บทที่ 33 การเคลื่อนไหวในเงามืด
100 %
ระวัง !!!
ท่านจะเผลอกรี๊ดกับสิ่งที่ท่านอ่าน
วงเล็บ ตอนท้าย ๆ น่านแหละ...คุณจะได้กรี๊ดกับความน่าร้ากของเจ้าชายหนุ่ม
เวลาเช้าตรู่
“ อืม….. ” เสียงวอดก้าครางหนัก ๆ เมื่อรู้สึกถึงแรงรัดที่ดึงเข้าหาไออุ่น อากาศที่เย็นภายในห้องสร้างความหนาวพอสมควร เสียงกริ๊งเบา ๆ ของนาฬิกาปลุกทำให้นัยน์ตาสองคู่ลืมตาพรึ่บอย่างไร้ซึ่งอาการง่วงงุน
วอดก้าที่ตอนนี้อยู่ในสภาพที่พาราไดซ์กอดไว้แนบแน่นเพื่อให้ซุกเข้าที่ตัวเช่นเดียวกับมือเรียวข้างหนึ่งของเขาที่ประสานกับมือของเจ้าชายหนุ่มเอาไว้ ครั้งนี้ทั้งสองไร้ซึ่งอาการตกใจ พากันยันกายขึ้นช้า ๆ โดยสังเกตุเห็นเตียงซึ่งยังถูกวางไว้ติดกันเนื่องจากกว่าเมื่อวานพวกเขาทั้งคู่จะเคลียร์ประชุมสภาเพื่อแบ่งงานเสร็จก็ปาไปเกือบเที่ยงคืน พออาบน้ำเสร็จก็ล้มตัวลงนอนทั้งที่เตียงติดกันทั้งอย่างนั้นแหละ
ด้านวอดก้าก็ไม่คิดอะไรมากอยู่แล้วเพราะยังไงเจ้าตัวก็ไม่คิดถึงความไม่ดีงามที่หญิงชายนอนติดกัน เพียงคิดว่าตอนนี้ตนเองอยู่ในร่างผู้ชาย จะนอนติดกันก็ไม่เห็นเป็นเรื่องเสียหาย ยิ่งอีกฝ่ายเป็นเจ้าชายหนุ่มอยู่แล้ว เขาจึงไม่คิดว่าอยู่ดี ๆ เจ้าชายรัชทายาทของทริสทอร์จะมาพิศวาสเขาหรอก
เช่นเดียวกับพาราไดซ์ ซึ่งเมื่ออีกฝ่าย เพื่อนร่วมห้องเขาไม่สนใจที่จะแยกเตียงนอน แล้วทำไมคนอย่างเขาต้องสนใจด้วย จะนอนก็นอนไปเลยเพราะถ้าเขาร่ายเวทเพื่อแยกเตียงก็จะกลายเป็นทำตามความต้องการของนักบวชเพื่อนร่วมห้องแถมทำให้เขาเสียแรงฟรีอีกต่างหาก
ด้วยความคิดของทั้งคู่ ต่างคนจึงต่างตื่นขึ้นมาโดยอยู่ในอ้อมกอดซึ่งกันและกัน โดย……..คิดเอาไว้แล้ว แต่ก็ไม่คิดจะสนใจ……ซะงั้นไป ( แต่ไรท์เตอร์ชอบบบบบ ^///^ )
วอดก้ารวบเส้นผมสีเงินที่ยาวสยายให้ผูกทบครึ่งหัวง่าย ๆ แล้วหันไปบอกเจ้าชายหนุ่มเสียงเริงร่าตามปกติ
“ คุณอาบน้ำก่อนเลยนะครับ เดี๋ยวผมจะไปให้อาหารปลา ” วอดก้าว่าแล้วเดินไปหยิบอาหารในห้องครัว เดินลิ่ว ๆ ไปส่วนนั่งเล่นพร้อมกับนั่งย่อ ๆ โปรยอาหารให้ปลาสีทองและสีเงินที่ว่าบเข้ามากินอาหารอย่างสุขใจ
พาราไดซ์ก็ไม่แม้แต่จะปรายตามอง ลุกขึ้นหยิบผ้าเช็ดตัวและเสื้อนักเรียนเข้าไปในห้องน้ำเงียบ ๆ แต่เพียงแวบหนึ่งที่เจ้าของนัยน์ตาสีส้มไม่รู้ตัว นัยน์ตาสีม่วงคมมองรอยยิ้มมีความสุขของนักบวชหนุ่มที่ให้อาหารปลาอยู่ด้วยนัยน์ตาเรียบนิ่ง
สิบนาทีต่อมา
แอ๊ด !!!
เสียงประตูห้องน้ำที่เปิดขึ้นทำให้วอดก้าหันไปมองด้วยความว่องไวพร้อมคำพูดที่กล่าวพร้อม ๆ กัน
“ เสร็จแล้วหรือครับ รู้สึกว่า……” คำพูดในลำคอของนักบวชหายไปในลำคอเมื่อเห็นใบหน้าของเพื่อนร่วมห้องชัดเจน เจ้าชายหนุ่มออกมาด้วยหยาดน้ำที่เส้นผมซึ่งขับเน้นให้ใบหน้าเย็นชาดูเซ็กซี่จนน่าใจสั่นแม้แต่กับวอดก้า แต่เพียงแวบเดียว อารมณ์ของเขาก็กลับมาเป็นปกติดั่งเดิม
เขาเดินเข้าไปอาบน้ำต่อเงียบ ๆ โดยไม่ได้พูดอะไรซึ่งพาราไดซ์ก็ไม่ได้เอ่ยรับ เพียงเดินไปจัดตารางสอนตามปกติ
สักพักวอดก้าก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดเรียบร้อยเหลือเพียงใส่เสื้อคลุมประจำพอ เขาหันไปเหลือบมองดูนาฬิกา
04 ; 59 A.M.
“ อืม…..” วอดก้าทำหน้าครุ่นคิด ยิ้มกริ่มพลางนับถอยหลังเบา ๆ โดยเริ่มมีสายตาสนใจเล็กน้อย ( ย้ำว่าเล็กน้อย ) จากชายหนุ่มอีกคนให้หันมามอง
“ 3…..2…..นะ ”
ปึง !!!
“ วอดก้าน้องรัก ” ร่างของรุ่นพี่หนุ่มคนหนึ่งซึ่งมีเรือนผมสีม่วงคุ้นตากระโดดขึ้นที่นอนของเจ้าของห้อง หากแต่นัยน์ตาสีเงินคมก็ทำหน้าสงสัยเมื่อสัมผัสถึงความนิ่มของเตียง แทนที่จะเป็นร่างของรุ่นน้องคนโปรด
“ อยู่นี่ครับ…..อรุณสวัสดิ์ตอนเช้าครับ รุ่นพี่ ” วอดก้าเอ่ยทักรุ่นพี่หนุ่มเสียงใส มือข้างหนึ่งคว้าเอกสารที่โต๊ะทำงานเพื่อเตรียมตัวนำไปส่งมอบเช่นเดียวกับของเจ้าชายหนุ่มที่มีเอกสารมากกว่าเล็กน้อยในมือ
“ ว้า….รู้ทันอย่างนี้ก็ไม่สนุกน่ะสิ ” เทรนร้องขึ้นอย่างเสียดายหากแต่นัยน์ตาเต็มไปด้วยความถูกใจกับความฉลาดและรู้ทันของผู้เป็นรุ่นน้อง หากแต่อีกความคิดก็ดังขึ้น
แต่ยิ่งฉลาด……ก็ยิ่งน่าแกล้ง
วอดก้าหรี่นัยน์ตาลงกับสายตาไม่ชอบมาพากลของผู้เป็นรุ่นพี่หากแต่เทรนก็กลบเกลื่อนด้วยการชักชวนรุ่นน้องทั้งสองไปที่สภา
“ จะเอาเอกสารไปส่งใช่ไหม งั้นรับไปเถอะวอดก้า ไดซ์ เวลาไม่เคยคอยใครนะ ” เทรนว่า ดันหลังพวกเขาให้ก้าวนำแล้วเดินตาม แต่เพียงแป็บเดียวก็มายืนข้าง ๆ ชวนคุยกันอย่างสนุกสนาน
“ นี่ไดซ์จัง ถ้าไม่พูดบ้าง เดี๋ยวสาว ๆ ก็หนีนะ ”
“ … ”
“ นี่ไดซ์จัง ไม่เบื่อบ้างหรอก ทำแต่หน้าเรียบ ๆ เดี๋ยวสักวันหน้าก็กลายเป็นกระดาษหรอก ”
“ … ”
“ นี่ ๆ ตกลงนายเป็นใบ้เหรอเนี่ย น่าเสียดายประชากรชายบนโลกแฮะ ”
“ … ”
“ อุ๊บ…คิก ” วอดก้าที่กลั้นหัวเราะไม่อยู่พยายามหยุดเสียงหัวเราะจนร่างสั่นกึก ๆ พยายามทำไม่เห็นสายตาเย็นชาของคนที่มองมา นึกขำรุ่นพี่หนุ่มที่กล้าพูดปาว ๆ ไม่กลัวร่างสูงของคนข้างกายสักนิด
หากแต่เรื่องที่ได้พูดคุยกับราฟาเอลเมื่อคืนก็ย้อนกลับเข้ามาในหัว ทวีความปวดหัวมากกว่าเดิม
“ วันเสาร์กับอาทิตย์จะให้พวกเราร่วมกิจกรรมที่โรงเรียนของวิเวียย่างั้นหรือ ” เสียงวอดก้าเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจจากสิ่งที่ได้ฟังโดยราฟาเอล ด้านหลังมีวิสกี้ จิน รัมและเตกีล่ายืนทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่
“ คงหมายถึง ‘ กิจกรรมวัลฮัลน่า ’ ของโรงเรียนที่นักเรียนทุกคนต้องเข้าร่วมวันเสาร์กับอาทิตย์หน้าซินะ ” เตกีล่าพูดขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะข่าวสารที่ได้รับรู้ก่อนเรียกความสนใจจากทั้งหมด ราฟาเอลพยักหน้าแล้วพูดเสียงราบเรียบ
“ ตอนนี้วิเวียย่าใช้เวทหุ่นจำแลงในการสร้างร่างของพวกเธอให้ไปเรียบตามปกติเพื่อไม่ให้นักเรียนบางคนสงสัย แต่ในกิจกรรมนี้จำเป็นต้องใช้เงมนตร์และทักษะบางอย่างที่หุ่นจำแลงทำไม่ได้ พวกเธอจึงต้องเข้าไปร่วมกิจกรรมเพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย ”
“ ไม่ร่วมไม่ได้เลยหรือคะ ” วิสกี้ถามอย่างมีความหวัง ตอนนี้ทั้งหมดยังอยู่ในร่างชายหนุ่มเช่นเดิมเพื่อความปลอดภัย หากแต่ราฟาเอลก็ส่ายหน้า
“ ไม่ได้เลย ไม่ต้องห่วง วันเสาร์-อาทิตย์ของโรงเรียนเราจะให้นักเรียนออกไปเที่ยวคลายเครียดได้ ไม่ต้องกลับมาที่โรงเรียนก็ได้เพียงแต่วันอาทิตย์ในตอนเย็นต้องไปรายงานตัวเท่านั้นเอง ” ราฟาเอลบอก
“ งั้นก็ได้ แล้วเรื่องคนที่บุกรุกโรงเรียนนายล่ะ เรียบร้อยหรือยัง ” วอดก้าหมายถึงคนที่เข้ามาโจมตีโรงเรียนของคนตรงหน้าในระหว่างการสอบซึ่งคนเป็นเจ้าของโรงเรียนก็พยักหน้าช้า ๆ
“ อืม……เรียบร้อยแล้ว คิดว่าเป็นพวกเดียวกับคนที่โจมตีเธอ ช่วงนี้มันเงียบ ๆ ไป ยังไงก็ระวังตัวหน่อยล่ะกัน อ้อ…..บางวิชาฉันจะแจ้งไปยังอาจารย์บางคนเพื่อให้สะดวกกับการปลอมตัวหรือใช้พลังของพวกเธอนะ ”
“ งั้นก็ขอบใจ / ขอบคุณ ” จากนั้นทั้งหกก็ร่วมปรึกษาหารือเรื่องการวางมาตราการป้องกันโรงเรียนและการปกปิดตนในทุกวิถีทางซึ่งราฟาเอลก็แนะนำแบบย่อ ๆ ไปเรียบร้อย ทีนี้ พวกวอดก้าก็พากันเตี๊ยมเรื่องพูดเอาไว้เวลาคนอื่นมาถามประวัติกันเอง จากนั้นจึงแยกย้ายกันไปส่วนวอดก้าไปเข้าประชุมกับพาราไดซ์แล้วจึงเข้านอน
“ วอดก้า…เฮ่….วอดก้า ” เสียงของเทรนที่เรียกข้างหูทำให้เขาที่กำลังเหม่อ ๆ ครุ่นคิดสะดุ้งเล็กน้อย มีสายตาสงสัยของรุ่นพี่หนุ่มมองมาแต่วอดก้าก็ถามกลับด้วยน้ำเสียงปกติ
“ มีอะไรหรือเปล่าครับ ? ” เทรนทำหน้าข้องใจแล้วปรับสีหน้าให้กลับเป็นเหมือนเดิมแล้วบอกใสเสียง
“ เนียร์อยากเจอนายน่ะสิเลยอยากให้ไปหาหน่อย อีกอย่าง คนในสภาอยากพึงบุญขนมทั้งหลายทั้งแหล่ของนายที่มีให้ไม่หมดนั่นแหละ ”
“ อ้อ…..ได้ครับ ” นักบวชหนุ่มพยักหน้าอย่างเข้าใจพลางหยุดยืนพร้อมพาราไดซ์ เมื่อเทรนหยุดที่หน้ากำแพงเปล่า ๆ เจ้าตัวหันมายิ้มกริ่มเล็กน้อยที่สร้างความไม่ไว้ใจให้ทั้งสองก่อนเทรนจะกดลงไปที่อิฐก่อนหนึ่ง
ครืน
“ แค่เสียงก็ไม่น่าไว้ใจแล้วแฮะ ” วอดก้าคิดในใจและเพียงวูบเดียว เท้าที่ทั้งสามยืนอยู่ก็กลายเป็นยืนอยู่กลางอากาศ…….เพราะพื้นที่เลื่อนลง
“ ! ” สองรุ่นน้องออกอาการตกใจนิด ๆ เมื่อร่างเริ่มร่วงหล่นตามแรงโน้มถ่วง กลายเป็นไถลลงตามท่ออย่างรวดเร็วโดยมีเสียงร้องสนุกสนานของเทรนที่ไถลนำ
“ วู้ ! ” เทรนยิ้มกว้าง ร่างไถลไปตามท่ออย่างรวดเร็ว ซ้ายบ้างขวาบ้าง กลับหัวแล้วดิ่งลงบ้างจนวอดก้าและเจ้าชายหนุ่มออกอาการมึน
“ ใกล้ถึงแล้ว ” เทรนร้องบอกด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นอาการของรุ่นน้องทั้งสอง เตรียมตั้งหลักเพื่อไถลออกจากทางลับหากแต่ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัว
“ เมื่อกี้…….เราพาเด็กเลี้ยวทางซ้ายหรือทางขวาฟะ ” ก็เพราะการมาทางลับนี้สามารถแยกไปสู่จุดหมายได้สองปลายทาง ถ้าเลี้ยวทางซ้ายก็จะโผล่ไปที่ห้องทำงานของเทรนเอง แต่ถ้าหากเลี้ยวทางขวาก็จะไปปรากฏที่……
“ ทำไมหนังตาขวากระ……ว้าก! / เฮ้ย ! ” คราวนี้เสียงแรกเป็นของรุ่นพี่ตัวดีที่รู้แล้วว่าจะปรากฏที่ไหนเช่นเดียวกับเสียงร้องตกใจของหนึ่งนักบวชหนึ่งเจ้าชายที่ปรากฏตัวจากเพดานด้านบนห่างจากพื้นกว่า 10 เมตรและเพราะไม่ทันตั้งตัวร่างของทั้งสามดิ่งลงอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางศีรษะของคนที่สภาที่เงยขึ้นมอง
พาราไดซ์รีบร่ายเวทด้วยความฉับไว เกิดเป็นลมหนุนบาง ๆ รับพวกเขาไว้ก่อนตกถึงพื้นเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหล่นตุ้บ ! อีกทีหนึ่งโดยเฉพาะเทรนที่หัวโขกโต๊ะทำงาน
“ อูย…..” เทรนร้องอูยเบา ๆ ด้วยความปวดก่อนจะต้องร้องจ๊ากเมื่อสัมผัสถึงแรงดึงมหาศาลที่หู
“ แก !......ไอ้เทรน เล่นอะไรอีกแล้วใช่ไหม ! ” จีจี้นั่นเองที่กำลังดึงหูเทรนอยู่ทั้งตะคอกใส่หูคนเป็นหัวหน้าหอ นัยน์ตาสีชมพูคู่หวานกลายเป็นแข็งกร้าวและส่อความเป็นแม่มดจนคนรอบข้างต้องถอยกรูด เตรียมพนมมือฟังเทศน์ เอ๊ย ! เตรียมอโหสิให้ผู้เป็นเพื่อน
“ ทางดี ๆ มีให้ใช้ทำไมไม่ใช้…..เข้าใจว่าทางลับใช้ประหยัดเวลาแต่แกจะมาทุกครั้งกับไอ้ทางลับบ้า ๆ นี่ไม่ได้นะโว๊ย ! แถมยังพารุ่นน้องลำบากไปอีก ” เจ้าแม่ประจำสภายืนกอดอกมองเทรนด้วยสายตาเหี้ยม ๆ ทำเอาหนุ่มน้อยผู้ใสซื่อ ( ? ) ออกอาการผวา
“ กะ….ก็เค้า….” เจ้าตัวทำท่าจะพูดอะไรอย่างสะดีดสะดิ้งเรียกหางคิ้วให้กระตุกจากจีจี้ ริมฝีปากบางกระตุกยิ้ม ปลายเท้ายกเหยียบโต๊ะทำงานข้าง ๆ ก้มหน้าถามด้วยมาดโหดราวตำรวจสอบสวนผู้ร้าย
“ ก็…..อะไร….” มาร์ค เซย์ เฮดิสและเซราสมองจำเลยที่ก้มหน้าอยู่อย่างกลั้นขำ ( ยกเว้นเซราส ) เนื่องจาก ณ บัดนี้ สายน้ำผู้ดับอารมณ์ไฟประจำกลุ่มไม่อยู่ ( หมายถึงเนียร์ ) จึงไม่มีใครกล้าห้ามจีจี้แม้แต่พวกเขา แม้ผู้เป็นเพื่อนผู้อยู่ใต้เงาดำจะกระพริบตาใส่เป็นเชิงขอร้องให้ช่วย พวกเขาก็ทำเป็นมองไม่เห็น
แหม……..ชีวิตใครใครก็รัก ถ้าให้ไปสู้กับจีจี้ สู้อยู่สู้กับเบฮามอสทั้งฝูงยังมีอัตราการรอดมากกว่าอีก
วอดก้ากับพาราไดซ์ยันกายขึ้นอย่างรวดเร็วพลางกวาดตาไปรอบห้อง รู้ได้ทันทีว่าพวกเขาหลุดมาอยู่ที่ไหน มันคือ…..กลางห้องประชุมสภาที่นักเรียนผู้ทำงานในสภาจะนั่งปะชุมเรื่องสำคัญหรือบางครั้งก็เป็นห้องทำงาน เคลียร์เอกสารต่าง ๆ เพื่อให้สะดวก รวดเร็วต่อการขนส่งและการซักถาม
วอดก้ายิ้มบาง ๆ หันไปยิ้มทักทายคนในสภาแล้วจึงมาทักทายพวกเทรน
“ อรุณสวัสดิ์ครับรุ่นพี่เซราส รุ่นพี่เฮดิส รุ่นพี่จีจี้ รุ่นพี่มาร์ค รุ่นพี่เซย์ ” วอดก้าทักทายแต่ละคน ก่อนจะได้รับเสียงทักทายกลับ
“ อรุณสวัสดิ์จ้า ” เสียงจากจีจี้ที่เงยหน้าขึ้น ยิ้มหวานให้กับเขา ก่อนมือเรียวจะกระชากคอเสื้อด้านหลังของเทรนที่กำลังคลานหนี
“ อรุณสวัสดิ์ ตื่นเช้าเหมือนกันนี่นา ” มาร์คทักอย่างอารมณ์ดี มือเริ่มแบขอขนมร้อน ๆ จากวอดก้า แน่นอนว่าเขาก็หัวเราะเบา ๆ แล้วดึงถาดคุกกี้ออกจากช่องอากาศแล้วส่งให้ พร้อมไอร้อนขาว ๆ เหนือคุกกี้
“ รุ่นพี่ก็เหมือนกันนะครับ ” หลังจากนั้นมหกรรมเสิร์ฟของว่างก็เกิดขึ้น วอดก้าเดินตัวปลิว แจกทั้งพาย ขนมเค้ก คุกกี้ ลูกอมหวาน ๆ ให้แต่ละโต๊ะด้วยปริมาณที่มากแถมเสริมด้วยน้ำชาหอม ๆ ให้กินคู่กับขนมเรียกเสียงขอบใจจากสมาชิกสภาไม่ขาดสาย จนตอนนี้คนทั้งสภาขนานนามนักบวชหนุ่มผู้นี้ว่า ‘ เทวดาสีขาว ’ เพราะความใจดีของรุ่นน้องหนุ่มที่ดั่งเทวดามาโปรด
แต่จะเทวดาหรือปีศาจก็ต้องดูกันไป
“ ตกลงแกทำงานทั้งหมดเสร็จหรือยัง ” จีจี้ถามเสียงเหี้ยม หักนิ้วมือกร็อบ ! กร็อบ ! จนเทรนกลืนน้ำลายเอือก ทันทีที่เหลือบไปเห็นรุ่นน้องคนสนิทกับอีกคนซึ่งน่าสนใจไม่แพ้กันกำลังปรึกษางานกันอยู่ ร่างของเทรนก็กระโจนไปหาทั้งคู่ทันที
“ น้องรัก ! ” วอดก้าและพาราไดซ์หันขวับไปมองแล้วกระโดดแยกไปอีกทางทำให้มือของเทรนแทนที่จะได้คว้าเด็กทั้งสองกลายเป็นกอดลมไป หากแต่ปลายเท้าของเทรนก็สะดุดเข้ากับน้ำชาที่หก จนลื่นไปทางที่ทั้งสองยืนอยู่ และมือสองข้างของรุ่นพี่หนุ่มก็กลายเป็นผลักเซย์จนคนผมแดงถลาไปชนกับพาราไดซ์ที่ไม่ทันตั้งตัว แต่ดีที่เซราสคว้าผู้เป็นเพื่อนทั้งสองทัน แต่กับวอดก้าและพาราไดซ์ที่ร่างกระแทกกันกลับ…..ไม่ทัน
“ อูย ” วอดก้าร้องครางเมื่อศีรษะและหลังกระแทกเข้ากับพื้นหินอ่อนอย่างแรงซึ่งเจ้าตัวคาดว่ามันต้องช้ำแน่ ๆ ไหนจะร่างของเจ้าชายหนุ่มที่ทาบทับลงมาจนจุกอีก พาราไดซ์ยันตัวด้วยแขนอย่างว่องไวเพื่อที่จะลุกขึ้นหากแต่ขาของเทรนก็เตะเข้าที่ขาของชายหนุ่มซึ่งกำลังลุกพอดีประกอบกับนักบวชผมเงินที่ยันกายขึ้นช้า ๆ
เพราะความไม่ระวังตัว ริมฝีปากอุ่นร้อนจากคนที่เย็นชาประทับเข้ากับริมฝีปากแดงจัดของคนที่อยู่ใต้ล่าง นัยน์ตาสองคู่เบิกกว้างเช่นเดียวกับสายตาสาว ๆ และคนในสภาที่อ้าปากค้าง สัมผัสจากริมฝีปากที่แรงพอสมควรทำให้ทั้งสองรับรู้ถึงรสคาวเลือดในปาก ( กรี๊ด !!! - ,. – อูย….เลือดกำเดา )
สมองของคนเป็นนักฆ่าคล้ายกับเกิดความช็อคอย่างรุนแรง สติลอยหายไปและกว่าจะรู้ตัว ทั้งสองก็นิ่งในท่านั้นกว่าห้าวิ วอดก้าจึงได้สติ ผลักร่างของเจ้าชายหนุ่มออกด้วยความเร็ว มองใบหน้านิ่ง ๆ ที่ยังคงความเป็นปกติหากแต่นัยน์ตาสีม่วงเข้มก็มีความช็อคไม่ต่างกัน
“ จูบแรกของฉัน ???? ” ( ไม่บอกว่าความคิดใครค่ะ อิ ๆๆ )
ริมฝีปากของทั้งคู่แดงก่ำพร้อมของเหลวสีแดงที่ติดอยู่ที่ริมฝีปากเพราะเลือดของแต่ละฝ่ายที่ไหลออกมา ครั้งนี้ไม่เคยเป็นครั้งไหนที่วอดก้ารู้สึกมีเป้าหมายและเห็นด้วยกับเจ้าชายหนุ่มเท่าวันนี้
“ เทรน…..แกตาย ” เสียงในใจของทั้งสองดังประสานกัน ส่งจิตสังหารอันรุนแรงไปใส่รุ่นพี่หนุ่มทันที นัยน์ตาสีเงินของเทรนหรี่ลเล็กน้อยก่อนจะกลายเป็นหวาดกลัวอย่างรวดเร็ว เพียงแวบเดียวร่างของเทรนก็หายไปทิ้งเพียงเสียงที่ขอโทษเอาไว้
“ ขอโทษ ~ พี่ไม่ได้ตั้งจาย ~~~ ”
เช่นเดียวกับสาว ๆ ( และหนุ่ม ๆ ) ในสภาที่แอบหมายปองสองหนุ่มเอาไว้ เกิดอาการบ้าคลั่งอย่างรุนแรงเมื่อเห็นฉากจูบ ( อุบัติเหตุ ) ของรุ่นน้องทั้งสอง ยิ่งหันไปมองเห็นอาการหน้าแดงก่ำและไม่กล้าสบตาใคร ๆ ของนักบวชหนุ่มกับอาการนิ่ง ๆ แต่ใบหน้าแดงระเรื่อของเจ้าชายผู้เย็นชาก็เพียงพอที่จะทำให้สาว ๆ และหนุ่ม ๆ ( ? ) รู้ได้ทันทีว่าต่างเป็นจูบแรกทั้งคู่
“ อ๊าก !!!……ไอ้เทรน ! ฉันจะฆ่าแก !!! ” เสียงเหล่าชายหนุ่มดังประสานขึ้นอย่างแค้นเคือง
“ กรี๊ด !!!……ไอ้เทรน ! ฉันจะฆ่าแก !!! ” เช่นเดียวกับเสียงของสาว ๆ ที่ต่อพร้อมกับอากัปกิริยากัดผ้าเช็ดหน้าในมือ สายตามองที่ริมฝีปากของทั้งคู่จนทั้งสองเกิดอาการขนลุกโดยพร้อมเพรียง
เท่านั้นแหละวอดก้ากับพาราไดซ์ก็พากันเผ่นสิครับ
“ กรี๊ด !!!….หญิงเสียจาย ~~~ ฮือ ๆๆๆ ”
เหล่าหญิงสาวพากันกรี๊ดร้องเป็นครั้งสุดท้าย เรียกอาการสะดุ้งและความสนใจจากคนอื่นในสภาที่ไม่ได้อยู่ร่วมเหตุการณ์…….
เวลาเช้าก็ยังคงสงบสุขเหมือนเดิม………..คิดว่านะ……
ต่อกองอีก 80 % จ้า
ที่โรงอาหารสุดหรู
“ อืม…เตกีล่า…..งานของโร เราทำเสร็จหมดแล้วใช่ไหม ? ” วอดก้าถามขึ้นช้า ๆ ระหว่างทานอาหารซึ่งเตกีล่าก็เหลือบมองกองเอกสารแวบหนึ่งแล้วตอบเสียงเฉยชา
“ อืม…..ครบหมดแล้ว ” จินที่นั่งเท้าคางมองวอดก้าก็พูดลอย ๆ
“ งั้นก็เหลือแค่ส่ง…..” จินเว้นคำ หลิ่วตาใส่ทั้งหมด
“ เอกสาร ” รัมแทรกขึ้นหากแต่วอดก้าและวิสกี้ สองคู่ซี้ตัวแสบก็ประสานเสียงต่อ
“ บวกกับของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ! ”
“ แน่นอน ! ” คราวนี้อีกสามเสียงที่เหลือประสานตอบ พร้อมเสียงหัวเราะในลำคอเบา ๆ จากนั้นวอดก้าจึงเก็บเอกสารเพื่อเตรียม ‘ ใส่ของขวัญ ’ ให้ผู้ส่งมา
“ เดี๋ยวฉันไปสั่งอาหารนะ ” วอดก้าลุกขึ้นเพื่อแยกย้ายไปสั่งอาหารเช้าเช่นเดียวกับอีกที่เหลือ วันนี้สิ่งที่เขาจะทานเป็นกุ้งอควาเรี่ยมอบซอส กับสเต็กราดซอสมูฟัสเหมือนกับเตกีล่าเด่ะ…….
ด้านวิสกี้นั้นเป็นสเต็กราดซอสไวน์ขาวกับขนมปังอบน้ำผึ้วหวาน ๆ น่ารับประทานเช่นเดียวกับจินผิดแต่เป็นสเต็กและขนมปังปิ้งหอม ๆ กับ…เมนูใหม่…น้ำผึ้งลาวา ซึ่งพวกเขาก็แค่เห็นว่ามันเป็นน้ำผึ้งที่นำไปอบจนร้อน หากแต่พอจับก็ต้องพากันสะดุ้ง เพราะมันร้อนสุด ๆ สมชื่อ
รัมกินง่าย ๆ คือซุปสาหร่ายและข้าวต้มทรงเครื่องบอกเพียงว่าไม่อยากทานอะไรมากเพราะเดี๋ยวจะจุกคาบอาจารย์โมเซสแถมยังมีเตือนวอดก้าว่าระวังต้องไปสู้กับพาราไดซ์ต่อด้วย
เล่นเอาเจ้าตัวสำลัก….แต่ก็เพราะชื่อของเจ้าชายหนุ่มนั่นแหละ
“ แค่ก ๆๆ ”
“ เป็นอะไรหรือเปล่า…วอด…กะ ” จินชะงักไม่ต่างจากรัมที่เริ่มเหลือบมองผู้เป็นเพื่อนท่ามกลางอาการเลิกคิ้วของวิสกี้และเตกีล่า และไม่ทันตั้งตัวท้ายทอยของเขาถูกเพื่อนรักกระชากเข้าไปใกล้พร้อมกับจมูกและริมฝีปากของผู้เป็นเพื่อนที่เริ่มวนเวียนรอบ ๆ เล่นเอาวอดก้าแข็งค้างแต่ก็เข้าใจว่าจินคงมีอะไรสงสัยเช่นเดียวกับรัมที่เดินอ้อมไปด้านหลังวอดก้าแล้วเริ่มทำจมูกฟุดฟิดที่ใบหูและลำคอ
โดยอาการของทั้งสามมีคนสามคนมองอยู่ไม่ไกล ( บวกกับคนอีกค่อนครึ่งโรงอาหาร ) นั่นได้แก่ หนึ่งเจ้าชายหนุ่ม บราวน์และเคียร์
จินเริ่มขมวดคิ้วแล้วผละใบหน้าออกเช่นเดียวกับรัมพลางพูดด้วยสีหน้าสงสัย
“ ได้กลิ่นเลือดของนายจาง ๆ แหะวอดก้า ไปโดนอะไรมาล่ะนั่น ” วิสกี้และเตกีล่าร้องอ้อ เข้าใจแล้วว่าจินและรัมคงได้กลิ่นเลือดเลยกลัวว่าเจ้าตัวอาจจะแอบไปบาดเจ็บมา
“ ไปทำอะไรมาครับ ? ” รัมหรี่นัยน์ตาลงเช่นดียวกับเตกีล่าที่มองอย่างกดดัน ทำเอาวอดก้าต้องยิ้มแห้ง แอบคิดในใจ “ รู้สึกว่ารัมกับเติร์กชักจะกลายเป็นแม่เราทุกวัน เอ…หรือเราคิดไปเองหว่า …”
“ ว่าไง ” เจ้าแม่ข่าวสารย้อนถามเสียงเย็นบ้าง เขาจึงยกมือลูบท้ายทอยเก้อ ๆ แล้วตอบเสียงสบาย ๆ
“ เกิดอุบัติเหตุตอนเช้านิดหน่อยน่ะ…เลยปากแตกนิด ๆ ” เขาว่าแล้วเริ่มตักอาหารเข้าปาก
“ แต่แปลกแหะ….ทำไมฉันถึงได้กลิ่นเหมือนมีเลือดของคนอื่นด้วยล่ะ แถมกลิ่นของสายเลือดชั้นสูงด้วย ( คนพูดหรี่นัยน์ตานิด ๆ ; เจ้าตัวคนมีกลิ่นแอบสะดุ้ง ) หรือนายว่าไงรัม ” ชายหนุ่มผมสีเขียวแก่ นัยน์ตาสีอำพันหันไปถามความคิดเห็นเพื่อนผมรัตติกาล ในขณะที่วอดก้าเริ่มภาวนาให้ไอ้สองเพื่อนรักหยุดสงสัยสักที
“ ไม่รู้สิครับ แต่ผมได้กลิ่นเหมือนกลิ่นของผู้ชายน่ะครับ ” รัมว่าง่าย ๆ แต่เรียกสายตาจากวิสกี้ให้หันมามองขวับ
วิสกี้เริ่มทวนคำของอีกสองเพื่อนรัก นัยน์ตาคู่สีม่วงเบิกกว้าง กับความคิดของตัวเอง !
“ อืม…กลิ่นเลือดที่ปาก แถมเหมือนเป็นของผู้ชาย วอดก้า…นาย…หรือว่า…” วอดก้ายังตีหน้านิ่ง กินอาหารตามปกติเพราะรู้ว่าไอ้เพื่อนตัวแสบหัวส้มมันไม่เคยพูดอะไรตรงประเด็น แถมมั่วได้ทุกอย่าง ถึงจะยกเว้นการพนันก็เถอะ…รายนี้ต่อให้หลับตาเล่นก็ชนะ
“หรือว่า……นายไปจูบกับผู้ชายที่ไหนมา ! ”
“ พรวด…แค่ก ๆๆๆ ”
“ อึก….” เพล้ง !
“ หือ…” แต่ละคนหันไปมองเจ้าชายหนุ่มที่ออกอาการสำลักน้ำที่เพิ่งดื่มลงไป แก้วใสตกลงสู่พื้นกระเบื้องของโรงอาหารของหอแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หากแต่คนมองก็ต้องสะดุ้ง หันไปมองทางอื่นในทันทีเมื่อรังสีอำมหิตและความเย็นยะเยือกของพาราไดซ์พุ่งเข้าหา
“ แค่ก ๆ ” วอดก้าไอเล็กน้อยเพราะอาการสำลักอาหารเมื่อกี้ ในใจก็ค้นเคืองไอ้เพื่อนตัวดีที่ก็รู้ว่าเขาอยู่ในร่างผู้ชาย…ถ้ามันบอกว่าเขาไปจูบกับผู้หญิงก็ไม่แปลก ดันพูดออกมาดังลั่นว่าเขาไปจูบกับผู้ชายอีก
แต่ที่สำคัญ…มันดันแทงใจสุด ๆ
ชั่วเสี้ยววินาทีหนึ่ง นัยน์ตาสองคู่ก็สบกัน ภาพเมื่อเช้าแวบเข้ามาในหัวทำให้แต่ละคนต้องเบือนหน้าหนี
“ เป็นอะไรเปล่าวอดก้า ” วิสกี้ถามขึ้น ลูบหลังเพื่อนผมเงินที่เริ่มหยุดไอ วอดก้ากระแอมแก้เก้อนิด ๆ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อเสียงของเตกีล่าถามขึ้น
“ ทำไมวอดก้าต้องสำลักด้วย ”
ชะอุ้ย !
วอดก้าสะดุ้งเล็กน้อย หันไปตอแหลตอบเพื่อนผมแดงด้วยสีหน้าปกติ
“ ก็สำลักไอ้สิ่งที่วิสกี้พูดไง ฉันเป็นผู้ชายนะ จะไปจูบกับผู้ชายได้ไง นายก็บ้าจริง ๆ ” ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปโยกหัววิสกี้เล่นกลบเกลื่อน หากแต่เหล่ารุ่นพี่สาวและรุ่นพี่ในสภาบางคนที่ร่วมเหตุการณ์เมื่อเช้า พากันกัดผ้าเช็ดหน้า น้ำตาซึม + คลอเบ้ากันถ้วนหน้าแม้จะไม่มีใครพูดอะไร
“ โธ่…น้องวอดก้า / พาราไดซ์ของแม่ ฮือ ~ ” หลายคนพึมพำเบา ๆ ด้วยท่าทีเสียดายอย่างสุดซึ้ง
ทางด้านพวกวอดก้าที่หยอกล้อกันอยู่
“ เอ่อ….น้องครับ ” รุ่นพี่หนุ่มคนหนึ่งกะเถิบเข้ามาใกล้วอดก้าด้วยท่าทางกล้า ๆ กลัว ๆ นิด ๆ ก่อนเขาจะยื่นถาดขนมอย่างหนึ่งให้กับวอดก้า
“ ครับ ? ” เจ้าตัวเอียงคอมองอย่าสงสัยยิ่งเสริมอาการหน้าแดงของรุ่นพี่หนุ่ม
“ เอ่อ…..ถ้าไม่รังเกียจ…น้องทานขนมนี่ไหมครับ ” รุ่นพี่ถาม วอดก้าพินิจดูขนมในมือรุ่นพี่ก่อนจะพบว่ามันคือ ‘ ลาเรียเต้ ’ ขนมขึ้นชื่อของโรงเรียนซึ่งทำออกมาเพียง 40 ชิ้น หอละ 10 ชิ้นซึ่งใครที่ต้องการทานต้องไปต่อแถวยาวเหยียด รูปร่างของมันคล้ายทาร์ตหากแต่ในไส้ประกอบด้วยผลไม้หวานปนขมหลากชนิดซึ่งสร้างความลงตัวเป็นอย่างดี ตัวทาร์ตนั้นเป็นแป้งผสมกับแอปเปิลฉ่ำ ๆ ที่ยังหวานกรอบ โรยด้วยน้ำตาลและไอซิ่งสีขาว สตอร์เบอร์รี่คำโต ( หรืออาจเป็นผลไม้ชนิดอื่น ) วางไว้อย่างสวยงาม ของที่ทานคู่กันคือครีมนมสดกับทับทิม ใส่แก้วเล็ก ๆ เอาไว้ทานคู่กัน ให้รสชาติหวานอมเปรี้ยวของทับทิมก่อนจะกลายเป็นจืดและนุ่มลิ้นของนมสดร้อนหรืออุ่นตามใจชอบ
แต่ที่ไม่เข้าใจคือ……ทำไมต้องเอามาให้เขา
และดูเหมือนรุ่นพี่หนุ่มคนนั้นจะรู้ เขาจึงยื่นหน้ามากระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูของวอดก้า เรียกรอยยิ้มเล็ก ๆ อย่างเอ็นดู ( ? ) ให้ปรากฏที่ริมฝีปากก่อนจะกล่าวว่า
“ ฝากขอบคุณรุ่นพี่ด้วยนะครับ ” อีกฝ่ายที่นำขนมมาให้ชะงักค้างกับนัยน์ตาอบอุ่นอ่อนโยนของผู้เป็นรุ่นน้องจนวิสกี้ต้องดีดนิ้วเรียก รุ่นพี่หนุ่มจึงรู้สึกตัว โค้งศีรษะเป็นเชิงขอโทษเล็กน้อยแล้วจากไป
“ พี่คนนั้นพูดอะไรหรือวอดก้า ? ” เตกีล่าถามเสียงเรียบหากแต่นัยน์ตาสีฟ้าใสจ้องมองไปที่ลาเรียเต้ตาไม่กระพริบ เพราะกลิ่นอันหอมหวานของมันท่ามกลางความยากรู้ของอีกสามคน
“ อืม…..พี่เขาพูดอะไรกับนายหรือเปล่า ? นายถึงรับของเขามา เฮ้ย ! ไอ้วิส….นายรอกินพร้อมกันสิฟะ ” จินถามอย่างกังขาหากแต่ก็หันไปโวยกับวิสกี้ที่เอานิ้วปาดซอสสตอร์เบอร์รี่ชิม
“ แหม…..ก็มันน่ากินอ่ะ จ๊วบ ! ” วิสกี้ดูดนิ้วข้างที่ปาดซอสเข้าปากก่อนจะทำตาโตอย่างน่าหมั่นไส้ บอกเสียงออกแนวกวน “ หวานสุด ๆ ”
ผล๊วะ !
“ ก็บอกว่าอย่าเพิ่งกินไงฟะ ” วิสกี้หน้าคว่ำเมื่อมือเรียวของเพื่อนข้างกายตบเข้าให้อย่างจังจนต้องร้องโอดโอยเพราะความเจ็บ
“ อูย….ตบมาได้นะแก ตรูคบกันมันเป็นเพื่อนได้ไงฟะ ” ประโยคท้ายชายหนุ่มผมสีส้มพูดพึมพำเบา ๆ ก่อนจะรีบหันไปอ้อนให้รัมรักษาเมื่อเห็นสายตาของผู้เป็นเพื่อน “ รัมจ้า…..รักษาให้ที…”
“ แล้วตกลงว่าไงครับ ” รัมเป็นคนถามต่อในขณะที่มือเริ่มร่ายเวทรักษาหัวที่โนของวิสกี้อย่างคล่องแคล่ว
“ ขอบใจนะรัม ”
“ ก็นะ…..” วอดก้าหัวเราะหึ ๆ แล้วตอบ “ มีรุ่นพี่ผู้หญิงเขาบังคับรุ่นพี่ผู้ชายคนนั้นให้เอาลาเรียเต้มาให้เราทาน แล้วพี่เขาก็บอกอีกว่าถ้าเราไม่รับ พี่เขาจะโดนเพื่อนผู้หญิงตบกับรุมกระทืบ ก็เลยขอร้องฉันให้รับไว้ทีน่ะสิ ”
“ อ้อ ~ ” ทั้งหมดร้องพร้อมกัน ก่อนจินจะถามด้วยสีหน้าแอบชั่วร้ายนิด ๆ “ ทำไมนายไม่ปฏิเสธว่ะ ท่าทางรุ่นพี่คนนั้นจะเก่งใช่ย่อย อยากเห็นหน้าพี่แกโดนรุมกระทืบ คงจะสะใจพิลึก ”
วิสกี้คิดตาม ก่อนจะดีดนิ้วเปาะ
“ เออ…..นั่นสิ ตั้งแต่มาอยู่นี่เรายังไม่เริ่มป่วนอะไรเลยนะ หาอะไรทำหน่อยดีไหม ”
“ คงไม่ได้ เพราะถ้าเราทำตัวเด่นมากจะมีภัย อีกอย่างพยายามอย่าป่วนมากดีกว่าเพราะปัญหาจะตามมาแบบไม่รู้จบ ” วอดก้าปฏิเสธ
“ นี่….ทานได้ยังอ่ะ ” เสียงครางของเตกีล่าดังขึ้นเรียกความสนใจของทั้งหมด นักบวชหนุ่มหลุดหัวเราะพร้อมกับส่งช้อนให้กับทั้งหมด
“ เอาเถอะ….รีบทานกันดีกว่า ใกล้จะได้เวลาเรียนแล้ว ” เขาว่าก่อนช้อนเล็กจะตักลาเรียเต้กรอบ ๆ พอดีคำเข้าปาก เช่นเดียวกับทั้งสี่ ก่อนห้าเสียงของพวเขาจะประสานขึ้น
“ อร่อย ! ” เทศกาลกินของหวานจึงเริ่มขึ้น วอดก้าและวิสกี้แย่งกันตักทาร์ตกินส่วนกลางไส้เพราะความหวานของผลไม้ ส่วนเตกีล่ากินแป้งกรอบผสมแอปเปิลหวาน รัมกับจินแย่งกันตักครีมนมสดและครีมทับทิมเพื่อกินคู่กับผลไม้
“ ฮึ ๆๆ เฮ้ย….วิสกี้ นั่นมันของผมนะ ”
“ ถอยไปเลย ส่วนนี้เค้าจอง ”
็
“ เอ่อ….เติร์กจ้า กินช้า ๆ หน่อยก็ได้ ”
“ ง่ำ ๆๆ ”
“ ไอ้วอด ! แกอย่ามาแย่งฉันนะ ”
“ นายนั่นแหละ อย่ามาแย่งฉัน ”
“ ซู้ด…..เปรี้ยวอ่ะ ”
“ จิน……มาแย่งจากช้อนผมได้ไง ! ”
“ หึ ๆๆๆ ชิ้นนั้นฉันจองนะ ! ”
เหล่ารุ่นพี่และเด็กปีหนึ่งพากันมองท่าทางง่องแง่งของทั้งห้าที่เหมือนกับเด็กตัวเล็ก ๆ ด้วยสีหน้ากลั้นหัวเราะเพราะความน่ารักของทั้งห้า ใบหน้าของชายหนุ่มชื่อเป็นแอลกอฮอล์เต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้างสดใสราวพระอาทิตย์ สายลมเย็น ๆ และแดดที่เริ่มออกขับเน้นใบหน้าของทั้งห้าให้สว่างไสว รอยยิ้มบริสุทธิ์สีขาวทำเอาแต่ละคนเผลอมองตาค้าง
“ ฮะ ๆๆๆ ” วอดก้าระเบิดเสียงหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นสีหน้างอน ๆ จากเติร์ก รอยยิ้มที่นำพาให้โลกกลายเป็นสีชมพู ( เพราะคนมองหน้าแดง ) ปรากฏขึ้นทำเอารุ่นพี่หนุ่มที่นำลาเรียเต้เพราะเพื่อนสาวสั่งให้เอาไปให้มองตาค้าง เช่นเดียวกับเหล่าสาว ๆ ที่กรี๊ดกร๊าดกับความน่ารักของทั้งห้า
“ ว้า….หมดแล้วล่ะ เสียดายจัง ” ทั้งห้าทำหน้าเสียดายเมื่อขนมหวานขึ้นชื่อหมดแล้ว เหลือเพียงลูกสตอร์เบอร์รี่ชิ้นสุดท้าย
“ งั้น…..สตอร์เบอร์รี่นี่ให้วอดก้าก็แล้วกันนะ เพราะไหน ๆ รุ่นพี่เขาก็ให้นายนี่นา ” เตกีล่าพูดขึ้นด้วยสีหน้าเสียดายนิด ๆ แต่ก็ไม่คิดอะไรมากเพราะเขาสามารถขอขนมอย่างอื่นกินได้จากเพื่อนหนุ่มอยู่แล้ว
“ เอางั้นเหรอ….” เขาเลิกคิ้วใส่คนที่เสนอ แต่เมื่อได้รับคำตอบ วอดก้าก็ยิ้มยั่ววิสกี้ที่มองตาละห้อย ค่อย ๆ คีบลูกสตอร์เบอร์รี่ชิ้นโตให้สัมผัสที่ริมฝีปากเพื่อประทับความเป็นเจ้าของ ( กรี๊ด….อยากให้ไปทำกับพาราไดซ์อ่ะ ) กัดครึ่งคำให้น้ำหวานฉ่ำ ๆ สีแดงหยดลงก่อนมันจะค่อย ๆ ไหลจากริมฝีปากลงไปยังปลายคาง จากนั้นจึงอ้าปากรับเข้าปากเต็ม ๆ คำ ลิ้นสีชมพูอ่อนกวาดรอบริมฝีปากด้วยนัยน์สีส้มพราวระยับ พยายามระงับความขำของตัวเองเต็มที่ หากแต่สำหรับเหล่าคนมองแล้ว มันกลับเป็นสิ่งที่ยั่วยวนเหลือเกิน หลาย ๆ คนกลืนน้ำลายดังเอือกตาม ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมใจถึงเต้นตึกตักความจริงแล้วเป็นเพราะสายเลือดเทพและปีศาจในตัวของนักบวชหนุ่มซึ่งมีเสน่ห์เกินต้านทานกับเผ่าอื่น นอกจากนั้นยังสามารถดึงดูดคนเผ่าเทพและปีศาจอีกด้วย โดยเฉพาะกับพาราไดซ์ที่ภาพริมฝีปากสีแดงและความอบอุ่นที่ยังตราตรึงอยู่เมื่อเช้าผุดขึ้นในหัว
“ ไดซ์เป็นอะไรเปล่า ? ” เสียงบลัดดี้ถามขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าของเพื่อนหนุ่มดูแปลก ๆ หากแต่เจ้าชายหนุ่มก็ยกมือลูบหน้าของตนเองก่อนมือหนาจะยกมือปิดปาก
“ บ้าจริง ” เสียงทุ้มสบถเบา ๆ ฟังดูอู้อี้ อีกหนึ่งลูกชายแพทย์หลวง และไม่รู้พวกเขาตาฝาดหรือเปล่าที่เห็นใบหน้าของเพื่อนเขาแดงระเรื่อ ??? ( เจ้าชายเราเขินตอนนึกถึงตอนจูบวอดก้า ) ยิ่งเมื่อหันไปมองอีกสองเพื่อนผู้เป็นองครักษ์ก็พบว่าวิมเลทและเคียร์มองไปที่วอดก้าตาไม่กระพริบ นัยน์ตาปรากฏความคิดและความลุ่มหลงบางอย่างเพราะสายเลือดเทพและปีศาจที่ดึงดูดพวกเขา
“ แง….วอดก้าขี้โกง ” วิสกี้ทำหน้าหงอยเมื่อเห็นของที่โปรดปรานหายเข้าไปในปากผู้เป็นเพื่อน ก่อนจะซดน้ำผึ้งลาวาของจินแก้เซ็งหากแต่เพราะความรีบไปนิด ลืมไปว่ามันยังร้อนระอุทำให้ทันทีที่มันไหลเข้าปาก เจ้าตัวก็ปล่อยพรวดออกมาเลย
“ แอะ….พรวด ! ว้าก ๆ ร้อนอ่ะ ร้อน ๆๆ ” วิสกี้กระโดดโหยงออกจากที่นั่งพร้อมกับแก้วที่หลุดมือ มันลอยละลิ่วแล้วสาดเข้าใส่อีกสี่คนที่เหลือ
“ เฮ้ย !/ โอ๊ย ! ” เสียงจินดังขึ้นประสานกับคนอื่น ๆ เมื่อน้ำสีเหลืองเหนียวหากแต่ร้อนสาดเข้าใส่พวกเขา ผลคือ……เปียกและเละกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะคนผมเขียวแก่ ( จินนั่นเอง ) ที่แก้วกระแทกเข้ากลางศีรษะดังโป๊ก ! จินโวยวายใส่วิสกี้เพราะยังไม่ทันจะได้ทานของโปรดแถมยังเจ็บตัวอีก ส่วนเตกีล่านั้น พอเห็นว่าน้ำผึ้งเริ่มเย็นแล้วก็จัดการเลียนิ้วมือทั้งห้าที่เต็มไปด้วยน้ำผึ้งทั้งหยั่งงั้นแหละ ทำเอารุ่นพี่หลายคนมองน้ำผึ้งหวาน ๆ ด้วยความอยากกินบ้าง รัมถอนหายใจอย่างโล่งอกที่กระถางดอกทิวลิปไม่เละไปด้วย คว้าลูกเชอร์รี่สองลูกกัดเบา ๆ แล้วเคี้ยวช้า ๆ ด้วยรอยยิ้มทำเอาคนมองใจสั่น สุดท้ายจินก็ถอนหายใจเมื่อเห็นหน้าผู้เป็นเพื่อนที่ทำหน้าหมาหงอยใส่ ( ? ) คว้าแท่งลูกอมหวานไว้ในปากแล้วเล่นหัววิสกี้อย่างหมั่นเขี้ยวซึ่งวิสกี้ก็ตอบแทนกลับด้วยการแย่งแท่งลูกอมหวานในปากของจินไปกินเอง ( ไม่คิดมากอยู่แล้วเพราะต่างรู้ดีว่านี่ก็เพื่อนเราที่เป็นผู้หญิง ) เรียกอาการให้รุ่นพี่อยากจะไปแย่งแท่งลูกอมหวานนั้นมากินบ้าง
“ ไอ้บ้าวิสกี้…..สุดท้ายก็ต้องไปอาบน้ำใหม่เลย ” วอดก้าพูดอย่างเซ็ง ๆ ก่อนทั้งห้าจะแยกย้ายกันไปอาบน้ำใหม่เพราะกลัวเข้าเรียนสาย
ด้านเด็กปีหนึ่งก็พากันลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวไปเรียน พยายามลบภาพของไอ้เหล่าห้าแอลกอฮอล์ ความคิดในใจก็ยังไม่หายปั่นป่วน คิดแปลก ๆ ในใจ
ทำไมไอ้ห้าแอลกอฮอล์นี่มันมีเสน่ห์จังฟะ
เหล่ารุ่นพี่มองตามหลังเด็กรุ่นน้อง โดยเฉพาะคนที่เอาลาเรียเต้มาให้วอดก้าตามคำสั่งเพื่อนสาวพากันคิดในใจอย่างพร้อมเพรียง
“ พรุ่งนี้ต้องเอาขนมมาให้น้องพวกนี้กินอีกให้ได้ ”
ยูดาสเองก็ลุกออกจากที่แม้ในใจจะครุ่นคิดถึงลักษณะแปลก ๆ ของสององครักษ์เจ้าชาย พาราไดซ์และ…..แม้แต่ตัวเขาเองที่ดูจะต้านเสน่ห์ของนักบวชลึกลับคนนั้นไม่ได้
หรือว่า…..นายจะเป็นคนที่ฉันกำลังตามหา
ความคิดหนึ่งดังขึ้นในหัวของชายหนุ่มผมสีน้ำเงินหากแต่เขาก็ลุกขึ้นอย่างเงียบ ๆ แล้วต่อคำตัวเองในใจ
คงไม่ใช่หรอก……คนที่เราตามหาคงมีพลังมากเกินกว่าที่จะปิดไว้…..แต่ถ้าใช่
…..เขาก็ต้องฆ่าทิ้งเสีย………

วิชาแรก ศิลปะการต่อสู้และอาวุธ อาจารย์โมเซสดูจะช็อกเล็กน้อยับค่าเสียหายที่ต้องจ่าย แม้จะมีอาการเหงื่อแตกนิด ๆ ตอนท่านผอ.เรียกเก็บเงิน แต่ก็บอกพวกวอดก้าว่าเรื่องการต่อสู้ มันก็ต้องเกิดความเสียหายบ้าง การฝึกของทุกคนยังตามโปรแกรมเดิมยกเว้นวอดก้าและพาราไดซ์กลายมาเป็นคนตอบคำถามของโมเซสที่แสดงอาการสนใจพวกเขาทั้งสองอย่างชัดเจนร่วมถึงศาสตราวุธของพวกเขา…กลาเดียโต้และคาซานเดรีย
แต่ก็นะ…เพราะความเงียบของเจ้าชายหนุ่มอยู่แล้ว……วิบากกรรมก็ต้องตกที่วอดก้าอย่างช่วยไม่ได้
คาบที่สองพวกเขาคือวิชาเวทมนตร์ของเอ็กเซล
“ วันนี้เราจะเรียนทฤษฏีและทวนพื้นฐานเวทมนตร์ก่อน ” เอ็กเซลพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มพลางหันไปเขียนกระดาษ
“ เอาล่ะ เปิดหนังสือไปหน้า 25 เรื่อง…พื้นฐานเวทมนตร์ ”
พรึ่บ ๆๆๆ
เสียงคนทั้งห้องเปิดหนังสือกันไปหน้า 25 ตามที่อาจารย์เอ็กเซลบอก เขากวาดตาไปรอบห้องก่อนจะเริ่มทำการสอน
“ อืม…..เวทมนตร์ในอาเรีย ที่จริงแล้วมันคือพลังอันแรงกล้าและความปราถนาส่วนลึกในร่างกายคนเรา แต่สามารถปรากฏขึ้นเป็นรูปธรรมและมีสัญลักษณ์ประจำตัวของมัน และบ่งบอกธาตุกับความสามารถบางประการซึ่งสอดคล้องกัน เป็นสิ่งที่มีในธรรมชาติ ยิ่งจิตและความตั้งมั่น กับความสงบนิ่งมากเท่าไหร่……เวทมนตร์ก็จะรุนแรงขึ้นมากเท่านั้น ดังนั้นเราจึงสามารถบัญญัติคำในการร่ายเวทได้ มีสองแบบคือการร่ายเวทแบบออกเสียงและการร่ายเวทแบบตั้งจิต การร่ายเวทแบบออกเสียงคือการร่ายบทคาถาหรือบทเวทมนตร์ที่ต้องใช้พลังและสมาธิสูง มีความยากพอสมควรจนต้องใช้การออกเสียงเพื่อเป็นการควบคุมจิตใจให้จดจ่อ เหมือนกับ…การที่คนเราเลือกที่จะจดจ่อกับการอ่านหนังสือ ทำให้มีสมาธิและสติผนึกเอาไว้ บทเวทมนตร์ก็เช่นกัน ส่วนการร่ายเวทแบบตั้งจิต ใช้สำหรับการร่ายเวทง่าย ๆ และมีคาถาหรือคำบัญญัติสั้น ใช้พลังเวทย์ในการร่ายต่ำ บางครั้งไม่จำเป็นต้องออกเสียงก็ได้ อย่างเช่น…ตั้งจิตให้สงบนิ่งแล้วนึกถึงไฟ หรือ ไอความร้อน…ก็จะปรากฏดวงไฟขึ้น ” เอ็กเซลว่าแล้วทำให้ดูก่อนจะดับไฟที่ฝ่ามือ หันไปเขียนที่กระดาน
“ โดยธาตุตามธรรมชาติและตามพลังของคนเราแบ่งออกเป็นหกธาตุ คือธาตุ ดิน ( ปฐพี ) ลม ( วาโย ) ไฟ ( เตโช ) และน้ำ ( อาโป ) อีกสองธาตุคือธาตุสมดุลอันคือธาตุแสงและความมืดที่ควบคุมทุกธาตุให้สมดุลและหมุนเวียนกัน ทุกคนต่างมีธาตุเหล่านี้ในตัวทุกคน ขึ้นอยู่กับว่ามันมากหรือน้อย และขึ้นอยู่กับความถนัดในการใช้และความชำนาญ ”
“ อาจารย์ครับ แล้วธาตุไม้ ไฟฟ้าหรือน้ำแข็งล่ะครับ ” ซาเซนยกมือถาม
“ เป็นคำถามที่ดี คุณฟรอเทียร์ ธาตุที่ไม่ใช่ธาตุหลักทั้งหกคือธาตุพิเศษที่มีพลังเวทย์เป็นธาตุหลักแต่ผลลัพท์หรือบทเวทย์นั่นให้ต่างกัน ธาตุน้ำแข็งคือการที่ธาตุน้ำถูกไฟและลมดึงความร้อนออกจากน้ำทำให้อุณหภูมิของมันลดลงอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นความเย็นและทำให้มวลน้ำกลายเป็นน้ำแข็งจนใช้ในการโจมตี ซึ่งบางครั้งสามารถประยุกต์ให้เกิดระเบิด แต่เราจะเรียนในบทเรียน…การประยุกต์เวทกับการต่อสู้ ธาตุไม้คือการก่อกำเนิดของธรรมชาติ อันได้แก่ธาตุดิน ธาตุน้ำและธาตุไฟที่สร้างสิ่งมีชีวิตเกิดเป็นต้นไม้เล็ก ๆ ให้ความชุ่มชื่นจนกลายเป็นเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงการให้ความร้อนจึงกลายเป็นไม้ที่แข็งแรงและมีลักษณะตามที่ต้องการ ธาตุไฟฟ้าคือความร้อนที่มหาศาลของธาตุไฟเกิดปะทะกับธาตุน้ำเกิดแรงเหมือนแรงระเบิดมหาศาลหากแต่ควบคุมได้โดยใช้ลมบีบอัดเป็นเส้น ทำให้มันเหมือนท่อนำไฟฟ้าที่ประจุความร้อนและกระแสของน้ำเอาไว้ ยามปล่อยมันจะเกิดเป็นไฟฟ้าแรงสูงที่ให้ความรู้สึกร้อนและเย็นสลับกัน สุดท้ายคือธาตุเหล็ก คือธาตุที่เกิดจากธาตุดิน ธาตุไฟ และธาตุนั้นเหมือนกัน ตอนนี้มาเรียนกันเฉพาะวิธี…”
อาจารย์เอ็กเซลยังคงอธิบายและบรรยายไปเรื่อย ๆ โดยที่นักเรียนบางคนก็เริ่มเอนหัวฟุบโต๊ะ ไปเข้าเฝ้าพระอินทร์กันทีละคนสองคนถึงสวรรค์ชั้นไหนบ้างก็ไม่รู้ บางคนก็ตั้งใจฟังและจดบันทึกซึ่งหนึ่งในนั้นคือจินกับวิสกี้ผู้แพ้คำบรรยายที่ยาวเกินห้านาที
และแล้วเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เสียงกริ่งขึ้นเป็นระฆัง บอกเวลาหมดคาบเรียน เห็นได้เลยว่าคนที่หลับกระเด้งตัวออกจากที่ตัวลอยด้วยความดีใจที่คาบนี้ผ่านไปสักที
“ เอาล่ะ วันนี้เอาไว้แค่นี้แล้วกัน ” อาจารย์เอ็กเซลเลิกคาบเรียนทันทีที่ได้ยินเสียงสัญญาณเรียกเสียงชัยโยลั่นจากหลาย ๆ คนที่ดีใจเพราะไม่มีการบ้าน
พวกวอดก้าและพาราไดซ์ทยอยเดินกันไปที่โรงอาหารของหอสราทเพื่อรับประทานอาหารกลางวันและสิ่งที่ไม่เคยขาดคือ…
“ ตะกละจังนะไอ้คุณองครักษ์ สงสัยจะทำงานหนักทั้งที่เห็นแค่นั่งเก๊ก ”
“ มีปัญหาหรือไงไอ้คุณพ่อค้า ฉันไม่ใช่นายที่จะนั่งหลับน้ำลายยืดวิชาเวทมนตร์ ” วิมเลทแค่นยิ้มบ้าง
“ อ้าว….ไม่น่าเชื่อว่านายจะกล้าพูด แล้วใครกันว้าที่นั่งคอพับ แถมเห็นแอบเอาหนังสืออื่นมาอ่านแก้เซ็งน่ะ ”
“ ไอ้พ่อค้าหน้าเลือด ! ”
“ ไอ้องครักษ์สัปปะรังเค ! ”
“ หน็อย….ไอ้หัวส้ม มาฉะกันมา ! ”
“ เอาซี้…กลัวตายล่ะไอ้หัวหงอก ! ”
“ แง่ง ๆ ”
คนอื่น ๆ ยังคงทานตามปกติสุขเช่นเดียวกับพวกรุ่นพี่ที่เริ่มออกอาการไม่แปลกใจ เริ่มมีการพัฒนาขึ้น สามารถหลบลูกหลงต่าง ๆ ได้อย่างสวยงาม
“ ลองทานนี้สิ ” บลัดดี้นั่นเองที่หยิบชิ้นขนมหวานให้เตกีล่า ซึ่งเจ้าตัวก็รับไปทานอย่างไม่เกี่ยงงอน และนั่นทำให้ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลยิ้มเมื่อเห็นรอยยิ้มสว่างไสวที่ใบหน้าของคนที่ดูเหมือนเย็นชา
ยิ่งดู…เขาก็ยิ่งรู้ว่าคน ๆ นี้ไม่เหมือนเพื่อนของเขาแม้แต่น้อย
วิชาคาบบ่าย ประเดิมด้วยวิชามารยาทเบื้องต้น
ไม่ใช่ว่าพวกวอดก้าทำไม่ได้หรือทำไม่ได้ดี ความจริงมันออกจะ…ดีมาก ดีจนผู้เป็นอาจารย์ต้องทึ่งด้วยซ้ำโดยเฉพาะวอดก้าที่มีฝีปากอันยอดเยี่ยมในการตอแหลร่วมถึงการแสดงชั้นเลิศ แม้เจ้าตัวจะแอบกระตุกยิ้มเหี้ยมด้วยความรำคาญกับเสียงของอาจารย์สาว แม้แต่สองแฝดคาเมลเทียร์และคาเมสเทียร์ซึ่งเป็นเจ้าชายยังเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ !
“ บ้าจริง…หนีวิชามารยาทที่นู้นยังมาเจอวิชามารยาทที่นี่อีก ” วอดก้าบ่นอุบในใจ ขณะคุยกับอาจารย์สาวอยู่ โดยมีสีหน้ากลั้นหัวเราะของพวกวิสกี้มองอยู่กับใบหน้าของนักบวชหนุ่มที่แม้จะคุยกับอาจารย์ด้วยสีหน้ามีรอยยิ้มอบอุ่น แต่พอเจ๊ประจำวิชาแกเผลอนั่นแหละ พวกเขาก็เห็นรอยยิ้มเหี้ยม ๆ ปนเซ็งได้เป็นอย่างดี ไม่ค่อยมีใครแปลกใจนักที่วอดก้าทำได้เพราะนักบวชทุกคนย่อมได้รับการสั่งสอนเรื่องมารยาทต่าง ๆ เป็นอย่างดี มีทึ่งบ้างที่เพื่อนเขาสามารถทำได้เหมือนถอดแบบออกมาจากตำรา
“ … ” อ้อ…ยังมีอีกคนที่ทำได้เหมือนในตำราไม่แพ้วอดก้า นั่นคือเจ้าชายหนุ่มนั่นเอง แน่นอนว่าในช่วงการทดสอบ คนคู่นี้ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมคือแข่งมารยาท ไอสังหารยังประชันกันต่ออย่างน่าขนลุก…ซึ่งก็ลุกไปแล้วเรียกรอยยิ้มจืดเจื่อนจากอาจารย์สาว
ผลการแข่งครั้งนี้คือเสมอ…
ชิ้ง !
ชิ้ง !
วิชามารยาทคาบแรกเสมอ….แต่ครั้งหน้าฉันชนะนายแน่ !
สองความคิดดังประสานกันเงียบ ๆ ( ไอ้สองคนนี้ก็จะแข่งกันอย่างเดียวเลยเรอะ ! )
วิชาต่อไป วิชาการวางแผนกลยุทธ์ แน่นอนว่าอาจารย์สอนเป็นอาจารย์แก่ ๆ คนหนึ่ง ซึ่งพอมาถึงพี่ท่านก็เริ่มพูดถึงกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุด…นั่นก็คือ กลยุทธ์ของซุนวู
พวกวอดก้าก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง และเช่นเดิม วิสกี้และจินหลับคาโต๊ะไปเรียบร้อย ส่วนวอดก้าก็เฮฮา เอาผ้าพันคอมาพับเป็นรูปสัตว์เล่นเช่นเดียวกับเตกีล่าที่นั่งอ่านข่าวสารอย่างเมามันส์…คิดว่านะ หากแต่ก็มีหัวข้อข่าวบางหัวข้อที่เจ้าของโน้ตบุคซ์โน้ตเอาไว้พร้อมกับความคิดที่เริ่มผุดขึ้น ซึ่งเป็นข่าวที่ช่วงนี้มีคนหายตัวไปบ่อยมากขึ้น
“ คงต้องลองเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับวอดก้าหน่อยแล้ว ” เตกีล่าคิดในใจ มือเลื่อนลงไปดูหัวข้อข่าวอื่น
วิชาสุดท้าย วิชาโปรดของรัมผู้เป็นแพทย์และบราวน์ลูกชายของแพทย์หลวง
“ เอาล่ะทุกคน อาจารย์ชื่อเชอรีน ….เชอรีน เบลล่า เป็นอาจารย์ประจำวิชานี้ เริ่มเลยนะ พวกเราจะเริ่มทำสูตรยารักษาก่อนเลย ” อาจารย์สาวผมสั้นบ็อบเทสีน้ำตาลเริ่มการสอนด้วยอาการกระฉับกระเฉง ทำให้วิชานั้นเต็มไปด้วยความสนุกโดยเฉพาะรัมที่ห่างหายการทำยาเสียนาน
“ เฮ้ย ! ไม่ยักรู้ว่านายจะทำยาพิษนะไรออน ” วอดก้าเอี้ยวหัยไปแซวเพื่อนเล่น ได้รับอาการค้อนจากรูมเทมของซาเซน และเพียงไม่นาน เสียงออดหมดเวลาก็ดังเรียกอาการเสียดายจากรัมอย่างสุดซึ้ง
“ อาจารย์ครับ ว่าง ๆ ผมแวะมาหาอาจารย์ไดไหมครับ ” รัมถามด้วยสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความหวัง อาจารย์เชอรีนหัวเราะ บอกด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ
“ ยินดีจ้ะ ”
ในขณะที่พวกวอดก้ากำลังเฮฮาเพื่อเตรียมไปทานอาหารเย็น อีกด้านหนึ่งของเงามืด
พล่อก !
ร่างหงิกงอร่างหนึ่งกระแทกเข้ากับพื้น ร่างกายเต็มไปด้วยความเหี่ยวย่นราวถูกสูบวิญญาณออกไป ฟูจิที่ยืนอยู่ข้างผู้เป็นนายปรายตาให้ปีศาจระดับต่ำตนหนึ่งลากร่างไร้ลมหายใจนั้นไปทิ้ง
“ ซูด…เรื่องของนางไปถึงไหนแล้ว ” ฟูจิโค้งให้กับเสียงทุ้มนั่นแล้วตอบ
“ ยังไม่ได้เรื่องครับ ดูเหมือนนางเองก็กำลังอยู่ในช่วงพักฟื้น ”
“ อืม…แล้วเรื่องไอ้พวกเทพสวะพวกนั้นล่ะ ”
“ พวกเทพไม่เคลื่อนไหวเลยครับ พวกมันยังอยู่กันเช่นเดิม มีเทพอีกบางองค์ที่ระแคะระคายเรื่องที่เราส่งปีศาจไปแทรกซึมแต่พวกมันก็ไม่สงสัยมากครับ ”
“ ดี…ดีมาก ” เสียงทรงอำนาจพูดขึ้นอย่างพึงพอใจ ก่อนจะไล่ลูกน้องคนสนิทให้ออกไป
หลังเห็นแผ่นหลังลูกน้องของตนออกไปแล้ว รอยยิ้มแสยะที่มุมปากของเจ้าของเสียงก็ปรากฏขึ้นในเงามืดพร้อมกับนัยน์ตาที่แดงก่ำ พลังอำนาจมืดแผ่พุ่งให้กับเหล่าสมุนของตน
“ หึ ๆๆ อีกไม่นาน ไอ้พวกปีศาจกับไอ้พวกเทพสวะ ฉํนจะต้องหลุดจากผนึกแล้วตามไปฆ่าพวกแกให้ได้ ”
“ อีกไม่นาน….อีกไม่นาน ” เหล่าปีศาจพากันกรีดร้องอย่างพึงพอใจเมื่อได้รับพลัง นัยน์ตาของมันแดงก่ำ เต็มไปด้วยกระหายพร้อมกับความมืดที่พุ่งไปรอบทิศ
เสียงหัวเราะและเสียงอัปลักษณ์ของเหล่าปีศาจประสานเสียงร้องฟังดูน่าขนลุก เสียงเหล่าสัตว์ป่าและฝูงนกพากันกระพือปีกหลบภัยเมื่อสัญชาติญาณของมันบอกว่าจะมีอันตราย
พรึ่บ !!! ๆๆๆๆๆ
กา….กา !!!
ทางด้านวอดก้าและพาราไดซ์นั่นได้รับคำสั่งว่าวันนี้ไม่ต้องไปทำงานสภาทำให้พวกเขาทั้งสองต่างอาบน้ำอาบท่าแล้วเริ่มทำการบ้านของวิชากลยุทธ์กับงานสภาที่เหลือค้างคา
“ อืม…” แกร็ก ! ปากกาลูกลื่นในมือของวอดก้าวางลงช้า ๆ แว่นตาถูกถอดออกแล้วสวมลงที่ปกคอเสื้อเพื่อพักสายตา เช่นเดียวกับเจ้าชายหนุ่มที่ปิดหนังสือเล่มหนาเพื่อหยุดพักบ้าง
“ ตีหนึ่งกว่าแล้วเหรอเนี่ย…” เขาพึมพำเมื่อเห็นนาฬิกาห้องที่บ่งบอกเวลาวันใหม่ จึงลุกขึ้นบิดขี้เกียจช้า ๆ ได้ยินเสียงกระดูกลั่นดังกร็อบ !
ครืด !
เสียงเก้าอี้ที่พาราไดซ์นั่งถอยออกมาเป็นสัญญาณบอกอีกเช่นกันว่าเจ้าชายหนุ่มก็จะนอนแล้ว
“ ฝากหน่อยนะครับ ” พาราไดซ์ปรายตามองคนพูดแวบหนึ่ง ก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ยร่ายคาถาสั้น ๆ เพื่อให้ความเย็นกับห้อง
ฟู่ !
ไอเย็นจากการร่ายเวทของเจ้าชายหนุ่มไหลไปทั่วห้องเกิดเป็นอากาศบริสุทธิ์และโล่งเย็น นัยน์ตาสีส้มของวอดก้าปรากฏความเหนื่อยล้านิด ๆ เพราะหลายคืนที่ต้องตื่นแต่เช้ามาก ๆ มานั่งทำงานของโร แล้วค่อยไปหลับต่อเหมือนปกติ
สองคนช่วยกันเก็บของบนโต๊ะทำงานแต่ดูเหมือนเจ้าชายหนุ่มจะเกิดการเปลี่ยนใจกระทันหันเมื่อเห็นกองเอกสารจากสภาอีกชุดที่ยังไม่ได้ทำ จึงหันมามองรูมเมทด้วยสีหน้านิ่ง ๆ
“ จะนอนทีหลังสินะครับ งั้นผมขอหลับก่อนนะครับ ” ว่าแล้วนักบวชหนุ่มก็กระโจนขึ้นเตียงที่อยู่ติดกันทั้งอย่างนั้นแหละ เพียงไม่นาน ลมหายใจของคนนอนก่อนก็สม่ำเสมอส่วนพาราไดซ์ก็หันมานั่งทำงานต่อ
เกือบ ๆ ตีสามกว่า เอกสารจึงเสร็จไปบางส่วน เขาเอนหัวหลับตาด้วยสีหน้านิ่ง ๆ แล้วเหลือบมองไปยังเพื่อนร่วมห้องที่หลับสบาย ใบหน้ามีรอยยิ้มที่มุมปากนิด ๆ บ่งบอกถึงความสุขของเจ้าตัว
เขารวบเอกสารทั้งหมดให้เรียบร้อยแล้วเลื่อนเก้าอี้เข้าที่แล้วล้มตัวลงนอนบ้าง กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเส้นผมสีเงินของคนที่นอนติดกันทำให้เจ้าชายหนุ่มนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนเขาจะหลับตาพริ้ม ลมหายใจสม่ำเสมออย่างรวดเร็ว หากแต่ไม่นาน นัยน์ตาสีม่วงก็ต้องลืมขึ้นเมื่อรับรู้ถึงความหนักที่เอว
กลายเป็นใบหน้าของวอดก้าที่ชิดใกล้กับแขนข้างหนึ่งที่กอดเอวของพาราไดซ์ไว้ แต่ดูเหมือนจะทำความลำบากนิด ๆ ให้วอดก้าเพราะท่านอนที่ไม่ถนัด แต่ที่ลำบากคือเขาด้วยอีกต่างหากเพราะขยับไม่ได้
เจ้าชายหนุ่มถอนหายใจยาว ดึงมือของคนผมเงินออกแล้วรวบตัวบางของคนข้าง ๆ เข้ามาไว้ในอ้อมแขนแทน หลังจากคิดว่านอนท่าสบายแล้ว นัยน์ตาสีม่วงจึงปิดลงเช่นเดียวกับร่างของอีกคนที่ซุกเข้าหาไออุ่นมากขึ้น….ร่างสองร่างกอดกันแนบแน่นมากขึ้นเมื่ออากาศเย็นลง โดยแวบหนึ่งเส้มผมสีเงินสลวยกลายเป็นสีน้ำตาลแดง
รูปขนมหวาน ลาเรียเต้

♥♥♥♥ แถมให้ อิ ๆๆ ♥♥♥♥

เอิ่ก ๆๆ แบบหวานนิด ๆ ตอนท้าย หวังว่าคงสนุกน้า อย่าลืมคอมเม้นล่ะ ไม่งั้นไรท์เตอร์มีงอนแน่ !!!
บ้ายบาย ~~~ รักรีดเดอร์ทุกคนน้า จุ๊บ ๆ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
|
./////////.
PS. "การบอกรักเป็นสิ่งสุดท้ายของการแอบรัก แต่เป็นสิ่งแรกของการอกหักก็เท่านั้นเอง"
PS. โย่วววเอ็มจี้เองเน่ออ..ทักได้ไม่กัดคนแต่กัดขา? แหะๆ
ลาเรียเต้น่ากินจัง -..-
PS. ทุกอย่างมี 2 ด้าน เช่นเดียวกับ ราตรีที่มืดมิดแต่กลับสวยงามอย่างประหลาด ซึ่งมันแล้วแต่ว่าใครจะมองด้านไหนเท่านั้นของมันเท่านั้น เช่นเดียวกับความรัก ที่มีทั้ง ความทุกข์และความสุข
นอนหลับฝันดีแล้วงานนี้ 5555555