ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #99 : Gakko Kaidan ชั่วโมงเรียนพิศวง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16.84K
      11
      10 ม.ค. 56


    ที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นมีนักเขียนการ์ตูนไม่กี่คนได้ถูกขนามนามว่าเป็น สุดยอดนักเขียนการ์ตูนญี่ปุ่นสยองขวัญ (Top Class Horror manga Artists) ประกอบด้วยจุนจิ อุโต้(Junji Ito) โดยผลงานที่ขึ้นชื่อที่สุดคือ Uzumaki:ก้นหอยมรณะ ติดอันดับ 2 มังงะแนวสยองขวัญหักมุมที่ดีที่สุด และอีกคนที่มีชื่อเสียงไม่แพ้กันทั้งในญี่ปุ่นและไทยคืออุเมซึ คาซึโอะ(Umezu Kazuo)  ผลงานขึ้นชื่อคือ Scary Book ได้ติดอันดับ 7 การ์ตูนมังงะสยองขวัญหักมุมที่ดีที่สุด และ The Drifting Classroom ได้ติดอันดับ 1 มังงะแนวสยองขวัญหักมุมที่ดีที่สุด ด้วยสีหน้าหลอนตัวละครในเรื่องที่ชอบทำหน้าตาแปลกๆ ส่วนนักเขียนคนอื่นๆ ก็มี ฮิเดชิ ฮิโน่(Hideshi Works) ผลงานสร้างชื่อ Hideshi Works:รวมผลงานสยองขวัญของฮิเดชิ และผลงานภาพยนตร์โหดที่สุดในโลกคือดอกไม้สีเลือด, อินุกิ คานาโกะ(Inuki Kanako),ชินอิจิ โคงะ (Shinichi Koga),โอฉะซึเกะ โนริ( Ochazuke), ทสึโนดะ จิโร่(Tsunoda)   

    (ปล. สิบสุดยอดมังกะสยองขวัญหักมุมประกอบด้วย อันดับ 10 I Luv Halloween(Keith Giffen), อันดับ 9 Dark Edge (Yu Aikawa ) อันดับ 8 Monster(Naoki Urasawa), อันดับ 6 Pet shop of Horrors(Matsuri Akino), Dragon Head (Minetaro Mochizuki เรื่องนี้ผมอยากอ่านมากๆ), อันดับ 2 Death Note(Tsuguri Ohba มันติดได้ไงหว่า) และอันดับ 3 The Ring (Koji Suzuki))

    สังเกตว่านักเขียนส่วนมากมักเป็นนักเขียนการ์ตูนสยองขวัญสมัยโบราณ แต่กระนั้นการ์ตูนสยองขวัญของญี่ปุ่นสมัยใหม่ก็ยังขายได้ อย่างเห็นได้จาก 10 สุดยอดมังงะสยองขวัญหักมุมที่ดีที่สุดมีการ์ตูนสมัยใหม่ติดพาเหรดถึง 7 เรื่อง และยังมีนักเขียนการ์ตูนญี่ปุ่นอีกผู้หนึ่ง แม้ลายเส้นของเขาจะโบราณ(เพราะเขียนด้วยลายเส้นพู่กันจีน เส้นหนัก ซึ่งสมัยนี้เขาใช้คอมพิวเตอร์หรือเส้นเล็กกันแล้ว ใช่แล้วหลายคนรู้ทันที ว่าผมกำลังพูดถึงนักเขียนที่ชื่อ โยสุเกะ ทากาฮาชิ(yousuke takahash) เขาเป็นนักเขียนการ์ตูนญี่ปุ่น เกิดเมื่อ 15 มีนาคม 1956 เริ่มเขียนการ์ตูนอาชีพปี 1977 ผลงานสร้างชื่อของเขาก็คือ Mugen Shinsi และ Gakko Kaidan



    Gakko
    Kaidan

    สยองขวัญ, ตลก, หักมุม. โซตะ(??)

    15 เล่มจบ (ลิขสิทธิ์สำนักพิมพ์วิบูลบ์กิจ)

    ดาวน์โหลด http://godelixir.com/gakkou-kaidan/

    ภาษาญี่ปุ่น http://forum.book.sina.com.cn/thread-1831761-1-1.html

     

     บทความตอนนี้ความจริงผมไม่อยากจะเขียนถึงเท่าไหร่ เพราะเขียนยากมากเนื่องจากในอินเทอร์เน็ตไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องนี้เลยเนื่องจากการ์ตูนนี้ดันไปชื่อซ้ำกับการ์ตูนอีกเรื่องคือ "Gakko Kaidan” ทำให้ภาพกูเกิ้ลส่วนใหญ่ภาพที่ได้มักจะเป็นการ์ตูนเรื่อง อีกทั้งเป็นการ์ตูนค่อนข้างเก่าและนอกสายตาของใครหลายคน แต่กระนั้นมันก็เป็นการ์ตูนที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจของผมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการ์ตูนเรื่องแรกที่เป็นจุดเริ่มต้นที่ผมชอบการ์ตูนที่พระเอก “น่ารัก” และโหยหาการ์ตูนที่มีการดำเนินเนื้อเรื่องหักมุม(ที่เอาปกเล่ม 2 มาขึ้นเพราะเป็นเล่มแรกของการ์ตูนเรื่องนี้ที่ผมอ่าน และเป็นเล่มที่ชอบที่สุด)

    แต่สาเหตุที่ผมเขียน เนื่องจากผมได้อ่านผลงานล่าสุดของคนเขียนแล้วรู้สึกใจหาย ผลงานแรกๆ ที่สร้างความประทับใจสำหรับผมไม่มีอีกแล้ว(อาจจะมีเหตุผลหลายอย่างประกอบ) ดังนั้นเพื่อระลึกถึงความหลังผมเลยอยากเขียนเรื่องนี้หน่อยก่อนที่จะหายไปจากความทรงจำของคนหลายคน

     Gakko no Kaidan หรือชื่ออังกฤษคือ School Ghost Stories หรือชื่อไทยชั่วโมงเรียนพิศวงวาดเมื่อปี 1995 มีทั้งหมด 15 เล่มจบ แบ่งเป็น 2 ช่วง โดยช่วงแรกคือเล่ม 1-5 เป็นเรื่องราวของพระเอกหน้ามลคนน่ารักนาม ยามางิชิ นักเรียนมัธยมปลายที่แสนจะธรรมดา(จริงเหรอ?) ที่ต้องผจญกับสิ่งลึกลับจำพวกปีศาจ ภูตผี อสูรกาย และฆาตกรโรคจิตมากมายเข้ามาในชีวิตของเขา ซึ่งบางครั้งเขาก็ตาย!! แต่นั้นเขาก็มีพลังอมตะคืนชีพทุกครั้งพร้อมกับเจอเรื่องสยองขวัญเรื่องใหม่ในครั้งต่อไป(บางตอนตัวเอกอาจจะไม่ใช้ยามางิชิ) และด้วยการดำเนินเรื่องแบบจบในตอน 10 หน้าแบบหักมุม(รวมภาพตอน) ส่งผลทำให้รับความนิยมสูงในญี่ปุ่น และในไทยได้รับความนิยมแบบเงียบๆ ส่งผลทำให้นักเขียนผู้นี้รู้จักในบ้านเราทันที

     

     

     
              ยามางิชิ
    พระเอกหนุ่มน่ารักหน้ามลที่สุดแสนจะน่ารัก(ในสายตาผม) เขาเป็นพระเอกที่แสนจะธรรมดา(มั้ง) ที่มักผจญกับเรื่องแปลกประหลาดเสมอ ที่บางเรื่องก็ส่งผลต่อชีวิตของเขา เขาอาศัยอยู่กับแม่(แม่ชอบเรียก เรียว) ส่วนพ่อไปทำงานเมืองนอก นิสัยของเขานั้นค่อนข้างเปลี่ยนไปในแต่ละตอน บางครั้งเขาก็ใจดีขี้สงสาร ขี้สงสัย บางครั้งก็โหดเหี้ยม เยือกเย็น และรู้ไปทุกเรื่อง พระเอกยามางิชิเป็นสาเหตุที่ผมชอบพระเอกในภาพลักษณ์น่ารัก(และเขาติดอันดับพระเอกในดวงใจตลอดกาลของผมไปเรียบร้อย)

    ส่วนในเล่ม(6-15) นั้นมีการเปลี่ยนเนื้อหาใหม่ โดยมีตัวละครหลัก(นางเอก??) อาจารย์สาวมั่น ชื่ออาจารย์คุดังที่มีพลังวิญญาณสูงส่ง ส่วนยามางิชิกลายเป็นพระเอกแบบฝ่ายเสริม(แต่บางตอนเขาก็เป็นตัวเอก) และนิสัยเปลี่ยนไปโดยเขาเป็นผู้มีพลังวิญญาณพลังจิตสูงส่งที่พวกภูตผีชอบมาหาเข้าประจำ(ทั้งมาดีและมาร้าย) แต่คราวนี้เขาไม่มีบทตายแล้ว และเรื่องสยองส่วนใหญ่จะเป็นสยองตลกร้ายๆ ชวนหัวมากกว่า โดยโครงเรื่องหลักจะเป็นการเปิดเหตุอดีตอาจารย์คุดังทีละเล็กทีละน้อย(แต่ช่วงใกล้จะจบ ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่าคือมันมั่วนิดหน่อย)

                   นอกจากยามางิชิและยังมีผู้ที่มีพลังวิญญาณมากมาย แต่หลักๆ ที่สามารถอยู่รอดเป็นตัวละครหลักได้คือสองกิ๊กหวานใจของยามางิชิคือทาเคอิชิและยาจิกะ โดยได้รับความนิยมเหมือนกัน และมันก็ได้ส่งผลอิทธิพลทำให้ผลงานช่วงหลังๆ ของนักเขียนคนนี้เปลี่ยนกลวิธีในการดำเนินเรื่องไปด้วย

       

    คุดัง อาจารย์ประจำชั้นของยามางิชิ ที่เป็นตัวละครหลักในเล่ม 6-15 ภายนอกเหมือนสาวซ่า แต่กระนั้นก็เป็นอาจารย์ที่ขี้ห่วงลูกศิษย์เหมือนกัน นอกจากนี้เธอก็มีอดีตเลวร้ายมากมาย แต่กระนั้นก็สามารผ่านพ้นได้ มีพลังวิญญาณสูงและมักใช้พลังวิญญาณช่วยลูกศิษย์ของเธอเสมอ แต่ดูเหมือนเธอถูกใจยามางิชิเป็นพิเศษ

      

    ทาเคอิชิ สาวแว่น ขี้อาย เคยปรากฏบางตอนในเล่ม 1-5 ในฐานะเพื่อนร่วมชั้นของยามางิชิ และมักผจญกับเรื่องประหลาดกับยามางิชิด้วย แต่บทบาทของเธอเริ่มเป็นรูปเป็นร่างในเล่มที่ 6 โดยเป็นเด็กสาวที่เริ่มพลังวิญญาณสูงหลังจากมีปัญหาครอบครัวพ่อแม่หย่ากัน (หลังจากเล่ม 8 เธอเปลี่ยนทรงผมแล้วน่ารักขึ้นเป็นกอง) ชอบแต่งนิยาย(แต่ไม่ชอบให้คนอื่นอ่าน) และมีหลายตอนที่มักมีฉากโรแมนติกกับยามางิชิประจำ

      

    ยาจิกะ สาวทรงผมสุนัขจิ้งจอก(น่ารักดีนะ) ปรากฏครั้งแรกในเล่มที่ 8 ซึ่งเป็นเด็กที่ย้ายมาใหม่ที่ยามางิชิพบระหว่างทางตอนไประหว่างเรียน เป็นคนที่มีพลังวิญญาณสูงอีกคน ตอนแรกเป็นเด็กบ้านรวย ที่มีนิสัยเจ้าปัญหา เอาแต่ใจ และไม่มีเพื่อนส่งผลทำให้สิ่งลึกลับมาทำร้ายเธอเป็นประจำ แต่หลังๆ เมื่อเธอมีเพื่อน(ยามางิชิและทาเคอิชิ) เธอก็เริ่มมีนิสัยเจ้าปัญหาเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนเป็นจอมแก่นขึ้นมาแทน และมักถูกสัตว์ประหลาดน่าเกลียดน่ากลัวมาจีบขอเป็นแฟน

                    โยสุเกะ ทากาฮาชิเป็นนักเขียนคนแรกๆ ที่ผมชื่นชมความสามารถมาก เนื่องจากการการเขียนของเขาส่วนใหญ่มักเป็นการ์ตูนสั้น จบภายใน 10-15 ซึ่งเป็นการยากมากที่จะหาใครสักคนวาดการ์ตูนที่เนื้อหาสยองและหักมุม ตลกร้าย แบบนี้ อีกทั้งเรื่องราวสยองขวัญของเขาส่วนมากเป็นรูปแบบที่คุณต้องไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน เพราะคนเขียนแต่งสร้างเรื่องขึ้นมาเอง

    โยสุเกะ ทากาฮาชิ เป็นนักเขียนคนหนึ่งที่มีผลงานออกมาค่อนข้างเยอะไม่ว่าจะเป็น

     Fukuwajutsu (1978:หนึ่งเล่มจบ)

    The Time Milk Wound the Spring (1985:เรื่องสั้น)

     Umi kara Kita Doll (1985:หนึ่งเล่มจบ)

    Crazy Pierrot (1983:หนึ่งเล่มจบ)

    Teito Monogatari (1989)

    Kwaidan (TAKAHASHI Yousuke)(1991:หนึ่งเล่มจบ)

    Kyoufushou Hakase (1991:หนึ่งเล่มจบ)

    Kinme Douji (1992:หนึ่งเล่มจบ)

     Gakkou Kaidan (1995:สิบห้าเล่มจบ)

    Yosuke no Kimyou na Sekai(1998หนึ่งเล่มจบ) 

     Koko ni Ai no Te wo (1999:หนึ่งเล่มจบ)

    Futago no Koi (1999:หนึ่งเล่มจบ)  

    Tetsunagi Oni (1999:หนึ่งเล่มจบ)              

    Kuroko (2001:สี่เล่มจบ ลิขสิทธิ์วิบูลย์กิจ)

    Machi Warashi  (2003:หนึ่งเล่มจบ)  

    Nightmare Negotiator (2004:หนึ่งเล่มจบ),  Watashi wa Kagome (2005:สี่เล่มจบ ลิขสิทธิ์วิบูลย์กิจ คนเขียนมีส่วนในเนื้อเรื่องนะครับ)

    Yoruhime-sama (2007หนึ่งเล่มจบ)       

    Takahashi Yousuke Strike Selection (2007:หนึ่งเล่มจบ??)

    Mugen Shinshi  (??:สิบเล่มจบ บ้านเรานิยามว่าคุณพี่สุดหล่อ)

    Mononoke Soushi (2008:สองเล่มยังไม่จบ)

    แต่ส่วนมากมักจบภายในหนึ่งเล่มและมักจะวาดแอ็คชั่นเป็นหลัก(บางครั้งก็แอ็คชั่นสยองขวัญ)  ทั้งๆ ที่ผลงานที่เหมาะนักเขียนคนนี้คือสยองขวัญ เรื่องสั้นหักมุมเสียมากกว่า ทำให้ผลงานหลังๆ ของนักเขียนคนนี้ไม่ค่อยได้รับความนิยมเหมือนเมื่อก่อน ประกอบกับลายเส้นโบราณเส้นพู่กันจีนและการลงเส้นหนัก ตอนนี้ผมก็พยายามลุ้นว่าคนเขียนจะนึกได้แล้วเอายามางิชิกลับมาอีกครั้งในบทที่น่ากลัวอย่างในเล่ม 1-5 ผมชอบเล่ม 1-5 จริงๆ นะครับ ชอบอะไรหลายๆ อย่างของมัน ไม่ว่าจะเป็น พระเอก เนื้อหา กลวิธีการเล่าเรื่อง ลายเส้นสมัยก่อนนั้นผมถือว่าน่ารักมากๆ สมัยก่อนนั้นการ์ตูนที่พระเอกนางเอกน่ารักนี้ไม่ค่อยมีเลย มีแต่พวกพลังกล้ามเนื้อ บ้าพลัง(พอดีสมัยก่อนดราก้อนบอลกำลังดัง) พอผมมาเจอการ์ตูนเรื่องนี้ผมติดใจทันทีเลย ด้วยลายเส้นหมึกจีน เส้นหนา ผมดูแล้วมันเป็นศิลปะดีนะครับ บวกทั้งยามางิชินี้น่ารักมากๆในตอนแรก แถมภาพและเนื้อเรื่องช่วงแรกๆ หลอนมาก เพราะวางบางเรื่องเอาจิตวิทยาและความกลัวของจิตใจของคนมาเล่น จนบางเรื่องผมแทบเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงไปเลย

    แต่ที่สุดยอดมากๆ สำหรับผมคือการเขียนการ์ตูนให้จบใน 9-10 หน้านี้ผมว่าเป็นการยากมาก คิดดูสิครับ ว่าใน 9-10 หน้านี้คุณจะทำยังไงให้การ์ตูนออกมาน่าสนใจ หรือทำให้หักมุมได้ ถ้าการ์ตูนผีห้าบาทไทยนี้คงไม่พ้นเรื่องผีมาหักคอแก้แค้น ไม่ก็พระสวดผีจบชัวร์ แต่คนเขียนคนนี้ทำได้ครับ เขาสามารถทำให้เนื้อหาออกมาแปลกใหม่ ทำให้ผู้ดูรู้สึกอินและสนุกได้

    สาเหตุที่ทำให้คนดูอินหรือสนุกเรื่องนี้ คงจะเป็นที่พระเอกยามางิชิแหละครับ ที่เป็นพระเอกที่มีด้านมืดและสว่างพร้อมกัน(เฉพาะในเล่ม 1-5) ที่บางครั้งเขาก็ปรากฏเป็นคนดีเป็นคนเลวบ้าง นิสัยอ่อนโยนหรือเยือกเย็นบ้าง บางตอนนี้เขาร่วมมือกับปีศาจเพื่อฆ่าคนไปก็มี แต่จุดที่สนุกคือจุดที่ลุ้นว่าพระเอกยามางิชินี้จะตายหรือเปล่า  เพราะบางตอนปรากฏว่าเขาตายด้วย แถมตายอย่างสยดสยอง เช่น เชือดคอตนเอง ถูกผีฆ่า หรือไม่ก็ไม่สามารถรอดพ้นคำสาปได้ แต่ไม่ต้องเสียใจแม้ว่ายามางิชิจะตายนะครับ เพราะเขามีพลังเหมือนโทมิโอะ(ตัวละครของอิโต้ จุนจิ) คือ เขาดันเป็นอมตะ สามารถคืนชีพเกิดใหม่อีกครั้งเพื่อผจญกับเรื่องลึกลับในครั้งต่อไป  ทำให้น่าติดตามว่าตอนต่อไปเขาจะตายอีกหรือเปล่า?  อีกทั้งฉากโรแมนติกในเล่ม 1-5 นี้ผมชอบมากเพราะยามางิชินี้กิ๊กเยอะ มีทั้งสาวน้อยฆาตกร, ผีสาวริมสระน้ำ, นางเงือก, สาวพลังวิเศษ ฯลฯ เรียกได้ว่ากิ๊กนับไม่ถ้วน แถมบทยามางิชิกับสาวๆ เหล่านั้นก็ช่างดูแล้วรู้สึกดีๆ มากมาย  ช่างน่าอิจฉาจริงๆ

    พูดถึงสยองขวัญแล้ว การ์ตูนเรื่องนี้สยองขวัญแบบฉลาดครับ ไม่ใช้จำพวกเอาขวานไปสับหัว หรือเอามีดไปกระหน่ำแทง หรือเอาเลื่อยไฟฟ้าหั่นศพเลือดกระฉูดทะลัก สยองขวัญในชั่วโมงเรียนพิศวงนี้ใช้หลักการคล้ายภาพยนตร์สยองขวัญคลาสสิกเป็นอย่างมาก กล่าวคือการสื่อทำให้ผู้ดูเกิดความรู้สึกจิตใจไม่สงบแต่หมกมุ่นที่จะดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ความกลัว ความน่ารังเกียจ โดยส่วนใหญ่มักมีเนื้อหาเกี่ยวกับความตายและเรื่องเหนือธรรมชาติ รวมไปถึงจินตนาการที่บรรเจิดของคนเขียนที่เสริมให้เรื่องพวกนี้สยองและชวนหัวในเวลาเดียวกัน

      

    เช่นในเล่ม 1 ในตอนที่ 9  “อย่าหลับน่ะ!!” ที่เปิดฉากออกยามางิชิเกิดหลับในห้องเรียน เมื่อเขาลืมตาตื่นขึ้นก็พบว่าเขาอยู่ห้องคนเดียว ไม่มีใครอยู่เลย อีกทั้งเขายังพบว่าเนื้อตัวเขาเปื้อนเลือดเต็มไปหมด โอ้มันเกิดอะไรขึ้นเนี้ย? เมื่อเขาออกไปห้องเรียนเขา เขาก็พบว่าคนทั้งโรงเรียน ทั้งนักเรียนและอาจารย์ถูกอะไรบางอย่างฆ่าตายอย่างน่าสยดสยอง ศพกองเป็นภูเขาพะเนิน?  แต่ทำไมเขาถึงเป็นคนรอดพ้นคนเดียวล่ะ เกิดอะไรขึ้นในช่วงที่เขาหลับกันแน่? ทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย? นี้แหละคือหลักการสยองขวัญอย่างแท้จริงเพราะว่าเนื้อหาเล่นกับสิ่งที่เราไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ เกิดขึ้นเพราะอะไร และเมื่อเฉลยแล้วกลับกลายเป็นว่ามันน่าสยดสยองและหักมุมอย่างน่าชื่นชม

    การ์ตูนเรื่องนี้ใช้หลักการสยองขวัญมาใช้อย่างผสมผสานกลมกลืนมาก เช่นภาพศพ ที่เต็มไปด้วยเครื่องในไส้ เลือดทะลึกนั้นสื่อถึงความสยดสยองและความหวาดกลัวได้เป็นอย่างดี อีกทั้งอสูรกายและปีศาจที่ปรากฏส่วนใหญ่นั้นผู้เขียนเป็นคนออกแบบและเขียนขึ้นมาเองซึ่งยิ่งกลายเป็นสิ่งที่เราไม่รู้จัก ซึ่งช่วยเสริมว่าสิ่งนั้นคืออะไร? มันต้องการอะไร? จนเราอ่านจบโดยไม่รู้ตัว?


             นอกจากนั้นสยองขวัญบางครั้งก็นำแนววิทยาศาสตร์มาผสมผสานด้วย  อย่างเช่น เฟรนเก้นสไตน์  มนุษย์ต่างดาว มนุษย์ล่องหน มนุษย์แมลง สำหรับการ์ตูนชั่วโมงเรียนพิศวงก็มีวิทยาศาสตร์เอามาใช้เหมือนกัน เช่น ในเล่ม 2 ตอนที่ 25 “รุกรานสมอง”ยามางิชิรู้สึกสนใจที่คาดผมที่มีสรรพคุณสมแล้วจะฉลาด เมื่อเขาสวมที่คาดผมแล้วปรากฏว่ามันทำให้เขาฉลาดขึ้นมาจริงๆ แต่กระนั้นมันก็มีข้อห้ามเหมือนกัน คืออย่าสวมที่คาดผมตอนนอนไม่งั้นจะฝันแปลกๆ แต่ปรากฏว่ายามางิชิได้แหกข้อห้ามอันนี้ ปรากฏว่าเขาฝันเป็นนิยายไซไฟที่ประหลาด โดยฝันไว้ว่าอีกในโลกอีกมิติหนึ่ง ยังมีมนุษย์ต่างดาวอีกเผ่าหนึ่งที่มีแต่สมองไม่มีขาสามารถเดินไปไหนมาไหนได้ พวกมันต้องการรุกรานโลกมนุษย์ โดยมันได้สร้างเครื่องย้ายมวลสารเป็นรูปที่คาดผม โดยเมื่อมนุษย์สวมที่คาดผมนั้นมันสามารถเคลื่อนย้ายตัวมันจากมิติมาสู่แทนที่สมองของมนุษย์ได้ แล้วมันจะสามารถควบคุมสมองของมนุษย์นั้นอย่างสมบูรณ์ และเมื่อยามางิชิได้เล่าความฝันไซไฟนี้ให้เพื่อนของเขาฟัง ปรากฏว่ามันเป็นเรื่องจริง แล้วมันได้ทำการยึดร่างเขาเรียบร้อย
    !!

                    บางครั้งความกลัวใช่ว่าจะใช้แค่จะมีแต่ กลัวผี กลัวสัตว์ประหลาด เพราะในชั่วโมงเรียนพิศวงยังสอดแทรกเรื่องจิตวิทยาไปด้วย เช่นการใช้ความกลัวของเด็กเอามาเล่น คุณรู้หรือไม่ว่านอกจากผีนั้น เด็กยังกลัวสิ่งที่ไม่ใช่ผีอีก เช่น ตัวตลก, แมลง, ซานตาคลอส ภาพยนตร์อย่าง Silent Night, Deadly Night (1984) ก็ได้นำซานตาครอสมาเป็นฆาตกร ที่เป็นเรื่องราวของเด็กน้อยที่ได้รับ คำสั่งสอนแบบผิดๆ จนในที่สุดเด็กน้อยก็เป็นเด็กเก็บกดและกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องในชุดซานตาที่มาลงโทษคนที่ตนเองที่คิดว่ามันมีความผิด  ในการ์ตูนชั่วโมงเรียนพิศวงก็มีเหมือนกันอย่างเช่นในตอน “วันคริสต์มาส”(ผมจำไม่ได้ว่าอยู่เล่มไหน ตอนไหน) ที่ยามางิชิที่มีความหลังที่ซานตาครอส(ปีศาจ)ได้ลักพาเพื่อนหญิงของเขาไป ทำให้เมื่อถึงวันคริสต์มาสต้องรู้สึกเศร้าใจทุกครั้ง และมักขอดูของข้างในถุงของซานตาครอสตามท้องถนนทุกครั้ง

                    พูดถึงจิตวิทยา ในการ์ตูนเรื่องนี้(ในเล่ม 1-5) ที่นำเรื่องสถาบันครอบครัวนำมาเล่นด้วย บางเรื่องดูก็น่าเศร้า บางเรื่องก็ดูแล้วเกินเหตุ บางเรื่องดูแล้วชวนหัว แต่ทุกเรื่อง สิ่งที่การ์ตูนนี้นำเสนอ ปัญหาครอบครัวไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ล้วนนำมาสู่โศกนาฏกรรม

                     

                    เช่นในเล่ม 2 ตอน 29“คนท่อ” ที่เพื่อนของยามางิชิได้เล่าความหลังให้เขาฟังว่า ในวันที่ฝนตกเขาวันก่อนได้เขาพบพ่อที่หนีจากบ้านในรูปลักษณ์ของสัตว์ประหลาด ที่ได้พาเขาเข้าไปในโลกใต้ดิน(ดูจากสภาพเมืองแล้ว คิดว่าคนเขียนคงเอามาจากดินแดนโลกใต้พิภพตำนานในยุโรป) ที่นั้นเขาทั้งสนุกทั้งมีความสุข อาหารก็อร่อย ผู้คนก็เป็นมิตร และพ่อของเขาได้ชวนชวนเขาให้มาอยู่ที่นี้  จนกระทั้งวันหนึ่งเพื่อนของยามางิชิก็หายตัวไป และแล้วยามางิชิก็ได้รู้ว่าพ่อของเพื่อนเขานั้นตายนานแล้ว สิ่งที่เพื่อนของเขาเล่านั้นคือเรื่องจริงหรือเรื่องโกหกเพื่อหลีกหนีความจริงกันแน่?

                

    บางครั้งแนวสยองขวัญก็มีฉากโรแมนติกเหมือนกัน นี้แหละจุดที่ผมชอบที่สุดในชั่วโมงเรียนพิศวง  1-5 ที่ยามางิชินั้นมีเพื่อนหญิงเข้ามาหาเขามากมาย ทั้งคน ทั้งผี ซึ่งมีหลายตอนที่ยามางิชิแสดงความโรแมนติกจนผมประทับใจ โดยเล่ม 2 นั้นถือว่ามีมีตอนที่ผมชอบเยอะที่สุด ไม่ว่าจะเป็นตอน “ไข่พูดได้”, “เส้นผม”, “เปลี่ยนตัว”, “คนริมสระ”,”จิ้งจอก”, “เงือก”

    เช่นในตอน ในเล่ม 2 ตอน 22 “เปลี่ยนตัว”ยามางิชิได้ประสบอุบัติพร้อมกับเด็กหญิงคนหนึ่ง เมื่อเขาลืมตาตื่นขึ้นพบว่าเขารอด ส่วนเด็กสาวนั้นตาย แต่ด้วยนิสัยขี้สงสารของยามางิชิเขาได้ทำอะไรบางอย่างที่เรียกน้ำตาผมอย่างแรง ชนิดเรียกว่าโอ้ ทั้งๆ ที่ยามางิชิไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้นมาก่อนแท้ๆ แต่เขากล้าแลกสิ่งนั้นด้วยเหรอ จะมีสักกี่คนบนโลกที่มีมนุษย์เยี่ยงนี้ ที่สามารถเสียสละให้แก่คนอื่นโดยไม่หวังผมตอบแทนและตนเองเสียผลประโยชน์ หรือแม้แต่ชีวิตของตนก็ตาม

    และสุดท้ายแนวคิดหลักของเรื่องสยองขวัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ “สุดท้ายมนุษย์ก็น่ากลัวกว่าผี” ผีนั้นแค่หลอกคน แต่มนุษย์นั้นร้ายกว่าก็ทั้งฆ่า ทั้งเชือด และเป็นผู้ให้กำเนิดผี เช่นในเรื่องชั่วโมงเรียนพิศวง จะให้พฤติกรรมด้านลบของมนุษย์มากมาย เช่น ฆ่าปิดปาก, การหักหลัง, ความหมกมุ่น, อำนาจ, ละโมบ, ริษยา, หนีความจริง, เหงา ฯลฯ ไม่เพียงแต่ทำให้ตนเองมีความทุกข์ เพราะคนรอบข้าง คนอื่นก็ทุกข์ไปด้วย สุดท้าย และบางครั้งถึงขั้นฆ่ากันไปเลยก็มี ก่อนที่คนที่ตายกลายเป็นผีจะแก้แค้น เพิ่มความแค้นซึ่งกันและกันหนักเข้าไปอีก

    แต่น่าเสียดายครับ เพราะว่าในเล่ม 6-15 นั้นหลังจากเปลี่ยนตัวเองเป็นอาจารย์คุดังนี้ดูเหมือนบทบาทของยามางิชินั้นก็ลดบทบาทลง และเนื้อหาส่วนใหญ่จะเน้นตลกสยองที่ชวนหัวเสียมากกว่า ทำให้แนวเรื่องไม่เน้นโหดสยองหักมุมเหมือนเมื่อก่อน ไม่ได้มีโอกาสลุ้นยามางิชิตายหรือรอดแล้ว แม้ว่าแนวทางหลักยังเหมือนเดิมก็ตามคือสุดท้ายมนุษย์นี้แหละที่น่ากลัวกว่าผี แต่ผมไม่ค่อยปลื้มเล่ม 6-15 เท่าไหร่ น่าเสียดายแนวทางคนเขียนเหมือนกันที่ได้ทิ้งแนวทาง 1-5 ไปหมด

    และหลังจากจบชั่วโมงเรียนพิศวงเล่ม 15 แล้วเล่มต่อๆ มาของคนเขียนก็ไม่ค่อยถูกใจผมสักเท่าไหร่

     
             หนึ่งในผลงานที่ผมมีความรู้สึกว่าคนเขียนกำลังลงทางอยู่ คือ
    Kuroko (2001:สี่เล่มจบ) เรื่องนี้มีลิขสิทธิ์ในประเทศไทย โดยวิบูลย์กิจจัดจำหน่าย ในชื่อ “คุโรโกะ คู่หูคู่ฮาล่าปีศาจโดยเรื่องราวเกี่ยวเหล่าภูติผี ปีศาจ ต่างๆนาๆ เพ่นพ่านอยู่ในยุคปัจจุบัน โดยมีนักล่าที่เรียกว่า คุโรโกะมาปราบ (บอกความลับให้การ์ตูนนี้ให้ มีอาจารย์คุดังปรากฏด้วย และระวังจะเป็นลมละเหมือนเห็นเธอ เพราะว่า.......)จะพูดไงล่ะคือมันเป็นแนวแอ็คชั่น มีการเสริมเนื้อเรื่องราวเข้าไปให้กานเป็นเรื่องยาว(แต่จำหน้าหน้าแต่ละตอนยังคงเหมือนเดิมคือ 9-10)  แม้มีภาพสยอง ไม่ว่าภาพศพ ภาพปีศาจที่สะอิดสะเอียน(อันเป็นจุดเด่นของนักเขียนคนนี้) แต่เนื้อเรื่องไม่ได้หักมุมเท่าไหร่ ซึ่งขอบอกว่าแนวแอ็คชั่นนี้ไม่เหมาะกับคนเขียนคนนี้ครับ เพราะว่าจำนวนหน้ามันจำกัดการใส่ไอเดียอะไรก็ไม่ลงตัวด้วย อีกทั้งดูเหมือนว่าคนเขียนคนนี้ไม่ถนัดเรื่องยาวเท่าไหร่เพราะไอเดียไม่แปลกใหม่เท่าที่ควร(แม้จะมีหักมุมตอนจบ แต่ฉากจบเหมือนเศร้าๆ ไงไม่รู้) ทำให้จบเพียงสี่เล่มเท่านั้น (Kuroko มีความหมายคือนักแสดงที่แต่งชุดสีดำที่อยู่หลังฉากของละครคาบูกิครับ มีใครเคยเห็นไหม โดยพวกเขามีหน้าที่ช่วยเหลือนักแสดงหลักในเวที เช่น ย้ายฉาก เคลื่อนย้ายประกอบฉาก เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย โดยสาเหตุที่เขาแต่งกายเป็นสีดำนั้นก็เพื่อไม่ให้เป็นจุดเด่น บ่อบอกว่าพวกเขาจะมองไม่เห็นและไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินเรื่องบนเวที)

      

    Watashi wa Kagome (2005:สี่เล่มจบ) ลิขสิทธิ์วิบูลย์กิจ ชื่อไทยนี้ผมจำไม่ได้ เกี่ยวกับพี่เลี้ยงที่มีพลังวิเศษที่คอยปกป้องเด็กของนายจ้างจากปีศาจร้าย เป็นการ์ตูนจบในตอน เน้นปราบปีศาจส่วนใหญ่ ฟังพล็อตแล้วน่าสนุกใช่เปล่าครับ หากแต่ลายเส้นนี้ค่อนข้างไม่ดีเท่าไหร่ และเป็นผลงานที่ทึ่งมากจนผมไม่เชื่อสายตาตนเองเพราะผมดันเห็นว่า ผู้เขียน(หรือเนื้อเรื่องหว่าแต่ผมแปลว่า คนเขียนนี้) โดย Yousuke Takahash อึ่งสิครับตอนแรกผมนึกว่าคนละคน ตระโกนลั่นเลยว่านี้คือชื่อเดียวกับคนเขียน “ชั่วโมงเรียนพิศวง” หรือเปล่า นักเขียนที่ผมชอบแท้ๆ แต่ทำไมการ์ตูนเรื่องนี้ถึงไม่ได้สร้างความประทับใจให้ผมเลย เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่นั้นสามารถเดาตอนจบได้ ไม่ได้แปลกใหม่หรือหักมุมแต่อย่างใด เรียกได้ว่าเสียเครดิตเจ้าแห่งการ์ตูนหักมุมจบในตอนสุดๆ เอาเป็นว่าอยากรู้ว่าเหมือนที่ผมพูดไหมก็ลองไปดูที่ลิงค์ด้านล่างนะครับ

    http://www.thaimanga.net/view/185/watashi_wa_kagome/

       

    Mugen Shinshi  (??:สิบเล่มจบ) บ้านเรานิยามว่าคุณพี่สุดหล่อ หรือสุภาพบุรุษมุเก็น ที่หลายคนจำตัวละครนี้ได้ดีฐานะญาติของอาจารย์คงดังในชั่วโมงเรียนพิศวง(ความจริงพี่แกเป็นผลงานแรกๆ ของอาจารย์คนนี้นะครับ ไม่ได้ปรากฏชั่วโมงเรียนพิศวงครั้งแรก) และตัวละครนี้ก็มีซีรีย์ใหม่หลังจากผ่านไปถึง 20 ปี ซึ่งเป็นเรื่องราวของมุเก็นที่ไปคุ้มครองนายจ้างคนหนึ่งที่เป็นคุณหนูลูกคนรวย(แต่ไม่น่ารักเท่ายามางิชิ) ไม่รู้ทำไมหลายคนชอบตัวละครตัวนี้นัก เดาว่าบุคลิกตัวละครนี้มักไม่มีบทพลาดท่าเลยสักบท อีกทั้งรอยยิ้มเฉื่อยชาและแววตาเย้ยยัน(จนตัวละครบางตัวในเรื่องเกิดอาการหมั่นไส้) ฉลาดเหมือนรู้ไปหมดทุกเรื่อง อ่านใจคนเก่ง และการปรากฏตัวของเขาเหมือนกับอยู่ในโลกแห่งความฝันหรือภาพลวงตายังๆอย่างงั้น เนื้อหาในซีรีย์ใหม่นี้จะเน้นตัวเอกลูกคนรวยครับเขาต้องผจญกับอาการทางประสาทที่เขาไม่สามารถแยกโลกแห่งความจริงและโลกแห่งความฝันได้ ทำให้ดำเนินเหมือนจิตวิทยา จะมีสยองขวัญหักมุมเข้ามาแต่กระนั้นมันก็สู้ชั่วโมงเรียนพิศวง(1-5)ไม่ได้อยู่ดี ถ้าจะถามความคิดเห็นผมละก็ “เอายามางิชิของผมกลับคืนมา แง๊ๆ คิดถึงยามางิชิ”

    ความจริงนี้มุเก็นนั้นเป็นผลงานแรกๆ ของนักเขียนคนนี้นะครับ ในสมัยที่ยังไม่เลิกเขียนแนวสยองขวัญเลย มุเก็นภาพสมัยยังเป็นเด็กในชื่อ Mugen Shinshi (manga) และ Mugen Shinshi: Boken Katsugeki Hen (OAV) อ่านได้ที่ลิงค์ด้านล่าง(ภาษาไทย)

    http://higu-fc.com/forums/index.php?topic=3467.0

     

    Mononoke Soushi (2008:สองเล่มยังไม่จบ) เนื้อเรื่องล่าสุดของคนเขียนคนนี้ครับ ที่เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับนักปราบปีศาจที่หน้าตาเหมือนอาจารย์คุดัง แต่เธอไม่ใช้มนุษย์ธรรมดาเพราะเธอมีตาที่สามที่มือ เธอเดินทางไปทั่วประเทศญี่ปุ่นเพื่อปราบผีแต่บางครั้งเธอก็ช่วยผีแก้แค้นด้วย(โอ้!!) เนื้อหาก็ยังคงอยู่กับปราบผีปีศาจแหละครับ แต่ว่าดีขึ้นหน่อยตรงที่ยังมีหักมุมตลกขำบ้าง สังเกตว่าการ์ตูนเรื่องนี้มีฉากเชอร์วิสเยอะมากมาย แบบว่านางเอกเปลือยเยอะ อันนี้ถือว่าเป็นจุดขายของนักเขียนคนนี้ครับ และเรื่องนี้ยังคงเล่นอยู่กับเรื่องราวของจิตใจของคนที่เป็นตัวการที่ทำให้เกิดภูตผีปีศาจวิญญาณร้ายเช่นเคย(จบในตอนแต่เพิ่มจำนวนหน้าขึ้น 17-20 หน้าขึ้นไป) อ่านได้ที่ลิงค์ด้านล่าง(ภาพพิศวงดีนะครับ หวังว่าสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจจะสนใจ)

    http://www.mangafox.com/manga/mononoke_soushi/

      

    อันนี้เป็นผลงานล้อเลียนชั่วโมงเรียนพิศวงครับ โดยคนเขียนล้อได้ล้อเลียนด้วยลายเส้นของนักเขียนคนหนึ่งที่บ้านเราก็รู้จักกันดี(หรือนักเขียนคนนั้นมาวาดเองก็ไม่รู้) ลองไปดูน่ะครับว่าเหมือนไหม อ่านได้ที่ลิงค์ด้านล่าง

    http://chikuana.web.fc2.com/yousuke.html

       

    สรุป ความสนุกของชั่วโมงเรียนพิศวงคือความสยองขวัญที่ไม่มีเหตุผล ประมาณว่าวันๆ หนึ่งคุณไปเจอเรื่องประหลาดที่ลึกลับที่น่ากลัวและไม่เหมือนใครคุณจะทำอย่างไร? เช่นอยู่ดีๆ เพื่อนในโรงเรียนหันมาฆ่าคุณด้วยไม่มีเหตุผล อยู่ดีๆ เห็นเพื่อนตายต่อหน้าโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือจู่ๆ ไปเจอสัตว์ประหลาดร้องเมี้ยวๆ กลางถนน  ก่อนที่จะจบด้วยการหักมุม แต่สุดยอดที่สุดคือการ์ตูนเงียบของคนเขียนที่มีชั้นเชิงในการเล่าเรื่องที่ดูแล้วสามารถสื่อเรื่องราวทั้งหมดได้ นอกจากนี้ยังมี ภาพสยองบ้าพลัง ตัวละครในเรื่องน่ารัก ไอเดียแปลกๆ มากมายๆ นี้แหละคือความสนุกของการ์ตูนเรื่องนี้ แม้ปัจจุบันคนเขียนได้เปลี่ยนแนวเขียนไปบ้างโดยเน้นปราบปีศาจหรือเน้นพิศวงมากกว่าสยอง แต่สำหรับผมแล้วยังคงรอการกลับมาของยามางิชิและเรื่องพิศวงอยู่ทุกเมื่อเชื่อเวลา หวังว่าผู้เขียนจะกลับมาเขียนอีกครั้ง

                 + +

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×