ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #213 : Minamoto kun monogatari เรื่องของมินาโมโต้ (ไปแตะบอลกันเถิด)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 13.36K
      2
      5 พ.ย. 55


                    ข้อสอบ O-Net ทำร้ายจิตใจของเด็กทุกปี และมักมีข่าวเป็นเรื่องเป็นราวเกิดขึ้นประจำ หนี่งในนั้นคือข้อสอบเมื่อปี 2011 ที่มีคำถามหนึ่งถามว่าเมื่อเกิดอารมณ์ทางเพศให้ทำอย่างไร? โดยมีตัวเลือกต่างๆ 5 ข้อ ก.ชวนเพื่อนไปเตะบอล, ข.ปรึกษาครอบครัว, ค.พยายามนอนให้หลับ, ง.ไปเที่ยวกับเพื่อนต่างเพศ,  จ.ชวนเพื่อนสนิทไปดูหนัง ซึ่งคำตอบที่ถูกต้องคือ “ก. ชวนเพื่อนไปแตะบอล”

                    พูดง่ายๆ ก็คือหากมีอารมณ์ทางเพศให้ไปออกกำลังกาย เพื่อลดอารมณ์ดังกล่าว ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย เพราะจากการวิจัยแล้ววิธีดังกล่าวไม่สามารถแก้ไขได้จริง กลับกันอาจทำให้ความเครียดสะสม เหมือนอย่างพระเอกจากเรื่อง Okasu Bekarazu! Junketsu Tokku!  ที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้ช่วยตัวเอง แล้วให้ไปออกกำลังกายแทน จนพระเอกเครียดเหงี่ยนจัดเป็นอย่างมาด

                    ดังนั้นคำตอบที่ถูกต้องคือ “ช่วยตัวเอง” ซึ่งต้องทำให้ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสม แต่อนิจาทั้ง 4 ในข้อสอบไม่มีตัวเลือกใดเลยที่มี “ช่วยเหลือตัวเอง” .......

                    ช่างน่าสงสารเด็กที่ตั้งใจอ่านหนังสืออย่างบอกไม่ถูก

                    หลังจากนั้นเป็นต้นว่าในวงการอินเตอร์เน็ตก็ได้มีวลีใหม่ “ไปแตะบอล” คือพูดในเชิงล้อเลียน ประชด แดกดัน เกี่ยวกับบุคคลใดที่มีอารมณ์ทางเพศสูงก็ให้ไปแตะบอลซะจะได้หายอารมณ์เปลียว (ซึ่งแน่นอนว่ามันแก้อารมณ์หื่นไม่ได้ ย้ำไม่ได้)

                    คำนี้สามารถใช้ได้หลายกรณี เช่น ในวงการการ์ตูนวลีนี้ก็ถูกนำมาใช้เหมือนกันใช้เรียกพระเอกแนวการ์ตูนหื่นๆ ที่พระเอกมีเห็นตัวละครหญิงเปลือยและมีอารมณ์ทางเพศสูงแต่เกือบที่จะ “เอากัน” แต่ต้องมีเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งที่พระเอกและผู้หญิง “หยุดเอากัน” ซึ่งส่วนมากพระเอกห้ามใจตนเองได้เสียก่อน อาจเป็นเพราะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม อายุยังไม่ควรมีอะไรเกินเลย แต่พวกดูเรียกพระเอกว่า “ไปแตะบอลกันเถอะ”

                    นอกจากนั้นวลีดังกล่าว ยังรวมไปถึงคนอ่านการ์ตูนหื่นๆ สายสว่างด้วย ที่นักอ่านการ์ตูนหื่นหลายคน (ที่อ่านเอาหื่น) มักโวยวายว่าทำไมพระเอกไม่ “เอากัน” กับตัวละครหญิงสักทีว่ะ ผู้หญิงอุตส่าห์ให้ท่าขนาดนี้แล้ว จับนมก็แล้ว กำลังเข้าได้เข้าเข็ม  เอ็งไม่เอากันนี้เป็นเกย์หรือเปล่าว่ะ เสียอารมณ์ บลาๆ  ก่อนที่คำระบายดังกล่าวจะถูกตอบกลับว่า “ไปแตะบอลกันเถิด”  

                    ที่ผมเอาประโยคนี้มาอธิบายก็อันเนื่องมาจากมีการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่เข้ากับประโยคดังกล่าวมาก ซึ่งผมอยากพูดประโยค “ไปแตะบอลกันเถิด” ให้แก่ตัวละคร (โดยเฉพาะพระเอก) ในเรื่อง รวมไปถึงคนอ่านการ์ตูนเรื่องนี้ซะเหลือเกิน

     

     

    Minamoto kun monogatari

    ผู้ใหญ่, ตลก, เอจจิ, ฮาเร็ม, โรแมนติก และไซเน็น

     

    Minamoto kun monogatari (แปลไทยคงเป็น เรื่องของมินาโมโต้)  เป็นการ์ตูนเอจจิของผู้ใหญ่ แต่งโดย Inaba Minori (คนเขียนเป็นผู้หญิงครับ) ลงประจำในนิตรสาร Weekly Young Jump (Shueisha) เมื่อปี 2011

    Minamoto kun monogatari เป็นเรื่องของพระเอกคนหนึ่งชื่อมินาโมโต้คุง ชายผู้มีใบหน้าสวยราวกับเป็นผู้หญิง (การ์ตูนไม่ได้วาดพระเอกให้เหมือนผู้หญิงสักเท่าไหร่ น่าจะเรียกว่ามีความแคะสูงมากกว่า) เพราะมีใบหน้าแบบนี้เองทำให้เขาถูกรังแกโดยพวกผู้หญิงในโรงเรียนอย่างร้ายกาจ เช่น เอากรรไกรตัดเสื้อผ้า เอานมบูดมาราดตัว (จนพระเอกกลัวการดื่มนมไป)   หลังจากนั้นเป็นต้นมาพระเอกก็เข็ดหลาบกับผู้หญิง จนกระทั่งเวลาผ่านไปจนถึงจนเข้าสู่มหาลัยพระเอกคิดจะเปลี่ยนตัวเองเสียใหม่โดยคิด “เอากัน” กับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าประชดชีวิตที่ผ่านมาของเขาซะบ้าง  หากแต่วันเข้าเรียนวันแรกเขาก็ถูกพ่อสั่งให้ย้ายบ้าน เพราะว่าพ่อมีเมียใหม่ โดยพ่อบอกให้ย้ายไปอยู่น้องสาวของพ่อ (ซึ่งก็คือคุณอานั้นเอง) คุณอาคนดังกล่าวไม่ถูกกับพ่อของพระเอกมากนัก แต่เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก และยังเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์มหาลัยที่พระเอกเลือกเรียนอยู่  เมื่อพระเอกมาถึงอพาร์เมนต์ของอา จู่ๆ เธอก็เปิดหน้าอกให้เขาดู โดยบอกพระเอกว่าเขาเหมาะแก่การเป็นหนูทดลองในโครงการ “ฮิคารุ เก็นจิ” คือให้พระเอกมีเมียเท่ากับฮิคารุ เก็นจิ เพื่อเข้าใจความรู้สึกของเก็นจิว่ารู้สึกอย่างไรที่มีความสัมพันธ์ผู้หญิงหลายคน และแล้วแผนการฮาเร็มก็ได้เริ่มต้นขึ้น

     

                    ก่อนที่จะพูดถึงเนื้อหาของการ์ตูนไม่ทราบคุณเคยได้ยิน “อารมณ์ของการ์ตูน” หรือเปล่าครับ หมายถึงการที่คนเขียนเล่นกับความรู้สึกของผู้อ่านโดยสื่อผ่านการ์ตูนที่เขียน จนทำให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์ร่วม รู้สึกอินกับการ์ตูนเรื่องนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นแนวตลก, ดราม่า, หื่น, เศร้า, และอารมณ์ยิบย่อยต่างๆ เกี่ยวกับความรู้สึกของตัวละครนั้นๆ เช่นชอบหรือเกลียด ทั้งๆ ที่ตัวละครไม่มีอยู่จริง ซึ่งหากคนเขียนสามารถทำให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์อินกับการ์ตูนได้นั้น ถือว่ามีฝีมือดีทีเดียว

                    ปัจจัยที่ทำให้คนอ่านรู้สึกอินกับการ์ตูนนั้นก็มีหลายปัจจัยเหมือนกัน เช่น ลายเส้น, หน้าตาตัวละคร, การเรียบเรียงเนื้อเรื่อง, พฤติกรรมของตัวละคร นอกจากนี้อารมณ์ของการ์ตูนก็ถือว่าเป็นลายเซ็นของคนเขียนนั้นๆ ชนิดที่ว่า  เพียงแค่เราเห็นชื่อของคนเขียนก็รู้ทันทีเลยว่าการ์ตูนเรื่องนี้แนวอะไร มามุกอะไร ยกตัวอย่างเช่น การ์ตูนของคนเขียนโยชิโตชิ อาเบะ (ผลงาน N.H.K.) ที่การ์ตูนที่คนเขียนวาดมักเอามาจากนิยาย แล้วจะเน้นอารมณ์จิตตก มืดมน โหด จิตตกลงไปเรื่อยๆ  แต่ส่วนมากทุกเรื่องจะจบแบบมีความสุขกันถ้วนหน้า

    หรือคนเขียนวัชพีชเองก็มีอารมณ์ที่เหมาะสำหรับคนอ่านที่เป็นเด็ก คือเป็นโลกแฟนตาซีผจญภัยกว้างใหญ่ตอนแรกก็เปิดตัวละครใหม่ ดินแดนใหม่ที่มีความพิลึกพิลั่นแต่อลังการ แต่สถานที่แห่งนั้นมีความชั่วร้ายที่เกิดจากบุคคลกลุ่มหนึ่งซ่อนอยู่ จากนั้นก็มีฉากบู๊ ฉากต่อสู้ ระหว่างพระเอกและผู้ร้าย มีการย้อนอดีต  ดราม่า กลับสู่ปัจจุบันและบู๊อีก สุดท้ายก็ต่อยพวกตัวร้ายปลิวกระจายสะใจ ก่อนที่สถานที่แห่งนั้นจะกลับคืนมาสงบสุขดั่งเดิม เป็นอันจบภาค และขึ้นบทใหม่เริ่มอารมณ์ใหม่เช่นนี้ตั้งแต่ต้น

                    ที่พูดถึงอารมณ์ของการ์ตูนก็เนื่องมาจาก การ์ตูน Minamoto kun monogatari ได้เล่นความรู้สึกของคนดูเช่นกัน อย่างที่หลายคนรู้ว่าการ์ตูนเรื่องนี้เป็นการ์ตูนหื่น เอจจิ แน่นอนพูดถึงการ์ตูนเอจจิ สิ่งที่ไม่ขาดไม่ได้คือฉากเซอร์วิส เห็นนม เห็นชุดชั้นใน ยกทรงและกางเกงใน ที่แนบเนื้อรูปร่างสรีระของผู้หญิงอวบอิ่ม ที่น่ารัก หรือสวยที่บรรจงวาดโดยนักเขียนที่เก่งในเรื่องวาดตัวละครหญิง รวมไปถึงฉากหื่นไม่ว่าจะเป็นพระเอกลวนลามผู้หญิง จับนม จูบ ฯลฯ ซึ่งฉากเหล่านี้ทำให้ผู้อ่านชายเกิดมีอารมณ์ทางเพศไม่มากก็ไม่น้อย

                    อย่างไรก็ตาม แม้การ์ตูนแนวเอจจินั้นจะมีองค์ประกอบเหมือนกันคือหื่นและเซอร์วิส แต่กระนั้นก็ขึ้นอยู่กับการปรุงรส การดำเนินเนื้อเรื่องเหมือนกันว่า สามารถทำให้การ์ตูนมีความแตกต่างจากการ์ตูนเอจจิทั่วๆ ไปได้หรือไม่ ซึ่งในส่วน Minamoto kun monogatari นั้นก็ได้เสริมเนื้อหาเป็นเรื่องเป็นราวเข้าไป ทำให้ดูน่าติดตามได้ระดับหนึ่ง

                    แต่กระนั้นหลายคนที่ดู Minamoto kun monogatari แทบไม่พูดถึงในส่วนของเนื้อหาสักนิด หากแต่พูดถึงอารมณ์ของการ์ตูนที่มันทำให้หลายคนต้องเอ่ยคำว่า “อยากไปแตะบอล (เว้ย) เหลือเกิน” !!

                    Minamoto kun monogatari วาดโดยนักเขียนที่เป็นผู้หญิง ซึ่งส่วนมากนักเขียนที่เป็นผู้หญิงนั้นจะวาดการ์ตูนเอจจิออกมาในลักษณะแตกต่างจากนักเขียนผู้ชายหลายอย่างเหมือนกัน คือลายเส้นจะมีความละเอียด อ่อนช้อยมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นตัวละครหญิง หรือลายละเอียดชุดชั้นใน ที่วาดลายลูกไม้ได้สวยงาม เข้ากับตัวละครผู้หญิงแต่ละคน หรืออยากเล้าโลมระหว่างพระเอกกับตัวละครผู้หญิงที่ทำให้ผู้อ่านชายเกิดอารมณ์ไม่มากก็ไม่น้อย

    อย่างที่ผมบอกไว้ตอนต้น Minamoto kun monogatari นั้นได้สร้างความเสียอารมณ์แก่นักอ่านคนไทย (และเกือบทั่วโลก) ไม่น้อย อันเนื่องมาจากการตีพิมพ์แต่ละตอนของการ์ตูนนั้นสั้นมาก คือตอนละ 9 หน้า  (9 หน้าต่อสัปดาห์) ซึ่งเนื้อหาของแต่ละตอนนั้นอารมณ์หลักๆ คือตอนแรกคุณอาจะสอนให้พระเอกถึงวิธีเข้าหาผู้หญิง จีบผู้หญิง ว่าผู้หญิงนั้นมีลักษณะเฉพาะตัวแตกต่างกัน (โดยเทียบนิสัยจากตัวละครของเกนจิ) จากนั้นพระเอกก็ไปจีบสาว(ที่เป็นเป้าหมาย) ซึ่งภายใต้การชี้นำของคุณอา ทำให้พระเอกเข้าหาผู้หญ้าอย่างง่ายดาย (เพราะเป็นผุ้หญิงที่คุณอารู้จักแล้ว) จากนั้นพระเอกก็เริ่มเล้าโลมผู้หญิงตอนแรกๆ ระดับเบาๆ หลังๆ เริ่มจัดหนัก หนักขึ้น จนเกือบจะ “เอากัน” แต่อนิจจาตอนกำลังเข้าได้เข้าเข็นนั้น พระเอกก็ถูกอะไรบางอย่างขัดจังหวะได้อย่างเสียอารมณ์แก่ผู้อ่านกันถ้วนหน้า ก่อนที่อารมณ์ของการ์ตูนจะกลับเข้าสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง

    จนถึงบัดนี้ (ตอนที่ผมเขียนบทความ) พระเอกก็ยังไม่ได้เสียความบริสุทธิ์แต่อย่างใด!!

    นี้คือที่มาของคำนิยายการ์ตูนเรื่องนี้คือ “ 9 หน้า พาแตะบอล” ในขณะที่ผู้อ่านบางคน (และหลายคน) ดูถูกพระเอกว่า “กาก”, “ไก่อ่อน”, “กระจอก” หลายคนเซ็งด่าว่าการ์ตูน บลาๆ บลาๆ ฯลฯ

    ผมนึกแปลกใจกับอารมณ์คนอ่านดังกล่าว ว่าเป็นอะไรมากกับการ์ตูนหรือเปล่า อย่าลืมว่าการ์ตูนเรื่องนี้ไม่ใช่การ์ตูนสายมืด (การ์ตูนโป๊) ตีพิมพ์ในนิตยสารไม่ใช่แบบใต้ดิน (แม้นิตยสารจะมีการ์ตูนแนวผู้ใหญ่เยอะก็เถอะ) ดังนั้นฉากเรต “เอากัน” นั้นบางทีอาจไม่มี หรือหากมีก็คงใกล้จบเรื่องก็ได้

    และแปลกใจอยู่อย่าง แม้ผู้อ่านด่าว่าการ์ตูน ด่าว่าพระเอก ด่าเนื้อเรื่องการ์ตูนยังไง แต่พวกเขายังคงติดตามอ่านการ์ตูนเรื่องนี้ชนิดแบบใกล้ชิด ว่าสุดท้ายพระเอกจะลงเอยกับผู้หญิงคนใด!!

    ช่วงนี้ตรรกะคนอ่านคนไทยค่อนข้างแปลกๆ ป่วยขึ้นทุกวันครับ ประมาณว่าไม่ว่าการ์ตูน(สว่าง แนวเอจจิ) เรื่องไหนมีฉากผู้ชายอยู่กับผู้หญิงสองต่อ 2 แล้ว  หรือผู้หญิงทอดสะพาน หรือยกตัวอย่างการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่มีฉากพระเอกนอนกับพวกผู้หญิงโดยไม่มีอะไรกัน คนอ่านเม้นด่าว่าพระเอกเป็นเกย์ กาก หรือคำแรงๆ ซึ่งผมขอพูดได้คำเดียวว่า “ไปแตะบอลเถิด” หรือไม่ก็อยากดูฉาก “เอากัน” ดูการ์ตูนสายมืดดีกว่าครับ คุณหวังอะไรกับการ์ตูนสายสว่าง เลิฟคอมมาดี้น่ารักเนี้ย

    ใช่ว่า Minamoto kun monogatari จะเป็นการ์ตูนเรื่องเดียวที่ดำเนินเรื่องๆ แนวๆ นี้ น่ะครับ ที่พระเอกกับพวกผู้หญิงกำลังเข้าได้เข้าเข็นกลับมาถูกขัดจังหวะด้วยอะไรสักอย่างจนคนอ่านเสียอารมณ์เป็นแถบๆ

    ตัวอย่างเด่นๆ ก็เช่นการ์ตูนเรื่อง Kiss X Sis ที่พระเอกหื่น (จูบ) กับผู้หญิงหลายต่อหลายคนแต่สุดท้าย “ก็ไม่เอากัน” สักที เป็นแบบนี้หลายตอน จนปาไปเกิน 60 ตอนแล้วมั้ง  ซึ่งข้อเสียการ์ตูนแนวนี้ก็คือมันอาจไม่มีมุกอะไรมากมาย อีกทั้งหากทำแบบนี้นานๆ อาจทำให้คน (หื่น) เบื่อได้

    โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่ชอบฉาก “เอากัน” ไม่ว่าจะเป็นแบบโจ้งแจ้ง (เห็นฉากเต็มๆ) หรือไม่โจ้งแจ้ง (เห็นไม่กี่ฉาก แค่ให้รู้ว่าตัวละครนั้นๆ เสียตัวไปแล้ว) สาเหตุที่มีฉากเอากันเมื่อไหร่ ก็ถือว่าเป็นสัญญาของ “ดราม่า” แน่นอน ซึ่งตัวอย่างก็มีหลายเรื่องด้วย ที่ตอนแรกๆ มาแบบรักใสๆ ไม่มีเรื่องเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง หากแต่มาตอนกลางเรื่องเท่าไหร่ พระเอกที่ว่าไก่อ่อน กลางเป็นหื่นของจริง เปิดซิ่งให้ตัวเองหลุดพ้นความบริสุทธิ์กับผู้นั้น (อาจมีนางเอกหรือนางรองก็แล้วแต่) เรื่องก็เริ่มไม่สนุกแล้วครับ จากรักใสๆ กลายเป็นดราม่า และบางทีอาจบทสรุปที่เลวร้าย ถึงขั้นโศกนาฏกรรมแน่นอน การ์ตูนสายมืดไม่ทำไหร่หรอก แต่หากเป็นพวกสีเทา สีสว่างนี้ ร้อยทั้งร้อยเป็นแบบนั้นครับ (นอกจากเป็นกรณีใกล้จะจบ แต่งงานกันแล้ว เป็นต้น)

    สาเหตุที่ “ฉากเอากัน” เป็นสัญญาณของดราม่า มี 2 สาเหตุครับ ตอนแรกคือต้องการสื่อว่าตัวละครที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ยังไม่สามารถเลี้ยงดูตนเองได้ การได้กับผู้หญิง เท่ากับว่าตนเองต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูผู้หญิงคนนั้น ซึ่งแน่นอนมันเป็นไปไม่ได้เลย ทำให้การ์ตูนต้องการสื่อออกมาในเชิงดราม่าเพื่อให้ผู้อ่านเห็นว่าทำอะไรรู้จักคิดซะบ้าง (อย่าง Scool day นั้นแหละ)

    อย่างที่สองการมีอะไรกันกับตัวละครทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รักกันแน่นแฟ้น (ประมาณว่าไม่ได้แต่งงาน หรือยังไม่คบแบบรู้จักกันดี) ยังไม่ได้เคลียร์ปัญหาหัวใจกัน พระเอกยังมีผู้หญิงอีกคน อันนี้ไม่ต้องพูดมากมายอะไร ดราม่ามาเแน่นอน

    นี่คือสิ่งที่ผทมอยากฝากถามคนคนอ่านการ์ตูนให้คิดด้วยครับ ว่าคุณอยากให้พระเอกเรื่องนี้เสียความบริสุทธิ์หรือไม่? ซึ่งผมขอบอกว่าดราม่าแนวแบบนี้มันไม่สนุกเลยสักนิด เชื่อผมเถอะ ตัวอย่างก็มีให้เห็นแล้วครับ

      

    ก่อนที่จะพาเรื่องออกไปไกล ผมก็ขอบอกในที่นี้ผมว่าไม่สนับสนุนให้พระเอกในเรื่อง “เอากัน” ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงคนใด เพราะกลัวดราม่า อังนั้นสิ่งที่ผมลุ้นสุดๆ ในการ์ตูนเรื่องนี้ ตรงกันข้ามกับคนอื่นเลยครับ ว่าลุ้นพระเอกจะเสียบริสุทธิ์หรือเปล่า ล้วนขนาดเพ้อออกมาว่า "อย่าเอากันน่ะ ไม่งั้นดราม่า"

    พูดตามตรง ตรงที่พระเอกภารกิจล้มเหลวนี้ ผมโครตโล่งใจเลย

    Minamoto kun monogatari ใช้เทคนิคของ Cliff Hanger มาใช้อย่างลงตัวและมีประสิทธิภาพมาก ด้วยเทคนิค Cliff Hanger ซึ่งหมายถึง “น่าตื่นเต้นจนต้องลุ้นต่อไป” โดยเป็นการแต่งนวนิยาย เป็นตอน ๆ ที่ตื่นเต้นตรึงจิตใจคน จดใจจดจ่อ ลุ้นว่าอะไรจะเกิดขึ้น เนื่องจากคาดเดาไม่ได้   แต่ตอนที่ว่าดันฉากท้ายของตอนดันตัดจบและขึ้นหัวข้อว่า “โปรดติดตามตอนต่อไป” (หรือตัดดเข้าโฆษณา) จนอารมณ์ค้าง ชนิดว่าหลังลังอ่านจบตอน สมองของเรายังคิดตลอดเลยว่าตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร จะออกมาดีหรืออกมาร้าย ตอนหน้าจะเป็นยังไงต่อ จะเกิดอะไรขึ้น เดาใจคนเขียนไม่ได้เลย บางคนรอไม่ไหวถึงขั้นเก็บไปฝันเลยทีเดียว (เช่น ผมเป็นต้น)

                     Cliff Hanger ส่วนมากใช้กับหนังแอ็คชั่นยุคแรกๆ ประมาณช่วงต้นทศวรรษที่ 1900 ซึ่งเป็นยุคหนังเงียบ  ที่ฉายเป็นตอนๆ มักจบฉากที่พระเอกและนางเอกตกอยู่ในอันตราย อยู่ในสถาวะที่กลื่นไม่เข้าคายไม่ออก ล้อแหลม หรือเจอฉากที่น่าตกใจก่อนที่จะ  ซึ่ง  Cliff หมายถึง หน้าผา  ส่วน Hanger หมายถึง เกาะ แขวน รวมกันก็คือเกาะหน้าผา ซึ่งเป็นฉากพระเอกห้อยตัวลงมาจากหน้าผา  )ฉากอันแสนคลาสสิกที่พบเห็นทั่วไปในหนังแอ็คชั่นที่คนดูลุ้นมานักต่อนักว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป

                    Minamoto kun monogatari ไม่ใช่การ์ตูนแนวแอ็คชั่น แน่นอนเราไม่เห็นการต่อสู้ของตัวเอกแน่นอน (มีแต่ฉากต่อสู้บนเตียง) แต่กลับใช้ Cliff Hanger ให้ตื่นเต้น ไม่ว่าจะเป็นมังงะรายสัปดาห์ที่มีเพียง 8 หน้า (ไม่รวมหน้าปก หรือพิเศษอาจมีเพิ่มนิดหน่อย) แต่ละบทจะลงท้ายด้วยฉากตื่นเต้น เช่น “งานเข้า” หรือฉากเล้าลวมของพระเอกที่ทำได้ชวนหื่นมาก ไม่ว่าจะเป็น จับ ดม เลีย เหงื่อ หอบ ชนิดเรียกว่าสมจริง ขอบอกว่าคนดูลุ้นฉากนี้มาก เพราะทำถึงพริกถึงขิง เกินระดับธรรมดาไปแล้ว ตื่นเต้นชนิดที่เรียกว่า “เมื่อไหร่พวกเอ็งจะเอากันสักทีว่ะ!!” (เพราะลวนลามเม่งปาไป 3 ตอน) และก็ตัดตอนที่กำลังจะเอากัน....

                    อย่างไรก็ตาม แม้พระเอกจะหื่นๆ เล้าลวม แต่ปราการสุดท้ายของพระเอกก็พังทลายอยู่ดี เมื่อมีมารผจญ หรือที่เรียกว่า Moment Killer

                    ถ้าแปลตรงตัว Moment Killer แปลว่า “นักฆ่าช่วงเวลาสำคัญ” หรือ “ตัวขัดจังหวะ” นั้นเองครับ พบมากในการ์ตูนหื่นและอีโรติก ที่พระเอกกับตัวละครสาวๆ กำลังอยู่ในช่วงเวลาเข้าได้เข้าเข็น ตื่นเต้น เช่น กำลังจะจูบ กำลังเอากัน หากแต่มีเหตุการณ์หรืออะไรสักอย่างทำลายจังหวะที่ตื่นเต้นนั้น สุดท้ายก็แห้วไป อีกทั้งยังทำลายบรรยากาศโรแมนติกไปด้วย ซึ่งการ์ตูนเรื่องนี้มีตัวทำลายบรรยากาศจนคนอ่านเซ็งไปทั่วหน้าอย่างมีประสิทธิภาพไม่ว่าจะเป็น มีคนมาขัดจังหวะ หรือพระเอกหมดอารมณ์ในช่วงเวลาสำคัญเป็นต้น

                    นี้แหละครับเทคนิคของการเขียนการ์ตูนเรื่องนี้ที่สามารถนำไปต่อยอดนำไปดัดแปลงไปใช้ประโยชน์อะไรมากมาย (ไม่ว่าจะเป็นการเขียนการ์ตูน หรือเขียนนิยาย)  แต่เชื่อเลยครับ หลายคนคงไม่มองด้านนี้หรอก ต่อให้ผมชำแหละเทคนิคการเขียนการ์ตูนเรื่องนี้ละเอียดมากมายเพียงใด ผมเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยไม่สังเกต ไม่สนใจหรอก เพราะสิ่งที่หลายคนดูการ์ตูนเรื่องนี้ว่าเมื่อไหร่พระเอกจะเสียความบริสุทธิ์อยู่ดี เห็นได้จากเวลาสปอยก็มีคนบ่นๆ อารมณ์ประมาณว่ากรูเซ็ง แต่เซ็งแค่ไหนก็จะดู เพราะเทคนิคการ์ตูนตื่นเต้นตัดจบตอนนี้แหละทำให้หลายคนมีความรู้สึกคาใจอยากอ่านต่อแม้ว่าจะรู้ว่าพระเอกนัี้นชาตินี้คงไม่ได้แอ้มใครได้นั้นเอง

                    เสียดาย ความจริงการ์ตูนเรื่องนี้มีอะไรนอกเหนืออะไรจากหื่นๆ เพราะมีเนื้อหาการ์ตูนคือการดัดแปลงตำนานรักของเกนจิเข้ากับยุคปัจจุบัน อีกทั้งยังสอนอะไรหลายๆ อย่าง เป็นต้นว่า การจีบสาว การพัฒนาจิตใจของตัวละคร แต่เพราะความหื่นนั้นดันมาบดบังคุณค่าในเรื่องนี้อย่างน่าเสียดาย

                    ผมมานั่งๆ คิดดู สาเหตุที่พระเอกล้มเหลวไม่เป็นท่านั้น นอกเหนือตัวขัดจังหวะแล้ว ก็น่าจะมีสาเหตุมาจากจิตใจที่ยังไม่สามารถเอาชนะความหวาดกลัวผู้หญิงไม่ได้ในอดีตของพระเอก ที่ดนผู้หญิงข่มตลอด ขนาดปัจจุบันก็โดนคุณอาบงการ แบบนี้พระเอกคงยากจะมีความรักแท้หรอกครับ หากไม่ปรับปรุงตัวเองให้เข้าจิตใจผู้หญิงเสียก่อน (แต่คนอ่านอยากให้พระเอกเล่นผู้หญิงสักคน จนลืมจุดประสงค์สำคัญของการ์ตูนเรื่องนี้นั้นคือการพัฒนาจิตใจของพระเอก)

                    คนแรกที่พระเอกต้องจีบคือ “โมโมะโซโนะ อาซะฮิ” ที่มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้อง (อายุมากกว่า) ของพระเอก ซึ่งอาของพระเอกเปรียบเทียบอาซะฮิว่าเหมือน “อะสะงะโอะ” หนึ่งในตัวละครจากเรื่องตำนานรักเกนจินั้นเอง

                    ความจริงแล้วผมแทบไม่รู้จักตำนานรักเกนจิเลยสักนิด (อย่างมากก็เห็นการ์ตูนมังงะตาหวานชื่อเรื่องแบบนี้เหมือนกัน) เลยไปหาข้อมูลก็พบว่ามันมีรายละเอียดที่ซับซ้อนและยาวมากๆ (ยาวยิ่งกว่าแฮรี่ พ็อตเตอร์ 7 เล่ม) เพราะเป็นงานเขียนญี่ปุ่นโบราณ คร่าวๆ คือเป็นงานเขียนของ “มุราซากิ ชิคิบุ” นางข้าหลวงในราชสำนักญี่ป่นสมัยเฮอัน ซึ่งถือว่เป็นนวนิยายที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งเรื่องเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตในราชสำนักและเจ้านายชั้นสูงในสมัยเฮอันโดยมีตัวเอกชื่อ “ฮิคารุ เกนจิ” ซึ่งมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมากมายแตกต่างกันไปถึง 14 คน ซึ่งมีทั้ง สุข สมหวัง ดราม่า  เศร้า สูญเสีย ฯลฯ

                    ตำนานรักเกนจินั้นถูกสร้างเป็นมังงะและอนิเมะมาแล้ว แต่เป็นการ์ตูนสำหรับผู้หญิง ดังนั้นจริงไม่แปลกแต่อย่างใดที่ผู้ชายจะไม่รู้จัก

                    สังเกตว่าอาของพระเอกนั้น เปรียบพระเอกเหมือนเกนจิ ตรงที่หน้าหวาน อย่างไรก็ตาม จากการเปรียบเทียบระหว่างพระเอกกับ ฮิคารุ เกนจิ ก็พบว่ามีความแตกต่างกันมากเพราะฮิคารุ เกนจิมีความหมายว่าท่านเกนจิที่งดงามเฉิดฉายราวกับแสงอาทิตย์ ตัวละครเอกเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลม หน้าตาหล่อเหลาเอาการ  และเป็นเจ้าชายที่เหล่าหญิงสาวทุกต่างตกหลุมรัก ถูกเลี้ยงดูแบบเจ้าชายชนชั้นสูง (อาจถูกถอดยศบ้าง) ส่วนพระเอกนั้นมีดีตรงหน้าหวานและความแคะสูงเท่านั้น นอกนั้นแทบไม่มีอะไรเลยเด่นเลย ไม่ว่าจะเป็นประวัติชีวิตที่แสนจะไม่สวยหรู (โดนพวกผู้หญิงแกล้ง, พ่อมีเมียใหม่, อยู่กับอา) แถมเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามต่ำมาก

     

                    ก้าวแรกของพระเอกที่จะตามรอยพี่เทพตกสาว โดยมีคุณอาเป็นกุนชื่อให้ ขั้นแรกพระเอกต้องคุ้นเคยชินกับร่างกายผู้หญิงเสียก่อน เนื่องจากพระเอกไม่มีมีปฏิสัมพันธ์กับผู้หญิงเลยสักนิด แถมไม่เคยรู้สึกดีๆ อะไรผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย

                    แต่อนิจจาเพื่อให้พระเอกคุ้นเคยกับเพศตรงข้ามเร็วขึ้น อาพระเอกเลยจูบพระเอก พร้อมให้พระเอกจับหน้าอก จนหน่ำใจ จนพระเอกของเรากลายเป็นจอมหื่นเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นพระเอกก็ถูกอาสั่งให้พระเอกไปนัดเดตกับลูกพี่ลูกน้องดูและสังเกตว่าเธอชอบและไม่ชอบอะไรจะได้วางแผนถูก

                    พระเอกเข้าหาลูกพี่ลูกน้องอย่างง่ายดาย เพราะฝ่ายตรงข้ามก็ไม่มีประสบการณ์เรื่องผู้ชายเหมือนกัน แต่อนิจจาการออกเดตครั้งแรกที่โรงหนังพระเอกดัน พระเอกมันดันหื่นจูบลูกพี่ลูกน้องแบบไม่ตั้งตัว เลยโดนลูกพี่ลูกน้องตบและโมโหตามระเบียบ

                    นึกถึง School day เลยครับ มาโกโตะล้มเหลวการออกเดตครั้งแรกเพราะดันไปหื่นกับโคโตเมะเหมือนกัน เนื่องจากทั้งพระเอกและมาโกโตะไม่เข้าใจจิตใจผู้หญิง และแน่นอนเมื่อพระเอกเอาเรื่องนี้ไปถามอา ก็โดนอาด่าว่า “แกมันก็แค่สัตว์เดรัจฉานหวังงาบผู้หญิงเท่านั้นแหละว่ะ” และเมื่ออาด่าพระเอกเสร็จ อาก็เดินตามซ้ำรอยกับเซไค ด้วยการให้พระเอกลวมลามหน้าอกตาเต็มที่ (เพื่อให้ชินกับผู้หญิงและฝึกพิเศษ?!) เรียกว่าเป็นบุญตาสำหรับผู้ดูเป็นถ้วนหน้า เพราะหน้าอกอาพระเอกทั้งขาและอวบ

                    ในต่อมา อาของกระเอกก็เดินตามรอยเซไคอีกรอบ ด้วยการไปคุยกับลูกพี่ลูกน้องแก้ตัวแทนพระเอก โดยบอกว่าผู้ชายแบบนี้น่ะมันธรรมดา ขนาดสมัยเกนจิเองก็มีเรื่องทำนองนี้เหมือนกัน อีกทั้งใจจริงเธอก็ชอบพระเอกเหมือนกันใช่เปล่า

                    จากนั้นพระเอกก็ตามรอยมาโกโตะ (สรุปคือเอ็งจะเข้ารูทเรือสวยแบบ  School day เรอะ!!) ด้วยการง้อขอโทษเธอทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความมาหา ไปจนถึงดักรอหน้ามหาลัยเพื่อขอโทษลูกพี่ลูกน้อง ก่อนที่พระเอกจะได้รับเชิญชวนให้ไปบ้านของเธอในวันถัดไป

                    เหมือนเอาเรื่องของ School day มาพูดอีกรอบ ดังนั้นขอพูดคร่าวๆ ว่าพระเอกนั้นลัดขั้นตอนไปหน่อย ซึ่งอาของพระเอกบอกแล้วว่าคุยเป็นค่อยไป ดูก่อนว่าเธอชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ดูความรู้สึกผู้หญิงด้วย แต่อนิจจาพระเอกก็หื่นเหมือนคนอ่าน ไม่ชอบรอคอย อยากได้เดี๋ยวนี้ หื่นทันทีทันใด ผลก็คือล้มเหลวไม่เป็นท่า


     

                    เมื่อถึงเวลานัดวันเสาร์ พระเอกก็ได้ไปบ้านของลูกพี่ลูกน้อง ตอนแรกๆ ลูกพี่ลูกน้องทำเป็นซึน ไม่สบตา ไม่พูดคุยกับพระเอก แต่วันนี้พระเอกพกความใจกล้า (หน้าด้าน) บุกไปประชิดตัวลูกพี่ลูกน้อง จัดการจูบแบบดูดดื่ม เลยต้นคอสร้างอารมณ์ จากนั้นก็เริ่มเลียทั่วตัว เลียหัวนม ดูดนม แม้ลูกน้องปฏิเสธพยายามถอยถามแต่เจ้าพระเอกยังตามไปสร้างอารมณ์ งับติ่งหู จับโน้นจับนี้ สร้างอารมณ์ต่อไป

                    พูดได้เต็มปากว่า การ์ตูนเรื่องนี้ฉากสร้างอารมณ์ปาไป 4 ตอนแล้ว

                    หลังจากสร้างอารมณ์ไปหลายตอน และแล้วก็ถึงจุดไคแม็กซ์ เมื่อลูกพี่ลูกน้องเริ่มอ่อนยวบ ก่อนที่จะพูดกับพระเอกว่า “ช่วยอ่อนโยนกับฉันด้วย” ซึ่งแปลว่าเชิญชวน พระเอกได้ยินก็ตื่นเต้น บรรจงแบกลูกพี่ลูกน้องเข้าห้อง ปิดหน้าต่าง หากแต่ระหว่างที่พระเอกกำลังสาระวนถอดเสื้อลูกพี่ลูกน้องเพื่อเอากันอยู่นั้นเองคุณอาและแม่ของลูกพี่ลูกน้องก็กลับมาขัดจังหวะเสียก่อน เป็นอันว่าภารกิจแอ้มลูกพี่ลูกน้องเป็นอันล้มเหลวไม่เป็นท่า

                    ส่วนทางด้านคนดูนั้นขึ้นสรรค์ไปตั้งแต่ฉากลวนลามลูกพี่ลูกน้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แน่นอนหลังฉากพระเอกทำภารกิจล้มเหลว นับจากนั้นมาไว้ว่าคนอ่านไทยหรือฝั่งก็เริ่มออกมาบ่นๆ กันแล้วว่า พระเอกกาก พระเอกไก่อ่อน เซ็ง  ฯลฯ

     

                    หลังจากวันที่ภารกิจผิดพลาด ลูกพี่ลูกน้องได้บอกกับพระเอกว่าเธอตกลงที่จะแฟนพระเอก หากแต่มีข้อแม้ว่าต้องไม่มีเรื่องทางเพศมาเกี่ยวข้อง ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ในตอนนี้ หากแต่พระเอกปฏิเสธ ซึ่งะฃพูดตามตรงว่าผมแอบเกลียดพระเอกขึ้นมาแว่บหนึ่ง

                    ไม่รู้ว่าพระเอกไม่อยากแตะบอล หรือทำตามชี้แนะของอากันแน่ แต่อาได้แนะนำพระเอกว่าตอนนี้อย่าพึ่งไปสนใจลูกพี่ลูกน้องดีกว่า ควรไปหาผู้หญิงคนใหม่คนที่สอง เพื่อให้ลูกพี่ลูกน้องหึ่งและกลับมาสนใจพระเอกอีกครั้ง ซึ่งผู้หญิงคนที่สองเป็นสาวร้อนแรง แต่เป็นลูกติดพ่อ

                    อย่างไรก็ตาม อารมณ์พระเอกกับสาวลูกติดพ่อนั้น เหมือนกรณีลูกพี่ลูกน้อง ที่อาจะอีโรติกให้พระเอกเก็บเกี่ยวประสบการณ์ก่อน จากนั้นก็เริ่มของจริง

                    แต่คราวนี้สาวลูกติดพ่อแตกต่างจากกรณีลูกพี่ลูกน้องนิดๆ หน่อย ตรงที่คราวนี้สาวเป็นฝ่ายรุก-นำพระเอกแทน  ซึ่งผมวิเคราะห์ว่าพระเอกนั้นคงไม่ชอบผู้หญิงเป็นฝ่ายนำ แม้จะถึงขั้นเรือจะจอดเทียบท่าอยู่แล้ว (พูดง่ายๆ อยากอีโรติกจนเกือบเรตสุดๆ) แต่เมื่อสาวพูดคำว่า “พ่อจ๋า” เท่านั้นแหละ พ่อพระเอกอ่อนแรงทันที เป็นอันภารกิจล้มเหลวอีกครั้ง และแน่นอนคนอ่านก็ไม่ลืมจะเม้นด่าพระเอกว่า พระเอกอ่อนกาก เซ็ง

                    ปัจจุบัน (ตอนที่เขียนบทความนี้) พระเอกกลับมาสานสัมพันธ์กับลูกพี่ลูกน้องอีกครั้ง หลังจากที่ห่างเหินไปหลายตอน (หลายวัน) โดยคราวนี้มีเพื่อนลูกพี่ลูกน้องเป็นแม่สื่อให้ ส่วนใครที่หวังอยากเห็นพระเอกจะได้แอ้มสาวหรือไม่นั้น ผมก็ตอบว่าเต็มปากเอาไว้ที่นี้ว่า การที่พระเอกจะทำสำเร็จได้นั้น ก่อนอื่นต้องเข้าใจผู้หญิงก่อน ไม่ใช่ว่าลวนลามผู้หญิงแล้วจะได้เสียกันซะที่ไหน มันไม่ใช่การ์ตูนโป๊สักหน่อย ที่สร้างอารมณ์ 2 ช่อง แล้วได้เสียกันง่ายๆ สักหน่อย

                    จากการวิเคราะห์การ์ตูนเรื่องนี้อาจไม่ใช่การ์ตูนฮาเร็ม พระเอกไม่น่าจะคบผู้หญิง 14 คนหากอารมณ์ของการ์ตูนยังเหมือนตอนที่ผ่านมา (เพราะมันไม่มีอะไรเล่นแล้ว)

                    ส่วนหลายคนถามว่าพระเอกจะได้เสียกับอาหรือเปล่า คำตอบของผมคือไม่ เพราะอาของพระเอกนั้นหากเปรียบเทียบในนิยายเกนจิ นั้นก็คืออาของพระเอกเปรียบเหมือนมุราซากิ ชิคิบุมากกว่า

                    สุดท้ายสิ่งที่อยากบอกพวกไม่อยากแตะบอลและชอบบ่นการ์ตูนเรื่องนี้ว่า “เมื่อไหร่จะเอากัน” , “พระเอกกาก ไก่อ่อน กรูเซ็งกับการ์ตูนเรื่องนี้แล้ว” ฯลฯ ก็ขอตอบโต้ด้วยประโยคเชยๆ ว่า “ไม่ชอบก็ไม่ต้องอ่าน” ในเมื่อคุณไม่ชอบอารมณ์ของการ์ตูนเรื่องนี้เป็นผมก็ไม่อ่านหรอก และไม่เม้นแบบนี้ด้วย มันทำให้คนที่ชอบมาอ่านแล้วเสียความรู้สึก ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันในเมื่อพวกเอ็งไม่ชอบแล้วจะดูหาแมวอะไรว่ะ (หวังอะไรหรือเปล่าหว่า?)

                    เอาเป็นว่าใครที่ชอบการ์ตูนอีโรติก อารมณ์ของการ์ตูนที่ตื่นเต้นเร้าใจ อารมณ์หื่นและเสียอารมณ์หื่นตอนท้ายก็แนะนำการ์ตูนเรื่องนี้เลย

    พระเอกจะพัฒนาจิตใจได้หรือไม่ จะทำภารกิจกับลูกพี่ลูกน้องสำเร็จหรือไม่ ก็ติดตามต่อไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×