ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #63 : Manga Kenkanryu เมื่อเกาหลีโดนญี่ปุ่นด่า....

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 13.74K
      10
      27 เม.ย. 53


    การเล่นมุกตลกที่ทำให้เราหัวเราะได้ บางครั้งเราจำเป็นต้องรู้ข้อห้ามในการเล่นมุกตลกด้วย เพื่อไม่ให้มุกของเรามีผลกระทบต่อจิตใจต่อผู้ฟัง โดยพื้นฐาน

    ต้องใช้สติปัญญามากกว่าอารมณ์ความรู้สึก ไม่ควรพูดเรื่องเสียๆ หายๆ ของอีกฝ่าย เพราะจำให้คนฟังนั้นรู้สึกไม่สนุกสนานสำหรับเราไปด้วยเลย มุกตลกจะกลายเป็นการดูถูก สบประมาท หรือไม่สุภาพแทน เช่น คนขาวคนดำ, ชาวไทยภูเขา, ชาวไอริช, ชาวยิว ฯลฯ นอกจากนี้ก็อย่าเล่นเรื่อง เชื้อชาติ, การเมืองหรือกฎหมายต่างๆ ด้วย เช่นพรมแดน, กฎหมายอาวุธปืน, ลัทธิ ฯลฯ

    แต่กระนั้นก็มีคนปล่อยมุกบางราย มีตั้งใจ ที่จะใช้ข้อห้ามเหล่านี้เขียนเป็นการ์ตูนตลกเหมือนกัน.....

     


    Manga Kenkanryu

    แนว ความรู้รอบตัว(ด้านเดียว), การเมือง

    ปัจจุบันออกมาแล้ว 3 เล่ม

    (เว็บการ์ตูนโดนแบน ไม่สามารถหาอ่านได้ ถึงอ่านก็อ่านไม่ออกเพราะภาษาญี่ปุ่น)

     

    ผมไม่ได้ดูหรอกครับการ์ตูนเรื่องนี้ แค่อยากนำเสนอเท่านั้นว่าการ์ตูนนี้บางครั้งก็มีอิทธิพลต่อความสัมพันธ์ด้านการเมืองระหว่างประเทศเหมือนกัน นอกจากนั้นการเล่นมุกอะไรก็ขอให้คำนึงถึงกฎต่างๆ ด้วย มิฉะนั้นก็จะเหมือนการ์ตูนเรื่องนี้

    เขียนโดย Sgharin Yamano ซึ่งเขายอมรับเลยนะครับว่าเขาเขียนการ์ตูนเรื่องนี้เพราะ “เกลียดเกาหลี”  ซึ่งก่อนหน้านั้นการ์ตูนนี้เคยถูกลงในเว็บเบอร์ของคนเขียนในเว็บไซต์ และได้รับความนิยมเรื่อยมา(เฉพาะกลุ่ม) จนมีสำนักพิมพ์จัดพิมพ์ และเผยแพร่โดย Shimyushs เปิดตัวเมื่อ 26/07/2005 จนถึงตีพิมพ์เป็นซีรีย์ 2 และ 3 ตามมา

    ช่วงที่หนังสือการ์ตูนเรื่องนี้วางจำหน่าย ตอนนั้นญี่ปุ่นกำลังอยู่ในช่วงเกาหลีฟรีเวอร์เหมือนไทยเราแหละครับ สาเหตุคือญี่ปุ่นสนับสนุนให้ละครทีวีซีรีย์เกาหลีมาเข้าฉายในญี่ปุ่นได้ ซึ่งส่งผลให้วัฒนธรรมเกาหลีต่างกระหน่ำเข้ามาที่ญี่ปุ่นไม่หยุดยั้งเหมือนคลื่นยักษ์ คนญี่ปุ่นชอบเกาหลีมีเพิ่มขึ้น ในขณะที่บางกลุ่มเกิดอาการ “เกลียดเกาหลี” ก็มีจำนวนมากขึ้นเช่นกัน สิ่งที่ตามมาก็เหมือนบ้านเราแหละครั้ง คือการตั้งกระทู้เกรียมแหลกเหมือนไทยๆ เรา ที่ขุดเอาประวัติศาสตร์ ขุดรากเหง้ามาวิจารณ์สับแหลกเสมือนตนเองเป็นคนยุคนั้น และบางครั้งก็เอาเรื่องเปรียบเทียบว่าเกาหลีก็อปโน้นก็อปนี้ประมาณว่าจับผิดให้คนอื่นรู้กันทั่วอีก

    แน่นอนครับหลังหนังสือเล่มนี้วางจำหน่าย จึงไม่แปลกแต่อย่างใดที่ชาวญี่ปุ่นตอบรับอย่างดีมาก หนังสือการ์ตูนขายดี(ส่วนหนึ่งเพราะโดนใจญี่ปุ่นมาก เพราะจากการสำรวจพบว่าสองประเทศที่ญี่ปุ่นเกลียดที่สุดคือเกาหลีใต้กับเกาหลีเหนือครับ) และทำให้คนญี่ปุ่นตระหนักเกี่ยวกับเกาหลีหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นข้อพิพาทระหว่างเกาหลีและญี่ปุ่น, แฟชั่น ภายใต้สโลแกน “There is one more Korean Wave that the media is hiding—the Hate Korea Wave!”

    เนื้อหาการ์ตูนเรื่องนี้ประมาณว่าเป็นการโต้เถียงอภิปรายระหว่างสองกลุ่ม คือกลุ่มหนุ่มสาวญี่ปุ่นกับหนุ่มสาวเกาหลีที่ถกเถียงกันโดยมีหัวข้อต่างๆ ว่าประเทศของใครดีกว่ากัน เช่น การเมือง, อาหาร, วัฒนธรรม และแน่นอนส่วนใหญ่ญี่ปุ่นจะชนะหมด นอกจากนั้นคนเขียนก็พยายามให้ตัวละครเก่าหลีเป็นฝ่ายเลว และแสดงนิสัยแย่ๆ ออกมา(ตามที่เรารู้ว่าคนเกาหลีนิสัยเสียอย่างไรบ้าง)

    แน่นอนผลที่ตามมาคือการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องนี้หลายฝ่ายวิจารณ์ว่าเป็นการ์ตูนที่มองเกาหลีในแง่ลบมากเกินไป เนื้อหาบิดเบือนประวัติศาสตร์ที่เป็นข้อเท็จจริงส่วนใหญ่ การแบ่งแยกเชื้อชาติ และก่อให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์การเมืองที่ตึงเครียดระหว่างเกาหลีและญี่ปุ่น

    ประเด็นเหล่านี้เคยถูกนำเสนอในนิวยอร์คไทน์(New York Timer)สถานีโทรทัศน์ที่โด่งดังของโลกมาแล้ว เขาวิเคราะห์ว่าตัวละครในเรื่องวาดอย่างลำเอียงอย่างจงใจ คือหนุ่มสาวญี่ปุ่นจะเป็นคนที่สวยหล่อน่ารักตาใหญ่ผมสีบลอนด์ตามแบบมังงะการ์ตูนญี่ปุ่นหรือลักษณะ ฝรั่งขาวหรือชาวคอเคเซียน (Caucasian) เมื่อหากแต่ถ้าเป็นหนุ่มสาวเกาหลีจะวาดผมสีดำ ตาตี๋ที่มีลักษณะเหมือนเอเซียมากกว่า

    เนื้อหาที่พูดคุยเถียงกันหนังสือการ์ตูนค่อนข้างหลากหลาย ส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องข้อพิพาทญี่ปุ่นและเกาหลีที่สรุปไม่ได้ โดยตัวละครญี่ปุ่นมักนำประวัติศาสตร์มาอวดว่า “กูเก่งกว่าเอ็ง” และเมื่อมีประเด็นอะไรญี่ปุ่นจะเถียงชนะหมด ซึ่งประเด็นเหล่าก็ เช่น

     

    -ความรู้สึกเกลียดชังญี่ปุ่นของคนเกาหลี เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อนและยาวนานมาก ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นมักบุกรุกเกาหลีอยู่บ่อยๆ , อาณาเขตคาบสมุทรไม่สามารถตกลงกันได้ ทำให้เกิดโจรสลัดญี่ปุ่นปล้นเฉพาะคนเกาหลีโดยเฉพาะ และการรุกรานเกาหลีแม้ในสงครามโลกครั้ง 2 จักรวรรดิญี่ปุ่นบุกรุกเกาหลี ฆ่าประชาชนเกาหลีเป็นจำนวนมาก ถอดตำแหน่งจักรพรรดิเกาหลีล้างสถาบันจักรวรรดิและควบคุมเชื้อสายราชวงศ์(โชซอน)ทั้งหมดไปญี่ปุ่น เพื่อเป็นตัวประกันและไม่ให้สามารถคืนอำนาจได้อีก ทำให้เกาหลีปิดฉากยุคจักรวรรดิราชวงศ์ยาวนานถึง 2000 ปีในที่สุด

    -เรื่องข้อพิพาทดินแดนหมู่เกาะลีอังคอร์ท( Liancourt) เป็นหมู่เกาะเล็กๆ อยู่ระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ คืออยู่ห่างจากดินแดนตะวันออกสุดของเกาหลีใต้ 87 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากดินแดนของญี่ปุ่น 157 กิโลเมตร ประกอบด้วยเกาะใหญ่ 2 เกาะ เรียกว่าเกาะตะวันตก และเกาะตะวันออก  นอกนั้นเป็นเกาะเล็กเกาะน้อยกระจัดกระจายอยู่อาณาบริเวณทั้งหมดประมาณ 187,450 ตารางเมตร หมู่เกาะเหล่านี้เกิดจากเถ้าถ่านภูเขาไฟ ซึ่งผุกร่อนได้อย่างรวดเร็ว จึงมีลักษณะเป็นหินภูเขาไฟ มีดินอยู่ชั้นบนเพียงเล็กน้อย  และไม่มีแหล่งน้ำจืดที่ใหญ่พอเพียง จึงมีสัตว์ และพืชบางชนิดเท่านั้นที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ปัจจุบันหมู่เกาะนี้อยู่ภายใต้การดูแลของเกาหลีใต้ ซึ่งส่งเจ้าหน้าที่หมุนเวียนกันเข้าไปประจำอยู่จำนวนเล็กน้อย มีประชากรชาวเกาหลีอาศัยอยู่ 2 คน

    เกาะแห่งนี้เป็นปะเด็นทางการเมืองมาช้านานที่ต่างฝ่ายต่างก็อ้างว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเนื่องจากเกาะนี้มีอาณาเขตสำคัญหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแหล่งจับปลาทะเล หรือแหล่งก๊าซธรรมชาติ ต่างฝ่ายต่างก็มีหลักฐานมีเหตุผลที่สามารถนำมาอ้างความเป็นเจ้าของ เกาหลีเรียกเกาะนี้ว่าเกาะทอคโด (Tokdo หรือ Dokdo) ที่ญี่ปุ่นเรียกเกาะนี้ว่าเกาะทาเคชิมา (Takashima) แต่ เพื่อความเป็นกลางไม่เข้าข้างฝ่ายใด เอกสารจากหลายแหล่งจึงเรียกชื่อเกาะนี้ว่า ลีอังคอร์ท (Liancourt Rocks)  เรื่องเกาะลีอังคอร์ทแรงมาก เพราะมันเป็นสาเหตุที่ญี่ปุ่นบุกเกาหลีในสงครามโลกครั้งที่ 2 มาแล้ว

    ก็เหมือนกรณีเขาพระวิหารไทยกับกัมพูชาแหละครับ มันจบไปนานแล้วในศาลโลก แต่ประเทศไทยไม่จบ ขุด เอาประเด็นมาตั้งกระทู้ ก่อนที่จะกระหน่ำเม้นพูดจาภาษาต่างดาว ภาษาวิชาการ ที่คนทั่วไปอ่านไม่รู้เรื่อง และไม่จบง่ายๆ

    -ประเทศเกาหลีได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น เมื่อญี่ปุ่นยึดเกาหลีในปี 1910 ส่งผลให้ราชวงศ์เกาหลีสิ้นสุดลง เกาหลีก็ได้ออกกฎข้อบังคับควบคุมวัดวาอารามต่างๆ และพยายามก่อความเสียหายให้เกิดขึ้นแก่คณะสงฆ์ เช่น ส่งเสริมให้พระสงฆ์ครอบครัวได้และดำรงชีวิตเหมือนฆราวาส จุดประสงค์ก็เพื่อทำลายพระพุทธศาสนา  จนกระทั้งตอนปลายสงครามโลกครั้งที่ ๒ กองทัพสหภาพโซเวียต และสหรัฐอเมริกาได้เข้ายึดเกาหลีจากญี่ปุ่น เมื่อ 1945  เกาหลีจึงถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเทศที่ 8nv สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ)  และ สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้)

    -ปัญหากับเกาหลีเหนือ กรณีการลักพาตัวชาวญี่ปุ่นและเรื่องการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์

    -ความขัดแย้งในตำราประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ที่เกาหลียอกว่าญี่ปุ่นกำลัง"บิดเบือน" และ "ปกปิด" ในตำราประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นที่ใช้สอนเด็กของกระทรวง ศึกษาฯ ของญี่ปุ่น ซึ่งเนื้อหาไม่มีการบรรยายความโหดร้ายทารุณกรรม ที่ทหารญี่ปุ่นได้ก่อไว้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2  เช่น ในหนังสือหลีกเลี่ยงการใช้คำว่า "รุกราน" เมื่อกล่าวถึงกองทัพญี่ปุ่นบุกยึดครองหลายประเทศในเอเชีย ในช่วงครึ่งแรกของคริสตศตวรรษที่ 20 ส่วนเหตุการณ์สังหารหมู่นานกิงกว่า300,000 คนเมื่อปี พ.ศ. 2480 หนังสือบอกว่าเป็น "อุบัติการณ์" ที่มีชาวจีนเสียชีวิต "จำนวนมาก" ในหนังสือบอกว่า ในภาวะสงคราม ไม่มีประเทศใดที่จะสามารถหลีกเลี่ยงการสังหารหรือทารุณกรรมประชาชนที่ไร้อาวุธ นอกจากนั้นยังกล่าวถึงโสเภณีทหารเกาหลีว่าเป็น "ผู้หญิงปลอบใจ" ที่ตกเป็นทาสบำเรอกามของทหารญี่ปุ่นใน แนวหน้า

    -เรื่องก๊อป เช่นเพลง, การ์ตูน หรือภาพยนตร์ ที่ญี่ปุ่นบอกว่าเกาหลีก๊อปของเขามา เช่นผลงานภาพยนตร์ของเกาหลีเรื่อง The Host หรือในชื่อเกาหลีว่า Gwoemul ที่ถูกชาวญี่ปุ่นบอยคอตอย่างหนักเพราะตัวสัตว์ประหลาดซึ่งเป็นจุดหลักของ เรื่องนี้มีการออกแบบที่ไปซ้ำกับคาแรกเตอร์มอนสเตอร์ ที่ปรากฎอยู่ในอนิเมชั่น Patlabor WXII 2001 ชนิดที่เรียกได้ว่าเหมือนเป๊ะ!?

    -อื่นๆ เช่นกำเนิดคาราเต้ที่เกาหลีอ้างว่ามีต้นกำหนดมาจากประเทศเขา, กรณีโกงฟุตบอลโลกในตอนที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพ ที่เกาหลีใต้จ้างกรรมการตัดสินลำเอียงในการแข่งขันกับสเปนและอิตาลี , พวก zainichi (คนที่ถือสัญชาติเกาหลีแต่โตในญี่ปุ่น พูดสองภาษาทั้งเกาหลีและญี่ปุ่น) ฯลฯ

    นี้คือหัวข้อทั้งหลายที่นำมาเถียงกันในการ์ตูนเรื่องนี้ ซึ่งผมไม่รู้ว่าต่างฝ่ายเถียงเรื่องอะไรบ้างแล้วสรุปว่าอะไร แต่ที่นี้ๆ มันไม่ดีต่อทั้งสองฝ่ายแน่ๆ

     

    หนังสือประกอบความสำเร็จยอดขาย 450,000 ชุด พร้อมกับเปิดตัวเล่มสองในวันที่ 22/02/2006 ในวันเดียวกับที่ญี่ปุ่นมีปัญหาข้อพิพาททะเลญี่ปุ่นกับเกาหลี และการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน โดยเล่ม 2 นั้นจะเน้นเกี่ยวกับปัญหาลักพาตัวเกาหลีเหนือ

    ทันทีที่หนังสือวางตลาดก็เกิดปฏิกิริยาเกิดขึ้นทันทีระหว่างสองประเทศ เริ่มจากเว็บไซต์ 2channel (เว็บบอร์ดที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีอิทธิพลมากในญี่ปุ่น), blogs และกระดานอื่นๆ ออกมาชมและวิจารณ์อย่างกว้างขวาง รวมไปถึงหนังสือพิมพ์ต่างๆ ทั้งญี่ปุ่นและเกาหลีต่างโจมตีซึ่งกันและกัน

    หนังสือพิมพ์ใหญ่อย่าง Asahi Shimbun, Yomiuri Shimbun และ Sankei Shimbunต่างปฏิเสธในการโฆษณาหนังสือการ์ตูนเรื่องนี้

    ในเว็บ Amazon.co.jp ปฏิเสธในการจัดการ์ตูนเรื่องนี้อยู่ในอันดับหนังสือขายดี

    ประชาชนเกาหลีทั้งในและนอกประเทศ(ในญี่ปุ่น)เอาการ์ตูนเรื่องนี้เผาประท้วง ทำมให้หนังสือการ์ตูนเรื่องนี้ขาดแคลนในตลาดจนต้องสำเนาหนังสือมาขาย เพื่อตอบสนองต่อความต้องการ

    ส่วนทางด้านฝ่ายเกาหลีก็ออกหนังสือมาตอบโต้บ้างคือ Kim Sung Mo(เกลียดญี่ปุ่น) แต่เนื่องจากไม่ได้รับความนิยม ทางผู้เขียนจึงต้องตั้งสำนักพิมพ์เอง แล้วพิมพ์ขายภายใต้งบของตัวนักเขียนเอง จึงไม่เป็นที่โด่งดังนัก

                    ยกตัวอย่างหน้าที่ในเว็บไซต์เอามาให้วิเคราะห์ดีกว่า

                    

                    ผู้หญิงในการ์ตูนเถียงนักศึกษาเกาหลีว่า ประเทศเกาหลีใช้ประโยชน์ทรัพยากรทุกอย่างจากญี่ปุ่นมาพัฒนาประเทศทั้งหมด ไม่ว่าการจัดวางนโยบาย, รถไฟ, คมนาคม โดยไม่ต้องลงทุนและเทคโนโลยี เกาหลีที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เพราะคนญี่ปุ่น ซึ่งประโยคที่ว่าญี่ปุ่นสร้างประเทศเกาหลีจึงเป็นประโยคที่ไม่เกินจริงแต่อย่างใด

                    
                   ฝ่ายตรงข้ามกับญี่ปุ่น คือนักศึกษามหาลัยชาวเกาหลี(ที่หน้าตาอัปลักษณ์) พยายามเถียงญี่ปุ่นให้เลิกพูดประวัติศาสตร์ที่ผิดเพี้ยน เมื่อได้ฟังผู้หญิงพูดดังกล่าวต่างยอมรับความพ่ายแพ้ทันทีโดยไม่เถียงอะไรอีกเลย และยอมรับว่าที่เกาหลีเป็นอยู่ทุกวันนี้เพราะญี่ปุ่นพัฒนาประเทศเกาหลีให้ทันสมัยระหว่างปี 1910-1945

                   

                    อีกหน้าที่ถูกเถียงกันตามเว็บต่างๆ ที่เป็นหน้าระบุภาพถ่าย 12 ภาพที่ปรากฏ เนื้อหาเกี่ยวกับการบริหารญี่ปุ่นกับเกาหลี ที่ปรากฏว่ามันเกาหลีเหมือนญี่ปุ่นไม่มีผิด และบางหน้าบอกว่าบางวัฒนธรรมเกาหลีก็เอามาจากญี่ปุ่น

     

    อีกหน้าที่พูดถึงเหตุการณ์ World Cup 2002 ที่ผู้เขียนพยายามนำเสนอว่าทีมเกาหลีโกงบอล(ในเกมระหว่างเกาหลีและอิตาลีที่เห็นได้ว่ากรรมการตัดสินอย่างอยุติธรรมอย่างเห็นได้ชัด เริ่มตั้งแต่ลูกที่คริสเตียน วิเอรี่ หัวหอกอิตาลียิงเข้าไปแต่ถูกเป่าเป็นลูกล้ำหน้า ก่อนจะพ่ายไป 2-1 จากโกลเด้นโกลของ อาน จุง ฮวาน ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ปฏิกริยาจากฝั่งอิตาลีเป็นไปอย่างดุเดือด แฟนบอลประท้วงผู้ตัดสินว่า ปล้นชัยชนะ จนลูชาโน่ กาอุชชี่ ประธานสโมสรเปรูจา ถึงกับออกมาไล่ อาน จุง ฮวาน ออกจากสโมสรโทษฐานที่เป็นผู้ยิงประตูชัย ส่วนอีกเกมเป็นเกมที่พบกับสเปนในรอบก่อนรองชนะเลิศ โจอาคิน ผ่านบอลเข้ามาให้ เฟอร์นานโด มอริเอนเส โหม่งเข้าประตู แต่ผู้ตัดสินจากอียิปต์ จามาล กาดูร์ ไม่ให้เข้าประตูเพราะว่าบอลข้ามเส้นข้างสนามไปแล้ว ก่อนที่ โจอาคิน จะเปิดเข้ามา ภาพช้าแสดงให้เห็นว่าบอลยังอยู่ห่างจากเส้นข้างสนามตั้งหนึ่งฟุต

     

    ใช่ว่าจะเป็นเกาหลีเท่านั้นที่วิจารณ์ญี่ปุ่น อเมริกาก็ว่าเหมือนกัน จากภาพเป็นการวิเคราะห์การวาดการ์ตูนญี่ปุ่นที่อเมริกาไม่เข้าใจอะไรหลายๆ เรื่อง เช่น ทำไมไม่วาดสีหน้าที่ดูจริงจัง, โมะเอะคืออะไร ทำไมต้องโมเอะ

                   

                    หน้าหลักฐานว่าการ์ตูนเรื่องนี้ไม่เป็นกลางอย่างแน่นอน โดยฝ่ายนักศึกษาญี่ปุ่นล้วนหน้าตาดูสดใสน่ารัก(ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้บ่อยในญี่ปุ่น) แต่ภาพฝ่ายเกาหลีหน้าตาแก่และทำท่าทำทางเหมือนตัวโกงยังไงอย่างงั้น

    ผมมีความพยายามที่จะหาการ์ตูนเรื่องนี้แบบเต็มๆ ทั้งเล่ม แต่ปรากฏว่าไม่ว่าจะเข้าเว็บไหนต่างโดนลบไปถ้วนหน้า แม้แต่เว็บการ์ตูนที่เกาหลีเขียนถึงญี่ปุ่นที่เปิดให้โหลดฟรีก็โดนลบ

                    แต่เท่าที่อ่านจากเว็บต่างๆ ที่วิเคราะห์เอาไว้หนังสือการ์ตูนทั้งสองเรื่องล้วนแต่มีจุดจับผิดพอๆ กัน ไม่มีฝ่ายไหนผิด ไม่มีฝ่ายไหนถูก ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่สิ่งที่เห็นคือ ความเกลียดกันระหว่างสองชาติที่ส่งผ่านถึงคนยุคใหม่ ความเกลียดชังของสองชาติที่แทบจะไม่มีทางญาติดีกันได้ ทุกวันนี้ที่อยู่ร่วมกันได้เพราะผลประโยชน์ร่วมกันเท่านั้น

                    ไม่มีชาติใดชาติหนึ่งดีกว่ากัน ทุกประเทศต่างมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน คนที่ไม่พัฒนาจุดด้อยของตัวเอง และเอาแต่ด่าจับผิดคนอื่นนั้น เขาไม่เรียกปัญญาชน แต่มันเหมือนพวกไร้อารยธรรมมากกว่า

    + +

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×