประชันฝีมือแข่งกับกลุ่มเพื่อนๆของเขา แต่อยู่ดีๆหิมะก็ตกลงมาตอนบ่ายสามโมงก่อนจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แล้วพอคุณบอกเขาว่าคุณจะกลับบ้านเพราะเห็นว่าสภาพอากาศเริ่มไม่สู้ดี เขาที่ตอนนั้นกำลังติดลมอยู่กับเกมได้ที่นั้นแน่นอนว่าปฏิเสธ เถียงคุณว่าหิมะมันตกก็แค่ช่วงแรก รออีกไม่กี่นาทีเดี๋ยวมันก็ซาหยุมหยิมไปเอง

            แน่นอนว่าเขาคำนวณผิดเต็มๆ ตอนนี้คุณเลยติดแหง็กอยู่ในบ้านกับเขานี่ไง เพราะข้างนอกมันไม่ใช่แค่หิมะตกแล้ว แต่มันกระหน่ำมาเป็นพายุเลยต่างหาก...

            " เจค แล้วฉันจะกลับบ้านยังไงเนี่ย.. "
    เขาจ้องวิวข้างนอกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบทั้งที่สายตายังจดจ้องออกไปข้างนอก
    " คงต้องอยู่นี่ไปก่อนล่ะ คุณฝ่าพายุหนักขนาดนี้ไม่ไหวหรอก ต่อให้ขับรถก็เถอะ "
    " พ่อแม่ต้องฆ่าฉันแน่...ฉันบอกพวกเขาว่าจะกลับให้ทันเวลาอาหารเย็น " 
    เขากระพริบตา เอี้ยวตัวหันไปดูนาฬิกาบนกำแพงด้านหลัง
    " ไม่ต้องห่วง นี่เพิ่งจะห้าโมงห้าสิบ อีกตั้งสิบนาที " 

            เมื่อได้ยินคำตอบไม่เข้าท่านั้น คุณก็อดไม่ได้ที่จะฟาดกำปั้นใส่แขนคนข้างๆไปทีหนึ่งโทษฐานล้อเล่นไม่เลือกเวลา แต่กลับเหมือนชกใส่กำแพงมากกว่า ก็เลยกลายเป็นคุณซะเองที่เจ็บตัว

            " ไม่ตลกเลยนะ เจค " คุณพูดเสียงเขียวขณะลูบมือข้างที่หวดใส่เขา คุณชอบลืมอยู่เรื่อยว่าเขามีพละกำลังแข็งแรงเป็นพิเศษจากธรรมชาติแบบพวกเขา เพราะงั้นของจิ๊บจ๊อยแค่นี้น่ะเขาไม่สะทกท้านหรอก
    " โทรไปบอกพวกเขาสิ เดี๋ยวผมโทรให้ก็ได้ " 
    เขาบอกเรียบๆพลางเดินตรงไปที่โต๊ะวางโทรศัพท์

            แต่ทันทีที่เขายกหูขึ้นทั้งที่ยังไม่ทันจะกดปุ่มอะไร คุณก็เห็นเขาขมวดคิ้วรัวนิ้วลงมั่วๆบนแป้นกดก่อนจะก้มลงไปพยายามทำอะไรสักอย่างกับสายไฟของโทรศัพท์ ถอดสายนี้เสียบเส้นนั้น กดปุ่มปิดปลั๊กแล้วก็เปิดใหม่ จนสุดท้ายเขาลุกขึ้นมา หันกลับมามองคุณด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

            " คราวนี้อะไรอีกล่ะ?"
    " (...)...สัญญาณโทรศัพท์เหมือนจะล่ม ผมได้ยินแต่เสียงซ่าๆ ลองพยายามแก้ดูแล้วมันก็ไม่หาย "
    คุณกอดอก

    พูดตรงๆนะ บางครั้งคุณก็เกลียดความอารมณ์ขันตลกร้ายของเขาจริงๆ

            "คุณอย่าเล่นนะ เอาดีๆ" คุณจ้องเขาเขม็งอย่างเอาเรื่อง

            เจคอบยกหูโทรศัพท์ขึ้นแล้วยื่นตรงมาในทิศที่คุณยืนอยู่เป็นนัยว่า 'ลองดูสิ' คุณขมวดคิ้ว สาวเท้าไปตรงนั้นแล้วรับโทรศัพท์มาจากมือเขา เสียง'ซ่า'ของคลื่นสัญญาณดังลอดออกมาโดยที่ยังไม่แนบกับหูคุณเสียด้วยซ้ำ คุณวางมันลง เงยหน้าสบตาสีน้ำตาลเข้มของเจคอบ เขากำลังทำสีหน้าที่กำลังสื่อว่า 'ผมบอกแล้ว'

            " ว่าไงล่ะ? " เขาเลิกคิ้ว 
    คุณถอนหายใจยอมแพ้พลางส่ายหัว
    " ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ไปพักผ่อนกันเถอะ นั่งเฝ้าหน้าต่างเป็นบ้าเป็นหลังก็ใช่ว่าพายุมันจะสงบ 
    เขาว่าพลางประสานฝ่ามือไว้ที่ท้ายทอยแล้วเดินไปเอนหลังอยู่บนโซฟา หยิบรีโมตทีวีขึ้นมากด เสียงเพลงของรายการเกมโชว์ช่องหนึ่งดังออกมา
    " เรียกว่าโชคดีได้ไหมที่ทีวียังดูได้อยู่ " เขาพึมพำเป็นเชิงประชด 
    คุณยักไหล่โดยที่ไม่ได้ตั้งใจฟังเพราะมีบางสิ่งกำลังกวนคุณอยู่ ท้องของคุณส่งเสียงครืดคราดรบเร้ามาได้สักพักแล้ว
    " เจค แล้วเย็นนี้เราจะกินอะไรกัน? " คุณถามเจ้าตัวที่นอนเหยียดยาว เขาผงกหัวขึ้นมามอง
    " ในครัวน่าจะพอมีอะไรอยู่นะ "
    เขาพูดพลางลุกขึ้นจากโซฟานำคุณเข้าไปในครัว 
    .
    .
    .
    .
    .
            ทันทีที่ขาของคุณก้าวลงไปบนพื้นกระเบื้อง คุณก็จามออกมาทีหนึ่ง ห้องครัวดูเหมือนจะแผ่ไอเย็นออกมาจากกระเบื้องที่บุผนังกับพื้น และถึงจะใส่รองเท้าแตะสำหรับเดินในบ้าน แต่เท้าของคุณก็ยังรู้สึกเย็นวูบวาบอยู่ดี

            " มันชักจะเริ่มหนาวนะ คุณว่าไหม " คุณบอกพลางกอดแขนของตนเองไล่ความหนาว
    เจคอบโผล่หน้าออกมาจากประตูตู้ไม้เก็บอาหารแห้ง คิ้วสีเข้มขมวดเข้าหากัน
    " ไม่นะ ผมว่าปกติ " เขาตอบสั้นๆก่อนจะหายหน้ากลับเข้าไปค้นอาหารในตู้เก็บอีกครั้ง 
    คุณกลอกตา
    " คุณก็รู้ว่าฉันไม่ใช่มนุษย์หมาป่าแบบคุณ เจค " 
    เขาโผล่หน้าออกมาอีกครั้ง ย่นจมูกด้วยท่าทีแอบหัวเสียนิดๆ
    " 'มนุษย์แปลง' ต่างหาก " เขาแก้ คุณถอนหายใจพลางยกมือนวดขมับ
    " จะอะไรก็ช่างเถอะ แล้วตกลงมีอาหารไหม ไม่ได้จะเรื่องมากจุกจิกหรอกนะ แต่ฉันเริ่มจะแสบท้องแล้ว " 
    คุณบอก
    เขาค้นของในตู้เสียงดังขลุกขลักๆพักหนึ่งก่อนจะชูอาหารกระป๋องสองใบออกมาให้คุณดู
    " มีพวกเครื่องกระป๋องกับของสำเร็จรูป ผมไม่ได้ซื้อของเข้าบ้านเพราะช่วงนี้พ่อไม่อยู่เลยหากินมาจากข้างนอกซะส่วนใหญ่ " 
    ประโยคนั้นก่อให้คุณเกิดความสงสัยขึ้นมา
    บิลลี่ไปไหนล่ะ? "
    " พ่อไปตั้งแคมป์กับชาร์ลีตามประสาเพื่อนเก่ารักสงบนั่นแหละ ไปสามวัน กลับพรุ่งนี้ " 
    คุณกระพริบตา หันมองหน้าต่างสลับกับเขาที่เริ่มทำการงัดฝามักกะโรนีชีสกระป๋อง
    " เอ่อ..สภาพอากาศแบบนี้ฉันไม่คิดว่าเหมาะจะตั้งแคมป์นะ.. " 
    คุณเอ่ยเบาๆ เขาหลุดหัวเราะออกมา
    " ไม่ต้องห่วง พวกเขาไปทางใต้ อากาศในแคลิฟอร์เนียตอนนี้เย็นสบายกำลังดี " 
    เขาบอกพลางเทมักกะโรนีสีเหลืองนวลลงในหม้อบนเตา จังหวะนั้นเองที่อากาศเย็นในห้องทำพิษคุณอีกครั้ง 
    " ฮัดชิ่ว! " คุณจามออกมาเป็นครั้งที่สอง คราวนี้คุณรู้สึกจริงจังแล้วว่าในห้องมันหนาวเกินไปแล้ว

    นี่ล่ะเหตุผลที่ฉันเกลียดฤดูนี้เป็นอันดับหนึ่ง มันชอบทำให้ตัวฉันเย็นเหมือนคนไม่สบาย

    " เจค ขอยืมเสื้อหรือผ้าห่มหน่อยได้ไหม ในนี้มันหนาวจริงๆนะ " คุณถาม สูดจมูกที่ชื้นมาได้สักพัก 
    เขานิ่งไปครู่หนึ่ง
    " อยู่ในตู้เสื้อผ้าของห้องนอนแขก คุณเลือกได้ตามสบายเลย "  
    คุณพยักหน้ารับ แต่ก็อดส่งสายตาเป็นห่วงสิ่งที่อยู่บนเตาไม่ได้

    อาหารกระป๋องมันจำเป็นต้องใช้ไฟแรงขนาดนั้นเลยเหรอ...แค่อุ่นมันเฉยๆเนี่ยนะ

    ดูเหมือนเจคอบจะอ่านสายตาเป็นกังวลของคุณออก เพราะเขาหันกลับมายกนิ้วโป้งให้
    " สบายใจเถอะน่า เดี๋ยวผมจัดการตรงนี้เอง ถือเป็นการไถ่โทษที่...ทำให้คุณติดหิมะอยู่นี่ " 
    ทีแรกคุณอยากจะแย้ง แต่ร่างกายที่เริ่มสั่นเพราะความหนาวนั้นท่าทางน่าเป็นกังวลยิ่งกว่าถ้าขืนปล่อยไว้อย่างนี้ คุณจึงตัดสินใจไม่โต้ตอบอะไรและรีบขึ้นไปยังห้องตามที่เขาบอก
    .
    .
    .
    .
    .

            ภายในตู้ไม้โอ๊คสีแก่ในห้องเต็มไปด้วยเสื้อผ้าชนิดต่างๆ คุณรื้อดูเสื้อกันหนาวหลายแบบ ผ้าพันคอผืนต่างๆรวมถึงเสื้อคลุมที่อัดแน่นกันอยู่ทั้งบนราวแขนและในลิ้นชัก แต่คุณก็พบว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาตัวที่ขนาดพอดีกับคุณเพราะเจ้าของบ้านทั้งสองล้วนแต่เป็นผู้ชายรูปร่างกำยำ เสื้อผ้าทั้งหมดจึงมีแต่พวกที่ตัวใหญ่และยาวเกินขนาดตัวคุณไปมาก 

            คุณเลือกอยู่นานจนสุดท้ายก็ค้นเจอเสื้อสเวตเตอร์ถักสีคาราเมลตัวโคร่งตัวหนึ่งยัดอยู่เกือบใต้สุดของลิ้นชัก คุณลองใส่ดูก็พบว่าถึงมันจะตัวใหญ่กว่าคุณแบบที่ชายเสื้อยาวเลยลงมาเกือบถึงเข่า แต่อีกทางหนึ่งมันก็เป็นเสื้อที่สวยและกันหนาวใช้ได้ทีเดียว อย่างน้อยมันก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดที่ใส่แล้วร่วงไหลลงมากองกับพื้นเหมือนตัวอื่นๆที่คุณลองก็พอแล้ว

            เมื่อออกมาจากห้องคุณก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง นั่นก็คือกลิ่นเหม็นฉุนแบบอาหารไหม้ที่ลอยคละคลุ้งเตะจมูก คุณรีบกระชับเสื้อแนบกับตัวก่อนจะรีบเดินลงไปข้างล่าง กลิ่นเหม็นไหม้นั้นแรงขึ้นทุกขณะที่คุณเข้าใกล้ห้องครัว 

    และแล้วคุณก็ได้เห็นภาพต้นตอที่สุดจะเชื่อสายตา

            ในห้องครัวฟุ้งไปด้วยไอควันโขมงสีขาวเทาที่พวยพุ่งออกมาจากกระทะอันคุ้นตาบนเตาที่เจคอบกำลังพยายามใช้ไม้พายรีบร้อนคนอย่างไร้จุดหมายพร้อมส่งเสียงไอค่อกแค่กเป็นช่วงๆจากควัน พอคุณเดินเข้าไปใกล้ก็พบว่ามะกะโรนีชีสที่เคยเป็นสีเหลืองนวลน่ารับประทานเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว ตอนนี้กลายเป็นของเหลวหนืดสีส้มออกน้ำตาลและหลายจุดก็เริ่มเป็นสีดำน่ากลัว

    คุณดึงคอเสื้อสเวตเตอร์ขึ้นมาปิดจมูกแล้วตรงไปหมุนปุ่มปิดเตา โชคดีที่เจคอบเองก็รู้งาน เขายกหม้อออกมาทันทีหลังจากนั้น

            " ดูเหมือนผมจะใช้ไฟแรงเกินไปนะ.." เขาพูดเสียงอ่อย พยายามขัดคราบไหม้ที่แห้งติดกับกระทะในอ่างล้างจาน 
    ส่วนคุณที่กำลังคนซุปหัวหอมในหม้อใบใหม่บนเตานั้นส่ายหัวเบาๆ
    " ฉันหวังว่าตั้งแต่บิลลี่ไม่อยู่นี่คุณคงไม่ได้ทำอะไรไหม้แบบนี้ทุกวันหรอกนะ " 
    คุณพูดกึ่งเหน็บกึ่งหยอก เขาขมวดคิ้ว
    " ผมทำแต่อะไรง่ายๆหรอก อย่างพวกตระกูลซุปนั่นน่ะยิ่งไฟแรงยิ่งดีมันจะได้เดือดเร็วๆ พวกไส้กรอกกับแฮมยิ่งกว่านี้อีก แค่เปิดกระป๋องแล้วก็เทกินได้เลย "
    คุณหัวเราะพลางส่ายหัว จังหวะนั้นเองที่เขาหันมาพูดอะไรแปลกๆกับคุณ
    " เสื้อนั่นเหมาะกับคุณนะ "
    คุณกระพริบตา
    " ก็นอกนั้นมันมีแต่ตัวใหญ่ขนาดที่หลุดจากไหล่ฉันลงพื้นหมดเลย "
    " ใช่ๆผมรู้ แค่จะบอกว่าคุณเอามันไปได้เลยถ้าชอบ "
    " แล้วบิลลี่จะไม่ว่าอะไรเหรอ? "
    เขาแค่นหัวเราะ
    " (...) นั่นน่ะเสื้อผม ซื้อมาตอนเรียนมัธยม แต่เอาไปซักแล้วมันดันหดจนใส่ไม่ได้เลยเอาไปทิ้งไว้ห้องนั้นแทน "
    คุณขมวดคิ้ว 

    นี่เรียกว่าหดแล้วเหรอ..
    .
    .
    .
    .
    .
            หลังมื้อเย็นที่สายไปค่อนข้างจะมาก พายุข้างนอกยังคงไม่สงบ ลมแรงพัดถูกหน้าต่างทำให้เกิดเสียงดัง'กึกๆ'จากกระจกที่สั่นพร้อมๆกับที่อากาศหนาวเย็นแผ่ไปทั่วบริเวณชั้นล่าง คุณนั่งกอดอกขยับตัวไปมาบนโซฟาเดี่ยวอย่างไม่สบายตัวนักตรงข้ามกับอีกคนที่ไขว่ห้างกระดิกเท้าอย่างสบายใจขณะดูทีวีใน คุณเอามือถูแก้มเย็นเฉียบทั้งสองข้างพลางยกขาขึ้นมานั่งในท่ากอดเข่าหวังจะไล่ความหนาว คุณก้มหน้าหายใจถี่และแรงซุกอยู่ใต้ฝ่ามือทั้งสองพื่อให้ลมหายใจจากอุณหภูมิร่างกายทำให้มันอุ่นขึ้น บอกตามตรงว่าตอนนี้คุณไม่มีสมาธิจะดูทีวีหรือจะทำอะไรทั้งสิ้นนอกจากมุดตัวกลมใต้ผ้านวมหนาๆในห้องที่มีเตาผิงหรือฮีทเตอร์เปิดอยู่

    ปุ!

            คุณรู้สึกว่ามีวัตถุหนาๆบางอย่างคลุมลงมาทับแผ่นหลัง เมื่อเงยหน้าขึ้น ตาของคุณก็สบเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่กำลังจ้องมา

            " ดีขึ้นไหม? " เจคอบถาม 
    คุณดึงผ้าห่มกระชับให้มันห่อตัว สูดจมูกฟึดฟัดก่อนจะส่ายหัวเบาๆ ถึงจะใส่เสื้อทับก็แล้ว ห่มผ้าห่มทับเสื้ออีกทบนึงก็แล้ว แต่คุณก็ยังรู้สึกว่าผิวเกือบทุกส่วนยังคงเย็นเยียบอยู่เลย
    " ถ้าฮีทเตอร์ไม่ได้เสียอยู่ล่ะก็ ผมคงเปิดให้คุณแล้วล่ะ " 
    เขาบอกพลางยกมือเกาท้ายทอยด้วยสีหน้าสลด คุณส่งเสียงกึ่งครางกึ่งคำรามออกมาจากผ้าห่มอย่างหัวเสียนิดๆ
    " ในบ้านนี้มีอะไรใช้การได้บ้างไหมเนี่ยวันนี้.. " 
    คุณบ่น
    " ก็มีทีวี ระบบไฟกับห้องครัวล่ะมั้ง " ถึงเขาจะพูดด้วยเสียงนิ่งๆ แต่แววตาของเขาเต็มไปด้วยความยียวนกำกวม 
    ด้วยความหมั่นไส้ คุณจึงคว้าหมอนอิงใบหนึ่งจากโซฟาปาใส่เขา
    " คุณนี่มั-ฮัดชิ่วว! " คุณจามออกมาทั้งที่ยังไม่ทันจะว่าเขาจบประโยค 
    เขาถอนหายใจพลางทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟายาว มืออีกข้างตบที่ว่างข้างตัวเบาๆ
    " มานั่งข้างผมตรงนี้สิ จะได้อุ่น " 
    คุณทอดสายตามองอย่างไม่ค่อยเชื่อนัก
    " แล้วมันต่างกันตรงไหน? นั่งอยู่ตรงนี้กับตรงนั้นมันก็เหมือนกันนั่นแหละ ยังกับว่าคุณจะใช้ตัวดูอุณหภูมิเข้าไปงั้นล่ะ " 
    คุณแกล้งย้อนกลับบ้าง แต่เขากลับส่งเสียงหัวเราะในคอด้วยความขบขัน
    คุณลืมไปแล้วสิว่าผมเป็นอะไร อุณหภูมิร่างกายผมน่ะอุ่นกว่ามนุษย์หลายเท่านะ "
    เขาเอ่ย 

            คุณมองค้อนทีหนึ่งแต่ก็หยัดตัวลุกขึ้นแล้วหย่อนตัวนั่งลงข้างๆเขา แต่นั่งได้ไม่นานก็มีแขนสีแทนน้ำผึ้งโอบรอบไหล่ของคุณ ทำเอาคุณสะดุ้งและสบถร้องลั่นด้วยความตกใจก่อนจะรีบกระโดดออกมาจากโซฟา

            " เจค!! ฉันไม่ใช่แฟนของคุณนะ!! " คุณโวยวายพลางจ้องหน้าเขา ความหนาวเมื่อสักครู่มลายหายวับไปชั่วขณะโดยมีความร้อนผ่าววูบวาบแทรกซึมเข้ามาแทนที่ ส่วนคนต้นเรื่องนั้นตอนนี้ริมฝีปากของเขาหยักยิ้มน้อยๆและเม้มเข้าหากันแน่นจนเป็นเส้นบางเพราะเจ้าตัวกำลังกลั้นหัวเราะ
    " ก็ถ้าไม่ทำแบบนั้นแล้วตัวคุณจะอุ่นได้ไงล่ะ มาเถอะน่า คุณน่ะจามหลายรอบแล้วนะวันนี้ เกิดไม่สบายขึ้นมาเดี๋ยวก็พาลมาโทษผมอีก " เขาพูดเชิงตลกร้าย คุณส่งเสียงฮึดฮัด ไม่สบอารมณ์ที่ถูกคนตรงหน้ากวน
    "โธ่ ผมไม่ใช่พวกโรคจิตนะ ไม่ทำอะไรทะลึ่งหรอกน่า "
    คุณค่อยๆยอมเดินกลับไปแล้วนั่งลงเหมือนเดิม
    " ฉันว่าเป็นหมาน้อยเจ้าเล่ห์มากกว่า " คุณแหย่ 
    เขาส่ายหัวก่อนจะยกแขนขึ้นโอบไหล่คุณเหมือนเมื่อครู่ 

            คุณเข้าใจตามที่เขาบอกแล้ว ตอนนี้ความอบอุ่นกำลังแผ่ซ่านไปทั่วตัวคุณเริ่มจากบริเวณที่แขนเขาโอบแล้วแผ่ขยายไปตามส่วนอื่นๆ น่าแปลกใจที่อุณหภูมิจากร่างกายคนๆหนึ่งสามารถเทียบเท่าได้พอๆกับฮีทเตอร์เครื่องขนาดย่อมสักเครื่องได้สบายๆเลย ตัวของคุณที่สั่นน้อยๆมาตลอดสองชั่วโมงนั้นนิ่งสงบอยู่ใต้ผ้าห่มและวงแขนของคนข้างๆ ความหนาวเย็นเริ่มทุเลาหายไป

            " นี่ถ้ามีใครพรวดพราดเข้ามาเห็นเราในสภาพนี้นี่คงคิดว่าเราเป็นแฟนกันแน่เลย "
    ประโยคนั้นทำให้มือข้างนึงของคุณโผล่ออกจากผ้าห่มพุ่งตรงไปเขกหัวเขา
            " เงียบน่าเจค " คุณว่า ผ่อนลมหายออกมาทีนึงก่อนจะค่อยๆหลับตาลง ปล่อยให้ไออุ่นที่แผ่ซ่านนั้นขับกล่อมคุณหลับไป




    *special*

            ฝ่ามือหนายกขึ้นมาประคองศีรษะคนข้างๆที่กำลังหลับพริ้มให้เอนไปพิงบ่าของตน เจคอบเกลี่ยผมของคุณเล่นอย่างนุ่มนวลพลางเอ่ยกระซิบด้วยน้ำเสียงที่เบาบางจนแทบจะกลืนหายไปกลับสายลม

            " สักวันเราอาจเป็นแฟนกันก็ได้นะ "

    ว่าแล้วเจ้าตัวก็หยักยิ้มน้อยๆก่อนจะหันกลับไปยังหน้าจอโทรทัศน์โดยที่แขนยังคงโอบร่างเล็กพิงแนบชิดอยู่ข้างกาย



    ...................................................................................................................................................................................................................

    Extra 1 มุกกอดให้ไออุ่นของเจคนี่ไรต์เอามาจากหนังภาคนึงที่เบลล่าหนาวอยู่ในเต็นท์กลางป่าหรือไรนี่แหละจ้า(ดูนานแล้วเลยจำไม่ได้เฉย..)  ส่วนหนังสือนี่ไรต์จำไม่ได้เหมือนกันว่ามันอยู่ภาคไหน...

    ป.ล.1 ธีมหลักของเรื่องนี้ไรต์ได้ไอเดียมาจากวันที่เผลอนั่งอยู่ในห้องที่แอร์หนาวนานๆแล้วอาการภูมิแพ้ออกฤทธิ์พอดี..
    ป.ล.2 มีข้อติชมหรืออยากรีเควสขออะไรก็บอกกันได้จ้า
    ป.ล.สุดท้าย  คิวรีเควสจ้า
           1. Ging Freecss [Hunter x Hunter] - Coming soon
           2. Undertaker [Black Butler]

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×