ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #226 : Nobita no Biohazard โดเรมอนตะลุยโลกซอมบี้

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 14.19K
      14
      31 มี.ค. 56

    พูดถึงโดจินเราอาจคิดแต่ด้านไม่ดีเกี่ยวกับมัน เพราะสำหรับคนไทยแล้วส่วนใหญ่มักมองโดจินว่าเป็นการ์ตูนแฟนผลงานที่วาดขึ้นเพื่อนสนองต่อราคะที่เนื้อหาเป็นการ์ตูนโป๊เสพอารมณ์ทางเพศหรืออารมณ์วิปริตทางจิตของมนุษย์

    ความจริงแล้วนั้นเป็นการเข้าใจผิด โดจินความหมายจริงๆ คือผลงานที่สร้างขึ้นโดยสมัครเล่น ที่นำการ์ตูนที่พวกเขาชอบว่าวาด มาเขียนเรื่องราวเพิ่มเติมเข้าไปตามจินตนาการของแฟนๆ นั้นเพื่อตอบสนองความต้องการของแฟนการ์ตูนระดับหนึ่ง โดยไม่หวังค้าขาย เช่น เราดูการ์ตูนเรื่องนี้ที่เราชอบมากๆ แต่ตอนสุดท้ายจบไม่ฮาเร็ม ทำให้เราเกิดความรู้สึกไม่พอใจ เลยแต่งโดจินขึ้นเพื่อเปลี่ยนฉากจบใหม่ให้จบฮาเร็ม และนำไปขายให้เหล่าคนอื่นๆ เพื่อเผยแพร่ความรู้สึกของเราและแลกเปลี่ยนสนทนากันเป็นต้น

    โดจินไม่ใช่ด้านลบอย่างที่หลายคนคิด นักเขียนโดจินมากมายแจ้งเกิด บางคนมีรายได้จากการเขียนโดจินด้วยซ้ำ และที่สำคัญยังมีโดจินอีกมากที่ไม่ใช่การ์ตูนโป๊

    และนอกจากนั้นโดจินไม่ใช่มีแค่มังงะ โดจินนั้นมีทั้งอนิเมะ นิยาย  หนังสือรวมภาพหรืองานศิลปะ ไปจนถึงวีดีโอเกม ซึ่งโดจินบางเรื่องสามารถทำสิ่งที่เป็นไปได้ให้เป็นไปได้มาแล้ว อย่างเกมนี้เป็นต้น

     

    Doraemon - Nobita no Biohazard

     

    ใครจะคาดคิดล่ะครับว่าการ์ตูนญี่ปุ่นขวัญใจครอบครัวทุกยุคทุกสมัยอย่างโดเรมอนจะมารวมญาติกับอภิมหาเกมแอ็คชั่นสยองขวัญคลาสสิกตลอดกาลอย่างไบโอฮาซาร์ดได้อย่างลงตัว (เหรอ?) จนกลายเป็นเกม Doraemon Nobita's BIOHAZARD

    พูดถึงโดเรมอนเชื่อว่าในที่นี้หลายคนรู้จักกันดีว่าเป็นการ์ตูนสำหรับทุกเพศทุกวัยซึ่งเป็นผลงานทั้งชีวิตของฟูจิโกะ เอฟ. ฟูจิโอะที่สร้างสรรค์ผลงานจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต  โดยโดเรมอนนั้นเป็นหุ่นยนต์แมวมาจากโลกอนาคตในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 22 ที่ได้ย้อนเวลามาเพื่อมาช่วยเหลือโนบิตะให้มีอนาคตที่สดใส ซึ่งเนื้อหาเชื่อว่าหลายคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว

    เนื้อหาโดเรมอนส่วนใหญ่จะเป็นจบในตอน การดำเนินเรื่องส่วนใหญ่จะเป็นโดเรมอนจะเอาของวิเศษ (ของเล่นจากอนาคต) มาช่วยแก้ปัญหาต่างๆ กับโนบิตะ (ไม่ว่าจะเป็นการเรียน หรือการถูกกลั่นแกล้ง) ซึ่งแต่ละตอนจะจบแตกต่างกันออกไปไม่ว่าจะเป็นการจบแบบพัฒนาจิตใจของโนบิตะหรือจบแบบกรรมตามสนอง ซึ่งขึ้นอยู่กับทิศทางการใช้ของโนบิตะว่าจะใช้เพื่อตนเอง (แบบเกรียนๆ) หรือเพื่อคนอื่น

    ด้วยความเรียบง่ายและเปี่ยมไปด้วยจินตนาการสร้างสรรค์ ตัวละครที่มีเสน่ห์ ไม่ว่าจะเป็นบิตะที่โง่ทึบและขี้ขลาด, โดเรมอนหุ่นตัวอ้วนกลมสีน้ำเงิน, ไจแอนด์เด็กเกเรหัวโจ๊กแต่นิสัยจริงใจและรักเพื่อน, ซูนิโอะขี้อวดรวย, ซิซูกะมองโลกสวย ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้กลายเป็นการ์ตูนที่อยู่ในใจของคนทั่วโลกตลอดกาล

    นอกจากนี้โดเรมอนยังถูกสร้างเป็นภาพยนตร์จอเงิน ที่สร้างเนื้อหาเรื่องราวของโดเรมอนกับผองเพื่อนผจญภัยในดินแดนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ใต้มหาสมุทร โลกโบราณ ไปจนถึงดินแดนจิตนาการที่ไม่มีใครรู้จักมากมาย

    แต่ใครจะคิดล่ะครับว่าโดเรมอนจะไปผจญภัยโลกสยองขวัญอย่างซอมบี้!!

     

    ล้อเกมไบโอ 1 ชัดๆ

     

    Doraemon - Nobita no Biohazard เป็นเกมโดจินที่สร้างโดยโปรแกรมสร้าง RPG โดย aaa ซึ่งเป็นเกมโดจินวงในที่ไม่ได้แพร่หลายเท่าไหร่นัก แต่กระนั้นก็มีภาครีเม็กและมีหลายภาคเหมือนกัน (แต่คนทำไม่ใช่เจ้าเดิม) และด้วยความรู้จักน้อย ผมเลยไม่มีข้อมูลสำหรับเกมนี้มากนัก

    เนื้อหาโดเรอมนตะลุยแดนซอมบี้มีหลายเวอร์ชั่น แต่เวอร์ชั่นแรกๆ (ที่ต่อมาก็เอาเนื้อหาเกมมาเขียนเป็นโดจินมังงะ) นั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 กรกฏาคม 2004 (ไม่รู้เป็นวันอะไร เดาว่าเป็นวันที่เกมเสร็จมั้ง) ซึ่งเป็นวันแรกของฤดูร้อน โดเรมอนได้พาพวกโนบิตะไปเล่นบนเกาะร้างด้วยประตูที่ไหนก็ได้ พวกเขาเล่นสนุกจนเวลาผ่านไประยะหนึ่ง (ประมาณ 3 วัน)  จากนั้นพวกเขาก็กลับบ้าน

    หลังจากที่พรรคพวกของโนบิตะแยกย้ายไป โนบิตะกับโดเรมอนก็เริ่มสังเกตว่าบ้านเงียบผิดปกติ ในขณะที่พวกเขาตามหาครอบครัวอยู่นั้น เขาก็พบแม่ที่ข้างล่างของตัวบ้าน หากแต่แม่ไม่ใช่คนที่โนบิตะรู้จักอีกต่อไปแล้ว เพราะตอนนี้แม่ได้กลายเป็นซอมบี้และกัดกินซากศพของพ่อจนไม่เหลือซากอย่างสยดสยอง

    ระหว่างที่โนบิตะกำลังสับสนอยู่นั้น ซอมบี้แม่ของโนบิตะได้พุ่งมาหวังจะทำร้ายโนบิตะ โนบิตะจึงหนีออกนอกบ้าน ระหว่างทางเขาพบว่าเมืองที่เขารู้จักตอนนี้ได้กลายเป็นเมืองที่ซอมบี้เพ่นพ่านไปแล้ว โนบิตะเลยคิดหาสถานที่ปลอดภัย (ระหว่างดร็อปปืนด้วย แถมใช้เทพอีก ทักษะยิงปืนโนบิตะแม่นอยู่แล้วนี้น่า) และสถานที่เขาคิดได้ในตอนนี้คือโรงเรียนที่เขาอยู่ (แปลกไม่เหมือนใคร ในขณะที่การ์ตูนซอมบี้อื่นๆ ตัวเอกพยายามหนีจากโรงเรียนที่เต็มไปด้วยซอมบี้ แต่เรื่องนี้มาโรงเรียนซะงั้น)

    เมื่อโนบิตะมาถึงที่โรงเรียนก็กลายเป็นสถานที่แห่งความตายไม่แตกต่างจากที่อื่นๆ  มีซอมบี้และศพเกลื่อนไปทั่ว แต่ก็ยังดีที่โนบิตะได้พบกับเพื่อนสนิทเขาไม่ว่าจะเป็นไจแอนด์, ซูเนโอะ, ซิซูกะ, เดคิสุงิ (เด็กฉลาดประจำห้องที่โนบิตะเรียน) เด็กสวมหมวกยาสึโอะ และสาวน้อยคาดหัว มินะ ซึ่งสาวน้อยที่คาดหัวนี้แหละคือนางเอก ไม่ใช่ซิซูกะ และยิงปืนเทพจริงๆ สรุปเธอเป็นใครกันแน่เนี้ย

    ต่อมาพวกโนบิตะก็พบโดเรมอน (ซึ่งทุกภาคของเกม โดเรมอนแทบไม่มีประโยคเลย บางเวอร์ชั่นเป็นบอสใหญ่ด้วยซ้ำ)  ก็พบว่ากระเป๋าโดเรมอนพังไม่สามารถหยิบของวิเศษอะไรได้ (ทำไมโดเรมอนถึงไม่กลับไปในอนาคตเอาอาวุธดีๆ มาถล่มหรือไม่ก็ใช้กระเป๋าสำรองก็ไม่รู้)

    จากนั้นก๊วนเด็กประถม (ที่ไม่รู้เอาปืนมาจากไหนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นช็อกกัน ปืนพก แถมยิงปืนเก่งทั้งที่ไม่ต้องฝึกฝนด้วยซ้ำ) ก็ออกจากโรงเรียนเพื่อไปหาสถานที่ปลอดภัยต่อไป แต่ระหว่างทางดันเจอฝูงหมาซอมบี้ (ในเกมไบโอเรียกพวกมันว่า เซอร์เบอรัส) ไล่กวาด ต้อนให้พวกโนบิตะเข้าไปยังปราสาทแห่งหนึ่งกลางป่าลึก (ซึ่งไม่รู้ไปอยู่ได้ยังไง ตอนไหนก็ไม่รู้ ไม่ใช่แรคคูนซิตี้สักหน่อยมาได้ยังไงหว่า) และนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด

     

     

    โดจิน Nobita no Biohazard ที่ผมไม่ทราบชื่อคนแปลหรือข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น

    (ใครอยากอ่าน ไปที่เว็บ g.e. เอาเองครับ)

     

    Nobita no Biohazard (หรือ Resident Evil) ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นการผสมระหว่างโดเรมอนและเกมไบโอฮาร์ดซาร์ด ซึ่งไม่ว่าจะคิดมุมมองไหนมันก็ไม่สามารถจับมาผสมได้เลยแม้แต่น้อยเพราะมันคนละแนว ต่างช่วงต่างเวลา แต่อย่างไรก็ตาม เพราะเกมโดจินสามารถทำเป็นไปได้ โดยโยงเรื่องทั้งสองให้เป็นเรื่องเดียวกัน

    ไบโอฮาซาร์ดเป็นเกมแอ็คชั่นผจญภัยสยองขวัญที่ออกแบบโดยชินจิ มิคามิ และพัฒนาโดยแคปคอม (ซึ่งตอนนี้ลาออกจากแคปคอมไปแล้ว ซึ่งภาคแรกๆ ในเพลย์สเตชั่นนั้นถือว่าเป็นภาคที่ดีที่สุดและเป็นตำนานก็ว่าได้ไม่ว่าจะเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์ การผสมเนื้อเรื่องระหว่างซอมบี้กับเรื่องราววิทยาศาสตร์และอสูรกายเข้าไปทำให้เนื้อหาน่าติดตามมาก

    เนื้อหาไบโอฮาซาร์ดภาคแรก (ยังมีภาคซีโร่แต่ไม่ขอกล่าวถึง) เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 24 กรกฏาคม 1998 หน่วยทีมอัลฟ่าที่ประกอบไปด้วยคริส เรดฟิลด์ (พระเอก), จิล วาเลนไทน์ (นางเอก), แบร์รี่ เบอร์ตัน, อัลเบิร์ต เวสเกอร์ และโจเซฟ ฟอรอสได้ออกค้นหาทีมบราโว้ที่ทำภารกิจกลางป่าแห่งหนึ่งแต่สัญญาขาดหายไป ที่นั้นพวกเขาพบแต่ซากเฮลิคอปเตอร์ และทันใดนั้นพวกเขาก็พบสิ่งมีชีวิตลึกลับโจมตี (หมาซอมบี้)โจเซฟเสียชีวิตทันที ส่วนชีวิตที่เหลือหลบหนีเอาตัวรอดจนเข้าไปยังคฤหาสน์แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่กลางป่า

    ที่คฤหาสน์กลางป่านั้นเองพวกคริสและจิลก็ได้พบความลับต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นทางเข้าลับหลังบ้านที่เป็นห้องทดลองลับชีวิภาพ ไวรัสที่ทำให้คนกลายเป็นซอมบี้ สัตว์ประหลาดทางชีวภาพ รวมไปถึงสุดยอดบอสน่ากลัวที่สุดในเกมอย่างไทแรนท์

    ไบโอฮาซาร์ดประสบความสำเร็จในเวลานั้น พร้อมกับสร้างตำนานอะไรหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นการควบคุม ที่ตอนแรกเริ่มหลายคนสับสนพอสมควรกว่าที่จะเข้าใจกับมันได้ ช่องเก็บไอเท็มที่เราสามารถเก็บของที่ต้องการไม่กี่อย่าง การต่อสู้กับซอมบี้ ไปจนถึงมอนสเตอร์ต่างๆ มากมาย นอกจากนี้ยังมีมุกมากมายที่ปรากฏในเกม เช่น จู่ๆ ซอมบี้ก็โผล่เข้ามา ฉากซอมบี้มองหน้าตัวเอก(ที่กลายเป็นฉากคลาสสิกในเกมไปแล้ว) การดำเนินเนื้อเรื่องที่เริ่มคลี่คลายเผผข้อมูลที่ล่ะเล็กทีละน้อยด้วยการอ่านเอกสารหรือบยันทึกที่อยู่ระหว่างเกม ไปจนถึงฉากเปิดประตูเสียงจะแหยงๆ (ความจริงแล้วมุกนี้มาจากเกมบ้านหวาน RPG สยองขวัญ่ที่พัฒนาโดยแคปคอมก่อนที่จะมีเกมนี้เสียอีก )

    จึงไม่แปลกที่คุณอ่านโดจินโดเรมอน ก็ต้องคุ้นกับหลายมุกที่มาจากไบโอฮาซาร์ดภาค 1 และ 2 ไม่มากก็ไม่น้อย

     

     

    มิโดริคาว่า มินะ นางเอกตัวจริงของโดเรมอนตะลุยซอมบี้

     

     แม้ว่า Nobita no Biohazard จะนำมุกไบโอฮาซาร์ดมาผสม แต่ระบบการเล่นไม่เหมือนเลย เพราะส่วนใหญ่วอร์ชั่นแรกๆ นั้นเป็น RPG ที่เรารับเป็นโนบิตะที่ต้องเผชิญหน้ากับซอมบี้ในเรื่อง (หลังๆ มาสามารถบังคับตัวละครอื่นๆ ได้)  แต่ไม่ใช่ว่ายิงแหลก บู๊ แต่อย่างใด เพราะส่วนใหญ่กระสุนมีจำกัด และเราต้องหลบมันหนีเป็นส่วนมาก ที่เหลือก็คล้ายๆ เกม RPG ที่เราต้องใช้ไอเท็มมาไขปริศนาเพื่อให้เนื้อเรื่องไปต่อ

    นอกจากนี้ Nobita no Biohazard ยังถูกนำไปสร้างเป็นโดจินมังงะ ซึ่งเท่าที่ดูภาพรวมลายเส้นอาจแปลกๆ ไม่คุ้นบ้าง เพราะโนบิตะหล่อเกิน (ฮ่า) อีกทั้งฉากสำคัญอย่างการสูญเสียบุคคลที่เรารักนั้นทำได้ห้วนๆ ไปนิด เพราะเด็กประถมทุกคนในเรื่องล้วนสูญเสียครอบครัว แต่ทำไมทุกคนถึงทำใจได้อย่างรวดเร็ว น่าจะมีคนจิตตกหรือประสาทแด๊กตามประสาการ์ตูนเอาตัวรอดสยองขวัญบ้าง โดยเฉพาะซูเนโอะบ้านรวยไม่ใช่เหรอ ทุกอย่างสูญวับไปกับตาเพียงไม่กี่วัน แต่ทำไมถึงทำใจอย่างรวดเร็ว และที่สำคัญตัวละครแต่ละคนจับปืนได้อย่างมืออาชีพ ไม่มือสั่นถือปืนเลยแม้แต่น้อย (อย่าลืมว่าเป็นแค่เด็กประถมน่ะครับ ไม่ใช้หน่วยรบพิเศษสักหน่อย)

    เอาเถอะ ในแง่อารมณ์การ์ตูนเอาตัวรอดสยองขวัญจะสอบตก แต่ผมก็ได้เห็นอะไรที่น่าสนใจกับโดจินเรื่องนี้ไม่มากก็ไม่น้อย

     

     

    Love Plus & Doraemon - Jittai Love Plus

     

    จะว่าไปนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดเรมอนถูกยำ สมัยก่อน ในบ้านเรายังไม่มีลิขสิทธิ์โดเรมอนเคยถูกนำมายำเข้าดราก้อนบอลมาแล้ว โดยเอาโดเรมอนเป็นเพื่อนกับโกคูพระเอกจากเรื่องดราก้อนบอล และเนื่องด้วยของวิเศษของโดเรมอนมันเทพเกินไป เลยเอามาใช้ต่อสู้ซะเลย คุณเคยเห็นไหมโดเรมอนสู้กับหน่วยรบกีนิว ตบหัวฟรีชเซอร์ ตอนเด็กนี้ดูสนุกหรอก พอโตมาดูอีกทีขำๆ ไงก็ไม่รู้ ทำไปได้น่ะ

    โดเรมอนนั้นเป็นการ์ตูนที่ถูกนำมาวาดเป็นโดจินเสมอ ไม่อยากพูดว่าล้อเลียนสักเท่าไหร่  เพราะโดจินบางเรื่องเนื้อหาดูจริงจังด้วย บางเรื่องล้อเลียนศาสดาเสื่อมอาเบะก็มี (ในพิมพ์ชื่อ [Kakougan] 自動車修理工ロボット (Doreamon ในกูเกิลหาเอาเองน่ะครับ)

    อย่างเกม Love Plus  เกมจีบสาวที่มาแรงก็มีการเอามาแต่งเป็นโดจินยำกับโดเรมอนแบบสนุกๆ ในชื่อตอน Love Plus & Doraemon - Jittai Love Plus โดยผู้วาดมิจิโระ อุเอยาม่า ผู้แต่ง Zoids เนื้อหาดังกล่าวก็ไม่มีอะไรมาก แค่มุกเดิมๆ โนบิตะเสียใจที่ชิซุกะไม่รักตน โดเรมอนเลยปลอบใจด้วยการควักเกมจีบสาวเสมือนจริงขึ้นมา และโนบิตะก็พบเด็กสาว 3 คนที่รูปร่างคล้ายตัวละครจาก Love Plus  ก่อนที่เรื่องจะจบลงเมื่อโนบิตะคิดก็อปปี้เกมเพราะอยากฮาเร็มมีสาวเยอะๆ แต่กลายเป็นว่าสาวสามคนไม่พอใจรุมต่อยโนบิตะซะงั้น เรียกได้ว่าโนบิตะอับโชคผู้หญิงทั้งชีวิตจริงและในเกมก็ว่าได้

     

     

    [Sashimiya] nobita no jinrui hokan keikaku

    (ลอกชื่อด้านบน หากูเกิลเอาเองน่ะครับ)

     

                 แม้แต่การ์ตูนในตำนานที่ไม่เกี่ยวข้องกัน ยังถูกมายำรวมกับโดเรมอน อย่างอีวานเกเลียนมหาสงครามวันพิพากษามาแล้ว ทั้งๆ ที่เป็นการ์ตูนคนละแนว ต่างลายเส้นกัน ก็เอามาทำได้ โดยเรื่องของเรื่องคือโนบิตะดูการ์ตูนเอวานเกเลียนแล้วรู้สึกชอบ โนบิตะเลยขอโดเรมอนให้เอาตู้โทรศัพท์ที่ขอก็อะไร มาให้โนบิตะขอให้เปลี่ยนโลกที่ตนอยู่ให้กลายเป็นเอวานเกเลียน

            เมื่อโลกของโนบิตะเปลี่ยนเป็นเอวานเกเลียน โนบิตะก็พบว่าตนเป็นกลายเป็นผู้ถูกรับเลือกให้ขับหุ่นยนต์ (ที่หุ่นยนต์กลับเป็นโดเรมอนซะงั้น) เพื่อต่อสู้กับสาวกที่มาทำลายบ้านเรือน และเขาก็พบตัวละครจากเอวานเกเลียนหลายคนอย่างชินอิจิ, เรย์ ฯลฯ จนกลายเป็นการยำที่ชวนหัวที่มีชะตาโลกเป็นเดิมพัน

     

     

    โนบิตะผู้ที่เป็นห่วงคนอื่นอยู่เสมอ แม้แต่เรย์ก็ปล่อยร้องไห้โฮแบบไม่อายใคร

     

    ไม่ว่าจะการ์ตูนต้นฉบับ เรื่องยาวจอเงิน จอแก้ว โดจิน จุดร่วมจะเหมือนๆ กันก็คือ การทำให้คนอื่นเห็นด้านดีของโนบิตะ

    พูดถึงโนบิตะแล้วหลายคนมักนึกถึงเด็กใส่แว่น หัวเกรียนที่นิสัยไม่เอาไหน (ยิ่งกว่าพระเอกในฮาเร็มอีก) กล่าวคือ ขี้แย ไม่เอาถ่าน อ่อนแอ ไม่เคยพึ่งพาตนเอง เรียนหนังสือแย่มากสอบได้ 0 คะแนนประจำ (ผมว่าโนบิตะอัจฉริยะน่ะ เพราะปกติเดาๆ มั่ว ก็ไม่น่าจะได้ 0 คะแนน มันต้องเทพจริงถึงจะได้ 0 คะแนน) ชอบนอนกลางวัน ชอบมาสายประจำ

    โนบิตะโง่เขลา ไม่ได้เรื่อง ชอบให้คนอื่นดูถูก โดนกลั่นแกล้ง ชีวิตของเอาแต่พึ่งโดเรมอน อะไรก็โดเรมอน อีกทั้งจะมีนิสัยเกรียนจัดมากหากมีอำนาจหรือพลังวิเศษโดยไม่สนผลที่ตามมาแต่อย่างใด  ดังนั้นจึงไม่แปลกที่หลายๆคนมักเอาตัวละครอย่างโนบิตะมาใช้เปรียบเปรยคนอื่นที่นิสัยไม่ได้เรื่องและให้คนอื่นช่วยอยู่เสมอ  

    อย่างไรก็ตาม โนบิตะกลับกลายเป็นตัวละครที่อยู่ในหัวใจคนทั่วโลก อีกทั้งโนบิตะไม่ใช่บุคคลที่มีแต่ด้านไม่ดีเสียหมด โนบิตะนั้นก็มีด้านดี คือเป็นคนรักสัตว์ ขี้สงสาร อารมณ์อ่อนไหว รักความถูกต้อง รักเพื่อน รักครอบครัว รักคนอื่น

    โดยเฉพาะนิสัยขี้สงสาร และทุ่มสุดตัวนี้โนบิตะจะโดดเด่นที่สุด

    เราจะเห็นหลายๆ ตอนที่เราเห็นโนบิตะเป็นผู้ให้ มากกว่าผู้รับ แม้กระทั่งคนที่โนบิตะพึ่งรู้จัก  โนบิตะก็จะทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยเหลือโดยไม่มีลังเล ยกตัวอย่างเช่นโดเรมอนจอเงินหลายภาค ที่ตัวละครเดือดร้อนเพราะมีปัญหาการเมืองในประเทศของตน (ถูกคนชั่วยึดครอง) โนบิตะก็ยินดีที่จะช่วยเหลือ แม้จะเสี่ยงถึงชีวิตก็ตาม

    อย่างโดจินโดเรมอนภาคเอวานเกเลี่ยนที่ผมเอามาให้ดู ในฉากคลาสสิกที่ชินอิจิช่วยเหลือเรย์ออกมาจากตัวหุ่นยนต์ยักษ์ (ในโดจินหุ่นที่เรย์ขับดันเป็นโดเรมีซะงั้น) ชินอิจิเมื่อเห็นเรย์ปลอดภัยเขาร้องไห้นิดหน่อยเพราะดีใจเรย์ปลอดภัย แต่เมื่อโนบิตะสลับบทชินอิจิ โนบิตะปล่อยร้องไห้โฮยิ่งกว่าชินอิจิเสียอีก แสดงให้เห็นว่าโนบิตะนั้นเป็นตัวละครที่ไม่เสแสร้งอารมณ์ความรู้สึกแม้แต่น้อย เขารู้สึกยังไงก็เป็นอย่างงั้น ไม่เก็บอารมณ์ นั้นคือข้อดีของโนบิตะ

    นอกจากนั้นโนบิตะยังเป็นคนมีความรับผิดชอบ ไม่เคยหนีปัญหา จากภาพยนตร์จอเงิน เราจะเห็นโนบิตะทำตัวเป็นพระเจ้าเปลี่ยนโลกและสร้างโลกด้วยความรู้สึกสนุก (เช่นเปลี่ยนโลกไซอิ๋ว, สร้างโลกเวทมนต์, สร้างโลกตุ๊กตายัดนุ่น) ผลคือเกิดปัญหาวุ่นวายตามมาบ่อยๆ แต่โนบิตะก็ไม่เคยหนี หรือทำลายโลกเหล่านั้น กลับกันโนบิตะจะทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยเหลือเพื่อนแม้ว่าสิ่งที่เขาทำจะไม่ได้รับผลตอบแทนอะไรก็ตาม

    พูดง่ายๆ คือโนบิตะต้องการให้คนอื่นมีความสุข มากกว่าตนเองนั้นเอง

    นิสัยของโนบิตะนั้นสะท้อนสังคมที่อยู่รอบตัวเรา จะพบว่าคนนิสัยแบบโนบิตะนั้นน้อยมาก คนที่ช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนไม่มีอีกต่อไปแล้ว ทุกวันนี้หลายคนช่วยเหลือคนเพื่อหวังผลตอบแทนไปหมด

    ครั้งหนึ่งเคยมีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ “วิถีโนบิตะ ชัยชนะของคนไม่เอาถ่าน” ซึ่งเขียนโดยคนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้โดเรมอน ที่ใช้เวลาในการศึกษาการ์ตูนโดเรมอนมานาน จริงจังถึงขั้นเขียนวิทยานิพนธ์ออก วิเคราะห์ตอนแต่ละตอนของโดเรมอนอย่างละเอียด

    หนังสือเขาวิเคราะห์ว่าแม้ว่าโนบิตะจะเอาแต่พึ่งโดเรมอนหลายครั้ง แม้หลายตอนโนบิตะจะพูดแล้วลงมือพยายามเพียงใดก็ตาม แต่ไม่นานก็พึ่งโดเรมอนอีก โดเรมอนก็ช่วยโนบิตะทุกครั้งด้วยการเอาของวิเศษออกมา แม้ของสิ่งวิเศษเหล่านี้จะแก้ได้ในช่วงแรกๆ แต่สุดท้ายกลับนำปัญหาใหม่เข้ามา ทำให้หลายครั้งเมื่อโนบิตะใช้เครื่องมือโดเรมอนเสร็จแล้ว เขาก็คิดได้ และเลิกใช้มันในที่สุด ไม่ใช่เข็ดแล้วไม่จำ (เป็นผลให้เครื่องมือบางอย่างปรากฏออกมาครั้งเดียวไม่ออกมาอีก)

    หนังสือยังวิเคราะห์อีกว่า โนบิตะพัฒนาตนเองไม่ใช่เพราะโดเรมอน หากแต่เป็นเพราะตัวเอง  ของวิเศษของโดเรมอนเป็นเพียงทางผ่านที่ทำให้โนบิตะค่อยๆ เรียนรู้ พัฒนาจิตใจ รู้ว่าสิ่งไหนดี หรือไม่ดี และมีประสบการณ์การมองโลกไม่เหมือนคนอื่น สักวันโดเรมอนก็ต้องจากไป  โนบิตะจำเป็นต้องพึ่งตัวเอง และนี้คือสาเหตุที่ทำให้โนบิตะประสบความสำเร็จในอนาคต

    โนบิตะก็คือคนธรรมดาเดินดิน ที่มีข้อบกพร่องของมนุษย์อยู่เต็มไปหมด การพัฒนาจิตใจนั้นอาจค่อนข้างใช้เวลาเรียนรู้ หากแต่โนบิตะเติบโตทั้งกายและจิตใจเมื่อไหร่ โนบิตะจะหล่อขึ้นสำหรับหลายคน อย่างเห็นในการ์ตูนภาคพิเศษต่างๆ ที่โนบิตะเติบโตดูแล้วน่าเชื่อถือ น่าคบ หลายคนรู้สึกชอบ จนลืมไปว่าตอนเด็กนั้นโนบิตะไม่ได้เรื่องแท้ๆ

    พูดง่ายๆ หากคุณสังเกตวิเคราะห์ดีๆ โนบิตะนี้ถือว่ามีสกิลของพระเอกแนวฮาเร็มเลย ดูได้จากภาคภาพยนต์จอเงิน ปักธงตัวละครพิเศษทั้งชายและหญิงเพียบ!!

     

     

    แน่ใจน่ะว่านี้คือโนบิตะ อย่างหล่อ!!

     

                    กลับมาเรื่องโดเรมอนตะลุยซอมบี้ต่อครับ แม้ว่าการ์ตูนโดจินนี้อาจไม่ที่สุดจากประสบการณ์ผมในการดูโดจินที่แล้วมา  แต่สิ่งที่ผมสนใจโดจินเรื่องนี้ก็คือโนบิตะแหละครับ ที่การ์ตูนเสนอด้านดีของโนบิตะล้วนๆ แทบไม่มีด้านไม่ดีของโนบิตะออกมาให้เห็นเลย

                    แน่นอนว่าสิ่งที่ผมแปลกใจที่อ่านโดจินเรื่องนี้ นอกเหนือจากอารมณ์ที่ขาดหายไปของแนวเอาตัวรอดแล้ว ก็คือโนบิตะแหละครับ เพราะว่าโนบิตะนั้นพัฒนาจิตใจรวดเร็วมาก ไม่สิมันพัฒนาจิตใจตั้งแต่แรก วินาทิที่รู้ว่าแม่เป็นซอมบี้และพ่อตายแล้วเลยก็ว่าได้ เรียกว่าโดจินนี้สลัดภาพโนบิตะที่เรารู้จักเลยครับ เพราะโนบิตะหล่อขึ้น (ฮ่า) เมพขึ้น มีความกล้าหาญ ตัดสินใจที่เด็ดขาด ความเป็นผู้นำ

                    หากพูดถึงแนวเอาตัวรอดเวลาตัวเอกเจอซอมบี้ เห็นคนที่เรารักตายนั้น ตอนแรกก็รับไม่ได้ก่อน พยายามคิดหนีโลกว่านี้คือความฝัน แต่ในกรณีของโนบิตะแล้วทำใจอย่างรวดเร็ว ตั้งสติ และประเมินผลสถานการณ์ และเริ่มฆ่าคน (ที่เป็นซอมบี้) เป็นครั้งแรก บางครั้งการผ่านประสบการณ์การฆ่าหรือนองเลือดนั้นทำให้เร่งจิตใจของคนเติบโตขึ้น

                    อย่างไรก็ตาม โนบิตะก็ยังคงเป็นโนบิตะเหมือนเดิมครับ คือขี้สงสารคนอื่น มีอยู่ฉากหนึ่ง โนบิตะเห็นเพื่อนตายต่อหน้า แต่แทนที่โนบิตะจะยิงหัวเพื่อนป้องกันเพื่อนเป็นซอมบี้เพื่อพ้นไป โนบิตะกลับล็อกประตูจากด้านนอกแทน พอมิยะสงสัยเลยถามโนบิตะว่าปล่อยไว้แบบนี้จะดีแล้วเหรอ ถ้าเราไม่ยิงเค้า เค้าอาจจะทำร้ายเราได้น่ะ

                    โนบิตะตอบแต่เพียงว่า “ฉันไม่กล้ายิงเพื่อนตนเองหรอก”

                    นี้แหละคือโนบิตะ ไม่ว่าจะอยู่สถานการณ์ไหน เขาห่วงเพื่อนก่อนเสมอ

                    ดูโดจินนี้ก็มานั่งคิดๆ ดู ว่ากลุ่มเด็กประถมนี้มีจิตใจกล้าหาญ รับมือสถานการณ์เลวร้ายได้ดีกว่าคนธรรมดาอีก เป็นผมเจอกิ่งก่ายักษ์ เจอสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์นี้ไม่กลัวเลย แถมยิงปืนนิ่งแม่นราวกับจับวาง ไม่รู้จะเทพไปถึงไหน (ชมน่ะไม่ใช่ประชด)

                    นอกจากนี้เราได้เห็นจิตใจดำมืดของพวกผู้ใหญ่ที่มองเห็นประโยชน์ส่วนตน มากกว่าประโยชน์ส่วนรวม สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง แทนที่จะรับผิดชอบ แต่กลายเป็นว่าพยายามปกปิดซะงั้น เหมือนสุภาษิตไทยว่า ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิดไม่มิดจริงๆ

                    สุดท้ายด้วยความรักเพื่อนของโนบิตะและความสามัคคีของเพื่อนพ้อง ก็ทำให้เพื่อนทั้งหมดในกลุ่มรอดตายครบทีม แน่นอนว่านั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ต้องเผชิญโลกกว้างที่เต็มไปด้วยซอมบี้เท่านั้น อนาคตของหนุ่มสาวขึ้นอยู่ในมือพวกเราแล้วล่ะ!!

                    สรุปคือ โดจินโดเรมอนตะลุยซอมบี้ยังมีหลายจุดที่บกพร่องไปบ้าง แต่กระนั้นก็แสดงให้เห็นว่าไม่มีอะไรเป็นไปได้ในโลกของโดจิน ที่สามารถจับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้มารวมกันอย่างไม่ขัดลูกตาเป็นอย่างใด

                    เอาเป็นว่าใครที่ขัดใจการ์ตูนเรื่องใดที่จบไม่ถูกใจ ดำเนินเรื่องขัดตาเรา ก็ลองวาด (แต่ง) โดจิน และนำมาโพสให้คนอื่นดูน่ะ บางทีคุณอาจจะเจอคอเดียวอย่างไม่รู้ตัว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×