ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Snape The last prince สเนป เจ้าชายองค์สุดท้าย

    ลำดับตอนที่ #1 : 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.61K
      196
      12 เม.ย. 62

    เขากำลังจะตาย เขารู้ตัวดี เขารู้มาตลอดว่าความตายต้องมาเยือนเขาอย่างแน่นอน เขาเป็นคนที่ทำอะไรก็ผิดพลาดไปหมด ไม่มีใครรัก ไม่มีใครต้องการและคงไม่มีใครเสียใจเมื่อเขาตาย แต่เขายังตายไม่ได้ เขามีหน้าที่ต้องทำ และเขาก็ได้ยินเสียง
    “ไม่ต้องห่วง ผมไม่ให้คุณตายแน่” เสียงใครกัน มีใครไม่อยากให้เขาตายด้วยหรือ ใครกัน เขาคงจะฝันไปกระมัง ฝันเฟื่องไปเอง มีมือหนึ่งพยายามลูบแผลของเขา พยายามใช้พลังงานของตนเองรักษาเขาและยังพูดปลอบประโลม 
    “ผมรักคุณนะ อย่าทิ้งผมไป”มีใครรักเขาด้วยหรือ เขาคงจะเสียสติไปแล้ว แต่บาดแผลที่คอค่อยๆจางลง เขาลืมตาขึ้นและเห็นเด็กชายคนหนึ่งอยู่ข้างหน้า 
    “คุณฟื้นแล้ว” เด็กชายร้องอย่างดีใจก่อนจะล้มไป “เซไวลิน”เขาร้องเรียก ทำไมเขาถึงลืมเซไวลินได้ เลือดเนื้อเชืัอไขของเขาเอง ตอนนี้เซเวอร์รัสรู้แล้วว่ามีใครที่รักเขา
    ****************************
    คศ.1950
    วันนี้เป็นวันที่ไซรัส พอตเตอร์เบื่อที่สุด ข้อเสียเพียงไม่กี่ประการของการเป็นทายาทเลือดบริสุทธิ์อย่างตระกูลพอตเตอร์และแบล็คคือการต้องเข้ามาร่วมงานเลี้ยงของพวกเลือดบริสุทธิ์ที่น่าเบื่อ เขากำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่เมื่อได้ยินเสียงประกาศว่า”ยินดีต้อนรับ ไอลีน พริ้นซ์
      ไซรัสหันขวับไปมองและเขาก็พบหญิงที่สง่าที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น ไอลีนไม่ใช่ผู้หญิงที่สวยงดงามเหมือนเจ้าหญิง แต่เธอดูสง่าสมกับตระกูลพริ้นซ์ พริ้นซ์ที่แปลว่าเจ้าชาย ใจของเด็กชายวัยสิบสองกระตุก งานเลี้ยงวันนี้ดูจะไม่น่าเบื่อเท่าที่เขาคิดไว้
    ****************************
    มกรา.คศ1959
    ไซรัส พอตเตอร์กำลังจะแต่งงาน แต่เจ้าสาวของเขาไม่ใช่ไอลีน พริ้นซ์ แต่เป็นแอนน์ เอเวอร์รี่ แม้เขาจะผิดหวังที่ไอลีนทรยศต่อเลือดบริสุทธิ์ และไปใช้ชีวิตระเริงอยู่ในโลกมักเกิ้ล มีข่าวลือว่าเธอคบพวกมักเกิ้ลด้วย แม้เขาจะภาวนาให้ข่าวลือนั้นไม่เป็นความจริง
    ****************************

    31ตุลา1959

    ในที่สุด ไซรัสก็ได้เป็นพ่อคน หลังจากที่เขาเฝ้ารอมา9เดือน เขาก็ได้เป็นพ่อเด็กแฝดสองคน อีริคกับอเล็กซ์ แต่เขาต้องแลกด้วยชีวิตของภรรยา เขาไม่รู้สึกเสียใจนัก อย่างไรการแต่งงานนี้ก็ไม่ได้เกิดจากความรักตั้งแต่แรก เขาได้แต่หวังว่าอเดน เอเวอร์รี่ พี่เมียยังจะรับเขาเป็นน้องเขยอยู่ ตระกูลเอเวอร์รี่นับว่าเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลในโลกเวทย์มนตร์มากทีเดียว
    ****************************
    ขณะเดียวกันในโลกมักเกิ้ล
    ไอลีนกำลังจูงมือโทไบอัส เธอรู้สึกกังวลอย่างมาก เธอท้องแก่มากขึ้นทุกที และคงไม่มีโอกาสกลับไปหาครอบครัวของเธออีกแล้ว 
    “เป็นอะไรไป  ที่รัก” โทไบอัสถาม “อย่าเครียด มันจะเป็นอันตรายต่อลูกของเรา”เขาลูบท้องเธอ 
    “วันนี้เป็นวันฮัลโลวีน”ไอลีนพูดกับตัวเองมากกว่าพูดกับสามี เธอคิดถึงงานเลี้ยงฮัลโลวีนที่คฤหาสน์ตระกูลพริ้นซ์  “งานฉลองของพวกพ่อมดแม่มด” 
    โทไบอัสพ่นลมออกจากจมูก  “เรื่องเหลวใหลไร้สาระ” เขาคว้ามือไอลีนมากุมไว้ “เธอไม่ต้องกลัว ที่รัก ฉันจะปกป้องเธอเอง พวกพ่อมดแม่มดทำอะไรเราไม่ได้หรอก” 
    ไอลีนอับจนถ้อยคำ
    ****************************
    มกรา 1960
    ไอลีนให้กำเนิดลูกชาย เธอตั้งชื่อให้เขาว่าเซเวอร์รัส โทไบอัส สามีของเธอดูตื่นเต้นมาก คอยแต่เฝ้ามองลูกชายอย่างหลงใหล. เธอคิดไม่ผิดจริงๆที่แต่งงานกับชายคนนี้ เขาเป็นสามีที่ดีและเป็นพ่อที่แสนวิเศษ เธอได้แต่หวังว่าเซเวอร์รัสจะเป็นสควิบ พวกเธอสามคนพ่อแม่ลูกจะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
    ****************************
    ปลายปี1962
    โทไบอัส เฝ้ามองลูกชายที่ใกล้ครบสามขวบอย่างหลงใหล เซเวอร์รัสเป็นเด็กที่น่ารักและฉลาด แม้จะผอมไปหน่อย เขาอยากจะหาเงินให้มากกว่านี้สักหน่อย เด็กชายจะได้มีความสุขมากกว่านี้ เขาจุมพิตลูกชายที่กำลังหลับที่หน้าผาก ก่อนจะรีบรุดออกไปทำงาน

    ******************************************

    เซเวอร์รัสกำลังเล่นวาดรูปด้วยสีเทียนหักๆขณะที่หม่าม้ากำลังล้างจานอยู่ในครัว เขาวาดรูปเสร็จแล้วและกำลังมองหาอย่างอื่นเล่น เขาคว้าลูกบอลและเริ่มโยนมันใส่ผนัง เขาไม่ชอบสีส้มเลย เขาอยากให้มันเป็นสีอื่น ฉับพลันลูกบอลนั้นก็กลายเป็นสีเขียว 
    เขาได้ยินเสียงหม่าม้าร้องกรี๊ดก่อนจะเข้ามาลูบหัวเขา “เก่งมาก”เธอชม เซเวอร์รัสยิ้มแป้นทีเดียว เขาจะแสดงให้ป่าป๊าดูด้วย

    ******************************************

    เซเวอร์รัสกำลังร้องไห้อย่างหนัก หลังจากเขาแสดงการเปลี่ยนสีลูกบอลให้ป่าป๊าดู พ่อของเขาไม่ได้ประทับใจแต่กลับโกรธมากเรียกเขาว่าเด็กปีศาจ เซเวอร์รัสไม่ชอบปีศาจ ปีศาจนิสัยไม่ดี แม่เข้ามาห้ามและพ่อกับแม่ก็เริ่มทะเลาะกันจานชามปลิวว่อนทั่วบ้าน พ่อของเขาผลุนผลันออกไป เซเวอร์รัสเดินเตาะแตะไปหาแม่ 
    “หม่าม้า”เขาเรียก ไอลีนกอดเขาไว้ ทั้งเธอและเซเวอร์รัสรู้ดี ต่อไปนี้ทุกอย่างจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป
    ****************************
    โทไบอัสเดินกระทืบเท้าอย่างโกรธเกรี้ยว เขาน่าฟังอเดลโม  พ่อของเขา พวกผู้หญิงไว้ใจไม่ได้  ก็ขนาดแม่ของเขายังทอดทิ้งเขาไปอย่างไม่ไยดี ชายหนุ่มรู้สึกมีคนตาม เขาหันขวับไปมอง แต่มีเพียงกระรอกเผือกตัวหนึ่งกระโจนข้ามกิ่งไม้ไป กระรอกตัวนั้นมีดวงตาสีเขียวประหลาด เป็นสีเขียวน้ำทะเล เขาไม่เคยเห็นกระรอกที่มีสีตาแบบนั้นมาก่อน เขาเดินใจลอยมาถึงม้านั่งในสวนสาธารณะ เขาทรุดตัวลงนั่ง หญิงสาวที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว เงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมส่งยิ้มให้ 
    “สวัสดีค่ะ” หญิงสาวทัก เธอมีผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อนและดวงตาสีน้ำตาลเจือทองที่สะกดใจชาย “ฉันเกรซ ซิลเวอร์” 
    “โทไบอัส สเนป”ชายหนุ่มตอบ บางทีเขาอาจจะเริ่มต้นใหม่กับเธอคนนี้ได้กระมัง
    ****************************
    1963
    ผ่านไปเกือบปีหนึ่งแล้วหลังจากที่เขาได้รู้จักกับเกรซ เธอเป็นผู้หญิงที่วิเศษที่สุด นังผู้หญิงสารเลวเทียบเธอไม่ติดสักนิด และเธอยังตั้งท้องอ่อนๆแล้วด้วย ลูกของเขา ลูกคนเดียวของเขา เด็กปีศาจนั่นไม่ใช่ลูกของเขาอีกต่อไป  แต่เขาก็ยังกลับไปหาสองแม่ลูกนั่นเพื่อเจียดเงินเล็กๆน้อยๆให้พวกมัน เขาอาจจะไม่ยอมรับเด็กนั่น แต่เขาไม่อาจจะปัดความรับผิดชอบได้ เขายังต้องดูแลเด็กนั่นให้สุขภาพแข็งแรง ได้กินอาหารครบสามมื้อ ในใจลึกๆเขายังภาวนาให้เซเวอร์รัส เด็กดีของเขากลับมาแทนที่เด็กปีศาจนั่น สำหรับเขาแล้วเซเวอร์รัสกับเด็กปีศาจเป็นคนละคนกัน
    ****************************
    1968
    เบนจามิน สเนป เด็กชายวัยห้าขวบเป็นเด็กน่ารักและมีสเน่ห์ เขามีทุกอย่างที่เขาต้องการ คุณพ่อที่อบอุ่นใจดี คุณแม่ที่อ่อนหวานน่ารัก หนังสือนิทานสนุกๆและของเล่นมากมาย เขายังมีเพื่อนที่แสนขี้อายที่ชื่อจูเลียน โฮเวลล์ พ่อของจูเลียนเป็นคุณหมอ แม่เรียกว่าจิตาแพด  เบนจามินไม่รู้จักจิตาแพด แต่เขาเรียกพ่อของจูเลียน ว่าลุงเจฟ ลุงเจฟใจดีและฉลาด เขาอยากเป็นแบบลุงเจฟ เขาอิจฉาจูเลียนที่มีพ่อเก่ง เขายังอิจฉาจูเลียนที่มีพี่ชาย พี่ชายของจูเลียนชื่อเจเดนอายุแปดขวบ  เจเดนเป็นเด็กฉลาด สอบได้ที่1ของชั้นเป็นประจำ เป็นพี่ชายที่แสนดีน่ารัก เบนจามินอยากมีพี่ชายเก่งๆแบบเจเดนบ้างหรือแค่พี่ชายก็ยังดี การไม่มีพี่น้องน่ะเหงาจะตาย แต่ดูเหมือนจูเลียนจะไม่ชอบพี่ชายของเขานัก เบนจามินสงสัยจังว่าทำไม
    ****************************
    จูเลียน โฮเวลล์ เป็นเด็กโชคร้ายในหลายๆเรื่องเขามีพ่อเก่ง มีพี่ชายเก่ง เขาตกอยู่ใต้เงาคนทั้งสอง คุณครูที่โรงเรียนอนุบาลมักจะเปรียบเทียบเขากับพี่ชายเสมอ  เขาเกลียดเจเดน พ่อของเขาก็รักแต่เจเดน สนใจแต่เจเดน  ไม่สนใจเขาเลย เพราะเขาไม่เก่ง ไม่ฉลาดเหมือนพี่
    ****************************
    คศ.1978
    วันนี้เจเดน ลูกรักของพ่อ สอบได้ที่1อีกแล้ว และอีกไม่นานจะได้เป็นนักศึกษาคณะแพทย์ตามรอยพ่อ ขณะที่จูเลียน เด็กหนุ่มวัยสิบห้ายังคงสอบตกเป็นประจำ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เก่ง เพียงแต่เขาเป็นคนความจำไม่ดี หากเป็นวิชาศิลปะ เขาก็ทำได้ดีทีเดียว เขามักจะพกสมุดวาดรูปติดตัวอยู่เสมอ ไม่มีใครรู้ว่าเขาวาดรูปอะไร เขาไม่เคยให้ใครดูสมุดวาดรูป แม้กระทั่งเบนจามินที่เขาถือว่าเป็นเพื่อนสนิท
    ******************************************
    “แกทำอะไรอยู่  เจลลี่” แจ็ค  จอห์นสัน เพื่อนร่วมห้องทักทาย เด็กหลายคนในห้องหัวเราะ ราวกับเป็นเรื่องขบขันเสียเต็มประดา
    “ฉันไม่ได้ชื่อเจลลี่ จูเลียนเถียง 
    “ใช่สิ เพราะเเกชื่อเต็มๆว่าเจลลี่ ฟิช แปลว่าไอ้แมงกระพรุนหรือพูดให้ชัดเจนขึ้นคือไอ้แหย’’จอห์นสันว่า “ถามแกจริงเหอะ แกเป็นลูกของคุณหมอโฮเวลล์จริงมั้ยวะ พ่อเป็นถึงหมอ แต่ลูกสอบตกวิทยาศาสตร์ได้ทุกรอบ”
    จูเลียนกำหมัดแน่นอยู่ใต้โต๊ะ พยายามควบคุมอารมณ์ตนเอง
    “หน้าตาแกก็อีก ไม่เห็นเหมือนคุณหมอโฮเวลล์ตรงไหน”
    “ฉันหน้าเหมือนแม่” จูเลียนพูด พยายามสะกดกลั้นโทสะ
    “แล้วแกโง่เหมือนแม่แกด้วยหรือเปล่าวะ” จอห์นสันเยาะเย้ย
    “แม่ฉันไม่ได้โง่” จูเลียนเถียง บัดนี้ใบหน้าแดงก่ำ
    “ก็ต้องยอมรับล่ะว่าฉลาดพอที่แต่งกับคุณหมอโฮเวลล์จะได้ถัวเฉลี่ยความโง่ไปได้บ้าง” แพทริค ไวท์คู่หูของจอห์นสันว่า 

    เด็กที่รุมดูอยู่หัวเราะคิกคัก

    “แล้วแกก็ยังเอาแต่วาดรูปไม่เลิก เป็นเด็กอนุบาลหรือไงวะ” จอห์นสันไม่ได้พูดเปล่า แต่ยังดึงเอาสมุดของจูเลียนไปด้วย

    “เอาคืนมานะ” จูเลียนตะโกน แต่จอห์นสันยื่นสมุดขึ้นจนสุดแขน ขณะที่จูเลียนพยายามเอื้อมมือไปหยิบ แต่ก็ไม่ถึง
    “ไอ้เตี้ยเอ๊ย” เด็กหนุ่มเยาะ “ผู้หญิงบางคนยังสูงกว่าแกเลย”
    “นี่ถ้าเบนจามินไม่ได้สมเพชแก เขาคงไม่ยอมให้แกอยู่ทีมบาสเขาหรอก” ไวท์ว่า “ไปเป็นเด็กเก็บลูกน่าจะมีประโยชน์กว่านะ”
    “เบนจามินเป็นเพื่อนฉัน” จูเลียนเถียง 
    “เขาคบแกเพราะสมเพชต่างหาก เจลลี่”
    “ไหนดูสิ แกวาดรูปอะไร” จอห์นสันพูดพลางเปิดสมุด
    ไม่รู้ว่าเป็นโชคร้ายของจูเลียนหรือว่าอะไรที่จอห์นสันไปเปิดเอาหน้าที่เขาเขียนข้อความถึงแม่พอดี
    “หม่าม้าครับ” จอห์นสันทำเสียงเหมือนเด็กห้าขวบ “ผมคิดถึงหม่าม้าจังครับ ผมวาดรูปให้หม่าม้าด้วยนะครับ”
    “แกอายุเท่าไหร่วะ ถึงยังเรียกแม่ว่าหม่าม้า” จอห์นสันหันมาถาม “บ๊ะ!แต่บางทีคำว่าแม่อาจออกเสียงยากไปสำหรับแกล่ะมั้ง”
     ทุกคนเริ่มหัวเราะอีกครั้ง ใครๆก็รู้ว่าตอนที่เข้ามาที่นี่ใหม่ๆ จูเลียนพูดติดอ่าง แม้ว่าจะรักษาจนหายดีแล้ว แต่ก็มีคนเอามาล้ออยู่เสมอ
    ความอดทนของจูเลียนขาดผึง เขาพุ่งเข้าไปต่อยจอห์นสัน และเทพีแห่งโชคไม่เคยเข้าข้างเขา อาจารย์เปิดประตูเข้ามาพอดี
    “เธอทำอะไร มิสเตอร์โฮเวลล์” อาจารย์ก้มลงมองเขา “ก่อเรื่องชกต่อยหรือ ทำไมถึงต่างกับพี่ขนาดนี้ พี่เธอไม่เคยก่อเรื่องเลยนะ เห็นทีฉันต้องเรียกพ่อเธอมาพบแล้ว”
    จูเลียนหน้าซีด เขาไม่อยากทำให้พ่อผิดหวังเลย

    ******************************************

    วันนี้เจฟเฟอร์รีย์มาพบอาจารย์ตามที่ได้นัดหมาย อาจารย์แจ้งว่าลูกชายเขาก่อเรื่องชกต่อยในห้องเรียน เขาแทบไม่อยากจะเชื่อเลย แต่ก็รู้ว่าอาจารย์ไม่ได้โกหก เห็นทีเขาต้องคุยกับจูเลียนให้รู้เรื่อง
    “กลับมาแล้วหรือ”เจฟเฟอร์รีย์ทักทายลูก
    “ครับ”จูเลียนตอบเสียงหงอยๆ
    “นั่งลงสิ”คุณหมอพูด “วันนี้พ่อได้ยินว่าลูกมีเรื่องที่โรงเรียน พ่ออยากฟังจากมุมของลูก”
    จูเลียนเล่าเรื่องทั้งหมดให้พ่อฟังด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ผมไม่ควรทำแบบนั้น” จูเลียนปิดท้ายด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “ผมคงทำให้พ่อผิดหวังมาก”
    “ใช่ พ่อผิดหวังในตัวลูก” เจฟเฟอร์รีย์ยอมรับ และเขาก็ลดเสียงลงเป็นเสียงกระซิบ “และถ้าลีแอนน์ยังอยู่ก็คงผิดหวังมากเช่นกัน” เขาพูดต่อไปด้วยเสียงที่ดังเป็นปกติเหมือนเดิม“พ่อคิดว่าลูกของพ่อจะมีความอดทนมากกว่านี้ ใจเย็นมากกว่านี้”
    พ่อของเขายังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ แต่หูของจูเลียนไม่ได้ยินเสียงใดๆ นอกจากเสียงสะท้อนว่าพ่อผิดหวังในตัวเขา และพ่อก็คิดว่าแม่ก็ผิดหวังในตัวเขาเหมือนกัน พ่ออาจจะไม่คิดว่าเขาได้ยินที่พ่อพูด หลายครั้งที่เขาได้ยินพ่อพูดกับเจเดน ขอให้เจเดนติวหนังสือให้กับเขา แม้ว่าจะทำไปเพราะหวังดี แต่เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าพ่อคิดว่าเขาโง่ พ่อมักจะมีริ้วรอยแห่งความกังวลเสมอเวลาพูดถึงเรื่องของเขา ไม่เหมือนกับเวลาพูดถึงเจเดนที่พ่อไม่สามารถควบคุมรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจไว้ได้เลย
    “พอแค่นี้”เสียงของคุณหมอปลุกจูเลียนให้ตื่นจากภวังค์ “ลูกจะถูกห้ามไม่ให้วาดรูปหนึ่งอาทิตย์เป็นการลงโทษ พ่อจะยึดสมุดวาดรูปของลูกเอาไว้ก่อน”
    ใจของเด็กหนุ่มกระตุกวูบด้วยความเจ็บปวด เขาคิดว่าจะใช้การวาดรูปเบี่ยงเบนความคิดตนเอง นี่เป็นการลงโทษที่ร้ายกาจที่สุดที่เขาเคยได้รับ

    ******************************************

    จูเลียนไปโรงเรียนตามปกติ ข่าวลือแพร่ไปไวมาก และทุกคนก็เข้าข้างแพทริคกับแจ็ค แน่ล่ะ สองคนนั้นเป็นนักกีฬาบาสตัวเต็งของโรงเรียน ทั้งยังหน้าตาดีมีเสน่ห์ ฟังดูแล้วจูเลียนเทียบไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยวด้วยซ้ำ ใครจะคิดถึงจูเลียนเมื่อมีสองคนนั้นอยู่ใกล้ๆ ที่แย่ที่สุดของวันนี้คือมีการเรียนวิชาพละ แม้ว่าเบนจามินจะเกลี้ยกล่อมคนอื่นให้รับเขาเข้าทีมได้(“ถ้าเขาไม่อยู่ ฉันก็ไม่อยู่เหมือนกัน”) แต่การเล่นก็โหดร้ายมาก ปกติการถูกลูกบาสกระแทกหน้าครั้งหรือสองครั้งในการแข่งขันก็ไม่แปลกอะไร  แต่นี่ดูเหมือนทุกคนไม่ว่าจะทีมของจูเลียนหรือฝ่ายตรงข้ามจะคิดว่าหน้าเขาเป็นแป้นบาสเสียกระมัง ที่น่าเจ็บใจที่สุดคืออาจารย์ดูเหมือนจะเชื่อจริงจังว่าเป็นอุบัติเหตุ  เขาพยายามขอให้กัปตันทีมขอเวลานอก แต่เจ้านั่นก็แค่พ่นลมหายใจออกทางจมูก เรื่องจบลงด้วยทีมของเขาแพ้ และแน่นอนตามเคย เพื่อนร่วมทีมโทษว่าเป็นความผิดของเขา 
    “แกนี่มันแย่จริงๆ ตัวถ่วงของทีมชัดๆ ถ้ามีจิตสำนึกอยู่บ้างก็ไปเป็นเด็กเก็บลูกยังมีประโยชน์กว่าเลย” กัปตันทีมพูดอย่างรุนแรง “ทีมแพ้ก็เพราะแก”
    “การเล่นกีฬาก็มีแพ้มีชนะ..”เบนจามินเริ่ม แต่เพื่อนร่วมทีมอีกคนขัดขึ้น
    “ขอทีเถอะ เบน เราเคยชนะด้วยเหรอ ตั้งแต่มีเจ้านี่มาร่วมทีม ไม่เห็นมีอะไรดี นายคบกับมันได้ไง”
    “เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ” เบนจามินพูดอย่างหนักแน่นพลางคว้ามือจูเลียนไปกุมไว้ “เพื่อนสนิท”
    ทั้งทีมเงียบ ไม่มีใครพูดอะไร ก่อนจะแยกย้ายกันไป

    ******************************************

    “ผมบอกว่าไม่ครับ” เสียงของเบนจามินดังขึ้นอย่างหนักแน่น จูเลียนหยุดกึกเพื่อฟัง อีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงของคนที่ใกล้หมดความอดทนเต็มที โค้ชประจำทีมบาสโรงเรียนนั่นเอง “ขอทีเถอะ มิสเตอร์สเนป อย่างี่เง่าไปหน่อยเลย นักกีฬาโรงเรียนได้สิทธิ์พิเศษหลายอย่างนะ”
    “แต่ก็ต้องอยู่ซ้อมดึก” เบนจามินพูด “แล้วจูเลียนจะกลับบ้านยังไง”
    “เจ้านั่นตัวถ่วงชีวิตเธอแท้ๆเลยนะ” โค้ชว่าอย่างอารมณ์เสีย “ถ้าไม่มีเจ้านั่น ชีวิตเธอน่าจะไปได้ไกลกว่านี้แท้ๆ” เขาสูดหายใจลึกก่อนจะพูดต่อว่า “ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าโดนพ่อแม่สั่งมาให้คอยดูแล ใช่ไหม” โค้ชปิดท้ายประโยคเหมือนไม่แน่ใจ
    “นั่นก็ถูก” เบนจามินยอมรับ “แม่ของผมกับพ่อของเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน”
    จูเลียนรู้สึกปวดมวนในท้อง หัวใจเต้นตุบๆด้วยความเจ็บปวด เขาวิ่งไปอีกทางหนึ่ง ไกลจากเบนจามินมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ งั้นทั้งหมดก็เป็นแค่เรื่องหลอกลวง คนที่เขาคิดว่าเป็นเพื่อนสนิทคบเขา เพียงเพราะเป็นคำสั่งของพ่อแม่ เบนจามินไม่เคยเห็นเขาเป็นเพื่อนจริงๆ เขาออกไปก่อนจะทันได้ยินเบนจามินพูดต่อ
    “แต่ถึงแม้มันจะเป็นหน้าที่ แต่ผมก็ทำมันด้วยความเต็มใจเสมอ จูเลียนไม่ใช่ตัวถ่วง เขาเป็นเพื่อน เป็นยิ่งกว่าเพื่อน เขาเป็นยิ่งกว่าพี่น้องของผม และนั่นไม่ใช่เพราะพ่อของเขาเป็นพ่อทูนหัวของผม”
    จูเลียนวิ่งขึ้นมาถึงชั้นบนสุดของอาคารโดยไม่รู้ตัว ในหัวของเขามีแต่คำพูดร้ายกาจกลับไปกลับมา
    “พ่อผิดหวังในตัวลูก”
    “ทำไมไม่ฉลาดได้สักเสี้ยวหนึ่งของพี่นะ”
    “วาดรูปอะไรปัญญาอ่อน”
    “นายนี่มันตัวถ่วงของเบนจามินชัดๆเลย”
    “แม่นายฉลาดมากที่ชิงตายไปก่อนจะทันได้เห็นว่านายน่าสมเพชแค่ไหน”
    “พ่อแม่สั่งมาให้คอยดูแล นั่นก็ถูก”
    เขาไม่ไหวแล้ว เขาสุดจะรับได้แล้ว เขาอยากจะไปให้พ้นจากความเจ็บปวด อยากจะไปให้พ้นจากทุกสิ่งทุกอย่าง เขาปีนไปที่ระเบียงและโดดลงมาก่อนที่คนข้างล่างจะได้อุทานด้วยซ้ำไป
    ****************************
    เบนจามินกุมมือลุงเจฟไว้ วันนี้คงเป็นวันที่ลุงเจฟเสียใจที่สุดในชีวิต เช่นเดียวกับเบนจามิน 
    “เป็นความผิดของฉันเอง”ลุงเจฟสะอื้น แต่เบนจามินว่าป่วยการที่จะมาคิดว่าใครผิดใครถูก มันอาจเป็นความผิดของเขาก็ได้ เขาได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งไปตอนเขาคุยกับโค้ช แต่ไม่รู้จะปลีกตัวออกมาอย่างไรไม่ให้เสียมารยาท และตอนนี้เขาก็ต้องได้รับรางวัลมารยาทดีของเขาด้วยร่างไร้วิญญาณของเพื่อน เขาคิดว่าบางทีคำพูดบางประโยคของโค้ช  หรืออาจจะของเขาเอง(คิดถึงตรงนี้หัวใจของเบนจามินก็เจ็บแปลบขึ้นมาอีกครั้ง)ที่จูเลียนฟังไม่จบมีส่วนช่วยให้เด็กหนุ่มฆ่าตัวตาย แน่ล่ะพวกที่แกล้งเขาที่โรงเรียน  โดยเฉพาะไวท์กับจอห์นสันมีส่วนสำคัญที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้  คนที่ยืนเฉยๆปล่อยให้เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นโดยไม่ห้ามก็มีความผิดพอกันหรืออาจมากกว่าด้วยซ้ำในสายตาของเบนจามิน 
    เจฟเฟอร์รีย์มองร่างอันไร้วิญญาณของลูกชาย เด็กหนุ่มที่เคยงดงาม บัดนี้ชุ่มโชกไปด้วยเลือด ตอนที่ศพของจูเลียนกำลังถูกฝังอยู่นั้น เขาเข้าใจแล้วว่าการอยู่แบบตายทั้งเป็นเป็นยังไง เจเดน ลูกคนโตของเขา ประคองเขากลับบ้าน 
    “จูเลียนคงมีความสุขบนสวรรค์แล้วครับพ่อ” เจเดนปลอบ “ผมก็คิดถึงเขา แต่ถ้าพ่อร้องไห้ จูเลียนคงเป็นห่วง”
     เจฟเฟอร์รีย์ปาดน้ำตา เขาฝืนยิ้มให้ลูกชาย ลูกชายที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของเขา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×