ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Snape The last prince สเนป เจ้าชายองค์สุดท้าย

    ลำดับตอนที่ #14 : 11(100%)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.02K
      127
      12 เม.ย. 62

    “สีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะคะคุณ” เกรซถามสามีอย่างเป็นห่วง “ดูซีดๆชอบกล”
    โทไบอัสผลักชามน้ำซุปออกไปห่างตัว น้ำซุปที่เคยส่งกลิ่นหอมยวนใจ น่ารับประทาน บัดนี้เขากลับรู้สึกเบื่อหน่าย “ผมปวดท้อง” โทไบอัสว่า “ไม่อยากกินอาหารเช้าเลย”
    “คุณไม่ค่อยกินอะไรมาตั้งหลายวันแล้วนะคะ” ภรรยาของเขาว่า “ไปหาหมอดีไหมคะ”
    “ก็แค่ปวดท้องเอง” โทไบอัสว่า “กินยาเดี๋ยวก็หาย ไม่ต้องไปหาหมอหรอก”
    “ไปเถอะค่ะ” เกรซว่า “ฉันเป็นห่วง เดี๋ยวฉันให้คนขับรถไปส่งคุณที่โรงพยาบาลใกล้ๆ”
    โทไบอัสตั้งท่าจะเถียง แต่ภรรยาของเขาขัดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “ไม่ค่ะ โทบี คุณเป็นแบบนี้มาตั้งหลายวันแล้ว ไปหาเถอะค่ะ”
    “ก็ได้” โทไบอัสยอมแพ้ เขาไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แค่ปวดท้องเฉยๆเอง
    ******************************
    “ผมเป็นอะไรกันแน่ครับหมอ” โทไบอัสถามอย่างร้อนใจ ขณะที่หมอดูผลตรวจของเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
    “คุณดื่มแอลกอฮอล์มากไหมครับ” หมอไม่ตอบ แต่กลับตั้งคำถามเขาแทน
    “ตอนหนุ่มๆก็มากอยู่หมอ แต่หลังๆก็เลิกแล้ว” โทไบอัสตอบ เริ่มสังหรณ์ใจไม่ค่อยดี “ทำไมหรือหมอ”
    หมอสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดว่า “หมอต้องบอกก่อนว่าผลตรวจวันนี้ ไม่ค่อยน่าพอใจเท่าไหร่”
    โทไบอัสจับจุดได้ทันที “หมายความว่าผมเป็นโรคร้ายแรงหรือหมอ ผมจะตายไหม มีวิธีรักษาหรือเปล่า”
    “ใจเย็นๆก่อนครับ” หมอรีบห้าม “ถ้าดูแลตนเองดีๆก็มีโอกาสอยู่ได้นานหลายเดือนอยู่นะครับ”
    “หลายเดือน!” โทไบอัสตะโกน “หมอคิดว่ามันนานมากหรือ หลายเดือนเนี่ย” เขาทรุดตัวลง “ผมมีเงินนะหมอ มีเยอะแยะ รักษาผมเต็มที่ ใช้ยาที่ดีที่สุด ผมมีจ่าย”
    “หมอรักษาเต็มที่อยู่แล้วครับ มันเป็นจรรยาบรรณ เดี๋ยวเข้านอนพักรักษาที่โรงพยาบาลเลยละกันครับ เดี๋ยวจะจัดการเรื่องห้อง”
    โทไบอัสรู้สึกหัวหมุนไปหมด โรคร้ายแรง เขาเป็นโรคร้ายแรง เงินที่เขามีจะช่วยยืดอายุเขาได้นานแค่ไหนกันหนอ
    ***********************************
    มหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูส์ ห้องทำงานของเบนจามิน
    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เบนจามินวางปากกาที่กำลังตรวจงานและลุกไปรับ
    “สวัสดีครับ เบนจามิน สเนปพูดครับ” เขาพูดใส่โทรศัพท์
    “เบนจามิน” เสียงร้อนใจดังมาจากอีกฝั่ง “พ่อของลูกไม่สบายหนัก ตอนนี้เข้าโรงพยาบาลไปแล้ว ถ้าลูกลาหยุดได้ มาเยี่ยมพ่อหน่อยนะลูก”
    “พ่อเป็นอะไรครับ” เบนจามินถามอย่างร้อนรน
    “มะเร็งจ้ะ” เกรซตอบเสียงสั่น “มะเร็งตับ ระยะลุกลามแล้วด้วย รีบกลับมานะจ๊ะ แม่กลัวว่า..”
    เธอไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น แต่เบนจามินก็รู้ดี “ครับแม่ เดี๋ยวจัดการงานเสร็จแล้ว ผมจะรีบไป วันนี้ผมไม่มีสอนแล้ว” เขาวางสายโทรศัพท์
    ‘มะเร็งเป็นโรคที่ยังไม่มีทางรักษาให้หาย หากใครเป็นก็ได้แต่นับวันถอยหลังเท่านั้น' เบนจามินคิดอย่างหมดหวัง ‘ต่อให้มีเงินมากแค่ไหนก็ยืดเวลาชีวิตได้ไม่นาน มีแต่ปาฏิหาริย์หรือเวทมนตร์เท่านั้นที่จะ..' คิดได้ถึงตรงนี้ก็เหมือนมีหลอดไฟสว่างวาบขึ้นมาในหัวของเขา เวทมนตร์ ใช่แล้ว เขามีพี่ชายเป็นพ่อมดที่เชี่ยวชาญด้านการปรุงยา เซเวอร์รัสเคยบอกว่าไม่มียาอะไรที่เขาปรุงไม่ได้ อาจมียารักษามะเร็งได้ก็เป็นได้ เขาต้องเขียนจดหมายหาพี่ชาย เซเวอร์รัสเคยเล่าให้เขาฟังว่ามีมักเกิ้ลสามารถติดต่อกับอาจารย์ใหญ่ฮอกวอตส์ได้ เชื่อว่ามีสายลับอยู่ที่ไปรษณีย์ คอยจัดการดูแลเรื่องต่างๆ เขาได้แต่หวังว่ายังจะมีสายลับที่ไปรษณีย์เหมือนเดิม และหวังว่าเซเวอร์รัสจะยอมทำตามที่เขาขอ นี่เป็นความหวังครั้งสุดท้ายของเขาแล้ว เขานั่งลงและเริ่มเขียนจดหมาย

    เซเวอร์รัสกำลังอ่านหนังสืออย่างสบายอารมณ์อยู่ในห้องทำงานส่วนตัว เขาไม่ต้องสอนสกัดใจให้พอตเตอร์อีกแล้วและเวลาว่างของเขาก็เพิ่มมากขึ้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

    “เข้ามาได้เลย” เขาพูด ดัมเบิลดอร์เปิดประตูเข้ามา

    สเนปเงยหน้าขึ้นมอง “มีอะไรครับ อาจารย์ใหญ่”

    ดัมเบิลดอร์ยื่นซองจดหมายให้เขา สเนปก้มลงมอง ชื่อผู้รับเป็นชื่อเขา ส่วนชื่อผู้ส่ง หัวใจของเขากระตุกวูบ เบนจามิน

    “ขอบคุณมากครับ” สเนปว่า พลางรับจดหมายมา

    “ไม่เป็นไร” ดัมเบิลดอร์ตอบ “ฉันไปเที่ยวที่ย่านมักเกิ้ล เผอิญคนที่คอยดูแลเรื่องไปรษณีย์เห็นฉันก็เลยเอามาให้” เขาหยุดสักครู่ ก่อนจะพูดต่อว่า “เบนจามินเป็นใครหรือ เซเวอร์รัส แต่ถ้าเธอไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไรนะ”

    “น้องชายผมเอง น้องต่างแม่ของผม เขาเป็นมักเกิ้ล” สเนปอธิบายรวบรัด “แต่ผมไม่ได้ติดต่อเขาเป็นปีๆแล้ว สงสัยจริงว่าเขาเขียนมาทำไม”

    “เขาอาจมีธุระด่วนก็ได้” ดัมเบิลดอร์เสนอความเห็น “เธออ่านตามสบายเลย ฉันไปก่อนล่ะ ไม่กวนแล้ว” และเขาก็เดินออกจากห้องไป

    สเนปฉีกจดหมายออกอ่าน

    เซเวอร์รัสที่รัก

    ฉันเขียนจดหมายมาเพราะมีเรื่องจะขอร้องนาย คือพ่อของเราเข้าโรงพยาบาล หมอบอกว่าพ่อเป็นโรคมะเร็งตับเพราะดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป นายเคยบอกว่านายเป็นนักปรุงยาที่เก่งที่สุดในโลก ฉันอยากขอให้นายช่วยปรุงยารักษาโรคให้พ่อหน่อยได้ไหม ถือว่าฉันขอร้องล่ะ หวังว่านายจะสบายดี

    ด้วยรักจากน้องชายของนาย

    เบนจามิน

    เซเวอร์รัสอ่านจดหมายนั้นด้วยความรู้สึกสับสน เขาอยากปฏิเสธเบนจามิน ทำไมเขาต้องช่วยคนที่ทำให้บ้านกลายเป็นนรกด้วย คนที่ทุบตีเขาและเรียกเขาเป็นปีศาจ แต่เสียงเล็กๆที่หนักแน่นในหัวของเขาก็ดังขึ้น แต่เขาเป็นพ่อแกนะ เขาเลี้ยงแกมาจนโต

    Flashback

    ธันวาคม 1973

    เซเวอร์รัสกลับมาบ้านในช่วงเทศกาลคริสต์มาส เขาไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เขากลับมา อาจเป็นเพราะเขาไม่อยากถูกล้อว่าไม่เป็นที่ต้องการแม้แต่กับพ่อแม่กระมัง ถึงมันจะเป็นความจริงก็เถอะ และตอนนี้เขาก็ไม่สบายหนัก อากาศหนาวไม่ดีต่อร่างกายเขาเลย เขาทั้งไอ น้ำมูกไหล และไข้ขึ้นสูงมาก ตอนนี้เขาอยู่บ้านคนเดียวและเป็นเวลาดึกดื่นแล้ว พ่อก็ยังไม่กลับมา ส่วนแม่ แม่ทิ้งเขาไปแล้วและไม่มีวันจะกลับมาอีก ปวดหัวจัง

    “ไอ้เด็กโง่” เสียงโวยวายดังขึ้น “ไม่สบายทำไมไม่หาอะไรกิน จะได้กินยา”

    “พ่อ” เด็กหนุ่มวัย13ปีพูด

    “กินซะ” โทไบอัสยื่นซุปกะหล่ำปลีให้เขา “รีบกินจะได้กินยา”

    เซเวอร์รัสยันตัวลุกขึ้นนั่ง “ขอบคุณครับพ่อ”

    โทไบอัสทำเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ “ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก รีบกินจะได้กินยา” เขาสัมผัสหน้าผากลูกชาย “แกตัวร้อน เดี๋ยวฉันจะเช็ดตัวให้”

    เซเวอร์รัสรีบกินซุป แต่กินแค่ไม่กี่คำ เขาก็กินไม่ลง พ่อบังคับให้เขานอนลง พ่อถอดเสื้อและเช็ดตัวให้เขา พิษไข้ทำให้เขาหลับจนถึงตอนเที่ยงวันรุ่งขึ้น เขายันตัวลุกขึ้น พบว่ามีซุปมันฝรั่งอยู่บนโต๊ะ ยาแก้ไอ แก้หวัด และลดไข้ ผ้าพันคอสีเขียว รวมถึงกระดาษแผ่นเล็กๆที่เขียนว่า “ตื่นมาแล้วก็กินซุป กินยาด้วยล่ะจะได้หายเร็วๆและก็เอาผ้าพันคอพันไว้ด้วย อากาศหนาว เดี๋ยวแกก็เป็นหวัดอีก ฉันขี้เกียจมาดูแล”

    เด็กหนุ่มรีบกินซุป กินยา แล้วจับผ้าพันคอ มันออกจะนุ่มและอบอุ่น เขานำมันพันคอตัวเอง รู้สึกอบอุ่นทั้งกายและใจ

    ปัจจุบัน 19 กพ 1996

    ‘ช่วยไม่ได้แฮะ’ เซเวอร์รัสคิด 'แค่ปรุงยารักษาโรคของมักเกิ้ลไม่เห็นยากตรงไหน' และเขาก็ไปเตรียมอุปกรณ์และวัตถุดิบสำหรับการปรุงยา 'เฮ้อ! นึกว่าคืนนี้จะได้พักผ่อนสบายๆเสียแล้ว'

    Talk ความสัมพันธ์ของเซเวอร์รัสกับพ่อเป็นแบบlove-hate relationshipค่ะ คือพวกเขาเกลียดกัน แต่ก็รักกันด้วย

    ต่อ

    20กพ1996

    ห้องทำงานของดัมเบิลดอร์

    “เธอจะขอลาวันนี้เหรอ เซเวอร์รัส” ชายชราถาม “จะไปเยี่ยมพ่อของเธอ”

    “ใช่ครับ” เซเวอร์รัสตอบเสียงเรียบ “พ่อผมป่วย”

    “ตามสบาย” ดัมเบิลดอร์ตอบ “ขอให้เขาหายเร็วๆนะ เซเวอร์รัส”

    “ขอบคุณครับ” สเนปตอบ เขาโค้งคำนับก่อนจะเดินออกจากห้องไป

    โรงพยาบาลx

    เซเวอร์รัสใส่เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้ม กางเกงสแล็คสีดำ เขาไม่ได้ใส่ชุดคลุมสีดำมา เพราะดูจะเสียมารยาทถ้าใส่ชุดดำมาเยี่ยมผู้ป่วยที่โรงพยาบาล เขาไปที่เคาน์เตอร์และบอกพนักงานต้อนรับว่า

    “ผมมาเยี่ยมโทไบอัส สเนปครับ”

    “อยู่ชั้น5 ห้อง512ค่ะ” พนักงานตอบ “ใช้ลิฟต์ทางขวามือได้เลยค่ะ”

    “ขอบคุณครับ” อาจารย์ปรุงยาตอบ ก่อนจะเดินไปขึ้นลิฟต์

    เซเวอร์รัสมาอยู่ที่ห้อง512แล้ว เขาลังเลไม่กล้าเคาะประตู เขาไม่ได้เจอพ่อมาหลายปีแล้ว เขาทำเหมือนพ่อไม่มีตัวตนอยู่และพ่อก็ทำแบบเดียวกับเขา เขาสูดหายใจลึกๆก่อนจะเคาะประตู

    “ใครครับ” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้น เซเวอร์รัสจำได้ทันทีว่าเป็นเสียงของเบนจามิน

    “ฉันเอง เซเวอร์รัส” เซเวอร์รัสตอบ

    เบนจามินเดินมาเปิดประตูให้พร้อมยิ้มกว้าง “ฉันคิดว่านายจะไม่ยอมมาเสียแล้ว เข้ามาเลย พ่อนอนหลับอยู่”

    เซเวอร์รัสเดินเข้าไปในห้อง โทไบอัสนอนอยู่บนเตียง มีสายห้อยระโยงระยางเต็มไปหมด เขากำลังนอนหลับ แต่ท่าทางจะไม่สนิทนัก เขาส่งเสียงครวญคราง

    “เขาคงเจ็บมาก” สเนปคนพี่ตั้งข้อสังเกต ก่อนจะยื่นขวดยาให้น้องชาย “ยานี่จะช่วยเขาได้ ให้เขากินหลังอาหารนะ อะไรที่เป็นโรคของมักเกิ้ล พ่อมดแม่มดรักษาได้เร็วมาก ยานี้ดีที่สุด แค่ขวดเดียวก็เห็นผลแล้ว”

    เบนจามินรับไปอย่างรู้สึกขอบคุณ “ขอบใจมาก เซเวอร์รัส พ่อต้องดีใจแน่”

    เซเวอร์รัสยังไม่ทันตอบก็มีเสียงดังขึ้นจากเตียง “คุยกับใครอยู่หรือ เบน มาหาพ่อหน่อยสิ”

    “ได้เวลาฉันกลับแล้วล่ะ” เซเวอร์รัสพูด “เดี๋ยวเขาเห็นฉันแล้วอาการจะกำเริบเอา”

    “แก” โทไบอัสชี้นิ้วสั่นระริกมาทางเขา “ไอ้ลูกปีศาจ แกมาทำอะไรที่นี่ มาดูว่าฉันใกล้ตายหรือยังเหรอ จะบอกให้นะว่าต่อให้ฉันตาย แกจะไม่ได้อะไรจากฉัน แม้แต่อย่างเดียว”

    เซเวอร์รัสพ่นลมหายใจอย่างดูถูก “ผมไม่เอาเงินของคุณหรอก ผมมีงานมีการทำ ผมมาเพราะเบนจามินบอกว่าคุณป่วย ยังไงผมก็เป็นลูก ไม่มาเยี่ยมพ่อเลยก็ยังไงอยู่”

    “ฉันไม่มีลูกเป็นเด็กปีศาจอย่างแก” โทไบอัสพูด น้ำเสียงรังเกียจชัดเจน “ไสหัวไปให้พ้น กลับไปอยู่กับพวกปีศาจอย่างแกซะ”

    “พ่อฮะ” เบนจามินเริ่ม “เซเวอร์รัสเขามา..”

    แต่เซเวอร์รัสโบกมือให้เขาเงียบ ก่อนจะพูดเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคนว่า “อย่าบอกเขาว่าเป็นยาจากฉัน ไม่งั้นเขาจะไม่ยอมกิน”

    “แกจะเป่าหูอะไรลูกชายฉัน ไอ้เด็กปีศาจ” สเนปคนพ่อพูดอย่างกราดเกรี้ยว “คิดจะใช้อะไรบ้าๆคุมลูกชายฉันหรือไง เหมือนที่แม่แกเคยทำกับฉัน”

    เซเวอร์รัสหันไปเผชิญหน้ากับพ่อ “แม่ไม่ได้ใช้อะไรบ้าๆคุมคุณ” เขาพูด น้ำเสียงสั่นเล็กน้อยด้วยโทสะ

    “ใช้สิ” โทไบอัสเถียง “ไม่งั้นฉันจะหลงนังแม่มดนั่นได้ไง แต่สุดท้ายผู้หญิงแพศยานั่นก็ไปมีชู้ และก็ทิ้งแกเป็นภาระให้ฉัน”

    “แม่ไม่ได้เป็นแบบนั้น” เซเวอร์รัสเถียง “แม่ทนอยู่กับคุณไม่ได้ต่างหาก”

    “แล้วทำไมยัยนั่นไม่พาแกไปด้วยล่ะ” โทไบอัสพูดอย่างดูถูก “อ๋อ เพราะแกมันน่าขยะแขยงเสียจนผู้หญิงที่อุ้มท้องแกมายังรับไม่ได้สินะ”

    เซเวอร์รัสตัวสั่นเทิ้มด้วยโทสะ เขารู้ว่าถ้าอยู่ต่อไป เขาต้องทำอะไรที่เขาจะเสียใจภายหลังแน่ เขารีบหันหลังและเดินจากไป

    "เซเวอร์รัส" เบนจามินเรียก เขายัดบัตรเชิญใส่มือพี่ชาย และลดเสียงลงเป็นเสียงกระซิบ "งานแต่งลูคัสกับแอบบิเกล ถ้าว่างก็มาได้นะ"

    เซเวอร์รัสรับมา เขาพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

    คำพูดของพ่อทำให้เขาเจ็บปวดไม่น้อย อาจจะจริงที่เขามันน่าขยะแขยงเสียจนแม่ทิ้ง เขายังจำวันนั้นได้ดี จำได้ราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้

    ปิดเทอมปี1 ขึ้นปี2 คศ1972

    เซเวอร์รัสในวัย12ปีกลับมาบ้านในช่วงปิดเทอม เขามีเรื่องจะมาอวดแม่เยอะแยะเลย โดยเฉพาะผลสอบวิชาปรุงยาของเขา แต่เมื่อเขาเห็นแม่แต่งตัวออกไปข้างนอก เขาก็ชะงักและถามว่า “แม่จะไปไหนครับ”

    ไอลีนหันมายิ้ม เธอหยิบกระเป๋าและตอบว่า “ไปทำธุระจ้ะ ลูกอยู่กับโทบีนะ ดูแลตัวเอง ดูแลบ้าน ดูแลพ่อด้วย”

    “ให้ผมไปด้วยไม่ได้หรือครับ” เซเวอร์รัสพูด เขาไม่อยากอยู่ที่นี่ตามลำพังกับพ่อเลย

    “แม่ไปธุระจ้ะ ไม่ได้ไปเที่ยว” ไอลีนตอบพลางยื่นกล่องให้ลูก “แม่ให้จ้ะ”

    โทไบอัสพูดแทรกขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ “เฮอะ! ไปทำธุระเหรอ ไปหาชู้มากกว่า”

    เซเวอร์รัสพยายามกลั้นน้ำตาก่อนจะพูดเสียงเครือ “แล้วแม่จะกลับมาเมื่อไหร่ครับ”

    “ไม่นานจ้ะ สัญญาเลย แม่จะกลับมา” ไอลีนตอบ

    แต่คำว่าไม่นานของเขากับแม่น่าจะต่างกัน หลังจากวันนั้น เขาก็ไปรอหน้าประตูทุกวัน จนพ่อต้องลากเข้าไป แต่เธอไม่เคยกลับมา

    **

    “แกมานั่งอะไรอยู่ตรงนี้” โทไบอัสว่าอย่างกราดเกรี้ยว “คิดว่ายัยนั่นจะกลับมาเหรอ มันทิ้งแกไปแล้ว ไอ้เด็กโง่”

    “ไม่จริง” เซเวอร์รัสเถียง แม้เขาจะไม่มั่นใจเลย “แม่สัญญาแล้ว”

    “เข้าบ้าน” พ่อของเขาตวาด ก่อนจะลากเขาเข้าไป “ไม่มีอะไรทำก็ไปจัดห้องให้ฉัน เอาข้าวของแม่แกไปทิ้งให้หมด”

    เซเวอร์รัสทำตาม ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะโต้เถียง เขาอาจจะโดนเข็มขัดฟาดเอาก็ได้ เขาเข้าไปจัดห้องและก็ต้องเห็นในสิ่งที่เขาไม่อยากเห็น จดหมายที่ไซรัส พอตเตอร์เขียนถึงแม่ของเขานั่นเอง

    ไอลีนที่รัก

    ฉันดีใจที่เธอสำนึกได้ อยู่กับมักเกิ้ลมีแต่ทำให้โลกเวทมนตร์มัวหมอง ฉันยินดีจะช่วยเหลือเธออย่างเต็มที่ เพราะยังไงเธอก็เป็นทายาทเลือดบริสุทธิ์อย่างตระกูลพริ้นซ์ แต่มีข้อแม้แค่ข้อเดียวเท่านั้น คือเธอต้องไม่เอาไอ้เด็กเลือดผสมสามานย์มาด้วยเป็นอันขาด แม้เธอจะพยายามอบรมแค่ไหน เลือดชั่วมันก็ต้องโผล่ออกมาวันยังค่ำ เด็กนั่นไม่คู่ควรเป็นทายาทตระกูลพริ้นซ์ ถ้าเธออยากมีทายาท ฉันจะให้เธอเอง รับรองว่าดีกว่าไอ้เด็กเลือดผสมนัันร้อยเท่า

    ด้วยรัก

    ไซรัส ช.แบล็ค พอตเตอร์

    นี่หรือคือธุระของแม่ การแต่งงานใหม่กับพ่อมดเลือดบริสุทธิ์ พ่อมดที่ไม่ยอมรับเด็กเลือดผสมอย่างเขา เขาพยายามกลั้นกลืนน้ำตา ต่อไปนี้เขาจะไม่เชื่อใจใครอีกแล้ว ขนาดคนเป็นแม่ยังทิ้งเขาได้ แล้วใครจะมารักเขาจริง

    Talk ถ้ารีดเป็นเซเวอร์รัสจะเกลียดพ่อหรือแม่มากกว่ากัน

    ต่อ

    “ออกไปให้พ้น ไอ้เด็กปีศาจ” โทไบอัสโวยวาย พลางโยนขวดเหล้าใส่ลูกชาย

    เซเวอร์รัสก้มหลบ ตั้งแต่แม่จากไปก็ยิ่งแย่ขึ้นทุกวัน พ่อเอาแต่ดื่มเหล้า พอไม่ได้ดั่งใจก็อาละวาด วันนี้ก็เช่นกัน

    “ไป” โทไบอัสตวาดพลางลากตัวลูกโยนไปข้างนอก “ไปหาแม่แกซะ เขายัดเหรียญซิกเกิ้ลจำนวนหนึ่งให้ เอาเงินปีศาจไปด้วย และไปให้พ้นหน้าพ้นตาฉันซะ” เขาปิดประตู

    เด็กหนุ่มพยายามเคาะประตู แต่พ่อก็ไม่ออกมาเปิดให้ เขาจะทำยังไงดี และเขาก็คิดขึ้นได้ เขาน่าจะลองไปหาตายาย ตอนนี้แม่ได้กลับเข้าตระกูลพริ้นซ์แล้ว ตายายอาจจะใจอ่อน ยอมรับเขาเป็นหลานแล้วก็ได้ เขาใช้ไม้กายสิทธิ์โบก และรถเมล์อัศวินราตรีก็มาจอด เขาบอกจุดมุ่งหมาย จ่ายเงินและนั่งรถไป

    คฤหาสน์ตระกูลพริ้นซ์ค่อนข้างหรูหราทีเดียว ไม่แปลกอะไรเลยที่แม่จะทนอยู่บ้านซอมซ่อที่ตรอกช่างปั่นฝ้ายไม่ได้ เขาเดินเข้าไปในบริเวณสวนหน้าบ้าน และพบเด็กหนุ่มคนหนึ่งอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขากำลังนอนเอกขเนกอยู่บนเตียงผ้าใบ เขาเงยหน้ามองเซเวอร์รัสด้วยสีหน้าเหยียดหยาม

    “แกเป็นใครน่ะ แต่งตัวอย่างกับพวกเอลฟ์” เขาดูถูก

    “เซเวอร์รัส สเนป” เซเวอร์รัสตอบ “ฉันเป็นหลานชายของเจ้าของคฤหาสน์นี่”

    เด็กหนุ่มระเบิดเสียงหัวเราะ “แกน่ะเหรอ หลานชาย เดี๋ยวฉันถามให้เอามั้ย” แล้วเขาก็ตะโกนเข้าไปในบ้าน “ธีรอนฮะ อีเลนาฮะ หลานชายคุณมาหา”

    ชายหญิงวัยกลางคนโผล่มาจากบ้าน เมื่อเห็นเซเวอร์รัส พวกเขาก็ทำหน้าดูถูก

    “เข้าบ้านก่อนนะจ๊ะ อีริค” อีเลนาพูดกับเด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน ก่อนหันมามองเซเวอร์รัสอย่างรังเกียจ “เดี๋ยวจะติดเชื้อจากพวกเลือดผสม ประเดี๋ยวไซรัสจะว่าฉันได้ว่าขอลูกเขามาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมแล้วดูแลไม่ดี”

    “ครับ อีเลนา” เด็กหนุ่มว่า “ผมดีใจกับคุณด้วยนะครับ ที่ในที่สุดลูกสาวคุณก็เลิกบ้า และหันมาให้ความสำคัญกับเลือดบริสุทธิ์” และเขาก็รีบเดินเข้าบ้านไป

    “ส่วนแก” อีเลนาหันมาหาหลานชาย “แกกล้าดียังไง อ้างตัวว่าเป็นหลานฉัน ฉันไม่รับเด็กเลือดผสมสามานย์อย่างแกเป็นหลาน”

    “ใช่” ธีรอนเห็นด้วย “ตระกูลพริ้นซ์จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกมักเกิ้ลโสโครก ถ้าฉันจะมีหลานก็ต้องเป็นหลานที่เกิดจากพ่อมดเลือดบริสุทธิ์อย่างไซรัส พอตเตอร์เท่านั้น”

    “แต่ผมเป็นหลานของพวกคุณนะ” เซเวอร์รัสว่า “ผมไม่มีที่ไปแล้ว ให้ผมอยู่ด้วยนะครับ”

    ธีรอนหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาขู่ “แกจะไปดีๆหรือจะเป็นซากกลับไป ที่นี่ไม่ต้อนรับแก ไอ้เด็กเลือดผสม”

    “อย่าเสียเวลาเลยค่ะ” อีเลนาบอกกับสามี “เราต้องเตรียมจัดบ้าน ครอบครัวของไซรัสจะมาที่นี่ อีริคจะได้เจอพ่อ ลุง ฝาแฝด และก็ลูกพี่ลูกน้อง”

    “และเราก็จะได้เจอไอลีน” ธีรอนว่า “และเราจะจัดงานต้อนรับเธอเข้าตระกูลเหมือนเดิม ดีจริงๆที่ในที่สุดเธอก็คิดได้” เขาหันมาทางเซเวอร์รัส ชี้ไม้กายสิทธิ์และลำแสงสีแดงก็โผล่มาจากปลายไม้ เซเวอร์รัสกระเด็นออกจากเขตบ้าน เด็กหนุ่มยันตัวลุกขึ้น รู้สึกเจ็บแปลบที่ขา แต่ก็ไม่เท่ากับที่เจ็บที่หัวใจ

    “แกไปไหนมา” พ่อของเขาตวาดทันทีที่เขานั่งรถเมล์อัศวินราตรีกลับมาบ้าน “บ้านช่องไม่คิดจะกลับเลยใช่ไหม”

    พ่อคงหายเมาแล้วและจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าตนเองเป็นคนไล่เซเวอร์รัสออกจากบ้านเอง

    “อาหารอยู่บนโต๊ะ” โทไบอัสพูด “ถ้าเย็นไป ก็อุ่นเองละกัน แล้วฉันให้เงินแกไว้นิดหน่อยด้วย ฉันจะไม่อยู่บ้านหลายวัน ซื้ออะไรกินเองซะ”.

    “ขอบคุณครับพ่อ” เซเวอร์รัสตอบ เขาไม่ถามว่าพ่อจะไปทำอะไร เพราะถือว่านั่นไม่ใช่ธุระของเขา ถ้าถามมากไป เขาอาจโดนตบบ้องหูเอาก็ได้ เขาเดินไปกินอาหาร คิดถึงเหตุการณ์วันนี้ เขาสาบานกับตัวเองแล้ว ต่อให้เขาต้องอดตายอยู่ข้างถนน เขาจะไม่ใช้ทรัพย์สมบัติของตระกูลพริ้นซ์แม้แต่คนุตส์เดียว เขาต้องมีงานมีการที่มั่นคง เขาต้องลบคำสบประมาทที่ว่าเลือดผสมอย่างเขาไม่มีวันได้ดีเท่าเลือดบริสุทธิ์ เขาสาบานแล้ว เขาต้องทำให้ได้

    ****

    1996 ปัจจุบัน

    และเขาก็ทำได้ เขาเป็นอาจารย์ปรุงยาที่อายุน้อยที่สุดในศตวรรษ ไม่มียาอะไรที่เขาปรุงไม่ได้ เขายังคิดสูตรยาใหม่ๆได้เองอีกด้วย เขาได้รายได้เสริมจากตรงนี้ เขานำเงินทั้งหมดไปฝากที่ธนาคาร ก็อบลินเคยถามเขาว่าเขาจะจัดการยังไงกับตู้นิรภัยตระกูลพริ้นซ์ เพราะแม้ธีรอนกับอีเลนาจะไม่รับเขาเป็นหลาน แต่เขาก็มีสายเลือดตระกูลพริ้นซ์อยู่ และสำหรับก็อบลิน แค่นั้นก็พอแล้ว แต่เซเวอร์รัสไม่สนใจเงินพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย เขาคิดว่าถ้าจะตัดขาดกับใครหรืออะไรก็ควรตัดขาดให้หมด เขาไม่ต้องการใช้เงินของคนที่ดูถูกเหยียดหยามเขา เขาจะพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งตระกูลพริ้นซ์ เขามักจะดูถูกซิเรียส แบล็คอยู่เสมอ เจ้านั่นรังเกียจครอบครัวตนเองและธุรกิจด้านมืดของครอบครัว แต่กลับใช้เงินที่หามาได้จากธุรกิจเหล่านั้นอย่างไม่ละอายสักนิด เข้าทำนองเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกงชัดๆ ส่วนเจมส์ พอตเตอร์ก็ดูเหมือนจะเป็นคนดี ยอมรับมนุษย์หมาป่าและให้เงินใช้ อาจจะเป็นคนดีจริงแต่ไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่ เจ้านั่นคิดว่ามรดกพ่อแม่ไม่วันหมดหรือไงถึงเที่ยวแจกจ่ายให้คนนั้นคนนี้ ก็อย่างที่ว่า คนมันไม่เคยลำบากจะเข้าใจอะไร แล้วเขาก็คิดถึงเด็กวีสลีย์อย่างดูถูก มันเดือดร้อนอะไรนักหนาที่ต้องใช้หนังสือมือสอง ดูอย่างเขาสิ กระทั่งหนังสือมือสองยังไม่มีปัญญาซื้อด้วยซ้ำ ต้องใช้หนังสือเก่าของแม่ โชคดีที่ฮอกวอตส์ไม่เคยเปลี่ยนหลักสูตรเลย เจ้าเด็กนั่นบ่นแต่ว่าตัวเองจนเพราะไม่มีปัญญาซื้อของแพงๆตามแฟชั่น ไม่ได้มีไม้กวาดรุ่นล่าสุด เขาอยากถามเจ้านั่นจริงๆว่ามีอาหารให้กินทุกมื้อยังไม่พอใจอะไรอีก ตอนเขาเด็กๆถึงขนาดต้องเก็บขนมปังที่เปื้อนโคลนแล้วมากินด้วยซ้ำ ไม่กินทิ้งกินขว้างแบบนี้หรอก และเด็กนั่นก็ยังมีครอบครัว ถึงจะไม่มีเงินก็เถอะ บางคนไม่มีเงินก็ยังมีครอบครัวและเพื่อนอย่างวีสลีย์ บางคนก็มีเงินและเพื่อนถึงจะไม่มีครอบครัวอย่างซิเรียส แบล็คกับแฮร์รี่ พอตเตอร์ แล้วเขาล่ะ ก่อนหน้าที่จะรู้ว่าตัวเองเป็นเจ้าชายมีอะไรบ้าง เขาไม่มีทั้งเงิน ไม่มีครอบครัวและก็ไม่มีเพื่อน ลิลี่เป็นคนเดียวที่เขานับเป็นเพื่อนได้ แต่เธอก็ไม่ชอบเพื่อนบ้านสลิธีรินของเขา เธอบอกให้เขาเลิกคบกับพวกนั้น เขาสงสัยจริงๆว่าจะเลิกคบกับคนที่อยู่หอนอนเดียวกันได้ยังไง เขาต้องอยู่กับพวกสลิธีรินมากกว่าลิลี่ เขาจะตัดขาดความสัมพันธ์กับพวกนั้นได้ยังไง แล้วเขาก็ไม่อยากทำให้แม่เดือดร้อนด้วย เพราะรอย เอเวอร์รี่ หลานชายของไซรัส พอตเตอร์ เคยข่มขู่เขาตอนที่เขาห้ามไม่ให้พวกนั้นแกล้งแมกโดนัลด์ เจ้านั่นบอกว่าถ้าเขาขืนขัดความสนุกอีก จะไม่รับรองความปลอดภัยของไอลีน ตอนนั้นเซเวอร์รัสไม่แน่ใจว่าเป็นแค่คำขู่หรือเปล่า แต่เขาก็ไม่อยากเสี่ยง แม่ของเขาอยู่ในกำมือของพวกนั้น เขาไม่แน่ใจว่าไซรัส พอตเตอร์จะปกป้องแม่เขาได้ ถ้าเอเวอร์รี่คนพ่อจะจัดการกับเธอหรือเขาอาจจะไม่ทำด้วยซ้ำ ตระกูลเอเวอร์รี่เป็นหนึ่งในตระกูลศักดิ์สิทธิ์ ต่างจากตระกูลพริ้นซ์ที่ถึงเป็นเลือดบริสุทธิ์ก็ไม่ได้อยู่ในตระกูลศักดิ์สิทธิ์ ลิลี่อาจคิดว่าพวกนั้นเป็นเพื่อนกับเขา แต่ความจริงแล้วเขาเป็นลูกไล่ให้พวกมันต่างหาก เซเวอร์รัสสั่นหัวเพื่อขจัดความคิดเพ้อเจ้อออกไป ไม่มีประโยชน์ที่จะจมอยู่กับอดีต เขาต้องมองไปที่อนาคต เขารีบหายตัวกลับไปที่ฮอกวอตส์ทันที

    Talk ไรท์ว่าเซเวอร์รัสเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรีนิดๆนะ คือถ้าเกลียดใครก็ไม่ขอเกี่ยวข้องด้วยเลยถึงตัวเองจะได้ประโยชน์ก็เถอะ นิสัยก็เป็นพวกงูคือรักแรง เกลียดแรง เป็นแบบบุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระน่ะ แล้วก็นิสัยค่อนข้างเหมือนแมวคือถ้าเข้าหาไม่ถูกทางจะโดนข่วนเอา เป็นคนที่เป็นเพื่อนกับคนอื่นยาก แต่ถ้าเป็นแล้วจะเป็นเพื่อนแท้เลย เหมือนที่หมวกคัดสรรบอกว่าเธออาจจะไปอยู่สลิริน ซึ่งเป็นถิ่นพบมิตรแท้ชีวิตนี่

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×