ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #76 : Sword of The Stranger โรนินกับเด็กน้อยซึนเดเระ และอุดมการณ์ที่ผุพัง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.81K
      7
      28 ก.ค. 53


     

    ดูเหมือนสำนวนที่ว่า “เพชรในตม” จะใช้กับการ์ตูนเรื่องนี้ได้ดี การ์ตูนเรื่องนี้ผมโหลดเล่นๆ ไม่ได้หวังอะไร แต่พอมาดูกลับสนุกโครตซะงั้น

     


    Sword of The Stranger

    แอ็คชั่น, ย้อนยุค, โซตะคอนนิดๆ

    (มี 5 ตอน) http://video.mthai.com/player.php?id=18M1210453686M0

    แนะนำให้ดาวน์โหลดดีกว่า โหลดไม่ยาก แถมบางเว็บไม่ต้องสมัครให้ยุ่งยากด้วย

     

    Sword of The Stranger เป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่น กำกับโดย Masahiro Ando อนิเมของค่าย BONES ฉายช่วงเดือนกันยายน 2007 ที่ผ่านมา แนวแอ็คชั่น ยุคโบราณ เวลาประมาณ 102 นาที ซึ่งโด่งดังมากๆ โดยขายไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา, แคนาดา, สเปน นอกจากนี้ยังไปปรากฏตัวในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น

    - Leeds International Film Festival เป็นเทศกาลภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ จัดขึ้นเมืองเมืองลีดส์ โดยในงานจะมีภาพยนต์แบการค้าและอิสระแสดงกว่า 200 เรื่องจากทั่วโลก(และภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง Summer Wars ก็ได้รับรางวัลจากกงานนี้ด้วยในฐานสาขาอมิเนชั่นไซไฟ)

    - Asia Pacific Screen Awards เป็นงานวัฒนธรรมระหว่างรัฐบาลออสเตรเลียจัดที่ควีนส์แลนด์ เพื่อส่งเสริมภาพยนตร์ในเอเชียแปซิฟิกแก่ผู้ชมทั่วโลก โดยยูเนสโกสนับสนุนในการส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมผ่านสื่อ

    - Sci-Fi London's Oktoberfest งานภาพยนตร์ที่จัดในลอนดอน เน้นไซไฟเป็นหลัก(ว่าแต่มันเข้าไปฉายได้ไงว่ะ มันแนวย้อนยุคน่ะเว้ย)

    -Asia Filmfest  เทศกาลหนังเอเชี่ยน โดยมีประเทศต่างๆ เป็นเจ้าภาพ เมืองไทยเคยจัดครั้งหนึ่ง

    -FANTASPOA

    -24th Amsterdam Fantastic Film Festival

    -Camera Japan

                    แค่นี้ก็การันตรีได้แล้วว่าคุณภาพภาพยนตร์เรื่องนี้ดีมาก นอกจากนี้ยังมีรางวัล Best Animated Feature ที่งาน FANTASPOA ในประเทศบราซิล และรางวัล Best Animated Feature Film จากงาน Asia Pacific Screen Award

                    หากถามว่าภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องนี้ดีอย่างไรเหรอ? พูดตรงๆ เลยนะผมก็ไม่คิดจะโหลดเรื่องนี้หรอกๆ ตอนนั้นผมโหลดการ์ตูนโป๊เรื่อง Triangle blue (โครตสนุกมาก เกิดมาพึ่งสงสารพระเอกที่สุดก็เรื่องนี้แหละ) แล้วพอดีโหลดเสร็จเหลือบไปเจอการ์ตูนนี้พอดีเลย(มันก็ดันไปปนการ์ตูนโป๊ได้เนอะ) เห็นหนูน้อยคนหนึ่งกับซามูไรสุดหล่อเลยโหลดสักหน่อยไม่คิดอะไรมาก(ตรงเกินไปแล้วเฟ้ย)

    แต่กระนั้นแม้โหลดเสร็จแล้วผมก็ไม่ได้เปิดดูทันที เพราะผมชอบดองเค็ม จนกระทั้งผ่านไปเป็นเดือนการ์ตูนที่โหลดไว้หมดพอดี แล้วไม่รู้จะดูอะไร พอดีไปเจอการ์ตูนเรื่องนี้เลยเปิดดูสักหน่อย ปรากฏว่า โอ้ว้าว มันโครต!! เลือดสาดกระจายแต่สวยงาม สุดยอดทั้งด้านภาพ, เสียง, ตัวละคร สวยจริงๆ

     Sword of The Stranger เป็นเรื่องเกี่ยวกับมิตรภาพระหว่างผู้ใหญ่และเด็ก ในสมัยยุคเซ็นโกคุ ยังมีโรนินและซามูไรพรเนจรคนหนึ่งที่มีฝีมือเก่งกาจมากชื่อ"นานาชิ"(แปลว่าไร้นาม)ด้วยฝีมือขนาดนี้เขาสามารถรับใช้เจ้าเมืองและได้เลื่อนยศเป็นซามูไรชั้นสูงได้อย่างสบายๆ หากแต่เขาไม่ทำ ซ้ำยังหลีกหนีสังคม มีชีวิตแบบอดอยากตายอยากเป็นวันๆ

    ในสมัยก่อนนั้นนานานชิเคยเป็นซามูไรที่เก่งกาจรับใช้เจ้านายมาก่อน เป็นถึงวีรบุรุษสงครามกลางเมือง หากแต่ต่อมาเขาถูกบังคับให้สังหารเด็กสองคนที่อดีตเคยเป็นเจ้านายของเขามาก่อน เมื่อเขาสังหารเด็กสองคนนั้นแล้ว ทำให้เขาละอายต่อบาป ฝันร้ายเรื่องนั้นทุกค่ำคืน จนเบื่อหน่ายสงคราม เขาทิ้งลาภยศและชื่อเสียงอันรุ่งเรื่องเอาไว้ แล้วหันมาใช้ชีวิตพเนจรเรื่อยมา

    วันหนึ่งนานาชิเกิดตกกระไดพลอยโจรไปช่วยชีวิตเด็กน้อยคนหนึ่งและสุนัขตัวหนึ่งเอาไว้จากการไล่ล่าของบุคคลกลุ่มหนึ่ง เขาทราบเด็กชายคนนั้นทีหลังว่า ชื่อ “โคทาโร่” และ “สุนัขโทบิมารุ”

    โคทาโร่ เป็นเด็กไม่มีทั้งครอบครัว และถูกกลุ่มคนต่างถิ่นจากราชวงค์หมิงประเทศจีนไล่ตาม และเขาได้จ้าง นานาชิ ให้คุ้มกันตัวเอง และท่ามกลางคนต่างถิ่นที่ไล่ล่า โดยนานาชิไม่รู้ว่าพวกเขาไล่ล่าโคทาโร่เพื่ออะไรกันแน่ และแล้วโชคชะตาฟ้าลิขิตก็ได้ให้ นานาชิ และ ราโชหนึ่งในนักรบหมิง ต้องมาเผชิญหน้ากัน "วิถีแห่งดาบที่ฟาดฟันดั่งฟายุ" จึงถือกำเนิดเกิดขึ้น!!

     

    นานาชิ(Nanashi) โรนินที่ไม่มีชื่อ(จนเรื่องจะจบก็ไม่รู้ชื่อจริงอยู่ดี) ผู้รักเด็ก(แม้ไม่แสดงออก) ชายที่มีแต่บาปแผลเต็มตัวและมีชีวิตที่จมปรักกับเหตุการณ์ในอดีต สมัยเป็นขุนพลในสงครามกลางเมือง ที่เขาเคยโดนรับสั่งให้สังหารเด็ก เลยเกิดบาดแผลทางใจ(ก็ตรูรักเด็กนี้หว่า) เขาเลยสาบานจะไม่ชักดาบอีก โดยเขาจะมัดเชือกกับตัวฝักและตัวดาบเอาไว้ และหนีไปใช้ชีวิตแบบพเนจร จนกระทั้งวันหนึ่งระหว่างที่เขาเดินทางเขาได้ช่วยเด็กโคทาโร่จากนับรบหมิงเอาไว้ และด้วยความหิวเงิน(บวกกับความรักเด็ก) เขาเลยเป็นผู้คุ้มกันให้กับโคทาโร่ และนำเขาไปส่งที่วัดที่อยู่ในเมืองถัดไป พร้อมกับหนีตามล่าจากนักรบหมิงไปด้วย

     

    โคทาโร่(Kotaro) เด็กกำพร้าที่มีสุนัขที่ชื่อโทบิมารุเป็นเพื่อนร่วมเดินทาง พยายามหนีนักรบหมิง ที่ต้องการตัวเขาเพื่อนำไปทำยาอายุวัฒนะ จนกระทั้งพบนานาชิเข้า เลยขอเขาเป็นผู้คุ้มกัน เป็นเด็กซึนดาเระ ปากและใจไม่ตรงกับใจเท่าไหร่ น่ารักจริงๆ ป๋าชอบ และด้วยอมิเนชั่นนี้ไม่ค่อยมีผู้หญิง ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นโซตะคอนไปโดยบริยาย

     

    ราโช(Luo-Lang) เป็นมือดีของกลุ่มนักรบหมิง ที่มีความฝันอยากปะมือนักรบที่ญี่ปุ่น เป็นฝรั่งแต่ดันพูดภาษาจีน มีฝีมือดาบที่ร้ายกาจ(แถมลีลาเยอะด้วย)

     

    โชเก็น(Shogen) คนสนิทของเจ้าเมืองและเป็นคนรู้จักกับนานาชิ มีความฝันว่าเขาอยากเป็นผู้ปกครองดินแดนสักวัน แต่เขารู้ว่าตอนนี้ไม่สามารถทำได้ เลยต้องยึดคติว่า “จะทะเยอทะยานก็ต้องรู้ขีดจำกัดของตนเอง” ไว้ก่อน  หากแต่ตอนท้ายเขากลับละเลยคตินี้ ทรยศเจ้าเมืองและหมายสังหารพวกหมิงให้หมด หากแต่ตอนท้าย......

     

    นักรบหมิง กลุ่มคนที่พยายามไล่ล่าโคทาโร่เพื่อนำเขาไปทำยาอมตะเพื่อให้ฮ่องเต้กิน โดยนักรบแต่ละคนมีฝีมือเก่งกาจมากๆ ขนาดทหารญี่ปุ่นมาเป็นร้อยยังโดนฆ่าเรียบ มีหัวหน้าเบียคุรันซึ่งเป็นนักรอบรู้ นักประดิษฐ์และนักทำยาเป็นคนสั่งการกลุ่ม  เข้ามาในประเทศญี่ปุ่นเพื่อไล่ล่าโคทาโร่เพื่อนำไปทำยาอายุวัฒนะ เพื่อให้องค์จักรพรรดิ(ความจริงนั้นเป็นแค่ข้ออ้าง เพราะเบียคุรันเองก็ต้องการเอามันเป็นของเขาต่างหาก) และเมื่อมาถึงญี่ปุ่น เจ้าเมืองก็ทำต้อนรับพวกหมิงเพื่อแบบหวังผลประโยชน์ทางการค้า จนพวกลูกน้องเจ้าเมืองต่างหมั่นไส้กันทั่วหน้า จนกระทั้ง......

              

    ราชวงศ์หมิง เป็นราชวงศ์ที่ปกครองประเทศจีน ระหว่าง ค.ศ. 1368 ถึง ค.ศ. 1644 เป็นเวลารวม 276 ปี โดยปกครองต่อจากราชวงศ์หยวนหรือพวกมองโกล และพ่ายแพ้ให้กับราชวงศ์ชิงของพวกแมนจูในภายหลังราชวงศ์หมิงเป็นราชวงศ์ที่รุ่งเรืองในด้านวัฒนธรรมเป็นอย่างมาก ในยุคนี้มีการสำรวจทางทะเลอย่างกว้างขวาง ราชวงศ์หมิงในตอนต้น (1368 - 1464) ถือเป็นอาณาจักรที่ก้าวหน้าที่สุดในโลก ณ ช่วงเวลานั้น โดยบุคคลที่โด่งดังที่สุดในราชวงค์หมิงนั้นที่คนไทยรู้จักกันดีคือขันทีเจิ้งเหอ ผู้เดินทางด้วยเรือทุกสารทิศ

     

    ตำนานการแสวงหายาอายุวัฒนะ สำหรับตำนานการแสวงหายาอายุวัฒนะจนต้องเดินทางมาญี่ปุ่นนั้น ไม่ได้เกี่ยวกับราชวงค์หมิงอะไรเลย เพราะว่าตำนานนี้มาจากอิ๋งเจิ้ง หรือจิ๋นซีฮ่องเต้ที่ไทยเรารู้จักกันดีนั้นเอง โดยกษัตริย์ก๊กฉินองค์นี้สามารถรวบรวมประเทศจีนเป็นเอกภาพแล้วตั้งตนเป็นจักรพรรดิองค์แรกในประวัติศาสตร์จีน พระองค์ปรารถนาจะมี พระชนมายุยืนยาวเพื่อจะปกครองแผ่นดินตลอดไป พระองค์ทรงทราบเรื่องเล่าที่ว่า กลางทะเลโป๋ไห่มีภูเขาเทวดา บนภูเขามียาอายุวัฒนะที่กินแล้วไม่แก่ ดังนั้น จักรพรรดิฉินสื่อหวงจึงส่งคนออกทะเลไปสืบเสาะหายาอายุวัฒนะ บุคคลแรกที่ออกทะเลไปสืบเสาะหายาให้จักพรรดิฉินสื่อหวงคือหลูเซิงจากแคว้นเอี้ยน แต่เขาหาไม่พบ จนต้องส่งขุนนางสวีฝูซึ่งเขาได้ขอเด็กชายหญิงและทหารที่เก่งกาจกลุ่มหนึ่งออกทะเลไปค้นหายาอายุวัฒนะแต่ปรากฏว่าเขาไม่พบ และไม่กล้าจะกลับไปสู้หน้าจักรพรรดิ สุดท้ายเลยหนีไปตั้งถิ่นฐานในญี่ปุ่นและสวีฝูเสียชีวิตที่ภูเขาฟูจิของญี่ปุ่น

    ในญี่ปุ่นมีเรื่องเล่าและตำนานเกี่ยวกับสวีฝูมากมาย นักวิชาการบางคนเห็นว่า สวีฝูก็คือพระจักรพรรดิผู้มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์การสถาปนาประเทศของญี่ปุ่น ประชาชนญี่ปุ่นก็นับถือสวีฝูเป็นบรรพบุรุษศักดิ์สิทธิ์ ยกย่องเขาเป็นเทพแห่งการเกษตรและเภสัชเทพปัจจุบัน ท้องที่บางแห่งของญี่ปุ่นยังมีสุสาน ตำหนัก แท่นหินและศิลาจารึกแห่งสวีฝู เมื่อค.ศ.1991 ประชาชนญี่ปุ่นยังตั้งชื่อสวนสาธารณะที่สร้างใหม่แห่งหนึ่งว่าหนทางของสวีฝู ทุกฤดูใบไม้ร่วง ประชาชนในท้องถิ่นก็จะไปประกอบพิธีเซ่นไหว้บูชาสวีฝู และจะจัดงานมโหฬารทุก 50 ปี

     

    ยุคเซ็นโกคุ ยุคสงครามกลางเมืองของญี่ปุ่นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1477 -1615 ซึ่งเป็นยุคที่กำเนิดยอดคนมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โนบุนากะ, ซาคอน, โตกุกาว่า ฯลฯ โดยสงครามกลางเมืองมีสาเหตุคล้ายๆ สามก๊กคือองค์จักรพรรดิไม่สนใจบริหารบ้านเรือน จนเหล่าไดเมียวแตกแยกเป็นหลายฝ่าย สะสมกองกำลัง บวกกับการเก็บภาษีชาวบ้านแบบโหดๆ ทำให้เกิดวุ่นวายไปทั่วไม่ว่าจะขุนนาง สามัญชน ชาวนา พระ ความวุ่นวายที่ได้ลามไปทั่วทุกหย่อมหญ้าเช่นนี้ จนกลายเป็นเหตุยุคแห่งสงครามนองเลือดที่ดุเดือดและยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นที่ชื่อว่า ยุคเซ็นโกคุ

     

    หลังผมดูเรื่องนี้จบ ผมโครตประทับใจมาก เพลงประกอบตอนสู้กันนี้สุดยอดจริงๆ ฟังแล้วติดตา แม้เนื้อหาอาจเป็นสูตรสำเร็จเดาเนื้อเรื่องได้ แต่ก็ยังสนุกอยู่ดี แบบว่าเนื้อหาเหมือนไม่มีอะไรแต่มันแฝงข้อคติได้อย่างดีเยี่ยม

     

    อย่างแรกเลยคือสิ่งที่เป็นแม่เหล็กที่ทำให้ผมดูการ์ตูนเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบคือตัวหลักนานาชิและโคทาโร่นั้นเอง ที่ทั้งโครตดึงดูดมากๆ นานาชินี้เท่จริงๆ นอกจากจะโครตเก่งแล้ว ยังนิสัยดีตั้งแต่ต้นจนจบ แม้จะเป็นโรนินแต่ก็ยังปฏิบัติตามหลักบูชินโดอย่างเข้มข้น คือบุญคุณต้องทดแทน แม้จะเป็นข้าวมื้อเดียวก็ตาม ต้องยึดมั่นในความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่และจงรักภักดีต่อนายของตน มีความจริงใจเชื่อใจ กล้าหาญไม่หวาดกลัวความตาย ผมชอบจริงๆ ในฉากที่นานาชิตามหาโคทาโร่ที่ต้องวิ่งข้ามเขาลงห้วยไม่กี่สิบกิโลแต่ก็ยังมุ่งหวังที่จะช่วยโคทาโร่อย่างไม่ย่อท้อ  ในขณะที่นานาชิปฏิบัติตามกฎของบูชินโดครบถ้วน แต่เหล่าตัวละครอื่นๆ ในเรื่องกลับละเลยหลักการเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นนักบวชที่ช่วยทาโร่ในตอนแรกแต่กับทรยศเขาในภายหลังเพราะกลัวตาย, ไรโซที่สังหารนายในตอนท้าย หรือโชเก็นที่ทรยศเจ้าเมืองและจุดจบของคนที่ละเลยต่อกฎคือหายนะ

    ส่วนโคทาโร่นี้โครตน่ารัก แถมยังซึนดาเระอีก ที่แสดงออกถึงเด็กที่สู้ชีวิต ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค์ แม้ชีวิตจะไม่มีอะไรแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่อยากตาย แถมตายเพราะความเชื่อบ้าๆ นี้ยิ่งไม่อยากอีก  อีกทั้งยังเป็นคนรักเพื่อนมากๆ แม้ว่าเพื่อนคนนั้นอีกฝ่ายจะเป็นสุนัขก็ตาม(ชนิดป้อนน้ำทางปาก นอนด้วยกันเลยทีเดียว)

    ความสัมพันธ์ระหว่างนานาชิกับโคทาโร่ เหมือนผู้ใหญ่กับเด็กที่ตอนแรกก็ออกแนวๆ พ่อแก่แม่งอน และเมื่อการดำเนินเนื้อเรื่องผ่านไปความสัมพันธ์ก็งอกงามจนเป็นโซตะคอน...โอ้!!! ตามแบบฉบับภาพยนตร์หลายๆ เรื่องที่คุณดูแหละ

    ผมคิดไม่อยากนึกเลยหากการ์ตูนเรื่องนี้ทำเป็นภาพยนตร์จะเป็นยังไง เพราะว่าเรื่องแนวๆ นี้มีอยู่ในภาพยนตร์ฉบับคนแสดงเยอะซะด้วย ประเภทแนวโดนคนร้ายไล่ล่าและเจอคนเก่งมาปกป้องเนี้ย แม้จะใส่เอ็ฟเฟ็คอลังการอย่างไรก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถทำให้เรื่องดึงดูดได้ หากคนแสดงไม่แสดงออกถึงตัวตนของตัวละครในบทนั้นได้ หนังจืดสนิทแน่นอน แต่พอมาทำเป็นการ์ตูนแล้วน่าดูจริงๆ

    นอกเหนือจากนานาชิและโคทาโร่ก็คือ เหล่าตัวละครประกอบในเรื่องครับ ที่มีความเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป ในยุคบ้านป่าเมืองเถื่อน หลายคน เหล่าชาวบ้าน, ซามูไรชั้นผู้น้อย, โจรป่า, พวกหมิง หรือแม้แต่เจ้าเมืองต่างมีวัตถุประสงค์ แม้จะเป็นตัวประกอบที่ต้องการที่จะมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ดูแล้วสมจริงเหลือเกิน ที่สำคัญผมชอบพวกนักรบหมิงครับแบบว่าแม้เขาจะได้รับคำสั่งที่ดูเหมือนมันจะไร้สาระงี่เง่าแต่พวกเขากลับรับคำสั่งเหล่านั้นและปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ยอมออกจากบ้านเกิดเมืองนอน ไปผจญภัยที่ญี่ปุ่น อีกอย่างฝีมือลีลาต่อสู้นี้โครตเท่เป็นบ้า

     

    แน่นอนครับอีกหนึ่งที่เป็นแรงดึงดูดให้ดูการ์ตูนเรื่องนี้คือฉากต่อสู้นี้เอง ภาพประกอบการ์ตูนก็นับว่าสวยแล้ว ฉากต่อสู้ยิ่งกว่า เพราะมันสมจริงสมจริง รวดเร็ว ฉับไว และสวยงาม แม้ฉากฆ่าจะโหดไปบ้าง ไม่ว่าจะเป็นหัวแบะ หอกเสียบ ธนูปักหัว แต่ก็ยังสวยงามอยู่ดี ใครที่เคยอ่านนิยายจีนที่บรรยายฉากต่อสู้ ที่ฆ่ากันคงนึกออก ยิ่งฉากนานาชิฟันพวกหมิงโดยมีฉากหลังเป็นหิมะตก ผมยิ่งนึกถึงนิยายจีนเรื่อง "ไม่มีน้ำตาวีรบุรุษ" สุดยอดของผลงานของโกวเล้งจริงๆ ที่พรรณนาฉากฆ่าฟันได้อย่างสวยงามล้ำจินตนาการคนอ่านเหลือเกิน(อย่าไปจำผิดการ์ตูนเรื่องวีรบุรุษเจ้าน้ำตาล่ะ) ยิ่งเพลงประกอบฉากต่อสู้ยิ่งตื่นเต้นไปด้วยเลย(ผมชอบฉากต่อสู้ระหว่างนักรบญี่ปุ่นนับร้อยกับพวกหมิงที่ไม่ถึงสิบคนเหลือเกิน และโครตสะใจตรงที่สุดท้ายพวกหมิงชนะอีก เทพจริงๆ)

    ผมไปอ่านบทวิจารณ์ต่างชาติดู เห็นว่าเขายกย่องถึงคุณภาพของภาพเคลื่อนไหวว่ามีประสิทธิภาพ ในเทศกาลภาพยนตร์ในสหภาพยุโรปได้ผลตอบรับได้ 4.07 จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน

    เคยดูหนังซามูไรแล้วเมื่อถึงฉากฟันแล้วเลือดพุ่งไหมครับ นั้นแหละภาพยนตร์เรื่องนี้อารมณ์แบบนี้เลย ยิ่งฉากที่มีหิมะตกนั้น หนังญี่ปุ่นสมัยก่อนชอบใช้มากๆ ยิ่งในยุคหนังขาวดำถือว่าฉากนี้ขาดไม่ได้เลย และมักเป็นฉากต่อสู้ครั้งสุดท้ายเสมอเสียด้วยสิ

    ไหนๆ ก็พูดถึงหนังซามูไรแล้ว ก็ขอเล่าถึงหน่อยคงไม่ว่ากัน จากหนังสือ Stray Dogs & Lone Wolves เขียนไว้ว่าหนังซามูไรที่ดีนั้นควรประกอบไปด้วย

    -พระเอกเคยเป็นทหารมาก่อน

    -พระเอกน่าจะเป็นซามูไรไม่ก็อดีตยากูซ่า โดยเขาถูกกระตุ้นด้วย การแก้แค้น, ความจงรักภักดี, สิ่งที่ตนสนใจ, ต้องการปกป้องผู้บริสุทธิ์ และรวมการแก้แค้นและจงรักภักดีข้างต้น

    -เขามีภารกิจ

    -เขามีศัตรู(และหนึ่งในศัตรูนั้นมียอดฝีมือที่เก่งที่สุดในกลุ่มอยู่ด้วย)

    -สุดท้ายเขาอาจตาย หรืออาจกำกวมให้คนดูคิดเอาเองว่าเขาตายหรือไม่ตายกันแน่

    -ฉาดสุดท้ายเขาเดินทางอย่างไม่มีจุดมุ่งหมาย

    นี้คือสิ่งที่ภาพยนตร์ซามูไรญี่ปุ่นยุคขาวดำนิยมเอามาเล่นกัน มันเป็นสูตรสำเร็จที่ผู้ดูก็รู้แกวกันหลายคน ดังนั้นสิ่งที่จะทำให้หนังพวกนี้ให้น่าสนใจจะต้องทำอย่างไร

    ยิ่งฉากสุดท้ายของภาพยนตร์ โคโคโร่แบกนานาชิไว้ที่หลังม้า พวกเขาวางแผนที่จะผจญภัยไปทั่วโลก ในขณะที่นานาชิหายใจลอยระริน พร้อมกับฉากมุมกล้องสุดท้ายเลือดหยดผสมกับหิมะบนพื้นหิมะ พร้อมกับแสงยามเช้าวันแรกอย่างงดงาม มันช่างเหมือนภาพยนต์สงครามเสียเหลือเกิน ที่ทำให้ผู้ดูเกิดความคาใจที่ว่า “นานาชิจะตายหรือเปล่า?

                    ต่อไปมาถึงข้อคิดบ้าง สิ่งที่เราเห็นคือสภาพบ้านเรือนที่โหดร้ายในยุคเซ็นโกคุอย่างดี  ยุคแห่งเผล็ดการ เสื่อมศิลธรรม และระบบศักดินา ที่หลายฝ่ายพยายามเอาตัวรอด รักษาชีวิตตนเองมากกว่าชีวิตของผู้อื่น แม้แต่คนที่เป็นพระ กับ นักบวช ก็กลัวความตาย ยอมที่จะผิดศิลธรรมเพื่อรักษาผลประโยชน์ส่วนตน

                    เราได้เห็นสังคมที่หวาดระแวง การแสวงหาผลประโยชน์จนละเลยหน้าที่และศิลธรรม ไม่ว่าจะเป็น ฝ่ายเจ้าเมืองและพวกหมิง ที่ต่างฝ่ายพร้อมที่จะหักหลังทุกเมื่อ ความจริงแล้วฝ่ายเจ้าเมืองญี่ปุ่นน่าจะร่วมมือเสียมากกว่าจะสร้างศัตรูกับพวกหมิง เพราะพวกหมิงมีวิทยาการที่ก้าวหน้า มีอาวุธที่ร้ายกาจ หากพวกเขาร่วมมือกันก็เหมือนเสือติดปีก แต่กลับกลายเป็นว่าพวกเขาคิดแต่ผลประโยชน์ส่วนตนเล็กๆ น้อยๆ ของตนมากกว่า ผลสุดท้ายเมื่อแตกคอกันต่าง และทั้งสองฝ่ายก็ใช้กำลังหั่นหันกันจนเกิดหายนะทั้งสองฝ่าย

                    มีตัวละครตัวหนึ่งที่ผมหมั่นไส้เป็นพิเศษ โชเก็น คนสนิทของเจ้าเมือง ที่ความฝันว่าเขาอยากเป็นผู้ปกครองดินแดนสักวัน แต่เขารู้ว่าตอนนี้ไม่สามารถทำได้ เลยต้องยึดอุดมการณ์ว่า จะทะเยอทะยานก็ต้องรู้ขีดจำกัดของตนเอง เรื่อยมา แต่แล้วในช่วงท้ายเขากลับทรยศเจ้าเมืองทั้งที่เป็นนายของตนเอง ทั้งๆ ที่เวลานั้นไม่สมควรทรยศ สถานการณ์ล่อแหลม เก้าอี้ร้อนเกินไป โดยสาเหตุหลักที่โซเก็นทรยศคือเขาอยากชนะพวกหมิง แต่เขาก็คงลืมอีกว่าฝีมือของเขานั้นสู้พวกนั้นไม่ได้ ขีดจำกัดเขาไม่ถึง ผลสุดท้ายก็หายนะพร้อมลูกน้องเพราะการตัดสินใจที่ผิดเพียงครั้งเดียว (สะใจเป็นบ้า)

                    อีกข้อคิดคือตัวละครระหว่างนานาชิและไรโซ ที่ทั้งคู่ต้องสู้กันในฉากสุดท้าย ตามภาษาภาพยนต์ซามูไรที่มักเหลือแต่พระเอกกับผู้ร้ายเก่งๆ ไว้ตอนท้ายเสมอ แต่สุดท้ายนานาชิก็ชนะ สิ่งที่แฝงในฉากเหล่านี้คือ “บางคนฆ่าเพื่ออยู่ ในขณะที่บางคนฆ่าโดยไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล”  นานาชิเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของความผิด การปฏิเสธและการขาดความเชื่อมันในตนเอง เพราะความอ่อนแอของจิตใจที่ต้องทำตามคำสั่งนายทั้งๆ ที่สิ่งที่เขาทำนั้นผิดศิลธรรม เขายอมไม่ชักดาบ ทั้งๆ ที่รู้ว่าดาบนั้นคือจิตวิญญาณของซามูไร หากขาดมันก็ไม่ใช่ซามูไร หากแต่เมื่อเขาเจอทาโณ่ เขาก็รู้ว่านี้คือเป้าหมายใหม่ของเขา การปกป้องเพื่อชดเชยความผิดในอดีต ส่งผลให้นานาชิต่อสู้เพื่อให้ตนและทาโร่มีชีวิตรอดในวันข้างหน้า หากแต่สำหรับไรโซ เขาฆ่าคนโดยไม่มีเหตุผล ใครขวางเขาฆ่าเรียบ แม้แต่เจ้านายขอตนเอง เพียงเพื่ออยากจะสู้กับคนเก่งๆ สุดท้ายทั้งสองไม่กลัวตายก็จริงแต่นานาชิมีพลังใจเยอะกว่า จริงไม่แปลกแต่อย่างใดที่นานาชิจะชนะ

    สรุปคือใครชอบเด็ก โซตะคอนหน่อย หรือฉากบู๊กระจาย เลือดสาดอย่างสวยงาม นับลองดูแล้วไม่ผิดหวังครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×