ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    All + Reader ตัวละครแสนรัก [ปิดรับรีเควสชั่วคราวจ้า]

    ลำดับตอนที่ #42 : [Dead By Daylight] The Wraith x Reader : Bell Ringing

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.2K
      97
      23 ก.ย. 61

    Pairing : The Wraith x Reader
    Theme : Dream , Real, and Under world
    Summary : โลกความฝัน โลกความจริง โลกหลังความตาย สามโลกที่เชื่อมโยงกันเพียงแค่มีประตูเส้นบางๆกั้นเอาไว้



    ...................................................................................................................................................................................................................

            ร่างของคุณยืนนิ่งมึนงงด้วยความสับสนท่ามกลางวิวทิวทัศน์มืดสลัวและหมอกที่ลอยลงต่ำของโรงงานทำลายรถยนต์ออโต้เฮเว่น คุณไม่เข้าใจว่าคุณเข้ามาในที่แห่งนี้ได้อย่างไร คุณจำได้แค่ว่าจู่ๆคุณก็วูบหลับไปทั้งๆที่กำลังว่ายน้ำเล่นอยู่ในทะเลสาบ แล้วพอรู้สึกตื่นขึ้นมามาอีกทีก็มาอยู่ที่นี่แล้ว คุณค่อยๆเดินสำรวจรอบๆพื้นที่ในท่ากอดแขนตัวเองให้คลายความหวาดกลัว ทุกอย่างที่อยู่รอบๆพื้นที่ไม่มีอะไรที่น่าอภิรมย์เลยแม้แต่นิด มีเครื่องปั่นไฟฟ้าพังๆตั้งอยู่ประปรายที่คอยส่งเสียงอี่ๆเกร๊งกร๊างแบบไฟลัดวงจรชวนให้แสบหูรู้สึกไม่ปลอดภัย และด้วยความที่มันเป็นโรงงานทำลายรถ สถานที่จึงเต็มไปด้วยซากปรักหักพังทรุดโทรมของรถยนต์หลากหลายประเภทและยี่ห้อและชิ้นส่วนสารพัดอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกัน ทั้งยางล้อรถเก่าๆตั้งซ้อนทับกันเป็นแถวๆ ไหนจะโกดังเก็บอะไหล่ที่ผุพังไปทั่วทั้งหลังกับโรงบดทำลายที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นฉุนของสนิมเหล็กอีก ทุกๆอย่างในนี้มันรังแต่จะสร้างความขนลุกขนพองมากยิ่งกว่าเดิม

            ตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณย่างกรายหลุดเข้ามา...คุณไม่ได้รู้สึกว่าตนเองอยู่คนเดียวเลย หลายครั้งหลายคราที่คุณเห็นเงาดำหลายเงาไหววูบวาบไปมาตามส่วนต่างๆ บางทีก็พุ่งจากพุ่มไม้ไปอยู่หลังกองโขดหินสูง บางทีก็ย่องตะคุ่มๆขึ้นบันไดไปตามโกดังหรือโรงบด ทุกๆครั้งคุณกลัวเกินกว่าที่จะเดินเข้าไปดูตรงๆว่ามันคือคนหรืออะไรกันแน่

    กึง!บรื้น--

    เสียงเครื่องปั่นไฟที่ถูกเปิดทำงานดังแว่วอยู่ไกลๆฉุดดึงให้คุณตวัดหันไปมอง

    พิลึกจัง เมื่อตะกี้นี้มันยังพังอยู่เลยนี่

            ด้วยความสงสัยจึงทำให้คุณค่อยๆย่องผ่านแนวทุ่งหญ้าไปสำรวจดู จังหวะนั้นเองที่มีอะไรบางอย่างพุ่งผ่านข้างหน้าของคุณไปทำเอาคุณตกใจรีบหมอบราบลงกับพื้น เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว คุณจึงหยัดตัวลุกขึ้นเดินย่องไปต่อ 

            ฝ่ามือสองข้างกำลังซุกซนลงไม้ลงมือสำรวจเครื่องปั่นไฟเครื่องหนึ่งที่เครื่องจักรกำลังทำงานอยู่อย่างราบรื่นและเงียบสงบ เมื่อนัยน์ตาสี(...)สะดุดเข้ากับกล่องเครื่องมือสีแดงเขรอะๆที่ถูกทิ้งกองไว้ข้างๆกับอุปกรณ์ซ่อมแซมที่เทกระจาดเกลื่อนออกมา คุณก็ยิ่งมั่นใจว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่คุณคนเดียวจริงๆ เหลือแค่ว่า ใคร--หรือ--อะไร...เท่านั้นเอง...

            คุณยืนแหงนหน้าจ้องมองวัตถุแปลกประหลาดซึ่งเป็นเสาที่ทำจากชิ้นส่วนท่อนเหล็กขึ้นสนิมเขรอะหลายท่อนมาประกอบเข้ากันด้วยผ้าเก่าๆเลอะคราบสกปรก ตรงปลายของท่อนเหล็กที่เป็นแขนยื่นออกมาคือตะขอเกี่ยวขนาดยาวเกือบจะสูงกว่าตัวของคุณให้ความรู้สึกเหมือนขอเกี่ยวในหน้าต่างร้านขายเนื้อที่ถูกเพิ่มขนาดหรือไม่ก็ตะขอแขวนตุ๊กตาในเกมเดาคำศัพท์แฮงแมน...เพียงแต่ตะขออันนี้มันเป็นแฮงแมนภาคมุมมืดสยองขวัญเสียมากกว่า

            ตัวของคุณถูกอะไรบางอย่างโถมเข้าใส่อย่างจังจนเสียศูนย์ถลาร่วงลงไปกองกับพื้น แต่ก่อนที่คุณจะทันได้กรีดร้องหรือตั้งสติฉวยโอกาสวิ่งหนี ปากของคุณก็ถูกอุดปิดไว้พร้อมๆกับเอวที่ถูกรัดไว้แน่นจนไม่อาจดิ้นรนไปไหนได้ แรงฉุดกระชากลากถูลากตัวคุณมาเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่หงังรถเครนสีเหลืองโทรมๆคันหนึ่ง

            " ฉันไม่คุ้นหน้าเธอเลย...มาจากไหนกันน่ะ? "

            เสียงนุ่มปนห้าวนิดๆของผู้หญิงดังมาจากด้านหลังจังหวะเดียวกับที่คุณถูกปล่อยให้เป็นอิสระ คุณหันไปก็พบกับผู้หญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับคุณ ผมสีน้ำตาลแดงของเธอถูกถักเป็นเปียยาวสองข้าง เสื้อกีฬาชมพูมอมแมมเข้ารูปแขนกุดกับกางเกงขาสามส่วนและรองเท้าผ้าใบทำให้ร่างของเธอดูปราดเปรียวยิ่งขึ้น นัยน์ตาสีฟ้าของเธอหรี่ลงด้วยความสงสัยขณะจ้องมองคุณ

            " ฉันชื่อ(...)...ฉันเล่นน้ำอยู่ในทะเลสาบแล้ววูบไป ตื่นมาก็อยู่ที่นี่แล้ว ว่าแต่...เราจะออกไปได้ไงเหรอ..เอ่อ..."

            คุณชำเลืองมองเห็นว่าด้านหลังเสื้อของเธอมีคำว่าโธมัสกับหมายเลขสิบสี่ถูกสกรีนอยู่เต็มพื้นที่ โธมัสนี่เป็นชื่อแน่ๆล่ะแต่ไม่น่าจะใช่ชื่อเธอเพราะโธมัสเป็นชื่อของผู้ชาย เธอถอนใจแรงพลางยื่นมือช่วยดึงคุณให้ลุกขึ้น

            " โธมัสน่ะเป็นนามสกุล ชื่อจริงฉันชื่อเม็ก แล้วก็สำหรับคำถามที่ว่าเราจะออกไปได้ยังไง คำตอบมันก็อยู่ที่เครื่องปั่นไฟพวกนั้นแหละ เราต้องซ่อมให้ครบสี่เครื่องถึงจะมีกำลังไฟมากพอจะเเปิดประตู--นี่--นี่--แล้วก็นี่ "

            เม็กบอกพลางชี้มือไปยังอีกฟากของพื้นที่ทุกด้านที่ต่างก็มืดสนิทราวกับว่ามันว่างเปล่าไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น 

            " มีทางอื่นอีกไหม? "
    ริมฝีปากของเธอถูกเม้มแน่นจนเป็นเส้นบาง
            " เธอจะออกผ่านท่อก็ได้ แต่เชื่อเถอะว่าเธอไม่อยากหรอก "
    เธอตอบขณะพาคุณย่องผ่านกำแพงที่ทำจากอะไหล่รถยนต์และเศษเหล็กบดอัดเข้าด้วยกันจนมาหยุดอยู่ที่เครื่องปั่นไฟอีกเครื่องแล้วเริ่มลงมือซ่อมมันอย่างคล่องแคล่ว
            " ทำไมล่ะ? "
    คุณถามพลางช่วยเธอซ่อมมันด้วยอาการเก้ๆกังๆเพราะไม่คุ้นเคย
            " เพราะมันหายากน่ะสิ มันชอบไปโผล่ตรงกอหญ้าสูงๆหรือไม่ก็ที่รกๆ อีกอย่าง...มันจะไม่มีวันเปิดจนกว่าจะเหลือใครสักคนเป็นคนสุดท้าย "
            " หมายความว่าไง? "
            " ปกติเรามีกันทั้งหมดสี่คนในแต่ละรอบ ภารกิจก็อย่างว่า ช่วยกันซ่อมเครื่องนี่  เปิดประตูแล้วก็ออก แต่มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก มีฆาตกรคอยล่าเราแล้วเอาไปแขวนตะขอนั่น...ไอ้ที่เธอยืนจ้องอยู่ตะกี้นั่นแหละ เมื่อเหลือคนสุดท้ายที่ยัง..เป็นๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม ประตูท่อถึงจะเปิดออก... "
    เธออธิบายขณะที่มือทั้งสองก็พัลวนยุ่งอยู่กับการซ่อมแซม
            " ล-แล้วเธอหมายความว่าไงที่ว่า 'แต่ละรอบ'?.."
            " เราเอาแต่กลับมาอยู่เรื่อยๆ...ไม่ว่าจะรอดหรือตาย พวกเราก็ยังวนกลับมาเหมือนเดิม อาจจะต่างสถานที่ต่างฆาตกร แต่ภารกิจเราก็ยังเหมือนเดิม ถึงได้บอกไงว่าฉันไม่คุ้นหน้าเธอมาก่อน "
    มือคุณที่กำลังซ่อมเครื่องจักรอยู่หยุดชะงักลง
            "  ฉันไม่อยากติดอยู่ที่นี่..."
    เม็กหยุดมือแล้วตบบ่าคุณเบาๆ
            " เถอะน่า รอดแล้วมาดูกันว่าเธอจะกลับมาไหม ถ้าไม่ก็ขอให้โชคดีกับชีวิตที่เหลือ แต่ถ้าไม่...เราก็ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่นะ "
    คุณเลยจำใจลงมือซ่อมแซมมันต่อด้วยจิตใจที่ไม่ค่อยจะสบายนัก ยิ่งบรรยากาศโดยรอบที่มืดสลัวและเงียบสงัดแบบนี้ก็ยิ่งขับให้มันวิเวกวังเวงน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม
            " แล้วนี่เรากำลังเจอฆาตกรคนไหนอยู่? "
    คุณตัดสินใจถามแบบนั้นออกไปเพราะกำลังคิดว่าในเวลานี้มันไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว
            " ไม่รู้หรอก ไม่มีใครรู้จนกว่าจะ--"

    กิ๊ง!ก่อง!แก๊ง!กิ๊ง!

            ประโยคของเม็กถูกตัดบทด้วยเสียงกระดิ่งหวานใสดังขึ้นมาด้านหลังพวกคุณ เม็กคว้าแขนคุณแล้วออกวิ่งเร็วจี๋ทันทีแบบที่ไม่สนใจใยดีอะไรทั้งนั้น คุณพยายามหันไปมองว่ามันคืออะไร แต่สิ่งเดียวที่คุณเห็นคือกลุ่มควันสีดำที่หมุนวนก่อตัวขึ้นมาเป็นร่างของอะไรสักอย่างที่คุณก็มองไม่เห็นแล้วเพราะทัศนวิสัยที่มืดและหมอก

            สาวนักวิ่งพาคุณมาหลบหลังซอกหลืบโกดังขึ้นสนิมหลังหนึ่ง คุณนั่งชุนเข่าหลบตัวลีบติดกับกองลังไม้สำหรับยกรถในขณะที่เธอโผล่หัวขึ้นไปชะเง้อมองทางข้างนอก

            " หู้ย...เกือบไปแล้วไหมล่ะ..."
    เธอยกมือปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก
            " นั่นแหละที่ฉันบอก...เรารู้ตัวฆาตกรได้จากฟังเสียงของพวกเขา อย่างเสียงกระดิ่งเมื่อกี้นี้ก็ฟิลิป เขาจะสั่นกระดิ่งเวลาจะล่องหนหรือปรากฏตัว เพราะงั้นอย่าได้คิดว่าเป็นเสียงรถขายไอศกรีมซะล่ะ "
    เธอบอก คุณรู้สึกถึงหยดเหงื่อที่ไหลย้อยลงมาถึงลำคอ 
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
            เสียงกระดิ่งดังป๊งเป๊งๆแว่วอยู่ไม่ไกลในตอนที่คุณทั้งสองกำลังจัดการซ่อมเครื่องปั่นไฟอีกเครื่องในโกดังพอดีกับที่เสียงผู้ชายกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังมาจากทิศทางไหนก็มิอาจทราบได้เพราะมันดังแบบที่สะท้อนกึงก้องแว่ววนไปทั่วพื้นที่

            " (...) รอแป๊ปนึงนะ "
    คุณคว้าตัวเธอไว้ได้ทันก่อนเจ้าตัวจะออกวิ่ง
            " เธอจะไปไหน? "
            " ฉันจะไปช่วยเจค เธอรอตรงนี้แหละ เดี๋ยวฉันมา "
    เธอโยนกล่องเครื่องมือที่เก็บได้จากหีบทิ้งไว้ให้คุณแล้วก็จ้ำอ้าวออกไป

    เธอไม่กลับมา...

            ไม่ว่าจะรอนานเท่าไหร่ก็ไม่มีวี่แววว่าเม็กใกล้จะกลับมา...จริงๆแล้วมันดูไม่มีโอกาสที่เธอจะกลับมาเลยต่างหาก ก่อนหน้านั้นคุณเห็นเมฆสีดำทะมึนเหมือนพายุก่อตัวขึ้นบนฟ้าไกลออกไปจากโกดังที่คุณซ่อนตัวอยู่ราวสิบเมตรกว่าๆประมาณสองครั้งแล้วก็สลายหายไป อีกสักพักหนึ่งก็เป็นเสียงของผู้หญิงและผู้ชายกรีดร้องก้องตามมาไล่ๆกันก่อนทุกอย่างจะกลับมาเงียบกริบเหมือนเดิม ตอนนั้นเองที่คุณตัดสินใจออกเดินตามหาดูเผื่อจะเจอเธอหรือเจอเพื่อนคนอื่นๆของเธอบ้าง
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
            คุณเดินเลาะไปมาเกินครึ่งพื้นที่แล้วแต่ก็ยังไม่เห็นใครคนไหนเลยสักคน จิตสำนึกลางสังหรณ์ข้างในเอาแต่ร้องบอกให้คุณมองหาท่อสำหรับหนีออกไป แต่คุณไม่อยากทำเพราะยังหวังว่าจะมีสักคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ทุกอย่างในตอนนี้หลอนคุณไปหมด โดยเฉพาะเสียงแก๊งกั๊งของกระดิ่งที่แว่วหวีดหวิวหลอกหลอนภายในจิตใจ

            แล้วก็นั่นไง!..มีเท้าของใครบางคนโผล่แลบออกมาจากซากรถเมล์สีเหลืองเยินๆคันหนึ่ง คุณค่อยๆย่องอ้อมไปด้านหลังให้เห็นชัดๆ แต่แล้วภาพที่ได้เห็นก็ทำคุณช็อคจนถึงกับร้องไม่ออก

            ผู้ชายผมสั้นใส่แว่นตาในชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงผ้าแบบพนักงานออฟฟิศกำลังนอนคว่ำหน้าอยู่ เสื้อเชิ้ตสีขาวบริเวณแผ่นหลังของเขาถูกย้อมไปด้วยสีแดงของเลือดจากบาดแผลถูกทุบตีด้วยอาวุธบางอย่างแบบซ้ำๆจนทุกส่วนแตกเละรวมกันน่าสยดสยอง ถัดจากร่างของเขาไปไม่ไกลกันมากนัก...ร่างผมเปียอีกร่างในชุดออกกำลังกายแสนคุ้นตาก็นอนคว่ำหน้าอยู่เช่นกันยิ่งทำให้คุณใจไม่ดีเพิ่มเข้าไปใหญ่ คุณเดินเข้าไปใกล้ด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา

            เข่าสองข้างทรุดฮวบลงทันทีที่คุณเดินถึงร่างของเม็กที่นอนแน่นิ่งอยู่ในพงหญ้า กลางแผ่นหลังของเธอเละเหวอะหวะชุ่มเลือดเช่นเดียวกับหนุ่มออฟฟิศคนเมื่อกี้ แต่คุณเศร้าอยู่ได้ไม่นานนักเพราะรู้ดีว่ายังไงก็ต้องเดินหน้าต่อไป คุณต้องรีบหาท่อให้เจอโดยด่วน มันจะเปิดหรือไม่เปิดนั้นค่อยว่ากันอีกทีเพราะที่สำคัญสุดคือหามันให้เจอซะก่อน คุณมั่นใจว่าไม่มีทางที่คุณจะสามารถตระเวนซ่อมเครื่องปั่นไฟที่เหลือได้ด้วยตัวคนเดียวแถมต้องคอยระวังหลังไปด้วยอีก

            ไม่กี่อึดใจต่อมา...คุณก็กึ่งย่องกึ่งหมอบขยับตัวเลียบไปตามแนวหญ้าโดยที่นัยน์ตาสี(...)ก็พลอยกวาดสำรวจพื้นมองหาเจ้าท่อตามที่เม็กบอก ใช้เวลานานอยู่พอสมควรกว่าคุณจะได้ยินเสียงลมหวีดหวิวและเห็นแสงสะท้อนจากฝาท่อที่กระทบแสงจันทร์อยู่ไกลๆตรงซอกหลืบของโกดังเก็บชิ้นส่วนหลังเล็ก...และถ้าตาคุณไม่ฝาด...คุณเห็นว่าฝาของมันเปิดออกมาแล้วด้วย!

    กิ๊ง!--แก๊ง!--เป๊ง!

            เสียงหวานใสของระฆังดังขึ้นมาด้านหลังทำให้คุณที่กำลังเตรียมจะพุ่งไปหาท่อต้องเปลี่ยนเส้นทางเป็นการวิ่งหนีโดยด่วนและคอยหันไปมองข้างหลังเป็นระยะๆ แผ่นหลังของคุณรู้สึกถึงไอเย็นของกลุ่มควันสีดำที่ก่อตัวขึ้นปรากฏเป็นร่างสีขาวเทาของภูตผีในร่างมนุษย์...ฟิลิป เครื่องแต่งกายทั้งตัวของเขาล้วนแต่เป็นผ้าหนังโทนสีเทาขมุกขมัวที่ส่วนแขนเสื้อและขากางเกงแนบเนื้อถูกพันตกแต่งด้วยผ้าสีขาวเขรอะคราบคล้ายมัมมี่ ไหล่กว้างของเขามีผ้าคลุมหนังพันอยู่โดยรอบ ใบหน้าของเขาที่คุณเดาว่าเคยหล่อเหลาในกาลก่อนถูกซ่อนบดบังด้วยหน้ากากผ้าหนังแนบเนื้อไปตามโครงหน้า เครื่องหน้าส่วนเดียวที่คุณสามารถเห็นได้คือดวงตาที่เรืองแสงสีขาวออกมาจากรูของหน้ากากเท่านั้น คุณหันกลับมาพลางเร่งฝีเท้าเร็วกว่าเดิมก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปในแนวกำแพงของขยะชิ้นส่วนรถยนต์แล้วคุณก็หมดเวลาเล่นเกมวิ่งไล่จับกับเขาวนไปมาอยู่ในนั้นไปอีกพักหนึ่งก่อนคุณจะตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางวิ่งหนีกลับไปหาท่อ คุณคิดว่าถ้าคุณไปถึงก่อน คุณจะมีเวลาพอจะให้ตัวเองกระโดดหนีลงไปในนั้นได้

            ดูเหมือนคุณจะคิดผิดเสียแล้ว...เพราะเมื่อคุณเปลี่ยนมาวิ่งเป็นเส้นตรง ฟิลิปก็ดูเหมือนจะวิ่งได้ว่องไวขึ้น เขาเริ่มเข้าประชิดใกล้ตัวคุณมากขึ้นทุกทีๆโดยที่คุณรู้สึกว่าตัวเองยังวิ่งด้วยความเร็วเท่าเดิม จนในที่สุด...

    ผัวะ!!!

            วัตถุแข็งๆถูกหวดฟาดผ่ากลางอากาศลงมายังหลังของคุณเข้าเต็มๆ ความเจ็บปวดเริ่มแล่นแผ่ซ่านไล่ระดับขึ้นมาในขณะที่หลังของคุณก็เริ่มชื้นแฉะด้วยเลือดที่เริ่มเอ่อซึมออกมาจากบาดแผล เขาไม่รอช้ารีบก้มลงมายกตัวคุณไปอุ้มในท่าพาดบ่าแล้วเริ่มออกเดินหาตะขอ 

            คุณกรีดร้องลั่นเมื่อร่างของตนเองถูกจับเกี่ยวแขวนเข้ากับตะขอ โลหิตสีแดงฉานไหลซึมผ่านปากแผลออกมายังเสื้อด้านหน้าของคุณจนชุ่ม คุณถูปล่อยให้แขวนห้อยต่องแต่งอยู่อย่างนั้นโดยมีฟิลิปยืนถืออาวุธเฝ้าดูอยู่จนกว่าคุณจะหมดลม คุณไม่อยากจะดิ้นเพราะคิดว่าการขยับตัวนั้นรังแต่จะทำให้ปากแผลแย่ลงและเวลารอดของคุณเหลือน้อยขึ้น

            นัยน์ตาสี(...)ที่รื้นคลอด้วยหยาดน้ำตาเพราะความเจ็บปวดเผลอมองสบกับนัยน์ตาเรืองแสงด้วยความบังเอิญ ด้วยเหตุอะไรสักอย่าง...ฟิลิปกะพริบตาแล้วค่อยๆลอยเข้ามาใกล้ตัวคุณมากขึ้น มือใหญ่ของเขาเชยคางคุณให้เงยขึ้นก่อนจะจ้องมองสำรวจใบหน้าคุณ

            ' ฉันไม่เคยเห็นเธอ '

            เสียงทุ้มนุ่มกึ่งแหบห้าวดังขึ้นมาในหัวของคุณ คุณพยายามจ้องเขากลับทั้งที่น้ำตายังคงไหลออกมาเป็นสายก่อนจะตั้งสติรู้ได้ว่าเขากำลังพูดกับคุณอยู่เมื่อดูจากนัยน์ตาเรืองแสงที่จ้องตรงมา

            " ฉ-ฉัน-ม-ไม่ร-รู้...ต-ตื่นมาฉ-ฉันก็-อ-อยู่-นี่แล้ว "

            คุณตอบด้วยเสียงสะอึกสะอื้นตะกุกตะกัก ฟิลิปกะพริบตาจ้องคุณอยู่ต่ออีกสักพักแล้วถึงจะจัดแจงจับตัวคุณดึงออกจากตะขอแขวนทันเวลาก่อนที่ขาแมงมุมสีดำจะโผล่ออกมาพอดิบพอดี 

    เขาจับคุณอุ้มพาดบ่าเหมือนเดิมแล้วค่อยออกเดิน
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
            ฟิลิปพาคุณมาหยุดอยู่หน้ากล่องใบหนึ่งที่ยังไม่ได้เปิด ถ้าคุณหนีได้...คุณก็คงจะหนีไปแล้วถ้าไม่ติดว่าแผ่นหลังของคุณตอนนี้มันทั้งเจ็บและปวดแสบปวดร้อนเหมือนมีใครเอาเหล็กรนไฟมาจี้แทงตลอดเวลา

            เขาหันกลับมาหาคุณโดยที่ในมือมีกล่องปฐมพยาบาลติดมาด้วย เขาโยนมันทิ้งไว้ข้างกายคุณแล้วยืนนิ่งอยู่เฉยๆ คุณรู้งานรีบคว้ามันมาแล้วเริ่มทำการรักษาตนเอง คุณอยากรู้เหลือเกินว่าอุปกรณ์ในกล่องนี้มันเป็นของวิเศษหรืออย่างไร เพราะทันทีที่ทำการปฐมพยาบาลเสร็จ บาดแผลและความเจ็บปวดทั้งหมดก็สลายหายไปหมดสิ้น

            ฟิลิปหิ้วคอเสื้อบังคับให้คุณเดินตามเขาไปเมื่อเห็นว่าสภาพร่างกายของคุณกลับมาเป็นปกติแล้ว ทีแรกคุณคิดว่าเขาจะจัดการทุบฟาดคุณให้ยับเยินอีกรอบเหมือนฆาตกรโรคจิตบางคนที่ชอบย้ำคิดย้ำทำเล่นกับเหยื่อก่อนจะทำการสังหารเป็นการปิดท้าย ความคิดของคุณเปลี่ยนในยามที่เขาพาคุณกลับมายังท่อซึ่งเป็นเป้าหมายเดิมที่คุณเล็งไว้ตอนแรก 

            ' ไปสิ '

            เสียงทุ้มดังขึ้นในหัวคุณอีกครั้ง คุณลองชำเลืองก้มลงไปก็เห็นจุดสีขาวแสงสว่างมาจากก้นสุดซึ่งน่าจะเป็นทางออกไปที่ไหนซักแห่ง

    ขาของคุณที่กำลังจะก้าวหยุดชะงักก่อนจะหันกลับไปหาเจ้าตัวที่พามา

            " ...ขอบคุณนะ... "

            ว่าแล้วคุณก็ยื่นมือออกไปข้างหน้า...ฟิลิปเงื้อเคียวด้ามกระดูกขึ้นจนทำคุณหวาดเสียวกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจกลับมาหวดคุณใหม่ แต่เขาเพียงแค่โยนมันทิ้งไปข้างๆแล้วยื่นมือมาจับมือของคุณกลับ

            ' โชคดี..และ...ลาก่อน.. '

    เขาบอกทิ้งท้ายจังหวะเดียวกับที่คุณทิ้งตัวโดดลงไปในท่อ
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
            เสียงไซเรนของรถพยาบาลฉุดให้คุณลืมตาขึ้น พยาบาลสองคนที่ดูมีท่าทางตื่นเต้นดีใจที่คุณฟื้นขึ้นมากำลังช่วยกันพูดบอกอะไรคุณสักอย่าง จากสติของคุณที่ยังมึนงงสะลึมสะลือพอจะจับใจความได้ว่าคุณจมน้ำแล้วตอนนี้พวกเขากำลังจะพาคุณไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล 

            มือขวาที่ชื้นแฉะมีน้ำหนักแปลกๆทำคุณค่อยๆหันศีรษะไปมอง เมื่อคุณแบออก...คุณก็พบกับผ้าสีขาวเส้นเล็กๆที่เปื้อนคราบสกปรกและเลือดกรังอยู่ภายในกำมือนั้น



    ...................................................................................................................................................................................................................
    ป.ล. คิวรีเควสจ้า
          1. Doctor Strange [Doctor Strange]----Coming soon
          2. Rikuo Nura [Nurarihyon no Mago] 
          3. Lavi [D.Gray-man]
          4. Yukimura Tooru [Aoharu x Kikanjuu]
          5. The Shape [Dead By Daylight]
          6. Nura Rihan [Nurarihyon no Mago]
          7. Nurarihyon [Nurarihyon no Mago]
          8. Kageyama Tobio [Haikyuu!!]
          9. Eyeless Jack [Creepypasta]
          10. Yamamoto Takeshi [Katekyo Hitman Reborn]
          11. Ferid Bathory [Owari no Seraph]
          12. Ciel Phantomhive [Black Butler]
          13. Atsushi Nakajima [Bungo Stray Dogs]
          14. Dazai Osamu [Bungo Stray Dogs]
          15. Jason Voorhees [Friday the 13th]
          16. Asuramaru [Owari no Seraph]
          17. L [Death Note]
          18. Ben Tennyson [Ben 10]


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×