ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้ครั้งแรกก็ในห้องสมุดโรงเรียนประถมนั่นแหละ แต่ที่ได้อ่านครั้งนั้นมันใช้ชื่อว่า “พ่อมดแห่งเมืองมรกต” ฉันไม่รู้หรอกว่าหนังสือเล่มนั้นมาอยู่ในห้องสมุดโรงเรียนตั้งแต่ครั้งไหน ปกถูกเย็บใหม่และสีสันของมันก็ไม่สะดุดตาอะไรเลยเขียวๆ ทึมๆ ก็จะเอาอะไรมากกับแค่โรงเรียนประถมเล็กๆ ในชนบท มีหนังสือให้อ่านนี่ถือว่าดีมากอยู่แล้ว และแค่เห็นชื่อเรื่องมันก็สามารถดึงดูดเด็กหญิงเช่นฉันได้อยู่แล้วล่ะ ใครจะไปสนว่ารูปภายนอกจะเป็นเช่นไร เนื้อหาข้างในนั่นต่างหากที่น่าค้นหายิ่งกว่า
ข้างในกระดาษกลายเป็นสีเหลืองไปหมดแต่ภาพประกอบที่แสนน่ารักก็ยังคงอยู่ ตัวหนังสือก็ยังคงชัดเจน บทที่ ๑ พายุไซโครน ทันทีที่ตัวหนังสือวิ่งเข้าสู่สายตาฉันก็ไปอยู่กับ ‘โดโรธี’ เรียบร้อยแล้ว ฉันใช้เวลาสำหรับการอ่านหนังสือเล่มนี้ 3-4 วัน ประมาณนั้นในเวลาช่วงพักกลางวัน เป็นหนังสือเล่มแรกเป็นเรื่องแรกที่เป็นเรื่องยาวสำหรับเด็กคนหนึ่งที่ได้อ่าน ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีขณะที่วางหนังสือเพื่อไปเรียนในช่วงบ่าย
หัวใจของฉันมันไม่ได้อยู่ที่ครูผู้สอนอยู่หน้าห้องเรียนแม้แต่น้อย มันคอยแต่จะคิดถึงเรื่องการเดินทางของโดโรธีอยู่เรื่อย และก็ยังคิดต่อไปอีกว่าตอนที่เราไม่ได้เปิดอ่านโดโรธีจะเดินทางไปถึงไหนแล้ว คุณเคยเป็นแบบนี้ไหมเมื่อคราวเป็นเด็ก เคยคิดไหมว่าตอนที่เราไม่ได้อ่านเรื่องราวเหล่านั้นมันจะยังคงดำเนินของมันไปเองรึเปล่า...?
มาคิดดูตอนนี้ขณะนั้นฉันคงเป็นเด็กที่แปลกน่าดู ช่วงพักกลางวันหลังจากกินข้าวแล้วแทนที่จะไปวิ่งเล่นกับเพื่อนฉันกลับมาขลุกอยู่ในห้องสมุด ก็มันเรื่องอะไรที่จะทำให้ตัวเองเหงื่อออกโดยการวิ่งเล่นในช่วงเที่ยงเล่าว่ามั้ย ฉันคิดของฉันอย่างนั้นด้วย แต่อันที่จริงเพราะฉันชอบอ่านหนังสือมากกว่านั่นเอง ก็เมื่ออ่านหนังสือมันกลับมาเราเดินทางไปในอีกดินแดนหนึ่งนี่นา และมันก็น่าสนุกกว่ากันตั้งเยอะ
พ่อมดมหัศจรรย์แห่งออซ เป็นเรื่องราวการเผชิญภัยของหนูน้อย ‘โดโรธี’ ซึ่งถูกพายุไซโครนหอบพัดไปพร้อมเจ้าหมาน้อยชื่อ ‘โตโต้’ขณะอยู่ในบ้าน แล้วก็ให้บังเอิญตกไปในดินแดนมหัศจรรย์และก็ให้บังเอิญอีกนั่นแหละที่บ้านหลังนั้นกลับหล่นไปทับเอาแม่มดแห่งทิศตะวันออกเข้า (เป็นแม่มดไม่ดี) กลายเป็นว่า โดโรธีมีความดีความชอบที่ช่วยปลดปล่อยชาว ‘มันชกินส์’ ซึ่งตกเป็นทาสของแม่มดผู้นั้นมาหลายปี หนูน้อยโดโรธีเลยได้รองเท้าเงินของแม่มดผู้นั้นมา โดโรธีอยากกลับบ้านแต่ไม่รู้ต้องทำยังไง แม่มดทางทิศเหนือ (แม่มดดี) เลยบอกให้โดโรธีเดินทางไปยังเมืองมรกตซึ่ง ‘ออซ ’ปกครองอยู่ ออซคงช่วยให้โดโรธีกลับบ้านได้
และก็เพราะการเดินทางไปยังเมืองมรกตของโดโรธีนี่แหละ ทำให้เด็กหญิงพบเจอกับ
หุ่นไล่กา ผู้อยากได้สมอง
ชายตัดไม้ดีบุก ผู้อยากได้หัวใจ
สิงโต ผู้อยากได้ความกล้าหาญ
ทั้งหมดจึงร่วมเดินทางผจญภัยไปด้วยกันเพื่อพบออซผู้ยิ่งใหญ่ โดยหวังว่าความต้องการของพวกเขาทั้งหมดจะเป็นจริงได้
สุดท้ายเมื่อเหล่าสหายทั้งหลายไปถึงเมืองมรกตจริงๆ กลับพบว่าออซผู้ยิ่งใหญ่กลายเป็นเพียงชายแก่ผู้หลอกลวง เขาเป็นเพียงคนธรรมดาซึ่งพลัดหลงเข้ามาในดินแดนนี้เช่นเดียวกับโดโรธีเท่านั้นเอง
มีประโยคในเรื่องสำหรับเด็กเล่มนี้ที่ทำให้ฉันประทับใจเช่นตอนที่หุ่นไล่กาพูดกับโดโรธี
“ฉันไม่เข้าใจเลย ทำไมเธอจึงอยากจากดินแดนอันงดงามแห่งนี้กลับไปยังดินแดนที่หม่นหมอง แห้งแล้ง ที่เธอเรียกว่าแคนซัส
“นั่นเพราะเธอไม่มีสมอง” เด็กหญิงตอบ
“ไม่ว่าบ้านจะยากจนหม่นหมองเพียงใด เราผู้คนที่มีเลือดเนื้อก็อยากอยู่ที่นั่นมากกว่าในแดนใด แม้จะงดงามเพียงไรก็ตาม ไม่มีที่ไหนเหมือนบ้านหรอก”
“เธอให้มันสมองฉันไม่ได้หรือ” หุ่นไล่กาถาม
“เธอไม่ต้องการมันหรอก เธอเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างทุกวัน ทารกก็มีมันสมองแต่เขาไม่รู้เองนะ ประสบการณ์เป็นสิ่งเดียวที่จะนำมาซึ่งความรอบรู้ และเธออยู่ในโลกนี้นานเท่าไร เธอก็จะมีประสบการณ์มากขึ้นเท่านั้นแน่ๆ”
“แต่ความกล้าหาญของฉันล่ะ” สิงโตถาม
“เธอมีความกล้าหาญเยอะแยะฉันแน่ใจทีเดียว สิ่งที่เธอต้องการคือความมั่นใจในตนเอง ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่จะไม่ตกใจกลัวเมื่อเผชิญอันตราย ความกล้าหาญที่แท้จริงคือการเผชิญอันตรายนั้นแม้เมื่อเธอกลัว และความกล้าหาญชนิดนั้นเธอก็มีอยู่ล้นเหลือแล้ว”
“แล้วหัวใจฉันล่ะ” ชายตัดไม้ดีบุกถาม
“ฉันคิดว่าเธอคิดผิดที่ต้องการหัวใจ มันทำให้คนส่วนมากไม่มีความสุข ถ้าเพียงแต่เธอจะรู้ เธอนั้นโชคดีที่ไม่มีหัวใจ”
“นั่นเป็นเรื่องของแต่ละความเห็น สำหรับฉันเอง ฉันจะทนกับความไม่เป็นสุขทั้งหมดโดยไม่บ่นเลยถ้าหากเพียงเธอจะให้หัวใจฉัน”
เพราะแท้จริงแล้ว สิ่งที่พวกเขาตามหากลับอยู่กับพวกเขามาแล้วแต่ต้นนั่นเอง ฉันคิดว่าหนังสือสำหรับเด็กเล่มนี้มีอะไรน่าค้นหามากมายนอกจากความสนุกสนานยามเมื่ออ่านตอนเป็นเด็ก กับสิ่งที่ฉันค้นพบเมื่อตอนโตขึ้น สำหรับฉันไม่มีหนังสือเล่มไหนไร้ซึ่งประโยชน์ฉันคิดของฉันอย่างนี้นะ อย่างน้อยที่สุดมันก็น่าจะสะกิดต่อมความคิดของเราได้บ้างล่ะหากเราอ่านและทำความเข้าใจกับมันได้เพียงพอ(นอกเหนือจากความสนุกสาน)
ส่วนโดโรธีของเราเธอมีรองเท้าเงินอยู่แล้วนี่แม่มดกลินดาบอก
“รองเท้าเงินมีอำนาจมหัศจรรย์ และสิ่งที่น่าประหลาดที่สุดคือจะนำเธอไปยังสถานที่ใดในโลกนี้ได้ด้วยก้าวเท้าเพียงสามก้าว ที่ต้องทำเพียงแค่เคาะส้นมันพร้อมกันสามครั้งและออกคำสั่ง รองเท้าจะพาเธอไปยังสถานที่ซึ่งเธอปรารถนาจะไป”
และแล้วร้องเท้าเงินหลุดไปตอนที่โดโรธีบินผ่านอากาศไปยังแคนซัส และ...หากคุณเก็บมันได้ เคาะส้นมันพร้อมกันสามครั้งและออกคำสั่ง...คุณปรารถนาจะไปที่ไหนกันบ้างเอ่ย...
ความคิดเห็น