ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [exo] SF & OS by Buffbearz

    ลำดับตอนที่ #1 : [SF] 2ndshop : Mirror [KaixHunxJongin]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 673
      3
      20 มี.ค. 58

           2nd Shop
           Mirror

          Pairing : Kai x Sehun x Jongin

     


               หน้าเว็บไซต์โทนสีน้ำตาล-ครีม ออกแนวซีเปียหน่อยๆถูกเลื่อนสกรอล์ลงมาเรื่อยๆราวกับไร้จุดหมาย แต่ดวงตาคมสีกาแฟที่จับจ้องอยู่เบื้องหน้าจอโน้ตบุคเครื่องเก่งนั้นกลับกำลังไล่หาอะไรบางอย่างอยู่อย่างที่เจ้าตัวรู้ดี

     

     

                เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อ 2 วันก่อน

     

                “มงกูย่าทำไมวันนี้นายถึงดื้ออย่างนี้น่ะ หา?” จงอินเค้นเสียงขึ้นเบาๆใส่พุดเดิ้ลทอยที่เขาเป็นเจ้าของ ในบางครั้งน้องหมาของเขาก็ถูกทักว่ามันไม่ควรเกิดมาเป็นพุดเดิ้ลทอยเลย เพราะความที่มันมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าพุดเดิ้ลธรรมดาโตเต็มวัยนี่แหละ ไม่รู้เพราะแม่เลี้ยงตามใจมันมากไปหรือเปล่ากันนะ? เจ้าตัวใหญ่สีน้ำตาลขนปุยวิ่งซนไปมารอบห้องได้สักระยะหนึ่งแล้ว แม้จะพยายามคว้าตัวไว้แต่เขาก็คงต้องโทษตัวเองที่ลืมตัดเล็บให้กับมัน จนฝากรอยข่วนเอาไว้ที่ผิวสีแทนไว้ดูให้เจ็บใจเล่น

     

     เฮ้อ… ให้วิ่งเล่นอีกสักหน่อยก็แล้วกัน สงสัยเพราะตื่นเต้นกับสถานที่ใหม่

     

    อ๋อ ใช่แล้ว เหตุผลที่มันมาอยู่ที่นี่ก็เพราะว่าวันนี้ที่บ้านของเขาติดธุระกันทุกคน คุณนายคิมที่ห่วงหมามากกว่าลูกจึงฝากเจ้าหมาขี้เหงาตัวนี้ไว้ที่จงอิน มันก็เลยต้องมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้เป็นเวลา 1 วัน ถึงแม้จงอินจะเคยพามงกูไปที่ตึก SM แต่เขาก็ไม่เคยพามาในห้องนอนที่หอใหม่นี่เลยสักครั้งเดียว

                ทันทีที่ปล่อยมันลงกับพื้น เจ้าตัวใหญ่นี่อาจจะตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก มันจึงได้แต่วิ่งวนไปดมถุงเท้าของชานยอลบ้าง  ตะกร้าเสื้อผ้าของคยองซูบ้าง จนตะกร้าเอนและล้มลง มันกระโดดเข้าไปคลุกเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายแล้วยิ้มพลางห้อยลิ้นเหมือนว่ามีความสุขที่สุดในสามโลกกับฟีลลิ่งการได้สูดดมกลิ่นเหงื่อของดีโอแห่งวงเอ็กโซ

     

                อะไรก็ได้แต่อย่าให้มันชนของตกแตก…” ชานยอลที่นั่งเกากีตาร์โปร่งเบาๆอยู่ในห้องพูดขึ้นมาก่อนที่จะ…

     

                เพล้ง!

     

                “…ก็แล้วกัน…” ยังไม่ทันจะขาดคำ เจ้าของเสียงทุ้มก็ฟาดมือเข้ากับหน้าผากของตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ

     

                กระจกเงาขนาดเต็มตัวที่อยู่มากว่า 2 ปีกับหอพักของพวกเขา ไม่เคยมีแม้กระทั่งรอยขีดข่วนหรือเศษกาวใดๆติดอยู่ทั้งสิ้น กลับเละและแตกเป็นเสี่ยงๆด้วยฝีมือของเจ้าหมาบ้าพลังนี่

     

                ปาร์ค ชานยอล มองหน้าคิม จงอิน อย่างคาดโทษ ก่อนที่น้องเกือบเล็กที่สุดในวงจะหันมายิ้มแหยๆให้

     

                .

                .

                .

     

                และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าของผิวแทนค่อนไปทางดำนั่งหน้าคร่ำเครียดอยู่กับจอโน้ตบุคที่ปรากฏเว็บไซต์ของร้านขายของมือสองที่เผลอเสิร์ชเจอใน naver พอดี ด้วยที่เป็นหน้าเว็บไซต์แรกที่เด้งขึ้นมา กับรูปแบบที่เรียบง่าย โล่ง และดูท่าทางเข้าใจง่ายดี มือหนาไม่ลังเลที่จะคลิกเลือกที่จะลองหาสิ่งของที่ตนเองต้องการในร้านนี้เป็นร้านแรก แต่จะว่าไปก็มีจุดน่าแปลกใจเล็กน้อยตรงราคาของสิ่งของทุกชิ้นในร้านมันเขียนเอาไว้ว่า

     

                สิ่งของที่เป็นเหตุผลที่ทำให้คุณอยากได้สิ่งของชิ้นนี้

     

                หมายความว่าอะไรน่ะ?

     

                ต้องขอบคุณที่มุมขวาของเว็บไซต์ได้มีปุ่ม แชทกับพ่อค้าให้เขา นิ้วสไลด์แพดไปกดเข้าที่ปุ่มนั้นเบาๆ ก่อนที่หน้าต่างช่องแชทของเว็บไซต์นั้นจะเด้งขึ้นมา ขึ้นเป็นแท็บชื่อว่า 2ndshop และสัญลักษณ์จุดสีแดงข้างๆชื่อนั้น

     

                คุณ entered conversation

     

                คุณ : สวัสดีครับ พอดีผมมีข้อสงสัยอะไรนิดหน่อยน่ะครับ

     

                2ndshop is online

     

                2ndshop : ว่ามาเลย : )

     

                ในเวลาเพียงเสี้ยววินาที จุดสีแดงที่มุมขวาก็กลายเป็นสีเขียวเพื่อบ่งบอกสถานะออนไลน์ทันที ก่อนที่ทางร้านจะตอบกลับมารวดเร็วราวกับตั้งโปรแกรมอัตโนมัติไว้ เออ ดีแฮะ ไม่เหมือนบางร้านที่ตอบช้าจนไม่แน่ใจว่าจะขายของหรือตั้งโชว์ไว้ให้ลูกค้าเจ็บใจเล่น

     

                คุณ : เกี่ยวกับราคาของสิ่งของน่ะครับ

     

                2ndshop : อ๋อ 5555555 ว่าแล้วว่านายต้องสงสัย มีลูกค้าหลายรายเลยแหละที่สงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เอางี้นะ เหตุผลที่นายอยากได้สิ่งของชิ้นนั้นคืออะไรล่ะ?

     

                คุณ : ผมทำกระจกแตก เลยต้องหากระจกใหม่มาใช้แทนน่ะครับ

     

                2ndshop : สิ่งที่นายต้องแลกกลับมาคือ กระจกที่แตกไปแล้วนั่นไงล่ะ

     

                คุณ : เอ๊ะ? ง่ายขนาดนั้นเลยหรอครับ?

     

    ร่างหนาขมวดคิ้วนี่มันร้านอะไรกันเนี่ย? ไม่ต้องการเงิน แต่กลับต้องการของที่พังไปแล้วเนี่ยนะ แต่ก็ดี จะได้ไม่ต้องเสียเงินหวังว่าคงจะไม่โดนหลอกหรือซ่อนกล้องอะไรใช่มั้ยวะ? เขาหันซ้ายแลขวาเผื่อจะมีเมมเบอร์สักคนวิ่งเข้ามาตุ้งแช่ใส่แต่แล้วก็พบกับความเงียบล้วนๆ

     

                2ndshop : ช่ายยยย ถ้าอย่างนั้นนายก็หากระจกใบที่ถูกใจแล้วก็กดที่ปุ่ม แลกได้เลยนะ~

     

                2ndshop : ฉันไปล่ะ~ ขอบคุณสำหรับการอุดหนุนนะ! คิม จงอิน!

     

                2ndshop is offline

     

                ยังไม่ทันที่จงอินจะได้ตอบอะไรกลับไป ข้อความที่ถูกส่งมาอย่างรวดเร็วจากทางร้านก็ปรากฏขึ้น ก่อนจะขึ้นสถานะออฟไลน์ไปในทันที

    จะว่าไปเขาก็ไม่ได้บอกชื่ออีกฝ่ายไปนี่นา? หรือว่าบอกไปกันนะ… จงอินเลื่อนขึ้นไปเช็คแต่ก็ไม่มีชื่อของเขาปรากฏในบทสนทนาเลยแม้สักนิด อีกอย่างหนึ่งเว็บไซต์ขายของมือสองนี้ก็ไม่มีระบบสมัครสมาชิกอะไรเทือกนั้นด้วย เขาเลิกคิ้วอย่างสงสัย ก่อนที่จะยักไหล่แล้วเลื่อนสกรอล์เมาส์ขึ้นไปยังช่อง search แล้วพิมพ์คำว่า กระจก เข้าไป

     

                นั่นแหละคือสาเหตุที่เขากำลังนั่งเลือกกระจกที่มีหลากหลายรูปแบบในเว็บไซต์แห่งนี้ เนื่องจากชานยอลบอกว่าถ้าคยองซูกลับมาจากการถ่ายแบบที่ต่างประเทศ แล้วเห็นว่ากระจกที่เจ้าตัวซื้อมาแตกยับเยินขนาดนี้ แท็ก #คยองซูผู้โหดสัส ในทวิตเตอร์คงขึ้นเทรนด์โลกไปอีกสามเดือนพร้อมรอยแผลที่จะฝากไว้ที่เขาอย่างเต็มรัก ไม่นานนัก บนหน้าจอโน้ตบุคก็ปรากฏรูปภาพพรีวิวของกระจกเต็มตัวสูง 6 ฟุต สไตล์โมเดิร์นกรอบสีดำดูธรรมดาแต่เข้าตาคิมจงอิน เพราะมันแทบไม่ต่างอะไรกับกระจกที่คยองซูซื้อมาเลย ถ้าเอามาเนียนเป็นกระจกใบเดิมก็คงไม่มีใครสงสัย อีกอย่างหนึ่งก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากชานยอลกับเขาเองอีกด้วย

     

                ชื่อสินค้า : กระจกเงา ขนาด 6 ฟุต

                รายละเอียด : กระจกเงาสไตล์โมเดิร์น กรอบสีดำ ขนาด 6x…ฟุต

                เรื่องราว : [คลิก]

                สิ่งที่ต้องแลก : สิ่งของที่เป็นเหตุผลที่ทำให้คุณอยากได้สิ่งของชิ้นนี้

     

    [แลก]    [ย้อนกลับไปหน้าที่แล้ว]

     

     

                ปุ่ม แลกถูกกดแทบจะในทันที เขาไม่สนใจถึงเรื่องราวอะไรหรอกนะ ก็คงเป็นแค่เรื่องของสินค้ามือสองธรรมดาตามชื่อเว็บไซต์ ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่ซีเรียสเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลยแม้แต่น้อย ก็แค่ของมือสอง ใช่ว่าจะมีอะไรติดตามมาทุกอย่างซะที่ไหนล่ะ..

                หลังจากนั้นที่ข้อความสีน้ำตาลออกแดงหน่อยๆ กับรูปแบบฟอนท์ที่เข้ากับเว็บไซต์อย่างบอกไม่ถูกจะปรากฏขึ้น

     

                ขอบคุณที่ใช้บริการ กรุณารอสักครู่ พนักงานของเรากำลังทำการจัดส่งสินค้า

     

                หืม?...

     

     

                ‘ปิ๊ง ป่อง

     

                จงอินสะดุ้งโหยง อย่าบอกนะว่า?

     

                “นั่นใครครับ?” มือหนากดปุ่มสปีกเกอร์ไว้ในขณะที่พยายามมองจอมอนิเตอร์ เหมือนว่าจะเป็นบุรุษย์ไปรษณีย์ธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น

     

                มีพัสดุจากร้าน 2ndshop ครับมือหนาปล่อยจากปุ่มสปีกเกอร์ด้วยความตกใจ เขายังไม่ทันที่จะได้กรอกข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่จัดส่งเลยด้วยซ้ำ ไม่สิมันไม่มีให้กรอกอะไรเลยนี่นา แม้กระทั่งเบอร์โทร.ติดต่อ ทางร้านก็ไม่ได้ขอไว้ด้วยซ้ำ ทำไมถึงรู้ที่อยู่ของเขาได้ล่ะ?

     

    .

    .

    .

               

                แต่แล้วกล่องกระดาษลังสีน้ำตาลอ่อนๆก็ได้ย้ายเข้ามาอยู่ในห้องรับแขกเป็นที่เรียบร้อย จากการสอบถามพนักงานก็ทำให้เขาได้รู้ว่าพัสดุนี้ไม่มีที่มาที่ไป ไม่มีชื่อที่อยู่ผู้ส่งให้ตีกลับ จะมีก็แต่ชื่อและที่อยู่ของผู้รับอย่างเขา คิม จงอิน” มือหนาจับคัตเตอร์อันใหญ่ในมือไว้แน่นก่อนจะกดลงกรีดเทปกาวหนาเพื่อเปิดกล่องออก พลางกลืนน้ำลายด้วยความลุ้นภายในจิตใจ แม่งจะเป็นซาแซงแฟนหรือเปล่าวะ? ที่แบบติดกล้องวงจรปิดหรือตั้งกล้องวงจรปิดไว้แล้วรู้พอดีว่าเขากำลังต้องการไอ้กระจกนี่อยู่พอดี ‘สงสัยจะอ่านนิยายมากไป’ เขาสะบัดความคิดฟุ้งซ่านในหัวก่อนที่จะแกะมันออกอย่างระวังมือ

     

                ปรากฏบานกระจกใหญ่ กรอบของมันสีดำสนิทเหมือนกับขาตั้งที่เป็นทรงสามเหลี่ยม  เฉียบบางจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกับกระจก แต่ดูคงทนไม่มีปัญหาอะไร ตัวแผ่นกระจกเงาไร้รอยขีดข่วนเพราะทางร้านปริศนานั่นได้ห่อที่ห่อกันกระแทกมาอย่างดี

     

                จงอินยกกระจกขึ้นเพื่อที่จะย้ายมันเข้าไปไว้ในห้องนอนของตัวเอง เออ จริงด้วย เขายังไม่ได้ย้ายกระจกอันเก่าออกไปเลยนี่นา…

     

                แต่มือหนาบิดลูกบิดเมื่อประตูห้องเปิดออกมา กลับทำให้เขาประหลาดใจกว่าเดิม กระจกใบเดิมหายไปแล้ว มันหายไปแล้ว

     

     

                ติ๊ง!’

     

                เสียงจากจอโน้ตบุคที่วางไว้นิ่งๆดังขึ้นมา จงอินรีบวางกระจกไว้ก่อนที่จะพุ่งเข้าไปที่โต๊ะทำงาน เว็บเพจสีซีเปียที่เขาเปิดค้างทิ้งไว้ปรากฏกล่องข้อความที่เหมือนจะถูกเขาปิดไปแล้ว แต่กลับเด้งขึ้นมาโชว์หราอยู่ที่มุมขวาล่างเหมือนเดิม

     

                2ndshop is online

     

                2ndshop : ได้รับพัสดุแล้วใช่มั้ยล่า~?

     

                2ndshop : เราก็รับของๆนายไปแล้วนะ~ ขอให้มีความสุขกับของที่แลกไปนะ โชคดีจ้า

     

                2ndshop is offline

     

                หา?ร่างสูงขมวดคิ้วกับตัวเองอย่างสงสัย นี่มันอะไรเนี่ย? คนๆนี้มันเป็นใครกัน เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะนั่งลง ปรับสายตาระดับหน้าจอโน้ตบุคก่อนที่จะรัวนิ้วพิมพ์คำถามลงไป

     

                2ndshop is offine

     

                คุณ : นายเป็นใครน่ะ?

     

                คุณ : นี่ บอกมานะ

     

                คุณ : ผมรู้นะว่านายยังอยู่

     

                คุณ : ไม่อย่างนั้นผมจะแจ้งตำรวจนะ

     

               

                เงียบ… ไม่มีคำตอบใดๆจากเว็บร้านขายของมือสอง นอกจากตัวอักษรให้ดูต่างหน้าว่าอีกฝ่ายออฟไลน์ไปแล้วเท่านั้น เขาได้แต่ขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัยที่ทวีคูณขึ้นไปอีกเมื่อนึกถึงหลักเหตุและผลที่น่าจะเป็นไปได้

     

                หรือผีหลอกวะ

     

                เฮ้ย จงอิน!” เสียงที่คุ้นเคยของรูมเมททำให้เขาเลิกคิดเรื่องนั้นไปชั่วคราว ก่อนจะชะโงกหน้าออกไปมองตามต้นเสียง

     

                “ครับ?” เลิกคิ้วข้างหนึ่งก่อนจะมองไปทางคนตัวสูง

     

                คือแบบว่าวันนี้มีเรื่องจะขอหน่อยอะชานยอลยิ้มแหยๆพลางประกบมือไหว้ พาลให้อีกคนทำหน้าตกใจแล้วรีบปรี่ไปแกะมือคนที่อายุมากกว่าแทบจะในทันที

     

    .

    .

    .

     

                อ่า ได้สิครับปากดูดไข่มุกขึ้นจากหลอดสีสดใสของแก้วชานมไข่มุกในมือ ก่อนจะพยักหน้าให้กับร่างสูง

     

                ขอบคุณมากๆเลยนะชานยอลหัวเราะออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะไขว่ห้างบนโซฟาตัวเล็กแล้วหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องเก่งออกมาไถอย่างสบายใจ ดูจากที่คนตัวสูงผิวปากไปด้วยน่ะนะ

     

                ว่าแต่ ไปทำอะไรให้พี่แบคเขาโกรธขนาดนั้นน่ะครับ? ถึงกับต้องไปง้อกันในห้องเลย” ถึงแม้จะถามออกไปตรงๆอย่างไม่คิดอะไร แต่กลับถูกสายตาตวัดค้อนกลับมา… ก่อนที่หมอนอิงใบเล็กบนโซฟาจะถูกย้ายมาฟาดเข้าที่ไหล่ของเขา

     

                เฮ้อ เกิดเป็นมักเน่นี่ลำบากจริงๆ โดนแต่พี่ๆตีและข่มเหง...

     

                “เรื่องนั้นน่ะช่างมันเถอะ แค่คืนเดียวแหละ นายก็ไปนอนกับจงอิน ส่วนฉันก็ขอนอนกับแบคฮยอน ฉันขอจงอินไว้ก่อนหน้านี้แล้วแหละชานยอลตอบพลางชูสมาร์ทโฟนสุดเหยียดแขนขึ้นข้างบน สลับโหมดกล้องโทรศัพท์เป็นเซลก้าโหมด และมืออีกข้างก็ชูสองนิ้วคาดตาอย่างที่เจ้าตัวทำเป็นประจำ พลางยกยิ้มมุมปาก

     

                หืม?... แล้วจงอินเขาว่ายังไงน่ะครับ?เขาถามออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่สุด

     

                ก็ต้องโอเคน่ะสิ ฉันเลยมาขอนายต่อไง แล้วตอนนี้ฉันก็โล่งใจมากๆแล้วด้วยเพราะฉันมีแผนง้อแบคฮยอนนี่แล้วไงล่ะ” คนตัวสูงหันมายิ้มให้น้องเล็กก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาถ่ายเซลก้าต่ออย่างไม่ลดละ

     

                “ถ้ากล้าเรียกการง้อแบบนั้นว่าแผน

     

                “…”

     

                “โอเค ไปก็ได้” เซฮุนยักไหล่ก่อนจะเขย่าแก้วพลาสติกใส พลางลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปทางห้องรับแขก

     

                ก่อนที่จะเจอกับเจ้าของกล่องลังที่แท้จริงที่กำลังพับเก็บมันอย่างทุลักทุเลอยู่

     

                “สั่งซื้ออะไรมาหรอ?” ดวงตาเรียบเฉยมองเจ้าของผิวสีแทนก่อนจะเอ่ยปากถามขึ้น

     

                เป็นเซฮุนอย่าขี้เสือกเฮ้ย ล้อเล่น 5555555” ยังไม่ทันจะจบประโยค ก็เห็นเท้าขาวๆที่กำลังซอยเข้ามาจะเหยียบเท้าเขา โชคดีที่หลบทัน

     

                 แล้วนี่สั่งมาส่งหอเลยหรอ โหดสัสอะเซฮุนชะโงกมองที่อยู่กับชื่อจริงของคนตรงหน้าที่แปะไว้พลางพูดขึ้น

     

                เอาจริงๆคือคนส่งนี่รู้ที่อยู่ได้ยังไงยังไม่รู้เลย

     

                หืม?... แสดงว่าได้มาหรอ?

     

                “จริงๆก็สั่งมาน่ะแหละ แต่ยังไม่ได้ให้ที่อยู่กับชื่อไปเลย น่าแปลกที่ฝั่งนั้นรู้ทั้งชื่อทั้งที่อยู่ของฉัน...

     

                “ของจากซาแซงแฟนหรอ?

     

                “เปล่า เปิดเป็นร้านด้วยซ้ำ ร้านขายของมือสองน่ะ

     

                “เอ๊ะ?...”

     

    โอย ช่างมันเถอะโบกมือปัดส่งๆก่อนจะพับกล่องลังต่อ ปล่อยให้อีกคนได้แต่ยืนงง

     

                “...” ขณะที่ปากคาบหลอดชานมไข่มุกไว้ แต่ดวงตาซุกซนกลับมองไปทั่วเรือนร่างของอีกฝ่าย ผิวสีแทนกับเสื้อกล้ามสีดำที่เจ้าตัวใส่อยู่ และกล้ามเนื้อที่แขนยิ่งเห็นเด่นชัดเมื่ออีกฝ่ายออกแรงดึงเชือกฝากที่มัดกล่องลังสีน้ำตาลนั่นให้แน่น…

     

                “เอ้อ…” เสียงของอีกคนทำให้เซฮุนสะดุ้งตกใจเล็กน้อย แต่เขามั่นใจว่าใบหน้าราบเรียบนั้นเก็บอาการเก่งเกินกว่าที่จะทำให้อีกคนสงสัย

     

                หืม?

     

                “คืนนี้นายมานอนห้องฉันใช่มั้ย? จะย้ายของก็ย้ายได้เลยนะ

     

                “เอ๊ะ?... แค่คืนเดียวเอง เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จก็แค่เดินไปนอนด้วยเฉยๆแหละ

     

                “พวกครีมบำรุงผิวอะ?

     

                “อ้อ…”

     

                “อื้ม จะได้ให้พี่ๆเค้าง้อกันสะดวก เผลอๆห้องล็อคนายไปเอาของไม่ได้นาจงอินพูดกลั้วหัวเราะ มือยังคงไม่ลดละกับการมัดเชือก

     

                งั้นไปเก็บของแปปเซฮุนตอบก่อนจะพาร่างตัวเองเดินกลับเข้าไปในห้อง

     

                ดวงตาคมตวัดขึ้นมองตามร่างอีกฝ่ายไปจนลับสายตา

     

                เขารู้เขารู้ทุกอย่างนั่นแหละ

     

    .

    .

    .

     

                “พรุ่งนี้มีตารางงานบ่ายนี่?” เซฮุนขมวดคิ้ว หลังจากเมื่อประมาณ 3 วินาทีที่แล้ว จอยเกมในมือของเขาถูกอีกคนแย่งไปจากมือด้วยเหตุผลว่า ควรนอนได้แล้ว

     

                “ฉันยังจำวันที่นายเล่นเกมยันตีห้าแล้วตื่นสาย ทำเอาพี่ยองจินคลั่งเลยนะวันนั้นน่ะ”  จงอินขมวดคิ้วก่อนที่จะกดเลือกเมนูปิดเกม ก่อนจะเดินไปปิดที่หน้าจอทีวีที่ยังค้างเกมบอลชื่อดัง เรียกใบหน้าบูดบึ้ง และริมฝีปากที่เบะคว่ำอย่างที่เจ้าตัวชอบทำจากร่างบางได้อย่างดี

     

                โห่ บ่นซะแก่

     

                ไปอาบน้ำเลยไป เหม็น

     

                “ไปอาบเป็นเพื่อนหน่อยดิ

     

                “…”

     

                “โอเคๆ ล้อเล่น ไม่ต้องทำหน้าโหดเป็นหมีขนาดนั้นเลยก็ได้เซฮุนยักไหล่พลางทำหน้าไม่ใส่ใจก่อนจะดันตัวขึ้นจากพื้นห้อง แล้วหยิบผ้าขนหนูพลางทำปากขมุบขมิบบ่นอีกคนจนพ้นประตูห้องไป

     

                “…”

     

    จงอินรู้ เขารู้ว่า โอ เซฮุน รู้สึกไม่เหมือนเดิมกับเขามาได้สักพักแล้ว

     

    เขารู้

     

    รู้ว่า โอ เซฮุน

     

     

    ตกหลุมรักเขา

     

     

    ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ที่น้องชายต่างเดือนเอ่อเรียกว่าเพื่อนดีกว่า ที่เพื่อนคนนี้เข้ามางุ้งงิ้งงอแงใส่เขา ตอนแรกจงอินก็คิดว่ามันปกติดีหรอกที่จะทำแบบนี้ตามสนามบินหรือออกสื่อบนเวทีหรืองานแฟนไซน์ แน่นอนว่าตลาด K-pop ในตอนนี้ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าคาแรคเตอร์หนุ่มหน้าหวานกับคู่จิ้นในวงมันกลายเป็นหนึ่งในจุดขายของสาวน้อยที่ช่างเพ้อฝันไปเรียบร้อยแล้ว มันจึงไม่แปลกไม่แปลกเลยที่ผู้ชายแมนทั้งแท่งทุกคนในวงจะเข้ามาจับไม้จับมือกัน หรือส่งสายตาแปลกๆเวลามองอีกคน ทุกอย่างที่พวกเขาทำไปก็เพื่องานเท่านั้นจริงๆ

     

    เอ้อยกเว้นพี่ชานยอลกับพี่แบคฮยอนน่ะนะสองคนนั้นเขา เอ่อนั่นแหละ

     

    แต่แล้วทุกอย่างก็ดูแปลกขึ้นมา เพราะในหอเซฮุนก็ยังคงมางุ้งงิ้งใส่เขาราวกับลูกแมวที่ขาดความเหงาไม่ได้ เป็นต้องเฉาตายอะไรทำนองนั้น จนพักหลังๆเริ่มหนักข้อ ดูท่าว่าร่างบางจะไม่ลดละในการอ้อนหรือเอาใจเขาเลยแม้แต่น้อย ก็ว่าจะไม่คิดอะไรนะ จนกระทั่งวันหนึ่งท้องมันร้องจนอยากลงจากตึกไปหาอะไรกิน แต่กลับเจอผู้ชายสองคนที่กำลังมีใบหน้าคร่ำเครียดเหมือนคุยเรื่องสำคัญอะไรกันอยู่ เท่านั้นต่อมเสือกของคิมจงอินก็ทำงานทันทีก่อนที่จะย้ายตัวเองไปหลบหลังกำแพง

     

    แล้วนายจะทำยังไงต่อล่ะ?เสียงงุ้งงิ้งเกินหน้าตาแบบนี้ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเจ้าของเสียงคือ หวง จื่อเทา

     

    ก็ไม่ทำยังไงหรอก อยู่แบบนี้ต่อไปก็สบายดีเหมือนกันส่วนเสียงต่ำขัดกับหน้าตาน่ารักเช่นกันก็คือของ โอ เซฮุน

     

    นั่นมันข้ออ้างของคนแอบรักชัดๆ

     

    น้อยๆหน่อยฉันรู้นะว่านายก็แอบรักคร…”

     

    ย่าห์! ชู่ววนายนี่มัน ถ้ามีใครมาได้ยินเข้าล่ะ?

     

    นายก็ต้องเก็บเรื่องของฉันเป็นความลับนะ

     

    แน่นอนตราบใดที่เรื่องของฉันไม่เข้าหูอี้ฟานเก่อ

     

    นายพูดชื่อเขาออกมาเองนะเทา

     

    อ๊ะ แย่ล่ะ!”

     

    เอาน่า ไม่มีใครมาได้ยินเราคุยกันหรอกฉันจะไม่บอกใครว่านายชอบคริสฮยอง

     

    “ฉันก็จะไม่บอกใครว่านายชอบไค”

     

    จงอินล่ะอยากจะตัดต่อมเสือกของตัวเองทิ้งโดยบัดดลเขาไม่น่ามาได้ยินบทสนทนานี้เลยจริงๆ

     

     

    “เฮ้อ…” พ่นลมหายใจออกมาเบาๆก่อนที่จะทิ้งตัวลงกับเตียง และมองเข้าไปในดวงตาของตัวเองผ่านทางกระจกนั่น

     

    คิม จงอินนายรู้ใช่มั้ยว่าเซฮุนชอบนาย?ดวงตาเรียบเฉยสะท้อนกับผิวกระจก ก่อนปากจะพูดขึ้นมาทั้งๆที่อยู่ในห้องตัวคนเดียว

     

    แต่ทำไมนายถึงไม่รู้สักทีนะ…ว่านายน่ะ… อ๊า!!” มือหนาขยี้ผมตัวเองด้วยความหงุดหงิดปนรำคาญ เขาไม่สามารถกำจัดความรู้สึกนี้ออกได้เลย เป็นผู้ที่รู้ความลับที่อีกคนพยายามปิดไว้แต่กลับแสดงออกชัดเจนผ่านแววตาใสซื่อนั่น และต้องมาทำเป็นไม่รู้เรื่อง ตีเนียนไปกับอีกคนเพื่อคงความสัมพันธ์ที่เรียกว่าเพื่อนลำบาก เป็นสถานการณ์ที่ลำบากจนจงอินรู้สึกอยากจะโยนตัวเองลงจากหน้าต่างตอนนี้เลย

     

    เพราะคำว่า เพื่อนที่เขากำลังรักษาอยู่นั้น มันก็เริ่มดูบิดเบี้ยวเกินไปในหัวใจของเขาเอง

     

    เจ้าของผิวสีแทนกางแขนออกกว้างๆทั้งสองข้างก่อนที่จะทิ้งหลังลงกับเตียงนุ่ม ทั้งๆที่ขายังพาดห้อยขอบเตียง ส้นเท้าลอยขึ้นมานิดหนึ่งไม่ติดพื้นดีนัก เจ้าตัวแกว่งเท้าไปมาราวกับอยากจะแกว่งความเครียดในจิตใจให้ลอยหายไป เปลือกตาที่หนักอึ้งทำให้เขารู้สึกอยากงีบขึ้นมาเล็กน้อยอืมงีบรอเซฮุนอาบน้ำเสร็จแล้วค่อยไปอาบบ้างดีกว่า

     

    เปลือกตาปิดสนิท ก่อนที่ลมหายใจสม่ำเสมอจะพ่นออกมา โดยไม่ทันได้สังเกตว่ากระจกตรงหน้าเขามีแสงสีเขียวสว่างวาบโผล่ขึ้นในเสี้ยววิ

     

    .

    .

    .

     

    แกร๊ก

     

    นายก็ไปอาบน้ำได้ล---“ คำพูดถูกกลืนลงคอทั้งหมดเมื่อเจ้าของผิวขาวเปิดประตูเข้ามาเห็นภาพตรงหน้า

     

    คิม จงอิน นอนอยู่

     

    แต่มี คิม จงอิน อีกคนกำลังยืนยิ้มมองคิมจงอินคนที่นอนอยู่!

     

    “…” ดวงตาเบิกกว้างกว่าเก่าเมื่อเห็นว่าจงอินที่ยืนอยู่หันขวับกลับมาก่อนจะเดาะลิ้นเบาๆ

     

    ไง~ เซฮุนมือหนาโบกไปมาพลางฉีกยิ้มกว้าง ต่างจากอีกคนที่หน้าซีดเผือดจนแทบอยากจะล้มลงไปนั่งตอนนี้เลย

     

    นายตายแล้วหรอ?

     

    ปากเสีย

     

    จงอินคนที่ยืนอยู่พองลมที่แก้มข้างหนึ่งก่อนจะมองด้วยสายตาคาดโทษ

     

    นายคือใคร? ทำไมถึงหน้าเหมือนจงอิน

     

    ใช่ ฉันก็คือหมอนี่ไม่พูดเปล่า มือหนาชี้ไปยังร่างอีกคนที่ดูเหมือนจะหลับสบายดี

     

    “…ฉันงงไปหมดแล้วเซฮุนขมวดคิ้วก่อนจะประกอบท่าทางด้วยการนำมือทั้งสองมานวดขมับแล้วตบเข้าที่หน้าตัวเองเป็นเชิงว่านี่ไม่ใช่ความฝัน ชวนให้อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอขึ้นมาเบาๆ

     

    เรื่องนั้นไม่ต้องไปสนหรอก…”

     

    “…”

     

    ฉันก็คือตัวตนของจงอินนั่นแหละ ไม่ใช่คนอื่น ฉันก็แค่อีกด้านหนึ่งของจงอินคนที่รวบรวมทุกด้านเอาไว้พูดพลางยิ้ม

     

    “…นี่มันเรื่องบ้-”

     

    ฉันเป็นจงอินด้านที่ถอดออกมาแต่ความร่าเริงกับความมั่นใจในตัวเองยังไงล่ะจงอินคนที่ยืนอยู่พูดตัดบทก่อนจะกลั้วหัวเราะในลำคออีกครั้ง

     

    “…” เซฮุนขมวดคิ้วหนัก

     

    นี่เขาทำงานหนักไปหรือเปล่านะ?

     

    “อืม… เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน โอ เซฮุนรอยยิ้มกว้างถูกส่งมา เป็นรอยยิ้มที่น่ารักแต่ราวกับเคลือบอะไรบางอย่างไว้อยู่ ซึ่งทำให้ร่างบางรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรกับประโยคเมื่อครู่ของอีกคน

     

    นายชอบฉันใช่มั้ย?

     

    .

    .

    .

     

    ราวกับเวลาถูกหยุดไว้ เซฮุนรู้สึกว่าลมหายใจตัวเองติดขัด ไม่ใช่เพียงเพราะที่คำถามที่ตรงไปตรงมาของจงอินคนที่น่าสงสัย แต่เพราะหลังจากที่เอ่ยปากถามแล้ว โดยที่ไม่รอคำตอบ ร่างหนาก็ก้าวขายาวเข้ามาประชิดกับตัวอีกคนพลางยกยิ้มมุมปาก และไม่ลืมที่จะหัวเราะในลำคออย่างพึงพอใจ

     

    อ...อะไร..ของนายรู้สึกถึงใบหน้าที่ร้อนเห่อขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ว่ากันว่าโอเซฮุนน่ะเก็บอาการเก่ง แต่ตราบใดก็ตามที่คนตรงหน้าเขาเข้ามาประชิดตัวขนาดนี้ ไม่รู้หรอกว่าเป็นจงอินตัวจริงหรือเปล่า แต่จมูกทู่ๆกับสันกรามคม รวมไปถึงดวงตานั่นที่เขาคุ้นเคยเกินกว่าจะมองคนตรงหน้าเป็นคนแปลกหน้ามันทำให้อาการที่เขาคิดว่าเก็บได้ดีมาตลอดกลับเริ่มอ่อนปวกเปียกและละลายราวกับขี้ผึ้งถูกลนไฟ

     

    นายหลอกตัวเองไม่ได้หรอก ฉันรู้หมดทุกอย่างนั่นแหละลมหายใจร้อนรดปะทะเข้ากับใบหน้าหวาน นั่นยิ่งทำให้ร่างบางหดคอตัวเองแล้วเลี่ยงมองไปทางอื่นอย่างช่วยไม่ได้ ‘นี่มันใกล้เกินไปแล้ว!’ คิดได้ดังนั้นเซฮุนจึงพยายามผลักอกอีกคนออก

     

    แต่ราวกับรู้ทัน ข้อมือขาวถูกรวบตึงไว้ด้วยมือขวาข้างเดียวของอีกคนแล้วจับไขว้ไว้ข้างหลังของตัวเอง ก่อนจะดันร่างของเซฮุนให้ชิดกับผนังห้อง เพื่อทุ่นแรงที่ต้องพันธนาการข้อมือคู่นั้นไว้

     

    ..นี่! นายเป็นบ้าไปแล้วหรือไง?” น้ำเสียงแผ่วอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่เพียงเพราะตกใจกับการกระทำที่อุกอาจของอีกฝ่าย แต่เพราะเขาได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากเตียงนอนข้างหลังบุคคลอันตรายนี่ เสียงครางเบาๆในลำคอ กับร่างของจงอินที่หลับอยู่ ที่ค่อยๆลุกขึ้นมาพลางขยี้ตาแล้วหาวหวอด

     

    จงอิน…” เซฮุนกระพริบตาอีกครั้งแล้วมองร่างของจงอินทั้งสองคนสลับกันไปมา นี่ไม่ใช่ความฝัน? ไม่ใช่วิญญาณที่หลุดออกจากร่าง? แล้วนี่เป็นใครแล้วคนที่นอนอยู่เป็นใคร? คนไหนคือจงอินตัวจริง?

     

    ..เฮ้ย!?” เหมือนว่าจงอินคนที่เพิ่งตื่นจะตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นภาพตรงหน้าใน จงอินคนที่ยืนอยู่ยิ้มออกมาบางๆก่อนที่จะปล่อยพันธนาการที่ข้อมือเล็กออก แล้วหมุนตัวกลับมายิ้มให้กับบุคคลที่กำลังนั่งทำหน้าเหวออยู่บนเตียง

     

    ตื่นแล้วหรอจงอินอ่า~?” น้ำเสียงที่เรียกอย่างสนิทสนม ทำให้จงอินที่เพิ่งตื่นสัมผัสได้ว่ามันไม่ต่างจากเสียงของเขา คนที่อยู่ตรงหน้านี่ไม่มีอะไรต่างจากเขาเลย

     

    สิ่งที่เขาต้องตั้งคำถามให้กับตัวเองตอนนี้คืออะไรกันแน่? ระหว่าง

     

    คนๆนี้เป็นใคร?

     

    ทำไมคนๆนี้ถึงเหมือนเขาราวกับฝาแฝดไม่สิ ราวกับคนๆเดียวกันเลย?

     

    ทำไมคนๆนี้ถึงอยู่ในท่าล่อแหลมกับเซฮุนเมื่อกี้ก่อนที่เขาจะตื่นกันล่ะ?

     

    จงอิน…” เสียงของร่างบางงึมงำในลำคอ แต่ก็พอที่จะทำลายความเงียบชั่วครู่ขึ้นมาได้ จงอินทั้งสองคนหันไปตามเสียงเรียกนั้น ก่อนที่จงอินคนที่ยืนอยู่จะหัวเราะขึ้นมาเบาๆ

     

    เอางี้ดีกว่าเรียกฉันด้วยชื่อในวงการก็แล้วกัน ไคน่ะไค จะได้ไม่ต้องสับสน ใช่มั้ย?” รอยยิ้มร่าเริงยังคงถูกส่งมาอย่างต่อเนื่อง

     

    เซฮุน มาทางนี้ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ฉันจงอินกดเสียงต่ำก่อนที่จะกวักมือเรียกอีกฝ่ายที่ยืนแข็งทื่อด้วยความตกใจติดกำแพงอยู่นิ่งๆอันที่จริงเขาไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าคนไหนคือจงอินตัวจริง แต่จากความที่จงอินที่ดูเหมือนจะเป็นตัวจริงก็ตกใจกับอีกร่างของตัวเองไม่แพ้เขา ก็คงจะน่าไว้ใจกว่าคนที่ยืนฉีกยิ้มและทำอะไรแปลกๆเมื่อครู่น่ะนะ

     

    เท้าบางรีบก้าวไปหาอีกคนบนเตียงก่อนจะจับชายเสื้อไว้แน่น จงอินเหลือบมองก่อนที่จะเลื่อนสายตามาปะทะอีกคนที่ยืนอยู่คนที่ให้เรียกชื่อของตัวเองว่า ไค

     

    นายเป็นใคร ต้องการอะไร? ทำไมถึงเข้ามาในห้องนี้ได้?

     

    อย่าทำท่าน่ากลัวแบบนั้นสิฉันก็คือนายไงจงอิน

     

    นายเป็นใคร ซาแซงแฟนหรือไง?น้ำเสียงกดต่ำลงเพื่อขู่อีกคนให้รู้สึกกลัว แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเท่าไร

     

    คิดมากเกินไปแล้ว คำตอบมันก็อยู่ตรงหน้านายเนี่ยฉันก็คือนาย

     

    ยังไม่เลิกล้อเล่นอีกหรือไง!? จะให้ฉันแจ้งตำรวจมั้ย หา?

     

    ชู่วว์ถ้ามีใครเข้ามาได้ยินเดี๋ยวจะคิดว่านายทะเลาะกับเซฮุนนะ เอางี้ อธิบายง่ายๆเลยแล้วกัน ฉันมาจากกระจกใบนั้น”  ไม่พูดเปล่า มือหนาชี้ไปทางกระจกใบใหญ่ที่เพิ่งมาตั้งอยู่ในห้องของจงอินได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมง

     

    เหลวไหลน่า…” ถึงจะไม่อยากเชื่อ แต่ถ้านึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ตั้งแต่ที่ได้รับกระจกมาอย่างน่าสงสัย จนเห็นคนที่ทุกอย่างคล้ายกับตัวเองมายืนพูดสบายใจเฉิบโดยที่ไม่มีทางจะเข้ามาจากทางอื่นได้เด็ดขาด เพียงแค่รหัสปลดล็อคประตูที่พี่ยองจินก็ขยันจะเปลี่ยนมันทุกอาทิตย์ ลำพังพวกเขาเองก็จะจำไม่ได้อยู่แล้ว… สิ่งที่ชายแปลกหน้าตรงหน้าพวกเขาพูดอาจจะเป็นเรื่องจริง?

     

    นายจะไม่เชื่อก็ได้นะแต่ฉันต้องรีบทำธุระของฉันให้เสร็จ ฉันมีเวลาแค่คืนเดียวก่อนที่จะกลับไปในกระจกนั่นอีกครั้ง เอ้าตอบฉันสิเซฮุนวาดยิ้มยียวนไปทางร่างบาง ที่ดวงหน้าขาวเริ่มขึ้นสีระเรื่อเมื่อนึกย้อนถึงคำถามที่ร่างสูงตรงหน้าทิ้งท้ายเอาไว้ ตอนนั้นจงอินหลับอยู่แสดงว่าจงอินตัวจริงอาจยังไม่รู้ถึงความจริงข้อนี้

     

    ต้องหาทางยังไงก็ได้ให้จงอินไม่รู้เรื่องนี้!

     

    ..เราไปคุยเรื่องนี้กันที่อื่นดีมั้ย?น้ำเสียงที่ตะกุกตะกักทำให้ร่างหนาที่นั่งอยู่ข้างๆหันมามองเซฮุนอย่างไม่เข้าใจ หมอนั่นมันคนแปลกหน้านะเฮ้ย... ทำไมอยู่ดีๆร่างบางที่สั่นกลัวราวลูกนกตอนนั้นถึงเอ่ยปากชวนตัวเขา ไม่สิ คนที่หน้าคล้ายเขาไปคุยข้างนอกได้อย่างไม่กลัวอะไรเลยล่ะ?

     

    แหมๆไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันรู้เรื่องนี้ก็เพราะว่าฉันคือจงอินและแน่นอน ความทรงจำของพวกเราไม่ได้แบ่งเป็นสองส่วนนะไคพูดขึ้นพลางยิ้ม ก่อนจะยกนิ้วชี้มาชี้หมุนวนๆที่ข้างขมับของตัวเอง

     

    “….” ดวงตาเรียวเล็กเบิกโพลงก่อนที่ริมฝีปากแห้งผากจะอ้าออกเบาๆไร้ซึ่งคำพูดใดๆออกมา เขารู้สึกอยากจะยืมพลังคาแรคเตอร์ของคนตรงหน้าเทเลพอร์ตหายไปจากตรงนี้ให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้

     

    “หมายความว่าไง?” จงอินหันกลับมาถามเซฮุน คิ้วหนายังคงขมวดกันเป็นปมไม่หาย

     

    ...” คนที่ถูกถามได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกถึงมือของตัวเองที่สั่นเทาไปหมด

     

    ทำไมต้องทำให้เรื่องมันยุ่งยากกันด้วยนะพวกนายนี่ก็เรื่องที่เซฮุนชอบฉันไงไคกอดอกก่อนที่จะพูดขึ้นมาพร้อมแววตาเรียบเฉย

     

    หา? พูดอะไรไร้สาระน่ะ?... ฉันเนี่ยนะจะชอบนาย

     

    ไม่มีทางอะ ฮ่าๆ ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก

     

    “เหลวไหลเหลวไหลที่สุด เรื่องตลกอะไรเนี่ย

     

    ภายใต้ความเงียบที่มีแต่เสียงของเครื่องปรับอากาศ มีเพียงริมฝีปากบางที่พูดแก้ตัวขึ้นคนเดียวออกมาเรื่อยๆ ใบหน้าของเซฮุนรู้สึกชาไปหมด ทำได้เพียงแค่กลืนก้อนน้ำลายฝืดเหนียวในคอ เขาอยากจะเดินออกไปจากห้องนี้… ใช่ ออกไปก่อนแล้วค่อยกลับมาเคลียร์ทีหลัง ต้องรีบออกไป อย่างน้อยไปนอนห้องพี่ผู้จัดการหรือโซฟาห้องรับแขกสักคืนก่อนก็ได้

     

    ขายาวพาร่างบางของตนเองเดินไปทางประตูห้องนอนที่เป็นจุดหมาย แต่แล้วก็ถูกแขนแกร่งของใครบางคนรั้งเอาไว้

     

    ไม่ได้นะเซฮุนถ้านายไป ธุระของฉันก็ไม่สำเร็จน่ะสิไคยกยิ้มก่อนจะออกแรงกระตุกแขนเบาๆ ด้วยความที่เซฮุนยังตกใจอยู่ จึงไม่ทันได้ระวังและเซตามแรงอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย มือหนาอีกข้างตะปบท้ายทอยของร่างตรงหน้าอย่างหนักหน่วง สายตาสบกันได้เพียงครู่เดียว ก่อนที่ร่างบางจะได้เอ่ยปากถาม ใบหน้าคมก็โน้มลงไปบดเบียดกลืนกลีบริมฝีปากบางของอีกคนแทบจะในทันที

     

    ฮึอื้อออ!” ร่างบางพยายามดันอีกฝ่ายออก  ถอยหลังจนชนเก้าอี้ในห้องของจงอินล้มลง ไม่มีใครสนใจจะเข้าไปจับมันตั้งในลักษณะเดิม เซฮุนไม่แน่ใจว่าเพราะเขาแรงน้อยกว่าหรือลิ้นร้อนที่รุกล้ำเข้ามานั้นมันช่างหอมหวานราวกับสิ่งที่ฝันไว้ กำปั้นที่ทุบลงที่อกแกร่งจึงมีค่าเทียบเท่าปุยนุ่นไปโดยปริยาย

     

    “…” จงอินมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยดวงตาเบิกโพลง ก่อนที่จะรีบลุกขึ้นแล้วจับทั้งคู่แยกออกจากกัน มือหนาผลักร่างแฝดของตัวเองไปชนกับกระจกอย่างแรง ก่อนที่มือซ้ายจะยันกระจกและยืนคร่อมร่างอีกคนไว้ มีแต่สายตาที่ดุดันที่ถูกส่งไปให้ร่างเงาของเขาเอง

     

    “กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงเป็นใคร… มาจากไหน หรือถึงจะเป็นอีกร่างนึงของกูจริงๆก็เหอะ แต่อย่ามาทำแบบนี้กับเพื่อนกูเงื้อหมัดตรงหน้าพร้อมจะปล่อยใส่อีกฝ่ายตลอดเวลา ก่อนที่ดวงตาสีน้ำตาลจะเผลอเลื่อนมองไปที่บานกระจก

     

    ไม่มีเงาไม่มีเงาของเขาและคนตรงหน้าปรากฏอยู่บนกระจกใบนี้เลย

     

    แหมๆหึงโหดจังเลยนะตัวเราเนี่ย แต่ก่อนอื่นนะธุระของฉันมันยังไม่เสร็จ

     

    “…”

     

    และมันก็ไม่ได้มีแค่อย่างเดียวด้วยไม่ต้องห่วงหรอกจงอิน ถ้าธุระของฉันเสร็จแล้วฉันก็จะหายไปเองยิ้มเผล่ก่อนจะหยอกล้ออีกฝ่ายด้วยการยกมือขึ้นทั้งสองข้างราวกับถูกตำรวจสอบสวนอยู่

     

    ธุระของแกคืออะไร…” จงอินจ้องเข้าไปในดวงตาของอีกร่างของตน

     

    นั่นสินะ ถ้าอยากรู้ก็ปล่อยฉันสิใบหน้าคมย้ายเข้ามาใกล้อีกคนเรื่อยๆพลางยิ้มยียวน

     

    แกจะทำอะไรเซฮุน?

     

    ฉันก็แค่มาช่วยคนที่ทำน่ะไม่ใช่ฉันหรอก

     

    อะไรน-“

     

    ยังไม่ทันที่จะพูดจบ นิ้วชี้และนิ้วกลางของไคก็สอดเข้าไปในปากของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว เกิดแสงวูบวาบประกายขึ้นเล็กน้อย อยู่ดีๆภาพตรงหน้าพร่ามัวไปหมดราวกับโปรยหยดน้ำปิดนัยน์ตาของเขา ตัดสลับกับความชัดเจนของใบหน้าที่เหมือนตนเองราวกับแกะ จงอินรู้สึกหน่วงหนักในหัวราวกับมีอะไรบางอย่างมาถ่วงไว้ ไม่นานนัก ที่อาการเมื่อครู่ก็หายเป็นปลิดทิ้ง... ภาพตรงหน้าก็กลับมาชัดเจนเหมือนปกติ เป็นจังหวะเดียวกับที่ไคชักนิ้วทั้งสองของตัวเองกลับไปเช็ดที่ชายเสื้อ

     

    เมื่อกี้แกทำอะไร…”

     

    อยู่กับคนปากแข็งนี่มันเสียเวลาชีวิตจริงๆ… นี่มันก็ดึกแล้ว ฉันมีเวลาไม่มากหรอก

     

    ฉันถามว่าแกทำอะไร…”

     

    ราวกับร่างกายเป็นหุ่นกระบอกไม้ กว่าร่างสูงจะรู้สึกตัวว่าไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้เลยก็เห็นจะเป็นตอนที่ไคดันแขนของเขาออกไปอย่างง่ายดายเนี่ยแหละ

     

    ไคหันมายิ้มให้บางๆ ก่อนจะหันหน้ากลับไปหาร่างบางที่มีอาการสั่นเทา ความตกใจเมื่อครู่ทำให้เขาลืมคิดเรื่องที่จะหนีคนตรงหน้าไปเสียสนิท… แต่ถ้าหนีไปจงอินจะเป็นอะไรมั้ย? เหตุการณ์แปลกๆเมื่อกี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างสูงตัวแข็งทื่อไปแบบนั้นใช่หรือเปล่า? เขาควรต้องทำยังไงกับเหตุการณ์ตอนนี้ดี?

     

    นายชอบฉันใช่มั้ยเซฮุน?... แววตาของนายไม่ปฏิเสธว่าจูบของฉันเมื่อกี้มันทำให้นายเคลิ้ม ไควาดแขนเป็นวงกว้างพาดบนไหล่ของอีกคนไว้พลางหัวเราะในลำคอ

     

    หุบปากแกทำอะไรจงอิน ทำให้เขากลับเป็นเหมือนเดิมเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือนเซฮุนปกปิดความกลัวในใจของตนเอง เขาต้องรีบช่วยเพื่อนตรงหน้าก่อนที่จะมาคิดอะไรทั้งสิ้น

     

    คนเรามันปากแข็ง ก็ต้องมีบังคับกันนิดหน่อยเนอะ…” ไคคลี่ริมฝีปากยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะใช้เท้าเตะตัดข้อเท้าของอีกคนอย่างรวดเร็วและออกแรงกระชากคนที่กำลังตกอยู่ในความคิดของตนเองโยนลงไปบนเตียงนุ่ม

     

    “…!” จงอินที่ยืนแข็งทื่ออยู่ ทำได้เพียงมองทั้งคู่สลับกันไปมา เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ปากกลับไม่สามารถขยับได้ตามใจนึก จะมีเพียงดวงตาของเขาที่มองเห็นแต่เซฮุนที่กำลังร้องโอดโอยกับการที่ข้อเท้ากระแทกกับขอบเตียงจากเหตุการณ์เมื่อครู่ กับไคที่กำลังเดินเข้าไปหาร่างบางอย่างใจเย็น พร้อมกับมือหนานั่น

     

    “แก…อื้มมมม…” อีกครั้งที่ริมฝีปากบางถูกครอบครองโดยบุคคลที่คล้ายจงอินไปเสียทุกอย่าง ยอมรับเลยว่าตอนนี้จิตใจของเซฮุนกำลังโลเลเหมือนมาก คนตรงหน้าเหมือนจงอินเวลาที่หยอกล้อกับเขาในตอนที่อารมณ์ดี คำพูดคำจารวมทั้งแววตาทั้งหมดที่เหมือนกำลังจะบอกอะไรบางอย่างนั่นก็ด้วย กล้ามเนื้อตรงแขนที่เขากำลังเค้นมือเกาะกุมอยู่ก็ให้สัมผัสเหมือนจงอินตัวจริงไม่ผิดเพี้ยน

     

    ก่อเกิดความรู้สึกที่ทับซ้อนกัน ทั้งรู้สึกผิดกับตัวเอง และอยากกอบโกยความสุขจากคนตรงหน้า

     

    เมื่อถูกฝ่ามือบางทุบประท้วงหาอากาศหายใจ ริมฝีปากหนาจึงค่อยๆเลื่อนออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะจุมพิตที่กลีบริมฝีปากบวมเจ่อของร่างข้างใต้อีกครั้ง

     

    ฉันจะทำให้นายมีความสุขเอง…”

     

    “…”

     

    อย่างที่ฉันอยากทำมาโดยตลอด” เสียงแหบพร่ากระซิบเข้าที่ใบหูแดงของอีกฝ่าย

     




    CUT.

     

    .

    .

    .

     

                โอ้แม่เจ้าเว้ย!” เสียงทุ้มที่ตะโกนดังขึ้น ทำให้มือขาวต้องขยี้ตาก่อนจะกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับแสงที่ลอดผ่านผ้าม่านมาแยงลูกตาจนน่ารำคาญไปหมด

     

                อืมเจ็บสะโพกจัง

     

                อ๊ะชานยอลฮยองนี่นาทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ

     

                เอ๋?...

     

                “โหไม่เบาเลยนี่หว่า เล่นซะเก้าอี้ล้มลืมเก็บเลย”  ร่างสูงหัวเราะพลางยกเก้าอี้ดีไซน์สวยขึ้นมาตั้งให้เป็นปกติ

     

                “ชานยอลเอ่อ…” เสียงหวานใสของพี่อีกคนทำให้เซฮุนรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาหลังจากตั้งสติดีๆแล้วมองเห็นรุ่นพี่ร่างเล็กที่ยืนอยู่หลังชานยอลฮยอง

     

                ใครน่ะ…” เสียงทุ้มนุ่มข้างหูทำเอาเซฮุนตกใจขึ้นอีกครั้ง

     

                “…”

     

                อ๊ะชานฮยอง แบคฮยอง…อรุณสวัสดิ์ครับ” จงอินก้มหัวเล็กน้อย ทั้งๆที่แขนเขาก็ยังตวัดโอบเอวร่างบางไว้เหมือนจะค่อยๆกระชับให้แน่นขึ้นด้วย

     

                ว่าจะมาหยิบกระเป๋าตังค์เฉยๆน่ะไม่นึกว่าจะได้เห็นของดีคนตัวสูงยิ้มกว้างโชว์ฟันครบสิบเก้าซี่รับกับหูกางๆ พลางโบกกระเป๋าสตางค์หนังชั้นดีในมือไปมา

     

                “…” โอเซฮุนได้แต่เม้มปากเข้าหากันแน่น ร้อน ใบหน้าร้อนฉ่าไปหมดแล้ว

     

                “ถ้างั้นให้เวลาส่วนตัวเค้าเหอะชานมือเล็กของแบคฮยอนกระตุกที่ชายเสื้ออีกฝ่าย ริ้วแดงขึ้นที่หน้าเพราะเขินแทนมักเน่ไลน์ที่มีเพียงผ้านวมหนาคลุมตัวทั้งคู่

     

                ดูจากกองเสื้อผ้าที่กระจายอยู่รอบๆเตียงน่ะนะ

     

                เอ้อ กระจกใบใหม่นี่เหมือนใบเก่ามากเลยอะ นายไปหามาจากไหนเนี่ย? ดีนะที่คยองซูยังไม่กลับมา... อ๊ะ ไปก่อนนะ ช้าเดี๋ยวเมียงอน คิก…” เหลือบตามองกระจกเงาเต็มตัวที่มาแทนอันเก่าอย่างเห็นได้ชัด เพราะรอยร้าวที่หายไปนั่นแหละก่อนจะเดินออกไป ไม่วายโดนแบคฮยอนทุบเข้าที่สีข้างแต่กลับดูไม่สะทกสะท้านแต่ระริกระรี้กว่าเดิมเสียอีก

     

                เพราะกระจกนั่นแท้ๆเลยเนอะ…” เป็นจงอินที่ทำลายความเงียบ

     

                อ่า…”

     

                แต่ก็ต้องขอบคุณจริงๆ” ริมฝีปากหนาคลี่ยิ้มก่อนจะกดจูบผิวเนียนใสของอีกคนเบาๆ

     

                “…กระจกน่ะหรอ?

     

                “ขอบคุณนายมากกว่า…”

     

                “…”

     

                “ขอบคุณที่รักฉันนะโอเซฮุน

     

                “อื้อขอบคุณเหมือนกัน คิมจงอิน

     

                หลงเหลือเพียงรอยยิ้มของทั้งคู่ที่ส่งให้กัน ก่อนที่ใบหน้าของทั้งสองฝ่ายจะค่อยๆโน้มเข้าหากันอีกครั้งท่ามกลางแสงแดดอบอุ่นที่สาดส่องขึ้นมาบ่งบอกถึงการเริ่มวันใหม่

     

                ที่พวกเขาจะมีกันและกันตลอดไป… 

    --------

    Talk : 

    สวัสดีค่ะ นี่ก็เพิ่งเปิดฟิคเป็นครั้งแรกเลยสำหรับวงนี้ใน dek-d 
    ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ!

    ฉาก CUT ดูได้ที่ไบโอทวิตเราเลยนะคะ @Buffbearz

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×