งานหนังสือ 2011
...ฉัน... เกลียดความวุ่นวาย...
...มักจะปวดหัวถ้ารอบกายรายล้อมด้วยผู้คน...
มันมีไม่กี่เหตุผลหรอก ที่คนเราจะพาตนเองไปอยู่ในที่ที่ไม่ชอบ
เหตุผลหลักๆ... ถ้าไม่เพราะ “คนที่เรารักมาก”
ก็คงเป็นเพราะ “เรารักสถานที่นั้นมาก”
สำหรับฉัน... แน่นอน มันคืออย่างหลัง!
ฉันเป็นคนที่เสียเงินกับหนังสือได้ง่ายมาก
หลายเล่มที่ยืนอ่านหน้าร้านหลายรอบจนต้องซื้อ
หลายเล่มที่ซื้อมาแล้วอ่านไม่จบ หรือไม่เปิดอ่าน
หลายเล่มซื้อเพราะปก หรือไม่ก็นักเขียน
...และหลายเล่ม ก็คือเพื่อนซี้ของฉัน...
ท่ามกลางผู้คนที่สับสน ฉันปล่อยตัวเองนั่งบนเก้าอี้
อ่านหนังสือที่ซื้อมาไปพลาง ระหว่างรอให้คนลดจำนวนลง
เพื่อที่ฉันจะได้เดินไปบูธต่างๆ ให้ละเอียดมากกว่านี้
(อย่างที่ว่า... ฉันเกลียดการเดินฝ่าฝูงชน)
หลายครั้งกับการนั่งคิดอะไรเพลินๆ คนเดียว ก็พาหลายความรู้สึกมาเยือน
ยิ้มได้กับเรื่องง่ายๆ... แค่เห็นว่าใครบางคนซื้อหนังสือเล่มเดียวกับเรา
คิดไปถึงที่ว่า เขามีรสนิยมเดียวกับเรารึเปล่าหนอ?
ยิ้มได้กับเรื่องง่ายๆ... ที่เห็นใครหลายคนต่อแถวรอลายเซ็นนักเขียน
ทั้งที่คิดไว้ว่าแนวนี้ผู้ชายอ่านเยอะ ทั้งแถวกลับเป็นผู้หญิง
ทั้งที่คิดไว้ว่าแนวนี้ผู้หญิงอ่านเยอะ คนต่อหลังฉันกลับเป็นผู้ชาย
...เรื่องบางเรื่อง มันก็ละเอียดอ่อนกับคนบางคน...
...หนังสือไม่เคยกำหนดเพศคนอ่าน...
...เหมือนกับความรัก...
ประมาณ 6 โมงกว่าที่คนเริ่มบางตา ฉันจึงเดินสะเปะสะปะไปเรื่อยเปื่อย
บูธที่ฉันไป คือสนพ. ที่ไม่ค่อยมีคนอ่านนัก เพราะฉันเลี่ยงที่จะเจอคนเยอะๆ
บางทีฉันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมคนถึงไม่ไปรุมสนพ.พวกนี้เหมือน “แจ่มใส”
(ไม่ได้พาดพิง แค่เป็นตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุด)
หรือ “หนังสือดีๆ” จะอยู่ได้แค่ “สนพ. ดังๆ” ?
ไม่รู้นักเขียนหลายคนเคย “อาย” มั้ย
เวลามีใครมาถามว่าเป็นนักเขียนเหรอ ของสนพ. อะไร
อายที่จะกล้าพูด... เพราะเราคือสนพ. เล็กๆ
พูดไป... ยังไงเสียคนก็ไม่รู้จักอยู่ดี
แต่สำหรับฉัน... บ้านหลังแรกในวงการนักเขียนก็เป็นบ้านหลังเล็กๆ
เป็นสนพ.ที่ไม่ดัง เพิ่งเกิดใหม่ได้ไม่นาน
นักเขียนมือใหม่ได้ตีพิมพ์กับสนพ. ใหม่ๆ
...ฉันรักบ้านหลังเล็กของฉัน...
แม้เวลาใครถาม... พวกเขาก็ไม่เคยรู้จักบ้านหลังนั้นอยู่ดี
บางที... ฉันก็เสียเงินให้กับสนพ. โนเนมอยู่บ่อยครั้ง
เสียเงินให้ทั้งที่ไม่มีคนไปรุมแย่งซื้อ เบียดเสียดจนไม่ได้อ่านหนังสือ
ทุกวันนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่า “สนพ.ดังๆ” กับ “หนังสือดีๆ” มันเกี่ยวกันยังไง
ถ้าเราจะเข้าบูธเฉพาะที่พื้นหลังสีน้ำเงิน ปรากฏตัวอักษรสีขาวเป็นสนพ. ดังๆ
สรุปว่าเราจะซื้อ “หนังสือ” หรือซื้อผลผลิตของสนพ. กันแน่
คุณค่าของความเป็น “หนังสือ” มันจะต่างกันมากมั้ยนะ?
แต่สำหรับฉัน ไม่ว่าสนพ. จะดัง หรือจะดับ
สิ่งเดียวที่ทำให้ฉันเสียเงินไปมากในงานหนังสือ
ก็เพราะหยดน้ำหมึกที่เปื้อนบนกระดาษนับร้อยหน้านั่นแหละ
คงเหมือนกับผู้คนที่พานพบ
เราคงไม่สนว่าเขาจะจบจากโรงเรียนอะไร
อยู่ในครอบครัวระดับไหน ถูกเลี้ยงดูเช่นไร
เพราะสุดท้าย... เราก็ทำความรู้จักที่ “คุณค่าในตัวเขา”
“หนังสือตัดสินไม่ได้จากสนพ. และหน้าปกฉันใด
ความคิดเห็น
ผู้คนที่เดินสวนทางก็ตัดสินไม่ได้จากรูปลักษณ์ภายนอกฉันนั้น
ว๊าวววว สมกับเป็นนักเขียนจริงๆ เปรียบเทียบได้เจ๋งมากๆ
มีความคิดเหมือนกัน เราก็อ่านหนังสือของทุกสำนักพิมพ์
บางทีสำนักพิมพ์ที่เราไม่รู้จักเราก็อ่าน ><
"หนังสือ" ทุกเล่มมีค่า เราไม่ควรไปตัดสินมันจากชื่อเสียงของ "สนพ."
เราก็เป็นคนนึงอ่ะนะ ที่ชอบอ่านหนังสือนิยายที่มาจากสำนักพิมพ์ดังๆ แต่ก็ไม่อายหรอกนะที่จะอ่านหนังสือของสำนักพิมพ์ที่คนไม่รู้จัก เพราะ "หนังสือ" ทุกเล่มมีค่า สำหรับเรามันเป็นเหมือน "ลูกรัก" ^^
อยู่ในครอบครัวระดับไหน ถูกเลี้ยงดูเช่นไรเพราะสุดท้าย... เราก็ทำความรู้จักที่ คุณค่าในตัวเขา
หนังสือตัดสินไม่ได้จากสนพ. และหน้าปกฉันใด
ผู้คนที่เดินสวนทางก็ตัดสินไม่ได้จากรูปลักษณ์ภายนอกฉันนั้นชอบมากๆค่ะ :)
คงชอบอ่านหนังสือมากสินะ
เหมือนกันเลย
สุดยอดเลย ผมก็เป็นแบบนั้น ไม่ค่อยชอบคนเยอะ
อยู่ในโลกของหนังสือก็ดีไปอีกแบบนะฮะ
โลกส่วนตัว หน้าปกหนังสือไม่สำคัญสำหรับผม
สำนักพิมพ์อะไรได้หมด แค่เนื้อหาดีก็พอแล้ว
ใหญ่ๆ คงเป็นเพราะความน่าสนใจภายนอกมีมากกว่า (ละมั้ง)