ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตามรอยเรื่องลึกลับ

    ลำดับตอนที่ #35 : คนโบราณมีโอกาสเห็นไดโนเสาร์จริงหรือ ? (ตอนที่1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.34K
      2
      16 ส.ค. 51


    คนโบราณมีโอกาสเห็นไดโนเสาร์หรือเปล่า?

     

                    เออ อันที่จริงอาจไม่เกี่ยวกับสัตว์ลึกลับอะไรมากนะครับ แต่ว่าน่าจะเกี่ยวข้องนิดหน่อยตรงที่ ถ้าเราในสมัยก่อนเห็นไดโนเสาร์ตัวเป็นๆ ไม่ใช้กระดูกของมันแล้วนำมันมาสร้างสีสรรเติมแต่งเป็นสัตว์ในเทพนิยายต่างๆ เช่น กรีฟิน มังกร ไฮดรา ละก็ เชื่อได้ว่าสัตว์พวกนี้อาจมีจริงๆ ก็ได้ ในฐานะไดโนเสาร์

     

    ไดโนเสาร์ (Dinosaur)  มาจากภาษาละติน มีความหมายว่า สัตว์เลี้อยคลานที่น่ากลัว ดุร้าย (เป็นคำผสมจากภาษากรีก ว่า deinos ซึ่งแปลว่า น่าเกลียดน่ากลัว กับคำว่า sauros แปลว่า กิ้งก่า) คำว่าไดโนเสาร์เริ่มเรียกกันตั้งแต่ปี 1842 โดยนักชีววิทยาสัตว์โบราณชาวอังกฤษ ริชาร์ด โอเวนนักกายวิภาค วิทยา ชาวอังกฤษ ตั้งขึ้นเพื่อใช้เรียกสัตว์ชนิดหนึ่งที่ขุดพบในรูปของซากดึกดำบรรพ์ เป็น โครงกระดูกขนาดใหญ่  ความจริงแล้วมนุษย์เคยค้นพบกระดูก และรอยเท้าไดโนเสาร์มาเป็นเวลานานแล้ว เพียง แต่ว่าผู้คนยุคต้น ๆ นั้น คิดว่าเป็นซากดึกดำบรรพ์ของกิ้งก่า มังกรหรือแม้กระทั่งนกกาเหว่า ยักษ์

     

    มนุษย์และไดโนเสาร์ อยู่ในยุคเดียวกันหรือไม่ และอะไรเป็นหลักฐานแสดงยืนยันได้?

     

    ถ้าทฤษฏีวิวัฒนาการ บอกว่า "ไม่" จากข้อมูลที่สันนิฐานกันไว้ว่า ไดโนเสาร์มีมาประมาณ 70 ล้านปีก่อนมนุษย์จะเกิดมา

    น่าเสียดายที่ ทางด้านคริสเตียนจำนวนมาก ยอมตามความเชื่อนี้ นักเขียนคนหนึ่งเปิดเผยว่า "ถ้าไดโนเสาร์ เกิดขึ้นเมื่อ 200 ล้านปีก่อน อดัมและเอวา จะเกิดขึ้น ก็จะมีปัญหาทันทีกับสิ่งที่พระคัมภีร์ปฐมกาลได้บันทึกไว้" เพราะพระเจ้าสร้างสรรพสิ่งใน6วัน นั้นร่วมถึงไดโนเสาร์ และมนุษย์ด้วย (John Clayton, Teachers Manual - Does God Exist? Correspondence Course, p. 16)

    แต่ อะไรที่เป็นหลักฐานที่จะพิสูจน์ล่ะ?

    การพิจารณาในด้านพระคัมภีร์

    ในพระคัมภีร์ได้บอกเราถึงการทรงสร้างอย่างชัดเจน ในหลายๆตอน พระเจ้าใช่เวลาสร้างโลก6วัน นั้นคือทุกสรรพสิ่ง และสร้างขึ้นตามชนิดของมัน เป็นที่แน่ชัดและขัดกับผู้ที่เชื่อทฤษฏีวิวัฒนาการ ที่มีช่วงเวลาเนินนานในการสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้น กว่าจะลงตัวเกิดมีสิ่งมีชีวิตขึ้นมาได้ แต่พระเจ้าทรงสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้น ตามชนิดของมัน ไม่มีความบังเอิญใดๆ ในการทรงสร้างให้เกิดสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ

    (ปล.ผมไม่มีความรู้เรื่องพระคัมภีร์นะครับ อาศัยดูข้อมูลเขามา)

     

    1. ในไบเบิ้ลเขียนไว้ว่า พระเจ้าสร้างโลก ใน 6วัน (อพยพ 20:11 )

    "..เพราะ ใน หก วัน พระเจ้า ทรง สร้าง ฟ้า และแผ่นดิน ทะเล และ สรรพสิ่ง ซึ่ง มี อยู่ ใน ที่ เหล่า นั้น แต่ ในวัน ที่ เจ็ด ทรง พัก ... " และนี้ก็ร่วมทั้งไดโนเสาร์ และมนุษย์ด้วย

    และใน

    ปฐมกาล 1:21 //      พระเจ้าทรงสร้างสัตว์ทะเลขนาดใหญ่และสัตว์ที่มีชีวิตนานาชนิดซึ่งแหวกว่ายอยู่ในน้ำเป็นฝูงๆตามชนิดของมันและนกต่างๆตามชนิดของมันพระเจ้าทรงเห็นว่าดี..

    ปฐมกาล 1:24 //      พระเจ้าตรัสว่า"แผ่นดินจงเกิดสัตว์ที่มีชีวิตตามชนิดของมันคือสัตว์ใช้งานสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ป่าตามชนิดของมัน"ก็เป็นดังนั้น..

     

    2. พระเยซูทรงยืนยัน ถึงการทรงสร้างใน มาระโก 10:6

    "แต่ ตั้ง แต่ เดิม สร้าง โลก พระเจ้า ได้ ทรงสร้าง มนุษย์ ให้ เป็น ชาย และ หญิง .. "

    ประโยคนี้บอกเราถึงการทรงสร้างที่มีมาแต่เดิม มีมนุษย์ตั้งแต่เริ่มต้น มิใช่ว่า มนุษย์ปรากฏขึ้นมาหลังจากที่ไดโนเสาร์สูญพันธ์ไปแล้ว มนุษย์ได้อยู่ในโลกตั้งแต่แรกสร้างโลก

     

    3. พระเจ้าให้มนุษย์ครอบครองสิ่งที่ทรงสร้างต่างๆบนแผ่นดินโลก

    ปฐมกาล 1:26  แล้ว พระเจ้า ตรัส ว่า "ให้ เรา สร้าง มนุษย์ตาม ฉายา ตาม อย่าง ของ เรา ให้ ครอบครอง ฝูง ปลา ใน ทะเล ฝูง นก ในอากาศ และ ฝูง สัตว์ ให้ ปกครอง แผ่นดิน ทั่วไป และ สัตว์ ต่างๆ ที่เลื้อยคลาน บน แผ่นดิน" .. นี้เป็นเหตุผล ที่ทำให้เราได้เห็นว่า ไดโนเสาร์ก็อยู่ในการทรงสร้างและมนุษย์ก็มีสิทธิอำนาจเหนือมัน

     

    แปลได้ไงเนี้ยว่ามีไดโนเสาร์เฉยเลย(ผมไม่เห็นคำว่าสัตว์ประหลาดหรือไดโนเสาร์สักคำ เห็นแต่สัตว์เลื้อยคลาน)

     

    ช่างเถอะ มีต่อนะครับ

     

    เบเฮโมท และเลวีอาธาน ในพระธรรมโยบ

    เหมือนว่าจะมีการพูดถึงไดโนเสาร์ ในพระธรรมโยบ

    โยบ เป็นบุคคลที่ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างมาก โยบถูกทดสอบ ด้วยความทุกข์อย่างหนัก ซึ่งเราได้เห็นชัยชนะที่โยบทำได้ และพันธสัญญาของพระเจ้า ที่มีต่อโยบ ในโยบบทที่ 38-41 เราจะได้เห็นตัวอย่างของธรรมชาติที่พระเจ้าทรงสร้าง และในบทที่ 40 ตั้งแต่ข้อ15-24 พูดถึงสัตว์ชนิดหนึ่งที่พระคัมภีร์เรียกว่า เบเฮโมท กินหญ้าเหมือนวัว มีกล้ามเนื้อท้องที่แข็งแรง มีหางที่แข็งแกร่ง กระดูกแรงขาก็เหมือนท่อนเหล็ก อาศัยในน้ำได้ (มีทฤษฏีที่เข้าใจว่า เป็น ฮิปโปโปเตมัส)

     di_hum_002.jpg

    ภาพ: ภาพเขียนจากพระธรรม อิสยา27:1 กล่าวถึงเลวีอาธาน (Leviathan)

     

    ในพระธรรมโยบก็กล่าวถึงเลวีอาธานด้วยนะครับ ซึ่งมันก็ปรากฏตามตำนานโบราณ เจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้ก็อาศัยอยู่ในท้องทะเลมาแต่ไหนแต่ไร แถมยังมีชื่อเสียงในเรื่องของการจมเรือมานักต่อนัก จนกลายเป็นเรื่องเล่าขานกันในยุคเก่าของนักเดินเรือแถบยุโรปบางท้องที่ ที่เปรียบเลเวียอาธารตนนี้ดังเช่นฝันร้ายแห่งท้องทะเล ที่หากวันไหนดวงดีไปเจอเข้า ก็หมายถึงทุกชีวิตบนเรือจะต้องเตรียมตัวเปียกน้ำกันหนใหญ่

    ส่วนลักษณะของมันไม่มีใครมีโอกาสพบเห็น แต่ในพระธรรมบรรยายตัวมันไว้ ในบทที่41

    ใน โยบ3:8 ตรงหมายเหตุ)บทที่41 บรรยายลักษณะของเลวีอาธานไว้ว่าเป็นสัตว์ที่น่ากลัวมาก มีโครงสร้างที่แข็งแกร่งและสวยงาม ผิวหนังเหมือนเป็นเสื้อเกราะสองชั้น มีฟันที่น่าสยดสยอง ที่หลังมีเกล็ดที่เรียงเป็นแถวเหมือนโล่ห์ ปากพ่นไฟได้ มีควันออกทางจมูก หัวใจของมันแข็งแกร่งอย่างหิน ไม่ว่าหอกหรือดาบก็ทำอะไรมันไม่ได้ สำหรับมันเหล็กก็เป็นเหมือนฟางข้าว มันทำให้ทะเลเดือดได้ ตัวมันสูงใหญ่ เพราะมันเห็นทุกอย่างจากความสูงของมัน

    แต่กระนั้นเลวีอาธานก็มีอันก็ตายจนได้เมื่อพระเจ้าทรงเห็นว่ามันเป็นภัยต่อมนุษย์มากเกินไปเลยต้องปราบ โดยในบทของเพลงสดุดีที่ 74:14 ซึ่งมีเนื้อความว่าพระองค์ทรงทุบหัวทั้งหลายของเลเวียอาธานเป็นชิ้นๆ พระองค์ประทานมันให้เป็นอาหารของคนที่อาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดาร

     

    ถ้าสมมุติเราเชื่อว่าเบเฮโมท และเลวีอาธานมีตัวตนอยู่จริงๆ นั้นแสดงให้เห็นว่าคนโบราณเห็นไดโนเสาร์จริงหรือ?

     

    หลักฐานสมัยใหม่

    ในปี ค.ศ.1970 หนังสือพิมพ์ รายงาน การค้นพบ ภาพเขียนสีภายในถ้ำ ลักษณะของภาพเป็นรูปสัตว์ขนาดใหญ่ อยู่ภายในถ้ำประเทศซิมบัพเว (Zimbabwe) ภาพเขียนสีนี้ น่าจะมีอายุ 1500 ปีก่อนคริสตกาล มีการเทียบเคียงมันกับช้างและยีราฟ ที่อยู่ในภาพ และเข้าใจว่าเป็น Apatosaurus (ไดโนเสาร์ขนาดใหญ่) ภาพเขียนนี้ เป็นจิกซอที่สำคัญทางวิทยาศาสตร์ เพราะมันได้บันทึก ชีวิตจริงไว้

     di_hum_003.jpg

    ภาพ: ภาพเขียนสีในถ้ำ 1500 ปีก่อนคริสตกาล

     di_hum_004.jpg

    ภาพ: ภาพเขียนสีในถ้ำ 1500 ปีก่อนคริสตกาล

    (ข้อมูลจาก Bible-Science Newsletter, 15 เมษายน 1970, หน้า. 2)

     

     di_hum_005.jpg

    ภาพ: ซ้าย เป็นภาพของApatosaurus ขวาเป็นภาพของ T-rex

    ประมาณ 70 ปีมาแล้ว Dr. Samuel Hubbard หัวหน้าพิพิธภัณฑ์โบราณคดี ใน Oakland (แคริฟฟอเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา) ค้นพบ ไดโนเสาร์ ภาพแกะสลักบนพนังถ้ำ ที่ Hava Supai Canyon ในอริโซนา ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับ Tyrannosaurus (หรือที่เรารู้จักกันในนาม T-rex) ทำให้เราเห็นความสัมพันธ์ระหว่าง มนุษย์และไดโนเสาร์ที่อยู่ในยุคเดียวกัน

    di_hum_006.jpg
                    ภาพ: บนพนังถ้ำ มีลักษณะคล้าย
    T-rex

     

    ข้อมูลเพิ่มเติมภาพเขียนสี ที่ http://www.creationism.org

     

    การค้นพบที่แม่น้ำPaluxy

     di_hum_007.jpg

    ภาพ : การค้นพบรอยเท้ามนุษย์ และไดโนเสาร์ในยุคเดียวกัน

     

    เมื่อรายการ discovery ออกอากาศการค้นพบ ร้อยเท้ามนุษย์ และรอยเท้าของไดโนเสาร์ ปรากฏร่วมกันในพื้นที่เดี่ยวกัน ที่แม่น้ำPaluxy ใกล้กับ Glen Rose ในรัฐเท็กซัส ในปี คศ.1939 ในช่อง Natural History ก็ได้สร้างความสนใจอย่างมากจนทุกวันนี้ ทำให้ผู้ชมได้พบเห็นหลักฐานการคงอยู่ของมนุษย์และไดโนเสาร์ในยุคเดียวกัน

    สำหรับคนที่เชื่อ ทฤษฎีวิวัฒนาการ นี้คงเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่งจากหลายชิ้น ถึงการทรงสร้างของพระเจ้า แต่ก็มีความพยายามจากผู้ที่เชื่อในทฤษฏีวิวัฒนาการ เพื่อพยายามพิสูจน์ว่า รอยเท้าดังกล่าวนั้นไม่ใช่มนุษย์

     di_hum_008.jpg

    ภาพ: มีรอยอยู่เป็นจำนวนมาก ทีแสดงให้เห็นความเกี่ยวข้องระหว่าง ไดโนเสาร์และมนุษย์

     

    ข้อมูลการค้นพบรอยเท้ามนุษย์ และไดโนเสาร์ที่ ที่แม่น้ำPaluxy เพิ่มเติ่มที่ http://www.bible.ca

     

    จากทั้งหมดทำให้เราได้เห็นช่วงเวลาที่น่าถูกต้องตามพระคัมภีร์คือ การคงอยู่ของไดโนเสาร์นั้นมีจริงและคงอยู่มาตั้งแต่แรกสร้างโลก พร้อมกับที่มนุษย์ได้อยู่ในโลกใบนี้

     

    หึๆ ของเขาจบไปแล้วแต่สำหรับผมมันไม่จบ เพราะมีเบิ้ลอีก 2 ตอน เพราะยังมีหลักฐานต่างๆ นาๆ ที่ทำให้เกิดความเชื่อว่า คนโบราณเห็นไดโนเสาร์จริงในตอนต่อไปครับ

     

    http://weareimpact.com/news/show_news.php?subaction=showfull&id=1142362468&archive=&temp

     

    (ติดตามตอนต่อไป+ +)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×