ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #158 : Cat Soup ซุปนี้รสชาติแปลกๆ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.67K
      4
      11 พ.ย. 54


     

    Cat Soup  เป็นอนิเมชั่นที่ผมได้รู้จักอันเนื่องสาเหตุมาจาก ผมดูนิเมชั่นเรื่องใหม่เรื่องหนึ่งในเดือนตุลา ผลปรากฏว่าอนิเมชั่นดังกล่าวไม่ได้เรื่อง(สำหรับผม)แถมมันไม่สลัดออกจากความทรงจำผมอีก เลยลองหาการ์ตูนอนิเมชั่นเก่าๆ มาล้างตาล้างสมอง ก็ต้องขอบคุณอินเทอร์เน็ตและกูเกิลที่ทำให้เราได้รู้จักอนิเมชั่นมากมาย หลายเรื่องที่อยากดูแต่ไม่มีโอกาส(เพราะไม่เข้าไทย) ผมลองพิมพ์คำว่า Weirdest Anime” เข้าไปค้นหาและปรากฏว่าการ์ตูนแปลกๆ แนวๆ มากมายที่ไม่ดังหลายเรื่องที่น่าสนใจ จนกระทั้งพบการ์ตูนเรื่อง Cat Soup ดังกล่าว หลังจากที่ได้ดูก็พบว่าเป็นการ์ตูนน่าสนใจเต็มไปด้วยสัญลักษณ์และเนื้อหาที่ค่อนข้างเข้าใจยากสำหรับหลายคนจนเหมือนเป็นการ์ตูนโรคจิตที่น่ากลัวเรื่องหนึ่ง  

     

     

    Cat Soup

     

    Cat Soup เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นเพียง 33 นาที กำกับโดย Tatsuo Sato ซึ่งเป็นเรื่องราวของตัวเอกคือเนียโตะซึ่งเป็นลูกแมวที่มีลักษณะเหมือนมนุษย์(ยืนสองขา) ที่พยายามหาช่วยชีวิตพี่สาวของเขา ที่ถูกยมทูตหน้าเหมือนตุ๊กตาดินเผาพาตัวไป หลังจากแย่งกันไปแย่งกันมา ปรากฏว่าวิญญาณของพี่สาวถูกแบ่งเป็นสองส่วน ลูกแมวจึงเอาวิญญาณส่วนที่แย่งมาได้ใส่เข้าร่างพี่สาวของเขา แต่ปรากฏว่าพี่สาวของเขาไม่ใช่คนเดิมอีกแล้วและเขาจะทำอย่างไรก็ติดตามได้ในอนิเมชั่นเรื่องนี้ได้เลย

    ที่มาของการ์ตูนเรื่องนี้ค่อนข้างแปลก  โดยแนวคิดของการ์ตูนมาจากศิลปินนักวาดการ์ตูนคนหนึ่งที่ชื่อ Chiyomi Hashiguchi หรือนามปากกา Nekojiru (1 มกราคม 1967 – 10 พฤษภาคม 1998)  ซึ่งเป็นนักวาดการ์ตูนที่มีผลงานเล็กๆ เปิดตัวเมื่อปี 1990 ในมังงะรายเดือนคือ Goro ซึ่งซีรีย์ Nekojiru  จะเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับครอบครัวแมวที่อาศัยอยู่ในโลกมนุษย์(และมีครอบครัวสัตว์อื่นๆ ปะปนในสังคมมนุษย์ด้วย) โดยครอบครัวเหล่านี้ประกอบด้วย เนียโกะและเนียตะสองพี่น้องแมวที่อาศัยอยู่กับพ่อแม่ในบ้านหลังเล็กๆ ที่มุมมองของสองพี่น้องต่อสังคมญี่ปุ่นและมุกตลกร้ายที่บางฉากดูรุนแรง แต่อย่างไรก็ตามหลังจากเปิดตัวไม่กี่ปี คนเขียนก็ฆ่าตัวตายเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 1998 โดยไม่ทราบสาเหตุแรงจูงใจในการฆ่าตัวตายบางทีอาจเกิดยาเสพติดหรือไม่ก็ความเครียด ซึ่งต่อมามังงะของเธอก็ได้ถูกทำเป็นอนิเมชั่นในชื่อ  Nekojiru Gekijou ออกฉายเป็นจำนวน 27 ตอน ตอนละประมาณ 2 นาที ต่อมาสามีของได้พบภาพร่างและแนวคิดการ์ตูนของเธอที่เขียนและซ่อนเอาไว้ จึงได้นำแนวคิดดังกล่าวมาเสนอผู้กำกับ Tatsuo Sato ที่มีชื่อเสียงจากผลงานอนิเมชั่น Martian Successor Nadesico (1996) จนเกิดอนิเมชั่น Cat Soup(2001) ซึ่งเป็นแบบ OVA อย่างที่เห็น

    ส่วนด้านเนื้อหาก็แปลกไม่แพ้ที่มา เพราะเป็นการ์ตูนอาร์ตที่ทำออกมาโดยไม่สนความต้องการตลาด ซึ่งปี 2001 เต็มไปด้วยมังงะและอนิเมชั่นมากมายที่ดังๆ ไม่ว่าจะเป็น The Prince of Tennis, Zoids, Film Spirited Away, Digimon Adventure 02 ฯลฯ ซึ่งล้วนออกปีนี้ทั้งสิ้น จึงไม่แปลกแต่อย่างใดที่หลายคนไม่สนใจว่ามีการ์ตูนเรื่องนี้เกิดขึ้นบนโลกเสียด้วยซ้ำ

      ส่วนใครที่อยากดู Cat Soup ก็ขอบอกเลยว่าให้ดูทางยูทูปจะง่ายที่สุด และไม่จำเป็นต้องเก่งภาษาอังกฤษมากมายก็ได้เพราะว่าการ์ตูนเรื่องนี้มีบทพูดไม่กี่บทและเนื้อหาเกือบเป็นการ์ตูนเงียบด้วยซ้ำ แต่ขอเตือนว่าแม้การ์ตูนจะเป็นการ์ตูนสั้น แต่เนื้อหาความรู้สึกที่ได้ดูกลับรู้สึกว่ามันเป็นการ์ตูนที่ไม่สั้นเสียเลย เพราะเต็มไปด้วยความยากของเนื้อหาและเต็มไปด้วยสัญลักษณ์มากมาย พร้อมพฤติกรรมแปลกๆ ที่ไม่เข้าใจของตัวละครทั้งหมดในเรื่องที่แสนจะไม่เข้าใจว่าทำเพื่ออะไร ทำแล้วได้อะไร ดูไปงงงวยไป สมองคิดหนัก ดูแล้วไม่รู้ แม้กระทั้งตอนจบของเรื่องเราก็ไม่เข้าใจว่าจบแบบนี้ได้ยังไง!!

    สิ่งที่ Cat Soup เป็นการ์ตูนที่ดูยากสำหรับหลายๆ คนก็คือการ์ตูนดังกล่าวสอดแทรกตลกร้ายเสียดสีและอารมณ์ขันไร้สาระเข้าไปด้วย ซึ่งตลกดังกล่าวไม่ต้องการให้ผู้ดูเกิดความรู้สึกหัวเราะแต่อย่างใดหรือไม่ทำให้ผู้ดูหัวเราะในทันที สิ่งที่ต้องการคือการปล่อยมุกตลกที่ดูเหมือนไม่ตลกเลยสักนิดเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ให้คนดูเก็บไปคิดเองว่าตลกแบบนี้ซ่อนอะไรเอาไว้ ตลกดังกล่าวจะมีการแสดงและการกระทำและลักษณะตัวละครจะชวนขันบ้าง แต่น้ำหนักความงงงวยนั่นมากกว่า กว่าจะคิดได้ว่ามันตลกก็เวลาผ่านไปหลายนาทีหรือบางคนไม่เข้าใจเลยว่ามันตลกตรงไหน ส่วนใหญ่มุกตลกดังกล่าวจะเป็นมุกแปลกประหลาดเหนือธรรมชาติ สถานการณ์ไม่สมเหตุสมผลและการแสดงออกที่ไร้สาระไร้แก่นสารจนคนดูไม่เข้าใจว่าทำเพื่ออะไรหรือมันคืออะไร ยิ่งผสมกับตลกร้ายมุกเสียดสี ที่เพิ่มความรุนแรงเข้าไปก็ยิ่งแปลกประหลาดพิลึกพิลั่นเข้าไปใหญ่ ว่าเอ็งจะโหดเพื่ออะไร??

       

    การ์ตูนเปิดเรื่องมาเหมือนการ์ตูนเด็ก ลายเส้นง่ายๆ แต่มุมมองการนำเสนอไม่คุ้ยเคย เพราะมุมค่อนข้างแปลก เดี๋ยวมุมกว้าง เดี๋ยวมุมสูง ไปจนถึงมุมมองผ่านสายของลูกแมว

     เรื่องเริ่มต้นขึ้นเมื่อเนียโกะพยายามนำของเล่นของเขาขึ้นจากอาบน้ำ จากนั้นฉากก็ตัดมาที่เนียโตะกำลังเฝ้าดูพี่สาวของเขาที่นอนป่วยหนักอยู่ในบ้านตัวเอก ท่ามกลางการดูแลของครอบครัวที่เฝ้าดูอาการของเธออย่างใกล้ชิด  จนกระทั้งวันหนึ่งเนียโตะได้เห็นวิญญาณของพี่สาวออกจากบ้าน โดยมีบุคคลลึกลับที่คาดว่าจะเป็นยมทูตพาตัวเธอ(ในวิกิพีเดียบอกว่ายมทูตนี้คือ พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ Ksitigarbha  ซึ่งมีหน้าที่ทรงโปรดสัตว์ในภพภูมิต่างๆ คือ มนุษย์ เทวดา อสูร เปรต และสัตว์เดรัจฉาน รวมทั้งสัตว์ในนรกภูมิ) แต่เนียวโตะไม่ยอมให้พี่สาวจากไป เลยติดตามเอาวิญญาณพี่สาวคืนมาจากยมทูตดังกล่าว(ระหว่างทางเนียโตะได้กระทำเรื่องประหลาดเรื่องหนึ่งแก่คนป้าคนหนึ่งที่กำลังพูดคุยกับเพื่อนบ้าน ซึ่งผมดูแล้วไม่เข้าใจว่ามันต้องการสื่ออะไร) เมื่อเนียวโตะติดตามพี่สาวทัน (ตามตั้งแต่เย็นถึงตอนกลางคืน) เขาก็ขอร้องให้ยมทูตคืนพี่สาวให้กับเขา หากแต่ยมทูตปฏิเสธ ทำให้เน็ตจึงใช้กำลังแย่งพี่สาวจากมือยมทูตด้วยการดึงแขน  ระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายต่างแย่งกัน จิตวิญญาณของพี่สาวของเนียโตะก็ถูกแยกจากกันเป็นสองส่วนครึ่งหนึ่ง หากแต่เนียโตะไม่สนใจเอาอีกส่วนนั้นวิ่งหนีกลับบ้าน และยมทูตเองก็ไม่สนใจที่จะตามเนียโตะแต่กระนั้นก็บอกเบาะแสเกี่ยวกับดอกไม้วิเศษดอกหนึ่งที่สามารถดึงส่วนที่ขาดหายไปมา) ก่อนจะเอาอีกครึ่งกลับไปยมโลก


                   เนียโตะกลับมาบ้าน(ในลักษณะนอนพาดขอบอ่างอาบน้ำเหมือนตอนต้นเปิดเรื่องแรก) ก็พบว่าแพทย์ได้บอกพ่อแม่ของเขาว่าพี่สาวของเขาตายแล้ว แต่กระนั้นเนียโตะได้เอาวิญญาณครึ่งหนึ่งเข้าไปในร่าง(ทางจมูก)พี่สาวจนพื้นคืนชีพ  แต่พี่สาวของเขากลับกลายเป็นคนที่อาการสมองตาย เหมือนคนไม่มีสติและไม่มีความรู้สึกรู้สม

      
                   วันหนึ่งแม่ของเนียโตะกับเนียโกะได้วานทั้งสองไปซื้อเต้าหู้ทอด ระหว่างทางเนียโตะได้พาพี่สาวไปดูละครสัตว์วาฬยักษ์ (และเรื่องก็เริ่มงงนับจากนี้เป็นต้นไป) การแสดงละครสัตว์เต็มไปด้วยความพิสดารและพิศวง ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงที่แต่งตัวเหมือนพระเจ้าแสดงกันหั่นผู้ร่วมแสดงขาดเป็นหลายท่อนจนเลือดสาดกระจายก่อนที่จะใช้พลังเหนือธรรมชาติต่อท่อนดังกล่าวจนผู้ร่วมแสดงกลับมามีชีวิตอีกครั้ง(บางเว็บบอกว่ามุกมาจากภาพยนตร์  The Running Man 1987) หรือการพ่นเมฆเป็นรูปร่างต่างๆ ก่อนที่การแสดงจะจบลงเมื่อมีการแสดงจากสัตว์ประหลาดรูปร่างเหมือนเพนกิลยักษ์โปร่งใสมีน้ำจำนวนมากอยู่ข้างในดูท่าทางเหมือนมันทรมานมาก และเมื่อเดินไม่กี่ก้าว ร่างกายของเพนกิลดังกล่าวก็แตกกระจาย น้ำที่อยู่ข้างในก็ทะลักออกมากลายเป็นมหาสมุทรของโลกท่วมฆ่าคนดูทั้งหมด ส่วนเนียโตะกับพี่สาวก็ถูกนำทะเลพัดออกไป

      

    การเดินทางที่มหัศจรรย์ของสองแมวได้เริ่มต้นขึ้น เนียโตะและเนียโกะถูกนำพัดจนขึ้นไปอยู่เรือลำเล็กหนึ่งลอยอยู่กลางทะเล บนเรือมีหมูที่เป็นมิตรอยู่หนึ่งตัว แต่บนเรือไม่มีอะไรจะกิน ต่อมาเนียโตะรู้สึกปวดท้องเลยถ่ายอุจจาระลงแม่น้ำจนปลาต่างว่ายมากินอุจาระของเนียโตะ และหมูใจดีก็ได้ถือโอกาสนี้จับปลาดังกล่าวและตั้งใจให้ทั้งสองกิน แต่เนียโตะปฏิเสธเพราะเขามีความคิดที่ดีกว่า

      

    เนียโตะเอามีดแล่เนื้อบางส่วนของหมูที่เป็นมิตร เอามาทำอาหารให้พี่สาวของกินและแบ่งเนื้อที่เหลือเอามาให้หมูที่เป็นเจ้าของเนื้อกินด้วย หลังจากนั้นก็มีฉากที่หลายคนดูแล้วไม่เข้าใจเป็นต้นว่าปลาเดินได้แล้วมีซามูไรหั่นแล่ปลาจนเหลือแต่ก้าง แล้วก้างปลาก็ลอยน้ำไปมา สุดท้ายก็เกยตื้นที่ชายหาด (คาดว่าเป็นฝันของเนียโตะ ที่ฝันว่าปลาตายคงจะได้ขึ้นสวรรค์)

    ฉากต่อมาเป็นมือพระเจ้าถือลูกโลก จากน้ำมหาสมุทรก็ลดลง เรือเกยตื้นที่เกาะแห่งหนึ่ง ลูกแมวทั้งสองก็พบว่าตนเองอยู่กลางทะเลทราย จึงลงจากเรือเพื่อเดินทางต่อ โดยตอนแรกพวกเขาใช้วิธีขี่หมูที่เป็นมิตรเป็นพาหนะเดินทาง และบังคับหมูด้วยการตีที่หัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนหมูล้มลงกลางทาง แต่ทั้งสองยังตีหัวหมูซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนหมูทนไม่ไหวจึงใช้แรงเฮือกสุดท้ายกัดแขนของเนียโตะจนขาดขวา

    จากนั้นสองแมวก็เดินทางต่อ ข้างหน้ามีบ้านที่มีคนที่เหมือนช่างเย็บปะตุ๊กตาอาศัยอยู่ เนียโกะขอให้ช่างรักษาแขนข้างขวาให้ จนแขนเป็นปกติ ระหว่างนั้นเขาก็พบถุงใบใหญ่เขาก็พบว่าข้างในเป็นเศษชิ้นส่วนของมนุษย์แมวหลายชิ้น จึงรู้ว่าช่างคนดังกล่าวไม่ใช่ช่างเย็บปะตุ๊กตาแต่เป็นช่างเย็บปะศพ ทั้งสองเลยออกจากสถานที่ดังกล่าว

      

    ลูกแมวน้องสองตัวได้เดินทางต่อไปจนมาถึงคฤหาสน์หลังหนึ่งกลางทะเลทรายที่มีกลิ่นอาหารลอยมา  เนียโตะได้เคาะประตูปรากฏว่ามีชายวัยกลางคนออกมาต้อนรับ และเชิญให้สองแมวน้อยรับประทานอาหารด้วยกัน หลังจากนั้นฉากก็เผยอะไรหลายๆ อย่างบ่บอกว่าชายวัยกลางคนดังกล่าวมีรสนิยมวิปริตไม่ว่าจะเป็นภาพวาดอวัยวะที่น่าสยดสยองติดตามผนังบ้าน อาหารที่ชายวัยกลางคนให้สองลูกแมวกินเป็นนกเป็นๆ ที่ถูกเผาทั้งเป็นอย่างน่าสยดสยอง แต่กระนั้นเน็ตโตะก็ได้กินเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดาตบท้ายด้วยบ้านขนมราดช็อกโกแล็ต  จากนั้นชายวัยกลางคนก็พาสองแมวมากลางสวนบ้าน ที่ตั้งหม้อซุปขนาดใหญ่ และชายวัยกลางคนก็พยายามนำสองลูกแมวมาเป็นซุป อีกทั้งยังแต่งตัววิตถารเหมือนคนโรคจิตและถือกรรไกรยักษ์เพื่อโจมตีลูกแมวทั้งสอง แต่เนียโตะขัดขืนจนชายวัยกลางคนหล่นลงหม้อซุป จากนั้นเนียโตะก็ใช้กรรไกรยักษ์ที่แย่งมาตัดแขนตัดขาชายวัยกลางคนและทิ้งเขาไว้ในหม้อน้ำซุปยักษ์ที่กำลังเดือด ก่อนที่จะพาพี่สาวหนีออกจากคฤหาสน์เพื่อข้ามทะเลทรายต่อไป

      

    สองพี่น้องแมวข้ามทะเลและเขาก็พบน้ำที่มีรูปร่างเป็นช้างที่พาพวกเขาเดินทางไปด้วย แต่เดินทางสักพักช้างก็ระเหยเป็นไอหายไป

      

    สองพี่น้องเดินต่อไประหว่างทางพบเห็นสิ่งแปลกประหลาดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดกำลังข้ามทะเล เวลาหยุดเดิน ภูเขารูปเห็ด พระเจ้าเปลี่ยนเวลาย้อนกลับหรือเร่งเวลาไปในอนาคตไปๆ มาๆ ก่อนจะสิ้นสุดลงเมื่อลูกแมวทั้งสองพบว่าตนเองอยู่บนเรือกลางมหาสมุทรข้ามหน้ามีแสงออร่าที่ดูสวยงามอลังการ

      

    เรือได้ลอยต่อไปข้างหน้าผ่านบึงที่เต็มไปด้วยพืชและสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาด ก่อนที่จะหยุดอยู่ตรงหน้าดอกไม้ดอกหนึ่ง ซึ่งเน็ตโตะจำได้ว่าดอกไม้ดังกล่าวคือดอกไม้ที่ใช้เรียกจิตวิญญาณอีกครึ่งหนึ่งของพี่สาวของเขา และเขาก็ใช้มันจนพี่สาวของเขาเป็นปกติ สิ้นสุดการเดินทางของพวกเขาแล้ว...

      

    ในฉากสุดท้ายครอบครัวของเนียโตะร่วมรับประทานอาหารเย็นกันหน้าโทรทัศน์ เนีตโตะได้ไปเข้าห้องน้ำ ระหว่างนั้นสมาชิกครอบครัวของเขาหายไปที่ละคน และเมื่อเนียโตะกลับมาก็ก็พบว่าครอบครัวเขาหายไป ส่วนจอโทรทัศน์กะพริบไปมาด้านหลัง และมุมกล้องก็ตัดไปบ้านของเนียโตะตอนกลางคืนที่ซูมไกลออกไป สุดท้ายก็ภาพก็ปิดลงและหน้าจอกะพริบ และขึ้นหน้าเครดิตเป็นอันจบการ์ตูนที่ดูแล้ว งง ในที่สุด

     หลังจากดูซุปแมวจบ แน่นอนว่ามีคำถามตามมามากมาย ว่ามีความรู้สึกอย่างไรหลังจากได้ดูการ์ตูนเรื่องราวดังกล่าว หลายคนบอกว่าการ์ตูนเรื่องนี้หลอน ในขณะที่บางคนบอกว่าดูแล้วไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่ามันคืออะไร บางคนชอบการ์ตูนเรื่องนี้เพราะมีไอเดียแปลกประหลาดเสนอมุมมองใหม่ๆ มากมาย ในขณะที่บางคนเกลียดการ์ตูนเรื่องนี้เพราะเข้าไม่ถึงเนื้อเรื่อง ไม่แตกต่างไปจากเว็บจากอื่นๆ อื่นๆที่บางเว็บให้คะแนนติดดิน บางเว็บให้คะแนนเกือบเต็ม!!

                   ก็นานาจิตตังกันไป

                   

                    ทำไมถึงตั้งชื่อว่าซุปแมว อันนี้ไม่ทราบความคิดของคนสร้างเหมือนกัน แต่ว่ามีหลายคนบอกว่าชื่อการ์ตูนเรื่องนี้เป็นการล้อเลียนสำนวนญี่ปุ่นว่า “ลิ้นแมว”  ที่ต้องการสื่อว่าคุณไม่สามารถรับประทานอาหารร้อนได้หากคุณมีลิ้นเหมือนแมว ดังนั้นก่อนจะกินควรตั้งใจรออดทน พิจารณาอาหารว่ามันควรเป็นยังไง ทำจากอะไร มันร้อนขนาดไหน ซึ่งก็เหมือนกับวิธีดูการ์ตูนเรื่องนี้คือต้องไม่ควรดูแบบรวบรัดรวดเร็ว ควรดูอย่างอดทน พิจารณาว่าการ์ตูนเรื่องนี้ต้องการสื่ออะไร ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ดูแล้วเราได้อะไร ฯลฯ

                    คำถามสำคัญต่อมาคือวัตถุประสงค์สำคัญของการ์ตูนซุปแมว (น่าจะเรียกว่าฮัลโหล คิตตี้ กับความรุนแรงมากกว่า) ที่ต้องการสื่อให้ผู้ชมดูนั่นคืออะไร ในช่วงการ์ตูนยาว 34 ที่ตอนแรกเปิดดูภาพแมวที่ดูน่ารักเข้าใจง่าย แต่เมื่อถึงช่วงผจญภัยกับเต็มไปด้วยความมืดมนแปลกประหลาด ไม่มีแม้กระทั้งเสียงคนพากย์ มีเพียงแค่บอลลูนตัวอักษรเป็นตัวอักษรพร้อมเสียงรบกวนดังแปลกๆ ออกจากตัวละครเท่านั้น

                    บางทีคำตอบอาจจะอยู่ที่คนเขียนบทการ์ตูนเรื่องนี้ นั้นคือ Nekojiru  ผู้ที่ฆ่าตัวตายจากโลกไปโดยไม่ทราบสาเหตุ เมื่อผู้กำกับนำแนวคิดของเธอสร้างภาพยนตร์ผลออกมาก็อาจจะเหมือนจิตใจของคนเขียนบท ที่พยายามว่าโลกที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายผ่านสายตาของลูกแมวอยู่ก็เป็นไปได้

                    โลกของ Nekojiru เต็มไปด้วยความพิศวง แปลกประหลาดที่ไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันคือโลกแห่งความจริงหรือโลกแห่งความฝัน บางทีไม่สามารถแยกออกด้วยซ้ำ กลายเป็นโลกแห่งความฝันที่บิดเบี้ยวนั้นกลายเป็นโลกแห่งความจริง ส่วนโลกแห่งความจริงถูกละเลยกลายเป็นโลกแห่งความฝัน

    ส่วนลูกแมวทั้งสองอาจเปรียบเสมือนตัวผู้เขียน โดยเนียโกะคือตัวผู้เขียน ส่วนเนียโตะก็คือสามีของเธอนั่นเอง (หรือจะมองว่าเป็นคู่หนุ่มสาวคู่หนึ่งก็ได้) ทั้งสองพยายามที่จะพยายามต่อสู้กับโลกใบนี้ ให้กำลังใจกันและกัน พยายามฟันผ่าไปด้วยกัน หากพระเจ้า(โลก)ช่างโหดร้ายที่พยายามวางอุปสรรค์ทั้งหลายไม่ให้ทั้งสองไปถึงฝั่งฝัน จากอนิเมชั่นจะเห็นว่ามีภาพสัญลักษณ์ในรูปลักษณ์ของพระเจ้าปรากฏอยู่หลายฉากและทุกฉากล้วนแต่ทำให้ลูกแมวได้ความทุกข์ยาก (ซึ่งผมเชื่อว่าสาเหตุที่พระเจ้าทำแบบนี้อาจนึกสนุกล้อเล่นชะตาชีวิตแมวก็เป็นได้)  เช่นพระเจ้าทำให้น้ำท่วมโลก ทำให้สองลูกแมวอยู่กลางทะเลทราย ทำให้เวลาหยุดหมุน ทำให้เวลาเร็วขึ้น ทำให้เวลาย้อนกลับไป  และนอกเหนือจากพระเจ้าแล้วยังเรื่องของธรรมชาติเป็นตัวขัดขวางสองลูกแมวอีก

    แม้สิ่งที่ลูกแมวเผชิญจะมีแต่ความทุกข์ยาก แต่กระนั้นก็มีความสุขบ้างแต่กระนั้นความสุขที่ได้กลับเป้ฯความสุขสั้นๆ ไม่นานก็หายไป เช่น ฉากที่ชายวัยกลางคนเลี้ยงดูลูกแมวสองคนด้วยอาหารเป็นอย่างดี พออีกฉากหนึ่งชายวัยกลางคนกลายเป้ฯคนโรคจิตพยายามจับสองแมวทำน้ำซุป หรือฉากข้ามทรายทะเลไปเจอช้างน้ำทั้งคู่ได้เล่นกับช้างน้ำอย่างชุ่มฉ่ำหัวใจแต่เวลาต่อมาช้างดังกล่าวก็แห้งระเหยหายไป ความสุขของลูกแมวนั้นอยู่ไม่ได้นาน ทั้งๆ ที่ความสุขดังกล่าวไม่ใช่ทรัพย์สิน เงินนทอง หรือเกียรติยศ เป็นเพียงแค่การใช้ชีวิตสำราญอยู่ไปวันๆ ไม่มีเรื่องทุกข์ใจเท่านั้น แต่ไฉนโลกถึงโหดร้ายทำกับเขาทั้งสองเพียงเท่านี้ ทำไมต้องทำให้ความสุขของพวกเขาหายไปในระยะเวลาอันสั้นด้วย

    อย่างไรก็ตามสองลูกแมวก็พยายามที่จะต่อสู้ตอบโต้กับความโหดร้ายนั้น ทั้งสองไม่ได้ไร้เดียงสาเฉดเช่นเด็กเล็กๆ ที่ต้องการให้คนอื่นมาช่วย จากอนิเมชั่นเราจะได้เห็นว่าทั้งสองบังคับขู่เข็นหมูใจดีอย่างโหดร้ายโดยไม่สนว่าอดีตหมูใจดีได้สร้างบุญคุณอะไรไว้ แสดงให้เห็นว่าทั้งสองพร้อมหักหลังและฆ่าผู้อื่นเพื่อเอาชีวิตรอดเอาไว้ก่อนที่จะนึกถึงบุญคุณก่อนเป็นอันดับแรก

                    ตัวอย่างฉากหนึ่งที่ชายวัยกลางคนเชิญสองแมวน้อยรับประทานอาหารค่ำ พวกเขานั่งโต๊ะข้างหน้ามีชายวัยกลางคนนั่งและข้างๆ มีนกขนาดเล็กที่ผูกเชือกติดกับโต๊ะพยายามบินหนีแต่ไร้ผล จากนั้นชายวัยกลางคนก็ราดของเหลวบางอย่าง(น้ำมัน??) และจุดไฟเผาเผานกทั้งเป็น นกร้องบินติดไฟร้องอย่างทุกข์ทรมาน ก่อนที่ทุกอย่างสงบลง และชายวัยกลางคนก็นำนกตายเพราะไฟเผานั้นมาเป็นนกย่างให้ลูกแมวกิน  เวลานั้นสองแมวหน้าตาเพิกเฉยไม่รู้สึกสะทกสะท้าน ซ้ำยังดูเพลิดเพลินเจริญใจและสนุกกับอาหารนกยางที่กินอย่างเอร็ดอร่อยด้วยซ้ำไป ฉากดังกล่าวเห็นได้ชัดเลยว่าสองแมวน้อยดวงตาเหมือนตาปลานั้นมีจิตใจเยือกเย็นซุกซ่อนอยู่ใน และสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพต่างๆ ได้+ +

    อย่างไรก็ตามผลสุดท้าย ทุกคนพ่อแม่ลูกของเนียโตะที่อยู่กันพร้อมหน้าก็หายไปที่ละคนทีละคน ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างก็หายไป เหมือนพยายามสื่อว่า สิ่งที่พยายามทั้งหมดสุดท้ายก็ไร้ค่า ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนกลับสู่ความว่างเปล่า

    นี้แหละชีวิตคนๆ หนึ่งที่ต่อให้พยายามสักเท่าไหร่สุดท้ายก็ว่างเปล่า

    อย่างไรก็ตามบางคนก็ไม่ได้สิ้นหวัง ต่อให้ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า จะพยายามเท่าไหร่ก็ได้แต่ความว่างเปล่า แต่กระนั้นเราก็ยังสู้ต่อไป ล้มแล้วก็ลุกได้ หากเราสู้อีกครั้งบางทีผลสำเร็จอาจจะเกิดขึ้นในวันใดวันหนึ่งก็เป็นได้

    แม้อนิเมชั่นดังกล่าวจะเต็มไปด้วยเรื่องที่เข้าใจยาก แต่ซุปแมวได้รับรางวัลชนะเลิศ Japan Media Arts Festival หรือเทศกาลสื่อศิลปะญี่ปุ่นประเภทอนิเมชั่น ในปี 2001 และได้รับรางวัล Fantasia Festival ภาพยนตร์สั้น และ Silver Award 2003 ที่นิวยอร์ก

    สรุปคือ Cat Soup ไม่ใช่อนิเมชั่นที่ดูเพื่อความเพลิดเพลิน แต่เป็นอนิเมชั่นที่ต้องใช้ปัญญาในการดู แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมคุณแล้วละว่าคุณชอบเรื่องนี้หรือเปล่า

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×