ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #85 : Bounen no Xamdou ตามหาตัวตนในโลกที่ขัดแย้ง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 11.37K
      8
      30 ธ.ค. 61

           

    Bounen no Xamdou เป็นผลงานของทีมงานสร้าง Eureka Seven (2005) ที่ยังมีส่วนประกอบไม่ฉีกหนีไปจากกันเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นโลกแห่งความขัดแย้งของการเมือง, เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด, ความรักของหนุ่มสาว, พระเอกที่ต้องเดินทางไปกับคณะของกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งโดยไม่เต็มใจ, สาวปริศนา, ศัตรูตัวสุดท้ายที่เปรียบเสมือนพระเจ้า, พร้อมแนวคิดเชิงปรัชญาที่เต็มไปนามธรรมที่อธิบายได้ยาก ฯลฯ

    ในตอนแรกที่ผมดูภาพการ์ตูนเรื่องนี้ ผมก็นึกว่าแนวแปลงร่างสู้แบบบ้าพลัง แล้วมีจตุเทพ และมีคู่ปรับพระเอกสุดแสนร้ายกาจเสียอีก หากแต่มันไม่ใช่เลย มันเป็นการ์ตูนที่แสดงให้การเติบโตของจิตใจของตัวละครที่มีฉากหลังเป็นโลกแห่งขัดแย้งเสียมากกว่า

     

      

    Bounen no Xamdou

    แฟนตาซี, โรแมนติก, จักรกล(Mecha), สงคราม, ผจญภัย, ไซไฟ, ดราม่า

    ดูอนิเมชั่นได้ที่ http://video.mthai.com/player.php?id=18M1237687398M0

     

                    ก่อนอื่นผมขอบอกว่าใครคิดว่าการ์ตูนเรื่องนี้จะออกแนวบู๊กระจาย แปลงร่างต่อสู้กับเหล่าร้าย(เหมือนกับที่ผมนึกไว้ตอนแรก) ก็ขอบอกว่ามันไม่ใช่เลยครับ เพราะฉากต่อสู้จริงๆ จังๆ นั้นปาไปกว่า 10 ตอนโน้นถึงจะออก แต่กระนั้นมันก็ไม่เน้นฉากต่อสู้เลย สิ่งที่การ์ตูนเน้นคือมุมมองของตัวละครหลายตัวละครที่ดำเนินเรื่องภายใต้โลกแห่งความขัดแย้งต่างหาก

                    ผมคิดอยู่นานหลังจากดูการ์ตูนเรื่องนี้จบว่าสมควรเอามาเขียนดีไหม หลังจากที่ผมเขียนการ์ตูนที่ได้รับคำวิจารณ์ในเว็บอื่นๆ ว่าไม่ดีมาหลายตอน ซึ่งผมก็กลัวว่าการ์ตูน Bounen no Xamdou จะได้คะแนนวิจารณ์จมดินด้วย แต่เมื่อไปดูการรีวิวจากเว็บอื่นๆ พบว่าคะแนนรีวิวเรื่องนี้ดีพอสมควร(ค่าเฉลี่ย 8/10)

                    Bounen no Xamdou หรือ Xam'd: Lost Memori เป็นอนิเมชั่นผลงานกำกับโดยมาซายูกิ (Masayuki Miyaji)ที่มาแปลกหน่อยเพราะตอนแรกเปิดให้ดาวน์โหลดในบริการ เพลย์สเตชัน เน็ตเวิร์ก แพลตฟอร์ม ในงาน งาน E3 (Electronic Entertainment Expo)สหรัฐอเมริกาในวันที่ 16 กรกฎาคม 2008 และในประเทศญี่ปุ่น 24 กันยายน 2008 ซึ่งเปิดตัวเป็นอนิเมชั่นที่ดาวโหลดมากที่สุดในงาน E3 ก่อนที่จะนำมาฉายทางจอแก้วในช่อง MBS, CBS, Tokyo MX และอื่นๆ ในเดือนเมษายน 2009 อนิเมชั่นมีทั้งหมด 26 ตอนจบ และมีมังงะในชื่อ Bounen no Zamned: Junreisha no Compass

    ผู้กำกับมาซายูกิกล่าวว่าเขาได้นี้เป็นผลงานแรกที่เขาเป็นผู้กำกับ โดยก่อนหน้านั้นเขามีส่วนร่วมสร้างการ์ตูนหลายเรื่องแต่ไม่ได้เป็นผู้กำกับ(ในเรื่อง Eureka Seven เขาทำหน้าที่ลำดับภาพ) เขาได้กล่าวว่าเขาต้องการสร้างการ์ตูนอนิเมชั่นเรื่องนี้ในแง่มิติตัวละครโดนใช้สไตล์เล่าเรื่องในแต่ละมุมมองของตัวละคร มากกว่าที่จะเป็นมุมมองของพระเอกคนเดียว โดยทั้งนี้ทั้งนั้นเขาได้รับแรงบันดาลใจจากผู้กำกับหนังสองคนคือ เคน ลอดจ์(Ken Loach) และ ฌอง ลูซ์ โกดาร์ด(Jean-Luc Godard) มาเป็นต้นแบบ

      

    Bonen no Xamdou หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Xam'd Lost Memories นั้นเป็นเรื่องราวของตัวละครหลายมุมมองในโลกคู่ขนานที่มีแต่ความขัดแย้ง หากแต่ตัวเอกจริงๆ นั้นมีสองคน คนแรกคืออาคิยูกิ เด็กหนุ่มที่แสนจะธรรมดาที่อาศัยอยู่ในเกาะเล็กๆ ที่ชื่อเซ็ทตัน ซึ่งมีสถานะเป็นกลางในขณะที่โลกกำลังวุ่นวายจากการต่อสู้ของรัฐบาลฝ่ายเหนือ และรัฐบาลฝ่ายใต้ ที่รบกันอย่างยาวนาน หากแต่อาคิยูกินั้นไม่สนเรื่องสงครามและการเมืองเหล่านี้สักเท่าไหร่ เพราะเขาพอใจในชีวิตของเขาที่อยู่กับครอบครัวและเพื่อนรักสองคนคือ ฮารุ(เพื่อน,แฟน,นางเอกและตัวเอกหลักคนที่สอง) และเพื่อนรักนายแว่นฟุรุอิจิเสียมากกว่า

    แต่แล้วในวันหนึ่งชีวิตของอาคิยูกิก็เปลี่ยนไปเมื่อ วันนั้นเขากำลังขึ้นรถบัสไปโรงเรียนตามปกติ เขาเกิดไปช่วยเด็กสาวผมขาวให้ขึ้นรถไปด้วยกัน โดยไม่รู้ว่าเด็กสาวที่เขาดันช่วยนั้นดันกลายเป็นมือระเบิดพลีชีพ(เข้าทำนองชาวนากับงูเห่า) พออาคิยูกิออกนอกรถบัสไม่กี่นาทีเท่านั้นเธอก็ใช้ระเบิดประหลาดระเบิดรถบัสไปทั้งคัน อาคิยูคิโดยสารอะไรบางอย่างจากระเบิดให้ทำให้ร่างกายของเขาเปลี่ยนแปลงไปกลายเป็นสัตว์ประหลาด(Xam ' d)ที่เหนือมนุษย์และมีพละกำลังมหาศาล โดยเขาไม่สามารถควบคุมมันได้อีกทั้งความทรงจำของเขากำลังหายไปอย่างช้าๆ ระหว่างที่เขาในร่างสัตว์ประหลาดนั้นเอง เขาก็ได้พบกับเด็กสาวต่างชาติคนหนึ่งที่แต่งชุดประหลาด ผมสีแดง นามนาคิอามิ ซึ่งเธอทำให้เขาในร่างสัตว์ประหลาดสงบลง และโดนลักพาตัวกลับไปยังยานไปรษณีย์ของเธอ และเมื่ออาคิยูกิฟื้นขึ้นมาเขาพบว่าเขาออกจากเกาะบ้านเกิดเขา  และถูกบังคับให้ทำงานไปรษณีย์ พร้อมกันนั้นเขาก็โดนบังคับให้เรียนรู้วิธีการควบคุมพลังของตัวเองจากนาคิอามิไปด้วย โดยเป้าหมายคือการเข้าใจตนเองและเชื่อมต่อระหว่างโลกของ Xam ' d เพื่อให้เขากลับมาเป็นคนธรรมดาอีกครั้งเพื่อกลับไปยังบ้านเกิดอันเป็นที่รักของเขา(โดยเฉพาะหวานใจฮารุ)

    ทางด้านฮารุซึ่งเป็นตัวเอกคนที่สองนั้น ระหว่างที่อาคิยูกิหายตัวไปอย่างลึกลับ เธอก็ยังรอคอยการกลับมาของเขาอย่างไม่สิ้นหวัง ระหว่างนี้จิตใจแห่งความริษยาเริ่มก่อขึ้นอย่างช้าๆ โดยฟุรุอิจิที่เขาแอบหลงรักฮารุ และต้องการให้ฮารุมาเป็นของเขาให้ได้ ฮารุและฟุรุอิจิได้เข้ามาประจำการในกองทัพของรัฐบาลฝ่ายเหนือที่เข้ามาประจำในเกาะเซ็ทตัน และแล้วฮารุก็ได้เริ่มรู้ว่ามีสิ่งไม่ชอบมาพากลในกองทัพแห่งนี้ แต่เธอจำเป็นต้องอยู่ที่นี้ด้วยความหวังว่าเธอจะได้พบอาคิยูกิอีกครั้ง และความรักของอาคิยูคิและฮารุจะสมหวังหรือไม่นั้นก็ติดตาม(เอาเอง)

      

                    ตัวละครในการ์ตูนเรื่องนี้ค่อนข้างจะเยอะพอสมควร อีกทั้งการดำเนินเรื่องยังโฟกัสตัวละคร เช่นบางตอนเน้นไปที่นาคิอามิ, บางตอนเน้นไปที่พ่อของนาคิอามิ, บางตอนเน้นไปที่ฮารุ ฯลฯ โฟกัสแบบนี้ไปๆ มาๆ หลายคน ซึ่งส่วนใหญ่การ์ตูนแนวนี้มักอยู่ในมุมมองของพระเอกเสียมากกว่า โดยตัวละครที่เด่นๆ ในเรื่องมีต่อไปนี้

      

    อาคิยูกิ (Akiyuki Takehara) ชายหนุ่มที่แสนจะธรรมดา แต่มีความรับผิดชอบและกระตือรือร้นสูง เขาอาศัยอยู่กับแม่ที่แยกทางจากพ่อ(แต่ทั้งคู่ยังมีใจให้กันอยู่) โดยทุกๆ วันเขาต้องเอาอาหารกลางวันของแม่เอาไปให้พ่อทุกเช้า เพื่อให้สานความสัมพันธ์ทั้งสองให้ราบรื่นก่อนที่ไปโรงเรียนกับเพื่อนสนิทอยู่สองคนคือฮารุและฟุรุอิจิ จนกระทั้งวันหนึ่งเขายังดำเนินกิจกรรมประจำ หากแต่วันนี้เปลี่ยนไปเมื่อเขาไปช่วยเด็กผู้หญิงผมสีขาวคนหนึ่งขึ้นรถบัสพร้อมกับเขา จนกระทั้งรถบัสมาถึงจุดหมายคือโรงเรียนเด็กสาวใช้อุปกรณ์บางอย่างทำให้รถบัสระเบิดขึ้นพร้อมสารเหลวสีน้ำเงินกระเด็นไปยังเขา ทำให้เขาเปลี่ยนร่างเป็นสัตว์ประหลาดสีน้ำเงิน(Xam'd) และโดนหญิงผมแดงบังคับให้เขาไปใช้ชีวิตอยู่ในเรือเหาะท่องโลกตามที่ต่างๆ เขาจำเป็นต้องเรียนรู้เป้าหมายของตนเองและควบคุมพลังของเขาให้ได้ เพื่อที่จะกลับไปหาขฮารุหวานใจของเขาอีกสักครั้ง

      

    นาคิอามิ (Nakiami) หญิงลึกลับที่ไม่ค่อยพูดจา ที่ระงับอาการตกผลึก(สูญเสียความจำ)ของอาคิยูกิในร่างของสัตว์ประหลาดไว้ได้  เธอได้ลากเขาเข้าไปอาศัยอยู่บนเรือเหาะที่มีกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งที่ทำงานไปรษณีย์ขนส่งระหว่างทวีป(ที่ลูกเรือนั้นอารมณ์โครต Eureka Seven) เธอเป็นคนเก่งและดูเหมือนมีความรู้เชี่ยวชาญในเรื่อง Xam ' d และเธอได้ใช้ความรู้นี้สอนอาคิยูกิให้ควบคุมพลังโดยไม่หวังผลตอบแทน(แต่เธอไม่ได้เป็นกิ๊กกับพระเอกน่ะ) นอกจากนี้เธอยังมีพาหนะส่วนตัวเป็นเครื่องบินขนาดเล็ก กล่าวกันว่าแรงบันดาลใจจากตัวเธอนั้นคือนางเอกที่ขี่พาหนะลอยได้ในเรื่อง Nausicaa นอกจากนี้เธอยังโดนคำสาปคนผมแดงช้ำรัก ที่ตลอดทั้งเรื่องเธอไม่เคยมีความรักให้แก่ตัวละครที่เป็นผู้ชายคนใดเลย

      

    ฮารุ(Haru Nishimura) ตัวละครที่ผมชอบที่สุดในเรื่อง เพราะชอบบทบาทของเธอเป็นที่สุดในฐานะนางเอกผู้อดทนเพื่อรักแท้ ฮารุนั้นเป็นแฟน(ที่มีใจผูกพันธ์), เพื่อนวัยเด็ก, และเพื่อนสนิทของอาคิยูกิที่ค่อนข้างมีฝีมือในศิลปะการต่อสู้ มีเป็นมุ่งมั่น จิตใจดีงาม(นางเอกหุ่นยนต์อารมณ์แบบนี้แหละ) และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค์ เธอได้พบ Xam ' d ครั้งแรกจากรถบัสที่โดนระเบิดทำลาย แต่เธอก็รู้เลยว่านั้นคืออาคิยูกิ และเธอเป็นคนสุดท้ายที่เห็นอาคิยูกิก่อนที่เขาจะหายไปหลังเหตุการณ์รัฐบาลฝ่ายเหนือบุกเกาะ จากนั้นเป็นต้นมาเธอก็เข้าร่วมกับกองทัพที่มาประจำเกาะเซ็ทตัน โดยหวังให้เธอได้พบอาคิยูกิอีกครั้งและหวังว่ากองทัพนี้จะช่วยนำมาซึ่งความสงบของเกาะ หากแต่สิ่งที่เธอพบกลับกลายเป็นการทดลองในมนุษย์ที่ทำให้คนใกล้ชิดของเธอได้รับอันตรายไปด้วย หากแต่ตอนท้ายเธอได้ออกจากกองทัพและเริ่มออกตามหาอาคิยูกิ จนกระทั้งพบเขาอีกครั้ง

      

    (Ryuzou Takehara)พ่อของอาคิยูกิที่ใส่ใจเรื่องงานทำให้ห่างเหินจากภรรยาจนต้องแยกกันอยู่ เป็นหมดท้องถิ่นที่มักมีแต่ลูกค้าสูงอายุมาใช้บริการอยู่เสมอ ถึงจะเป็นหมอแต่เขาค่องข้างสกปรกจนอาคิยูกิมักมาคลินิกเพื่อทำความสะอาดห้องและซักผ้าอยู่บ่อยๆ หลังจากที่อาคิยูกิหายตัวไป หลังรัฐบาลฝ่ายเหนือบุกจู่โจมเกาะ  เขาต้องเผชิญหน้ากับครอบครัวที่กำลังล้มสลาย และการเผชิญหน้ากับบาปในอดีตเมื่อเขาถูกชักชวนมาเป็นหมอทหารในโครงการวิจัยชีวิภาพมนุษย์(humanform weaponization)

     

    (Fusa Takehara)แม่ของอาคิยูกิที่ห่วงใยบุตรชายและมักเป็นห่วงเรื่องงานจองสามี แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอและสามีอยู่ระหว่างความตรึงเครียดอยู่ แต่กระนั้นเธอก็ยังทำอาหารกลางวันให้สามีโดยให้อาคิยูกิไปส่งเสมอ เธอเป็นผู้หญิงใจเด็ด และเมื่อเธอพบว่าลูกของเธอหายไป หลังรัฐบาลฝ่ายเหนือบุกจู่โจมเกาะ  เธอก็ออกตามหาลูกทั่วเกาะ และเริ่มทะเลาะกับสามีเพราะว่าสามีไม่ยอมทิ้งงานตามหาลูก เธอมีความสัมพันธ์อันดีกับฮารุและดูเหมือนเธอจะมอบความไว้วางใจความสัมพันธ์อันดีกับฮารุและอาคิยูกิ เมื่อเมื่อทราบว่าลูกของเธอยังไม่ตาย

     

    (Furuichi Teraoka)เพื่อนสนิทของฮารุและอาคิยูกิ ชอบการต่อสู้และมีความอิจฉาริษยาอาคิยูกิ ทั้งๆ ที่เขามีความสามารถเหนือกว่าอาคิยูกิแท้ๆ แต่ไฉนฮารุถึงชอบอาคิยูคิได้ ทำให้เขามักหลอกล้อเรื่องอาคิยูกิไม่เอาไหนกับฮารุอยู่บ่อยๆ ระหว่างที่อาคิยูกิหายไปเขาสมัครเป็นทหารและเริ่มเป็นศัตรูกับอาคิยูกิที่ถูก Xam'd สิง โดยหารู้ไม่ว่าเขาก็ถูก Xam'd สิงเช่นกัน

     

    (Midori Nishimura)น้องสาวของฮารุ ที่ขาพิการ ต้องใช้ไม้เท้ายันตลอด อันเนื่องจากอุบัติเหตุ ตอนแรกๆ เหมือนจะรักพี่สาว หากแต่หลังๆ เริ่มทะเลาะกันเนื่องจากเธอกล่าวหาพี่สาวว่าเป็นคนทำให้แม่ตาย และเธอก็กลายเป็นคนที่เข้าทดลองในโครงการชีวมนุษย์ของกองทัพ

     

    (Ishu Benikawa) กัปตันเรือขนส่งไปรษณีย์ “Zanbani” ที่ดูเหมือนจะผ่านประสบการณ์อะไรมามากมาย ชอบทำความสะอาดอาวุธ สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า และมักทำตัวเหมือนว่างงาน เธอมักดุลูกเรือคนอื่นๆ ประจำ โดยเฉพาะนาคิอามิที่มักดุเป็นพิเศษ เพราะเธอมักทำตัวเกินเลยคำสั่งของเธอแทบทุกครั้ง

     

    (Toujirou Kakisu) ผู้บัญชาการทหารของรัฐบาลฝ่ายใต้ที่ประจำเกาะเซลต้า เป็นคนเคร่งระเบียบวินัยและเจ้าอารมณ์พอสมควร แถมไม่รู้ตัวเลยโดนลากเข้าไปสู่โครงการทดลองมนุษย์ และโดนบีบบังคับให้ทำเรื่องผิดศิลธรรม เขาเคยเป็นอดีตนายทหารที่พ่อของอาคิยูกิช่วยเอาไว้ในช่วงสงครามการต่อสู้ Barador และนอกจากนี้เขายังมีแม่สูงอายุที่รักษาไม่หายป่วยในโรงพยาบาลของหมู่บ้านเล็กๆ ที่ห่างกันออกไปจากเกาะ

     

    Bonen no Xamdou นั้นเปิดฉากออกมาด้วยความตื่นเต้นเร้าใจ ด้วยเสียงประกอบและภาพที่งดงามอลังงานการงานสร้าง ฉากสู้กันระหว่างสัตว์ประหลาดด้วยกันก็มทันหยดติ๋ง จนเหมือนกับดูหนังโรงเสียด้วยซ้ำ หากแต่หลังจากฉากต่อสู้จบลงในช่วง 1-2 สิ่งที่ไม่คาดฝันของผู้ที่จะหวังเห็นฉากบู๊ก็เริ่มขึ้น เมื่อการดำเนินเรื่องนั้นเป็นไปอย่างเรียบๆ ไม่หวือหวา เสมือนกับมีกลิ่นเหมือนการ์ตูนของสตูดิโอจิบลิ และการ์ตูนเรื่อง Eureka Seven พอสมควร โดยเน้นไปที่บทบาทของตัวละครมากกว่าจะเน้นแอ็คชั่นแทน ทำให้ตัวละครที่ผมดูแล้วช่างออกแบบสนจะธรรมดา แต่เมื่อความลึกของตัวละครนี้ที่แสดงออกมาหลายๆ ตอน ทำให้ตัวละครเหล่านี้มีเสน่ห์อย่างมากๆ

    ฉากต่อสู้นอกจากตอนที่ 1-2 แล้ว ก็คงจะมีตอนท้ายๆ แหละครับที่พอจะมีฉากเหล่านี้อยู่บ้าง แต่การต่อสู้ดังกล่าวนั้นเหมือนกับอาคิยูกิกำลังสู้ตัวตนหนึ่งของเขา(เอาไว้เล่ารายละเอียดช่วงต่อไป) ซึ่งมาๆ ดูไปก็เหมือนกับการต่อสู่ศัตรูตัวสุดท้ายในเรื่อง Eureka Seven ไม่มีผิด

    ข้อเสียการ์ตูนเรื่องนี้คงจะเป็นยิ่งเนื้อเรื่องเดิน เรื่องยิ่ง งง หนักกว่าเดิม(เพราะมันซับซ้อนแต่เชื่อมโยงกัน) แม้เรื่องราวจะเริ่มเผย แต่กลายเป็นว่ามันกลับเพิ่มคำถามให้ผู้ชมเสียมากกว่า เช่นความสัมพันธ์ของเหล่าตัวละครต่างๆ หรือจุดมุ่งหมายของกลุ่มจิบาชิริที่ต้องการอะไรกันแน่ เรียกได้ว่าจะต้องดูหลายรอบมากครับกว่าจะสามารถอธิบายเรื่องหลายเรื่องได้  ถ้าขาดสมาธินิดเดียวพังทั้งระบบ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นกับการแบบซับด้วยว่าสามารถสื่อให้คนชมเข้าใจได้ไหม ดังนั้นคุณจะต้องเข้าใจคำศัพท์ของการ์ตูนเรื่องนี้เสียก่อนว่ามันเป็นยังไงกันแน่

      

    เรื่องราวของ Bonen no Xamdou  นั้นไม่แน่นอน สงครามระหว่างฝ่ายเหนือและใต้นั้นไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจนว่าทำไมถึงต้องสู้รบกัน มันก็เหมือนกับสงครามโลกแห่งความจริงที่ไม่จำเป็นต้องการเหตุผล เพียงแค่ขัดแย้งในวัฒนธรรมต่างกัน เชื้อชาติต่างกัน ความนึกคิดต่างกัน ก็สามารถเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว

     ผมไปดูเว็บของผู้กำกับการ์ตูนเรื่องนี้ เขาบอกไว้ว่าแรงบันดาลของเขามาจากผุ้กำกับระดับโลกสองคนอย่างเคน ลอดจ์(Ken Loach)  และ ฌอง ลูซ์ โกดาร์ด(Jean-Luc Godard) มาเป็นต้นแบบ

    เคน ลอดจ์(Ken Loach) เป็นผู้กำกับชาวอังกฤษเกิดเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 1936  ที่หลายคนรู้จักกันดีที่เขามักสร้างหนังโดยยึดติดความเป็นจริงของสังคม โดยการให้คนดูเห็นภาพของสังคมนิยมอย่างชัดเจน โดยให้เห็นสิ่งที่ตามมาของสังคมนิยมก็คือ ปัญหาทางสังคม ครอบครัว หรือการเมือง แต่ส่วนใหญ่เขาจะเน้นการเมืองเป็นหลัก มักเป็นประเด็นหลัก นำมาเสนอในผลงานการกำกับของเขาอยู่เสมอ เช่น Kes (1969) ได้ตีแผ่ปัญหาเรืองนโยบายการศึกษาของอังกฤษ ติดหนึ่งในทำเนียบ 50 หนังที่ควรดูก่อนตาย, Land and Freedom (1995) เกี่ยวกับเดวิดหนุ่มอังกฤษผู้ฝักใฝ่คอมมิวนิสต์เข้าร่วมต่อสู้กับกองทัพฟาสซิสม์ในช่วงสงครามกลางเมืองในสเปน, Carla?s Song (1996) เกี่ยวกับความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางสงครามกลางเมืองในนิคารากัวของหนุ่มโซเฟอร์รถเมล์ชาวอังกฤษและสาวชาวนิคารากัว และล่าสุด The Wind That Shakes the Barley (2006) ก็เล่าย้อนไปในปี 1920 เกี่ยวกับกองกำลังกู้ชาติไอริชที่ต่อต้านการคุกคามของกองทัพอังกฤษ (หนังเรื่องนี้ทำให้ Ken Loach ได้รับรางวัล ปาล์มทองคำ จากเทศกาลหนังเมืองคานส์ในปี 2006)

    http://www.popcornmag.com/bbs/lofiversion/index.php?t2736.html

    ฌอง ลูซ์ โกดาร์ด(Jean-Luc Godard) ผู้กำกับชาวฝรั่งเศส เกิดวันที่ 3 ธันวาคม 1930 ภาพยนตร์ของเขามักออกแนวการเมือง และเน้นปรัชญาความอิสระ ลัทธิมาร์กซ์ การเมืองผสมเข้ากับปรัชญา เช่น Vivre sa vie (1962), Les Carabiniers (1963), Pierrot le fou (1965) ฯลฯ ซึ่งหนังเรื่องนี้จะเน้นเสียดสีการเมืองด้วยใช้สัญลักษณ์ที่เข้าใจยาก จนคนหลายคนดูแทบไม่รู้เลยทีเดียว

    ดังนั้นหากรวมแนวคิดของผู้กำกับสองท่านเข้าด้วยกัน Bonen no Xamdou คือการ์ตูนแนวการเมือง ที่เสียดสี โดยสองฝ่ายในการ์ตูนคือฝ่ายใต้(ประชาธิปไตยแต่เน้นผลประโยชน์ใส่กระเป๋าตนเองมากกว่า), ฝ่ายเหนือ(ที่ดูไม่เหมือนฝ่ายเผด็จการเท่าไหร่ เหมือนกับชนกลุ่มน้อยที่มีความเชื่อผิดๆ เหมือนพวกเอเซียตะวันออกกลางเสียมากกว่า) นอกจากนี้ยังสอดแทรกปัญหาเชื้อชาติ ความเป็นอิสระ สัญลักษณ์ค่างๆ ที่สื่ออกมาเหมือนเป็นเรื่องการเมือง

     
             สิ่งที่ไม่เหมือนและไม่เหมือน
    Eureka Seven ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถึง เพราะว่าทีมงานดันเป็นชุดเดียวกันกับ Eureka Seven อีกทั้งเนื้อหาส่วนใหญ่ก็เกือบคล้ายๆ กันอีก

    สิ่งแรกที่เหมือนกับ Eureka Seven คืออยู่ในโลกที่ขัดแย้งในเรื่องการเมืองเหมือนกัน มีเรื่องของหุ่นยนต์(หรือสัตว์ประหลาด)เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่สิ่งนี้เป็นเพียงแค่ส่วนประกอบ เพราะเรื่องราวมุ่งเน้นเรื่องของความรักและความผูกพันธ์ของตัวละครมากกว่า แม้ตัวละครจะไม่สวยหรือโมเอะ แต่การกระทำการแสดงออกก็ช่วยทำให้เราหลงรักคู่ของอาคิยูกิและฮารุไม่ยาก ทั้งสองมีจิตใจที่เติบโตท่ามกลางปัญหาที่ขัดแย้ง ในเรื่องเราจะเห็นทั้งสองคนเปลี่ยนลุคตัวตนไปเรื่อย เสมือนกับวัยรุ่นเปลี่ยนเป็นผู้ใหญ่ สาเหตุเกิดจากสถานการณ์ในตอน หากเปลี่ยนเหมือนโลกแห่งความจริงก็คือแต่ละสังคมมีพิธีกรรมที่จำเป็นต้องพัฒนาจิตใจ เช่น การเรียน, ความรับผิดชอบ, ทำเพื่อคนที่รัก ที่ต้องใช้การเรียนรู้ ประสบการณ์พัฒนาให้จิตใจเติบโตเข้มแข็ง ซึ่งแนวคิดเหล่านี้ไม่เพียงแค่ Bonen no Xamdou และ Eureka Seven เท่านั้นหากแต่เป็นการ์ตูนแนวหุ่นยนต์ก็มักเอาแนวคิดนี้ไปใช้ โดยเน้นการผจญภัยและเดินทางมาเป็นตัวกำหนดการพัฒนาจิตใจของพระเอก เช่น กุเร็นลากัน, วาตารุ หรือจำพวกการ์ตูนธรรมะย่อมชนะอธรรม อย่าง ดราก้อนบอล, เซนต์เซย่า, เพชฌฆาตหมัดดาวเหนือ ฯลฯ (จำได้แค่นี้แหละ)

    สำหรับการผจญภัยดังกล่าว Bonen no Xamdou และ Eureka Seven ก็ดันเหมือนกันอีก ในเรื่องพระเอกถูกจับเข้าไปในเรือเหาะ และกัปตันเรือเคยเป็นวีรบุรุษมาก่อน หากแต่สิ่งที่แตกต่างก็คืออาคิยูกิตอนแรกนั้นไม่เต็มใจขึ้นเรือ เขาเต็มใจจะใช้ชีวิตอย่างสงบในเกาะเล็กๆ เสียมากกว่าท่องโลกกว้าง แถมเขาปรับตัวเข้ากับลูกเรือในยานไม่ค่อยได้อีก ผิดจากพระเอกในเรื่อง Eureka Seven ที่เขาเบื่อหน่ายในชีวิตบ้านนอกเลยอย่างท่องโลกกล่าวเพื่อหาปริศนาบนโลกใบนี้ แต่สิ่งที่พระเอกในทั้งสองเรื่องเหมือนกันคือ ปัญหาในวัยรุ่น ที่ต้องการเรียกร้องความสนใจครับ เพราะหลายฉากเราได้เห็นอาคิยูกิขี้ใจน้อย เมื่อมีลูกเรือคนใหม่คนโปรดมาแทนที่เขา พี่แกก็ริษยา ต้องการความยอมรับจากเพื่อนหรือทุกคนบนยาน บางฉากยังขี้ฟ้องอีก ก็อดอมยิ้มไม่ได้ โตแล้วยังมีจิตใจเหมือนเด็กอีกเนอะ

      

    สิ่งที่เหมือนต่อมาคือศัตรูตัวสุดท้ายของเรื่องนี้ ที่ทั้งสองเรื่อง พวกบอสใหญ่นั้นตัวตนอย่างกับพระเจ้า มีพลังอำนาจมหาศาล ปล่อยพลังแต่ละทีภูเขาหายไปทั้งลูก และก็เช่นเคยพระเอกก็ต้องปราบทุกครั้งไป(ฮ่า) ซึ่งพล็อตแบบนี้การ์ตูนหุ่นยนต์เยอะมาก หากแต่สิ่งที่แตกต่างคือในเรื่อง Bonen no Xamdou ศัตรูตัวสุดท้ายคือจักรพรรดิดิฮิรุเคน ที่ทั้งเรื่องไม่มีกล่าวนำเลยว่ามันคือตัวอะไรกันแน่ แต่คาดว่าเป็นหัวหน้าของรัฐบาลฝ่ายเหนือ จะเป็นศัตรูก็ไม่ใช้ มิตรก็ไม่เชิง แถมบางฉากพี่แกก็ตีชี้กับพระเอกด้วยนะครับ แบบศัตรูตัวสุดท้ายนี้โครตปริศนามากๆ จนผมไม่เกตสักทีว่ามันคือตัวอะไรกันแน่ แถมบางฉากที่มันปรากฏตัวแมันช่างกวน......จริงๆ ชนิดเลยว่าคนอื่นดูแล้ว งง ว่าเม่งมันออกมาตอนนี้เหรอว่ะ

    ฉากที่มันปรากฏตัวตอนแรก ตอนที่ 11 ที่นางรองเห็นวิญญาณสีดำปรากฏตัวในยานไปรษณีย์ที่ถูกโจมตี นั้นก็คือส่วนหนึ่งของจักรพรรดินั้นเอง และมาตอนที่ 12 ดัน,kแต่เสียงครับคือฉากหนึ่งที่เจ๊หัวหน้ายานเปิดวิทยุฟัง แล้วเสียงวิทยุพูดอะไรสักอย่างที่เหมือนล้างสมอง นั้นแหละเสียงของจักรพรรดิที่ว่า และฉากที่จักรพรรดิจำแลงเป็นวิญญาณสีดำน่ารักที่อยู่ข้างตัวอาคิยูกิตอนสูญเสียตัวตน ไอ้กระผมก็นึกว่าเป็นคนดี ที่ไหนได้กลับมาสู้กันตอนท้ายเรื่องซะงั้น

    ศัตรูตัวสุดท้ายของ Eureka Seven คือธรรมชาติ, ศัตรูตัวสุดท้ายของกุเร็นรากันคือจักรวาล หากแต่ จักรพรรดิดิฮิรุเคนศัตรูตัวสุดท้ายในเรื่อง Bonen no Xamdou  ก็คือจิตใจดำมืดของมนุษย์นั่นเอง

    ผมไปดูเว็บต่างประเทศวิเคราะห์มา ผมก็ร้องเอ๋ออย่างหายข้อสงสัยเลย ว่ามันโครตปรัชญามากๆ เขาบอกว่าศัตรูตัวสุดท้ายมักถูกออกแบบให้มีรูปร่างผิดปกติมีความโหดร้ายชอบความรุนแรงและการทำลาย มันเป้นสิ่งที่คุ้นเคยในการ์ตูนแนวหุ่นยนต์ทั่วๆ ไป หากแต่จักรพรรดิจักรพรรดิดิฮิรุเคนก็เช่นกันที่รูปร่างของมันเหมือนพิกลพิการสองขาสองแขนและเนื้อตัวมีแต่กล้ามเนื้ออินทรีย์ การเคลื่อนไหวที่ผิดหลักธรรมชาติรวมไปถึงหน้ากากประหลาดที่ปกปิดใบหน้าที่แท้จริงเอาไว้ แต่สิ่งการ์ตูนนี้สื่อออกมาก็คือจักรพรรดิที่ว่านั้นก็คือตัวตนจิตใจดำมืดที่พิกลพิการของมนุษย์นั่นเอง

    ความจริงแล้วตัวตนที่จริงของจักรพรรดิดิฮิรุเคนแทบไม่ได้ออกไปไหนเลยครับ พี่แกอยู่แต่ในหอคอยตลอด แม้ร่างอินทรีย์จะถูกผลึก แต่จิตวิญญาณของมันไม่ผลึกด้วย จิตวิญญาณชั่วร้ายสามารถปรากฏอยู่ทุกทีทุกเวลา  แถวมันอยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่คิด บางครั้งมันก็พูดเสียงปลอบโยนแก่สาวก บิดเบือนความจริงของโลก ใช้ความหวาดกลัวในการปกครอง จักรพรรดิตัวนี้สามารถตอบโต้มนุษย์ได้อย่างอิสระ หากแต่ว่ามันไม่สามารถแสดงอารมณ์ใดๆ ได้ เนื่องจากหน้ากากนั้นเปรียบเสมือนการปิดบังใบหน้าสีหน้าที่แท้จริงนั่นเอง

      

    แต่มุมน่ารักของจักรพรรดิดิฮิรุเคนก็น่ารักครับ แม้ว่ามันจะชื่อว่าจิตใจชั่วร้ายของมนุษย์ แต่มันก็เคยเป็นเพื่อนกับอาคิยูกิมาระยะหนึ่ง ไปไหนมาไหนมาด้วยกัน แถมพูดปลอบใจ(หรือว่าล้างสมองอย่างช้าๆ หว่า) แถมคนปกติธรรมดาก็ไม่เห็นมันด้วย ต้องเป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์เท่านั้นมันถึงจะเห็น สรุปคือจิตใจชั่วร้ายที่ว่ามันยังจำเป็นต่อมนุษย์ใช่หรือเปล่า?




    (ยังมีต่อ ขอบอกว่ายาว เพราะมันมีตั้ง 26 ตอน)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×