ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #271 : เล่าขานตำนาน Call of Duty : Modern Warfare (ฉบับโมเอะ)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 11.06K
      24
      16 ก.ค. 57

    มีคนเคยตอกกลับผมว่า “โมเอะไม่ใช่วัฒนธรรม”

    ตามความหมายวิกิพีเดีย วัฒนธรรม โดยทั่วไปหมายถึง รูปแบบของกิจกรรมมนุษย์และโครงสร้างเชิงสัญลักษณ์ที่ทำให้กิจกรรมนั้นเด่นชัดและมีความสำคัญ วิถีการดำเนินชีวิต ซึ่งเป็นพฤติกรรมและสิ่งที่คนในหมู่ผลิตสร้างขึ้น ด้วยการเรียนรู้จากกันและกัน และร่วมใช้อยู่ในหมู่พวกของตน ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามยุคสมัย และ ความเหมาะสม

    วัฒนธรรมส่วนหนึ่งสามารถแสดงออกผ่าน ดนตรี วรรณกรรม จิตรกรรม ประติมากรรม การละครและภาพยนตร์ แม้บางครั้งอาจมีผู้กล่าวว่าวัฒนธรรมคือเรื่องที่ว่าด้วยการบริโภคและสินค้าบริโภค

    โมเอะคือวัฒนธรรมหรือเปล่านั้น ผมไม่รู้ รู้แต่ว่าโมเอะเป็นสิ่งที่ญี่ปุ่นสร้างขึ้นมาเอง มีการพัฒนาอย่างยาวนาน จนกลายเป็นแบบเฉพาะตน และถูกฝังรากลึกในสังคมญี่ปุ่น เห็นได้จากการออกแบบผลิตภัณฑ์ หรือการโฆษณาสื่อต่างๆ ที่มักทำภาพน่ารักจูงใจผู้ซื้อ หรือผู้สนใจ รวมไปถึงทั่วโลก สร้างรายได้มหาศาลเข้าในประเทศญี่ปุ่นขณะนี้

    อย่างไรก็ตาม ในสายตาของใครหลายคน (อาจมีคนไทย และคนญี่ปุ่น) โมเอะ คือปัญญาอ่อน!!

    คุณรู้จักโมเอะดีขนาดไหน?

    สมัยก่อนนั้น ผม (และอาจหลายคน) เชื่อว่าคำว่า “โมเอะ” แปลว่าน่ารัก น่ารักที่ว่าคือเป้นความหมายค่อนข้างกว้างเหมือนกัน เป็นต้นว่า โมเอะแปลว่าน่ารักคือหากเราไปเจอของน่ารักเอ็นดูเช่นตุ๊กตาสัตว์พวกหมา แมว หมีพู เรามักอุทานว่า “โมเอะ” ซึ่งหมายถึงน่ารักเกินห้ามใจ ในขณะที่บางคนเชื่อว่าคำว่า “โมเอะ” แปลว่าน่ารักแบบแอ๊บแบ๊ว (เป็นคำวิเศษณ์ หมายถึง ทำท่าทางให้ดูน่ารักเหมือนเด็กใสซื่อ)

    ความหมายเหล่านี้ก็ไม่ผิดนัก เพราะคำว่า โมเอะ (moe) เป็นศัพท์สแลงในภาษาญี่ปุ่น มีความหมายถึงความรักความชอบหรืออารมณ์ทางเพศที่มีต่อตัวละครในมังงะ อะนิเมะ หรือวิดีโอเกม เพียงแต่ปัจจุบันสิ่งตัวละครที่หลายคนอุทานโมเอะนั้นไม่ใช่ตุ๊กตาสัตว์ หรือตัวละครที่ทำท่าทางน่ารักอีกต่อไป หากแต่เป็นตัวละครสาวน้อย (สาวแกร่ง) ที่มีความน่ารักมากกว่า ซึ่งสาวน้อยที่ว่าส่วนมากจะเป็นสาวที่ไม่บรรลุนิติภาวะหรือมีความเป็นวัยรุ่น และต้องเป็นสาวบริสุทธิ (ส่วนจะแปดเปื้อนแบบโดจินมืดก็ว่ากันไป)

     ในบทความ GS: The Deconstruction of Moe Subculture 01 ในต่างประเทศได้เขียนไว้วา ตัวละครโมเอะเป็นหนึ่งในการออกแบบพิเศษที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อจูงใจให้เกิดความใคร่ของคนที่ชอบน่ารัก ซึ่งมีแนวโน้มว่าคนที่ชอบของแบบนี้จะเป็นชายหนุ่มมากกว่าผู้หญิง ชายหนุ่มที่ว่าไม่ใช่เด็กประถม แต่เป็นชายที่อายุ 18-24 ปี ซึ่งเน้นเป็นคนญี่ปุ่นและเอเชีย มากกว่าชาวตะวันตก หรือสหรัฐ  ที่มักชอบผู้หญิงในลักษณะที่ออกมาแบบเซ็กซี่มีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่า

    (http://thoughtscream.wordpress.com/2009/02/11/gs-the-deconstruction-of-moe-subculture-01/)

    และที่น่าสนใจคือตัวละครโมเอะผู้หญิงนั้นไม่ได้มีแบบเดียวอีกต่อไป ไม่ได้เป็น “ยามาโตะนาเดชิโกะ” (กุลสตรีของญี่ปุ่น) อย่างเดียว แต่มีการเพิ่มบุคลิก คาแร็กเตอร์ในจินตนาการของผู้ชายมากมาย

    ในประเทศญี่ปุ่นแล้ว เพศหญิงยังคงเป็นอ่อนแอ อ่อนน้อม แต่ในขณะเดียวกัน ในอีกมุมมองหนึ่ง ผู้หญิงคนญี่ปุ่นลึกๆ แล้วในจิตใจมีความแข็งแกร่ง ใจเด็ด มากกว่าผู้ชายหลายเท่า แม้คุณเธอภายนอกจะเป็นสาวน้อยที่ดูแล้วน่าปกป้องก็ตาม ซึ่งนั้นก็ได้กลายเป็นที่มาของการออกแบบสาวน้อยโมเอะจนถึงยุคปัจจุบันนั้นเอง

    แน่นอนว่าสาวโมเอะนั้นมีหลายแบบ ซึ่งปัจจุบันสาวโมเอะที่เกี่ยวข้องกับทหารนั้นกำลังมาแรง ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์ของทหาร, เครื่องจักรกล, ยานพาหนะสงคราม (เครื่องบิน, เรือรบ, รถถัง) เห็นได้จากเกม Kantai Collection สาวน้อยโมเอะเรือรบ เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น (แบบเปรี้ยงเลย เพราะจู่ๆ โดจินก็โผล่มา ผมแอบ งง ว่ามันคืออะไร) หรือกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นเอาภาพโมเอะมาโฆษณาดึงดูดให้มีคนเข้าสมัครเป็นทหารมากขึ้น สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นชัดว่าโมเอะนั้นเป็นที่นิยมในหมู่หนุ่มๆ ผู้ชอบของน่ารัก ไม่ได้มีเพียงผู้หญิงที่ไม่ได้ชอบของน่ารักอย่างเดียวแล้ว

    สาเหตุที่นิยมก็ง่ายนิดเดียว ทุนเดิมผู้ชายชอบเรื่องสงคราม อาวุธปืน อะไรอยู่แล้ว ยิ่งมีพวกสาวน้อยเข้ามาเกี่ยวข้องอีกก็ยิ่งกระตุ้นเรื่องอารมณ์ทางเพศมาขึ้น

    ภาพของสาวน้อยน่ารักวัยกระเตาะที่ยังไม่เติบโตเต็มที่ในชุดทหาร  ในมือถือปืน จนดูขัดแย้ง (น่าเอ็นดู) อย่างชัดเจน  กลายเป็นสิ่งที่พบเห็นบ่อยครั้งในสื่อการ์ตูนญี่ปุ่นในขณะนี้ มันไม่ใช่การ์ตูนสำหรับผู้หญิง แม้ทั้งเรื่องไม่มีตัวละครชายเลยก็ตาม แต่เป็นการ์ตูนสำหรับชายหนุ่มผู้หลงรักสาวน้อยน่ารัก


     

    [NEET(aoki47)]Rendezvous! (Call of Duty : Modern Warfare)

     

    ญี่ปุ่นชอบเอาอะไรหลายอย่างเปลี่ยนให้โมเอะ (เครื่องบินรบ แมลงสาปก็เคยทำให้โมเอะมาแล้ว)  ที่น่าสนใจคือสิ่งที่หลายคนไม่คิดว่าจะโมเอะได้ ญี่ปุ่นก็ทำให้โมเอะจนได้  เป็นต้นว่า คือญี่ปุ่นได้นำเผด็จการที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 20 มาเปลี่ยนเป็นสาวน้อยโมเอะ ในเชิงล้อเลียนและขบขันมาแล้วในชื่อ Nyotaika!! Sekai no Dokusaisha Retsuden (Dictators transformed into Moe Girls)  ขายในย่านอากิบาระ ซึ่งการทำแบบนี้กระดุ้นให้หลายคนศึกษาประวัติศาสตร์ของต่างประเทศมากขึ้นอีกทางหนึ่ง

    รายละเอียด http://www.dek-d.com/board/view/2642391/

    แต่บทความนี้ไม่ได้พูดถึงประวัติศาสตร์ผู้นำโมเอะแต่อย่างใด แต่จะพูดเรื่องคล้ายๆ กัน คือการนำสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้โมเอะน่ารักได้ แต่ญี่ปุ่นทำไปแล้ว นั้นคือการเอาตัวละครในเกม Call of Duty : Modern Warfare มาเปลี่ยนเป็นสาวน้อยโมเอะน่ารักซะงั้น

     Call of Duty เป็นซีรีย์ แฟรนไชส์ ของวีดีโอเกมที่มีชื่อเสียง จัดจำหน่าย Activisionและหลายคนรู้จักเกมกันดี โดยปัจจุบันตัวเกมมีการแตกหน่อเป็นหลายซีรีย์ ซึ่งก่อนหน้านั้นซีรีย์เกมเป็นเกมที่มีธีมอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นหลัก (Call of Duty (ออกครั้งแรกปี 2003) , Call of Duty 2 (2005) , Call of Duty 3 (2007)  และCall of Duty 5 (2009) ไม่นับซีรีย์เสริมประจำคอนโซล และเกมพกพา) ก่อนที่จะแตกหน่อเป็น  Call of Duty 4: Modern Warfare (2008) ที่ธีมเป็นสงครามยุคปัจจุบัน กับ Black Ops (ที่มีเนื้อเรื่องเป็นสงครามเย็น ส่วน Black Ops 2 มีส่วนผสมของโลกอนาคตด้วย) และปัจจุบันมีซีรีย์ Call of Duty: Ghosts (2013) และยังคงมีการประกาศสร้างภาคใหม่เรื่อยๆ ซึ่งแฟนๆ ผลงานก็ติดตามกันตลอดมา อย่างเหนียวแน่น (แม้ช่วงหลังๆ เริ่มไม่เป็นที่ถูกใจของคนเล่นก็ตาม เพราะช่วงหลังๆ สงครามไม่มันเลย)

    ปกติแล้ว ตลาดเกมตะวันตกชื่นชอบเกมที่มีธีมเกี่ยวกับสงคราม โดยเฉพาะสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะเป็นสงครามยิ่งใหญ่ของมวลมนุษย์ที่หลายคนอยากเข้าไปสัมผัสสักครั้ง แม้จะเป็นโลกในวีดีโอเกมก็ตาม แต่โลกที่ว่านั้นมันช่างสมจริงราวกับสมผัสยามรบจริงๆ  ตัวเองถูกสมมุติเป็นทหารพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สอง ต่อสู้กับพวกข้าศึกนาซีหรือญี่ปุ่น  บรรยากาศที่เต็มไปด้วยซากบ้านเรือนปลักหักพัง เสียงระเบิด เสียงปืน เสียงร้องโหยหวนของทหารหลายเราและศัตรู การฆ่าฟันกัน สิ่งเหล่านี้ในวีดีโอเกมเก็บบรรยากาศครบถ้วน

    แน่นอนว่า เกมที่ธีมสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นมีหลายแนว เป็นต้นว่าเกมแนววางแผนที่เราเล่นแล้วเสมือนหนึ่งเป็นจอมพลที่สามารถเปลี่ยนประวัติศาสตร์ได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ปลายนิ้ว, หรือแนวขับรถถัง หรือเครื่องบินในสมรภูมิรบ ฯลฯ

    อย่างไรก็ตาม แนวเกมสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ฮิตอันดับต้นๆ ก็คือแนว First-person shooter (หรือแนวยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง) หรือเอาง่ายๆ เกมเดินหน้า ยิง ฆ่าลูกเดียว ที่เราต้องควบคุมตัวละครในเกมจับอาวุธมีดหรือปืนยิงพวกศัตรูในเรื่อง หลายคนที่เล่นเกมแนวนี้ได้ให้ความเห็นว่าเวียนหัวสิ้นดี  เพราะว่าหลายคนไม่ถนัดการมองมุมบุคคลที่หนึ่งมากนักนั้นเอง

    สมัยก่อนนั้นเกมแนวยิงบุคคลที่หนึ่งที่ธีมเป็นแนวรบสงครามนั้น แม้จะมีเกมออกมาหลายเกม แนวก็คล้ายๆ กัน แต่เกมดังๆ นั้นหลายคนรู้จักกันไม่กี่เกม โดยหลายคนจดจำการขับเคี่ยวของสองเกม Call of Duty และ Medal of Honor (ออกเมื่อ 1999-2002)  นอกจากนี้ยังมีเกม Battlefield เป็นตัวสอดแทรกด้วย (ซึ่งปัจจุบัน Battlefield กลายเป็นเกมสงครามสมัยใหม่ที่ดีที่สุดไปแล้ว และสามารถต่อกรกับ Call of Duty อย่างไม่กลัวเกรงเลยแม้แต่น้อย)

    Call of Duty และ Medal of Honor ต่างต่อสู้กันเข้าหั่นกันมาอย่างยาวนาน ต่างฝ่ายต่างส่งซีรีย์ใหม่ๆ มาเรื่อย   Call of Duty  อย่างไรก็ตาม Call of Duty ดูเหมือนจะเหนือกว่า เพราะภาคแรกนั้นได้รับเสียงตอบรับเยี่ยม และกวาดรางวัลมากมาย รวมไปถึงเกมแห่งปี 2003 และเกมคอมพิวเตอร์ยอดเยี่ยมแห่งปีด้วย

     

    Call of Duty 4: Modern Warfare

     

    Call of Duty จะนำหน้ากว่า Medal of Honor ทุกหนึ่งก้าว ในช่วงปี 2005 ก็มีการวางจำหน่าย Call of Duty 2 ซึ่งนอกเหนือจากภาพจะอลังการกับฉากนองเลือดสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว ยังมีระบบพลังชีวิต ที่สมัยก่อน เกมแนวบุคคลที่หนึ่งจะมีระบบพลังชีวิตของเราเป็นหลอดเลือด ซึ่งหากเราได้รับความเสียหาย จนหลอดเลือดหมด เราจะตาย และเริ่มต้นใหม่  (ที่จุดเริ่มต้น หรือจุดเซฟ)  ซึ่งหากไม่ต้องการที่จะตาย ก็ต้องเติมพลังชีวิตด้วยการ เก็บกระเป๋าพยาบาล หรืออะไรที่เพิ่มหลอดเลือด

    แต่อย่างไรก็ตาม Call of Duty 2 ภาคนี้ไม่มีระบบหลอดเลือด  ประมาณว่า ไม่มีขีดพลังบอก แต่ถ้าคุณโดนโจมตีหนักๆ หน้าจอคุณจะมีสีแดง (หลังๆมีหยดเลือดสาด) ประหนึ่งเลือดเข้าตาเลยทีเดียว นั่นแสดงว่าคุณกำลังตายแล้ว ให้หมอบหาที่กำบังไม่ให้ถูกโจมตี รอสักพักแล้วหน้าจอจะกลับมาเป็นปกติ ก็แสดงว่าคุณพ้นอาการโคม่าแล้ว (ผมไม่รู้ว่ามีเกมอื่นๆ ที่มีระบบที่ว่าก่อนหรือเปล่า แต่ Call of Duty ทำให้ผมรู้จักระบบแบบนี้)  ภายหลังระบบพลังชีวิตนี้ได้กลายเป็นระบบที่พบเห็นโดยทั่วไปในเกมมุมมองบุคคลที่หนึ่ง ในขณะที่ตอนนั้น Medal of Honor ยังคงใช้ระบบหลอดเลือด เช่นเดิม (Medal of Honor: European Assault)

    อย่างไรก็ตามจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ทำให้ Call of Duty แซงหน้า Medal of Honor อย่างเด็ดขาด ก็คือในปี 2008 ก็มีการเปิดตัว Call of Duty 4: Modern Warfare ซึ่งเป็นภาคแรกที่ธีมเป็นสงครามในยุคปัจจุบัน (ที่ถูกสมมุติเรื่องราวขึ้นมาใหม่)

     ซึ่งนอกจากเราจะได้เห็นการต่อสู้กับสงครามสมัยใหม่ ได้เห็นอาวุธสมัยใหม่แล้ว ยังมีความอลังการมากขึ้น ที่น่าสนใจคือเกมนี้เริ่มให้ความสำคัญกับเนื้อเรื่องมากขึ้น ซึ่งจากที่ผ่านมาเกมแนวยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่งของ Call of Duty ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเนื้อเรื่องที่เป็นเรื่องเป็นราวมากนัก แต่เกมนี้เริ่มให้ความสำคัญมากขึ้น วางบทตัวละครต่างๆ ในอย่างนุ่มลึกและโดดเด่น เชื่อมโยงกันและกัน จนบรรจบกันอย่างลงตัว

    แม้ว่าเหตุการณ์ในเกม สงครามสมรภูมิจะถูกสมมุติขึ้น แต่กระนั้นก็อยู่ในพื้นฐานที่ทำให้ผู้เล่นรู้สึกเกิดสะเทือนใจในเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังก่อการร้ายบุกยึดซาอุดิอาระเบีย กลุ่มก่อการร้ายยึดฐานปล่อยจรวดนิวเคลียร์ ไปจนถึงสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่อาจเกิดขึ้นจริงระหว่างรัสเซียและอเมริกา ไปจนถึงเหตุการณ์พื้นที่อันตรายของโลกอย่างโซมาเลียกับสลัมบราซิล จนดูเหมือนว่าสงครามแบบนี้อาจเกิดขึ้นจริง

    ด้วยกราฟฟิก อลังการ (สมจริง) ระบบเกมและเนื้อเรื่อง เกมได้รับการตอบรับดีล้นหลาม จนกลายเป็นเกมที่ดีเกมหนึ่งแห่งปี กวาดรางวัล และสร้างรายได้มหาศาล ทำให้มีภาคต่อภาคอื่นๆ ตามมาหลายภาค

    นอกจากนี้ตอนเกมที่ออก ทั่วโลกเริ่มให้ความสำคัญกับการก่อการร้ายสมัยใหม่มากขึ้น จากสมัยก่อนเราไม่รู้ถึงภัยเหล่านี้เลย หากแต่หลังเกิดเหตุการณ์ 9/11 อเมริกาประกาศสงครามก่อการร้าย เป็นเหตุทำให้โลกเริ่มตื่นกลัวกับภัยก่อการร้ายมากขึ้น ว่าไม่ใช่ภัยที่อยู่ไกลจากตัวเราแต่อย่างใด

    ส่วน Medal of Honor เวลานั้นยังคงธีมสงครามโลกครั้งที่ 2 อยู่ แม้ว่าภาคต่อมาจะเป็นสงครามสมัยใหม่ แต่ขาดความเป็นของตัวเอง ทำให้ผลตอบรับไม่ดีนัก และหลังจากนั้นเป็นต้นมาซีรีย์ Medal of Honor ก็ไม่โดดเด่นในยุทธจักรวงการเกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่งแนวสงครามเหมือนเมื่อก่อนอีก

     
     

    กัปตัน ไพรซ์ (Captain Price) หรือให้กัปตัน โจ ไพรซ์  เรียกฮ่าๆ ว่า “กัปตัน ราคา”  เป็นตัวละครเด่นประจำซีรีย์ Call of Duty : Modern Warfare ซึ่งเป็นตัวละครที่ได้รับแรงบัลดาลใจมากจากบุคคลจริงๆ คือ  John McAleese เป็นหนึ่งในทหารอังกฤษ สังกัดกองกำลัง SAS เคยมีประสบการณ์ในการยับยั้งการปิดล้อมสถานทูตอิหร่านในใจกลางกรุงลอนดอนในปี 1980 โดยเอกลักษณะของเขาก็คือการไว้หนวดรูปเกือกม้า ซึ่งเสียชีวิตในวันที่ 26 สิงหาคม 2011 ด้วยอายุ 62 ปี

    กัปตัน ไพรซ์ปรากฏตัวครั้งแรกใน Call of Duty และ Call of Duty 2 ซึ่งเป็นทหารอังกฤษรบกับพวกนาซีในยุโรปและแอฟริกา ซึ่งสุดท้ายเขาถูกยิงตายในขณะทำภารกิจจมเรือนาซีใน Call of Duty ดังนั้นกัปตัน ไพรซ์ที่ปรากฏใน Call of Duty : Modern Warfare เป็นคนละคนกับ กัปตัน ไพรซ์ ที่ปรากฏใน Call of Duty

    กัปตัน ไพรซ์ที่ปรากฏใน Call of Duty : Modern Warfare เป็นผู้นำของหน่วย S.A.S.  (สเปเชียลแอร์เซอร์วิส Special Air Service เป็นหน่วยรบพิเศษทางอากาศแห่งกองทัพอังกฤษ)  และผู้บัญชาการทีม Bravo 6 เป็นหัวหน้าที่รักและให้ความสำคัญกับลูกน้อง แต่ถ้าเป็นพวกก่อการร้ายแล้วจะไม่ปราณีอะไรทั้งสิ้น

    ส่วนเมื่อกัปตันไฟรซ์กลายเป็นสาวน้อยผมสั้นป๊อบ สีส้ม (ซึ่งถือว่าเป็นทรงนางเอกได้) ไม่ได้ใช้คาแร็คเตอร์สาวใหญ่เป็นพื้นฐาน (ปกติหากเป็นชายแก่เมื่อหากเปลี่ยนเป็นโมเอะ จะใช้สาวใหญ่ สาวที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่า เพื่อบ่บอกถึงตัวละครที่มีประสบการณ์มาก)  แต่กระนั้นก็มีแววตาดุดัน แลดูเยือกเย็น และที่ขาดไม่ได้คือหมวกผ้าใบตัวเก่งประจำตัว

     

    กลับมาเข้าเรื่องโมเอะกันต่อ [NEET(aoki47)]Rendezvous! (Call of Duty : Modern Warfare) เป็นผลงานรวมภาพคาแร็คเตอร์ตัวละครจาก Call of Duty : Modern Warfare ทั้งสามภาค กลายเป็นตัวละครสาวน้อยโมเอะ ซึ่งหลายคนคงรู้ว่าเกมนี้แทบไม่มีตัวละครที่เป็นผู้หญิงเลย (อย่างน้อยภาค 3 ก็มีตัวละครผู้หญิงคนหนึ่ง ลูกสาวประธานาธิบดีรัสเซียไงล่ะ) พร้อมกับประวัติตัวละครพอสังเขปเอาไว้ข้างๆ  

    ตัวละครจาก Call of Duty : Modern Warfare ค่อนข้างดังเป็นที่น่าจดจำพอสมควร หลายตัวละครกลายเป็นตัวละครในดวงใจของใครไป แล้ว อย่าง “โกสต์ (ผี)” หนึ่งตัวละครที่ดังมาก จนมีซีรีย์เป็นของตนเอง (แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับภาค  Modern Warfare) มีคอมมิคเกี่ยวกับเรื่องราวของโกสต์โดยเฉพาะ รวมไปถึงวงการคอสเพลย์ก็มีคนแต่งโกสต์ หรือแม้แต่ยูทูปก็เอามาเล่น

    ก็ต้องขอบคุณการวางบทตัวละคร วางสคริปต์ ระบบเกม ความอลังการของเกม ที่ทำให้ตัวละครในเกมมีเสน่ห์มากขึ้น

    การที่เปลี่ยนตัวละครชายให้กลายเป็นตัวละครโมเอะนั้นมีดีอยู่อย่าง คือคาแร็คเตอร์โมเอะนั้นเป็นเป็นคาแร็คเตอร์ที่เข้าใจง่าย (เกือบจะเป็นสากลด้วยซ้ำ) เพียงแค่ภาพก็รู้เลยว่าตัวละครโมเอะเหล่านี้มีนิสัยยังไง

    หากได้ดูรวมภาพตัวละครโมเอะจาก Call of Duty : Modern Warfare เราจะเห็นได้ว่าตัวละครโมเอะ ไม่ใช่ตัวละครที่ตาโตเท่าไข่ห่าน ทำตัวแบ๊ว เหมือนสมัยก่อนอีกแล้ว การออกแบบตัวละครโมเอะนั้นมีหลากหลายมากเมื่อก่อน ขึ้นอยู่กับบทบาท และนิสัยด้วย

     ซึ่งตัวละครจากเกม Call of Duty : Modern Warfare ได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นสาวโมเอะนั้น ไม่ได้เป็นแบบแหวกแนวแต่อย่างใด เพราะหลังจากเปลี่ยนเป็นสาวน้อยโมเอะแล้ว เราก็รู้สึกคุ้นๆ กับตัวละครโมเอะเหล่านั้น เพราะเป็นคาแร็คเตอร์สาวน้อยโมเอะที่เราพบเห็นทั่วไป เพียงแต่ใส่ชุดทหารเท่านั้น พูดง่ายๆ การเปลี่ยนตัวละครชาย Call of Duty : Modern Warfare มาเป็นสาวน้อยโมเอะนั้น แค่เลือกคาแร็คเตอร์สาวโมเอะแบบไหนมาใช้ให้เข้ากันมากกว่า

     (ลักษณะทั่วไปของสาวน้อยโมเอะ หลักๆ ประกอบไปด้วย ดวงตาขนาดใหญ่ 1/5 ของใบหน้า๙ จมูกขนาดเล็ก, ใบหน้าแบน, ตัวค่อนข้างเล็ก, หัวขนาดใหญ่, แขนขาบอบบาง, ผมหลากสีสัน (ขึ้นอยู่กับนิสัย, อารมณ์ เช่นผมแดงหมายถึงร่าเริง เลือดร้อง, ผมสีขาวหรือน้ำเงิน เยือกเย็น เป็นต้น), ใบหน้าน่ารักเหมือนเด็กสาว )

    เชื่อเลยใครที่เห็นตัวละครโมเอะของ ก็ต้องเกิดความคิดว่าสักวันเราน่าจะเป็นอนิเมะ (มังงะ) แนวโมเอะที่ธีมเป็นสงครามโลก มาดำเนินเรื่องแบบนี้บ้าง มันคงจะเป็นดีไม่น้อย

     

    สิบเอก โซป (ภายหลังเลื่อนยศเป็น “กัปตัน”) หรือ Sergeant John "Soap" MacTavish ทหารหน้าใหม่ของหน่วย S.A.S (ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวละครที่เราต้องบังคับ) ถือว่าเป็นตัวละครที่มีรัศมีเป็นพระเอกในเรื่อง เป็นคนสกอตแลนด์ เป็นคนเก่งทั้งเรื่องอาวุธและการต่อสู้ทุกรูปแบบ (ขึ้นอยู่กับตัวผู้เล่นว่าเก๋าเพียงใด) พอเปลี่ยนเป็นสาวโมเอะกลายเป็นสาวผมยาวดำ (ซึ่งเป็นสาวผมยาวดำดูฉลาดแบบนี้ถือว่าตัวละครโมเอะที่ได้รับความนิยมมาก แม้ส่วนใหญ่เป็นบทนางรองก็ตาม หากจิ้นยูริถือว่าเป็นคนรักตัวเอกผมบ็อบสั้น ซึ่งการออกแบบแสดงให้เห็นว่า โซปXกัปตันไพนซ์นั้นเอง)

     

     

     

    หมวดแก๊บ (Lieutenant "Gaz") สมาชิกของหน่วย S.A.S.เป็นคนประสบการณ์ มักปฏิบัติการร่วมกับกัปตันไพรซ์, โซป, กรีฟฟิน  พอเป็นเป็นสาวโมเอะดูเยือกเย็น

    จ่าทหารเรือ กริฟฟิน (Griffin) สมาชิกของหน่วย U.S.M.C. ของสหรัฐ มีส่วนการรบไล่ล่าอัลลาสาดในตะวันออกกลางและรอดชีวิตจากนิวเคลียร์ ภายหลังได้ทำงานร่วมกับหน่วย S.A.S. พอเป็นสาวโมเอะก็ไม่ค่อยโดดเด่นมากนัก (ตามประสาตัวละครมาเพื่อตายประมาณนั้น)

     

    เรื่องราวเริ่มต้นขึ้น ในช่วงศตวรรษที่ 21 ทั่วโลกอยู่ในช่วงสับสนวุ่นวาย รัสเซียได้เกิดสงครามกลางเมืองระหว่างรัฐบาลและชาตินิยม ที่ต้องการรัสเซียเป็นยุคของโซเวียตอีกครั้ง โดยกลุ่มชาตินิยมนี้มี “ซาคาเอฟ” เป็นผู้นำก่อความไม่สงบในประเทศ และยังเป็นผู้สนับสนุน “เลด อัลซาด” ผู้บัญชาการทหารของกองทัพก่อการร้ายในตะวันออกกลาง ที่เตรียมก่อรัฐประหารในประเทศต่างๆ ในอาหรับ

    ท่ามกลางความวุ่นวายของโลก ณ อีกด้านหนึ่งหน่วย S.A.S ของกัปตันกัปตัน ไพรซ์ แห่งประเทศอังกฤษสมาชิกคนใหม่ คือ สิบเอก “โซป” (ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวละครที่เราต้องบังคับ) ซึ่งทันทีที่ย้ายประจำการ ก็ได้ภารกิจแรกของโซปคือการแทรกซึมเข้าไปยึดเรือบรรทุกสินค้าที่แล่นในช่องแคบเบริ่ง ซึ่งเชื่อว่าภายในเรือเป็นสิ่งที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ

    ตอนแรกนึกว่าภารกิจนี้จะธรรมดา แต่กลายเป็นว่าหลังจากที่ยึดเรือมาได้ หน่วยของกัปตันไพรซ์ทำการตรวจr[ว่าสิ่งที่เรือบรรทุกมานั้นคือ “หัวรบนิวเคลียร์” โดยจุดหมายของผู้รับก็คือที่ใดสักแห่งในอาหรับ และนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด

     

     

    คาเลต อัลลาสาด (Khaled Al-Asad) นายพลผู้บ้าคลั่งแห่งตะวันออกกลาง ผู้ชิงชังต่อโลกตะวันตกที่แสวงหาผลประโยชน์กับโลกอาหรับ แต่ความจริงแล้วเป็นคนขี้ขลาด และเป็นคนโลภมาก ทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของตน พอกลายเป็นสาวน้อยโมเอะผู้ร่าเริงถือปืน AK-47 แล้ว มิน่าล่ะว่าทำไมพวกทหารถึงอวยกันจัง (ความสามารถพิเศษ เป็นนักพูดปากฉมัง)

     

    ในเวลาเดียวกันนั้นเอง อีกซีกโลกหนึ่ง ที่ซาอุดิอาระเบียก็ได้ถูกยึด โดยคาเลต อัลลาสาด ด้วยการใช้กองทัพทำการรัฐประหาร กองทัพของอัลลาสาดเต็มไปด้วยอาวุธครบมือ ไม่ว่าจะเป็น ปืน ระเบิด รถถัง ไปจนถึงระเบิดนิวเคลียร์ หลังจากยึดเมืองได้ ก็ทำการสังหารประธานาธิบดี “ซีร์-อัลฟูลามิ” ต่อหน้าคนทั้งโลกผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ

     

    จ่าคามารอฟ (Sergeant Kamarov) ผู้นำทหารของรัสเซีย KIA ในขณะที่รัสเซียมีสงครามกลางเมือง ทำให้เขาต้องร่วมมือกับหน่วย S.A.S.หลายครั้ง รู้จักกับกัปตันไพรซ์เป็นอย่างดี

     

                    กลับมาที่กัปตัน ไพรซ์กับลูกทีมได้เข้าไปดินแดนของพวกชาตินิยม เพื่อตามหา “นิโคไล” ซึ่งเป็นสมาชิกคนสำคัญของทีมที่ถูกพวกผู้ก่อการร้ายจับตัวไป ที่ประเทศ กัปตันไพรซ์ได้ขอยืมแรงมาคารอฟช่วยตามหา จนสามารถช่วยเหลือนิโคไลมาได้

     

     

    นิโคไล (Nikolai) หน่วยข่าวกรองของ S.A.S. หลายภาคพี่แกมีหน้าที่ขับเฮลิคอปเตอร์ไล่ยิงศัตรู

     

    อีกด้านหนึ่งของโลก เมื่ออเมริกาทราบข่าวกองกำลังก่อการร้ายยึดซาอุดิอาระเบีย และประธานาธิบดี “ซีร์-อัลฟูลามิ” ต่อหน้าคนทั้งโลก จึงได้ส่งกองกำลัง U.S.M.C. ขึ้นอ่าวเปอร์เซีย . ซึ่งหนึ่งในนั้นมี สิบเอกพอล แจ็คสัน (หนึ่งในตัวผู้เล่นที่เราต้องบังคับรวมอยู่ด้วย) ที่หน่วยของเขาถูกรับมอบหมายให้ตามหาอัลลาสาด แม้ว่าสิ่งที่ต้อนรับและรอพวกเขานั้นจะเต็มไปด้วยจรวด RPG และกองกำลังข้าศึกที่มีอยู่จำนวนมากก็ตาม สงครามที่ยิ่งใหญ่เริ่มขึ้นแล้ว

     

     

    จ่าพอล แจ็คสัน (Sergeant Paul Jackson) นาวิกโยธินสหรัฐที่เข้าร่วมสงครามตะวันออกกลาง (และเป็นหนึ่งในตัวผู้เล่นต้องบังคับ หน่วยของเขามีหน้าที่ตามหาอัลซาด (สาเหตุออกแบบให้เป็นสาวหน้าตาย อารมณ์แบบคูลเดเระ ก็เพราะปกติแล้วเกมนี้ ตัวละครที่เราบังคับจะค่อยไม่มีบทพูดครับ)

     

    แม้ว่าฝ่ายของศัตรูจะมีจำนวนมากกว่า แต่ในด้านประสิทธิภาพของกองกำลังและอาวุธแล้วอเมริกาเหนือกว่ามาก อเมริกาใช้วิธีการยึดพื้นที่สำคัญแต่ละแห่งเพื่อค้นหาว่าอัลลาสาดตัวต้นเหตุ  แต่อนิจจาไม่แม้อเมริกาจะยึดพื้นที่สำคัญที่เชื่อว่ามีหัวหน้าก่อการร้ายหลบซ่อนอยู่ ก็ไม่พบเงาของแม้แต่น้อย แต่อเมริกายังคงเชื่อว่าอัลลาสาดยังคงหลบซ่อนที่ไหนสักแห่งในตะวันออกกลาง

    จนกระทั่งกองทัพสหรัฐลุกคืบเขามาในอีรัก เพราะเชื่อว่าอัลลาสาดซ่อนอยู่ในราชวังในใจกลางเมือง และมีความเป็นไปได้ว่าในนั้นจะเป็นที่ซ่อนของระเบิดนิวเคลียร์ที่มีอนุภาพทำลายบ้านเรือนหายไปพริบตาอยู่ เฮลิคอปเตอร์หน่วยของพอล แจ็คสันจึงพยายามผ่าวงล้มของศัตรูเพื่อเข้าไปเป้าหมาย หากแต่เมื่อระหว่างทาง พวกเขาก็ได้รับคำสั่งให้ล่าถอยโดยด่วนเพราะมีความเป็นไปได้ว่าระเบิดนิวเคลียร์ได้ถูกจุดขึ้นแล้ว แต่ระหว่างทางหน่วยของแจ็คสันได้ตัดสินใจช่วยชีวิตทหารหญิงคนหนึ่ง เป็นเหตุทำให้หนีไม่ทันเวลา หน่วยของเขาจึงถูกแรงระเบิดนิวเคลียร์ล่างเมือง จนเฮลิคอปเตอร์เราตกกระแทกพื้น หน่วยของแจ็คสันเสียชีวิตหมด พวกเขาถูกหลอกให้มาติดกับตั้งแต่แรกแล้ว

     แล้วทุกอย่างก็ดับวูบลง มีเพียงแจ็คสันมีชีวิตอยู่นานพอที่จะมีแรงออกมาจากเฮลิคอปเตอร์ตก หากไม่ช้าเขาก็สิ้นใจจากผลของนิวเคลียร์ที่ทำให้ร่างกายของเขาปอบช้ำอย่างหนัก ตะเกียกตะกายออกมาจากเฮลิคอปเตอร์  ข้างนอกเต็มไปด้วยฝุ่นกัมมันตภาพรังสีที่ลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศ และพลังทำลายล้างของนิวเคลียร์ที่ไม่ต่างกันเลยกับฮิโรชิมา แจ็คสันพยายามลากสังขารไปข้างหน้า ก่อนที่จะล้มลงขาดใจลงกองกับพื้น แล้วทุกอย่างก็ขาวโพลนขึ้นอีกครั้ง....พอล แจ็คสันหายสาบสูญ  

    (ฉากการตายของแจ็คสัน ถือว่าเป็นฉากหนึ่งที่ตรึงใจได้ดีที่สุดในซีรีย์ Call of Duty : Modern Warfare ก็ว่าได้)

    ทั่วโลกเชื่อว่าอัลลาสาดฆ่าตัวตายจากการจุดระเบิดนิวเคลียร์ แต่กัปตัน ไพรซ์ไม่ได้คิดว่าคนอย่างอัลลาสาดจะฆ่าตัวตาย เพราะเขาเป็นคนขี้ขลาดไม่น่าที่จะบ้าขนาดนั้น อีกทั้งยังเชื่อว่าเขาน่าจะหลบซ่อนในที่ใดที่หนึ่งของยุโรป และด้วยช่วยเหลือของข่าวกรองของนิโคไล หน่วยกัปตันไพรซ์ได้บุกเข้าไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่งประเทศอาเซอร์ไบจาน จัดการเคลียร์พื้นที่ บ้านทุกหลัง จนกระทั่งพบตัวอัลลาสาดซ่อนตัวอยู่โรงนา  จึงจับกุมและซ้อมเพื่อเขาบอกว่าได้ระเบิดนิวเคลียร์มาจากใคร จนกระทั่งมีโทรศัพท์สายด่วนเข้ามาบอกข้อมูลว่าคนที่ขายระเบิดให้คือใคร และเมื่อทราบแล้วว่าผู้ที่โทรเป็นใครกัปตันไพรซ์จึงลั่นปืนใส่อัลลาสาดอย่างไม่รอช้า เป้าหมายต่อไปของเราคือซาคาเอฟนักค้าอาวุธ ซึ่งน่าจะตายไปตั้งแต่เมื่อ 15 ปีที่แล้ว

     

    กัปตันแมคมิลาน (Cpt. Macmillan) อดีตผู้บังคับบัญชาของทีมอัลฟ่าที่กัปตันไพรซ์ประจำการอยู่ ซึ่งในขณะนั้นได้รับยศร้อยโทสังกัดอยู่ เคยทำภารกิจร่วมมือสังหารซาคาเอฟร่วมกันกับกัปตันไพรซ์เมื่อ 15 ปีก่อน ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการกองกำลังพิเศษของอังกฤษ (ปล. ในเกมไม่เห็นหน้าเต็มๆ หรอก เพราะสวมชุดพรางใบไม้ซะไม่เห็นหน้า)

     

    ย้อนเวลากลับไป 15 ปี ที่เชอร์โนบิล กัปตันไพรซ์  (ตอนนั้นยังเป็นร้อยโท) ได้ติดตาม ติดตาม กัปตันแมคมิลาน  ทำภารกิจลอบสังหาร อิมราน ซาคาเอฟพ่อค้าอาวุธสุดโหดที่มีนัดกับลูกค้ารายใหญ่แลกเปลี่ยนสินค้าที่นี้ กัปตันไพรซ์และแมคมิลานได้ทำการพรางตัวลอบเข้าไปยังตึกที่เหมาะแก่การซุ่มยิง

    และในช่วงวินาทีที่ซาคาเอฟเจรจาต่อรองลูกค้าอยู่นั้น กัปตันไพรซ์ได้ยิงสไนเปอร์เพื่อหวังปลิดชีพ กระสุนพุ่งเข้าไปตัดแขนข้างซ้ายจนขาดกระเด็น ซึ่งตอนนั้นกัปตันไพรซ์คิดว่ามันตายแล้ว แต่กลายเป็นว่าซาคาเอฟมีชีวิตอยู่ พร้อมความคิดสุดขั้วที่เกลียดชังอเมริกายิ่งกว่าอะไรทั้งหมด

    (ภารกิจ : One Shot, One Kill ถือว่าเป็นฉากที่โหดที่สุดในซีรีย์ Call of Duty 4: Modern Warfare ก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านวิถีกระสุนตอนรอบสังหารคาซาเอฟ ไปจนถึงฉากสุดหิน การรอเฮลิคอปเตอร์มารับ ที่ศัตรูมากันไม่ขาดเสีย)

     

     

    อิมราน ซาคาเอฟ (Imran Zakhaev) หัวหน้าใหญ่ของ Call of Duty 4: Modern Warfare ภาคแรก เป็นผู้ค้าอาวุธและผู้ก่อการร้าย ที่อยู่เบื้องหลังการลุกฮือของกลุ่มก่อการร้ายในรัสเซียและคาบสมุทรอาหรับ  และเป็นหัวหน้าใหญ่ “4 อัศวินขี่ม้า” อันเป็นชื่อของกลุ่ม 4 คนที่มีจุดมุ่งหมายร่วกันสร้างหายนะซึ่งประกอบไปด้วยเขา, ลูกชายของเขา, มาคารอฟ และอัลลาสาด  เพื่อหวังก่อสงครามโลกครั้งที่ 3 (ซึ่งอีก 5 ปีต่อมาความฝันของเขาก็ทำสำเร็จโดยสมุนมือขวาของเขา “มาคารอฟ”)   เป็นคนดวงแข็งที่รอดชีวิตจากการถูกลอบสังหารโดยกัปตันไพรซ์ เพราะกระสุนโค้งไปทำลายแขนซ้ายของเขาขาดแทน (เชื่อว่าแรงบันดาลใจการออกแบบซาคาเอฟมาจากเลนินผู้นำคอมมิวนิสต์คนแรกของสหภาพโซเวียต เช่น ต้องการโค่นล้มรัฐบาล ลูกชายของเขาตาย,)

    (ปล. ผมชอบออกแบบซาคาเอฟที่ดูเป็นสาวแกร่ง เท่จัง)

     

     

    คาซาเอฟเป็นคนที่ฉลาด และมีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง ทำให้ตามตัวยากมาก นั้นเองทำให้หน่วยกัปตันไพรซ์ (หน่วย S.A.S. ร่วมมือกับ U.S.M.C. ซึ่งมีกริฟฟรินเข้าร่วมด้วย) ต้องเปลี่ยนเป้าหมายเป็นลูกชายของซาคาเอฟที่ชื่อ “วิคเตอร์” แทน ซ่อนอยู่กับกองทัพชาตินิยมในภาคใต้ของรัสเซีย แน่นอนว่ากัปตันไพรซ์ก็ได้สั่งลูกทีมออกปฏิบัติการไล่ล่า หากแต่ในขณะที่ไล่ต้อนวิคเตอร์ได้ชิงฆ่าตัวตายเสียก่อนจับกุม ทำให้เบาะแสการตามรอยคาซาเอฟมีอันต้องสะดุดลง แต่อย่างไรก็ตามกัปตันไพรซ์เชื่อว่าซาคาเอฟไม่อยู่เฉยแน่นอนหากรู้ว่าลูกชายของเขาตาย

     

     

    วิคเตอร์ ซาคาเอฟ ลูกชายของซาคาเอฟ และผู้บัญชาการภาคสนามของพวกชาตินิยมรัสเซีย จุดเด่นคือเสื้อวอร์มสีฟ้า สาเหตุที่กลายเป็นทวินเทลคุณหนูโมเอะก็เพราะในเรื่อง กัปตันไพรซ์เรียกวิคเตอร์ว่า “ลูกแหง่ติดพ่อ” เพราะชอบตามพ่อไปไหนแบบใกล้ชิด

     

               อย่างไรก็ตาม การตายของคาซาเอฟจูเนียร์ ทำให้คาซาเอฟผู้เป็นพ่อโกรธแค้นมาก จึงจัดการส่งกองกำลังของตนเองยึดฐานปล่อยนิวเคลียร์ของรัสเซีย ที่อยู่ในเทือกเขาอัลไต แล้วจัดการปล่อยจรวดนิวเคลียร์สองลูกเข้าใส่อเมริกา ซึ่งกัปตันไพรซ์และพรรคพวก, กองกำลังอเมริกา และกองกำลังของรัสเซียต้องนำกำลังไปจัดการคาซาเอฟและหยุดการปล่อยระเบิดนิวเคลียร์ให้ได้

    ปฏิบัติการนี้ต้องแข่งกับเวลา และตอนนี้มีชีวิตประชากร 41 ล้านคนของอเมริกาเป็นตัวประกัน กัปตันไพรซ์และลูกทีมต้องผ่าอันตรายรอบด้านจากลูกสมุนคาซาเอฟ จนกระทั่งบุกเข้ามายังฐานปล่อยขีปนาวุธนิวเคลียร์ ผ่ากระสุนปืนของศัตรูไปยังแผงควบคุมและสั่งให้หัวรบนิวเคลียร์ให้ตกลงไปทะเลได้อย่างหวุดหวิด

    ทางด้านคาซาเอฟกับพรรคพวกได้ขับรถบรรทุกหลบหนีออกจากฐานปล่อยนิวเคลียร์โดยรถ กัปตันไพรซ์และพรรคพวกจึงต้องตามล่าแบบกัดไม่ปล่อยด้วยการขับรถไล่ตามไป อย่างไรก็ตาม ขณะที่รถกำลังไล่ตามอยู่นั้นเราก็ถูกเฮลิคอปเตอร์ของศัตรูดักยิงที่สะพาน ทำให้รถเราเสียหลักพลิกคว่ำ เราตกอยู่วงล้อมของศัตรูที่กรูเข้ามา แม้ว่าโซปและพวกจะพยายามยิงต้านเอาไว้ แต่สุดท้ายเราก็โดนเฮลิคอปเตอร์ยิงด้วยจรวดจนบาดเจ็บระนาว

    โซปบาดเจ็บหนัก สมองเริ่มเบลอใกล้หมดสติ ภาพที่อยู่ตรงหน้ากริฟฟรินพยายามดึงเราออกจากซากที่ระเบิด แต่เขาก็ถูกกระสุนปืนของลูกสมุนซาคาเอฟตายต่อหน้าต่อตา ส่วนเเก๊บที่นอนถัดไปจากเราก็ถูกคามารอฟที่เดินเยื้องย่างเข้ามายิงที่หัวตายไปอีกคน ในระหว่างที่ซาคาเอฟกำลังตรงเข้ามาที่โซป  ก็ได้มีเฮลิคอปเตอร์กำลังเสริมของฝ่ายเรามาช่วยเหลือได้ทันเวลา ในขณะที่ซาคารอฟและลูกสมุนสองคนหันหลังต่อสู้อยู่นั้น โซปก็อาศัยจังหวะนั้นใช้ปืนพกที่กัปตันไพรซ์เข้ามายิงใส่ซาคารอฟและลูกสมุนจบชีวิตเบื้องหน้า กัปตันไพรซ์และโซปรอดตายจากการช่วยเหลือของคามาซอฟ .... โลกสงบสุขอีกครั้ง โดยชาวโลกไม่รู้ถึงผู้ที่เสียสละเพื่อหยุดสงครามอยู่เบื้องหลัง  เป็นอันจบ Call of Duty 4: Modern Warfare ภาคแรกเอาไว้แต่เพียงเท่านี้

    Call of Duty 4: Modern Warfare ภาคแรก ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม แม้ว่าตัวเกมโหมดเนื้อเรื่องจะสั้น ใช้เวลาไม่นานก็เล่นจบ แต่กระนั้นก็ทำให้หลายคนอินกับเนื้อเรื่อง เพราะสถานการณ์ในเรื่องราวกับเกิดขึ้นจริง และที่เด็ดสุดคือฉากตรึงใจ ที่ทำได้ดีกว่าเกมของฝ่ายคู่แข่ง โดยเฉพาะฉากการตายของตัวละครที่ทำออกมาได้ดี มีอารมณ์ร่วม  จึงไม่แปลกแต่อย่างใดที่ทำให้ผู้สร้างเข็นภาคสองตามมา ซึ่งภาคสองนั้นประสบความสำเร็จกว่าภาคแรกเสียอีก

    โดยส่วนตัวผมแล้ว ผมชอบ Call of Duty ที่เป็นช่วงสงครามโลกที่ 2 มากกว่า เพราะในแง่ความรู้สึกแล้ว พวกนาซี และทหารญี่ปุ่นนั้นมีตัวตนอยู่จริงๆ บรรยากาศสงครามนองเลือดทำออกมาได้ราวกับอยู่ในประวัติศาสตร์ แต่  Call of Duty 4: Modern Warfare นั้นศัตรูถูกสมมุติขึ้น หรือว่าศัตรูเป็นพวกก่อการร้ายรัสเซียและตะวันออกกลางทำให้ผมซึ่งเป็นคนไทยไม่มีความรู้สึกอารมณ์ร่วมมากนัก ไม่เหมือนพวกนาซีที่เราได้เห็นความเลวร้ายผ่านสื่อต่างๆ มากมาย เวลาชิงพวกนาซีเราสะใจมาก

    แต่อย่างไรก็ตาม มันก็น่าคิด ว่าเรื่องก่อการร้ายในมันเป็นเรื่องไกลตัวเรา เหมือนในเกมที่พวกรัฐบาลพยายามปกปิดเรื่องเหล่านี้ไว้ไม่ให้ชาวโลกรู้ ทั้งๆ ที่ความจริงโลกของเราเสี่ยงต่อการก่อการร้ายมาก ศัตรูของโลกไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนที่อยู่ที่แจ้งอีกต่อไป แต่เป็นพวกที่อยู่ที่ลับ ที่พร้อมที่จะฆ่าผู้บริสุทธิ์โดยไม่เลือกวิธีการ สิ่งเดียวที่จะหยุดพวกมันได้ก็คือการร่วมมือของทุกฝ่าย และเหล่าทหารกล้าที่ทำหน้าที่หยุดยั้งพวกนั้น แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับการเชิดชูในฐานะวีรบุรุษที่ถูกจารุกในประวัติศาสตร์

    ยกตัวอย่างใกล้ตัวเรา อย่างภัยโจรใต้ ที่รัฐบาลได้ส่งทหารเข้าไปประจำการรักษาความสงบ เราที่อยู่จังหวัดที่แสนสงบไม่ได้รับรู้อะไรเลยว่าทหารที่ส่งไปใต้ลำบากเพียงใด เราได้แค่ตามข่าวดูว่าทหารถูกยิง ถูกกับระเบิด แล้วสงสารเท่านั้น ไม่ได้รับรู้ถึงสถานการณ์ภาคใต้ ไม่ได้รู้ถึงวีรกรรมทหารเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย

    การก่อการร้ายอยู่ใกล้ตัว เพียงแต่เราไม่รู้สึกตัวเท่านั้น แล้วเราล่ะเคยทำอะไรเพื่อโลก เหมือนทหารกล้าที่เสียสละเหล่านั้น สิ่งที่เราทำอยู่ตรงนั้นช่วยเหลือชาติหรือเปล่า?  

     

     

    วาลดิเมีย คามารอฟ (Vladimir Makarov) อดีตทหารและอดีตมือขวาของซาคารอฟ หลังเจ้านายเสียชีวิตก็ขึ้นเป็นผู้นำแทน แล้วก่อเหตุร้ายไปทั่วยุโรป เป็นคนโหดเหี้ยม ฉลาดแกมโกง มีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย ในการจัดการกับศัตรูทุกรูปแบบ โดยไม่คำนึงถึงชีวิตมนุษย์ ความสูญเสียที่ตามมา มีคดียาวเป็นหางว่าวทั้งก่อการร้าย, ฆาตกรรม, ค้ามนุษย์, ลักพาตัว,ฟอกเงิน, ขายยาเสพติด, ค้าอาวุธ

     

    แน่นอนว่าว่าหลังจากภาคแรกประสบความสำเร็จ ผู้พัฒนาก็ไม่รอช้าที่จะเปิดตัวภาค 2ในปี 2009 ซึ่งคราวนี้อะไรหลายอย่างพัฒนาขึ้นมาก โดยเฉพาะเนื้อเรื่องที่นอกจากจะมีฉากสงครามที่อลังการแล้ว ยังเพิ่มการหักมุมของเนื่องเรื่อง การทรยศหักหลัง เอาไว้ด้วย และภาคนี้มีตัวละครที่แจ้งเกิดหลายคน โดยเฉพาะ “โกสต์” ที่ทั้งเท่และเก่งด้วย

    เรื่องราวของ Call of Duty : Modern Warfare 2  เริ่มต้นขึ้นหลังจากภาคที่แล้ว 5 ปี ในปี 2016 โลกยังคงอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สงบ กลุ่มชาตินิยมสามารถเอาชนะสงครามกลางเมืองและเข้าปกครองรัสเซียในฐานะพรรคชาตนิยม โดยมีประธานาธิบดีคือบอริส วอเชฟสกี้ กระแสความเกลียดชังของชาวรัสเซียที่มีต่อสหรัฐเริ่มมากขึ้น  ชาวรัสเซียยกย่องสรรเสริญการตายของซาคารอฟดุจดั่งวีรบุรุษของชาวรัสเซีย ถึงขั้นสร้างเป็นอนุสาวรีย์เชิดชูในจัตุรัสแดง และเอาชื่อซาคาเอฟมาตั้งเป็นสนามบินในกรุงมอสโค

    ในเวลานั้นเองก็ได้เกิดผู้ก่อการร้ายรัสเซียกลุ่มใหม่ขึ้น โดยแยกจากลุ่มชาตินิยม ซึ่งกลุ่มที่แยกเป็นพวกหัวรุนแรง โดยมีชายที่ชื่อ “วาลดิเมีย คามารอฟ” เป็นผู้นำ ผู้นำคนนี้เป็นมือขวาของซาคาเอฟที่จะมาสานฝันของอดีตเจ้านายของตนให้เป็นจริง นั้นก็คือการทำให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 แน่นอนว่าทั้งสหรัฐ อังกฤษและรัสเซียต้องการจับชายผู้บ้าคลั่งคนนี้มาลงโทษโดยเร็วที่สุด และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด

     

     

    โจเซฟ อัลเลน (Joseph Allen) ทหารจากหน่วยเรนเจอร์ของสหรัฐ ที่แทรกซึมเข้าไปอยู่กลุ่มก่อการร้ายเพื่อล้วงข้อมูลของมาคารอฟ และเป็นหนึ่งในผู้ก่อเหตุสังหารหมู่ในสนามบินมอคโคโดยหารู้ไม่ว่าตนเองเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งของใครบางคนที่ใช้แล้วทิ้ง และเป็นตัวจุดประกายสงครามโลกครั้งที่ 3

     

    ณ อีกด้านหนึ่งโลกหนึ่ง หน่วยนาวิกของสหรัฐกำลังรบกลุ่มก่อการร้าย (อาจเป็นพวกเหลือรอดจากกองกำลังของอัลลาสาด) ในเมืองหนึ่ง ของประเทศอัฟกานิสถาน  โจเซฟ อัลเลนซึ่งเป็นทหารมือดีในหน่วย เรนเจอร์ของสหรัฐอเมริกา (หน่วยทหารแนวหน้าที่แกร่งที่สุดอันดับต้นๆ ของโลก) ได้ทำการรบอย่างยอดเยี่ยม จนเป็นที่ถูกใจของ “นายพลเชฟเพิร์ด” เข้า จึงดึงตัวเขามาเป็น CIA และมอบหน้าที่เป็นสายลับสองหน้าแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มก่อการร้ายเพื่อใกล้ชิดกับมาคารอฟเพื่อล้วงข้อมูล

     

     

    โรช หรือ แกรี่ แซนเดอร์สัน (Gary 'Roach' Sanderson) สมาชิกใหม่ประจำหน่วย หน่วย 141 (Task Force 141) (หนึ่งในตัวละครที่ผู้เล่นต้องบังคับมากที่สุดในภาค 2)

     

    ใน ขณะเดียวกันนั้นเอง ทางฝั่งหน่วย 141 (Task Force 141) หน่วบปฏิบัติการข้ามชาติที่รวมทหารฝีมือดีจากหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ, อเมริกา มีหน้าที่จับกุมมาคารอฟ ซึ่งมีผู้นำคือนายพลเชฟเพิร์ด กำลังมีกัปตันคนใหม่นั่นคือ “โซป” ที่ได้ทำภารกิจฉกเอกสารลับในฐานเครื่องบินในภูเขาหิมะแห่งหนึ่ง ในคาซัคสถาน ร่วมกับ “โรช” เด็กใหม่ในสังกัด ซึ่งก็สามารถทำภารกิจประสบความสำเร็จลุล่วงดี

    กลับมาที่โจเซฟ อัลเลนได้แอบแฝงเข้าไปในกลุ่มก่อการร้าย และเข้าใกล้ตัวมาคารอฟเป็นที่เรียบร้อย และเพื่อให้มาคารอฟเชื่อใจ โจเซฟจำเป็นต้องทำภารกิจที่เรียกว่า "No Russian" นั่นคือเขาต้องร่วมมือกับมาคารอฟและพรรคพวกสังหารหมู่ผู้บริสุทธิ์จำนวนมากในสนามบินซาคาเอฟ  (ที่เอาชื่อบอสภาคแรกมาตั้งนั้นแหละ)  ในกรุงมอคโค หลังจากที่ฆ่าคนบริสุทธิ์มากมายในสนามบิน โจเซฟคิดว่าทำให้มาคารอฟหลงกลได้ แต่กลายเป็นว่าระหว่างหลบหนี มาคารอฟก็ได้ยิงเขาที่จุดตายจนเสียชีวิต เพราะมาคารอฟรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาเป็นอเมริกันไส้ศึกที่แอบแฝงเข้ากลุ่ม

                    (ฉากผู้ก่อการร้ายสังหารหมู่ในสนามบิน เรียกได้เป็นเป็นภารกิจที่มีชื่อเสียงที่สุดของซีรีย์ภารกิจนี้ และถูกตำหนิจากหลายฝ่าย เพราะเป็นฉากที่รุนแรงไม่ว่าจะเป็นภาพหรือความรู้สึก เพราะเป็นฉากผู้ก่อการ้ายสังหารหมู่ผู้บริสุทธิ์ นอกจากนี้ทางการรัสเซียยังแสดงไม่พอใจอีกว่าทำให้ทั่วโลกมองรัสเซียเป็นผู้ก่อการร้ายหรือภัยคุกคามอเมริกา จนทำให้ทางการรัสเซียไม่พอใจมาก )

    หลังจากที่มาคารอฟก็ทิ้งศพโจเซฟเอาไว้ในสนามบิน เพื่อให้รัฐบาลและประชาชนรัสเซียเข้าใจผิดว่าผู้ก่อการร้ายที่สังหารหมู่ในสนามบิน เป็นคนของรัฐบาลอเมริกัน และนั่นทำให้ความสัมพันธ์ของรัสเซียและสหรัฐที่ก่อนหน้าไม่ถูกกันก็ยิ่งทวีความโกรธแค้นขึ้น ความเป็นมิตรขาดสะบัด และนั้นเองเป็นสาเหตุทำให้รัสเซียส่งกองทัพบุกอเมริกา และนี้คือจุดเริ่มต้นสงคราม


     

    เจมส์ รามิเรซ (James Ramirez) ทหารราบจากหน่วนเรนเจอร์ที่มีหน้าที่ปกป้องอเมริกาจากการรุกรานของรัสเซียในเวอร์จิเนียและวอซิงตันดี.ซี.

     

    กองทัพของรัสเซียได้บุกเข้าไปในอเมริกา กองกำลังรัสเซียส่วนหนึ่งได้โดดร่มเพื่อบุกยึดพื้นที่ในรัฐเวอร์จิเนีย แน่นอนว่ากองทัพสหรัฐไม่ได้อยู่เฉย จึงส่งกองกำลังมาสกัดกั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นมีพลทหาร James Ramirez (หนึ่งในตัวละครที่เราต้องบังคับเล่น) ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวหน้าของ US Army Rangers นำโดย จ่าโฟลีย์ รวมอยู่ด้วย ต้องยกกำลังเข้าไปในรัฐเวอร์จิเนียเพื่อต้านการบุกของพวกรัสเซีย

    แม้ทหารฝั่งสหรัฐจะพยายามตรึงการบุกอย่างหนักของทหารรัสเซียแล้วก็ตาม แต่กองกำลังของรัสเซียสามารถรุกคืบจนสามารถเข้ามาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้สำเร็จ แสดงให้เห็นว่าสหรัฐกำลังเสียเปรียบอย่างชัดเจน

     

    อเลฮานโดร โลฮาช (Alejandro Rojas) อดีตเคจีบี (สายลับรัสเซีย) ฉายา “อเล็กซ์สีแดง”  ผู้ติดต่อและขายอาวุธให้มาคารอฟ ซ่อนตัวอยู่ในสลัมในกรุงรีโอ เดอ จาเนโร บราซิล และถูกปกป้องโดยอาสาสมัครท้องถิ่นติดอาวุธ ก่อนที่จะถูกจับกุมโดย 141 และถูกสอบปากคำ (และถูกทรมาน) เพื่อคลายข้อมูลเกี่ยวกับมาคารอฟ  

     

    อีกด้านหนึ่งหน่วย 141 ได้พยายามหาหลักฐานว่ามาคารอฟเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่ที่สนามบิน และพยายามแกะรอยมาคารอฟให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและอเมริกา จนได้เบาะแสหนึ่งว่ามีสายว่ามาคารอฟติดต่อตัวแทนจำหน่ายอาวุธชื่ออเลฮานโดร โลฮาช ที่อยู่ในบราซิล

    โซปจึงนำลูกทีม ซึ่งประกอบด้วยตัวหลักคือ “โรซ” และ “โกสต์” ตามล่า ไปที่รีโอ เดอ เจเนโรประเทศบราซิล และพยายามสะกดรอยสมุนมือขวาที่จะนำไปสู่เจ้านายของตน สุดท้ายก็สามารถจับกุมสมุนคนนั้นได้ด้วยการยิงที่ขา และจากนั้นก็บุกไปยังสลัมจับกุมอเลฮานโดร โลฮาชมาได้ หากแต่ก็คว้าน้ำเหลวเพราะอเลฮานโดร โลฮาชก็ไม่รู้ว่ามาคารอฟอยู่ที่ไหน

    เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว หน่วย 141 จึงตัดสินใจบุกเข้าเพื่อนำรับตัวนักโทษในเรือนจำแน่นหนาของรัสเซีย ซึ่งนักโทษที่ว่ามาคารอฟต้องการตัวนักหนา โดยบุกเข้าจับทางอากาศ ซึ่งกลายเป็นว่านักโทษคนดังกล่าวคือกัปตันไพรซ์นั่นเอง และกัปตันไพรซ์ก็ร่วมมือกับกัปตันโซปเพื่อตามหามาคารอฟ

    กลับมาที่อเมริกา สถานการณ์ ในขณะนี้เริ่มเลวร้ายสุดขีด  กองกำลังรัสเซียสามารถยึดทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน ดีซี ได้สำเร็จ นอกจากนี้ยังปล่อยนิวเคลียร์ให้ไประเบิดขึ้นนอกชั้นบรรยากาศทำให้สถานีดาวเทียมนานาชาติถูกทำลาย (เป็นผลทำให้อาวุธที่เป็นอิเล็กทรอนิกซ์ทุกอย่างใช้การไม่ได้)

    กองทัพอากาศนั้นไม่ทราบแผนการนี้โดยละเอียดและเมื่อดาวเทียมถูกทำลายลง ทำให้เข้าใจผิดว่ารัสเซียนั้นสามารถยึด กรุงวอชิงตัน ดีซี ได้แบบสมบูรณ์แล้ว ทางกองทัพอากาศจึงต้องปูพรมระเบิด แน่นอนหากทำเช่นนี้กองกำลังของอเมริกาที่อยู่ในพื้นที่แห่งนี้อาจโดนลูกหลงไปด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงต้องผ่าดงศัตรู ไปยังดาดฟ้าทำเนียบขาวเพื่อจุดพลุสีเขียว เพื่อส่งสัญญาว่าพวกเขาสามารถคุมสถานการณ์ได้ จึงไม่จำเป็นต้องระเบิดปูพรมแต่อย่างใด

     

     

    โกสต์  หรือไซม่อน  ไรลีย์ (Simon "Ghost" Riley) ทหารจากกองกำลังพิเศษของอังกฤษ และถูกทาบทามเข้าหน่วย 141 เป็นตัวละครที่ดังที่สุดของซีรีย์ Call Of Dity เพราะมีทั้งคอมมิค และภาคพิเศษ (ใหม่) อันเนื่องจากการแต่งกายที่โดดเด่นคือสวมแว่นดากันแดดสีแดง และผ้าคลุมหน้าไหมพรมลายหัวกะโหลกพร้อมกับชุดหูฟัง ในคอมมิคเล่าประวัติชีวิตที่สุดแสนจะรันทด ที่ไม่เคยได้รับความรักจากครอบครัวเลย จึงไม่แปลกแต่อย่างใดที่พอโมเอะแล้วกลายเป็นสายน้อยที่ออกไปทางมืดมนหน่อยๆ

                เมื่อ สถานการณ์ในสหรัฐเริ่มดีขึ้นแล้ว ทางหน่วย 141 ได้ข่าวกรองใหม่มาสองชิ้นในการแกะรอย มาคารอฟจึงแยกทีมออกเป็นสองชุด โดย กัปตันไพรซ์และกัปตันโซปนั้นบุกเข้าไปในลานทิ้งซากเครื่องบินในอัฟกานิสถาน ในขณะที่ โกสต์และรอซ นั้นบุกเข้าหาเซฟเฮาส์ของมาคารอฟในเทือกเขาคอเคซัสซึ่งถือเป็นข่าวกรองที่มีความน่าเชื่อถือสูงมาก ซึ่งกลับกลายเป็นว่าทั้งสองที่ไม่พบมาคารอฟเลยแม้แต่น้อย แต่อย่างไรก็ตามรอซและโกสต์ได้พบข้อมูลสำคัญในคอมพิวเตอร์ในเซฟเฮ้าส์ของมาคารอฟ หากแต่ระหว่างที่หลบหนีทั้งสองก็ถูกหักหลังโดยนายพลเชฟเพิร์ดที่ยิงทั้งโกสต์และรอซ ทิ้งก่อนเผาศพทั้งสองคนให้แบบเสร็จสรรพ ระหว่างที่รอซกำลังมีสติสุดท้ายก็ได้ยินจากวิทยุจากกัปตันไพรซ์บอกว่า “เซฟเพิร์ดเป็นคนทรยศอย่าไปให้ข้อมูลให้มันเด็ดขาด!!

     

     

    นายพล เชพเพิร์ด (เด็กเลี้ยงแกะ ชื่อมันก็บอกว่าขี้โกหก) เป็นนายพลโทที่มีความสามารถแห่งกองทัพสหรัฐอเมริกา หากแต่หลังจากเหตุการณ์กลุ่มก่อการร้ายในตะวันออกกลาง  ทำให้เขาเสียทหารของเขาไปกว่า 30,000 คนจากเหตุการณ์นิวเคลียร์ระเบิด ทำให้เขาโกรธแค้นเรื่องนี้มาก แต่กลับไม่มีใครคิดจะเปิดสงครามกับกลุ่มก่อการร้ายนี้สักที จึงวางแผนที่จะสร้างสถานการณ์เพื่อให้ตนเองเป็นวีรบุรุษแต่เพียงผู้เดียว 

     
                     
    ความจริงนายพลเชฟเพิร์ดนั้นเป็นนกสองหัวและอยู่เบื้องหลังเรื่องเลวร้ายมาโดยตลอด แผนการของนายพลเชพเพิร์ด ก็ได้เริ่มต้นขึ้น ตอนแรกก็ตั้งให้พลทหาร โจเซฟ อัลเลนให้เป็นสายลับ CIA เข้ากลุ่มกับมาคารอฟหัวหน้าก่อการร้ายเพื่อล้วงข้อมูล หากแต่ความจริงแล้วนายพลแอบร่วมมือมาคารอฟมานานแล้ว และทั้งสองวางแผนให้มาคารอฟพาโจเซฟและพวกบุกไปสนามบินรัสเซีย และกราดยิงคนที่นั้นให้ได้มากที่สุด โดยกำซับว่าไม่ให้พวกพ้องตนเองพูดภาษารัสเซีย และเมื่อถึงเวลาก็ให้มาคารอฟยิงโจเซฟตาย เพื่อให้ทางการรัสเซียมองว่าคนที่ก่อเหตุครั้งนี้เป็นคนของอเมริกา รัสเซียเลยหาเหตุนี้เปิดศึกกับสหรัฐ ส่งผลทำให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ระหว่างอเมริกาและรัสเซียขึ้น

    ในตอนนั้นเองนายพลเชพเพิร์ด ก็มาหารัฐบาลรัสเซียเพื่อมอบพิมพ์เขียวซึ่งเป็นแผงผังภายในของสถานที่สำคัญของอเมริกา ซึ่งทำให้ทหารของรัสเซียบุกยึดได้ง่าย โดยแลกกับเช็คที่นายพลสามารถกรอกเลขก็หลักก็ได้ตามใจปรารถนาทำให้นายพลสามารถจัดกองกำลังของตนเองได้

    และหลังจากฆ่ารอซและโกสต์แย่งข้อมูลสำคัญของมาคารอฟมาได้แล้ว จากนั้นก็หักหลังด้วยการส่งทหารของตนเองมาฆ่ามาคารอฟเพื่อทำลายหลักฐาน (แต่มาคารอฟรอดตายได้) ส่วนไพรซ์และโซปก็ถูกโยนขี้ให้เป็นอาชญากรสงคราม

    กัปตันไพรซ์และกัปตันโซปเมื่อทราบถึงการตายของสองลูกน้อง และสามารถเอาตัวรอดจากการลอบโจมตีของนายพลเชฟเพิร์ดได้สำเร็จ ก็ตัดสินใจทำภารกิจสุดห่ามเพื่อบุกรังของนายพลเชฟเพิร์ดในถ้ำในอัฟกานิสถาน เพื่อจับมาลงโทษให้ได้ แต่ นายพลเชฟเพิร์ดนั้นสามารถหลบหนีไปได้ทางเรือ และทางเฮลิคอปเตอร์

    การไล่ล่าจึงเกิดขึ้น และเกือบจบลงเมื่อเรือของกัปตันไพรซ์และกัปตันโซปตกลงไปในน้ำตกและดูเหมือนว่านายพลเชฟเพิร์ดจะหนีไปได้ แต่โชคดีที่กัปตันไพรซ์ได้ยิงเครื่องบินนั้นตกเสียก่อน และเมื่อเราเดินสลึมสลือขึ้นชายหาดก็พบนายพลเชฟเพิร์ดยืนอยู่ใกล้ซากเฮลิคอปเตอร์ตกพอดี หากแต่ระหว่างที่โซป พยายามจะฆ่านายพล เขาก็ถูกสวนและใช้แทงที่อกแบบเต็มๆ หลังจากนั้นนายพลเชฟเพิร์ดพยายามฆ่าเราด้วยปืนแต่ถูก กัปตันไพรซ์ ขัดขวาง และเกิดการต่อสู้ชกต่อยกันขึ้นกำลังสู้นัวเนียกับกัปตันไพรซ์อยู่นั้น โซปได้ใช้แรงทั้งหมดดึงมีดที่ปักอกขว้างลอยไปปักลูกตาของเชพเพิร์ดเข้าพอดี  

     

    แซนด์แมน (Sandman) หัวหน้าทีมของหน่วย Delta Force ทีม Metal เป็นเพื่อนกัปตันไพรซ์และเคยปฏิบัติการร่วมกันมาแล้ว ก่อนที่ตอนท้ายรวมกลุ่ม 141 (ร่วมกับ กรินซ์ และทรัคส์) ทำภารกิจช่วยเหลือประธานาธิบดีรัสเซียและลูกสาวประธานาธิบดีรัสเซีย  

    จ่าฟรอสต์ หรือดีเร็ก  เวสต์บรู๊ค (Sergeant Derek "Frost" Westbrook) หน่วยคอมมาโด Delta Force และสมาชิกทีม Metal มีหน้าที่ทำภารกิจมอบหมาย ซึ่งแต่ละภารกิจสุดหินทั้งสิ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวละครที่เราต้องควบคุม เพียงแต่ตอนใกล้ท้ายเรื่องเขาไม่ได้รวมกลุ่ม 141 ทำภารกิจช่วยเหลือประธานาธิบดีรัสเซียและลูกสาวประธานาธิบดีรัสเซีย  ชะตากรรมหลังจากนั้นไม่ทราบ

     

     

    กรินช์ (Grinch) ลูกทีม Delta Force ทีม Metal ส่วนใหญ่ทำหน้าที่เป็นนักแม่นปืน

    ทรัคส์ (Truck) ลูกทีม Delta Force ทีม Metal

     

     ในปี 2011 ก็มีการเปิดตัว Call of Duty : Modern Warfare 3 แม้ระบบโดยทั่วไปยังคงเหมือนเดิม  แต่กระนั้นก็มีพัฒนาหลายอย่าง เป็นต้นว่ากราฟฟิก  เสียงปืนที่ดูสมจริงมากขึ้น ความอลังการที่ดูเหมือนจะมากขึ้นด้วย แม้ว่าภาคนี้เนื้อเรื่องอาจไม่มีหักมุมมากนัก แต่กระนั้นก็เป็นอีกภาคที่มีฉากตรึงใจ โดยเฉพาะการตายของตัวละครสำคัญในเรื่อง ทำให้ภาคนี้ประสบความสำเร็จเหมือนภาคก่อนๆ

    เนื้อเรื่องใน  Call of Duty : Modern Warfare 3 ยังคงต่อเนื่องหลังจากภาคที่สอง  โลกยังอยู่สภาวะสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่ตอนนี้ลุกลามไปทั่วโลก มาคารอฟหัวหน้าขบวนการที่อยู่เบื้องหลังสงครามก็ดำเนินการตามแผนการของเขาต่อไป ด้วยการเพิ่มระดับการก่อการร้ายมากขึ้น  ในขณะที่กัปตันไพรซ์ และหลายฝ่ายก็ต่างร่วมมือกันออกตามล่ามาคารอฟเพื่อหวังจะหยุดเรื่องเรื่องร้ายแรงให้ได้ในเร็ววัน

    เรื่องราวเริ่มต้นขึ้น  อเมริกายังคงสู้รบกับรัสเซียกระทรวงกลาโหมของสหรัฐ ได้พบว่าที่เกาะเเมนฮัตตัน นิวยอร์ก รัสเซียได้ทำการติดตั้งหอคอยรบกวนสัญญาณที่ดาดฟ้าของอาคารตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ทำการการติดต่อสื่อสารของกองทัพอเมริกามีปัญหา เครื่องบินทิ้งระเบิดไม่สามารถกำหนดเป้าหมายแน่นอนที่วางไว้ได้ และทำให้ฝ่ายตนเสียเปรียบได้ ดังนั้นกองทัพอเมริกาจึงส่งหน่วยรบพิเศษคือ Delta Force ทีม Metal นำโดย แซนด์แมน, ทรัคส์,  กรินช์ เเละ จ่าฟรอสต์ ไปทำลายหอคอยตรงนั้น เพื่อชิงความได้เปรียบของสงครามคืนมา

    เมื่อหน่วย Delta Force ได้ทำลายหอคอยรบกวนสัญญาณ ทำให้เครื่องบินทิ้งระเบิดของสหรัฐ สามารถทิ้งระเบิดตามเป้าหมายที่ได้วางเอาไว้ จนกองทัพรัสเซียถอยร่นมาใกล้ริมเเม่น้ำฮัตสัน ใกล้อ่าวนิวยอร์ก เเละหน่วย Delta Force ได้รับภารกิจใหม่คือ บุกยึดเรือดำน้ำ Oscar-2 ของรัสเซีย ก่อนที่รัสเซียจะทำการโจมตีโต้ตอบไป  หน่วย Delta Force จัดการยืดเรือดำน้ำเเละยิงจรวดใส่เรือรบของรัสเซียจนหมด และนั้นเองทำให้อเมริกาสามารถขับไล่กองทัพรัสเซียจากนิวยอร์กได้สำเร็จ

     

     

    ยูริ (Yuri) อดีต Spetsnaz (เป็นหน่วยรบพิเศษของรัสเซีย) และเข้าไปอยู่ในหน่วย 141 มีความเคารพกัปตันโซปและกัปตันไพรซ์ เป็นอีกตัวละครที่เป็นชาวรัสเซียคนแรกที่เราต้องควบคุม (จนเหมือนเป็นพระเอกในเรื่องนี้)

     

     อีกด้านหนึ่งของโลก ไม่กี่ชั่วโมงที่กัปตันโซปฆ่านายนายพล เชพเพิร์ดตายอนาถ (หรือไม่ตายก็ไม่รู้?)  กัปตันไพรซ์ได้รีบนำโซปไปยังเซฟเฮาส์ในหมู่บ้านหนึ่งใกล้เทือกเขาหิมาลัย ประเทศอินเดียเพื่อนำไปรักษา ระหว่างนั้นเองนิโคไลก็ได้แนะนำทหารคนหนึ่งชื่อ “ยูริ” มาเป็นกำลังเสริม ซึ่งระหว่างที่หมอพยายามรักษาโซปนั้นกองกำลังของมาคารอฟได้บุกเข้ามาพอดี แต่อย่างไรก็ตามกัปตันไพรซ์และลูกทีมก็สามารถผ่าอันตรายและหลบหนีมาได้สำเร็จ

     

     

    ประธานาธิบดีบอริส วอเชฟสกี้ (Boris Vorshevsky) ประธานาธิบดีรัสเซีย ที่เคยประกาศสงครามอเมริกาเพื่อล้างแค้นการตายของประชาชนที่ถูกฆ่าตายในสนามบิน แต่ตอนหลังได้กลับใจและพยายามสร้างสันติภาพ หากแต่ถูกมาคารอฟลักพาตัว เพื่อบีบบังคับให้บอกรหัสจุดหัวรบนิวเคลียร์ของรัสเซียไปทำลายสหรัฐ ทำให้สหรัฐต้องทำทุกวิถีทางในการช่วยเหลือเขา

    อเลน่า วอเชฟสกี้ (Alena Vorshevsky) ลูกสาวอายุ 22 ปีของบอริส ชอบงานการกุศล หลังจากเครื่องบินที่เธอนั่งมากับพ่อถูกจี้โดยกลุ่มก่อการร้านมาคารอฟ เธอก็ได้รับการปกป้องจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจนสามารถรอดมาได้ และถูกพามาที่เซฟเฮาส์ที่กรุงเบอร์สินในจณะที่พ่อของเธอถูกจับโดยมาคารอฟ และทมาคารอฟตั้งใจจับเธอเป็นตัวประกันเพื่อบีบให้พ่อของเธอบอกรหัสปล่อยนิวเคลียร์ ก่อนที่จะถูกช่วยเหลือมาภายหลัง

     

     

     

    อันเดรย์  ฮาร์คอฟ (Andrei Harkov) หนึ่งในผู้เล่นที่เราต้องควบคุม เป็น Foreign Service Officer (FSO)  มีหน้าที่ปกป้องประธานาธิบดีรัสเซีย ระหว่างที่เครื่องบินที่ประธานาธิบดีนั่งมาถูกจี้โดยกลุ่มก่อการร้ายมาคารอฟ  แต่สุดท้ายก็ถูกมาคารอฟยิงตาย

    ลีโอนิค ฟูโดวิกี้ (Leonid Pudovkin) หัวหน้าของอันเดรย์ และ FSO มีหน้าที่ปกป้องประธานาธิบดีรัสเซียขณะอยู่ในเครื่องบินไปฮัมบูร์ก แต่สุดท้ายก็ถูกมาคารอฟยิงตาย

    แอนตัน เฟโดรอฟ (Anton Fedorov) เป็น FSO ที่พยายามปกป้องประธานาธิบดีรัสเซีย ร่วมกับอันเดรย์และลีโอนิค  แต่สุดท้ายเขาเสียชีวิตจากเครื่องบินตก

     

     สองเดือนต่อมาประธานาธิบดีรัสเซีย ประธานาธิบดีบอริส วอเชฟสกี้ได้วางแผนการสร้างสันติภาพ รัสเซียกับอเมริกา หากแต่ระหว่างทางที่กำลังจะเดินทางไปประชุมสุดยอดในฮัมบูร์ก เยอรมนี ที่เครื่องบินที่ประธานาธิบดีรัสเซียนั่งก็ได้ถูกกองกำลังของมาคารอฟก่อวินาศกรรม แม้ว่าฝ่ายอารักขาประธานาธิบดีที่ประกอบไปด้วย อันเดรย์  ฮาร์คอฟ, ลีโอนิค, แอนตัน เฟโดรอฟ  จะพยายามปกป้องและพาประธานาธิบดีกับลูกสาวออกจากพื้นที่อันตราย แต่ระหว่างทางโดนมาคารอฟที่จู่ๆ ก็โผล่มา ยิงฝ่ายอารักขาตายหมด และลักพาตัวประธานาธิบดีไปเพื่อไม่ให้โลกเกิดสันติภาพ (เพราะไม่มีผู้มีอำนาจบอกให้ทหารรัสเซียยุติการรบ)

    กลับมาที่หน่วย Task Force 141 หลังจากกัปตันโซปรักษาอาการบาดเจ็บหายดีแล้วก็ตามล่ามาคารอฟต่อ คราวนี้พวกเขาไปประเทศเซียร์ราลีโอน เพราะมีแหล่งข่าวแจ้งมาว่ามีคลังสินค้าต้องสงสัยของมาคารอฟอยู่ที่นั้น และถูกคุ้มกันโดยพวกกลุ่มกบฏหัวรุนแรง หากแต่เมื่อหน่วย 141 ไปถึงก็พบว่าสินค้าได้ถูกส่งไปแล้ว ซึ่งมันกระจัดกระจายไปทั่วยุโรปไม่ว่าจะเป็นปารีส, เบอร์ลิน และกรุงลอนดอน 

     

     

    มาร์คัส เบิร์นส์ (Sergeant Marcus "Michael" Burns) SAS ที่ประจำการอยู่ในอังดฤษ (หนึ่งในตัวละครที่เราต้องบังคับ) มีภารกิจในการตรวจสอบสินค้าที่น่าสงสัยที่ส่งมาในลอนดอน และพบว่าข้างในสินค้าเป็นอาวุธเคมีชีวภาพ และมันได้ถูกขนไปโดยรถบรรทุกคันหนื่ง แม้ว่าพวกเขาจะพยายามสกัดกั้น แต่กลายเป็นว่ารถบรรทุกที่ว่าเป็นเพียงนกต่อเท่านั้น ส่วนรถบรรทุกของจริงระเบิดเป็นที่เรียบร้อย จนลอนดอนกลายเป็นเหยื่อของอาวุธชีวภาพ

    วอลครอฟท์ (Sergeant Wallcroft) เคยร่วมปฏิบัติการกับกัปตันไพรซ์และโซปมาก่อน เข้าร่วม SAS ในภารกิจยึดสินค้นของมาคารอฟในกรุงลอนดอน

    สิบโทกริฟฟิน (Corporal Griffen) เคยร่วมปฏิบัติการกับกัปตันไพรซ์และโซปมาก่อน จนได้เลื่อนยศ ต่อมาก็เข้า SAS ในภารกิจยึดสินค้นของมาคารอฟในกรุงลอนดอน หากแต่เสียชีวิตระหว่างทำภารกิจ จากเหตุไล่ล่ากลุ่มผู้ก่อการร้าย

     

    อีกด้านหนึ่งที่ประเทศอังกฤษ หลังจากสินค้าของมาคารอฟเทียบท่าเรือในกรุงลอนดอน หน่วย SAS ที่นำโดยวอลครอฟท์, มาร์คัส และกริฟฟินได้พยายามป้องกันภัยที่เกิดจากภัยจากอาวุธเคมีดังกล่าว จึงทำการบุกบริษัทต้องสงสัย เพื่อยึดคลังสินค้า เพื่อตรวจสอบว่าคืออะไรกันแน่ แต่กลายเป็นว่าพัสดุเกือบทั้งหมดถูกส่งขึ้นไปบนรถบรรทุกคนหนึ่งหมดแล้ว  แม้ว่าหน่วย SAS จะสามารถหยุดรถที่ขนสินค้าได้  เเต่มันเป็นเพียงแค่นกต่อเท่านั้น เพราะอีกจุดที่ห่างออกไปมีรถคันที่ขนสินค้าคนหนึ่งวิ่งเข้ามาแหล่งชุมชน และ รถขนสินค้าคันนั้นก็เกิดระเบิดขึ้นเเละสิ่งที่ออกมาคือ เเก๊สเคมีสีเขียว ที่เป็นอันตรายถึงขั้นหากใครสูบเข้าไปอาจตายได้ทันที เเละรุกรามไปทั่วยุโรป 

    อาวุธเคมีได้เเพร่กระจายเป็นวงกว้าง หลายจุดทั่วยุโรป จนเป็นการก่อการร้ายที่ด้วยอาวุธเคมีที่รุนเเรงที่สุดและเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลก

    ที่ฮัมบูร์กซึ่งเป็นที่การประชุมผู้นำสหรัฐเเละรัสเซีย ได้ถูกกองทัพรัสเซียโจมตีอย่างหนัก ซึ่งตอนนี้สงครามได้ลุกลามกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งหน่วย Delta Force ได้รับคำสั่งให้ไปช่วยชีวิตรองประธานาธิบดีสหรัฐที่ตกอยู่ในอันตรายกลางสนามรบ และก็สามารถช่วยรองประธานาธิปดีสหรัฐได้สำเร็จ

     

     

    วาราอาเบ (Waraabe) ผู้บัญชาการทางของกลุ่มการร้ายแห่งโซมาเลีย ผู้มีอิทธิพลในโซมาเลียและเซียร์ราลีโอน และอื่นๆ ในแอฟริกา เลวยกก๊วน ทั้งค้ายาเสพติด, ปล้น, ฆ่า, ค้ามนุษย์ ไปจนถึงส่งอาวุธไปให้ผู้ก่อการร้าย

     

    ตัดกลับมาที่หน่วย 141 กับตันไพรซ์ได้โทรไปหาแมคมิลาน ซึ่งตอนนี้เป็นผู้ควบคุมกองทัพทั้งหมด เพื่อสืบหาเบาะเสของมาคารอฟ แต่ตอนแรกแมคมิลานไม่เต็มใจซะเท่าไรนัก หากแต่เมื่อกัปตันไพรซ์เอาบุญคุณเก่าสมัยร่วมงานกันมา  แมคมิลานจึงเต็มใจบอกว่าเส้นทางที่ส่งอาวุธเคมี ว่ามันส่งผ่านท่าเรือที่อยู่ในการควบคุมโดย วาราอาเบ ผู้บัญชาการทางของกลุ่มการร้ายแห่งโซมาเลีย

    จากนั้นหน่วย 141 จัดการล้างถล่มหมู่บ้าน ท่าเรือ และลูกน้องวาราอาเบ จนหมด จากนั้นก็ทำการสอบสวนตัวหัวหน้า  วาราอาเบ บอกว่าเขาทำธุรกิจผลิตระเบิดอาวุธเคมีไปให้ Volk ซึ่งกบดานอยู่ในปารีส  ที่เป็นคนกำหนดจุดวางระเบิด เมื่อกัปตันไพรซ์ได้ข้อมูลจึงยิงหัวหน้าตายคาที่ และเมื่อหมดธุระกับที่นี้ หน่วย 141 จึงต้องออกจากหมู่บ้านโดยเร็วก่อนที่ลูกน้องวาราอาเบจะมาล้อม (ระหว่างทางเครื่องบินสนับสนุนที่นิโคไลถูกลูกน้องวาราอาเบถูกยิงตก แต่พวกกัปตันไพรซ์ก็สามารถช่วยเหลือได้ทันเวลา)

     

     

    วอล์ค (Volk) หรือ Viktor "Volk" Khristenko ฉายา “หมาป่า” เป็นผู้นำกลุ่มก่อการร้ายที่ทำงานให้กับมาคารอฟ และเป็นผู้รับผิดชอบการโจมตีด้วยอาวุธชีวภาพที่ฆ่าคนยุโรปถึง 35,000 คน ก่อนที่จะถูกจับโดยหน่วยของแซนด์แมนในกรุงปารีส

     

     

    ซาเบอร์ (Sabre) ผู้นำของหน่วย GIGN หน่วยพิเศษของฝรั่งเศส  มีส่วนร่วมในการจับกุมวอล์ค

     

     

    เมื่อได้ข้อมูลกัปตันไพรซ์จึงติดต่อแซนด์แมน ซึ่งเป็นหน่วยรบพิเศษเฉพาะกิจ 141 เหมือนกัน ว่า มือระเบิดเคมีนั้น มีชื่อว่า วอล์ค ซึ่งกบดานอย่างในปารีส ดังนั้นแซนด์แมนและลูกทีมได้ร่วมมือกับลูกทีมของหน่วยพิเศษของฝรั่งเศส  GIGN ชื่อซาเบอร์ จับตัววอล์คเป็นให้ได้ ซึ่งพอดีเวลานั้นใจกลางปารีสอยู่กลางสงครามพอดี แต่ด้วยความร่วมมือของฝ่ายๆ ก็สามารถจับ วอล์คตัวเป็นๆ และส่งตัวมาลงโทษได้สำเร็จ

                    ทางด้านกัปตันไพรซ์, กัปตันโซป และยูริได้ข่าวว่ามาคารอฟจะไปประชุมปรึกษาหารือกันที่ โรงเเรม ใกล้กับจตุรัสเก่า  ในกรุงปราก ในประเทศเช็กซึ่งตอนนี้ทหารรัสเซียและกลุ่มก่อการร้ายโจมตีอย่างหนัก จึงได้ติดต่อนัดหมายกับกองกำลังของคามารอฟเป็นผู้สนับสนุน ทั้งหมดจึงสามารถแทรกซึมเข้าไปในเมือง และไปยังจุดเล็งเป้าสังหารได้สำเร็จ

    เช้าวันต่อมา กัปตันไพรซ์, กัปตันโซป และยูริ ได้ดำเนินแผนลอบสังหารมาคารอฟ โดยประจำตำแหน่งสองตำแหน่ง กัปตันไพรซ์จะบุกจู่โจมคนเดียวในโรงแรมที่มาคารอฟประชุม ส่วนกัปตันโซปและยูริอยู่ด้วยกันเพื่อยิงสนับสนุน

    อย่างไรก็ตาม บรรยากาศไม่เต็มใจมากนัก มาคารอฟมาสายกว่าปกติ และเมื่อทั้งหมดตัดสินใจที่จะดำเนินตามแผนต่อไป กัปตันไพรซ์ก็บุกเข้าไปโรงแรมก็พบว่าที่นี่เป็นกับดัก เพราะมาคารอฟสามารถ จับตัว คามารอฟและผูกติดกับระเบิดไว้ ซึ่งกัปตันไพรซ์หนีจะระเบิดได้สำเร็จ หากแต่ด้านของกัปตันโซปและยูริก็ถูกแรงระเบิดเช่นกัน จนโซปบาดเจ็บสาหัส

    ทั้งหมดพยายามหนีจากที่นี้โดยเร็วที่สุด แม้จะพยายามช่วยชีวิตโซปแต่ก็ไม่ได้ผล โซปบาดเจ็บเสียเลือดมาก  ก่อนที่โซปจะเสียชีวิตเขาได้บอกกัปตันไพรซ์ว่ายูริรู้จักกับมาคารอฟก่อนที่จะสิ้นลม เมื่อกัปตันไพรซ์รู้เรื่องนี้ ด้วยความโมโห จึงไปถาม ยูริว่ารู้จักมาคารอฟได้อย่างไร

    ยูริได้พยายามอธิบายว่าสมัยก่อนนั้นเขาเคยเป็นพวกชาตินิยมมาก่อน และเคยเป็นมือขวาของมาคารอฟ ตั้งแต่สมัยซาคาเอฟเป็นหัวหน้า หากแต่หลังจากเหตุการณ์ระเบิดนิวเคลียร์ในตะวันออกกลาง ทำให้เขาเริ่มใจออกห่างกับมาคารอฟ และพยายามที่จะป้องกันความสูญเสีย หากแต่ถูกมาคารอฟจับได้ก่อน และเขาก็ถูกยิง ในเหตุการณ์สังหารหมู่ฆ่าเขาผู้บริสุทธิ์ในสนามบินนานาชาติ  กรุงมอคโก เเต่โชคดีเขาไม่ได้เพราะได้รับช่วยเหลือทันเวลาจากทีมแพทย์ที่มาถึงที่เกิดเหตุ และหลังจากนั้นเป็นต้นมา ยูริจึงเกลียดมาคารอฟและหวังที่จะล้างแค้นมาตลอด

    เมื่อกัปตันไพรซ์ได้ยินยูริเล่า ก็ตัดสินใจที่จะเชื่อและจับมือเป็นพันธมิตรอีกครั้ง คราวนี้ทั้งคู่ได้แอบแทรกซึมไปยังป้อมปราการที่เป็นรังของมาคารอฟที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อหวังว่าจะเจอมาคารอฟ แต่ปรากฏว่ามาคารอฟไม่ได้อยู่ที่นี้ แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่เสียเที่ยว เพราะเขาไดเยินแผนมาคารอฟที่จะจับตัวลูกสาวประธานาธิบดีรัสเซีย เพื่อบังคับให้ประธานาธิบดีรัสเซียบอกรหัสปล่อยจรวดนิวเคลียร์ให้ได้ และตอนนี้มาคารอฟรู้ที่ซ่อนตัวของเธอแล้วในเบอร์ลิน เยอรมัน

    กัปตันไพรซ์ได้ติดต่อทีม Delta Force ของ แซนด์แมน เพื่อไปรับตัวลูกสาวประธานาธิบดีรัสเซียโดยด่วน ก่อนมาคารอฟจะมาถึงก่อน ซึ่งตอนนั้นเบอร์ลินก็ตกอยู่ในสภาพสงครามรุนแรงเหมือนที่อื่นๆ แม้ว่าพวกเขาจะฟันผ่าไปจนถึงที่ลูกสาวประธานาธิบดีรัสเซียอยู่ก็ตาม แต่ก็สายไป เพราะพวกมาคารอฟมาถึงก่อนและจับตัวเธอไปแล้ว

    พวกมาคารอฟจับลูกสาวประธานาธิบดีรัสเซียไปยังเหมือนแรงแห่งหนึ่ง ในไซบีเรีย และเชื่อว่าประธานาธิบดีรัสเซียอยู่ที่นั้นด้วย และนั้นเองทำให้หน่วย 141 เเละ Delta Force ร่วมมือกันบุกเข้าไปในเมือง และสามารถช่วยประธานาธิบดีเเละลูกสาวได้สำเร็จ หากแต่ก็เสีย แซนด์แมน, ทรัคส์ และกรินช์ ไปพร้อมๆ กับ เหมืองเเร่ที่กำลังถล่มลงมา

    เมื่อช่วยเหลือประธานาธิปดีได้สำเร็จ การเจรจาสันติภาพก็ราบรื่น และนั้นเองทำให้สามารถยุติสงครามครั้งที่ 3  ระหว่างอเมริกาและรัสเซียได้ในที่สุด

    อย่างไรก็ตามสงครามของกัปตันไพรซ์และยูริยังไม่จบ เพราะทั้งคู่มีเรื่องต้องคิดบัญชีแค้นกับมาคารอฟ คราวนี้พวกเขารู้แล้วว่ามาคารอฟกบดานอยู่ที่ โรงเเรม Oasis ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทั้งคู่สวมเกราะใหญ่และพันผ่าลูกน้องของมาคารอฟ หากแต่ระหว่างขึ้นลิฟท์ ทั้งคู่โดนเฮลิคอฟเตอร์ยิง จนเกราะของพวกเขาไหม้ไฟ จึงจำเป็นต้องถอดทิ้ง และพวกเขามีเวลาแค่ 4 นาทีเพื่อเข้าไปหามาคารอฟ (ก่อนที่มาคารอฟจะขึ้นเครื่องบินหนี) ทั้งคู่พันผ่าไปยังชั้นบนหากแต่ระหว่างที่ทั้งคู่ใกล้มาคารอฟ ก็ถูกเฮลิคอปเตอร์ยิงจรวดอีกครั้ง คราวนี้พื้นผนังของโรงแรมหล่นมาใส่ทั้งคู่ กัปตันไพรซ์รอดอย่างหวุดหวิด ยกเว้นยูริที่ช่วงเอวโดนเหล็กผนังเสียบ ยูริเลยบอกให้กัปตันไพรซ์ตรงไปหามาคารอฟเลยไม่ต้องห่วงเขา และเมื่อกัปตันไพรซ์ไปถึงด่านฟ้าโรงแรมก็พบกับมาคารอฟกำลังขึ้นเครื่องบินหนี กัปตันไพรซ์ไม่ยอมแพ้จึงรีบโดดไปหาเฮลิคอปเตอร์จน และต่อสู้กับมาคารอฟจนเฮลิคอปเตอร์เสียการควบคุม และตกลงไป

    กัปตันไพรซ์สะลึมสะลือ ก่อนที่จะเห็นภาพเครื่องบินตกอยู่ตรงหน้า และมาคารอฟถือปืนเพื่อตรงมาฆ่า หากแต่ก็ถูกขัดจังหวะโดยยูริ แต่มาคารอฟก็ฆ่ายูริ กัปตันไพรซ์จึงใช้โอกาสนั้นกระโจมเข้าไปยำมาคารอฟ และบีบคอ แล้วเอาสายเคเบิลจัดการแขวนคอขายตายอย่างอนาถ สุดท้ายกัปตันไพรซ์ก็จัดการมาคารอฟได้สำเร็จ เป็นอันจบภาค 3 แต่เพียงเท่านี้

     

     

    ถ้าทำเป็นอนิเมะผมเชื่อว่าน่าจะดังน่ะ

     

    ปล. ภาพตัวละครโมเอะที่ผมเอามานั้น ไม่ได้เป็นเกมน่ะครับ อย่าเข้าใจผิด มันเป็นเพียงสมุดรวมภาพโมเอะเท่านั้น (ซึ่งน่าเสียดาย หากทำเป็นเกม หรือเป็นอนิเมะนี้นับลองว่าน่าสนใจแน่ เพราะ โมเอะแนวทหารและสงครามแบบนี้ไม่ค่อยมีสักเท่าไหร่ และน่าลองหากมีการทำ และ การที่ผมเอามานำเสนอก็เพื่อให้เห็นทุกคนเห็นข้อดีของโมเอะ ว่าการเป็นการใช้คาแร็คเตอร์ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นสากล ที่เข้าถึงทุกเพศทุกวัย อีกทั้งยังเป็นการสื่อสากลที่ทำให้หลายคนรู้ทันทีสว่าตัวละครนี้มีนิสัยยังไง

    โดยส่วนตัวแล้ว ผมอยากให้ Call of Duty เอาบรรยากาศสงครามโลกครั้งที่ 2 กลับมามากกว่า (เพราะห่างหายไปนานแล้ว) สงครามสมัยใหม่ใช่ว่าจะไม่ดี แต่ผมอยากยิงนาซี หรือพวกทหารญี่ปุ่น

    แม้ว่าความชอบของผมที่มีต่อซีรีย์อาจจะน้อยเมื่อเทียบกับซีรีย์สงครามโลกครั้งที่ 2 แต่กระนั้น ก็ทำให้ผมได้รู้เรื่องสงครามสมัยใหม่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นหน่วยรบของโลก ว่าแต่ละประเทศมีหน่วยรบพิเศษที่เก่งกาจมากขนาดนี้ และนอกจากนี้ ผมรู้เรื่องศัพท์ทหาร เทคโนโลยี อาวุธสงครามใหม่ๆ ที่ไม่รู้ และไม่เคยเห็นมาก่อน ยกตัวอย่างเช่น มังกรแห่งการทำลายล้าง AC- 130 (ยานรบสนับสนุนระยะไกลฉายาที่ทหารเรียกกันติดปากว่า “มังกรเพลิง” ถือเป็นยานรบเอนกประสงค์นิยมใช้ในหลายภารกิจตั้งแต่ ดูลาดเลา โจมตีเป้าหมายภาคพื้นดินอารักขา หรือแม้แต่ส่งพลร่มจำนวนมาก) หรือจะเป็นสไตเกอร์ (Stryket รถถังสุดโหดของสหรัฐ) ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผมไม่รู้เลย จนกระทั่งมาเล่นเกมนี้

    ปัจจุบัน Call of Duty : Modern Warfare  ภาค 4 นั้นยังไม่มียืนยันชัดเจนว่าจะสร้างต่อหรือกำหนดวางแผงเร็วๆ นี้แต่อย่างใด (แต่เชื่อว่ามีแน่นอน) แน่นอนว่าสิ่งที่กังวลของหลายฝ่ายก็คือมันจะกลายพันธุ์หรือไม่ เพราะเวอร์ชั่นช่วงหลังๆ ออกไปทางตำหนิมากกว่า เพราะแนวทางการเล่นหลายฉากไม่ได้เน้นยิงเอามัน แต่ไปเน้นแบบซุ่มฆ่ามากกว่า  บางครั้งก็กลายพันธุ์ไปในทางที่หลายคนไม่ชอบด้วยซ้ำ และที่สำคัญเนื้อเรื่องก็ไม่น่าติดตามเหมือนเมื่อก่อน (ในขณะเดียวกันสเป็กเครื่องก็เริ่มมากขึ้นด้วย)  แต่อย่างไรก็ตามซีรีย์ Call of Duty ยังคงเป็นซีรีย์ที่หลายคนนิยมอยู่เช่นเคย

     เนื่องด้วยบทความนี้เป็นบทความการ์ตูน ดังนั้นขอพูดเกี่ยวกับการ์ตูนบ้าง Call of Duty : Modern Warfare นั้น ตอนที่เขียนบทความก็มีการ์ตูนคอมมิค ภาคโกสต์ออกมา โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของโกสต์  ก่อนที่จะเข้าหน่วยพิเศษไล่ล่ามาคารอฟ ในชื่อ Modern Warfare: Ghost ซึ่งเป็นการ์ตูนคอมมิค (หาอ่านได้โดนจีนแดง) ซึ่งหลังจากดูประวัติชีวิตของโกสต์แล้ว รู้สึกว่าชีวิตทหารคนหนึ่งมันดราม่าได้ขนาดนี้เชียวหรือนี้

    นอกจากนี้ เชื่อหรือไม่ว่า Call of Duty : Modern Warfare มีโดจินโป๊กับเขาด้วย ซึ่งเป็นแนวยาโอย ไม่ว่าจะเป็นกัปตันไพรซ์Xโซป และ โกสต์Xโซป (ทำไมโซปเป็นฝ่ายรับหว่า) ใครมีรสนิยมยาโอยชายล้ำๆ ระหว่างชายสองคนคงถูกใจไม่น้อย

    จบครับจบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×