ลำดับตอนที่ #39
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #39 : special การเสียสละของอัมพุช
เป็นที่รู้จักกันดีว่านาคกับครุฑเป็นศัตรูกัน สาเหตุเป็นเพราะนางกัทรุ แม่ของนาค หลอกลวงนางวินตา แม่ของครุฑมาเป็นทาสด้วยกลอุบาย เหล่าครุฑกินนาคเป็นอาหารวันละหลายตัว จนราชาแห่งนาคยุคหนึ่งต้องทำสัญญากับพญาเวนไตย ราชาแห่งครุฑว่าจะส่งนาคให้วันละตน โดยสลับกันส่งทุกตระกูล ครั้งนี้เป็นเวรของเหล่านาคตระกูลกัณหาโคตมะ
ราชานาคตระกูลกัณหาโคตมะ ปัจจุบันมีนามว่าท้าวสมุทรา พระองค์ทรงมีมเหสีชื่อชลมาลิศ และมีพระโอรสชื่ออัมพุช และพระธิดาชื่ออัปสรา ท้าวสมุทราทรงเป็นกษัตริย์ที่ทรงทศพิธราชธรรมมาก แต่มีเรื่องนี้พระองค์ต้องทำสิ่งที่ขัดพระทัยพระองค์คือต้องทรงส่งประชาชนไปตายทุกๆสี่วันและพระองค์ก็ไม่ต้องการส่งใครไปตายทั้งสิ้น แต่การตัดสินนี้ต้องเป็นการตัดสินใจพระองค์ พระองค์จึงทรงแก้ปัญหาด้วยการจับฉลาก การจับฉลากของพระองค์มีความยุติธรรมมาก คือนอกจากพระองค์จะส่งใส่ชื่อประชาชนทั้งหมดของตระกูลกัณหาโคตมะลงไปแล้ว พระองค์ยังทรงใส่พระนามของพระองค์ มเหสีและโอรสธิดาลงไปด้วย และหากจับได้ชื่อใคร ผู้นั้นก็ต้องเป็นเหยื่อบูชายัญโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้น แม้ว่าญาติมิตรจะขอร้องเพียงใดก็ตาม เพราะพระองค์ทรงคิดว่าเป็นเรื่องยุติธรรมที่สุดแล้วและวันนี้ก็เป็นวันพิสูจน์ความยุติธรรมของพระองค์เพราะครั้งนี้พระองค์ทรงจับฉลากได้พระโอรสของพระองค์เอง
“ เสด็จพี่เพคะ” ชลมาลิศพูดขอร้องไป กอดลูกชายไป “ทรงเมตตาด้วยเพคะ อย่าส่งลูกเราไปตายเลย โปรดส่งหม่อมฉันไปแทนเถอะเพคะ”
“ เสด็จพ่อใจร้าย” อัปสราตัดพ้อ “ ถ้าเสด็จพ่อจะทรงส่งพี่อัมพุชไปก็ทรงฆ่าหม่อมฉันด้วยเถอะเพคะ”
ท้าวสมุทราไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี เพราะเป็นกษัตริย์ตรัสแล้วย่อมไม่คืนคำและลูกเมียของเขาก็กำลังทำให้เขาลำบากใจ แต่อัมพุชไม่ได้หวาดกลัวความตายแม้แต่น้อย เขาห่วงแต่แม่กับน้องเท่านั้น เขากราบเท้าพ่อ “เสด็จพ่อ โปรดทรงเมตตาเสด็จแม่กับอัปสราด้วย หม่อมฉันจะได้ไปอย่างหมดห่วง”
แล้วเขาก็กราบเท้าแม่ “ เสด็จแม่ หม่อมฉันขอตอบแทนบุญคุณชาติหน้านะพระเจ้าค่ะ”
ชลมาลิศกอดลูกและร้องไห้ “ อย่าพูดแบบนี้ ลูก” เธอหันไปพูดกับสามี “ เสด็จพี่โปรดเมตตาด้วยเพคะ”
“ เสด็จแม่ โปรดอย่าทรงทำให้เสด็จพ่อลำบากใจเลย” อัมพุชพูดอย่างกล้าหาญ “ใครๆเกิดมาก็ต้องตายทั้งนั้นและหากการสละชีวิตของลูกจะทำให้ประชาชนรอดตายจากสงครามได้ ลูกก็ยินดี”
ท้าวสมุทราได้ฟังก็ยินดีกับคำพูดของลูกยิ่งนัก “ สมเป็นลูกพ่อจริงๆ ไม่เสียแรงที่พ่ออบรมสั่งสอน ชื่อของลูกจะถูกจารึกไว้ตลอดกาล’
ฝ่ายอัปสราซึ่งยังเป็นเด็กเล็ก และไม่เข้าใจการสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อส่วนรวมจึงถามพ่อว่า “เสด็จพ่อ พวกครุฑก็แค่ต้องการนาคเท่านั้น ไม่ได้เจาะจงอยากได้เจ้าพี่สักหน่อย ทำไมเสด็จพ่อไม่ส่งนาคตนอื่นไปแทนล่ะเพคะ ใครก็ได้”.
ท้าวสมุทราทรงโศกเศร้ากับความคิดของลูก “ ลูกพ่อ ลูกยังเด็ก ลูกไม่เข้าใจว่าพ่อ นอกจากมีสถานะเป็นพ่อของลูกทั้งสองแล้ว พ่อยังต้องเป็นพ่อของประชาชนทั้งหมด ตอนที่พ่อส่งประชาชนหลายตนไปตาย พวกเขาก็มาขอร้องพ่อแบบนี้ แต่พ่อก็ไม่เคยใจอ่อนให้ใคร ถ้าครั้งนี้พ่อใจอ่อนให้ลูกตัวเองจะไม่เป็นที่ครหาหรือ พ่อรักพวกเจ้า ไม่ใช่ไม่รัก แต่หน้าที่ของพ่อไม่สามารถทำตามใจตัวเองได้ทุกอย่าง พ่อขอโทษ”
อัปสราได้ฟังก็นิ่งไปและร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ อัมพุชกอดน้องสาวไว้
“ ถ้าพี่ไม่อยู่แล้ว เชื่อฟังเสด็จพ่อเสด็จแม่ด้วย อย่าให้พี่ต้องเป็นห่วงล่ะ”
“ เพคะ เจ้าพี่” อัปสรารับคำทั้งน้ำตา
พวกทหารต่างเข้ามาเชิญเสด็จ อัมพุชเดินไปถึงแท่นบูชาและนอนลงอย่างกล้าหาญ พวกทหารที่มาส่งก็หนีกลับเมืองไปหมด ฝ่ายพญาเวนไตย เมื่อเห็นนาคก็รีบลงมากินอย่างเอร็ดอร่อยทันที ฝ่ายอัมพุชก็ตั้งจิตคิดถึงพระรัตนตรัยและได้ไปเกิดบนสวรรค์
ราชานาคตระกูลกัณหาโคตมะ ปัจจุบันมีนามว่าท้าวสมุทรา พระองค์ทรงมีมเหสีชื่อชลมาลิศ และมีพระโอรสชื่ออัมพุช และพระธิดาชื่ออัปสรา ท้าวสมุทราทรงเป็นกษัตริย์ที่ทรงทศพิธราชธรรมมาก แต่มีเรื่องนี้พระองค์ต้องทำสิ่งที่ขัดพระทัยพระองค์คือต้องทรงส่งประชาชนไปตายทุกๆสี่วันและพระองค์ก็ไม่ต้องการส่งใครไปตายทั้งสิ้น แต่การตัดสินนี้ต้องเป็นการตัดสินใจพระองค์ พระองค์จึงทรงแก้ปัญหาด้วยการจับฉลาก การจับฉลากของพระองค์มีความยุติธรรมมาก คือนอกจากพระองค์จะส่งใส่ชื่อประชาชนทั้งหมดของตระกูลกัณหาโคตมะลงไปแล้ว พระองค์ยังทรงใส่พระนามของพระองค์ มเหสีและโอรสธิดาลงไปด้วย และหากจับได้ชื่อใคร ผู้นั้นก็ต้องเป็นเหยื่อบูชายัญโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้น แม้ว่าญาติมิตรจะขอร้องเพียงใดก็ตาม เพราะพระองค์ทรงคิดว่าเป็นเรื่องยุติธรรมที่สุดแล้วและวันนี้ก็เป็นวันพิสูจน์ความยุติธรรมของพระองค์เพราะครั้งนี้พระองค์ทรงจับฉลากได้พระโอรสของพระองค์เอง
“ เสด็จพี่เพคะ” ชลมาลิศพูดขอร้องไป กอดลูกชายไป “ทรงเมตตาด้วยเพคะ อย่าส่งลูกเราไปตายเลย โปรดส่งหม่อมฉันไปแทนเถอะเพคะ”
“ เสด็จพ่อใจร้าย” อัปสราตัดพ้อ “ ถ้าเสด็จพ่อจะทรงส่งพี่อัมพุชไปก็ทรงฆ่าหม่อมฉันด้วยเถอะเพคะ”
ท้าวสมุทราไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี เพราะเป็นกษัตริย์ตรัสแล้วย่อมไม่คืนคำและลูกเมียของเขาก็กำลังทำให้เขาลำบากใจ แต่อัมพุชไม่ได้หวาดกลัวความตายแม้แต่น้อย เขาห่วงแต่แม่กับน้องเท่านั้น เขากราบเท้าพ่อ “เสด็จพ่อ โปรดทรงเมตตาเสด็จแม่กับอัปสราด้วย หม่อมฉันจะได้ไปอย่างหมดห่วง”
แล้วเขาก็กราบเท้าแม่ “ เสด็จแม่ หม่อมฉันขอตอบแทนบุญคุณชาติหน้านะพระเจ้าค่ะ”
ชลมาลิศกอดลูกและร้องไห้ “ อย่าพูดแบบนี้ ลูก” เธอหันไปพูดกับสามี “ เสด็จพี่โปรดเมตตาด้วยเพคะ”
“ เสด็จแม่ โปรดอย่าทรงทำให้เสด็จพ่อลำบากใจเลย” อัมพุชพูดอย่างกล้าหาญ “ใครๆเกิดมาก็ต้องตายทั้งนั้นและหากการสละชีวิตของลูกจะทำให้ประชาชนรอดตายจากสงครามได้ ลูกก็ยินดี”
ท้าวสมุทราได้ฟังก็ยินดีกับคำพูดของลูกยิ่งนัก “ สมเป็นลูกพ่อจริงๆ ไม่เสียแรงที่พ่ออบรมสั่งสอน ชื่อของลูกจะถูกจารึกไว้ตลอดกาล’
ฝ่ายอัปสราซึ่งยังเป็นเด็กเล็ก และไม่เข้าใจการสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อส่วนรวมจึงถามพ่อว่า “เสด็จพ่อ พวกครุฑก็แค่ต้องการนาคเท่านั้น ไม่ได้เจาะจงอยากได้เจ้าพี่สักหน่อย ทำไมเสด็จพ่อไม่ส่งนาคตนอื่นไปแทนล่ะเพคะ ใครก็ได้”.
ท้าวสมุทราทรงโศกเศร้ากับความคิดของลูก “ ลูกพ่อ ลูกยังเด็ก ลูกไม่เข้าใจว่าพ่อ นอกจากมีสถานะเป็นพ่อของลูกทั้งสองแล้ว พ่อยังต้องเป็นพ่อของประชาชนทั้งหมด ตอนที่พ่อส่งประชาชนหลายตนไปตาย พวกเขาก็มาขอร้องพ่อแบบนี้ แต่พ่อก็ไม่เคยใจอ่อนให้ใคร ถ้าครั้งนี้พ่อใจอ่อนให้ลูกตัวเองจะไม่เป็นที่ครหาหรือ พ่อรักพวกเจ้า ไม่ใช่ไม่รัก แต่หน้าที่ของพ่อไม่สามารถทำตามใจตัวเองได้ทุกอย่าง พ่อขอโทษ”
อัปสราได้ฟังก็นิ่งไปและร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ อัมพุชกอดน้องสาวไว้
“ ถ้าพี่ไม่อยู่แล้ว เชื่อฟังเสด็จพ่อเสด็จแม่ด้วย อย่าให้พี่ต้องเป็นห่วงล่ะ”
“ เพคะ เจ้าพี่” อัปสรารับคำทั้งน้ำตา
พวกทหารต่างเข้ามาเชิญเสด็จ อัมพุชเดินไปถึงแท่นบูชาและนอนลงอย่างกล้าหาญ พวกทหารที่มาส่งก็หนีกลับเมืองไปหมด ฝ่ายพญาเวนไตย เมื่อเห็นนาคก็รีบลงมากินอย่างเอร็ดอร่อยทันที ฝ่ายอัมพุชก็ตั้งจิตคิดถึงพระรัตนตรัยและได้ไปเกิดบนสวรรค์
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น