ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #238 : Drifters ยำใหญ่บุคคลโลกจารึกผ่าโลกแฟนตาซี!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16.49K
      26
      3 ก.พ. 62

    สงครามถือว่าเป็นสิ่งที่อยู่กับมนุษย์ทุกยุคทุกสมัย เกิดขึ้นทุกทีทุกเวลา เกิดขึ้นทั่วโลก เมื่อปัญหาไม่สามารถแก้ด้วยวิธีสันติได้ สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการทำสงครามการใช้กำลัง เพื่อลิดรอนหรือกำจัดฝ่ายตรงข้าม นำไปสู่โศกนาฏกรรม ไม่ว่าจะเป็นสงครามเล็กหรือใหญ่ ล้วนเกิดความสูญเสียทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นชีวิตหรือทรัพย์สิน

    ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เกิดสงครามมากมายหลายสมรภูมิ แต่ละสงครามมีความบทบาทแตกต่างกันออกไป บางสงครามเปลี่ยนแปลงการเมือง การปกครอง และเปลี่ยนโลก  ทำให้โลกต้องจารึก สงครามที่เรารู้จักกันดี ก็เช่น โรมัน, สงครามนโปเลียน, สามก๊ก, การรวบรวมประเทศญี่ปุ่น, สงครามโลกครั้งที่สอง ฯลฯ

    แม้สงครามจะเป็นเรื่องโหดร้าย หลายคนไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่สำหรับหลายคนแล้วสงครามเป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจ การสอดแทรกปรัชญาสงคราม (เช่น “รู้เขารู้เรา รู้ร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง”) กลยุทธ์สงครามที่ใช้กำลังพลน้อยเอาชนะกองพลมากกว่า รวมไปถึงบทบาทการเมืองระหว่างสงคราม ความล้วนน่าตื่นตาตื่นใจทุกยุคทุกสมัย ทำให้หลายคนศึกษาเรื่องราวเหล่านั้นอย่างจริงจัง และนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ ส่วนบางเราได้สนุกกับการทราบเรื่องราวประวัติศาสตร์ผ่านบทเรียน บางคนมันกับการฆ่าฟัน แม้จะเป็นเพียงผ่านหน้าจอวีดีโอเกมไปจนถึงมังงะการ์ตูนก็ตาม

    เมื่อเกิดสงครามเมื่อใด เมื่อนั้นจะเกิดบุคคลสำคัญขึ้นมา บุคคลที่ว่านั้นสามารถเป็นได้ทั้งทรราช, วีรบุรุษ วีรสตรี  ขุนพล จอมโจร เสนาธิการ แม่ทัพ พระราชา เชื้อพระวงค์ ทั้งชายและหญิงที่มีวีรกรรมต่างๆ มากมาย จนเกิดตำนานที่ยังได้รับความสนใจปัจจุบัน

                    บุคคลสำคัญของโลก ไม่ว่าจะเป็น โนบุนากะจอมมารของญี่ปุ่น, ยูคิมูระนักรบเกราะแดง, โจนออฟแม่มดแห่งฝรั่งเศส และขุนพลอื่นๆ อีกมากมายล้วนเป็นเป็นที่รู้จักของใครหลายคน ทุกคนล้วนมีวีรกรรมการนำทัพ เทคนิคยุทธวิธี และการสร้างผลงานในสนามรบแตกต่างกันออกไป

                    แม้ว่าบุคคลสำคัญเหล่านี้จะอยู่ต่างยุคสมัยกัน แต่กระนั้นก็มีหลายคนมีความคิดเล่นๆ ว่าหากบุคคลสำคัญเหล่านี้เกิดอยู่ในยุคสมัยเดียวกัน และคุมทหารจำนวนมากทำสงครามกัน โดยใช้กลยุทธ์ของตัวเอง จะเกิดอะไรขึ้น ใครเก่งแน่

                    แน่นอนว่าความคิดเล่นๆ แบบนี้ก่อให้เกิดพล็อตจิตนาการเข้ามา โดยเฉพะสื่อบันเทิง มังงะ วีดีโอเกม (ภาพยนตร์นี้ผมไม่ค่อยเห็น) แล้วให้บุคคลประวัติศาสตร์สงครามเหล่านั้นชิงความเป็นหนึ่ง อย่างเช่นมีสร้างโลกหนึ่งขึ้นมา และให้เราควบคุมบุคคลประวัติศาสตร์จากยุคต่างๆ เพื่อชิงความเป็นหนึ่ง ใครอยากเห็นทัพพระเจ้าริชาร์ดใจชิงปะทะกองทัพของเจงกีสข่านนี้ก็ไม่ใช่ความฝันต่อไป

    เกริ่นมาตั้งตาม คราวนี้มาพูดถึงการ์ตูนที่ผมจะพูดถึงบทความนี้บ้าง เมื่อไม่นานผมได้อ่านการ์ตูนเรื่องหนึ่งชื่อแปลกๆ คือเรื่อง Drifters การ์ตูนยำใหญ่บุคคลในประวัติศาสตร์มาสู้กันในโลกแฟนตาซี

     

     ไฟล์: Drifters มังงะ cover.jpg

    Drifters

     

    Drifters เป็นการ์ตูนแอ็คชั่น แฟนตาซี ผลงานโดย Kouta Hirano เริ่มลงนิตยสาร Shonen Gahosha เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2009 (ปัจจุบันไม่จบ) ในประเทศไทยได้รับลิขสิทธิ์โดยสำนักพิมพ์สยามในชื่อ “Drifters  สงครามผ่ามิติ” โดยนื้อหาเป็นเรื่องราวของบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ในแต่ละประเทศ ทุกยุคทุกสมัย (ส่วนใหญ่เป็นของญี่ปุ่น) ถูกเรียกตัวมายังโลกแฟนตาซีเพื่อเหตุผลอะไรบางอย่าง

     

    Drifters เป็นการ์ตูนที่ผมพึ่งอ่านจริงๆ จังๆ ไม่นาน (จากการซื้อเล่ม 1 ของสยามนั้นแหละ) ทั้งๆ ที่การ์ตูนเรื่องนี้ออกมานานแล้ว แม้ว่าชื่อของคนเขียน Kouta Hirano (อย่าสับสนกับชื่อตัวละครใน Highschool of the Dead Wiki  แม้ว่าหน้าตาจะเหมือนก็ตาม) จะเป็นนักเขียนการ์ตูนที่บ้านเรารู้จักจากผลงาน Hellsing แต่ข้อเสียคือกว่าตอนใหม่จะมานี้ยาวนานมากๆ อย่าง อย่างผลงาน Hellsing (10 เล่มจบ)  เขียนตั้งแต่ 1997-2009 กว่าเล่มใหม่จะออกทิ้งช่วงจนผมลืมไปเลยว่าเนื้อหาเป็นยังไง

                    โควตะเป็นนักเขียนที่มีเอกลักษณ์ (และผลงานค่อนข้างเยอะ) ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาหรือลายเส้น คือลายเส้นจะมืดๆ เส้นหนาๆ บรรยากาศมืดมน เถื่อน ฉากเลือดสาดกระจาย ฉากการตายพิสดาร แต่อย่างไรก็แฝงด้วยมุกตลกพอหอมปากหอมคอ  ล้วนเป็นเครื่องหมายการค้าของนักเขียนคนนี้

                    ปล. หลายคนอาจไม่รู้ โควตะถือว่าเป็นนักวาดการ์ตูนโดจินและสายมืดออจินอลตัวพ่ออีกคนหนึ่งในวงการ โดจินที่วาดก็เช่น วันพีช เอวาเกเลี่ยน และโคนัน  (หากใครแก่ๆ หน่อย ก็มีเรื่อง Battle Athletes Victory และ Wingman) ส่วนออจินอลเองก็ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซีอยู่แล้ว จึงไม่แปลกคนเขียนชอบเขียนแนวสายสว่างแฟนตาซีไปด้วย

                    ปล. หลายคนอาจไม่รู้ Hellsing ไม่ได้ปรากฏครั้งแรกในสายสว่างในนิตยสารรายเดือนของ Young King OURs monthly  ปี 1996 เพราะความจริงแล้วคนเขียนเคยวาดเรื่องสั้นเรื่องนี้ในสายมืดในชื่อ  Hellsing (COMIC Kairakuten 1996-10)

    หากย่อแบบย่อๆ  Drifters เป็นการ์ตูนที่รวมบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์จากทั่วโลก (แต่ส่วนมากเป็นของญ่ปุ่น) เอามาไว้ในโลกเดียวกัน แม้ว่าเนื้อหาออกจะมั่วๆ แต่ด้วยฝีมือของคนเขียนได้สร้างเนื้อหา บทบาทของตัวละคร แม้ในเรื่องตัวละครจะมากแต่ก็ทำได้อย่างมีสีสัน เพราะนำจุดเด่นของตัวละครในประวัติศาสตร์เหล่านี้มาปรับใช้จนออกมาอย่างน่าตื่นเต้นพอสมควร

    เนื้อหาของมังงะนั้น  เป็นเรื่องราวของชิมาซึ โทโยฮิสะ ซึ่งเป็นขุนพลที่กำลังทำศึกในทุ่งเซกิงาฮาระหลังการต่อสู้กับอิอิ นาโอมาสะ แม้ว่าเขาจะสามารถเอาชนะนาโอมาสะมาได้แต่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ระหว่างที่เขากำลังเดินถ่อสังขารออกจากสนามรบในสภาพเลือดอาบอยู่นั้น จู่ๆ ชิมาซึก็พบว่าตนเองพบชายสวมแว่นน่าตาเหมือนเสมียนอำเภอคนหนึ่งนั่งบนโต๊ะ และเขาก็ส่งชิมาซึไปยังโลกอีกมิติหนึ่ง


     

    ชิมาซึ โทโยฮิสะ (1570-1600)

     

    รู้ประวัติศาสตร์สักนิด ชิมาซึ โทโยฮิสะ (ปล.ตอนแรกผมก็นึกว่าตัวเอกเป็นยูคิมูระซะอีก) ตัวเอกของการ์ตูนเรื่องนี้ มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น แต่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก เป็นบุตรชายของซิมาซึ อิเอฮิสะ จากคิวซู

    ตระกูลชิมาซึ นั้นเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในด้านความจงรักภักดีแบบซามูไร และเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในการใช้อาวุธปืนไฟในสนามรบ และยังมีชื่อเสียงในการวางแผนกลยุทธ์ในการล่อศัตรูให้เข้ามาเขตซุ่มโจมตี การใช้กำลังพลน้อยสู้กับกำลังพลมากจนประสบความสำเร็จหลายครั้ง นอกจากนี้เรื่องสนามรบตระกูงยังเก่งเรื่องการเมืองและการค้าขายด้วยทำให้ตระกูลนี้แข็งแกร่งปกครองแคว้นซัตสึมะไปถึงยุคฟื้นฟูเมจิเลยก็ว่าได้ (จึงไม่แปลกแต่อย่างใดที่พระเอกในเรื่องถนัดอาวุธปืนไฟด้วย และไม่ได้บุกแบบบ้าเลือดเหมือนคนอื่นๆ)

    เรื่องราวของชิมาซึ โทโยฮิสะนั้นผมก็ไม่ค่อยรู้จักมากนัก แต่เท่าที่รู้คือเคยเข้าร่วมศึกต่อสู้ในคิวซู (1587 เป็นการทำสงครามของตระกูลชิมาซึกับกองทัพของฮิเดโยชิที่ต้องการรวบรวมแผ่นดิน ซึ่งสงครามครั้งนั้นตระกูลซิมาซึยอมจำนน) ด้วยการต่อสู้อย่างห้าวหาญและการเสียสละทำให้ได้รับการยกย่องอย่างมาก แต่ศึกสุดท้ายในทุ่งเซกิงาฮาระ (1600) ซึ่งพ่อของโทโยฮิสะอยู่ฝ่ายของอิชิดะ มิทสึนาริ ต่อสู้กับกองทัพของอิเอะยะสุ และที่นั้นเขาก็ถูกฆ่าตัวจากการปกป้องเพื่อนพ้องร่วมสนามรบจากศัตรูระหว่างล่าถอยในช่วงท้ายของการต่อสู้

    ส่วนสาเหตุที่ผมจำพระเอกกับซานาดะ ยูคิมูระผิดนั้นก็เพราะสไตล์ต่อสู้ค่อนข้างบ้าเลือดและสวมเกราะสีแดง (แต่กระนั้นบางเหตุการณ์ในการ์ตูนก็แสดงให้เห็นว่าพระเอกคนนี้ก็มีหัวคิดและการปรับเปลี่ยนสไตล์การต่อสู้เป็นเหมือนกัน) เป็นคนค่อนข้างมุทะลุ ซื่อตรงตามแบบฉบับของซามูไร และใช้ดาบยาว (และมีดาบสั้นและปืนยาวเหน็บที่เอว)

     

     

    อิอิ นาโอมาสะ(1590-1600)

     

    รู้ประวัติศาสตร์สักนิด อิอิ นาโอมาสะ เป็นไดเมียวหนึ่งในสี่ผู้ปกครองของโทคุงาวะ อิเอะยะสุ แม้ว่าจะเป็นนักรบที่เก่งกาจ แต่ตอนเป็นทารกนั้นเป็นเด็กที่มีขนาดเล็กแต่โชคดีที่รอดมาได้ กล่าวกันว่าหน่วยรบของนาโอมาสะนั้นน่ากลัว เวลาสู้รบจะดุเดือดจนเลือดอาบเกราะจนเป็นสีแดง จนได้รับฉายาของหน่วยนี้ว่า “ปีศาจแดง” (และตัวของนาโอมาสะเลยสวมเกราะสีแดงโดดเด่นด้วย) ซึ่งเสียชีวิตในทุ่งเซกิงาฮาระ แม้ว่าจะตายแต่อิเอะยะสุยังยกย่องและสนับสนุนให้ลูกชายสองคนได้รับตำแหน่งสูงๆ สืบไป

     

    โทโยฮิสะบาดเจ็บจนสลบไปแต่เขาก็พวกเอลฟ์ในโลกแฟนตาซีช่วยเหลือ และพวกเขาก็พาโทโยฮิสะไปที่ป้อมสร้างแห่งหนึ่งในป่า และเมื่อโทโยฮิสะตื่นขึ้นมาเขาก็ได้พบโอดะ โนบุนากะและนาสึโนะ สึเคทาสะ โยอิจิบุคคลที่ควรตายนานแล้ว แต่กลับมีชีวิตอยู่ตรงหน้าเขา

     

    Nobunaga Oda  

     โอดะ โนบุนากะ (1534-1582)

     

                    โอดะ โนบุนากะ เป็นไดเมียวหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่ในยุคเซงโงะกุ เจ้าของคำขวัญประจำใจอมตะคือ “ถ้านกทั้งหลายไม่ยอมร้องเพลง ฉันจะฆ่าพวกมันให้หมด”

                    โนบุนากะนั้นน่าจะเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ที่คนไทยรู้จักกันมากที่สุด ในสื่อบันเทิงต่างๆ ที่บางสื่อเรียกขานว่า “จอมมาร” เนื่องจากพฤติกรรมโหดร้ายจากหลายศึกที่สังหารคนอย่างไม่เลือกหน้าไม่ว่าจะเป็นเด็ก สตรีและคนชรา ในขณะที่บางสื่อยกย่องว่า “จอมคน” โนบุนากะนั้นเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีด้านดีและไม่ดีอยู่ในตัว ในด้านดีนั้นเขาเป็นผู้รวบรวมญี่ปุ่นจากความแตกแยกของยุคเซงโงะกุ ซึ่งตอนนั้นเป็นยุคที่มีแต่หายนะมีแต่สงครามไปทั่วหย่อมหญ้า ไดเมียวต่างแย่งอำนาจกันเป็นใหญ่ แต่โนบุนากะใช้กำลังทหารปราบปรามไดเมียวเหล่านั้น และก้าวขึ้นมาสู่อำนาจเหนือสุด และเป็นผู้คุมประเทศญี่ปุ่นอยู่ในช่วงระหว่างสงคราม

                    โนบุนากะนั้นเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล และไม่ได้ถือเรื่องธรรมเนียมเก่าๆ ซึ่งเป็นคนแรกที่ให้ความสำคัญกองทหารราบ คือใช้ทหารเลวที่เกณฑ์จากชาวบ้านธรรมดามาใช้ ผิดกับค่านิยมเก่าแก่ที่พวกไดเมียวส่วนใหญ่มักสะสมทหารจากซามูไรที่มีฝีมือด้านดาบ (จนเป็นที่มาของโนบุนากะสามารถคุมพวกเอลฟ์ที่ไม่มีฝีมือเอาชนะพวกทหารอาชีพได้ในเรื่อง)

                    นอกจากนี้โนบุนากะยังส่งเสริมการใช้ปืนไฟคาบศิลาในกองทัพ สมัยก่อนนั้นพวกไดเมียวไม่นิยมใช้เพราะหาว่าเป็นอาวุธขี้ขลาด แต่โนบุนากะสนใจเรื่องอาวุธและสนใจจะค้าขายกับชายต่างชาติ ( และเขาก็อปอาวุธปืนคาบศิลาเอาไว้ใช้เองด้วย (ในการ์ตูนเราจะเห็นโนบุนากะตาลุกราวเมื่อเจอปืนกลสมัยคาวบอยอเมริกา และตื่นเต้นกลับการทำเลียนแบบอาวุธของคนแคระ) ผลคือทำให้กองทัพโนบุนากะเก่งกาจมาก

                    โนบุนากะยังเก่งเรื่องการวางแผนกลยุทธ์ และการสนับสนุนคนมีความสามารถ  นายทหารของโนบุนากะที่ชื่อโตโยโตมิ ฮิเดโยชิแม้ว่าอดีตจะเป็นชาวนา แต่โนบุนากะช่วยส่งเสริมจนเป็นใหญ่ในอนาคต

                    อย่างไรก็ตามสุดท้ายโนบุนากะก็พบจุดจบด้วยการทรยศของนายทหารคนสนิทของเขาชื่ออาเคชิ มัตสึฮิเดะ ที่อาศัยโอกาสเอาทหารของตนเองไปล้อมวัดฮนโนจิที่โนบุนากะพำนักอยู่ แล้วจุดไฟเผาและนำทหารมาล้อม โนบุนากะเคียดแค้นและด้วยศักด์ศรีโนบุนากะเลยทำฮาราคีรีเป็นอันจบชีวิตของจอมมารในที่สุด 

                  โนบุนากะนั้นมีหลายเวอร์ชั่น (แถมยังมีสลับเพศด้วย!!) ไม่ว่าเป็นโนบุนากะแบบโหดร้ายแบบจอมมาร โนบุนากะแบบจอมคนที่หล่อเหล่า (ยิ่งกว่านักร้องเกาหลี) ส่วนโนบุนากะใน Drifters (ที่หลงเข่ในโลกแฟนตาซีนานหกเดือน) มาในภาพลักษณ์ตาแก่ ซกม๊ก (เพราะกลยุทธ์ของพี่แกในการ์ตูนมีแต่เล่นของสกปรกทั้งนั้น) อีกทั้งยังรวยอารมณ์ขัน ชอบเล่นมุกตลก แม้จะบ้าๆ บอๆ แต่พอถึงเวลาก็ฉายแววความเก่งกาจของจอมมารสงครามได้เป็นอย่างดี จนขโมยซีนและบทเด่นกว่าพระเอกเสียอีก

     

     Yoichi Nasu no Suketaka

    นาสึโนะ สึเคทาสะ โยอิจิ (1169-1232)

     

    นาสึโนะ สึเคทาสะ โยอิจิหนุ่มน้อยหน้าสวย (ราวกับผู้หญิง) ผู้เก่งกาจธนู แต่ในประวัติศาสตร์แล้วอายุอานามค่อนข้างแก่พอสมควร (อายุ 63 ปี และหน้าตาภาพวาดนั้นไม่ได้หน้าสวยด้วย) ตามประวัติศาสตร์เป็นซามูไรที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับตระกูลมินะโมะโตะ ในสงครามเก็มเปย์ (ยุคเดียวกับคุโร โยชิสึเนะและเบงเคย์)

                    คนไทยค่อนข้างรู้จักสงครามเก็มเปย์น้อย (แม้ว่าจะมีการ์ตูนหลายเรื่องมีกล่าวถึงยุคสงครามนี้ก็เถอะ) สั้นๆ ง่ายเป็นสงครามในก่อนยุคเซ็นโงกุและเป็นสงครามของตระกูลใหญ่คือไทระและตระกูลมินะโมะโตะ (ที่มีโยชิสึเนะเป็นขุนพล) ผลคือตระกูลไทระพ่ายแพ้และต้องสูญสิ้นอำนาจ ในขณะที่ตระกูลมินะโมะโตะก็เข้าครองอำนาจในที่สุด

    โยอิจิเป็นซามูไรเชี่ยวชาญเรื่องการยิงธนู มีผลงานการรบที่ยาชิมะ เมื่อปี 1184  ซึ่งเขาและโยชิสึเมะกับทหาร 100 คนและเรือไม่กี่ลำป้องกันจากกองทัพเรือของไทระ โดยวีรกรรมของโยอิจิเขาได้ขี่หลังม้าลงในทะเลเพียงลำพังแล้วใช้ธนูยิงทหารไทระ จนกองทัพของไทระขวัญเสียและล่าถอยไป (กล่าวกันว่านี้เป็นเหตุการณ์ยิงธนูที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว)

    ในช่วงปั้นปลายโยอิจิได้บวชเป็นนักบวช และให้ลูกหลานสืบทอดตระกูลแทน หลังจากนั้นเป็นต้นมาเรื่องราวของเขาก็สูญหายไป หลักฐานส่วนใหญ่ถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เชื่อกันว่าเขาเสียชีวิตเมื่ออายุ 64 ปีในระหว่างพิธีเคารพผู้เสียชีวิตในสงครามเก็มเปย์

     

    เมื่อสามเกลอ ต่างวัย ต่างยุคสมัยมาพบกัน เลยไปตั้งคณะตลก เฮ้ย....ไม่ใช่  (เห็นทั้งเรื่องชอบเล่นมุกฮ่าๆ ชงมุก ตบมุกเองตลอดอ่ะ) ด้วยสถานการณ์พาไปพวกสามเกลอก็ได้ช่วยเหลือชาวบ้านเอลฟ์ จากพวกทหารอัศวินของอาณาจักร (และฆ่าพวกอัศวินเรียบ) และต่อมาก็ได้พบยัยแว่นจอมเวทย์คนหนึ่ง สามเกลอถึงได้รู้ว่าพวกตนนั้นได้หลงเข้ามายังต่างมิติ และไม่ได้มีแต่พวกเขาสามคนเท่านั้น ยังมีคนอื่นๆ อีกมากมายที่หลงเข้ามา ซึ่งเมื่อมายังดินแดนแห่งนี้พวกเขาจะถูกเรียกว่า “ดริฟเตอร์” (ผู้พลัดหลง ผู้ที่ส่งมาจากโลกอื่น) และพวกเขาจะต้องสู้กับกลุ่มคนที่เรียกว่า “เอนด์” (ผู้ลบล้าง ปีศาจที่ละทิ้งความเป็นมนุษย์ที่ถูกส่งมาจากโลกอื่น)

    ก่อนจะพูดเรื่องย่อต่อไป มาดูโลกของพระเอกสักนิด คนเขียนวางเรื่องได้อย่างน่าสนใจจริงๆ เพราะว่าเป็นเนื้อหาแบบนี้สามารถใส่ตัวละครได้หลายตัว ใส่ตัวละครในประวัติศาสตร์ได้โดยไม่รู้สึกขัดตาแม้แต่น้อย

    โลกของพระเอกอยู่นั้นเป็นโลกแฟนตาซียุคกลางที่เราเห็นตามการ์ตูนแฟนตาซีทั่วๆ ไป คือเป็นโลกเหมือนยุคกลาง มีมนุษย์และพวกอมมนุษย์ (เอลฟ์, คนแคระ และออร์ค สัตว?ในตำนานต่างๆ มากมาย) อยู่ร่วมกัน แต่โลกดังกล่าวเหมือนยุโรปกลางที่มนุษย์เป็นอัศวิน เทคโนโลยีต่างๆ ยังโบราณ ไม่ใช่มียานรบขนาดยักษ์  แต่มีเวทมนต์คาถา และสิ่งหนึ่งที่แปลกไม่เหมือนโลกอื่นๆ ก็คือโลกนี้มีบุคคลสองคนที่อยู่อีกมิติหนึ่ง ซึ่งพวกเขาอยู่เบื้องหลังความเป็นไปของโลกใบนี้

    คนแรกคือ “มุราซากิ” ฝรั่งใส่แว่นสวมสูทมาดเหมือนเสมียน ซึ่งมีหน้าที่ส่ง “ผู้พลัดหลง” ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ (ที่ใกล้ตาย) มายังโลกแฟนตาซีแห่งนี้เพื่อวัตถุประสงค์อะไรบางอย่าง และคอยติดตามเรื่องราวของพวกเขาเหล่านั้นผ่านหนังสือพิมพ์ (ซึ่งวัตถุประสงค์ที่ส่งพวกเร่รอนเหล่านี้ไปยังโลกยังเป็นปริศนา)

    คนที่สองคือ “ง่าย” (EASY) สาวน้อยผมยาวสีดำน่ารัก แต่ดูเหมือนว่าเธอขัดแย้งกับมุราซากิ และเกลียดผุ้พลักหลงที่ส่งไปยังโลกแฟนตาซี เธอเลยส่งพวก “ผู้ลบล้าง” เพื่อเป็นผู้ต่อกรกับพวกพลัดหลงและมีอุดมการณ์ตรงกันข้ามกับพวกเร่ร่อน

    ผู้ลบล้างที่ผู้หญิงผมดำส่งนั้นจะเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ที่ละทิ้งความเป็นมนุษย์ เมื่อส่งมายังโลกแฟนตาซีก็หมายจะทำลายล้างโลกให้สิ้นซาก โดยผู้ลบล้างมีหัวหน้าใหญ่คือ “ราชาทมิฬ” ราชาปริศนาที่นำทัพเก่งกาจ มีลูกน้องฝีมือดีและกองทัพมากมาย ซ้ำยังมีเวทมนต์ประหลาดน่ากลัว และปัจจุบันกองทัพของราชาทมิฬกำลังทำลายจักรวรรดิออร์แตจนสิ้นซากและกำลังจะทำสำเร็จ

    จักรวรรดิออร์แต ถือว่าเป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในโลกแฟนตาซี ก่อตั้งด้วยอดอฟ์ ฮิตเลอร์ ผู้นำนาซีเยอรมัน เป็นประเทศที่แผ่ขยายโดยพิชิตดินแดนของเพื่อนบ้าน

     

     

     อดอฟ์ ฮิตเลอร์ (1889-1945)

     

    ผู้นำพรรคนาซี จอมเผด็จการของเยอรมัน 1934-1945 แน่นอนว่าหลายคนรู้จักกับบุคคลนี้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว อดีตทหารผ่านศึกที่ไต่เต้าจนเป็นผู้นำของชาติเยอรมันด้วยด้วยนโยบายการต่อต้านยิว และวาทศิลป์อันมีเสน่ห์ดึงดูดทำให้ชาวเยอรมันต่างสนับสนุนเขาขึ้นเป็นผู้นำ และนำประเทศเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 บุกประเทศเพื่อนบ้าน ครอบครองยุโรป แอฟริกาเหนือ

    ฮิตเลอร์ถือว่าเป็นบุคคลที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์เพราะแนวความคิดความสะอาดเชื้อชาติทำให้ฮิตเลอร์ทำการกวดล้างชาวยิว สังหารหมู่คนบริสุทธิ์ไปมากมาย

    แม้ว่าฮิตเลอร์จะเก่งเรื่องการเมืองและการปกครอง แต่เรื่องกลยุทธ์สงครามนั้นฮิตเลอร์ล้มเหลวสิ้นเชิง เห็นได้จากเหตุการณ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น การประกาศตัดพันธมิตรกับโซเวียต การประกาศสงครามกับอเมริกา การแบ่งกำลัง การฆ่าขุนพลตนเอง และการยุติพัฒนาอาวุธมากมายที่น่าจะเป็นประโยชน์กับสงคราม สิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุทำให้เยอรมันพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ผลสุดท้ายฮิตเลอร์ก็ฆ่าตัวตายพร้อมกับครอบครัวในบังเกอร์ลับที่เบอร์ลิน ในวันที่โซเวียตยึดเบอร์ลินได้

                    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าฮิตเลอร์จะฆ่าตัวตายตามที่หลายคนเข้าใจ แต่หลายคนยังเชื่อว่าฮิตเลอร์ยังคงมีชีวิตอยู่ และในการ์ตูน Drifters ได้ใส่เนื้อหาไปว่าฮิตเลอร์ได้พลัดหลงมายังโลกแห่งนี้เขาก็ใช้ความสามารถวาทศิลป์ การพูดที่มีมนต์เสน่ห์ทำให้ชาวบ้านยึดเมืองหลวง ตั้งจักรวรรดิขึ้นมาเรียกว่า “จักรวรรดิออร์แต” แต่ดูเหมือนว่าฮิตเลอร์จะไม่ได้สนใจจะปกครองจักรวรรดินี้มากนัก เมื่อก่อตั้งจักรวรรดิสำหรับแล้วเขาก็ฆ่าตัวตาย (สาเหตุฆ่าตัวตายไม่บอก แต่คาดว่าฮิตเลอร์อยากให้โลกนี้วุ่นวายแบบเยอรมันก็เป็นไปได้

                    หลังฮิตเลอร์ตาย อาณาจีกรออร์แตก็วุ่นวายมาโดยตลอด เพราะว่าฮิตเลอร์ไม่ได้วางรากฐานให้ยืดยาว (ความจริงอาณาจักรนี้ตั้งมาได้นานพอดูตั้ง 50 ปี) อีกทั้งออร์เตเกิดจากการยึดแคว้นศัตรู บวกกับโยบายของฮิตเลอร์และการปกครองอันไม่เป็นธรรม การกวาดล้างอมมนุษย์ (พวกคนแคระเข้าค่ายกักกันและพวกเอลฟ์เป็นแรงงานทาส) ทำให้เกิดความวุ่นวายไปทั่วทุกหนทุกแห่ง เกิดกบฏ  ทำสงครามยืดยาว (นานกว่า 40 ปี) ทำให้ทหารลดน้อย อีกทั้งชายแดนก็ย่ำแย่เพราะทัพราชาทมิฬ ราวกับเยอรมันพ่ายแพ้สงครามโลกไม่มีผิด ทำให้อาณาจักรแห่งนี้รอเวลาล่มสลายเท่านั้น 


    เคานท์ เซนต์ เจมส์

    เชื่อว่าคือเคาท์ เซนต์ เกอร์แมน (1712-1784)

     

    ที่จักรวรรดิฮอร์แตอยู่ได้นานขนาดนี้เพราะมีบุคคลอยู่เบื้องหลัง บุคคลนั้นนามว่าเคานท์ เซนต์ เจมส์ ซึ่งเป็นขุนนางเจ้าของพื้นที่ 1/4 ของจักรวรรดิ ซึ่งเป็นอดีตผู้ใกล้ฮิตเลอร์และเป็นผู้สนับสนุนการก่อตั้งจักรวรรดิ

    เชื่อว่าเคาน์ เซนต์ เจมส์นั้นน่าจะเป็นบุคคลประวัติศาสตร์ที่ชื่อ “เคาท์ เซนต์ เกอร์แมน” ขุนนางลึกลับแห่งยุโรปในช่วงกลาง 1700  ที่เก่งทุกด้านไม่ว่าจะเป็นการปกครอง วิทยาศาสตร์ และศิลปะ ซึ่งมักอยู่เบื้อหลังการปกครองของยุโรปไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ หรือฝรั่งเศส หากแต่เรื่องราวของเขาลึกลับ เพราะไม่ทราบภูมิหลังชัดเจน แต่สิ่งที่รู้คือเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ของฝรั่งเศส และยังเป็นที่ไม่ไว้วางใจของบรรดาราชบริพารในสมัยนั้น ในเวลาต่อมาเขาโดนจับขังคุกด้วยเรื่องการเมือง จึงหนีไปอังกฤษ และเสียชีวิตลงเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ ปี 1784

    ในการ์ตูนเคาน์ เซนต์ เจมส์เป็นกระเทย (เก่งบู๊และบุ๋น) ซึ่งก็น่าแปลกใจที่เป็นที่ปรึกษาฮิตเลอร์ได้ เพราะฮิตเลอร์ไม่ชอบพวกรักร่วมเพศจนมีนโยบายล้างเผ่าพันธุ์มาแล้วครั้งหนึ่งสมัยเป็นผู้นำเยอรมัน (แต่ในขณะเดียวกันเชื่อว่าฮิตเลอร์เองก็เป็นพวกรักร่วมเพศเหมือนกัน) อย่างไรก็ตามเคาน์ เซนต์ เจมส์อยู่กับฮิตเลอร์จนก่อตั้งประเทศ หากแต่นิสัยส่วนตัวไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับสงคราม และไม่จงรักภักดีกับจักรวรรดิ เมื่อรู้ว่าอาณาจักรย่ำแย่ เขาเลยวางแผนยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือกบฏเอลฟ์และพวกพระเอก  ซึ่งหากช่วยเหลือพระเอก ถือว่ากำลังพระเอกร้ายกาจที่เดียวเพราะเขาเป็นผู้เร่ร่อนที่มีสกิลการปกครองที่ดีที่สุดของกลุ่มพระเอก แถมมีความรู้ยุคใหม่ (ที่รู้จักอาวุธปืนและดินปืนที่ทันสมัยแล้ว ) และมีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นด้วย

     

                    ส่วนทางด้านกองทัพผู้ลบล้าง ที่ถูกส่งมาโดยผู้หญิงผมดำยาว กำหนดว่าเป็นตัวละครฝั่งผู้ร้ายที่เป็นผู้ต่อกรพระเอก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลสำคัญประวัติศาสตร์ที่เสียชีวิตแบบไม่ตายดี และมีพฤติกรรมนอกรีต ที่แตกต่างจากพวกเร่ร่อน ทำให้ละทิ้งความเป็นมนุษย์ สามารถใช้พลังเหนือธรรมชาติ แต่สิ่งที่แลกมาคือความเกลียดชังทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก  และมีผู้นำคือ “ราชาทมิฬ” แม้ว่าจนบัดนี้ยังไม่เปิดเผยตัวจริง แต่หลายคนเชื่อว่าน่าจะเป็น “จีซัส” (สังเกตตอนที่ 20 ที่มืดของราชาทมิฬมีรอยตะปูอยู่)

                    อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากองทัพของราชาทมิฬจะน่ากลัว ขุนพลผู้ลบล้างมีฝีมือร้ายกาจ หากแต่ในกองทัพนั้นค่อนข้างขาดแคลนเสนาธิการทหารเก่งๆ (เท่าที่ดูจนถึงตอนล่าสุด)

     


    ฮิติคาตะ โทชิโซ (1835-1869)

     

     ฮิติคาตะ โทชิโซ เป็นอดีตรองหัวหน้าของชินเซ็งงุมิของรัฐโชกุนโทะกุงาวะ ฉายา “รองหัวหน้าปีศาจ” ซึ่งการ์ตูนหลายเรื่องมักสร้างภาพลักษณะโทชิโซ ให้ดูหล่อเหลา และมีฝีมือดาบเก่งกาจ อย่างไรก็ตาทมหลังรัฐบาลโชกุนโทกุงาวะล่มสลาย เขาก็เข้าร่วมกับสารณรัฐเอะโสะเพื่อต่อต้านรัฐบาลเมจิ ก่อนที่จะเสียชีวิตในสนามรบ

     ซึ่งในการ์ตูน โทชิโซมีความสามารถสร้างขวัญเพื่อขู่ศัตรูให้หวาดกลัวและมีพลังฝีมือดาบที่เก่งมาก



    โจน ออฟ อาร์ค (1412-1431)

     

    วีรสตรีที่หลายคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว โจน ออฟ อาร์คเป็นผู้นำกองทัพฝรั่งเศสในสงครามร้อยปี ทำศึกกับกองทัพของอังกฤษหลายครั้ง โดยอ้างว่าพระเจ้าเป็นผู้ชี้ทาง

    โจน ออฟ อาร์คนั้นเกิดในครอบครัวชาวนา ซึ้งวเธอได้อ้างว่าได้รับนิมิตให้ไปช่วยกู้บ้านเมืองคืนจากการครอบครองของฝ่ายอังกฤษ ซึ่งเธอได้เข้าเผ้าพระเจ้าชาร์ลที่ 7 ซึ่งเวลานั้นพระเจ้าชาร์ลกำลังย้ำแย่เพราะอังกฤษไม่ให้พระองค์ครองบัลลังก์ และไม่รู้ว่าพระเจ้าชาร์ลถูกใจโจน ออฟ อาร์คมากนัก จึงประทานตำแหน่งให้สาวลูกชาวนาง่ายๆ (อาจเป็นเพราะความดึงดูดของโจน ซึ่งในขณะนั้นเป็นสิ่งเดียวที่ให้ความหวังแก่กองทหารที่แทบอยู่ในสภาพต่อสู้ได้มีกำลังใจอีกครั้ง)

    และโจน ออฟ อาร์คก็ไม่ได้ทำให้พระเจ้าชาร์ลผิดหวัง เธอทำสงครามไล่อังกฤษออกจากฝรั่งเศส ได้เป็นผลสำเร็จ และมีส่วนสำคัญให้พระเจ้าชาร์ลทรงครองราชย์บัลลังก์ฝรั่งเศสในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตามต่อมาโจนถูกจับโดยพวกเบอร์กันดี และถูกส่งตัวมายังอังกฤษ ซึ่งอังกฤษตัดสินเธอเป็นแม่มด และถูกเผาทั้งเป็นต่อหน้าสาธารณชน

                    สำหรับการ์ตูน Drifters หลังจากโจนถูกเผา เธอก็ถูกส่งไปยังโลกแฟนตาซีในฐานะ “ผู้ลบล้าง” และกลายเป็นคนบ้าเลือดอยากเห็นโลกเผาไหม้ มีพลังควบคุมไฟ กระนั้นก็มีจิตสำนึกถึงความเป็นผู้หญิงอยู่บ้าง

     

    กิลล์ เดอ เรยส์ (เกิด 1404ตาย1440)

    อดีตคนสนิทของโจน ออฟ อาร์ค แม้ในเรื่องจะบ้าพลังบ้าเลือดพอๆ กับโจน แต่ความจริงแล้วเป็นอัศวินที่อัจฉริยะและกล้าหาญคนหนึ่ง และเป็นถึงวีรบุรุษปลดปล่อยฝรั่งเศสจากอังกฤษ แต่อนิจาหลังจากโจนถูกเผาทั้งเป็นในฐานะแม่มด กิลล์ก็หลงใหลในการเล่นแร่แปรธาตุ การใช้เลือดเปลี่ยนเป็นทองคำ เป็นเหตุทำให้กลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องจับเด็กมาฆ่าเพื่อเป็นเครื่องสังเวยแก่ปีศาจ มีเด็กตายมากกว่าร้อยราย และผลสุดท้าย กิลส์ ถูกตัดสินให้ประหารโดยการแขวนคอและเผา และเรื่องราวของกิลล์ก็ออกมาในภาพลักษณ์ตัวโกงมาโดยตลอด

    การ์ตูน Drifters กิลล์ปรากฏตัวออกมาแบบแข็งแกร่งแบบไม่น่าเชื่อแม้ว่าโยอิจิจะยิงธนูเข้าจุดตายหลายดอก จนเกือบแพ้ แต่โชคดีสองคาวบอย ซัน ด๊านซ์ คิดและ บุทช์ แคชสิดี้มาช่วยไว้ทันเวลาพอดี

     

     

    รัสปูติน (1869-1916)

     

                    รัสปูติน หรือเกรกอรี รัสปูตินเป็นนักบวชลึกลับ ที่มีบทบาทในยุคปลายราชวงศ์โรมานอฟของประเทศรัสเซีย กล่าวกันว่ามีพลังเหนือธรรมชาติและได้ทำการรักษาพระโอรสองค์สุดท้องของวพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซียจากโรคฮีโมฟีเลีย (พระโลหิตไหลไม่หยุด) จนเป็นที่ถูกพระทัยและมีส่วนร่วมในบทบาทในเรื่องราชวงศ์ของชั้นสูงของรัสเซีย และทำให้ราชวงศ์รัสเซียเสื่อมลงเป็นอย่างมาก (รัสปูตินยังเป็นที่ปรึกษาของพระเจ้าซาร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วย แต่แทนที่จะดีขึ้นกลับเลวร้ายลง) ผลสุดท้ายรัสปูตินก็ถูกสังหารเพราะเป็นภัยแก่ชาติ 

    ส่วนมากภาพลักษณ์รัสปูตินที่ปรากฏในสื่อต่างๆ คือจอมเวทย์ผู้ชั่วร้าย ในการ์ตูน Drifters รัสปูตินปรากฏในภาพลักษณ์หนุ่มแว่นมาดเสนาธิการ แม้จะเป็นผู้ติดตามอนาสตาเซีย แต่ก็ยังทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของราชาทมิฬด้วย (ซึ่งรัสปูตินเวอร์ชั่นนี้ไม่ค่อยตรงประวัติศาสตร์สักเท่าไหร่นะผมว่า เพราะรัสปูตินหนวดเครารุงรังและน่าขนหัวลุกมากๆ)


     

    อนาสตาเซีย โรมานอฟ (1901-1918)

     

    สาวน้อยหน้าตาอมทุกข์ (เพราะชีวิตทุกข์ระทม) แกรนด์ ดัชเชส อนาสตาเซีย แห่งรัสเซีย อดีตเป็นพระราชธิดาลำดับที่ 4 (ลูกสาวคนสุดท้อง) ของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และพระนางอเล็กซานดราแห่งราชวงศ์โรมานอฟ ที่ปกครองรัสเซียอย่างยิ่งใหญ่ หากแต่เพราะการเมือง ความตกต่ำของราชวงค์ หลังการตายของรัสปูตินทำให้เกิดการปฏิวัติวัติ ทำให้ทรงถูกประหารหมู่พร้อมพระบิดา พระมารดาและเชื้อพระวงศ์ (พวกน้องๆ) ในขณะอายุ 17 ปี อย่างไรก็ตาม มีหลายคนเชื่อว่าอนาสตาเซียมีชีวิตอยู่ จนเกิดข่าวลื่อมากมาย และถูกสร้างเป็นภาพยนตร์และการ์ตูนหลายเรื่อง (ที่จริงอนาสตาเซียน่าจะเกลียดรัสปูตินน่ะเพราะว่ารัสปูตินทำให้ราชวงศ์เธอล่มจมนี้น่า)

                    อนาสตาเซียนั้นหลายคนรู้จักกันดีในฐานะเจ้าหญิงผู้อาภัพ  ในการ์ตูน Drifters เธอมีความสามารถเหนือธรรมชาติในการสร้างพายุหิมะแช่แข็งศัตรูได้อย่างรวดเร็ว และเป็นเพื่อนกับโจนด้วย (แต่สกิลการต่อสู้ สกิลการปกครอง และสกิลการบัญชาการทหารไม่มี เพราะเป็นเจ้าหญิงสายนางเอกนี้เนอะ) 

     


    มินาโมโตะ โยชิซึเนะ (1159-1189)

     

    หนึ่งในขุนพลญี่ปุ่นที่หลายคนรู้จักกันดี มินาโมโตะ โยชิซึเนะเป็นขุนพลที่มีชื่อเสียงของตระกูลมินาโมโตะ (และมีพระนักรบเบ็งเคย์เป็นคู่หู) ในช่วงปลายยุคเฮอันและเป็นหนึ่งในตำนานผู้กล้าของญี่ปุ่นที่ปรากฏในสื่อต่างๆ มากมาย ไม่ว่าเป็นวรรณกรรม, ภาพยนตร์ หรือมังงะการ์ตูน

    มินาโมโตะ โยชิซึเนะมีตำนานมากมาย บ้างก็ว่าเป็นลูกศิษย์ของเท็นกุ (ภูตญี่ปุ่นที่เป็นชายร่างยักษ์ปีกเหมือนอีกา) เชี่ยวชาญดาบ  แต่สิ่งที่เหมือนกันคือมินาโมโตะแค้นตระกูลไทระมาก และทำสงครามกับตระกูลไทระร่วมกับพี่ชายต่างมารดาของตนคือมินาโมโตะ โยะริโตะโมะ ซึ่งทำสงครามชนะเรื่อยมา และสงครามที่สร้างชื่อที่สุดคือการนำทัพเรือทำสงครามกับกองทัพเรือทะที่ช่องแคบคังมง จนได้รับชัยชนะตระกูลไทระ สมาชิกตระกูลไทระเกือบทั้งหมดฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดทะเลเพื่อหนีความพ่ายแพ้

    แม้ว่ามินาโมโตะจะนับถือเป็นผู้กล้าและหล่อเหลา หรือเป็นพระเอกในหลายๆ สื่อ แต่จากยุทธวิธีสงครามแล้ว จะพบว่ามินาโมโตะนั้นค่อนข้างโหดร้ายจนราวกับเป็นอสูร

    และด้วยความเก่งกาจทำให้มินาโมโตะเป็นที่อิจฉาของขุนพลอื่นๆและต่อมาก็ขัดแย้งกับโยะริโตะโมะและทำสงครามกัน จนมินาโมโตะพ่ายแพ้ต้องมาพึ่งใบบุญคนอื่น ผลสุดท้ายเขาก็ถูกกองทัพศัตรูล้อม เขาจึงตัดสินใจฆ่าลูกเมียและทำการฆ่าตัวตายด้วยการฮาราคีรีเสียชีวิตและเบ็งเคก็สู้จนตัวต่ายจนกลายเป็นตำนานในที่สุด

    ในการ์ตูนบทบาทของมินาโมโตะไม่แน่ชัดว่าอยู่ฝ่ายไหนกันแน่ระหว่าง “ผู้พลัดหลง” หรือ “ผู้ลบล้าง” แต่ปัจจุบันอยู่ทัพของราชาทมิฬคอยสังเกตการณ์แบบห่างๆ ว่าฝ่ายไหนสนุกก็จะเข้าฝ่ายนั้น

     

     

    อาเบะโนเซย์เมย์ (921-1005)

     

    นอกเหนือจากกลุ่มกบฏ, กองทัพของผู้ลบล้าง และอาณาจักร์ออร์เเตแล้ว ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งเรียกว่าองค์กรออทอบริสท์ ซึ่งมีอาเบะ โนเซย์เมย์เป็นหัวหน้า ซึ่งมีลูกศิษย์ไม่กี่คน ไม่มีกำลังทหาร ทำหน้าที่รวบรวมพวกพลัดหลงที่กระจัดกระจายบนโลกเหล่านี้เพื่อต่อกรผู้ลบล้าง

    ตอนแรกผมก็นึกว่าเจ้าหนูคนนี้เป็นตัวละครออจินอลเสียอีก แต่ความจริงแล้วก็เป็นตัวละครในประวัติศาสตร์ที่หลงเข้ามาในโลกแฟนตาซีเหมือนกัน เขาคืออาเบะโนเซย์เมย์เป็นจอมเวทย์ญี่ปุ่นที่คนไทยรู้จักกันดีนั้นเอง

    อาเบะโนเซย์เมย์ เป็นจอมเวทย์ที่เก่งกาจและมีชื่อเสียงในสมัยเฮอัน ตามตำนานเล่าว่าเขาเกิดจากมารดาที่เป็นสุนัขจิ้งจอก (ชาวญี่ปุ่นถือว่าสุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์มีเวทมนตร์ เก่งเรื่องการทำนายโหราศาสตร์ ปราบภูตผี จนรับตำแหน่งองเมียวที่ขึ้นตรงราชสำนัก ซึ่งหลายคนนับถือเขาเป็นอย่างมาก ซึ่งการ์ตูนหลายเรื่องชอบให้อาเบะ โนเซย์เมย์ออกมาในภาพลักษณ์หนุ่มรูปงาม และมีพลังอำนาจเวทย์มนต์เก่งกาจ

    จอมเวทย์ของญี่ปุ่นนั้นเรียกว่าองเมียว ซึ่งญี่ปุ่นชอบเอามาเล่นๆ กันๆ ในการ์ตูนหลายเรื่อง โดยศาสตร์ที่ว่าเป็นความเชื่อของญี่ปุ่นที่ว่าทุกสรรพสิ่งประกอบด้วยธาตุทั้งห้าคือดิน น้ำ ลม ไฟ ไม้ และเหล็ก ซึ่งสร้างสมดุลให้แก่โลก หากผู้ใดศึกษาเรื่องนี้ถ่องแท้จะสามารถหยั่งรู้และนำพลังธรรมชาติมาเป็นอำนาจแก่ตนได้ อีกทั้งยังสามารถพิธีปัดเป่าโรคภัย บูชาเทพยดา ปลุกเสกยันตร์ ของขลัง ไปจนถึงเลี้ยงภูตผีใช้งานเป็นต้น แม้ว่าปัจจุบันบทบาทขององเมียวจะลดลง แต่พิธีกรรมสำคัญของญี่ปุ่นยังคงต้องใช้องเมียวอยู่

    นอกจากจะเป็นผู้เร่รอนแล้วยังเป็นหัวหน้าขององค์กรออทอบริสท์ (เชื่อว่าภายนอกเหมือนหนุ่มน่ารักแต่ความจริงภายในเป็นคนแก่อายุ 83 ปีแล้ว) ซึ่งต่อต้านผู้ลบล้าง ทำหน้าที่รวบรวมผู้พลัดหลง (แถมดูเหมือนรู้จักประวัติของแต่ละคนซะด้วย) แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะฉลาด แต่ค่อนข้างมองโลกแง่ดีเกินไป เพราะคิดว่าหากรวบรวมผู้พลัดหลงหลายคนที่มีความสามารถก็เอาไปบัญชาการของแคว้นต่างๆ แต่พอดีพวกบนโลกแฟนตาซีไม่ตามน้ำด้วย อารมณ์ประมาณว่าเอ็งเอาใครที่ไหนไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามาบัญชาการฟ่ะ ใครจะบ้าจี้ทำตามแก่ฟ่ะ (ขนาดคนไทยยังไม่ค่อยรู้จักฮันนิบาล คนบนโลกแฟนตาซีคงรู้จักอยู่หรอก การจะยอมรับคนอื่นให้เป็นผู้นำ จะต้องให้เห็นความสามารถของเขาเสียก่อนไม่ใช่ว่ามาถึงแล้วบอกเจ้าหมอนี้เก่งแต่ตั้งเป็นผู้บัญชาการเลย แล้วใครจะไปยอมรับล่ะครับ) ทำให้ไม่ใครมาร่วมมือสักเท่าไหร่ (จนโดนโนบุนากะสอนซะเลย)

     


     
    ฮันนิบาล บาร์กา  (248 - 184 ปีก่อนคริสตกาล)

     

    ฮันนิบาล บาร์กา  เป็นแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ของชาวคาร์เทจ (เป็นเมืองโบราณ ปัจจุบันตั้งอยู่ในเมืองตูนิส  ประเทศตูนีเซีย)    ที่เขาสามารถบุกและต้านการบุกของอาณาจักรโรมันโดยไม่พ่ายแพ้ 15 ปีโดยใช้กลยุทธ์และยุทธศาสตร์ต่างๆ ในการรบ

    ชาวคาร์เทจรบกับโรมันโดยตลอด ซึ่งหากพวกเขาแพ้หากส่งผลสิ้นชาติและชาวเมืองถูกฆ่า คนที่รอดจะถูกขายเป็นทาส โดยสงครามใหญ่ของคาร์เทจกับโรมนั้น เรียกว่าสงครามพิวนิก ซึ่งมีทั้งหมด 3 ครั้ง ซึ่งในครั้งที่สาม การพ่ายแพ้ของคาร์เธจทำให้ถึงกับสิ้นชาติ

    ฮันนิบาลสืบทอดตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ต่อจากบิดา ซึ่งหลังรับตำแหน่งเขาได้สร้างพันธมิตรที่เข้มแข็งจากบรรดาเมืองและเผ่าต่างๆ ต้านการบุกของโรมัน นอกจากนี้กลยุทธ์ส่วนใหญ่ของฮันนิบาลจะเป็นการใช้ภูมิศาสตร์เป็นหลัก เช่นสงครามพิวนิกครั้งที่ 2 โรมเชื่อว่าฮันนิบาลจะตีโรมทางเรือ(เพราะเป็นทางที่สั้นที่สุด) เลยเตรียมป้องกันตลอดแนวชายฝั่ง แต่ฮันนิบาลกับใช้ทางอ้อมรุกข้ามเทือกเขาแอลป์ที่เส้นทางยังกันดานเต็มไปด้วยก้อนหินระเกะระกะด้วยกองทัพช้างแอฟริกาและชักจูงชนเผ่าต่างๆ ระหว่างทาง บุกโรมจนสามารถเอาชนะหลายครั้งจนเป็นที่หวาดกลัวแก่กรุงโรม

    อย่างไรก็ตามหลังจากต่อสู้มา 15 ปีในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของสงครามพิวนิกครั้งที่ 2 เขาได้พ่ายแพ้ให้กับกองทัพโรมันที่นำโดยสกีปีโอ อาฟรีกานุส ที่ใช้กลยุทธ์ของฮันนิบาลอ้อมไปตีทัพอันนิบาล (จนกลายเป็นที่มาการเถียงไร้สาระในมังงะเล่มแรกนั้นแหละ)

    หลังจากนั้นฮันนิบาลก็ล่าถอยกลับไปยังเมืองแม่คาร์เทจ และส่งส่วยให้โรมมาโดยตลอด แต่โรมยังยืนกรานให้เขามามอบตัว เพราะเขาอาจนำกองทัพมาบุกโรมเมื่อใดก็ได้ และนั้นเองทำให้ฮันนิบาลหมดทางหนีจึงตัดสินใจจบชีวิตตนด้วยการดื่มยาพิษดีกว่าตกอยู่ในเงื่อมมือของศัตรู เป็นอันปิดฉากยอดนักรบยิ่งใหญ่ของโลกไป

    ในการ์ตูน Drifters ฮันนิบาลอยู่ในสภาพคนชราแล้ว แถมโดนคนบนโลกแฟนตาซีดูถูกอีก (หารู้ไม่ว่านั้นเทพแห่งกลยุทธ์การทหารเชียวน่ะ) แถมดูจะติ๊งต๊อง แต่ความจริงเก่งและมองการณ์ไกลมาก ขนาดโนบุนากะเองยังทึ้งความสามารถของตาแก่คนนี้เลย

     

     

    สกีปีโอ อาฟรีกานุส (236-180 ก่อนคริสตกาล)

     

    สกีปีโอ อาฟรีกานุส หรือสกีปีโอผู้ยิ่งใหญ่ มีชื่อเสียงในฐานะผู้บัญชาการทหารที่โด่งดังในสงครามพิวนิคครั้งที่ 2 และรัฐบุรุษของโรมัน ที่รู้จักกันดีในการเอาชนะฮันนบาลในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของสงครามฟิวนิคครั้งที่ 2 (ซึ่งเป็นสงครามจุดแตกหักที่สุดในประวัติศาสตร์) ความสำเร็จในครั้งนั้นทำให้เขายอมรับว่าเป็นแม่ทัพนายกองที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์สงครามจากการนำยุทธวิธการสู้รบอิลิปาซึ่งดัดแปลงจากกลยุทธ์ของฮันนิบาลมาใช้ (จนได้รับฉายาว่าฮันนิบาลแห่งโรมัน) จึงไม่แปลกแต่อย่างใดที่ฮันนิบาลในการ์ตูนยังเจ็บใจไม่หายที่กลยุทธ์ของตนถูกก็อป

    นอกเหนือกลยุทธ์แล้วสกีปีโอยังปรับเปลี่ยนกองทัพเพื่อให้เหมาะแก่ศึกนั้นๆ ด้วย ไม่ใช่ว่าจะยึดแต่รูปแบบเดิมๆ ของโรมโดยตลอด การทำสงครามกับฮันนิบาลเขาวางกองทัพที่เอาชนะทัพช้างของฮันนิบาลโดยเฉพาะ อีกทั้งสั่งให้เป่าแตรและปีตลอดแนวหน้าทำให้ช้างตื่นตกใจและไม่เป็นอันสู้รบ อีกทั้งยังวิ่งไปชนทัพหลักของฮันนิบาลทำให้รูปแบบกองทัพไม่เป็นกระบวนทำให้พ่ายแพ้ในเวลาต่อมา

    สาเหตุที่ฮันนิบาลแพ้นั้นไม่ใช่เพราะประมาท เพราะหากเทียบกันทั้งคู่มีปัญญาเท่าเทียมกัน ทรัพยากรเท่าเทียม แต่การที่ฮันนิบาลแพ้ในวันมันแค่เพราะความผิดพลาดเศษเสี้ยวระหว่างรบที่นำหายนะให้มาเท่านั้นเอง

    เอาเป็นว่ารายละเอียดลองไปอ่านแผ่นพับใน http://www.atc-rta.com/63-66%20AW.pdf ล่ะกัน

    ในการ์ตูนนั้นแม้จะทะเลาะกับฮันนิบาลจนดูเหมือนไม่ถูกกัน แต่ความจริงแล้วลึกๆ แล้วสกีปีโอนับถือฮันบิบาลมากๆ ว่าเขามีค่าเท่ากับคนหนึ่งล้านเลยทีเดียว (ซึ่งก็มีจริงเพราะกลยุทธ์ของฮันนิบาลนั้นโรมเอามาปรับใช้และใช้ได้ผลในหลายศึกด้วยกัน โรมน่าจะขอบคุณฮันนิบาลด้วยซ้ำ)

     

     

    นาโอชิ คานโนะ(1921-1945)

     

                    ระหว่างการต่อสู้ราชาทมิฬในเล่มแรก จู่ๆ ที่ท้องฟ้าได้มีอะไรบางอย่างโผล่ออกมา จนคนอ่านตกตะลึง (ปนฮ่า) มันคือเครื่องบินของจักรวรรดิญี่ปุ่นสงครามโลกและผู้นั่งก็คือนักบินเรือโท นาโอชิ คานโนะแห่งจักรวรรดิญี่ปุ่น

                    คนไทยอาจไม่คุ้นหูมากนัก แต่สิ่งที่หลายคนรู้คือเครื่องบินรบจู่โจมของญี่ปุ่นนั้นเร็วและเก่งกาจมากๆ ที่สามารถเล่นงานฝ่ายพันธมิตรได้อย่างปั่นป่วยมาแล้วในสงครามโลกครั้งที่สอง ส่วนเรือโท นาโอชิ คานโนะอาจไม่ได้เป็นที่รู้จักของคนไทยมากนัก แต่ถือว่าเป็นนักบินที่เก่งกาจคนหนึ่ง ซึ่งเขาและสหายของเขาถูกตั้งฉายาว่า “นักรบสีเหลือง” มีฝีมือในฐานะนักบินขับไล่ที่เก่งกาจ และผ่านสมรภูมิหลายศึก

                    อย่างไรก็ตาม สุดท้ายเขาก็เสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ระหว่างการต่อสู้ทางอากาศที่เกาะทางใต้ของคิวซู ซากศพของเขาไม่ถูกพบ ต่อมาก็ได้เลื่อนศพเป็นร้อยเอกและชื่อเขาก็ประดิษฐานในศาลเจ้าในกรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น

    ส่วนเครื่องบินที่นายทหารคนนี้ขับตอนแรกผมก็นึกว่าเครื่องบินซิโร่ แต่เมื่อค้นในกูเกิลก็พบว่าเครื่องบินที่ว่าคือ Kawanishi N1 K2-J (อีกรุ่นจะเป็นสีม่วง) ซึ่งเท่าที่ดูน่าจะเป็นรุ่นที่ผลิตในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 กล่าวกันว่าเป็นเครื่องบินที่ดีที่สุดของฝ่ายจักรวรรดิญี่ปุ่นแล้ว และสามารถดูดซับการโจมตีทนทาน อีกทั้งอาวุธก็หนัก แต่อนิจจาที่การผลิตดันมาออกปลายสงครามโลก ทำให้ไม่สามารถวิถีสงครามให้จักรวรรดิญี่ปุ่นชนะศึกได้

                    ในการ์ตูนแสดงให้เห็นว่านายทหารคนนี้เลือดรักชาติอย่างรุนแรง เมื่อเขาพบทัพมังกรของราชาทมิฬเผาบ้านเรือนชาวบ้าน ทำให้เขานึกถึงสหรัฐทิ้งระเบิดใส่กรุงโตเกียว จึงจัดการสอยมังกรไปหลายตัว ก่อนที่เครื่องบินจะตกและพบชนเผ่ามนุษย์หมาป่าและกลายเป็นผู้นำ ต่อจากนั้นก็ได้พบสกีปีโอที่พลัดหลงกับผู้ผลัดหลงคนอื่นๆ และการจับคู่ของสองทั้งคู่จะเป็นเช่นไรก็ติดตามต่อไป 

     


     บุทช์ แคชสิดี้ (1866 1908)

     

    ซัน ด๊านซ์ คิดและ บุทช์ แคชสิดี้ (มีบางคนเข้าใจผิดว่าบุทช์เป็นบิลลี่ เดอะ คิด) สองคู่หูคาวบอย ซึ่งหากเทียบกับตัวละครอื่นๆ ในการ์ตูนพวกเขาไม่มีค่า พลังการปกครอง พลังโน้มนาวใจคน หรือบัญชาการทหารอะไรสักอย่าง เพราะทั้งคู่เป็นจอมโจรสองสิงห์ชาติไอ้เสือกระฉ่อนผู้นำของแก๊งไวลด์บันช์ ( Butch Cassidy's Wild Bunch) ของอเมริกาตะวันตกในช่วง 1900 นั้นเอง

    บุทช์ แคชสิดี้ มีชื่อจริงว่าโรเบิร์ต ลีรอย พาร์คเกอร์ เกิดในยูทาร์ ในครอบครัวที่นับถือนิยายนอร์มอน ออกจากบ้านในช่วงวัยรุ่นตอนต้น ก่อนที่จะกลายเป็นโจรในที่สุด และต่อมาเขากับเพื่อนก็ได้ตั้งแก๊งค์ขึ้นมาโดยมีเขาเป็นผู้นำ และเนื่องจากเป็นคนที่มีไหวพริบและฉลาด อีกทั้งหน้าตาดีทำให้เสน่ห์ของแก๊งนี้เป็นที่รู้จักกันมาก และเริ่มมีชื่อเสีย (ง) กระฉ่อน จากการปล้นรถไฟ ธนาคาร หรือรถขนเงินของบริษัทต่างๆ (แก๊งนี้มีนโยบายไม่ฆ่าคน หากไม่จำเป็นจริงๆ) ซึ่งเพราะชื่อเสียงนี้เองทำให้ทางการต้องการจับพวกเขามาลงโทษเป็นอย่างมาก

     


    ซัน ด๊านซ์ คิด (1867-1908)

     

    ส่วนซัน ด๊านซ์ คิด มีชื่อจริงว่า Harry Alonzo Longabaugh อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ทางตอนเหนือของรัฐเพนซิลเวเนีย ออกจากบ้านเมื่ออายุ 15 ปี และการเป็นโจรทั้งๆ ที่อายุพึ่งถึง 20 ปีและติดคุก ต่อมาก็เข้าร่วมกับแก๊งค์ของบุช ก่อคดีปล้นมากมาย จนทางการต้องการตัว และต้องหนีหัวซุกหัวซุน โดยซันดันซ์, บุช และแฟนของซันด๊านซ์ต้องหนีไปอเมริกาใต้ด้วยชื่อปลอม ไปยังประเทศอาร์เจนติน่า

    หลังอยู่อย่างสงบแบบคนธรรมดาได้ประมาณ 2 - 3 ปี จนเกิดความรู้สึกเบื่อและสัญชาติญาณของนักปล้นก็กลับคืนมาอีก เพราะพวกเขาต้องการเงินที่ได้มาง่าย ๆ มากกว่าความยากลำบากในการทำไร่ บุช และ ซันด๊านซ์ ออกปล้นธนาคารอีกครั้งแถว ๆ นั้น และต้องถูกกองทหารของโบลีเวีย ยกกำลังเข้าล้อม และสองคู่หูก็โดนห่ากระสุนปืนนอนจมกองเลือดแล้วตายไปในที่สุด (อย่างไรก็ตาม ต่อมามีการเปิดเผยว่าสองคู่หูมีชีวิตอยู่ ทั้งคู่ได้กลับไปอเมริกาและใช้ชีวิตปั่นปลายและตายในอีกหลายปีต่อมา ซึ่งจนบัดนี้ก็ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าเรื่องไหนเป็นจริง)

    หนึ่งในฉากที่ผมชอบในเรื่อง คือโนบุนากะเห็นปืนของสองคาวบอยแล้วตาลุกราว ก็แน่ล่ะสิ เพราะปืนแต่ล่ะกระบอกดีกว่าปืนไฟมากๆ อีกทั้งหนึ่งในนั้นก็มีปืนกลอีกต่างหาก หากเอามาก็อปนี้กองทัพเทพชัดๆ  

      

     

    และนี่คือข้อมูลของตัวละครหลักในเรื่องจนปัจจุบัน (ตอนที่เขียน Drifters ดำเนินเนื้อเรื่องมาถึงตอนที่ 35) ซึ่งผมเชื่อว่าใครที่อ่านการ์ตูนเรื่องนี้แบบไม่เปิดกูเกิลดู ย่อม งง เป็นไก่ตาแตกแน่นอน พร้อมกับตั้งคำถามว่า “ตัวละครนี้คือใครกันน่อ?”, “ฮันนิบาลเป็นใครกันอ่ะ?”, “มุกที่ตัวละครพูดมันมีความหมายว่าอะไร?” เพราะคนไทยไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้สักเท่าไหร่ เพราะประวัติศาสตร์นั้นถือว่าเป็นหนึ่งในวิชาน่าเบื่อในชั้นเรียนของประเทศไทยเราก็ว่าได้ (ขนาดผมเองรู้จักแค่บางคน และผมชอบประวัติศาสตร์)

                    เสียดายลิขสิทธิ์ของสยามไม่มีเชิงอรรภอะไรเลยแม้แต่น้อย ว่าบุคคลที่ปรากฏในเรื่องนั้นเป็นใคร (อาจเป็นเพราะต้นฉบับเองไม่มี เลยไม่จำเป็นต้องทำเชิงอรรภเอง) ไม่มีแม้กระทั่งเชิงอรรภเล็กๆ ที่โนบุนากะชื่อสงครามของเขา หรืออธิบายชื่อของลูกน้องเลยแม้แต่น้อย

     

                    ดังนั้นเวลาอ่านการ์ตูนเรื่องนี้ต้องขยันหาข้อมูลในกูเกิลหน่อยครับ ไม่งั้นเด็กไทยตาดำๆ นี้ งง แด๊ก แน่นอน  มันอาจยุ่งยากไปบ้าง (อีกทั้งคนดังในประวัติศาสตร์บางคนในการ์ตูนเรื่องนี้ไม่คุ้นหูคนไทยเลย) แต่ก็ถือว่าสนุกดีครับ ได้ดูเรื่องราวเรื่องๆ ของพวกเขานี้ก็ตกใจเหมือนกันว่าพวกเขาเก่งขนาดนี้เลยเหรอ

    การได้รู้ประวัติศาสตร์ของโลกไม่น่าเบื่อสักนิด เพราะประวัติศาสตร์สอนให้เราได้เรียนรู้อะไรต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นข้อคิดที่เอามาประยุทธ์ใช้กับชีวิตประจำวัน วิชัยสงครามก็คือการจัดการทรัพยากรและการปกครองคนจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นการเรียนรู้ความผิดพลาดของคนโบราณ การให้โลกตะหนักถึงความโหดร้าย สงครามที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น เป็นบทเรียนต่อคนรุ่นลูกรุ่นหลานสืบไป ฯลฯ

                    เสียดายอย่าง ที่การ์ตูนไทยไม่ได้ทำแนวนี้มากนัก ที่เอาบุคคลประวัติของโลกมายำ มาต่อสู้กัน อยากเห็นไหมนายขนมต้ม (เทพมวยไทย) สู้กับซีอุย (ฆาตกรต่อเนื่องกินตับเด็ก) มันคงสนุกพิลึก ล่าสุดมีการ์ตูนสยามเรื่องหนึ่งก็เอาบุคคลสำคัญของไทยกับตัวละครรามเกียรติ์มายำบ้าง แต่ก็ยังน้อยอยู่ดี ผมว่าน่าจะสนับสนุนให้ทำเยอะๆ หน่อย เพราะเป็นการกระตุ้นให้เด็กไทยสนใจประวัติศาสตร์ไทยบ้าง เพราะเดี๋ยวนี้ประวัติศาสตร์ของไทยไม่ค่อยได้รับความสนใจเท่าไหร่ เราไม่ค่อยรู้เรื่องราวความเสียสละของนักรบบางระจัน ไปจนถึงการกอบกู้เอกราชทั้ง 2 ครั้งของไทยมากนัก ถ้ามีการ์ตูนที่ดำเนินเรื่องแบบมังงะและนำเหตุการณ์พวกนี้ใส่เข้าไปในเรื่องน่าจะได้รับความสนใจบ้างขึ้นไม่มากก็ไม่น้อย

                    นอกเรื่องแล้วล่ะ กลับมาพูดถึงการ์ตูนเรื่องนี้ต่อ Drifters ยังคงเป็นสไตล์มังงะของคนเขียนเช่นเดียว ใครที่ติดตาม Hellsing มาแล้วคงคุ้นเคยกันดีกับบรรยากาศมืดๆ ทึมๆ ฉากเลือดสาดกระจาย บางครั้งก็สอดแทรกฉากหดหู่ (ความตาย การข่มขืน เสียงกริ๊ดร้องทรมาน) มีเรื่องศาสนาให้ตีความกันเล่นๆ ขำๆ แต่จุดเด่นสุดๆ ก็คงเห็นไม่เกิน ฉากต่อสู้ ถูกโรคของคนชอบแอ็คชั่น แม้ไม่ได้บู๊กันทั้งเรื่อง แต่กับเต็มไปด้วยอารมณ์ความสะใจ เพราะตัวร้ายที่พระเอกฆ่านี้ทำได้สมควรตายจริงๆ (ไม่ว่าจะเป็นข่มขืนพวกสาวเอลฟ์, ชอบดูถูกคนอื่น, รังแกชาวบ้านทำลายผู้บริสุทธิ์ การกระทำของพวกมันสมควรตายทั้งสิ้น) ในฉากที่โนบุนากะทำศพผสมกับขี้เพื่อทำดินปืน (ส่วนผสมง่ายๆของดินปืนคือ ขี้ค้างคาว ดินประสิว โปแทสเซียมไนเตรต) 75% ผงถ่าน 10% กำมะถัน 15% โดยปริมาตร นำมาบดรวมกัน)  หรือเป็นฉากที่โนบุนากะสั่งพวกเอลฟ์ยิงธนูประหารพวกเจ้าเมืองที่รังแกพวกเอลฟ์มานานทำได้สะใจพระเดชพระคุณผมจริงๆ

                    ส่วนด้านการสอดแทรกเกร็ดประวัติศาสตร์ก็แทรกได้น่าสนใจ (แต่ไม่มีเชิงอรรภ) ไม่ว่าจะเป็นมุกตลก หรือบุคลิกของตัวละครที่ตรงประวัติศาสตร์ (แต่จะมีของรัสปูตินอย่างเดียวที่ผมไม่ชอบการออกแบบสักเท่าไหร่ อยากให้มันหนวดรุงรัง หน้าตาน่ากลัวกว่านี้ ซึ่งผมเชื่อว่าคนเขียนน่าจะทำได้ดีกว่านี้ด้วยซ้ำ) ไปจนถึงกลยุทธ์ที่ใช้ในสนามรบก็ยังคงมีเอกลักษณ์สำหรับบุคคลนั้นๆ

     

     

    “พูดญี่ปุ่นไม่ได้ก็ไปตายซะ!
    (นี่คือคำพูดถึงผู้กล้า?)

     

    ครั้งหนึ่งผมเคยตั้งคำถามกับตัวเอง หลังจากอ่านการ์ตูนแนวโลกแฟนตาซีทั่วไป เวลาอัญเชิญผู้กล้าจากโลกอื่น (โลกอื่นที่ว่าคือโลกของเรานั้นแหละ) ทำไมผู้กล้าที่ถูกรับเลือกส่วนมากเป็นคนดี คนธรรมดา (ความฉลาดก็งั้นๆ การต่อสู้ก็ไม่เก่งเท่าไหร่) แต่นิสัยมองโลกในแง่ดี  ขี้เล่น มีคุณธรรมสูง มีความมุ่งมั่นตั้งใจ แม้จะแพ้หลายคนก็ไม่ท้อถอย พูดง่ายๆ สูตรสำเร็จน้ำเน่ามากๆ ทำไมไม่เอาคนรับเลือกที่เก่ง (ฝีมือดาบดีเทพ วางแผนอัจฉริยะไปเลย) มัวแต่ขุน (ฝึกวิชา เฮฮาปาร์ตี้) อยู่นั้นแหละ

    พอมาอ่านการ์ตูนเรื่องนี้ มันช่างโดนใจผมจริงๆ เมื่อผู้กล้าที่ถูกรับเลือก (หลงเข้ามาในต่างมิติ) ไม่ใช่คนธรรมดาเหมือนเรื่องอื่น เพราะเอาพวกคนธรรมดามันปั้นเป็นผู้กล้ามันช้าไป เลยเอาพวกเทพมาเลย ไม่ว่าจะเป็นนักฆ่า, นักการทหาร, จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่, ขุนพล ซึ่งล้วนมีชื่อเสียงประวัติศาสตร์ทั้งสิ้น  มาถึงก็ใช้งานได้เลย ไม่ต้องจับฝึกอะไรอีก

                    จะว่าไปบุคคลในประวัติศาสตร์ที่ถูกเรียกมาจากต่างมิติส่วนใหญ่ก็ถูกเรียกขานว่า “ผู้กล้า” เหมือนกัน แต่แตกต่างจากผู้กล้าที่เราเราวาดฝันโดยสิ้นเชิง เพราะผู้กล้าที่ว่าล้วนเป็นบุคคลเปื้อนเลือด วีรกรรมของพวกเขานั้นมีทั้งด้านดีและไม่ดีปะปนกันไป จนไม่สามารถพูดได้ว่าผู้กล้าแห่งคุณธรรมได้ซ้ำ

    ที่น่าคิดต่อมา คือนิยามของคำว่าผู้กล้านั้นไม่มีในโลกแห่งความจริง ไม่มีผู้กล้าคนไหนไม่ฆ่าคนมาก่อน ไม่มีใครทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ไม่มีใครทำอะไรให้ฟรีๆ กอบกู้โลกเหรอ คุณธรรมเหรอ การให้อภัยเหรอ สิ่งแบบนี้มันมีอยู่จริงในสนามรบเหรอ?

    ลองมาคิดสิ ทั้งเรื่องเราเห็นพวกโนบุนากะช่วยเหลือพวกเอลฟ์ด้วยใจจริงหรือไม่ หรือตั้งใจจะสู้กองทัพอัศวินดำตามคำขอของยัยแว่นหรือไม่  คำตอบคือแค่ตอนแรกเท่านั้น ที่ช่วยเหลือพวกเอลฟ์ตอนแรกเพราะบุญคุณต้องทดแทน แต่ตอนหลังๆ การทำสงครามของพวกโนบุนากะเหมือนต้องการความสนุกมากกว่าที่จะทำเพื่อพวกเอลฟ์ พวกอมมนุษย์  

    เคยมีคำกล่าวว่าคนที่อยู่ในสงครามไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ ชีวิตของพวกเขาอยู่ในสนามรบเท่านั้น คนอย่างพวกโนบุนากะฆ่าคนมาก็มาก พอมาอยู่เฉยๆ นอนสบายๆ ก็คงไม่ชอบ คลั่งเนื้อคลั่งตัว อยากทำสงคราม อยากคุมของสู้รบ สงครามนี้จุดมุ่งหมายคืออะไรไม่รู้ละ รบและชนะเรื่อยๆ ดีกว่า อารมณ์ประมาณนี้แหละ (และนั้นเองทำให้เอลฟ์ที่มาใหม่ไม่ค่อยไว้ใจพวกโนบุนากะสักเท่าไหร่ เกิดวันไหน พวกเขาเบื่อ จากไป มันจะเกิดอะไรขึ้น ขนาดฮิตเลอร์เองยังทำมาแล้ว)

    สงครามนั้นไม่มีใครดีและใครชั่ว  มันอยู่ที่อุดมการณ์ของแต่ละคน เช่นความต้องการจะเป็นใหญ่เหนือคนอื่นของบางคน การแย่งชิงดินแดน หรือการคับแค้นใจที่อยากเป็นอิสระที่โดนกดขู่มานาน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหน สุดท้ายมันก็คือสงครามเปื้อนเลือด ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ฆ่าคนเหมือนกัน ฆ่าผุ้บริสุทธิ์ชาวบ้านเหมือนกัน ใช้ความรุนแรงแก้ปัญหาอยู่ดี

    ผู้กล้าในเรื่องจะเป็นคนดีหรือคนไม่ดีมันอยู่ที่มุมมองของพวกเรามากกว่า ว่าเรามองผู้กล้าพวกนั้นในรูปแบบใด มโนจิตสำนึกของเราเห็นผู้กล้าฆ่าคนชั่วเพื่อช่วยเหลือผู้อ่อนแอกว่า นั้นคือคนดี ในขณะที่เราเห็นผู้กล้าอีกกลุ่มหนึ่งฆ่าฟันผู้บริสุทธิ์ชาวบ้านเรียกว่าคนชั่ว แต่ถึงอย่างไรทั้งหมดก็คือการฆ่าคน นั้นหรือคือมุมมอง และอุดมการณ์ต่างกัน นั่นแหละคือมุมมองของเรา

    อย่างไรก็ตามเหล่าผู้กล้าก็มองมุมมองแบบเขา  บางครั้งการตัดสินใจของพวกเขานั้น พวกเขาเห็นว่ามันถูกต้องทำแล้วไม่ผิดอะไร ยกตัวอย่าง มีอยู่ฉากหนึ่งหลังจากสังหารที่พวกโนบุนากะจัดการสังหารทหารของอาณาจักรออร์แตได้ พวกโนบุนากะก็มีความคิดจะสร้างดินปืนจึงตัดหัวทหารมาฝังทำเครื่องหมายว่าเป็นสุสานฝังศพเอาไว้ ส่วนร่างกายที่เหลือเอาไปผสมดินปะสิว กองอุจจาระให้เน่าเปื่อย สำหรับสายตาของยัยแว่นซึ่งเป็นคนบนโลกแฟนตาซีแล้วรับไม่ได้ ที่เอาศพมาย่ำยีแบบนั้น แต่สำหรับพวกโนบุนากะแล้วไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะศพก็คือศพ ไร้ซึ่งความหมายใดๆ

    ทั้งหมดนี้คือมุมมองของพวกโนบุนากะ คนบนโลกแฟนตาซีเห็นว่าผิด แต่สำหรับพวกโนบุนากะเห็นว่ามันถูกไม่เป็นไร ซึ่งทั้งนี้อาจเป็นการ ความแตกต่างของยุคสมัย ความเชื่อ ธรรมเนียมล้วนส่งผลต่อมุมมองของเราทั้งสิ้น สิ่งที่พวกโนบุนากทำอยู่ใช่ว่าจะดีไปทั้งหมด แต่สำหรับมุมมองและความคิดของพวกเขาแล้ว พวกเขาว่าสิ่งนี้ดี มันถูกต้อง

     

     

    “พวกนายจะอยู่อย่างหมาหรือตายอย่างวีรบุรุษ”

     

                    จะสังเกตว่าพวกคนดังประวัติศาสตร์ที่เก่งเรื่องกลยุทธ์ทางการทหารนั้น มักมีมุมมองไม่เหมือนใคร มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลาแล้วแต่สถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นกองทัพของพวกโนบุนากะ หรือพวกราชาทมิฬ (หากสังเกตดีๆ ราชาทมิฬมีแผนที่ยึดป้อมปราการละเอียดเลยทีเดียว อีกทั้งมีการแบ่งหน่วยชัดเจนอีกต่างหาก) ไม่เหมือนฝ่ายตรงกันข้ามที่ยึดติดกับกับรูปแบบเก่า ประมาณฝ่ายตรงข้าม คิดว่าศักดิ์ศรีในสนามรบกินได้ ผลคือพ่ายแพ้เละไม่เป็นท่า เพราะโนบุนากะไม่ได้ยึดถือเรื่องศักดิ์ศรี พวกเขาวางแผนจะทำยังไงให้ชนะสงคราม จะใช้วิธีสกปรกยังไงก็ได้ เพื่อให้เสียหายน้อยที่สุด

    และด้วยมุมมองแบบนี้เอง ทำให้พวกโนบุนากะเหนือกว่าใคร สามารถเอาชนะศึกนับครั้งไม่ถ้วน คนเก่งไม่ใช่ขอแค่มีฝีมือเก่งดาบอย่างเดียวจะชนะสงครามไปซะหมด จะต้องมีมีมันสมองมีมุมมองและการคาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าด้วยควบด้วยถึงจะเก่งจริง นอกจากนี้ยังเก่งเรื่องจิตวิทยาการควบคุมคนจำนวนมากให้ทำตามแผนของเรา สิ่งเหล่านี้เราควรศึกษา ไม่ใช่มองว่าเขาเป็นคนเลวเหม็นขี้หน้าทั้งหมด

     

     

    Drifters เป็นการ์ตูนที่สนุกเพลินดี แม้เนื้อหาส่วนใหญ่จะเน้นฉากฆ่าเลือดสาดกระจาย เหมือนเป็นลายเซ็นของคนเขียน แต่กระนั้นก็แอบสอดแทรกบุคลิกและมุกตัวละครในประวิติศาสตร์เข้าไปด้วย ดังนั้นหากต้องการดูการ์ตูนเรื่องนี้สนุกเต็มร้อย ก็ต้องอ่านประวัติศาสตร์ของตัวละครในเรื่องแต่ละคนควบคู่ไปด้วย ยิ่งรู้มากยิ่งอ่านสนุก ประวัติศาสตร์ไม่น่าเบื่ออย่างทิ่ใด

    อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของการ์ตูนเรื่องนี้ ตอนใหม่ค่อนข้างออกมาช้ามาก กว่าจะรอตอนใหม่เล่นเอาลืมเหมือนกัน ซึ่งตอนนี้เนื้อหาก็ยังไม่ไปถึงไหน (กำลังรวบรวมเสบีย กำลังพลอยู่) แต่เชื่อว่าในไม่ช้าศึกใหญ่ก็คงกำลังมาไม่ช้านี้แล้ว ซึ่งจะเป็นอย่างไรกนั้นก็ติดตามต่ไป

    เออ ลืมไป Drifters ถูกนำไปสร้างเป็นอนิเมะแบบ OVA แล้ว ไม่รู้ว่ามาหรือยัง หรือไม่ก็เร็วๆ นี้แหละ (เพราะผมเห็นตัวอย่างในยูธูป)

      


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×