ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #193 : Dowman Sayman โลกพิศวงที่หักมุม

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.12K
      1
      11 ก.ค. 55

     

                    ตอนแรกว่าจะตั้งบทความนี้ในบอร์ดนักเขียน แต่ปรากฏว่าเขียนไปเขียนมาก็พบว่ามันเขียนยากกว่าที่คิด ไม่น่าจะเสร็จใน 1 วันแน่นอน แถมตั้งแปลตอน 2 เรื่องอีก ดังนั้นจึงบเอามาตั้งบทความดีกว่า

                    มีคำถามง่ายๆว่ามีนักเขียนการ์ตูนมังงะท่านใดบ้างundefined ที่เขียนเรื่องเกี่ยวกับซอมบี้ สาวมอนสเตอร์ นักสืบ หุ่นยนต์ มนุษย์สัตว์ และเขียนทั้งการ์ตูนสายมืด (ทั้งออริจินอลและโดจิน) และสายสว่าง หากแต่แนวของการ์ตูนทั้งหมดนั้นแสนจะธรรมดา เรียบง่าย แต่ซ่อนความลึกลับ หักมุม โรคจิตเบื้องหลังและจบไม่กี่หน้า

    คำตอบเท่าที่ผมคิดมีอยู่ท่านเดียว นั่นคือนักเขียนที่ชื่อ “Dowman Sayman

     

      

    Dowman Sayman

    [Dowman Sayman] Lunch at Columbine

     

    ชีวิตนี้คุณเคยอ่านอะไรที่เต็มไปด้วยจินตนาการแปลกบ้างหรือเปล่าครับ จำพวกท่องโลกพิลึก ที่มีความลึกลับ ตลก แปลกประหลาด  พบเห็นตัวละครมากมายที่แปลกประหลาดและมีความคิดแปลกๆ มากมาย ทุกอย่างลงตัวหมด ตัวอย่างเช่น บันทึกนกไขลาน โดยฮารูกิ มุราคามิ  (The Wind-Up Bird Chronicles by Haruki Murakami) นิยายแฟนตาซีซึ่งเป็นเรื่องราวของคนว่างงานคนหนึ่งได้ออกตามหาแมวของเขาจนเข้าไปในโลกที่มีตัวละครประหลาดซับซ้อน การเรียงลำดับไม่เป็นขั้นตอน ว่ากันว่าเป็นนิยายที่มีมีจิตนาการสุดขั้วมากๆ มีคนอ่านบางคนบอกว่าหนังสือของเขาบางเล่มอ่านแล้วเข้าใจ ในขณะที่บางเล่มอ่านไม่รู้เรื่องเลย บางคนได้นิยามผลงานของมุราคามิว่าความรู้สึกที่อ่านคือ “ช่างมันเถอะ” ช่างมันเถอะไปเรื่อยๆ อ่านไปเถอะ เสมือนหนึ่งว่าเราต้องมนต์ของผู้เขียน อยากรู้ว่าเรื่องต่อไปนี้จะเป็นอะไร เหตุผลความเข้าใจนั้นเป็นลอง เห็นว่าติดตามดี เมื่อติดตามจนถึงหน้าสุดท้ายจนจบไม่รู้ตัว เราพร้อมอุทานว่า “ช่างมันเถอะ”......

    แต่วันนี้ผมไม่ได้พูดผลงานของฮารูกิ มุราคามิ แต่อย่างใดครับ เพราะผมเองไม่เคยอ่านผลงานของเหมือนกัน (ฮ้าว!!) ที่ผมกล่าวถึงก็คือนี้คือความรู้สึกที่ผมได้อ่านผลงานหลายต่อหลายเรื่องของนักเขียนที่ชื่อ “Dowman Sayman

    นักเขียนการ์ตูนหลายท่านนะครับที่มีเครื่องหมายการค้าแตกต่างกันไป ในแต่ละคร บางคนประกาศจุดยืนว่าเขาจะเขียนการ์ตูนแนวโน้นแนวนี้ ดำเนินเรื่องแบบมีเอกลักษณ์ ซึ่งมีนักเขียนการ์ตูนหลายท่านครับที่ประสบผลสำเร็จกับการ์ตูนที่เป็นเครื่องหมายการค้ามากมาย อย่าง รูมิโกะ ทาคาฮาชิหรือฟุจิโกะ เอฟ ฟุจิโอะ ที่โดดเด่นในเรื่องลายเส้น และเอกลักษณ์ในการดำเนินเรื่องคามแบบของคนเขียน ในขณะที่นักเขียนการ์ตูนบางคนยังคงหลงทางไม่ทราบเครื่องหมายการค้าของตนเองอยู่

     
                   Dowman Sayman ก็เช่นกัน นักเขียนท่านนี้มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ภายใต้ลายเส้นที่เรียบง่าย ไม่มีเทคนิคพิเศษ ตัวละครน่ารัก ที่สามารถนำไปเขียนเรื่องยาวได้อย่างสบาย แต่คนเขียนยังคงยึกเอกลักษณ์ของตนเอง ด้วยความคิดที่ว่า “ไม่มีอะไรในโลกใบนี้ปกติไปเสียทุกอย่าง” วาดการ์ตูนที่เนื้อหาที่ดูเหมือนแฟนตาซี ที่ดูสมจริง ตัวละครแปลกประหลาด ไม่ว่าจะเป็น เมด สาวซอมบี้ สาวมอนสเตอร์ สัตว์ประหลาด  บางเรื่องโหดร้าย โรคจิต ขณะที่บางเรื่องยัง งง ว่าตั้งใจจะสื่ออะไร และที่น่าแปลกคือผลงานของเขานั้นแต่ละตอนสั้นมาก จบ ไม่กี่หน้า

    เท่าที่ดูข้อมูลนักเขียน Dowman Sayman เป็นผู้ชาย เกิด 7 มีนาคม ราศีมีน แนวการ์ตูนหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโศกนาฏกรรม ชีวิตสาวๆ ในโรงเรียน ไปจนถึงเหนือธรรมชาติ แต่ลายเส้นไซเน็นและโจเน็นเป็นหลัก มีผลงานเด่นคือ Vovnich Hotel (วาดในปี 2006 ยังไม่จบ)  ผลงานล่าสุดคือ  Oddman 11 เป็นชุดเรื่องสั้นของนักเขียน ส่วนมากเป็นการ์ตูนสั้นๆ จบไม่กี่หน้า

    ผมรู้จักผลงานของนักเขียนท่านนี้ครั้งแรกจากเรื่อง [Dowman Sayman] From Luluie With Love แต่ที่รู้จักแบบจริงๆ จังๆ นั้นน่าจะเป็นผลงานเรื่อง [Dowman Sayman] Togetoge และ [Dowman Sayman] The Sea and Poison ที่เนื้อหาซาบซึ้งจิตใจปนโรคจิตสำหรับผมมาก (ซึ่ง 2 เรื่องผมจะมาพูดถึงในบทความนี้ครับ)

                              นอกจากนี้คนเขียนยังมีการ์ตูนเรื่องยาวคือ Vovnich Hotelแต่ก็ยังเป็นการ์ตูนจบในตอน ที่ตอนหนึ่งมีประมาณ 10-12 หน้า เนื้อหาเกี่ยวกับโรงแรมขนาดใหญ่หลายชั้นที่ตั้งอยู่กลางเกาะที่ไหนสักแห่ง ในนั้นมีเมดแม่บ้านที่เป็นผู้ดูแลโรงแรมสองคนที่ดูเหมือนไม่ใช่มนุษย์ และเจ้าของโรงแรมที่ดูเหมือนปีศาจ ซึ่งผมอ่านดูแล้วยังไม่รู้เลยว่าการ์ตูนต้องการสื่ออะไร 

    การ์ตูนของ Dowman Sayman เป็นการ์ตูนลายเส้นเรียบง่าย สดใส น่ารัก หากแต่ก็มีความโรคจิต และลึกลับแฝงอยู่ และที่เด่นคือเรื่องสั้นจบไม่กี่หน้า แต่เรื่องสั้นมีหลากหลาย  เกิดขึ้นหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสัตว์ยืนสองขาเหมือนมนุษย์, โลกแฟนตาซี, ชีวิตสาวๆ ในโรงเรียนมัธยมปลาย, กลุ่มเพื่อนชายสองคน, ชายและหญิงคู่หนึ่ง ฯลฯ อารมณ์ความรู้สึกจากการอ่านก็มีหลากหลาย มีทั้งประหลาดใจ  เศร้าแบบแปลกๆ ไปจนถึงประทับใจ หรือบางทีก็หักมุม บางเรื่องอ่านแล้วเข้าใจง่ายและได้ข้อคิดมากมาย ในขณะที่บางเรื่องก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าต้องการสื่ออะไร

    อย่างไรก็ตามการดำเนินเรื่องส่วนมาก คนเขียนมักใช้การสนทนาระหว่างตัวละคร (อาจเป็นสองคน หรือกลุ่มคน) มากกว่าที่จะเน้นแอ็คชั่น หรือละครใบ้ ซึ่งดูจากภาพแล้ว เชื่อเลยว่า หลายคนไม่เข้าใจแน่นอนว่าการ์ตูนต้องการสื่ออะไร ดังนั้นจำเป็นต้องแปลถึงจะรู้เรื่อง (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าแปลแล้วคุณจะเข้าใจเนื้อเรื่องหรือเปล่า)

    ยกตัวอย่างเช่น Nickelodeon Manga (มีคนแปลเป็นไทยเป็นบางตอนแล้วครับ) น่าจะมีผลงานอธิบายความเป็นเอกลักษณ์ของนักเขียนคนนี้ได้อย่างชัดเจน Nickelodeon Manga เป็นการ์ตูนรวมเรื่องสั้นของ8oเขียน ที่ในเล่มประกอบไปด้วยตอนสั้นๆ ทั้งหมด 13 ตอน เขียนตั้งแต่ปี 2010 แต่ละตอนมีอารมณ์หลากหลายประกอบอยู่ โดยทั้งหมดเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์แปลกๆ  เช่น “อาหารหัวใจ” (Heart Food) ซึ่งเป็นเรื่องราวของเด็กสาวที่พบกับเสือพูดได้  ในตอนท้ายเธอพยายามจะฆ่าตัวตาย หากแต่ถูกเสือเตือนสติเอาไว้ พร้อมดับพูดเตือนสติแอบน่ากลัวแต่แฝงด้วยความอบอุ่นว่า "หากเธอฆ่าตัวตาย ฉันจะกินเธอเอง จะทำให้เจ็บปวดน้อยที่สุด" นั่นเองทำให้เธอเริ่มชอบพี่เสือแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา อ่านแล้วได้ความรู้สึกดีๆ เต็มไปด้วยความอบอุ่นแบบแปลกใน 9 หน้า

    หรือจะเป็นเรื่อง โกปี้ โกปี้ ลูวะ “ (Kopi Kopi Luwak) ที่แอบยาโอยเพื่อนกรูรักมึงว่ะและหักมุมนิดๆ แต่จบแล้วมีความสุขใจและซาบซึ้งใน 9 หน้า (โกปี้ ลูวะเป็นชื่อของกาแฟขี้ชะมดที่แพงที่สุดในโลกนะครับ) ต่อมาก็เรื่อง“เกมตลก” (Funny Game) เปิดฉากมาเหมือนกลุ่มสาวเล่นต่อคำธรรมดาในห้องเก็ยอุปกรณ์พละ ที่แต่ละคนดูเหมือนไม่สนุกกับเกมต่อคำเลย และสังเกตว่าสาวบางคนมีเลือดเลอะตัว บางคนมีผ้าพันแผลพันหน้าพันตา และเมื่อมีคนแพ้คนมาก็รู้สึกใจเสียมาก ก่อนที่จะรู้ว่าพวกเธอกำลังหาคน (แพ้) วิ่งออกไปข้างนอกเพื่อหาคนมาช่วยเหลือ เพราะตอนนี้มีสัตว์ประหลาดกินคนอยู่นอกห้องเก็บอุปกรณ์พละ ซึ่งชอบตอนท้ายมากเพราะสื่อถึงการหักหลังได้เป็นอย่างดี หรือจะเป็นเรื่อง “เอเลี่ยนเกาะหน้า (Facehugger) เป็นเรื่องของสาวทวินเทลที่มือข้างซ้ายขาด และที่น่าแปลกของเธอคือมือข้างซ้ายของเธอนั้นเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต โดยที่เธอไม่สนใจเรื่องนี้เลยสักนิด ในขณะที่หลายเรื่องหากไม่แปลอังกฤษ ดูแต่ภาพก็ไม่รู้เลยว่าเป็นเรื่องอะไรทั้งนี้เพราะการสนทนาระหว่างตัวละครก็เป็นส่วนสำคัญของเรื่องที่ต้องเอามาประกอบภาพในหน้านั้นๆ ถึงจะเข้าใจว่ามันสื่อว่าอะไร (ว่าแต่ตอน Afterlife Jaunte มันแซวซายะกินแมวหรือเปล่าหว่าundefined)

     

                     ต่อไปนี้เป็นการ์ตูนเรื่อง "Togetoge" เป็นการ์ตูนสายมืด ดังนั้นผมขอตัดภาพที่ไม่เหมาะกับเยาวชนออก และขอแปลบางส่วน เพื่อให้เข้าใจในเนื้อหาของการ์ตูนนะครับ

      
                        เธออาศัยอยู่คนเดียวท่อระบายน้ำ

                         
                     
    เธอไม่กล้าออกไปข้างนอก ได้แค่แอบมองจากท่อระบายน้ำมาข้างนอก เธอตั้งคำถามมากมายจากสิ่งที่เธอพบเห็น

     
                    จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอพบชายหนุ่มที่คาดว่าเขาตกลงในท่อระบายน้ำ

     
                 ด้วยความเหงาและความมีเมตตา (บวกกับความอยากรู้อย่างเห็น) เธอนำชายคนนั้นกล่าวไปรักษาดูแลอย่างใกล้ชิด


                ชายคน ดังกล่าวอาการสาหัสมาก แต่เธอไม่ยอท้อที่จะช่วยเหลือเขา ด้วยการป้อนน้ำ ป้อนอาหารให้ทุกวัน อย่างไม่รู้เหน็ดหน่อย

     
                   จนกระทั่งวันหนึ่ง ในขณะที่กลับมาจากการออกหาอาหาร เธอก็พบชายคนนั้นมีไข้หนัก ทุรนทุราย

      
                 เพื่อให้ไข้ลดลง เธอจึงตัดสินใช้ร่างกายของเธอแนบไปยังร่างกายของชายคนนั้นเพื่อลดอุณหภูมิไข้ (ตรงนี้ขอเซ็นเซอร์ครับ) และ 5 หน้าต่อไปนี้ผมขอบรรยาย (แบบไม่ให้เรต) แทนการลงภาพนะครับ

                    แม้ว่าเขาจะไม่สามารถมองเห็น แต่เขาก็รู้สึกถึงการมีตัวตน เมื่อหญิงสาวเอาตัวแนบกับร่างกายส่วนบนของชายหนุ่ม

    “มันคืออะไร......” ชายหนุ่มคนนั้นก็เอามือเอื้อมไปจับหน้าอกของหญิงสาว

    “.......สิ่งนั้นคือร่างกายที่หนาวเย็น” ผู้ชายหนุ่มคนนั้นรู้ทันทีว่าสิ่งนั้นคือร่างกายผู้หญิง

    “อา” หญิงสาวร้องคราง เพราะผู้ชายทำการเล้าโลมร่างกายของหญิงสาว  เธอเริ่มรู้สึกถึงรู้สึกมึนงง สมองว่างเปล่า

    ชายหนุ่มเริ่มรุกหนัก เขาเล้าโลมหญิงสาวไปทั่วร่างกายอย่างเมามัน หญิงสาวไม่เคยสัมพันธ์กับความรู้สึกเหล่านี้มาก่อน และเมื่อถึงจุดหนึ่งเธอก็ได้พบว่าร่างกายของเธอมีความสุข (ระหว่างที่ทำการเล้าโลม หญิงสาวพยายามซ่อนมืออันใหญ่โตไม่ให้ฝ่ายชายเห็นหรือพยายามป้องกันไม่ให้มือของเธอทำร้ายชายคนนั้นตลอด)

    “อ....อา” เมื่อไหร่ก็ตามเมื่อร่างกายผู้ชายเคลื่อนไหวไปกับจังหวะเพลงรัก เธอก็มีความสุข มันเป็นประสบการณ์ที่เธอไม่เคยรับรู้มาก่อน ในจังหวะที่เขากอดเธอ เธอรับรู้ถึงความรักที่ชายคนนั้นมีให้เธอ

     
                     หลังผ่านค่ำคืนอันร่ำร้อน หญิงสาวได้ทำความสะอาดร่างกายและเริ่มคิดเรื่องต่าง ๆ มากมาย

     
                    เมื่อเธอกลับมาบ้าน ก็พบว่าชายคนนั้นหายดีแล้ว และด้วยความดีใจ เธอวิ่งไปหาชายดังกล่าว ทำให้ชายดังกล่าวเห็นมือและกรงเล็บของเธอเต็มๆ

        
                       สัตว์ประหลาด!! ชายหนุ่มตกใจกับสิ่งที่เห็น และเขาทำตัวออกห่างจากหญิงสาว

        
                        ในฉากสุดท้าย หญิงสาวดังกล่าวพยายามหยุดชายหนุ่ม หากแต่เมื่อรู้สึกตัวอีกที ก็พบว่าร่างของชายหนุ่มหลุดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กองไปกับพื้นแล้ว โดยเธอไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร และแล้วเรื่องก็จบลงอย่างซาบซึ้ง (undefinedundefined) 

     

     

    กว่าจะแปลเสร็จ ปาไป 3 วัน (ยังอีก 2 เรื่องครับ) เป็นครั้งแรกที่แปลการ์ตูนทั้งเรื่องมากกว่า 3 หน้า (ปกติไม่มีแปลขนาดนี้หรอก) แต่ผมแนะนำว่าขอให้อ่านฉบับเต็มไปตามเว็บทั่วไปน่ะครับ ซึ่งที่เอาแนะนำ บทความนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งและมีการเซ็นเซอร์และตัดฉากสายมืดออกเพื่อให้เหมาะกับเยาวชน สิ่งที่ต้องการนำเสนออารมณ์ของการ์ตูนตอนนี้เท่านั้น

    การ์ตูนเรื่อง “Togetoge” เป็นเรื่องสั้นในจำนวน 15 เรื่อง รวมชุดของ [Dowman Sayman] Seihonnou to Suibakusen เป็นแนวสายมืดที่คนเขียนวาดเมื่อ 2001 (เป็นผลงานแรกๆ ของคนเขียนเลย) หากเปรียบเทียบลายเส้นก็แทบไม่เปลี่ยนเลยปัจจุบัน ซึ่งแตกต่างจากชุด Nickelodeon Manga มากพอสมควร นอกเหนือจากจะเป็นสายมืด มีฉากบนเตียงแล้ว การดำเนินเรื่องเน้นเรื่องไซไฟและแฟนตาซีมากกว่าจะเน้นชีวิตประจำวันเหมือน Nickelodeon Manga อีกทั้งเนื้อหาแปลกๆ ไม่ทราบว่าต้องการสื่ออะไร แถมบางเรื่องยังมีตัวละครสองเพศในร่างเดียวอีก บมีเพียงเรื่อง  Togetoge” (สาวมือกรงเล็บ) และ  The Sea and Poison” (นางเงือกผู้น่าสงสาร) ที่ผมพอจะอ่านรู้เรื่อง (เพราะมันมีแปลเป็นภาษาอังกฤษ)

    อารมณ์ของ เรื่อง  Togetoge” และ  The Sea and Poison” จะค่อนข้างเศร้า ออกมาแบบเงียบเหงา เหมือนมีความหวัง อบอุ่น หากแต่จบหักมุมแบบคนดูต้องอุทานว่าจะซาบซึ้งหรือโรคจิตดี!!

    อย่างเช่นเรื่อง Togetogeได้ใช้ตัวเอกแปลกประหลาดที่เป็นสาวน้อยมอนสเตอร์น่ารัก ออกแบบตัวละครให้มีความคล้ายคลึงเหมือนมนุษย์ หากแต่มีอวัยวะหนึ่งที่มีรูปร่างน่ากลัว ที่เห็นชัดเจนว่าเธอไม่ใช่มนุษย์ (ในที่นี้คือมือกรงเล็บใหญ่) ที่อาศัยอยู่คนเดียว (มีหนูเป็นเพื่อน) ในที่สกปรกคือท่อระบายน้ำ ที่ไม่กล้าออกไปโลกภายนอก ไม่รู้อะไรมากมายหลายอย่าง ชีวิตเหมือนไร้ค่า น่าเบื่อไปวันๆ  วันหนึ่งพบเด็กหนุ่มบาดเจ็บหมดสติ ด้วยความสนใจ (ตีความว่าอาจเป็นเรื่องเพศตรงข้าม)  หลังจากเธอดูแลเขา นานวัน นานวัน เริ่มผูกพัน ความรักได้ทำให้หญิงสาวเริ่มรู้สึกตนมีค่าขึ้น มีความหวัง เหมือนมีชีวิตใหม่ อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านั้นกลับพังทลายในพริบตา ซ้ำยังทำให้ความมืดมน ความสิ้นหวัง กลับมาอีกครั้ง ในลักษณะรุนแรงถึงขั้นใจสลายในที่สุด

      

                    นอกเหนือจากเรื่อง  Togetogeแล้ว ยังมีเรื่อง  The Sea and Poison ที่อยู่ในชุดรวมเรื่อง Seihonnou to Suibakusen ซึ่งมีเนื้อหาคล้ายคลึงกับ “Togetoge คือเริ่มต้นมาซาบซึ้ง มีความหวัง หากจบลงอย่างอย่างมืดมน สิ้นหวัง โหดร้าย โศกเศร้า เช่นกัน ซึ่ง เป็นเรื่องของชายหนุ่มคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นชาวบ้านธรรมดา) ที่ได้เจอเงือกสาวตัวหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเกยตื้นที่ชายหาดบ้านของเขา

                     
                
    ด้วยความใจดีและความมีเมตตาของชายหนุ่มได้แบกนางเงือกเอากลับบ้าน และจัดการเลี้ยงดูเงือก (ที่แท๊งก์น้ำใหญ่ในตัวบ้าน) ด้วยการป้อนอาหาร รักษาบาดแผลให้ ด้วยความคิดที่ว่าหากเงือกสาวหายดีเมื่อไหร่ เขาจะปล่อยตัวเธอกลับทะเล

    ตอนแรกเงือกสาวรู้สึกหวาดกลัวมนุษย์ชายหนุ่ม หากแต่นานวันเงือกสาวก็ได้เห็นความเมตตาของชายหนุ่มที่เป็นห่วงใยตน เธอเริ่มไม่หวาดระแวงที่มีต่อตัวชายหนุ่ม

                      
                 
    ด้วยการดูแลเอาใจใส่ของชายหนุ่ม แผลของเงือกสาวก็หายดีอย่างรวดเร็ว ร่างกายก็แข็งแรง แต่อย่างไรก็ตามเงือกสาวดูเหมือนไม่อยากจะจากเด็กหนุ่มมาก

                    เมื่อชายหนุ่มทำการตรวจร่างกายและบาดแผลของเงือกสาว เขาก็มีความเห็นว่าตอนนี้เธอก็หายดีแล้ว และไม่มีเหตุผลใดที่เธอจะอยู่ต่อ เธอน่าจะกลับทะเลซึ่งเป็นบ้านของเธอได้แล้ว

                    หากแต่เงือกสาวไม่จากจะจากชายหนุ่ม เธอเอาแต่เขย่าหัวปฏิเสธ ตอนนี้เธอไม่อยากกลับบ้าน เธอตัดสินใจที่อยู่กับชายหนุ่ม ชายหนุ่มรู้ทันทีว่าเงือกสาวหลงรักตนและชายหนุ่มก็ได้คิดรังเกลียดเธอเช่นกัน

    และแล้วพวกเขาอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

     
                  เรื่องน่าจะจบแต่เพียงเท่านี้ ทั้งสองอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะไม่มีเรื่องเพศมาเกี่ยวข้อง แต่ทั้งสองก็อยู่ด้วยกันได้ ทุกวันชายหนุ่มจะอยู่กับเงือกสาว ทำของเล่นชิ้นใหม่ๆ มาให้เธอเล่น และเธอก็สนใจของเล่นเหล่านี้ไม่น้อย

                    หากแต่แล้ว!!

     

                    พอดีประเทศที่ชายหนุ่มอยู่นั้นเกิดสงครามขึ้น ส่วนชายหนุ่มมัวแต่กำลังตกปลาอยู่ท้ายหมู่บ้าน

                    จนกระทั่งวันหนึ่ง

                     
                  
    “โย่
    ! น้องชาย” วันหนึ่งมีชายตัวใหญ่ยักษ์ ตัวดำทั้งตัว (คงเป็นเงา) มาเยือนบ้านเด็กหนุ่ม และเด็กหนุ่มได้ทักชายตัวดำนั้นอย่างสนิทสนมว่า “ลูกพี่” ตอนแรกทั้งคู่ถามสารทุกข์สุขดิบเป็นกันเอง

                    และทันใดนั้นเองชายตัวใหญ่นั้นก็เปลี่ยนจากมาดีมาเป็นมาร้ายโดยสิ้นเชิง เขาบอกเด็กหนุ่มว่า “ฉันมานี้เพื่อต้องการพบกับเธอ หูของฉันเสียหายเพราะสงคราม”

                    “ฉันได้ยินว่านายมีเงือกอยู่ที่นี้ เนื้อนางเงือกน่ะจะช่วยรักษาแผล ให้แก่ฉัน ฉันเลยมาเอาเนื้อที่ว่านี้แหละ”

                     
                   
    แน่นอนว่าชายหนุ่มปฏิเสธความต้องการของชายร่างยักษ์นั้น เขาพยายามขอร้องไม่ให้ชายร่างยักษ์รังแกเงือกสาวที่เขารัก หากแต่เขาไม่สามารถหยุดชายร่างยักษ์คนนั้นได้เลย

                    “เอาหูของผมไปใช้แทนเถอะลูกพี่” ชายหนุ่มร้องไห้ และได้เสนอหูของเขาเป็นการแลกเปลี่ยนกับการไม่ให้ชายร่างยักษ์นั้นกินเนื้อเงือก

                     
                 
    และแล้วชายร่างยักษ์ก็ได้ใบหูของชายหนุ่ม (มันเอามาต่อกันง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ) เมื่อชายหนุ่มเห็นชายร่างยักษ์ได้สิ่งที่เขาต้องการแล้ว เขาได้บอกให้ชายร่างยักษ์ออกไปจากบ้านเขาเขา หากแต่ชายร่างยักษ์กับใช้หมดเสยปากชายหนุ่มจนเขาสลบคาที่

                    ชายร่างยักษ์ต่างไปที่นางเงือก สิ่งที่มันต้องการนอกเหนือจากก็คือน้ำตาเงือกที่เชื่อว่ามันสามารถเปลี่ยนเป็นไขมุกที่ล้ำค่าได้

                    จากนั้นชายร่างยักษ์ก็ไม่พูดทำเพลง มันตรงไปที่เงือกสาว และจัดการย่ำยีเงือกอย่างโหดร้ายทารุณ (ลวนลาม ข่มขืน)

                     
                   
    เงือกโดนกระทำย่ำยีต่างๆ นาๆ ร่ำไห้จนได้ 100 ไข่มุก เมื่อชายร่างยักษ์เห็นไข่มุกก็พอใจ และจากไปอย่างแต่โดยดี

                     
               
    ต่อมาชายหนุ่มก็ได้ฟื้นคืนสติ เขาเห็นเงือกตรงหน้าร่ำไห้ และชายร่างยักษ์จากไป เขาก็คิดว่าเงือกของเขาปลอดภัยแล้ว โดยไม่รู้ความจริงว่าเงือกของเขาโดนกระทำย่ำยี่ขนาดไหน อีกทั้งตอนนี้เขาไม่ได้ยินเสียงใดๆ อีกแล้ว เพราะหูทั้งสองข้างของเขาโดนชายร่างยักษ์เอาไป

                     
                  
    ชายหนุ่มกับเงือกได้อยู่อย่างสงบสุขได้สักพัก หากแต่แล้ววันหนึ่งชายร่างยักษ์ซึ่งเป็นลูกพี่ของชายหนุ่มคนที่สองก็ได้มายืนที่บ้าน ลูกพี่คนที่สองคนนั้นตาบอด และจุดประสงค์ของมันก็มาแบบมุกเดิมๆ เหมือนกับลูกพี่คนที่หนึ่ง  ขู่จะกินเงือกเพื่อรักษาตาของเขา ชายหนุ่มไม่ยอมเลยขอร้องด้วยการเอาตาของเขาไปแทน และเมื่อลูกพี่คนที่สองได้ตาของเด็กหนุ่มทั้งสองข้างเขาก็กลับมามองเห็นอีกครั้ง และต่อยชายหนุ่มที่ตอนนี้ตาและหูบอดสนิท จนสลบไป

                     
                 
    เมื่อชายหนุ่มสลบ ลูกพี่คนที่สองก็กระทำย่ำยีเงือก เธอร่ำไห้จนได้ 1,000 ไข่มุกและมันก็ จากไป ชายหนุ่มซึ่งตอนนี้ไม่สามารถมองเห็นและได้ยินอะไรได้อีกแล้วไม่ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามเขายังคงรักเงือกของเขาเฉกเช่นเดิม และเงือกก็ยังรักเขา แม้เขาเองจะไม่เห็นหน้าเธอแล้วก็ตาม

                    จนกระทั่งวันหนึ่ง

                    ลูกพี่คนที่สาม (สรุปชายหนุ่มนี้มันมีกี่ลูกพี่ฟ่ะ) คราวนี้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลและพิการ มันบอกชายหนุ่มว่าเขาต้องกินเนื้อเงือก เพื่อรักษาเขา

                    แน่นอนว่าคราวนี้ชายหนุ่มไม่สามารถแลกเปลี่ยนอะไรได้ เขาปฏิเสธ และสิ่งที่ตามมาคืออารมณ์โกรธของลูกพี่คนที่สาม

     
                    “แกกล้าปฏิเสธฉันเรอะ
    !!

                    และแล้วชายคนที่สามก็ฆ่าชายหนุ่มที่ตาย  เมื่อเงือกเห็นชายหนุ่มถูกฆ่าต่อหน้าตาตา เธอก็ตกตะลึงและเข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อเธอพบว่าหมดหวังที่ช่วยเขา เธอก็เริ่มกรีดร้องไห้ เสียงดังไปทั่วประเทศ จนแก้วหูลูกพี่คนที่สามแตกตาย

                     
                
    นอกจากนั้นสียงกรีดร้องของเธอยังทำให้เกิดคลื่นซึนามิขนาดใหญ่กลื่นทุกสิ่งทุกอย่างในประเทศของเด็กหนุ่มจนหมดสิ้น ส่วนเงือกก็ได้กอดศพชายหนุ่มเอาไว้ด้วยความรักที่แน่นแฟ้น ก่อนที่เธอกับศพของเขาจะหายไปในท้องทะเล ไปยังที่ไม่มีใครพบพวกเขาตลอดกาล

                       The Sea and Poison” เป็นการ์ตูนที่ผมดู(และอ่าน)จบแล้ว ก็ได้อารมณ์หดหู่ และเกือบร้องไห้เลยนะครับ  สงสารชายหนุ่มและเงือกมาก  อารมณ์ค่อนข้างแตกต่างจาก Togetoge  โดยสิ้นเชิง แม้เนื้อหาจะเป็นเรื่องความสิ้นหวังในความรักเหมือนกัน แต่ถ่ายทอดในลักษณะแตกต่างกัน

    The Sea and Poison นางเงือกหลงรักชายหนุ่ม และชายหนุ่มก็รักนางเงือกเหมือนกัน หากเป็นนิทานก่อนนอนเรื่องก็น่าจะจบอย่างมีความสุขไปนานแล้ว แต่การ์ตูนต้องการนำเสนอเรื่องราวหลังจากนั้น เมื่อความรักของทั้งคู่ไม่นิรันดร์ทั้งๆ ที่พวกเขารักกันอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่มีเรื่องเพศ หรือผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง (ชายหนุ่มไม่หวังใช้ประโยชน์ของเงือกแม้แต่น้อย) แต่ทั้งสองกลับอยู่อย่างไม่สงบ เพราะคนรอบข้างคิดถึงผลประโยชน์ของตัวเอง ความโลภได้ทำให้คนที่รักกันต้องเจ็บปวด แม้ชายหนุ่มเสียสละตนเพื่อปกป้องเงือกสาว แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย ผลสุดท้ายชายหนุ่มก็ตายและทั้งหมดก็พินาศ

     นี่คือสองตัวอย่างจากผลงานรวมเล่มในชื่อ [Dowman Sayman] Seihonnou to Suibakusen  ซึ่งเป็นผลงานแรกๆ ของคนเขียน และเป็นสองตอนที่ประทับใจที่สุดในเรื่องแล้วครับ สุดยอดมากเลย ไม่เชื่อเลยว่าเป็นการ์ตูนสายมืด และเป็นการตอกกลับได้เลยว่าการ์ตูนสายมืดนั้นไม่ได้ไร้สาระอย่างที่คิด หากใส่เนื้อเรื่อง ใส่อารมณ์หรือข้อคิดเข้าไป ก็จะเป็นกลายเป็นงานที่มีค่าระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามเพราะนอกเหนือจากนั้นจะเป็นการ์ตูนแนวเซ็กต์แปลกๆ ที่ผมตีความไม่ค่อยได้ว่ามันคืออะไร แต่ก็แอบมีสาระนะครับ(เพียงแต่ไม่ได้แปลจริงๆ จัง เลยไม่รู้เนื้อหาเท่านั้นเอง)  เอาเป็นว่าใครสนใจก็ลองไปหาอ่านละกัน

     


                 เท่าที่ผมอ่านสายมืดของคนเขียนคนนี้ ดูเหมือนว่าคนเขียนจะชอบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสาวมอนสเตอร์ (ที่ไม่ใช่มนุษย์) แถมเกือบทุกเรื่องฝ่ายมนุษย์จะเป็นผู้ชายที่มีความสัมพันธ์กับสาวที่ไม่ใช่คน เช่น สัตว์ประหลาดครึ่งคน, ซอมบี้, สาวครึ่งคนครึ่งสัตว์ ฯลฯ มากกว่าจะเน้นความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์

    ไม่ว่าจะเป็นสายมืดและสายสว่างคนวาดยังคงมีเอกลักษณ์เฉกเช่นเดิม คือตัวละครประหลาด เนื้อเรื่องประหลาด จบไม่กี่หน้า แต่ละเรื่องมีหลายทุกอารมณ์ ไม่ว่าจะโศกเศร้า สิ้นหวัง ตลกร้าย ซาบซึ้ง แอปปี้ อบอุ่น ฯลฯ บางเรื่องก็เข้าใจ ในขณะบางเรื่องอ่านไม่รู้เรื่องเลยว่าต้องการสื่ออะไร ถือได้ว่าหาได้ยากในการจะหานักเขียนการ์ตูนญี่ปุ่นที่สร้างสรรค์ผลงานตนเองจบไม่กี่หน้าแต่อ่านแล้วสนุกได้ข้อคิดครบถ้วนแบบนี้

                    ปัจจุบันคนเขียนยังคงวาดการ์ตูนออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในอินเทอร์เน็ตหรือจะเป็นแบบมังงะ เช่นมังงะเรื่อง Voynich Hotel ในปี 2006 ซึ่งเป็นเรื่องราวของโรงแรมแห่งหนึ่งที่ตั้งบนเกาะแปลกๆ กลางทะเลที่ไม่มีในแผนที่ บริหารจัดการโดยแม่บ้านสองคนที่ดูเหมือนไม่ใช่มนุษย์ และพนักงานรูปร่างแปลกๆ รวมไปถึงคนที่เข้าพักในโรงแรมก็แปลกประหลาดเช่นกัน หากแต่ทั้งหมดก็ยังคงอาศัยบนเกาะนี้ตามวิถีปกติที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

                    อย่างไรก็ตามแม้การ์ตูนของคนเขียนจะมีอารมณ์ที่หลากหลาย แต่กระนั้นอารมณ์ตื่นเต้นระทึกใจนั้นอย่าหวังจะได้พบเจอ แต่กระนั้นบางเรื่องคนอ่านก็เกิดความรู้สึกลุ้นเหมือนกัน ในการกระทำของตัวละครที่จู่ๆ ก็มีพฤติกรรมที่น่าประหลาดใจ

                    แม้ว่าการ์ตูนจะเน้นเรื่องพิศวงและตัวละครประหลาด หากแต่เรื่องที่นำเสนอส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องใกล้ตัวและอารมณ์ของมนุษย์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสิ่งที่การ์ตูนส่วนใหญ่ของคนเขียนมักจะนำเสนอคือจะเน้นเรื่องเกี่ยวกับความรัก ความเหงาและชีวิต ที่ถ่ายทอดอารมณ์อย่างชัดเจน ผ่านตัวละครแตกต่างกันออกไป ความเหงาก็มีหลากหลาย ไม่ว่าเหงาไม่มีเพื่อน เหงาที่ไม่มีใครเข้าใจ บางคนก็ไม่รู้ตัวว่าเหงา บางเรื่องก็นำเสนอด้านมืดของความรัก ที่บางครั้งความรักก็ไม่ได้สวยหรูเสมอไป การเสียสละบางครั้งก็สูญเปล่า บางครั้งเรื่องก็จบลงอย่างไม่โรแมนติก จนเหมือนประชดต่อโลกหรือบางครั้งก็เป็นตลกร้ายๆ

                    บางครั้งการ์ตูนก็ดำเนินเรื่องแง่มุมหนึ่งของสังคม ทำนองเดียวกับ Nickelodeon Manga ซึ่งได้รับความนิยมในอินเทอร์เน็ตพอสมควร เพราะมีเนื้อหาเป็นมังงะสั้นๆ ที่น่ารัก แต่เนื้อหาแปลกประหลาด แฝดตัวติดกัน ตุ๊กตาสัตว์ หากแต่ข้อคิดในเรื่องก็ยังเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นชายกับหญิง เพื่อนฝูง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเพื่อนชาย หรือกลุ่มเพื่อหญิง อย่างเรื่องพี่เสือ ในเรื่อง อาหารหัวใจ” (Heart Food) มองดูจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเสือพูดได้กับมนุษย์ หากแต่เมื่อมองลึกๆ จะพบว่าเป็นเรื่องคนแก่หรือคนมากประสบการณ์ อาบน้ำร้อนมาก่อนที่เตือนสติเด็กสาวที่ผิดหวังความรักให้รู้จักคุณค่าของชีวิต

           เอาเป็นว่าใครชอบการ์ตูนแนวปรัชญาชีวิตที่ลายเส้นมีเอกลักษณ์น่ารักก็ลองหาชื่อการ์ตูนที่เป็นผลงานของ Dowman Sayman น่ะครับ ผมไม่ขอบอกลิงค์ละกัน สุดท้ายนี้ผมขอลงการ์ตูนอีกหนึ่งของผลงานคนเขียนเรื่อง   [Dowman Sayman] Lunch at Columbine ซึ่งการ์ตูนเรื่องนี้เห็นแต่ภาพมีต้อง งง แน่นอนว่าเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร และเป็นการ์ตูนที่ผมสนใจมากจึงอยากขอแปล หากผิดพลาดประการใดขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วยน่ะครับ

     

    [Dowman Sayman] Lunch at Columbine แปลเป็นไทยว่าอาหารกลางวันที่โคลัมไบน์

     

     
                   # เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ ปี 1999  โดยอีริค แฮริส และไดแลน เคลโบลด์  นำอาวุธปืนในโรงเรียนโคลัมไบน์ ก่อนที่จะกราดยิงเข้าใส่นักเรียนและอาจารย์อย่างไม่เลือก ส่งผลให้เพื่อนนักเรียนเสียชีวิต 12 คน ครูอีก 1 คน ก่อนที่มือปืนทั้งสองจะฆ่าตัวตายในเวลาต่อมา ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวโด่งดังแพร่กระจายไปทั่วสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกซึ่งต่อมาก็มีผู้คิดเลียนแบบการสังหารหมู่โรงเรียนโคลัมไบน์ตามมาอีกหลายราย
      

        

                   

                      
                      
                       ปล. เสียงช่องซ้ายมือล่าง  เสียงท้องร้อง จ๊อกๆ ครับ
                      
                      

                    ในที่สุดก็แปลเสร็จสักทีครับ ไม่รู้ผมแปลผิดมากน้อยเท่าไหน หากผิดพลาดอะไรก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยน่ะครับ

    ไม่ทราบว่าหลายท่านจะเข้าใจสิ่งที่การ์ตูน [Dowman Sayman] Lunch at Columbine หรือไม่ครับ ตอนผมเห็นการ์ตูนเรื่องนี้ครั้งแรกผมแทบไม่เข้าใจความหมายการกระทำของตัวละครในภาพเลยแม้แต่น้อย เลยสนใจลองแปลดู และเมื่อแปลก็ งง หนักกว่าเดิม  (ฮ่า) สิ่งที่รู้คือคนเขียนนั้นเขียนการ์ตูนได้หลายอารมณ์จริงๆ ครับ แต่กระนั้นก็ไม่ลืมสอดแทรกคติสอนใจในการใช้ชีวิตประจำวันไปด้วย เหมือนดั่งการ์ตูนเรื่องนี้

    ถามว่า [Dowman Sayman] Lunch at Columbine สอนอะไรให้เรา ผมก็เดาได้ว่า สิ่งที่การ์ตูนกำลังสอนคือความทรงจำ อย่างเห็นในภาพสาว (ดุ้น) ทวินเทลต้องการลบความทรงจำไม่ดีของเธออกไปจากหัว แต่ลบยังไงก็ลบไม่ได้ ก่อนที่เธอจะตัดพ้อว่าในเมื่อความทรงจำชาติที่แล้ว (โรงเรียนโคลัมไบน์ยังลบได้) แต่เหตุไฉนที่ความทรงจำปัจจุบันถึงลบไม่ได้ โอเคความทรงจำดีๆ นั้นเธอก็ไม่อยากจะลืม มันเลยฝังในจิตใจจนถึงทุกวันนี้ หากแต่เหตุใดความจำไม่ดีทำร้ายจิตใจของเธอถึงยังคงค้างคาในสมองของเธอด้วยเล่า ในเมื่อเธอไม่พยายามลบ พยายามไม่นึกถึงแท้ๆ ทำไมมันไม่หายไป

    สาว (ดุ่น) ทวินเทลพยายามลบความทรงจำ แต่ลบไม่ได้เสียที แม้ว่าเธอจะทำตามทฤษฏีความสูงบันไดที่เธอคิดว่ามันสมบูรณ์แบบก็ตาม จนกระทั่งเพื่อนของเธอมาทักและเชิญรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน เธอก็ได้รู้ถึงวิธีลบความทรงจำร้ายๆ ของเธอออกไป นั่นคือการสร้างความทรงจำที่ดีแทนที่ความทรงจำไม่ดีในอดีตมากกว่า ดั่งเช่นประโยชน์สุดท้ายว่า “ความสูงบันไดสมบูรณ์แบบของฉันมันพึ่งเริ่มหลังจากตรงนี้ต่างหาก”  เป็นอันจบการ์ตูนไม่กี่หน้าที่เนื้อหากินใจแต่เพียงเท่านี้

    ก็ขอเล่าจบลงเพียงเท่านี้ครับสำหรับการ์ตูนของ [Dowman Sayman] การ์ตูนดีๆ ที่หลายคนไม่รู้ว่ามีการ์ตูนเรื่องนี้อยู่ในสารบบของการ์ตูนญี่ปุ่น หากใครคิดว่าเป็นการ์ตูนที่สนุก เนื้อหาน่าสนใจก็ลองเอาผลงานของเขาไปแปลให้หลายคนอ่านก็ได้น่ะครับ หรือเอาบทความของผมไปเผแพร่ก็ได้ เอาเป็นว่าหากผมได้เจอการ์ตูนเรื่องใดที่เนื้อหาดีแต่ไม่ดีก็จะเอามาเสนอในครั้งต่อไป ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×