ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

ลำดับตอนที่ #92 : ตำนานเมือง "หมอกสีแดง" ของสปอนจ์บ๊อบ

ความจริงแล้วบทความนี้เป็นเรื่องของ Ore no Imoto ga Konna ni Kawaii Wake ga Nai แต่หลังจากที่รู้ตอนจบของไลท์โนเวลเรื่องนี้ผมจำเป็นต้องลบออก เพราะเนื้อหาขัดต่อสิ่งที่ผมอวยเรื่องฮาเร็มครับ ขออภัยทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

Urban Legends มีความหมายว่า ตำนานเมืองประจำเมืองนั้นๆ หรือตำนานสมัยใหม่ในวงการต่างๆ  โดยเรื่องเล่านั้นอาจเป็นนิทานหรือตำนานร่วมสมัยที่ทันสมัย เป็นความเชื่อที่ไม่มีหลักฐาน หากแต่หลายคนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงและถูกนำมาเล่าปากต่อปากใส่สีตีไข่ให้มันสมจริง โดยตำนานส่วนใหญ่จะมีองค์ประกอบของความลึกลับ สยองขวัญ น่ากลัว และตลก ส่วนมากมักเป็นคำเตือนที่แฝงด้วยคำสอนต่างๆ ตัวอย่างเช่นที่ประเทศญี่ปุ่นมีตำนานเรื่องผีฮานาโกะในห้องน้ำโรงเรียนตอนกลางคืน หรือผีสาวปากฉีดที่ดักทำร้านเด็กหลังเลิกเรียน เป็นต้น              

อย่างไรก็ตามแม้จะเรียกว่าตำนานเมืองก็ไม่ได้จำกัดอยู่ที่เขตเมือง เพราะบางครั้งก็มีตำนานเมืองมีอยู่ทั่วโลก หรือในอินเทอร์เน็ต บางอันก็แพร่ระบาดไปทั่วประเทศ เพียงแต่ปรับเปลี่ยนตามแต่ภูมิภาคหรือประเทศนั้นๆ

ปัจจุบันอินเทอร์เน็ตได้กลายเป็นศูนย์รวมของตำนานเมืองที่รับความนิยม ซึ่งมีตำนานต่างๆ มากมาย ออกในรูปแบบยูทูป คลิป หรืออีเมล์ที่เป็นข่าวลือต่างๆ ทำให้หลายคนเหลือเชื่อ แม้ว่าไม่มีหลักฐานแน่ชัด แต่ด้วยเนื้อหาน่ากลัว

ยกตัวอย่างเช่น คลิปการลักพาตัวโดยมนุษย์ต่างดาว หรือคลิปที่ว่ากันว่าใครที่ดูจะซึมเศร้าฆ่าตัวตาย สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้ดูเกิดความสนใจและอยากจะดูมากขึ้น

 

SpongeBob  SquarePants

เอาล่ะคราวนี้มาเข้าประเด็นการ์ตูนกัน แน่นอนว่าตำนานเมืองเกี่ยวกับการ์ตูนก็มีเหมือนกัน เช่น การ์ตูนซีรีย์ที่มีตอนพิเศษที่ไม่ได้ออกฉายที่ไหน ออกมาเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต ก็มีมากมายหลายเรื่อง โดเรมอนก็เคยมีตำนานเมืองเกี่ยวกับตอนจบที่แพร่ในอินเทอร์ช่วงหนึ่งเหมือนกัน แต่วันนี้ผมขอพูดเรื่องซีรีย์การ์ตูนเรื่องหนึ่งที่เคยเป็นตำนานเมืองที่ได้รับความนิยมในช่วงหนึ่งนั้นคือ  SpongeBob  SquarePants ตอน Red Mist (หมอกแดง) หนึ่งในตำนานเมืองที่สุดแสนจะน่ากลัวก็ว่าได้

SpongeBob  SquarePants หรือเรียกง่ายๆ ว่าของสปอนจ์บ๊อบเป็นการ์ตูนซีรีย์อเมริกัน แนวตลก การ์ตูนสำหรับเด็ก สร้างโดยสตีเฟ่น ฮิลเลนเบิร์ก สตูดิโอผู้ผลิต  United Plankton Pictures ออกฉายในช่อง Nickelodeon (เคเบิลทีวี), True Spark (ทรู วิชั่นส์) ความยาวตอนละ 22 นาที โดยแบ่งเป็นตอนย่อยอีกตอนละ 11 นาที

ขอเล่าเรื่องย่อสั้นๆ เนื้อหาของการ์ตูนกล่าวถึงเมืองใต้ทะเลแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเมืองที่เหมือนมนุษย์เพียงแต่อยู่ใต้ทะเลนั้น ที่นั้นมีเมืองของประชากรสัตว์น้ำที่ยืนและพูดภาษามนุษย์ได้ และที่นั้นมีตัวเอกตัวหนึ่งชื่อสปอนจ์บ๊อบ เป็นฟองน้ำที่มีแขนขามีใบหน้าเหมือนคน สามารถพูดภาษามนุษย์ได้ และเขาก็มีเพื่อนมากมายไม่ว่าจะเป็นปลาหมึกสควิดวอร์ด และปลาดาวแพ็ททริกซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกัน โดนเนื้อหาเป็นชีวิตในแต่ละวัน สปอนจ์บ็อบต้องเผชิญกับหลายๆ อย่างในชีวิตของเขา ซึ่งมีทั้งสุข ทุกข์ เรื่องดีๆ เรื่องเครียดๆ หรือเรื่องไม่เป็นเรื่องต่างๆ

 ด้วยเนื้อหาไม่เครียดนั้นเอง SpongeBob  SquarePants เป็นรายการการ์ตูนโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมมากไปทั่วโลก ได้รับรางวัลมากมายและ ทำรายได้มากกว่า 8 พันล้านดอลลาร์จากการขายสินค้าหรือลิขสิทธิ์ต่างๆ มากมาย โดยสปอนจ์บ๊อบ, ปลาหมึกชื่อสควิดวอร์ด และปลาดาวชื่อแพ็ททริก ทั้งหมดเป็นตัวละครดังที่มีชื่อเสียง

เอาล่ะมาเข้าเรื่องกัน แน่นอนว่าการ์ตูนเรื่องนี้ถูกสร้างสำหรับเด็ก หากแต่ในปี 2004 ได้เกิดเรื่องขึ้นเมื่อมีคลิปหนึ่งโผล่ออกมา มันเป็นตอนของการ์ตูนสปอนบ๊อบที่ได้อ้างว่าเป็นตอนพิเศษที่ไม่ได้รับออกฉาย  เพราะเนื้อหาของตอนนั้นทำร้ายจิตใจของผู้ดูเป็นอย่างมาก มันเป็นตอนที่เจ้าปลาหมึกสควิดวอร์ดฆ่าตัวตายเลือดสาด!!

ตอนที่ว่ามีชื่อว่า “หมอกสีแดง”

 

Red Mist

 ปกติแล้วการตายของตัวละครในการ์ตูนเด็กเป็นเรื่องต้องห้าม ขนาดทอมกับเจอรี่เองแม้ว่าทอมจะโดนปืนยิง โดนมีดหั่นร่าง แต่ทอมก็ไม่ได้ แต่สำหรับการ์ตูนสปอนจ์บ๊อบตอนหมอกแดงนั้นสควิดวอร์ดนั้นตายจริงครับ พร้อมสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากโรคภัยและอาการจิตตก ซึมเศร้า พร้อมกับภาพและเสียงรบกวนทำให้คนดูเกิดอารมณ์เหมือนสควิดวอร์ดอยากฆ่าตัวตายตามไม่น้อยทีเดียว

แน่นอนว่าการ์ตูรตอนนี้ไม่ใช่มาจากผู้ผลิตโดยตรงแน่นอน แต่เป็นการ์ตูนที่สร้างขึ้นแบบเถื่อนๆ (ประมาณโดจินนั้นแหละ) แต่บางคนเชื่อว่าเป็นการ์ตูนที่ตั้งใจสร้างมาก โดยตั้งใจให้เป็นตอนหนึ่งในรอบปฐมทัศน์ในฤดูกาลที่ 4

แม้ว่าภาพดังกล่าวจะไม่ค่อยต่อเนื่องมากนักและค่อนข้างหยาบอาจเป็นเพราะทำเสร็จไม่สมบูรณ์  แต่กระนั้นเนื้อหาก็ยังดูรู้เรื่อง มีเสียงพากย์ของตัวละคร (ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเสียงพากย์นั้นเป็นของคนพากย์ซีรีย์เลย หรือว่าให้คนอื่นที่ไม่ใช่พากย์)

ตอนใหม่ๆ ที่คลิปดังกล่าวออกมาในเว็บต่างๆ ก็ถูกแบนโดยตำรวจเพราะมีเนื้อหาค่อนข้างรุนแรง และสยดสยองพอสมควร และหลายคนรับไม่ได้มากๆ แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันก็มีคนลงคลิปดังกล่าสวมาแล้ว และคนดูมีมากถึงหนึ่งล้านคนจากทั่วโลก ซึ่งสามารถดูได้ที่เว็บข้างล่างถัดไปเลยครับ

http://www.youtube.com/watch?v=ldnWyy-nnOU

โดยเนื้อหาของตอนนั้นกล่าวถึงสควิดวอร์ดกำลังเตรียมเป่าปี่เพื่อซ้อมก่อนที่จะแสดงคอนเสิร์ตในค่ำคืนนี้ในห้องของเขา หากแต่ก่อนที่จะเป่าปี่เป็นเรื่องเป็นราวเขาก็ถูกใครบางคนมาขัดขวางจากการเคาะประตูหน้าบ้าน

 

สควิดวอร์พบปลาสก็อต

ด้วยความรำคาญสควิดวอร์ต้องลงมาและเปิดประตูก็พบปลาใส่เสื้อสก็อตยืนอยู่หน้าบ้านของเขา และปลาสก็อตตัวนั้นก็พูดว่าพอมีเวลาให้ไหม แต่สควิดวอร์ไม่สนใจ จึงปิดประตูแรงใส่หน้า และเมื่อเขากำลังเป่าปี่ก็ถูกปลาสก็อตรบกวนอีกครั้ง สควิดวอร์เดินไปเปิดประตูด้วยความโมโห เมื่อพบปลาสก็อต ปลาตัวนั้นก็พูดว่า “หมอกสีแดงจะมา”  ในหน้าเสียก้อง ก่อนที่จะหายไป สคอวิดวอร์เดินกลับไปในห้องด้วยโมโห

ต่อมาในขณะที่สควิควอร์กำลังเป่าปี่อีกครั้งก็ถูกขัดจังหวะโดยเสียงหัวเราะของสปอนบ๊อบและปลาดาวแพ็ททริก ทำให้สควิดวอร์โมโหเดินไปที่หน้าต่างและตะโกนใส่สองคนว่ามันรบกวนการฝึกซ้อมของเขา ซึ่งสปอนบ๊อบและปลาดาวแพ็ททริกกล่าวขอโทษพร้อมกับร้องไห้ด้วย

 

ที่มาของชื่อหมอกสีแดง

และเมื่อสควิดวอร์ดเดินกลับไปเป่าปี่อีกครั้ง คราวนี้จู่ๆ ก็มีฉากโดยรอบตัวเขาก็มีสีแดง เหมือนหมวกสีแดง (ฉากยาวกว่า 12 วินาที) และทำให้ตาของเขาเป็นสีแดง (ตรงจุดนี้เหมือนเทปมีหลุมดูด

ต่อมาเมื่อถึงเวลาค่ำของงานแสดงในโรงละคร ในเวลานั้นมีผู้ชมที่เป็นปลามากมายที่มารอดูเขา สควิดวอร์ดมองผ่านผ้าม่านเวทีรู้สึกกังวลเล็กน้อย (และดวงตายังแดงอยู่)

 

สควิดวอร์ตาแดง

เมื่อสควิดวอร์คทำการเป่าปี่ ก็พบว่าผู้ชมจำนวนมากในงานไม่พอใจเป็นอย่างมาก บางคนตาแดงเหมือนสควิดวอร์ด บางคนถึงกับอ้วก บางคนทำมือปิดหู บางคนด่าว่า จนในที่สุดพวกคนดูก็ทนไม่ไหวจึงออกจากงานกลางคันจนหมด ส่งผลทำให้สควิดวอร์ดเสียใจเป็นอย่างมาก

จากนั้นก็เลื่อนฉากใหม่เป็นสควิดวอร์ดเอาสองมือปิดดวงตา และฉากหลังมีลายดอกไม้

ต่อมาฉากก็ตัดมาที่บ้านของเขา  สควิดวอร์ดเป็นคนซึมเศร้า นั่งบนเตียงนอนที่บ้าน ในฉากนี้ภาพจะเป็นคลื่นสั่นไปสั่นมากมากขึ้นเรื่อยๆ

สวิดวอร์ดซูม

ฉากต่อมาคือหน้าจอล้มเหลว ก่อนที่จะมีหน้าสควิดวอร์ดหน้าตาอมทุกข์ร้องไห้ซูมใกล้มากขึ้น จากนั้นภาพก็ล้มเหลว ตัดมาอีกทีก็กลายเป็นภาพสวิดวอร์ดมีเลือดไหลออกทางดวงตา และเริ่มตาแดง จากนั้นก็มีเสียงอู้อี้ (เสียงสะอื้น เสียงหัวเราะ เสียงคนกริ๊ดร้อง เสียงแปลกๆ รบกวน และดังขึ้นเรื่อย) ทันใดภาพก็ตัดมาเป็นภาพสคิดวอร์ดใช้ปืนพกยิงตัวตาย หน้าของเขาก็แหลกเหลวเลือดสาดไปทั่วหน้าจอ

 

การตายของสวิดวอร์ด

ต่อมาฉากตัดมาเป็นภาพของสคิดวอร์ดนอนตาย เลือดไหลออกหัวและกระจายไปที่ผนังห้อง และมีเสียงพูดว่า “หมอกสีแดง” และภาพล้มเหลวก่อนที่จะจบลงเพียงเท่านั้น

ภาพที่ได้รับชมในคลิปที่ว่านั้นไม่ครบสมบูรณ์จากต้นฉบับเดิม  แต่สิ่งที่รู้คือไม่น่าจะใช้สควิดวอร์ดของจริงแน่นอน น่าจะเป็นเทปตัดต่อเสียมากกว่า อีกทั้งเนื้อหาวงกวน เหมือนไม่เสร็จสมบูรณ์ และไม่เหมาะสำหรับเด็กเล็ก

http://creepypasta.wikia.com/wiki/Red_Mist

ตามเนื้อหาเว็บนั้นได้พูดถึงวีดีโอ “หมอกสีแดง” ไว้ว่า เทปดังกล่าวสร้างขึ้นในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2004 โดยแอนดรูว์ สกินเนอร์จาก Fife, สก็อตแลนด์  และส่งวีดีโอเทปไปให้ Paramount Animation ในฮอลลีวู้ด แคลิฟอร์เนีย ให้ทีมงานและบรรณาธิการได้ตัดต่อ และมันก็เกิดเรื่องราวน่ากลัวขึ้นเมื่อสามผุ้เกี่ยวข้องอนิเมชั่นเรื่องดังกล่าวถูกส่งไปนยังโรงพยาบาล (แบร์ โอนีส, แกรนท์เคริ์กแลนด์ จูเนียร์ และอลิสซ่า ซิมป์สั้น) หนึ่งในบรรณาธิการเกษียณชื่อเฟอร์นันโด เดอ ลา เปญา และเด็กฝึกงานชื่อแจ๊กกี้ฆ่าตัวตายหลังดูเทปดังกล่าว และต่อมาแอนดรูว์ก็ถูกตำรวจจับในเก้าข้อหา รวมไปถึงฆาตกรรมเด็กสองคนที่ในเห็นวีดีโอ (ในตอนดังกล่าวปรากฏเห็นการฆาตกรรม)

 

เทปในตำนาน

หลังจากเทปสำเนาถูกปล่อยทางอินเทอร์เน็ต ก็ถูกลบไปอย่างรวดเร็วโดยตำรวจ หากแต่ภาพซูมดวงตาสีแดงของสคิดวอร์ดยังคงอยู่ ซึ่งนั้นเป็นตำนานเมืองที่เล่าลือกันมา แน่นอนยังไม่มีการพิสูจน์อะไรได้มากมายนัก นอกจากบทความหนึ่งจากปี 2002 กล่าวสั้นว่าๆ ว่ามีชายคนหนึ่งจาก Fife, สก็อตแลนด์  ชื่อแอนดรูว์ สกินเนอร์ถูกจับกุมในข้อหาพยายามฆ่าเท่านั้น

จะจริงหรือไมจริง “หมอกสีแดง” ทำให้เราได้เห็นว่าเรื่องน่ากลัวลึกลับนั้นเป็นที่นิยมของผู้สนใจอยู่เสมอ ยิ่งมีการเพิ่มประวัติที่มา มีการเพิ่มคนตายเข้าไปอีก ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่ แม้ว่าเรื่องเหล่านี้จะไม่มีหลักฐานที่มาที่ไป บางคนก็ยังชอบ บางคนก็ยังเชื่อ เมืองไทยยิ่งแล้วใหญ่ยิ่งหลงเชื่อเรื่องเหล่านี้โดยขาดการวิเคราะห์พิจารณาอย่างง่ายๆ ยิ่งมีประโยคดราม่า “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” และ “โปรดใช้วิจารณาญาณในการรับชม” สิ่งเหล่านี้ทำให้หลายคนมักได้รับข้อมูลข่าวสารและเลือกที่เชื่อข่าวสาวโดยไม่กลั่นกรองแม้แต่น้อยว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า และผลสุดท้ายก็กลายเป็นความงมงาย

ดังนั้นการเลือกที่จะเชื่ออะไรนั้น ควรกลั่นกรองด้วยการหาข้อมูลจากที่ต่างๆ และเมื่อได้ข้อมูลก็แยกว่าเรื่องใดเป็นเรื่องจริง ข้อมูลมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ การหาแหล่งที่มา ข้อมูลมาจากไหน  นั้นแหละคือการมีวิจารณาญาณที่แท้จริง