คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [SF] 2ndshop : Mirror [KaixHunxJongin]
2nd Shop
Mirror
Pairing : Kai x Sehun x Jongin
หน้าเว็บไซต์โทนสีน้ำตาล-ครีม ออกแนวซีเปียหน่อยๆถูกเลื่อนสกรอล์ลงมาเรื่อยๆราวกับไร้จุดหมาย แต่ดวงตาคมสีกาแฟที่จับจ้องอยู่เบื้องหน้าจอโน้ตบุคเครื่องเก่งนั้นกลับกำลังไล่หาอะไรบางอย่างอยู่อย่างที่เจ้าตัวรู้ดี…
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อ 2 วันก่อน…
“มงกูย่า… ทำไมวันนี้นายถึงดื้ออย่างนี้น่ะ หา?” จงอินเค้นเสียงขึ้นเบาๆใส่พุดเดิ้ลทอยที่เขาเป็นเจ้าของ ในบางครั้งน้องหมาของเขาก็ถูกทักว่ามันไม่ควรเกิดมาเป็นพุดเดิ้ลทอยเลย เพราะความที่มันมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าพุดเดิ้ลธรรมดาโตเต็มวัยนี่แหละ ไม่รู้เพราะแม่เลี้ยงตามใจมันมากไปหรือเปล่ากันนะ? เจ้าตัวใหญ่สีน้ำตาลขนปุยวิ่งซนไปมารอบห้องได้สักระยะหนึ่งแล้ว แม้จะพยายามคว้าตัวไว้แต่เขาก็คงต้องโทษตัวเองที่ลืมตัดเล็บให้กับมัน จนฝากรอยข่วนเอาไว้ที่ผิวสีแทนไว้ดูให้เจ็บใจเล่น…
เฮ้อ… ให้วิ่งเล่นอีกสักหน่อยก็แล้วกัน สงสัยเพราะตื่นเต้นกับสถานที่ใหม่
อ๋อ ใช่แล้ว เหตุผลที่มันมาอยู่ที่นี่ก็เพราะว่าวันนี้ที่บ้านของเขาติดธุระกันทุกคน คุณนายคิมที่ห่วงหมามากกว่าลูกจึงฝากเจ้าหมาขี้เหงาตัวนี้ไว้ที่จงอิน มันก็เลยต้องมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้เป็นเวลา 1 วัน ถึงแม้จงอินจะเคยพามงกูไปที่ตึก SM แต่เขาก็ไม่เคยพามาในห้องนอนที่หอใหม่นี่เลยสักครั้งเดียว
ทันทีที่ปล่อยมันลงกับพื้น เจ้าตัวใหญ่นี่อาจจะตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก มันจึงได้แต่วิ่งวนไปดมถุงเท้าของชานยอลบ้าง ตะกร้าเสื้อผ้าของคยองซูบ้าง จนตะกร้าเอนและล้มลง มันกระโดดเข้าไปคลุกเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายแล้วยิ้มพลางห้อยลิ้นเหมือนว่ามีความสุขที่สุดในสามโลกกับฟีลลิ่งการได้สูดดมกลิ่นเหงื่อของดีโอแห่งวงเอ็กโซ
“อะไรก็ได้แต่อย่าให้มันชนของตกแตก…” ชานยอลที่นั่งเกากีตาร์โปร่งเบาๆอยู่ในห้องพูดขึ้นมาก่อนที่จะ…
เพล้ง!
“…ก็แล้ว…กัน…” ยังไม่ทันจะขาดคำ เจ้าของเสียงทุ้มก็ฟาดมือเข้ากับหน้าผากของตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
กระจกเงาขนาดเต็มตัวที่อยู่มากว่า 2 ปีกับหอพักของพวกเขา ไม่เคยมีแม้กระทั่งรอยขีดข่วนหรือเศษกาวใดๆติดอยู่ทั้งสิ้น กลับเละและแตกเป็นเสี่ยงๆด้วยฝีมือของเจ้าหมาบ้าพลังนี่…
ปาร์ค ชานยอล มองหน้าคิม จงอิน อย่างคาดโทษ ก่อนที่น้องเกือบเล็กที่สุดในวงจะหันมายิ้มแหยๆให้…
.
.
.
และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าของผิวแทนค่อนไปทางดำนั่งหน้าคร่ำเครียดอยู่กับจอโน้ตบุคที่ปรากฏเว็บไซต์ของร้านขายของมือสองที่เผลอเสิร์ชเจอใน naver พอดี ด้วยที่เป็นหน้าเว็บไซต์แรกที่เด้งขึ้นมา กับรูปแบบที่เรียบง่าย โล่ง และดูท่าทางเข้าใจง่ายดี มือหนาไม่ลังเลที่จะคลิกเลือกที่จะลองหาสิ่งของที่ตนเองต้องการในร้านนี้เป็นร้านแรก แต่จะว่าไป… ก็มีจุดน่าแปลกใจเล็กน้อยตรงราคาของสิ่งของทุกชิ้นในร้าน… มันเขียนเอาไว้ว่า…
‘สิ่งของที่เป็นเหตุผลที่ทำให้คุณอยากได้สิ่งของชิ้นนี้’
หมายความว่าอะไรน่ะ?
ต้องขอบคุณที่มุมขวาของเว็บไซต์ได้มีปุ่ม ‘แชทกับพ่อค้า’ ให้เขา นิ้วสไลด์แพดไปกดเข้าที่ปุ่มนั้นเบาๆ ก่อนที่หน้าต่างช่องแชทของเว็บไซต์นั้นจะเด้งขึ้นมา ขึ้นเป็นแท็บชื่อว่า 2ndshop และสัญลักษณ์จุดสีแดงข้างๆชื่อนั้น
คุณ entered conversation
คุณ : สวัสดีครับ พอดีผมมีข้อสงสัยอะไรนิดหน่อยน่ะครับ
2ndshop is online
2ndshop : ว่ามาเลย : )
ในเวลาเพียงเสี้ยววินาที จุดสีแดงที่มุมขวาก็กลายเป็นสีเขียวเพื่อบ่งบอกสถานะออนไลน์ทันที ก่อนที่ทางร้านจะตอบกลับมารวดเร็วราวกับตั้งโปรแกรมอัตโนมัติไว้ เออ ดีแฮะ ไม่เหมือนบางร้านที่ตอบช้าจนไม่แน่ใจว่าจะขายของหรือตั้งโชว์ไว้ให้ลูกค้าเจ็บใจเล่น
คุณ : เกี่ยวกับราคาของสิ่งของน่ะครับ
2ndshop : อ๋อ 5555555 ว่าแล้วว่านายต้องสงสัย มีลูกค้าหลายรายเลยแหละที่สงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เอางี้นะ เหตุผลที่นายอยากได้สิ่งของชิ้นนั้นคืออะไรล่ะ?
คุณ : ผมทำกระจกแตก เลยต้องหากระจกใหม่มาใช้แทนน่ะครับ
2ndshop : สิ่งที่นายต้องแลกกลับมาคือ ‘กระจกที่แตกไปแล้ว’ นั่นไงล่ะ
คุณ : เอ๊ะ? ง่ายขนาดนั้นเลยหรอครับ?
ร่างหนาขมวดคิ้ว… นี่มันร้านอะไรกันเนี่ย? ไม่ต้องการเงิน แต่กลับต้องการของที่พังไปแล้วเนี่ยนะ แต่ก็ดี จะได้ไม่ต้องเสียเงิน… หวังว่าคงจะไม่โดนหลอกหรือซ่อนกล้องอะไรใช่มั้ยวะ? เขาหันซ้ายแลขวาเผื่อจะมีเมมเบอร์สักคนวิ่งเข้ามาตุ้งแช่ใส่… แต่แล้วก็พบกับความเงียบล้วนๆ
2ndshop : ช่ายยยย ถ้าอย่างนั้นนายก็หากระจกใบที่ถูกใจแล้วก็กดที่ปุ่ม ‘แลก’ ได้เลยนะ~
2ndshop : ฉันไปล่ะ~ ขอบคุณสำหรับการอุดหนุนนะ! คิม จงอิน!
2ndshop is offline
ยังไม่ทันที่จงอินจะได้ตอบอะไรกลับไป ข้อความที่ถูกส่งมาอย่างรวดเร็วจากทางร้านก็ปรากฏขึ้น ก่อนจะขึ้นสถานะออฟไลน์ไปในทันที…
จะว่าไป… เขาก็ไม่ได้บอกชื่ออีกฝ่ายไปนี่นา? หรือว่าบอกไปกันนะ… จงอินเลื่อนขึ้นไปเช็คแต่ก็ไม่มีชื่อของเขาปรากฏในบทสนทนาเลยแม้สักนิด อีกอย่างหนึ่งเว็บไซต์ขายของมือสองนี้ก็ไม่มีระบบสมัครสมาชิกอะไรเทือกนั้นด้วย เขาเลิกคิ้วอย่างสงสัย ก่อนที่จะยักไหล่แล้วเลื่อนสกรอล์เมาส์ขึ้นไปยังช่อง search แล้วพิมพ์คำว่า ‘กระจก’ เข้าไป
นั่นแหละคือสาเหตุที่เขากำลังนั่งเลือกกระจกที่มีหลากหลายรูปแบบในเว็บไซต์แห่งนี้ เนื่องจากชานยอลบอกว่าถ้าคยองซูกลับมาจากการถ่ายแบบที่ต่างประเทศ แล้วเห็นว่ากระจกที่เจ้าตัวซื้อมาแตกยับเยินขนาดนี้ แท็ก #คยองซูผู้โหดสัส ในทวิตเตอร์คงขึ้นเทรนด์โลกไปอีกสามเดือนพร้อมรอยแผลที่จะฝากไว้ที่เขาอย่างเต็มรัก ไม่นานนัก บนหน้าจอโน้ตบุคก็ปรากฏรูปภาพพรีวิวของกระจกเต็มตัวสูง 6 ฟุต สไตล์โมเดิร์นกรอบสีดำดูธรรมดาแต่เข้าตาคิมจงอิน เพราะมันแทบไม่ต่างอะไรกับกระจกที่คยองซูซื้อมาเลย ถ้าเอามาเนียนเป็นกระจกใบเดิมก็คงไม่มีใครสงสัย อีกอย่างหนึ่งก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากชานยอลกับเขาเองอีกด้วย
ชื่อสินค้า : กระจกเงา ขนาด 6 ฟุต
รายละเอียด : กระจกเงาสไตล์โมเดิร์น กรอบสีดำ ขนาด 6x…ฟุต
เรื่องราว : [คลิก]
สิ่งที่ต้องแลก : สิ่งของที่เป็นเหตุผลที่ทำให้คุณอยากได้สิ่งของชิ้นนี้
[แลก] [ย้อนกลับไปหน้าที่แล้ว]
ปุ่ม ‘แลก’ ถูกกดแทบจะในทันที เขาไม่สนใจถึงเรื่องราวอะไรหรอกนะ ก็คงเป็นแค่เรื่องของสินค้ามือสองธรรมดาตามชื่อเว็บไซต์ ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่ซีเรียสเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลยแม้แต่น้อย ก็แค่ของมือสอง ใช่ว่าจะมีอะไรติดตามมาทุกอย่างซะที่ไหนล่ะ..
หลังจากนั้นที่ข้อความสีน้ำตาลออกแดงหน่อยๆ กับรูปแบบฟอนท์ที่เข้ากับเว็บไซต์อย่างบอกไม่ถูกจะปรากฏขึ้น
“ขอบคุณที่ใช้บริการ กรุณารอสักครู่ พนักงานของเรากำลังทำการจัดส่งสินค้า”
หืม?...
‘ปิ๊ง ป่อง’
จงอินสะดุ้งโหยง อย่าบอกนะว่า…?
“นั่นใครครับ?” มือหนากดปุ่มสปีกเกอร์ไว้ในขณะที่พยายามมองจอมอนิเตอร์ เหมือนว่าจะเป็นบุรุษย์ไปรษณีย์ธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น
“มีพัสดุจากร้าน 2ndshop ครับ” มือหนาปล่อยจากปุ่มสปีกเกอร์ด้วยความตกใจ เขายังไม่ทันที่จะได้กรอกข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่จัดส่งเลยด้วยซ้ำ ไม่สิ… มันไม่มีให้กรอกอะไรเลยนี่นา แม้กระทั่งเบอร์โทร.ติดต่อ ทางร้านก็ไม่ได้ขอไว้ด้วยซ้ำ ทำไมถึงรู้ที่อยู่ของเขาได้ล่ะ?
.
.
.
แต่แล้วกล่องกระดาษลังสีน้ำตาลอ่อนๆก็ได้ย้ายเข้ามาอยู่ในห้องรับแขกเป็นที่เรียบร้อย จากการสอบถามพนักงานก็ทำให้เขาได้รู้ว่าพัสดุนี้ไม่มีที่มาที่ไป ไม่มีชื่อที่อยู่ผู้ส่งให้ตีกลับ จะมีก็แต่ชื่อและที่อยู่ของผู้รับอย่างเขา “คิม จงอิน” มือหนาจับคัตเตอร์อันใหญ่ในมือไว้แน่นก่อนจะกดลงกรีดเทปกาวหนาเพื่อเปิดกล่องออก พลางกลืนน้ำลายด้วยความลุ้นภายในจิตใจ แม่งจะเป็นซาแซงแฟนหรือเปล่าวะ? ที่แบบติดกล้องวงจรปิดหรือตั้งกล้องวงจรปิดไว้แล้วรู้พอดีว่าเขากำลังต้องการไอ้กระจกนี่อยู่พอดี ‘สงสัยจะอ่านนิยายมากไป’ เขาสะบัดความคิดฟุ้งซ่านในหัวก่อนที่จะแกะมันออกอย่างระวังมือ
ปรากฏบานกระจกใหญ่ กรอบของมันสีดำสนิทเหมือนกับขาตั้งที่เป็นทรงสามเหลี่ยม เฉียบบางจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกับกระจก แต่ดูคงทนไม่มีปัญหาอะไร ตัวแผ่นกระจกเงาไร้รอยขีดข่วนเพราะทางร้านปริศนานั่นได้ห่อที่ห่อกันกระแทกมาอย่างดี
จงอินยกกระจกขึ้นเพื่อที่จะย้ายมันเข้าไปไว้ในห้องนอนของตัวเอง เออ จริงด้วย เขายังไม่ได้ย้ายกระจกอันเก่าออกไปเลยนี่นา…
แต่มือหนาบิดลูกบิดเมื่อประตูห้องเปิดออกมา กลับทำให้เขาประหลาดใจกว่าเดิม กระจกใบเดิม… หายไปแล้ว มันหายไปแล้ว…
‘ติ๊ง!’
เสียงจากจอโน้ตบุคที่วางไว้นิ่งๆดังขึ้นมา จงอินรีบวางกระจกไว้ก่อนที่จะพุ่งเข้าไปที่โต๊ะทำงาน เว็บเพจสีซีเปียที่เขาเปิดค้างทิ้งไว้ปรากฏกล่องข้อความที่เหมือนจะถูกเขาปิดไปแล้ว แต่กลับเด้งขึ้นมาโชว์หราอยู่ที่มุมขวาล่างเหมือนเดิม
2ndshop is online
2ndshop : ได้รับพัสดุแล้วใช่มั้ยล่า~?
2ndshop : เราก็รับของๆนายไปแล้วนะ~ ขอให้มีความสุขกับของที่แลกไปนะ โชคดีจ้า
2ndshop is offline
“หา?” ร่างสูงขมวดคิ้วกับตัวเองอย่างสงสัย นี่มันอะไรเนี่ย? คนๆนี้มันเป็นใครกัน เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะนั่งลง ปรับสายตาระดับหน้าจอโน้ตบุคก่อนที่จะรัวนิ้วพิมพ์คำถามลงไป
2ndshop is offine
คุณ : นายเป็นใครน่ะ?
คุณ : นี่ บอกมานะ
คุณ : ผมรู้นะว่านายยังอยู่
คุณ : ไม่อย่างนั้นผมจะแจ้งตำรวจนะ
เงียบ… ไม่มีคำตอบใดๆจากเว็บร้านขายของมือสอง นอกจากตัวอักษรให้ดูต่างหน้าว่าอีกฝ่ายออฟไลน์ไปแล้วเท่านั้น เขาได้แต่ขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัยที่ทวีคูณขึ้นไปอีกเมื่อนึกถึงหลักเหตุและผลที่น่าจะเป็นไปได้
หรือผีหลอกวะ…
“เฮ้ย จงอิน!” เสียงที่คุ้นเคยของรูมเมททำให้เขาเลิกคิดเรื่องนั้นไปชั่วคราว ก่อนจะชะโงกหน้าออกไปมองตามต้นเสียง
“ครับ?” เลิกคิ้วข้างหนึ่งก่อนจะมองไปทางคนตัวสูง
“คือแบบว่า… วันนี้… มีเรื่องจะขอหน่อยอะ” ชานยอลยิ้มแหยๆพลางประกบมือไหว้ พาลให้อีกคนทำหน้าตกใจแล้วรีบปรี่ไปแกะมือคนที่อายุมากกว่าแทบจะในทันที…
.
.
.
“อ่า ได้สิครับ” ปากดูดไข่มุกขึ้นจากหลอดสีสดใสของแก้วชานมไข่มุกในมือ ก่อนจะพยักหน้าให้กับร่างสูง
“ขอบคุณมากๆเลยนะ” ชานยอลหัวเราะออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะไขว่ห้างบนโซฟาตัวเล็กแล้วหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องเก่งออกมาไถอย่างสบายใจ ดูจากที่คนตัวสูงผิวปากไปด้วยน่ะนะ
“ว่าแต่ ไปทำอะไรให้พี่แบคเขาโกรธขนาดนั้นน่ะครับ? ถึงกับต้องไปง้อกันในห้องเลย” ถึงแม้จะถามออกไปตรงๆอย่างไม่คิดอะไร แต่กลับถูกสายตาตวัดค้อนกลับมา… ก่อนที่หมอนอิงใบเล็กบนโซฟาจะถูกย้ายมาฟาดเข้าที่ไหล่ของเขา
เฮ้อ เกิดเป็นมักเน่นี่ลำบากจริงๆ โดนแต่พี่ๆตีและข่มเหง...
“เรื่องนั้นน่ะช่างมันเถอะ แค่คืนเดียวแหละ นายก็ไปนอนกับจงอิน ส่วนฉันก็ขอนอนกับแบคฮยอน ฉันขอจงอินไว้ก่อนหน้านี้แล้วแหละ” ชานยอลตอบพลางชูสมาร์ทโฟนสุดเหยียดแขนขึ้นข้างบน สลับโหมดกล้องโทรศัพท์เป็นเซลก้าโหมด และมืออีกข้างก็ชูสองนิ้วคาดตาอย่างที่เจ้าตัวทำเป็นประจำ พลางยกยิ้มมุมปาก
“หืม?... แล้ว…จงอินเขาว่ายังไงน่ะครับ?” เขาถามออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่สุด
“ก็ต้องโอเคน่ะสิ ฉันเลยมาขอนายต่อไง แล้วตอนนี้ฉันก็โล่งใจมากๆแล้วด้วย… เพราะฉันมีแผนง้อแบคฮยอนนี่แล้วไงล่ะ” คนตัวสูงหันมายิ้มให้น้องเล็กก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาถ่ายเซลก้าต่ออย่างไม่ลดละ
“ถ้ากล้าเรียกการง้อแบบนั้นว่าแผน”
“…”
“โอเค ไปก็ได้” เซฮุนยักไหล่ก่อนจะเขย่าแก้วพลาสติกใส พลางลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปทางห้องรับแขก
ก่อนที่จะเจอกับเจ้าของกล่องลังที่แท้จริงที่กำลังพับเก็บมันอย่างทุลักทุเลอยู่
“สั่งซื้ออะไรมาหรอ?” ดวงตาเรียบเฉยมองเจ้าของผิวสีแทนก่อนจะเอ่ยปากถามขึ้น
“เป็นเซฮุนอย่าขี้เสือก… เฮ้ย ล้อเล่น 5555555” ยังไม่ทันจะจบประโยค ก็เห็นเท้าขาวๆที่กำลังซอยเข้ามาจะเหยียบเท้าเขา โชคดีที่หลบทัน
“แล้วนี่สั่งมาส่งหอเลยหรอ โหดสัสอะ” เซฮุนชะโงกมองที่อยู่กับชื่อจริงของคนตรงหน้าที่แปะไว้พลางพูดขึ้น
“เอาจริงๆคือ… คนส่งนี่รู้ที่อยู่ได้ยังไงยังไม่รู้เลย”
“หืม?... แสดงว่าได้มาหรอ?”
“จริงๆก็สั่งมาน่ะแหละ แต่ยังไม่ได้ให้ที่อยู่กับชื่อไปเลย น่าแปลกที่ฝั่งนั้นรู้ทั้งชื่อทั้งที่อยู่ของฉัน...”
“ของจากซาแซงแฟนหรอ?”
“เปล่า เปิดเป็นร้านด้วยซ้ำ ร้านขายของมือสองน่ะ”
“เอ๊ะ?...”
“โอย ช่างมันเถอะ” โบกมือปัดส่งๆก่อนจะพับกล่องลังต่อ ปล่อยให้อีกคนได้แต่ยืนงง
“...” ขณะที่ปากคาบหลอดชานมไข่มุกไว้ แต่ดวงตาซุกซนกลับมองไปทั่วเรือนร่างของอีกฝ่าย ผิวสีแทนกับเสื้อกล้ามสีดำที่เจ้าตัวใส่อยู่ และกล้ามเนื้อที่แขนยิ่งเห็นเด่นชัดเมื่ออีกฝ่ายออกแรงดึงเชือกฝากที่มัดกล่องลังสีน้ำตาลนั่นให้แน่น…
“เอ้อ…” เสียงของอีกคนทำให้เซฮุนสะดุ้งตกใจเล็กน้อย แต่เขามั่นใจว่าใบหน้าราบเรียบนั้นเก็บอาการเก่งเกินกว่าที่จะทำให้อีกคนสงสัย
“หืม?”
“คืนนี้นายมานอนห้องฉันใช่มั้ย? จะย้ายของก็ย้ายได้เลยนะ”
“เอ๊ะ?... แค่คืนเดียวเอง เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จก็แค่เดินไปนอนด้วยเฉยๆแหละ”
“พวกครีมบำรุงผิวอะ?”
“อ้อ…”
“อื้ม จะได้ให้พี่ๆเค้าง้อกันสะดวก เผลอๆห้องล็อคนายไปเอาของไม่ได้นา” จงอินพูดกลั้วหัวเราะ มือยังคงไม่ลดละกับการมัดเชือก
“งั้นไปเก็บของแปป” เซฮุนตอบก่อนจะพาร่างตัวเองเดินกลับเข้าไปในห้อง
ดวงตาคมตวัดขึ้นมองตามร่างอีกฝ่ายไปจนลับสายตา
เขารู้… เขารู้ทุกอย่างนั่นแหละ…
.
.
.
“พรุ่งนี้มีตารางงานบ่ายนี่?” เซฮุนขมวดคิ้ว หลังจากเมื่อประมาณ 3 วินาทีที่แล้ว จอยเกมในมือของเขาถูกอีกคนแย่งไปจากมือด้วยเหตุผลว่า ‘ควรนอนได้แล้ว’
“ฉันยังจำวันที่นายเล่นเกมยันตีห้าแล้วตื่นสาย ทำเอาพี่ยองจินคลั่งเลยนะวันนั้นน่ะ” จงอินขมวดคิ้วก่อนที่จะกดเลือกเมนูปิดเกม ก่อนจะเดินไปปิดที่หน้าจอทีวีที่ยังค้างเกมบอลชื่อดัง เรียกใบหน้าบูดบึ้ง และริมฝีปากที่เบะคว่ำอย่างที่เจ้าตัวชอบทำจากร่างบางได้อย่างดี
“โห่ บ่นซะแก่”
“ไปอาบน้ำเลยไป เหม็น”
“ไปอาบเป็นเพื่อนหน่อยดิ”
“…”
“โอเคๆ ล้อเล่น ไม่ต้องทำหน้าโหดเป็นหมีขนาดนั้นเลยก็ได้” เซฮุนยักไหล่พลางทำหน้าไม่ใส่ใจก่อนจะดันตัวขึ้นจากพื้นห้อง แล้วหยิบผ้าขนหนูพลางทำปากขมุบขมิบบ่นอีกคนจนพ้นประตูห้องไป
“…”
จงอินรู้ เขารู้ว่า โอ เซฮุน รู้สึกไม่เหมือนเดิมกับเขามาได้สักพักแล้ว…
เขารู้
รู้ว่า โอ เซฮุน
ตกหลุมรักเขา
ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ที่น้องชายต่างเดือน…เอ่อ… เรียกว่าเพื่อนดีกว่า ที่เพื่อนคนนี้เข้ามางุ้งงิ้งงอแงใส่เขา ตอนแรกจงอินก็คิดว่ามันปกติดีหรอกที่จะทำแบบนี้ตามสนามบินหรือออกสื่อบนเวทีหรืองานแฟนไซน์ แน่นอนว่าตลาด K-pop ในตอนนี้ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าคาแรคเตอร์หนุ่มหน้าหวานกับคู่จิ้นในวงมันกลายเป็นหนึ่งในจุดขายของสาวน้อยที่ช่างเพ้อฝันไปเรียบร้อยแล้ว มันจึงไม่แปลก… ไม่แปลกเลยที่ผู้ชายแมนทั้งแท่งทุกคนในวงจะเข้ามาจับไม้จับมือกัน หรือส่งสายตาแปลกๆเวลามองอีกคน ทุกอย่างที่พวกเขาทำไปก็เพื่องานเท่านั้นจริงๆ…
เอ้อ… ยกเว้นพี่ชานยอลกับพี่แบคฮยอนน่ะนะ… สองคนนั้นเขา เอ่อ… นั่นแหละ…
แต่แล้วทุกอย่างก็ดูแปลกขึ้นมา เพราะในหอเซฮุนก็ยังคงมางุ้งงิ้งใส่เขาราวกับลูกแมวที่ขาดความเหงาไม่ได้ เป็นต้องเฉาตายอะไรทำนองนั้น จนพักหลังๆเริ่มหนักข้อ ดูท่าว่าร่างบางจะไม่ลดละในการอ้อนหรือเอาใจเขาเลยแม้แต่น้อย ก็ว่าจะไม่คิดอะไรนะ จนกระทั่งวันหนึ่งท้องมันร้องจนอยากลงจากตึกไปหาอะไรกิน แต่กลับเจอผู้ชายสองคนที่กำลังมีใบหน้าคร่ำเครียดเหมือนคุยเรื่องสำคัญอะไรกันอยู่ เท่านั้นต่อมเสือกของคิมจงอินก็ทำงานทันทีก่อนที่จะย้ายตัวเองไปหลบหลังกำแพง
“แล้วนายจะทำยังไงต่อล่ะ?” เสียงงุ้งงิ้งเกินหน้าตาแบบนี้ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเจ้าของเสียงคือ หวง จื่อเทา
“ก็ไม่ทำยังไงหรอก อยู่แบบนี้ต่อไปก็สบายดีเหมือนกัน” ส่วนเสียงต่ำขัดกับหน้าตาน่ารักเช่นกันก็คือของ โอ เซฮุน
“นั่นมันข้ออ้างของคนแอบรักชัดๆ”
“น้อยๆหน่อย… ฉันรู้นะว่านายก็แอบรักคร…”
“ย่าห์! ชู่วว… นายนี่มัน ถ้ามีใครมาได้ยินเข้าล่ะ?”
“นายก็ต้องเก็บเรื่องของฉันเป็นความลับนะ”
“แน่นอน… ตราบใดที่เรื่องของฉันไม่เข้าหูอี้ฟานเก่อ”
“นายพูดชื่อเขาออกมาเองนะเทา”
“อ๊ะ แย่ล่ะ!”
“เอาน่า ไม่มีใครมาได้ยินเราคุยกันหรอก… ฉันจะไม่บอกใครว่านายชอบคริสฮยอง”
“ฉันก็จะไม่บอกใครว่านายชอบไค”
จงอินล่ะอยากจะตัดต่อมเสือกของตัวเองทิ้งโดยบัดดล… เขาไม่น่ามาได้ยินบทสนทนานี้เลยจริงๆ
“เฮ้อ…” พ่นลมหายใจออกมาเบาๆก่อนที่จะทิ้งตัวลงกับเตียง และมองเข้าไปในดวงตาของตัวเองผ่านทางกระจกนั่น
“คิม จงอิน… นายรู้ใช่มั้ยว่าเซฮุนชอบนาย?” ดวงตาเรียบเฉยสะท้อนกับผิวกระจก ก่อนปากจะพูดขึ้นมาทั้งๆที่อยู่ในห้องตัวคนเดียว
“แต่ทำไมนายถึงไม่รู้สักทีนะ…ว่านายน่ะ… อ๊า!!” มือหนาขยี้ผมตัวเองด้วยความหงุดหงิดปนรำคาญ เขาไม่สามารถกำจัดความรู้สึกนี้ออกได้เลย เป็นผู้ที่รู้ความลับที่อีกคนพยายามปิดไว้แต่กลับแสดงออกชัดเจนผ่านแววตาใสซื่อนั่น และต้องมาทำเป็นไม่รู้เรื่อง ตีเนียนไปกับอีกคนเพื่อคงความสัมพันธ์ที่เรียกว่าเพื่อน… ลำบาก เป็นสถานการณ์ที่ลำบากจนจงอินรู้สึกอยากจะโยนตัวเองลงจากหน้าต่างตอนนี้เลย
เพราะคำว่า ‘เพื่อน’ ที่เขากำลังรักษาอยู่นั้น มันก็เริ่มดูบิดเบี้ยวเกินไปในหัวใจของเขาเอง
เจ้าของผิวสีแทนกางแขนออกกว้างๆทั้งสองข้างก่อนที่จะทิ้งหลังลงกับเตียงนุ่ม ทั้งๆที่ขายังพาดห้อยขอบเตียง ส้นเท้าลอยขึ้นมานิดหนึ่งไม่ติดพื้นดีนัก เจ้าตัวแกว่งเท้าไปมาราวกับอยากจะแกว่งความเครียดในจิตใจให้ลอยหายไป เปลือกตาที่หนักอึ้งทำให้เขารู้สึกอยากงีบขึ้นมาเล็กน้อย… อืม… งีบรอเซฮุนอาบน้ำเสร็จแล้วค่อยไปอาบบ้างดีกว่า…
เปลือกตาปิดสนิท ก่อนที่ลมหายใจสม่ำเสมอจะพ่นออกมา โดยไม่ทันได้สังเกตว่ากระจกตรงหน้าเขามีแสงสีเขียวสว่างวาบโผล่ขึ้นในเสี้ยววิ…
.
.
.
แกร๊ก
“นายก็ไปอาบน้ำได้ล---“ คำพูดถูกกลืนลงคอทั้งหมดเมื่อเจ้าของผิวขาวเปิดประตูเข้ามาเห็นภาพตรงหน้า
คิม จงอิน นอนอยู่…
แต่มี คิม จงอิน อีกคนกำลังยืนยิ้มมองคิมจงอินคนที่นอนอยู่!
“…” ดวงตาเบิกกว้างกว่าเก่าเมื่อเห็นว่าจงอินที่ยืนอยู่หันขวับกลับมาก่อนจะเดาะลิ้นเบาๆ
“ไง~ เซฮุน” มือหนาโบกไปมาพลางฉีกยิ้มกว้าง ต่างจากอีกคนที่หน้าซีดเผือดจนแทบอยากจะล้มลงไปนั่งตอนนี้เลย
“นายตายแล้วหรอ?”
“ปากเสีย”
จงอินคนที่ยืนอยู่พองลมที่แก้มข้างหนึ่งก่อนจะมองด้วยสายตาคาดโทษ
“นายคือใคร? ทำไมถึง…หน้าเหมือนจงอิน”
“ใช่ ฉันก็คือหมอนี่” ไม่พูดเปล่า มือหนาชี้ไปยังร่างอีกคนที่ดูเหมือนจะหลับสบายดี
“…ฉันงงไปหมดแล้ว” เซฮุนขมวดคิ้วก่อนจะประกอบท่าทางด้วยการนำมือทั้งสองมานวดขมับแล้วตบเข้าที่หน้าตัวเองเป็นเชิงว่านี่ไม่ใช่ความฝัน ชวนให้อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอขึ้นมาเบาๆ
“เรื่องนั้นไม่ต้องไปสนหรอก…”
“…”
“ฉันก็คือตัวตนของจงอินนั่นแหละ ไม่ใช่คนอื่น ฉันก็แค่อีกด้านหนึ่งของจงอินคนที่รวบรวมทุกด้านเอาไว้” พูดพลางยิ้ม
“…นี่มันเรื่องบ้-”
“ฉันเป็นจงอินด้านที่ถอดออกมาแต่ความร่าเริงกับความมั่นใจในตัวเองยังไงล่ะ” จงอินคนที่ยืนอยู่พูดตัดบทก่อนจะกลั้วหัวเราะในลำคออีกครั้ง
“…” เซฮุนขมวดคิ้วหนัก
นี่เขาทำงานหนักไปหรือเปล่านะ?
“อืม… เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน โอ เซฮุน” รอยยิ้มกว้างถูกส่งมา เป็นรอยยิ้มที่น่ารักแต่ราวกับเคลือบอะไรบางอย่างไว้อยู่ ซึ่งทำให้ร่างบางรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรกับประโยคเมื่อครู่ของอีกคน
“นายชอบฉันใช่มั้ย?”
.
.
.
ราวกับเวลาถูกหยุดไว้ เซฮุนรู้สึกว่าลมหายใจตัวเองติดขัด ไม่ใช่เพียงเพราะที่คำถามที่ตรงไปตรงมาของจงอินคนที่น่าสงสัย แต่เพราะหลังจากที่เอ่ยปากถามแล้ว โดยที่ไม่รอคำตอบ ร่างหนาก็ก้าวขายาวเข้ามาประชิดกับตัวอีกคนพลางยกยิ้มมุมปาก และไม่ลืมที่จะหัวเราะในลำคออย่างพึงพอใจ
“อ...อะไร..ของนาย” รู้สึกถึงใบหน้าที่ร้อนเห่อขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ว่ากันว่าโอเซฮุนน่ะเก็บอาการเก่ง แต่ตราบใดก็ตามที่คนตรงหน้าเขาเข้ามาประชิดตัวขนาดนี้ ไม่รู้หรอกว่าเป็นจงอินตัวจริงหรือเปล่า แต่จมูกทู่ๆกับสันกรามคม รวมไปถึงดวงตานั่นที่เขาคุ้นเคยเกินกว่าจะมองคนตรงหน้าเป็นคนแปลกหน้า… มันทำให้อาการที่เขาคิดว่าเก็บได้ดีมาตลอดกลับเริ่มอ่อนปวกเปียกและละลายราวกับขี้ผึ้งถูกลนไฟ
“นายหลอกตัวเองไม่ได้หรอก ฉันรู้หมดทุกอย่างนั่นแหละ” ลมหายใจร้อนรดปะทะเข้ากับใบหน้าหวาน นั่นยิ่งทำให้ร่างบางหดคอตัวเองแล้วเลี่ยงมองไปทางอื่นอย่างช่วยไม่ได้ ‘นี่มันใกล้เกินไปแล้ว!’ คิดได้ดังนั้นเซฮุนจึงพยายามผลักอกอีกคนออก
แต่ราวกับรู้ทัน ข้อมือขาวถูกรวบตึงไว้ด้วยมือขวาข้างเดียวของอีกคนแล้วจับไขว้ไว้ข้างหลังของตัวเอง ก่อนจะดันร่างของเซฮุนให้ชิดกับผนังห้อง เพื่อทุ่นแรงที่ต้องพันธนาการข้อมือคู่นั้นไว้
“น..นี่! นายเป็นบ้าไปแล้วหรือไง?” น้ำเสียงแผ่วอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่เพียงเพราะตกใจกับการกระทำที่อุกอาจของอีกฝ่าย แต่เพราะเขาได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากเตียงนอนข้างหลังบุคคลอันตรายนี่ เสียงครางเบาๆในลำคอ กับร่างของจงอินที่หลับอยู่ ที่ค่อยๆลุกขึ้นมาพลางขยี้ตาแล้วหาวหวอด
“จงอิน…” เซฮุนกระพริบตาอีกครั้งแล้วมองร่างของจงอินทั้งสองคนสลับกันไปมา นี่ไม่ใช่ความฝัน? ไม่ใช่วิญญาณที่หลุดออกจากร่าง? แล้วนี่เป็นใคร… แล้วคนที่นอนอยู่เป็นใคร? คนไหนคือจงอินตัวจริง?
“ฮ..เฮ้ย!?” เหมือนว่าจงอินคนที่เพิ่งตื่นจะตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นภาพตรงหน้าใน จงอินคนที่ยืนอยู่ยิ้มออกมาบางๆก่อนที่จะปล่อยพันธนาการที่ข้อมือเล็กออก แล้วหมุนตัวกลับมายิ้มให้กับบุคคลที่กำลังนั่งทำหน้าเหวออยู่บนเตียง
“ตื่นแล้วหรอจงอินอ่า~?” น้ำเสียงที่เรียกอย่างสนิทสนม ทำให้จงอินที่เพิ่งตื่นสัมผัสได้ว่ามันไม่ต่างจากเสียงของเขา คนที่อยู่ตรงหน้านี่ไม่มีอะไรต่างจากเขาเลย
สิ่งที่เขาต้องตั้งคำถามให้กับตัวเองตอนนี้คืออะไรกันแน่? ระหว่าง…
คนๆนี้เป็นใคร?
ทำไมคนๆนี้ถึงเหมือนเขาราวกับฝาแฝด…ไม่สิ ราวกับคนๆเดียวกันเลย?
ทำไมคนๆนี้ถึงอยู่ในท่าล่อแหลมกับเซฮุนเมื่อกี้ก่อนที่เขาจะตื่นกันล่ะ?
“จงอิน…” เสียงของร่างบางงึมงำในลำคอ แต่ก็พอที่จะทำลายความเงียบชั่วครู่ขึ้นมาได้ จงอินทั้งสองคนหันไปตามเสียงเรียกนั้น ก่อนที่จงอินคนที่ยืนอยู่จะหัวเราะขึ้นมาเบาๆ
“เอางี้ดีกว่า… เรียกฉันด้วยชื่อในวงการก็แล้วกัน ไคน่ะ…ไค จะได้ไม่ต้องสับสน ใช่มั้ย?” รอยยิ้มร่าเริงยังคงถูกส่งมาอย่างต่อเนื่อง
“เซฮุน มาทางนี้… ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ฉัน” จงอินกดเสียงต่ำก่อนที่จะกวักมือเรียกอีกฝ่ายที่ยืนแข็งทื่อด้วยความตกใจติดกำแพงอยู่นิ่งๆ… อันที่จริงเขาไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าคนไหนคือจงอินตัวจริง แต่จากความที่จงอินที่ดูเหมือนจะเป็นตัวจริงก็ตกใจกับอีกร่างของตัวเองไม่แพ้เขา …ก็คงจะน่าไว้ใจกว่าคนที่ยืนฉีกยิ้มและทำอะไรแปลกๆเมื่อครู่น่ะนะ
เท้าบางรีบก้าวไปหาอีกคนบนเตียงก่อนจะจับชายเสื้อไว้แน่น จงอินเหลือบมองก่อนที่จะเลื่อนสายตามาปะทะอีกคนที่ยืนอยู่… คนที่ให้เรียกชื่อของตัวเองว่า ‘ไค’
“นายเป็นใคร ต้องการอะไร? ทำไมถึงเข้ามาในห้องนี้ได้?”
“อย่าทำท่าน่ากลัวแบบนั้นสิ… ฉันก็คือนายไงจงอิน”
“นายเป็นใคร ซาแซงแฟนหรือไง?” น้ำเสียงกดต่ำลงเพื่อขู่อีกคนให้รู้สึกกลัว แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเท่าไร
“คิดมากเกินไปแล้ว คำตอบมันก็อยู่ตรงหน้านายเนี่ย…ฉันก็คือนาย”
“ยังไม่เลิกล้อเล่นอีกหรือไง!? จะให้ฉันแจ้งตำรวจมั้ย หา?”
“ชู่วว์… ถ้ามีใครเข้ามาได้ยินเดี๋ยวจะคิดว่านายทะเลาะกับเซฮุนนะ เอางี้ อธิบายง่ายๆเลยแล้วกัน ฉันมาจากกระจกใบนั้น” ไม่พูดเปล่า มือหนาชี้ไปทางกระจกใบใหญ่ที่เพิ่งมาตั้งอยู่ในห้องของจงอินได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมง
“เหลวไหล…น่า…” ถึงจะไม่อยากเชื่อ แต่ถ้านึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ตั้งแต่ที่ได้รับกระจกมาอย่างน่าสงสัย จนเห็นคนที่ทุกอย่างคล้ายกับตัวเองมายืนพูดสบายใจเฉิบโดยที่ไม่มีทางจะเข้ามาจากทางอื่นได้เด็ดขาด เพียงแค่รหัสปลดล็อคประตูที่พี่ยองจินก็ขยันจะเปลี่ยนมันทุกอาทิตย์ ลำพังพวกเขาเองก็จะจำไม่ได้อยู่แล้ว… สิ่งที่ชายแปลกหน้าตรงหน้าพวกเขาพูดอาจจะ…เป็นเรื่องจริง?
“นายจะไม่เชื่อก็ได้นะ… แต่ฉันต้องรีบทำธุระของฉันให้เสร็จ ฉันมีเวลาแค่คืนเดียวก่อนที่จะกลับไปในกระจกนั่นอีกครั้ง เอ้า… ตอบฉันสิเซฮุน” วาดยิ้มยียวนไปทางร่างบาง ที่ดวงหน้าขาวเริ่มขึ้นสีระเรื่อเมื่อนึกย้อนถึงคำถามที่ร่างสูงตรงหน้าทิ้งท้ายเอาไว้ ตอนนั้นจงอินหลับอยู่… แสดงว่าจงอินตัวจริงอาจยังไม่รู้ถึงความจริงข้อนี้
ต้องหาทางยังไงก็ได้ให้จงอินไม่รู้เรื่องนี้!
“ร..เราไปคุยเรื่องนี้กัน…ที่อื่นดีมั้ย?” น้ำเสียงที่ตะกุกตะกักทำให้ร่างหนาที่นั่งอยู่ข้างๆหันมามองเซฮุนอย่างไม่เข้าใจ หมอนั่นมันคนแปลกหน้านะเฮ้ย... ทำไมอยู่ดีๆร่างบางที่สั่นกลัวราวลูกนกตอนนั้นถึงเอ่ยปากชวนตัวเขา… ไม่สิ คนที่หน้าคล้ายเขาไปคุยข้างนอกได้อย่างไม่กลัวอะไรเลยล่ะ?
“แหมๆ… ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันรู้เรื่องนี้ก็เพราะว่าฉันคือจงอิน… และแน่นอน ความทรงจำของพวกเราไม่ได้แบ่งเป็นสองส่วนนะ” ไคพูดขึ้นพลางยิ้ม ก่อนจะยกนิ้วชี้มาชี้หมุนวนๆที่ข้างขมับของตัวเอง
“….” ดวงตาเรียวเล็กเบิกโพลงก่อนที่ริมฝีปากแห้งผากจะอ้าออกเบาๆ… ไร้ซึ่งคำพูดใดๆออกมา เขารู้สึกอยากจะยืมพลังคาแรคเตอร์ของคนตรงหน้าเทเลพอร์ตหายไปจากตรงนี้ให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้
“หมายความว่าไง?” จงอินหันกลับมาถามเซฮุน คิ้วหนายังคงขมวดกันเป็นปมไม่หาย
“...” คนที่ถูกถามได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกถึงมือของตัวเองที่สั่นเทาไปหมด
“ทำไมต้องทำให้เรื่องมันยุ่งยากกันด้วยนะพวกนายนี่… ก็เรื่องที่เซฮุนชอบฉันไง” ไคกอดอกก่อนที่จะพูดขึ้นมาพร้อมแววตาเรียบเฉย
“หา? พูดอะไรไร้สาระน่ะ?... ฉันเนี่ยนะจะชอบนาย”
“ไม่มีทางอะ ฮ่าๆ ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก”
“เหลวไหล… เหลวไหลที่สุด เรื่องตลกอะไรเนี่ย”
ภายใต้ความเงียบที่มีแต่เสียงของเครื่องปรับอากาศ มีเพียงริมฝีปากบางที่พูดแก้ตัวขึ้นคนเดียวออกมาเรื่อยๆ ใบหน้าของเซฮุนรู้สึกชาไปหมด ทำได้เพียงแค่กลืนก้อนน้ำลายฝืดเหนียวในคอ เขาอยากจะเดินออกไปจากห้องนี้… ใช่ ออกไปก่อนแล้วค่อยกลับมาเคลียร์ทีหลัง ต้องรีบออกไป อย่างน้อยไปนอนห้องพี่ผู้จัดการหรือโซฟาห้องรับแขกสักคืนก่อนก็ได้
ขายาวพาร่างบางของตนเองเดินไปทางประตูห้องนอนที่เป็นจุดหมาย แต่แล้วก็ถูกแขนแกร่งของใครบางคนรั้งเอาไว้
“ไม่ได้นะเซฮุน… ถ้านายไป ธุระของฉันก็ไม่สำเร็จน่ะสิ” ไคยกยิ้มก่อนจะออกแรงกระตุกแขนเบาๆ ด้วยความที่เซฮุนยังตกใจอยู่ จึงไม่ทันได้ระวังและเซตามแรงอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย มือหนาอีกข้างตะปบท้ายทอยของร่างตรงหน้าอย่างหนักหน่วง สายตาสบกันได้เพียงครู่เดียว ก่อนที่ร่างบางจะได้เอ่ยปากถาม ใบหน้าคมก็โน้มลงไปบดเบียดกลืนกลีบริมฝีปากบางของอีกคนแทบจะในทันที
“ฮึ…อื้อออ!” ร่างบางพยายามดันอีกฝ่ายออก ถอยหลังจนชนเก้าอี้ในห้องของจงอินล้มลง ไม่มีใครสนใจจะเข้าไปจับมันตั้งในลักษณะเดิม เซฮุนไม่แน่ใจว่าเพราะเขาแรงน้อยกว่าหรือลิ้นร้อนที่รุกล้ำเข้ามานั้นมันช่างหอมหวานราวกับสิ่งที่ฝันไว้ กำปั้นที่ทุบลงที่อกแกร่งจึงมีค่าเทียบเท่าปุยนุ่นไปโดยปริยาย
“…” จงอินมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยดวงตาเบิกโพลง ก่อนที่จะรีบลุกขึ้นแล้วจับทั้งคู่แยกออกจากกัน มือหนาผลักร่างแฝดของตัวเองไปชนกับกระจกอย่างแรง ก่อนที่มือซ้ายจะยันกระจกและยืนคร่อมร่างอีกคนไว้ …มีแต่สายตาที่ดุดันที่ถูกส่งไปให้ร่างเงาของเขาเอง
“กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงเป็นใคร… มาจากไหน หรือถึงจะเป็นอีกร่างนึงของกูจริงๆก็เหอะ แต่อย่ามาทำแบบนี้กับเพื่อนกู” เงื้อหมัดตรงหน้าพร้อมจะปล่อยใส่อีกฝ่ายตลอดเวลา ก่อนที่ดวงตาสีน้ำตาลจะเผลอเลื่อนมองไปที่บานกระจก…
ไม่มีเงา… ไม่มีเงาของเขาและคนตรงหน้าปรากฏอยู่บนกระจกใบนี้เลย
“แหมๆ… หึงโหดจังเลยนะตัวเราเนี่ย แต่ก่อนอื่นนะ… ธุระของฉันมันยังไม่เสร็จ”
“…”
“และมันก็ไม่ได้มีแค่อย่างเดียวด้วย… ไม่ต้องห่วงหรอกจงอิน ถ้าธุระของฉันเสร็จแล้วฉันก็จะหายไปเอง” ยิ้มเผล่ก่อนจะหยอกล้ออีกฝ่ายด้วยการยกมือขึ้นทั้งสองข้างราวกับถูกตำรวจสอบสวนอยู่
“ธุระของแกคืออะไร…” จงอินจ้องเข้าไปในดวงตาของอีกร่างของตน
“นั่นสินะ ถ้าอยากรู้ก็ปล่อยฉันสิ” ใบหน้าคมย้ายเข้ามาใกล้อีกคนเรื่อยๆพลางยิ้มยียวน
“แกจะทำอะไรเซฮุน?”
“ฉันก็แค่มาช่วย… คนที่ทำน่ะไม่ใช่ฉันหรอก”
“อะไรน-“
ยังไม่ทันที่จะพูดจบ นิ้วชี้และนิ้วกลางของไคก็สอดเข้าไปในปากของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว เกิดแสงวูบวาบประกายขึ้นเล็กน้อย อยู่ดีๆภาพตรงหน้าพร่ามัวไปหมดราวกับโปรยหยดน้ำปิดนัยน์ตาของเขา ตัดสลับกับความชัดเจนของใบหน้าที่เหมือนตนเองราวกับแกะ จงอินรู้สึกหน่วงหนักในหัวราวกับมีอะไรบางอย่างมาถ่วงไว้ ไม่นานนัก ที่อาการเมื่อครู่ก็หายเป็นปลิดทิ้ง... ภาพตรงหน้าก็กลับมาชัดเจนเหมือนปกติ เป็นจังหวะเดียวกับที่ไคชักนิ้วทั้งสองของตัวเองกลับไปเช็ดที่ชายเสื้อ
“เมื่อกี้…แกทำอะไร…”
“อยู่กับคนปากแข็งนี่มันเสียเวลาชีวิตจริงๆ… นี่มันก็ดึกแล้ว ฉันมีเวลาไม่มากหรอก”
“ฉันถามว่าแกทำอะ…ไร…”
ราวกับร่างกายเป็นหุ่นกระบอกไม้ กว่าร่างสูงจะรู้สึกตัวว่าไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้เลยก็เห็นจะเป็นตอนที่ไคดันแขนของเขาออกไปอย่างง่ายดายเนี่ยแหละ
ไคหันมายิ้มให้บางๆ ก่อนจะหันหน้ากลับไปหาร่างบางที่มีอาการสั่นเทา ความตกใจเมื่อครู่ทำให้เขาลืมคิดเรื่องที่จะหนีคนตรงหน้าไปเสียสนิท… แต่ถ้าหนีไป…จงอินจะเป็นอะไรมั้ย? เหตุการณ์แปลกๆเมื่อกี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างสูงตัวแข็งทื่อไปแบบนั้นใช่หรือเปล่า? เขาควรต้องทำยังไงกับเหตุการณ์ตอนนี้ดี?
“นายชอบฉันใช่มั้ยเซฮุน?... แววตาของนายไม่ปฏิเสธว่าจูบของฉันเมื่อกี้มันทำให้นายเคลิ้ม” ไควาดแขนเป็นวงกว้างพาดบนไหล่ของอีกคนไว้พลางหัวเราะในลำคอ
“หุบปาก… แกทำอะไรจงอิน ทำให้เขากลับเป็นเหมือนเดิมเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือน” เซฮุนปกปิดความกลัวในใจของตนเอง เขาต้องรีบช่วยเพื่อนตรงหน้าก่อนที่จะมาคิดอะไรทั้งสิ้น
“คนเรามันปากแข็ง ก็ต้องมีบังคับกันนิดหน่อยเนอะ…” ไคคลี่ริมฝีปากยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะใช้เท้าเตะตัดข้อเท้าของอีกคนอย่างรวดเร็วและออกแรงกระชากคนที่กำลังตกอยู่ในความคิดของตนเองโยนลงไปบนเตียงนุ่ม
“…!” จงอินที่ยืนแข็งทื่ออยู่ ทำได้เพียงมองทั้งคู่สลับกันไปมา เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ปากกลับไม่สามารถขยับได้ตามใจนึก จะมีเพียงดวงตาของเขาที่มองเห็นแต่เซฮุนที่กำลังร้องโอดโอยกับการที่ข้อเท้ากระแทกกับขอบเตียงจากเหตุการณ์เมื่อครู่ กับไคที่กำลังเดินเข้าไปหาร่างบางอย่างใจเย็น พร้อมกับมือหนานั่น
“แก…อื้มมมม…” อีกครั้งที่ริมฝีปากบางถูกครอบครองโดยบุคคลที่คล้ายจงอินไปเสียทุกอย่าง ยอมรับเลยว่าตอนนี้จิตใจของเซฮุนกำลังโลเล… เหมือนมาก… คนตรงหน้าเหมือนจงอินเวลาที่หยอกล้อกับเขาในตอนที่อารมณ์ดี คำพูดคำจารวมทั้งแววตาทั้งหมดที่เหมือนกำลังจะบอกอะไรบางอย่างนั่นก็ด้วย กล้ามเนื้อตรงแขนที่เขากำลังเค้นมือเกาะกุมอยู่ก็ให้สัมผัสเหมือนจงอินตัวจริงไม่ผิดเพี้ยน
ก่อเกิดความรู้สึกที่ทับซ้อนกัน ทั้งรู้สึกผิดกับตัวเอง และอยากกอบโกยความสุขจากคนตรงหน้า…
เมื่อถูกฝ่ามือบางทุบประท้วงหาอากาศหายใจ ริมฝีปากหนาจึงค่อยๆเลื่อนออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะจุมพิตที่กลีบริมฝีปากบวมเจ่อของร่างข้างใต้อีกครั้ง
“ฉันจะทำให้นายมีความสุขเอง…”
“…”
“อย่างที่ฉันอยากทำมาโดยตลอด” เสียงแหบพร่ากระซิบเข้าที่ใบหูแดงของอีกฝ่าย
CUT.
.
.
.
“โอ้แม่เจ้าเว้ย!” เสียงทุ้มที่ตะโกนดังขึ้น ทำให้มือขาวต้องขยี้ตาก่อนจะกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับแสงที่ลอดผ่านผ้าม่านมาแยงลูกตาจนน่ารำคาญไปหมด
อืม… เจ็บสะโพกจัง…
อ๊ะ… ชานยอลฮยองนี่นา… ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ
เอ๋?...
“โห… ไม่เบาเลยนี่หว่า เล่นซะเก้าอี้ล้มลืมเก็บเลย” ร่างสูงหัวเราะพลางยกเก้าอี้ดีไซน์สวยขึ้นมาตั้งให้เป็นปกติ
“ชานยอล…เอ่อ…” เสียงหวานใสของพี่อีกคนทำให้เซฮุนรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาหลังจากตั้งสติดีๆแล้วมองเห็นรุ่นพี่ร่างเล็กที่ยืนอยู่หลังชานยอลฮยอง
“ใครน่ะ…” เสียงทุ้มนุ่มข้างหูทำเอาเซฮุนตกใจขึ้นอีกครั้ง
“…”
“อ๊ะ… ชานฮยอง แบคฮยอง…อรุณสวัสดิ์ครับ” จงอินก้มหัวเล็กน้อย ทั้งๆที่แขนเขาก็ยังตวัดโอบเอวร่างบางไว้… เหมือนจะค่อยๆกระชับให้แน่นขึ้นด้วย
“ว่าจะมาหยิบกระเป๋าตังค์เฉยๆน่ะ… ไม่นึกว่าจะได้เห็นของดี” คนตัวสูงยิ้มกว้างโชว์ฟันครบสิบเก้าซี่รับกับหูกางๆ พลางโบกกระเป๋าสตางค์หนังชั้นดีในมือไปมา
“…” โอเซฮุนได้แต่เม้มปากเข้าหากันแน่น …ร้อน ใบหน้าร้อนฉ่าไปหมดแล้ว…
“ถ้างั้นให้เวลาส่วนตัวเค้าเหอะชาน” มือเล็กของแบคฮยอนกระตุกที่ชายเสื้ออีกฝ่าย ริ้วแดงขึ้นที่หน้าเพราะเขินแทนมักเน่ไลน์ที่มีเพียงผ้านวมหนาคลุมตัวทั้งคู่…
ดูจากกองเสื้อผ้าที่กระจายอยู่รอบๆเตียงน่ะนะ…
“เอ้อ กระจกใบใหม่นี่เหมือนใบเก่ามากเลยอะ นายไปหามาจากไหนเนี่ย? ดีนะที่คยองซูยังไม่กลับมา... อ๊ะ ไปก่อนนะ ช้าเดี๋ยวเมียงอน คิก…” เหลือบตามองกระจกเงาเต็มตัวที่มาแทนอันเก่าอย่างเห็นได้ชัด เพราะรอยร้าวที่หายไปนั่นแหละ… ก่อนจะเดินออกไป ไม่วายโดนแบคฮยอนทุบเข้าที่สีข้างแต่กลับดูไม่สะทกสะท้านแต่ระริกระรี้กว่าเดิมเสียอีก
“เพราะกระจกนั่นแท้ๆเลยเนอะ…” เป็นจงอินที่ทำลายความเงียบ
“อ่า…”
“แต่ก็ต้องขอบคุณจริงๆ” ริมฝีปากหนาคลี่ยิ้มก่อนจะกดจูบผิวเนียนใสของอีกคนเบาๆ
“…กระจกน่ะหรอ?”
“ขอบคุณนายมากกว่า…”
“…”
“ขอบคุณที่รักฉันนะโอเซฮุน”
“อื้อ… ขอบคุณเหมือนกัน คิมจงอิน”
หลงเหลือเพียงรอยยิ้มของทั้งคู่ที่ส่งให้กัน ก่อนที่ใบหน้าของทั้งสองฝ่ายจะค่อยๆโน้มเข้าหากันอีกครั้งท่ามกลางแสงแดดอบอุ่นที่สาดส่องขึ้นมาบ่งบอกถึงการเริ่มวันใหม่
ที่พวกเขาจะมีกันและกันตลอดไป…
--------
Talk :
สวัสดีค่ะ นี่ก็เพิ่งเปิดฟิคเป็นครั้งแรกเลยสำหรับวงนี้ใน dek-d
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ!
ฉาก CUT ดูได้ที่ไบโอทวิตเราเลยนะคะ @Buffbearz
ความคิดเห็น