บทที่ 45 กุญแจและคำใบ้ 100 %
เช้าวันถัดมา ร่างของรุ่นน้องทั้งห้าที่เป็นขวัญใจหนุ่ม ๆ สาว ๆ ปราสาทฤดูร้อนพากันชี้ชวนดูรุ่นน้องหนุ่มในชุดนอนทั้งห้าที่เพิ่งหมดสภาพตกปุ๊กกลางโรงอาหารของหอเมื่อวาน โดยเฉพาะวอดก้าที่เพิ่งโผล่หัวมาเรียกอาการวี๊ดว๊ายเพราะความน่ารักของเจ้าตัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หัวหน้าคณะกรรมการปีหนึ่งซึ่งมักแต่งตัวเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าเป็นลูกคู่กับเจ้าชายหนุ่มหัวหน้าชั้นปีเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้เพื่อน ๆ ตามคำสั่งของสภา บัดนี้ปรากฏตัวด้วยเสื้อยืดสีชมพูหวาน ( ที่ไม่รู้ไปเอามาจากไหน ) กับกางเกงวอร์มขายาวสีเทาและหนีบอีแตะมาด้วย แต่กระนั้นก็สู้ที่คาดผมรูปหูกระต่ายสีดำปุยบนเส้นผมสีเงินไม่ได้เพราะเรียกความเด่นสะดุดตาให้กับเจ้าตัวมากกว่าเดิม คอเรียวมีผ้าพันคอสีส้มสดใสที่ผู้เป็นเจ้าของสวมใส่ติดตัวเสมอเช่นเดียวกับต่างหูสีชมพูอ่อนพันไว้อย่างสวยงามเรียกได้ว่าแม้จะแต่งตัวธรรมดาแต่ออร่าความเด่นมันก็ยังเรืองรอง
“ ไง ... ราฟาเอลบอกให้หยุดวันนี้อีกวันสินะ ” วอดก้าเอ่ยถึงผอ . หนุ่มเจ้าของโรงเรียนที่อนุญาตให้พวกเขาพักหนึ่งวันไม่รวมเมื่อวานเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากรู้ว่าเด็กหออัคคี เมื่อมีงานเลี้ยงแล้วจะจัดหนักจัดเต็มเสียเกือบโต้รุ่ง ยิ่งเป็นพวกตัวแสบอย่างพวกเขาย่อมไม่พ้นดื่มหนักจนแฮงค์ข้ามวัน ดังนั้นวันนี้พวกวอดก้าจึงได้หยุดหนึ่งวัน
“ เออ ... แต่ฉันจะยิ้มออกมากกว่านี้ถ้าไม่มีประโยคหลังมาด้วยอ่ะ ” วิสกี้ว่าด้วยสีหน้าเซ็งจิต วันนี้คุณพ่อค้าจัดหนักด้วยเสื้อสีดำ กางแกงดำ แทบจะดำทั้งตัว ( ไม่ช่าย ) เหมือนจะไว้อาลัยให้ใครบางคนที่ได้ส่งของขวัญชิ้นล่าสุดไปให้ นั่นทำให้พวกเขาต้องยิ้มร่าเพราะมันคือสารพัดสัตว์ที่แสนน่ารักทั้งหลายที่พวกเขาพร้อมใจออกตังค์ไปหาซื้อมาเพื่อให้รุ่นพี่ตัวแสบของอีกโรงเรียนโดยเฉพาะ
ส่วนสิ่งที่นักพนันสาวในคราบชายหนุ่มโอดครวญคือการหยุดนั้นต้องมีการทำงานแลกเปลี่ยน
“ เอาเถอะ ... วันนี้เราก็ไม่ค่อยเป็นอะไรมากแล้วไปช่วยผอ . ที่ห้องก็ได้ ” จินเอ่ยแสดงความคิดเห็น ยังคงความสดใสเริงร่าเช่นเดิมด้วยเสื้อสีแดง กางเกงผ้าไหมสีดำและตุ๊กตาหมีสีขาวในอ้อมแขน
“ นั่นสิ อ่อ ... พรุ่งนี้วิชาเวทมนตร์ของอาจารย์เอ็กเซลบอกว่าให้เอาตำราการวาดอักขระไปแทนหนังสือเวทมนตร์นะ ” รัมว่าขึ้นอย่างกระตือรือร้น แสดงความสนใจจากการวาดอักขระอย่างชัดเจนเพราะสายของเจ้าตัวเป็นประเภทการวางกับดักและวางอักขระเวทย์เช่นเดียวกับวอดก้าที่กำลังอยากเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ พอดี นัยน์ตาสองคู่จึงทอประกายตื่นเต้น
“ อย่างนี้ก็เจ๋งสิ ” วอดก้าพูดยิ้ม ๆ ท้องเริ่มร้องโครกครากเพราะเมื่อวานได้กินเพียงข้าวต้มสำหรับคนป่วยยกเว้นเจ้าแม่วงการข่าวสารที่ได้ทานขนมบวกแก้มนุ่ม ๆ ของใครบางคนไปด้วย
“ อึก ... ” เตกีล่าออกอาการสะอึกเล็กน้อยยามนึกถึงใบหน้าคม ๆ ของรูมเมทร่วมห้อง ยิ่งเหตุการณ์เมื่อวานยังฝังอยู่ในหัวจนคนที่เงียบเป็นปกติอยู่แล้วต้องเงียบกว่าเดิมจนอีกสี่หัวแอบสุมหัวกันซุบซิบผู้เป็นเพื่อนทิ้งอารมณ์หิวชั่วคราวในเมื่ออาการอยากรู้อยากเห็นมันแรงกว่า ... ของมันแรงก็เงี้ย
“ ฉันว่างานนี้มีเบื้องลึกแน่เลย ” วอดก้าพูดขึ้นก่อนด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ไม่ต่างจากจินที่หัวเราะคิ ๆ ในมาดโฉด มุมปากกระตุกรอยยิ้มหวาน
“ อย่างนี้มันต้องล้วงซะหน่อยแล้ว ”
“ นั่นสิเพราะคู่กรณีก็มอง ๆ หลบ ๆ เหมือนไปทำความผิดอะไรมา ” รัมว่าสนับสนุน หลิ่วตาไปทางท่านชายจากกรมข่าวสารที่ทำท่าหลุกหลิก พยายามปรับท่าทางให้เป็นปกติยามอยู่กับเพื่อนหนุ่ม วิสกี้ที่นึกอะไรขึ้นได้ถามผู้เป็นเพื่อนทั้งหมดเบา ๆ
“ พวกแกว่าแก้ม หน้าผาก หรือว่าปากกัน ”
“ อะไร ? ” วอดก้านิ่งหน้าอย่างสงสัยแต่ก็ต้องบางอ้อเมื่อนักพนันหนุ่มพูดขยายความ
“ ก็ ... จุ๊บ ๆ ไง ”
“ ... ” สี่สายตาประสานอย่างเจ้าเล่ห์ ตามด้วยการประสานเสียงหึ ๆ
“ อย่างนี้มันต้องถามเจ้าตัวเอง ! ” ไม่ว่าเปล่า วอดก้าเดินไปหาผู้เป็นเพื่อน มือหนึ่งเลื้อย (?) โอบรอบคอเตกีล่าจากทางด้านหลังทำเอาเพื่อนหนุ่มสะดุ้งเฮือกจากภวังค์ เริ่มรู้สึกถึงลางร้ายเมื่อเห็นหูกระต่ายสีดำไหวระริกเหมือนมีแผนการเจ้าเล่ห์ ไม่ต้องพูดถึงอีกที่เหลือที่แสยะยิ้มกว้าง จินและรัมพากันไปล็อกแขนของเพื่อนสาวในคราบชายหนุ่มอย่างแน่นหนา วิสกี้ลากเก้าอี้มานั่งด้านหน้าเตกีล่าที่ทำท่างุนงงแล้วถามด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
“ เอาล่ะเติร์ก ... เราคงต้องมีการเปิดเผยความจริงเรื่องเมื่อวานกันบ้างแล้ว ” เจ้าตัวหน้าซีดลงเมื่อรู้ว่าเหล่าเพื่อนตัวแสบอาจจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาและบลัดดี้ เรียกเถียงปากคอสั่น
“ มะ ๆ เมื่อวาน ... เมื่อวานไม่มีอะไรสักหน่อย แล้วเฮ้ย ! จะล็อกทำไมเนี่ยจิน รัม ไอ้วอดก้าด้วย ! ” เตกีล่าโวยวายเมื่อเพื่อนทั้งสามกระชับการจับไว้แน่นขึ้น วิสกี้รีบหรี่ตาถามต่อกับท่าทางมีพิรุธนั้น
“ แน่ใจนะว่าไม่มีอะไร มีจุ๊บ ๆ กันแล้วไม่บอกพวกฉันหรือเปล่า ? ”
“ ... ” เงียบ ... ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก
“ อย่างนี้จูบกันไปแล้วชัวร์ว่ะ ” วอดก้าพูดทะลุกลางปล้องเรียกคำแก้ตัวลนลานจากเตกีล่าทันที
“ เฮ้ย ... มีที่ไหนแค่แก้มเท่านั้นอะ ... เอง ” เจ้าแม่วงการข่าวสารชะงัก ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อเมื่อรับรู้ว่าเผลอหลุดไปเต็ม ๆ ส่วนไอ้สี่ตัวที่เหลือเมื่อได้รับคำตอบก็ระเบิดเสียงหัวเราะลั่นในทันที แล้วแยกย้ายกันหนีก่อนจะโดนคนเป็นเพื่อนเตะ เรียกเสียงหัวเราะครื้นเครงจากเหล่าเด็กที่เหลือเพราะพวกเขาวิ่งกันไปทั่ว หลบหลังคนเป็นรุ่นพี่บ้าง เพื่อนบ้าง จนโผล่มาที่หลังเจ้าชายหนุ่มที่กำลังรับประทานอาหารอยู่ เตกีล่าที่กะจะเคาะกะโหลกเพื่อนสักทีต้องถอยกรูดเมื่อเจอรังสีหนาวเหน็บที่ส่งมาไม่ได้แม้มันจะไม่ได้ส่งถึงเขาโดยตรงก็เถอะ
“ ว้าว ... ทาร์ตไข่นี่นา น่ากินจัง ” วอดก้าที่เกาะบ่าคนตัวสูงอยู่ไม่รอช้า หาส้อมมาจากไหนไม่รู้ ตัดแย่งทาร์ตไข่แล้วตักเข้าไปกินอย่างอร่อย ทำเป็นไม่สนใจสายตาและไอเย็น ๆ จากผู้เป็นเจ้าของที่แผ่พุ่งใส่ แต่มีหรือคนอย่างวอดก้าจะสำนึก ลากเก้าอี้มาร่วมวงด้วยแล้วกวักมือเรียกคนที่เหลือที่พากันไปซื้ออะไรมาเรียบร้อยแล้วให้มานั่งร่วมโต๊ะด้วยกัน
“ ไดซ์ ๆ ไอ้นั่นน่ากินจัง ซื้อร้านไหนเหรอ ? ”
“ ... ”
“ อ้อ ... ร้านที่สามจากขวามุมสุด อร่อยแฮะ ”
“ ... ”
“ ไดซ์ ส่งจานนั้นให้หน่อย ... แต้ง ๆ ”
“ ... ”
“ อ่า ... อร่อยสุดยอด ”
“ ... ”
“ ไม่ต้องมาบ่น นายก็รวย ขอนิดขอหน่อยอย่าขี้เหนียวหน่อยน่า ”
“ ... ”
“ จ้า ๆ กินเงียบ ๆ ก็ได้ ”
เอ่อ ... วอดก้า รู้ว่าแกเทพแต่ไม่ยักรู้ว่าอ่านใจคนได้ด้วย
คนฟังได้แต่ทำตาปริบ ๆ เมื่อฟังคำสนทนายืดยาวจากคนเพียงคนเดียวที่พูดคนเดียวราวกับคนบ้า จนทั้งหมดทำหน้าเหลอหลาไปตาม ๆ กัน
“ พรืด... หึ ๆ ขอโทษนะ แต่มันหยุดไม่ได้จริง ๆ ” วิมเลทที่นั่งเงียบฟังเสียงหนึ่งพูดมานานหลุดหัวเราะพรืดอย่างฉุดไม่ได้จริง ๆ เมื่อเห็นท่าทางของเจ้าชีวิตที่แม้จะทำท่าทางเรียบเฉย แต่ก็มีความเอือมระอาปนรื่นรมย์แฝงอยู่ในนัยน์ตาคู่สีม่วงนั้นเมื่อเจอความแปลกประหลาดของนักบวชร่วมห้องที่ตอนแรกก็ดูสุภาพดีอยู่หรอก ไป ๆ มา ๆ มันก็เริ่มหลุดอาการมากยิ่งขึ้นจนผยความบ้า ๆ บอ ๆ ออกมาอย่างเต็มพิกัด ไม่ต่างจากคนอื่น ๆ เจ้าชายหนุ่มที่ไม่เคยเจอคนที่กล้าสั่งเขามาก่อนมองท่าทางธรรมดาแต่บางครั้งแฝงความกวนประสาทมาด้วยจนอดไม่ได้ที่จะเผลอเอ็นดู ...
เอ็นดูอย่างนั้นหรือ ?
พาราไดซ์ชะงักกึกจนวอดก้าต้องหันมาเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจหากแต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ตอบอะไร คิ้วขมวดเล็กน้อยแล้วคลายลงอย่างรวดเร็วเมื่อเขาไม่คิดจะนำมาใส่ใจแม้ใจจะเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ซึมวาบเข้ามาจากประตูที่ปิดสนิทของเขา ... ปิดตั้งแต่ที่สูญเสียคนสำคัญไป
“ ไอ้วิส ... ” เสียงขบกรามกรอด รอดไรฟันของจินทำเอาหลายสายตาหันมองก่อนจะเจอของที่ปลิวหวือเพราะสองหนุ่มที่แย่งน่องไก่กันเอง
“ ฉันรู้สึกว่าส้อมฉันมันปักที่เนื้อก่อนนะไอ้เกลอ ” จินว่าพลางหรี่ตาลงเป็นเชิงเตือนแต่วิสกี้ก็ลอยหน้าลอยตา ยกยิ้มกวนประสาท
“ สงสัยแกจะรู้สึกไปเองล่ะมั้งไอ้เพื่อนเลิฟ ”
โป๊ก !
เตกีล่าขึงตาดุสองหนุ่มแล้วเอ่ยสอน “ อย่าทะเลาะกันตอนทานอาหารสิ ” ไม่ว่าเปล่ารีบใช้มือคว้าน่องไก่แล้วทำท่าจะงับท่ามกลางสายตาเบิกกว้างของหนึ่งนักพนันและหนึ่งพ่อค้าแต่ก็มีเงาดำสายหนึ่งคว้าไปอีกรอบ
“ หุ ๆๆ ไม่แบ่งกันแบบนี้ไม่ดีนะครับ ” รัมนั่นเองที่คว้าไปพลางยักคิ้วให้อีกสามหนุ่มเพื่อนซี้อย่างสุขสันต์แต่ยังไม่ทันจะได้งับน่องไก่แสนอร่อย อีกมือก็ฉวยไป คราวนี้ไม่มีการพูด มีแต่กินก่อนจะโดนชิงไปอีกรอบพร้อมเสียงหัวเราะก๊ากยามมองใบหน้า อ้าปากค้างของผู้เป็นเพื่อน
“ ชักช้า ... ก็เสร็จโจรสิครับ ว่ะฮะ ๆ ” ไม่ว่าเปล่า ส่งเสียงหัวเราะลั่น สี่เสียงประสานพูดอย่างเจ็บใจที่พลาดเสียได้
“ ขี้โกง ! ”
“ เฮ้ย ๆ อย่าเล่นหัวดิ ลามปาม ๆ ”
“ เอามานี่เลยนะ ! ”
“ แซนวิสชิ้นนั้นของฉันนะ ”
“ หลบไปเคียร์ ”
“ ของฉันนะนั่น ! ”
“ ไอ้บลัด ไอ้เพื่อนเลว ”
“ ใครดีใครได้โว๊ย ! ”
“ ชิ ... เราคงต้องตัดความเป็นเพื่อนแค่นี้แหละ ส่งเค้กชิ้นนั้นมาซะ ! ”
“ หน็อย ! ”
“ เฮ้ย ๆ ! ”
โป๊ก !
เจ้าชายหนุ่มเอาส้อมเคาะหัวรูมเมทร่วมห้องที่ทำให้เวลาทานอาหารอันสุขสงบของเขาหมดลงจนวอดก้าต้องแจกยิ้มแห้ง ไล่เคาะกะโหลกวิสกี้ จิน รัมและเตกีล่าเรียงคนเมื่อได้รับคำสั่ง แสร้งทำเป็นไม่สนใจเสียงโวยวายของเพื่อนหนุ่ม กลับชิมอาหารในจานของเขาต่อ
“ วิมคร้าบ ” เสียงใสของไอ้ตัวแสบร่วมห้องทำเอาองครักษ์หนุ่มชะงักกึกเมื่อได้ยินคำพูดดี ๆ จากวิสกี้แต่ก็ต้องเปลี่ยนความคิดเมื่อได้ยินประโยคถัดมา “ เค้าขอพายชิ้นนะตัวเอง อ่ะ ! ขอบใจมาก ” ไม่ว่าเปล่า มือเรียวทำท่าจะคว้าหมับพายสอดใส้สัปปะรสของชายหนุ่มแต่มีหรือที่เขาจะยอมในเมื่อมันเป็นของโปรดของเขาอันดับหนึ่งที่เหลือเพียงชิ้นสุดท้ายแล้วเท่านั้น มือหนาจึงตีเพี๊ยะเข้าให้ที่มือนุ่มแล้วถลึงตาใส่
“ เก็บมือไปเลยไอ้หัวส้ม พายชิ้นนี้เป็นชิ้นสุดท้าย ฉันไม่ยอมยกให้ใครแน่ ” แขนแกร่งโอบจานตัวเองไว้ตามที่บอกจริง ๆ แล้วแยกเขี้ยวใส่คนหัวส้มเมื่อเห็นนัยน์ตาที่วาวระยับของอีกฝ่าย
“ เชอะ ไอ้ขี้งก น่า ... ฉันอยากกินจริง ๆ นี่ ” เสียงของวิสกี้เอ่ยต่อรองแต่เขาก็ยังส่ายหัวยืนกราน การปะทะคารมของสองหนุ่มจึงเริ่มขึ้นทันใด
“ บราวน์ ... นั่นมันเค้กฉันนะ ! เอาคืนมาซะดี ๆ ” เสียงทุ้มขู่ฟ่อ ๆ ราวลูกแมว มองเค้กเลม่อนที่ถูกดึงไปก่อนเจ้าตัวจะได้กินโดยบุตรชายแท้ ๆ ของแพทย์หลวงแห่งพระราชวังที่ลอยหน้าลอยตา ใช้ส้อมจิ้มชิ้นเค้กนั้นเข้าปากอย่างอร่อย
“ หา ... ว่าอะไรนะ ” ชายหนุ่มทำท่าแคะหูอย่างที่เห็นแล้วน่าตบเป็นที่สุดจนรัมต้องกระตุกยิ้มเหี้ยม หรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วใช้มือคว้าชิ้นเค้กบราวน์นี่ของอีกฝ่ายเข้าปากด้วยความเร็วเช่นกัน
“ เฮ้ย ! เค้กบราวน์นี่ของฉัน ... ” เจ้าของที่มีชื่อเหมือนขนมเบิกตากว้างเมื่อมองบราวน์นี่ช็อกโคแลตสีน้ำตาลถูกส่งเข้าปากรัมอย่างรวดเร็ว แพทย์เถื่อนยิ้มเยาะ ส่งสายตาท้าทายอย่างต่อเนื่อง และมันยังคงมีเสียงโหวกเหวกโวยวายดังเสมอ แต่ทั้งหมดหารู้ไม่ว่าหลาย ๆ คนมองภาพความสนิทสนมนี้อย่างแปลกใจกับความผ่อนคลายที่คล้ายกำแพงกั้นทั้งสองกลุ่มที่มีได้หมดลงจนอดยิ้มบ้างไม่ได้ ไม่นานคาเมลเทียร์และคาเมสเทียร์ ฝาแฝดหัวชมพูก็เริ่มลากเก้าอี้มาร่วมวงพร้อมเล่าเรื่องขำ ๆ ที่เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มครื้นเครงได้ทั้งวง ตามมาด้วยสาว ๆ ทั้งห้า เจน มาดอนน่า แครอไรน์ ซูกิและซิซีลี สาวผมแดงที่กระโดดมาคาดคั้นวอดก้าว่าไปทำอะไรมาถึงได้เมาแอ๋ขนาดนั้น แน่นอนว่าผู้เป็นพี่ชายอย่างซาเซนก็ตามมาด้วยเพื่อกราดตาดุ ๆ ไปยังรุ่นพี่หน้าละอ่อนที่คิดจะกินน้องสาวเขา ก๊วนที่เหลืออันคือไรออน พ่อค้าจากเมืองท่าน้ำ รีฟ เร็นได้มาขอให้รัมสอนและช่วยแก้ไขจุดบกพร่องในการต่อสู้ให้ โจเซฟ อันนี้ก็คู่หูซาเซนและไรออน พาสเซ่ หนุ่มหน้าหวานแต่อาวุธไม่หวานตาม ( ดาบคาตะนะ ) มาขอความช่วยเหลือจากจินด้วยวัสดุลับหินที่ทำเอาคนฟังทำหน้าไปไม่ถูกเลยทีเดียว ไบรอนที่ ณ ตอนนี้กำลังซวยเรื่องมารยาท เจ้าตัวเนียนมาขอให้วอดก้าติวเรื่องนี้ให้เพราะชายหนุ่มเล่าให้ฟังว่าหากคาบชมรมที่เขาได้เข้าชมรมฝึกมารยาทครั้งต่อไป สอบไม่ผ่านจะถูกหักคะแนนทั้งที่คะแนนวิชานี้ก็ต่ำเตี้ยติดดินอยู่แล้ว แน่นอนว่าวอดก้าเราไม่ทำอะไรให้ผู้ใด๋ ( ? ) ฟรี ๆ น้ำเสียงเจ้าเล่ห์พร้อมรอยยิ้มชวนหนาว ๆ ร้อน ๆ ส่งมอบแบบใส่พานถวายให้เพื่อนร่วมชั้นปี
“ งานนี้ต้องมีแลกเปลี่ยนนะไบรอน ”
“ เอางั้นก็ได้ นายอยากได้อะไรล่ะ ” นักหอกผู้เก่งกล้าพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ
“ ติดไว้ก่อน ตอนนี้นายติดหนี้ฉันอยู่อย่างหนึ่งแล้วนะ ” ไม่ว่าเปล่า มือเรียวเชยคางผู้เป็นเพื่อนขึ้น ทำเอาไบรอนขนลุกซู่ เริ่มรู้สึกหวั่นใจว่าคิดผิดที่ไปตอบรับข้อเสนอของนักบวชหนุ่ม
“ หึ ! ๆ ” เอิ่ม ... เข้าใจว่าคุณพี่อยากหัวเราะ แต่ขอร้อง ... อย่าหัวเราะด้วยน้ำเสียงราวซาตานแห่งความมืดทั้งที่เจ้าตัวมีฐานะอันศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นถึงนักบวชได้ม้ายยยย !
ไบรอนเหงื่อแตกพลั่ก ๆ หัวเราะเจื่อน ๆ แล้วถูกวิสกี้ชวนคุยเรื่องอื่นต่อแทน
พาราไดซ์ส่ายหัว อดรู้สึกสงสารคนเป็นเพื่อนไม่ได้ที่ตกหลุมพรางปีศาจไปเสียแล้ว
แต่ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องของเขานิ
เมื่อคิดได้ดังนั้น เจ้าชายหนุ่มจึงยกชาขึ้นจิบอย่างสงบนิ่งเช่นเดิม ...
วันต่อมา วิชาเวทมนตร์
“ เอาล่ะ อย่างที่ครูแจ้งไปล่วงหน้านะว่าวันนี้เราจะเรียนการเขียนหรือวาดอักขระโบราณ นี่เป็นหนึ่งในวิชาขั้นสูงและหาวิธีในการเขียนได้ยาก นอกจากนี้ตั้งใจเรียนให้ดีเพราะจะมีทดสอบท้ายคาบ ” อาจารย์ชราว่าเรียกเสียงฮือฮาและความกังวลจากนักเรียนคนอื่น ๆ ทั้งหมดต่างนั่งประจำที่เพื่อเตรียมฟังคำสอนพร้อมกับเปิดตำราควบคู่ไปด้วย
การวาดอักขระจะมีวิธีการวาดอยู่สองรูปแบบ อย่างที่หนึ่งวาดด้วยร่างกายคือการใช้น้ำหมึกหรือสื่อต่าง ๆในการวาดออกมาเป็นอักขระสั่งการ อักขระคือคำที่เป็นตัวแทนของพลังเวท ใช้ในการเรียกตัวตนหรือพลังที่ไร้แก่นที่มาหรือไร้ชื่อของเวทนั้น ๆ และเพื่อรวบรวมพลังเวทในการให้สามารถใช้ได้ดั่งใจนึก วิธีนี้เป็นการฝึกขั้นเริ่มต้นเหมือนการวาดวงเวทโดยใช้หมึกพิเศษที่ตราเวทมนตร์เพื่อให้ควบคุมได้ง่ายสำหรับมือใหม่ แบบที่สองคือการวาดด้วยพลังเวท ควบคุมเวทให้กลายเป็นอักขระแทนการให้สื่อ เช่นการควบคุมสายน้ำให้กลายเป็นอักษรของอักขระแล้วรวมพลังนั้นจนกอ่ให้เกิดพลังใหม่ โดยปกติแล้วพลังเวทของธาตุหลักทั้งหกอันได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ แสงสว่าง และความมืดจะข่มกันเองยกเว้นสองธาตุสุดท้ายที่จะเป็นธาตุที่สร้างความสมดุลให้กับอีกสี่ธาตุที่เหลือ ดังนั้นเมื่อสามารถตราอักขระให้เสริมส่งกันได้จะทำให้พลังเวทนั้นเสียน้อยลงและมีความรุนแรงมากยิ่งกว่าการร่ายเวทโดยตรง แต่เพราะความเสียเวลาในการวาดรวมถึงความซับซ้อนทำให้ส่วนใหญ่ผู้ใช้เวทมนตร์นิยมการร่ายด้วยการท่องออกมามากกว่า แม้จะเสียพลังมากแต่ได้ผลเร็ว ยิ่งในสถานการณ์ที่คับขันด้วยแล้ว
การวาดอักขระขั้นสูงหรือแบบที่สอง วิธีการคือกลั่นไอเวทย์อย่างใดอย่างหนึ่งหรือก็คือพลังเวทนั่นเองออกมาแล้วควบคุมมันให้ได้ดั่งใจนึก แค่การจะควบคุมยังยากแล้วแค่ส่วนที่ยากจริง ๆ คือการบังคับให้กลายเป็นตัวอักขระและให้ไอเวทย์นั้นสามารถคงรูปอยู่ได้โดยที่ไม่สลายหรือบิดเบี้ยวไปก่อน เพราะหากเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นจะทำให้การวาดวงเวทที่เกิดจากการวาดอักขระจะสูญเสียสมดุลและพลังจนเกิดการหักล้างกันนั่นเอง ผู้ที่สามารถทำได้ต้องมีสมาธิอยู่ในขั้นสูงมาก ตัดทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวแล้วควบคุมพลังเวทย์ของตนให้เขียนอักขระให้ถูกตลอดการวาด ดังนั้นวิธีนี้จึงจัดได้ว่ามีความเสี่ยง ต้องเป็นผู้ที่ชำนาญเฉพาะทางเท่านั้นที่จะสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง แม่นยำ นอกจากนี้ถึงแม้จะฝึกทำการวาดอักขระขั้นต้นแต่ก็ต้องปวดหัวไปกับการจำและวิธีวาดอักขระทั้งหมดให้ถูกต้องอยู่ดี
ระหว่างที่ทั้งหมดตั้งใจฟัง วอดก้ากลับปรือนัยน์ตาลงจนแทบจะปิดจนสุดท้ายก็ฟุบลงไปกับโต๊ะเพราะความง่วงงุนบางอย่างที่ฉุกรั้ง
กริ๊ง !
อีกแล้ว ... เสียงกระดิ่ง ไม่สิ เสียงระฆังแก้วนี่อีกแล้ว
วอดก้าคิดในใจเมื่อเริ่มได้ยินเสียงแว่ว ๆ ยังเป็นท่วงทำนองของระฆังเสียงใสที่จากตอนแรกยังแผ่วเบาแต่ยิ่งนานก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับความง่วงที่มากขึ้น แขนขาและร่างกายเริ่มด้านชาจนขยับตัวไม่ได้ แต่เพราะพลังสายหนึ่งที่ชักนำให้ไว้วางใจต่อเสียงนั้น วอดก้าจึงเลือกที่จะทำตามและไม่ขัดขืน
ภาพในฝันนั้นเป็นภาพอักขระมากมายที่วิ่งวนนับร้อยตัว ล้อมรอบตัวเขาไว้จากนั้นมันจึงเคลื่อนไหวอย่างช้าลงจนกลายเป็นหยุดนิ่งในที่สุดโดยแย่งแยกเป็นหกสีชัดเจนอันได้แก่สีแดง น้ำตาลทอง เขียว ฟ้า สีดำและสีขาวแต่กลับมีสีหนึ่งที่สว่างเรืองรองเกินสีใด นั่นคือแสงสีน้ำตาลทอง อักขระที่มีความยาวมากพอสมควรถูกดวงตาคู่สีม่วงอมแดงจดจำไปอย่างรวดเร็ว แม้เหมือนจะผ่านไปชั่นพริบตาเดียวแต่เวลาภายนอกนั้นผ่านไปถึงครึ่งชั่วโมง คาบนี้เรียนหนึ่งชั่วโมงครึ่งโดยอีกหนึ่งชั่วโมงจะเป็นการฝึกวาดอักขระ
“ วอดก้า ... วอดก้า ! ตื่นได้แล้ว อาจารย์จะให้ฝึกวาดอักขระแล้ว ”
วิ๊ง !
เสียงที่แทรกตามหลังมาทำให้วอดก้าสะดุ้งตื่นทันใดราวกับสติเพิ่งเข้าตัว นักบวชหนุ่มเหลียวมองดูรอบกายก็พบว่าเพื่อน ๆ ของเขานั้นทยอยเดินเข้าไปในห้องซ้อมเวทมนตร์แล้ว และคนที่ปลุกเขาก็คือรัมนั่นเอง
“ เมื่อคืนไม่ค่อยได้นอนเหรอ ? รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า ? ” เพื่อนสาวในคราบชายหนุ่มถามอย่างเป็นกังวลแต่วอดก้าเพียงส่ายหน้าเล็กน้อย รวบตำราเข้าตัวแล้วบอกด้วยรอยยิ้ม
“ แค่นอนดึกไปหน่อยน่ะ ไปกันเถอะ ”
“ อืม ” รัมพยักหน้ารับ
คนที่ได้เข้ามาในห้องฝึกนี้ต่างแสดงอาการตื่นเต้นกันทั่วหน้า แสงสว่างที่เกิดจากพลังเวทที่มีอยู่ภายในทำให้เห็นสภาพห้องนี้ชัดเจน ผิดก็แต่วอดก้าที่รู้สึกแปลก ๆ ตั้งแต่ย่างกรายเข้ามาในห้องซ้อมเวทมนตร์
ห้อง ๆ นี้มีลักษณะเป็นห้องที่สร้างด้วยศิลามนตราที่วาดด้วยพลังของเอลฟ์เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับหินศิลาเหล่านี้ นอกจากเวทมนตร์ใดจะทำลายหรือก่อให้เกิดความเสียหายได้ยากแล้วยังช่วยฟื้นฟูพลังเวทได้ดีขึ้นมากด้วย สมกับที่ถูกสร้างโดยเผ่าพันธุ์ที่ก่อกำเนิดจากธรรมชาติ นอกจากนี้ความพิเศษของมันคือสามารถฟื้นฟูสภาพได้เองด้วยทำให้เป็นที่สนใจของใครหลาย ๆ คน ความกว้างของมันเกือบเท่าพื้นที่ในโรงอาหารของหอเลยทีเดียวทำให้พวกเขารู้อีกอย่างว่าที่นี่เป็นมิติพิเศษ
“ เอาล่ะ ขอให้ทุกคนตั้งแถวห้าแถว แถวล่ะห้าคนและเว้นห่างกันคนละแปดเมตรด้วยเพราะอาจเกิดข้อผิดพลาดในการวาดอักขระ จำไว้ใช้เฉพาะธาตุที่เธอถนัดแค่ธาตุเดียว ” เอ็กเซลสั่งนักเรียนของตนแล้วมองดูการจัดลำดับแถวที่ดูวุ่นวายเล็กน้อยของทั้งหมดด้วยรอยยิ้มแล้วจึงให้สัญญาณในการฝึก แสงวูบวาบของการบังคับพลังเวทย์ให้กลายเป็นตัวอักขระจึงเริ่มขึ้นทันที แน่นอนว่ามันย่อมต้งมีข้อผิดพลาดกันบ้าง
ตูม !
“ แหงะ ... ตวัดเส้นยาวเกินแฮะ ” วสกี้ที่หน้าดำเพราะวาดอักขระผิดยู่หน้าเล็กน้อยแต่ก็มองตำราที่กางอยู่บนตักของตัวเองเพื่อวาดใหม่และเสียงระเบิดที่ดังต่อมาก็เรียกความสนใจได้จากนักพนันหนุ่ม
เปรี้ยง !
“ แค่ก ! ๆ ดันวาดหางสั้นไปแหะ ” วิมเลทนั่นเองที่เป็นผู้โชคร้ายคนต่อมาเรียกเสียงหัวเราะครืนจากวิสกี้และในที่สุดสองหนุ่มก็เข้าสู่การแข่งขันว่าใครจะวาดอักขระเวทได้สมบูรณ์ก่อน
แน่นอนว่าคนที่เหลือชะตาก็ไม่ได้แตกต่างกันเลยแม้แต่น้อยเว้นก็แต่วอดก้าที่นั่งนิ่ง นัยน์ตาเหม่อลอยทั้งยังไร้ประกายแปลก ๆ มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมา ขยับช้า ๆ อักษรสีน้ำตาลทองก็ผุดขึ้นจากใต้เท้า เรียงเป็นอักขระโบราณดั่งที่เขาเห็นในฝัน
แวบ !
“ ที่นี่ ... ที่ไหนอีกหว่า ? ” วอดก้าเกาหัวแกรกเมื่อพบเห็นผืนดินอุดมสมบูรณ์แต่ไร้ซึ่งพืชพรรณเติบโตทอดยาวสุดลูกหูลูกตาแต่มีร่างร่างหนึ่งยืนอยู่พร้อมสิ่งหนึ่งในมือ
กุญแจ ?
วอดก้าขมวดคิ้วพอดีกับที่ร่างนั้นเอื้อนเอ่ยบทกลอนหนึ่งซึ่งนั่นทำให้เขาเองพูดประสานไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว
อันความรู้ หนังสือ และปัญญา
ทั่วโลกา นั่นอยู่ ที่แห่งนี้
หนึ่งที่ซ่อน สร้อยมือ องค์เทพี
ฤดูสี่ ในคิมหันต์ ยังฝังใจ
แล้วกุญแจดอกเล็กนั้นก็พุ่งเข้าหาเขาพร้อมสติที่กลับคืน รอบตัวเขาเต็มไปด้วยเศษดินและกำแพงดินล้อมเป็นป้อมปราการจนวอดก้าสั่งสลายอักขระ ฝุ่นควันจึงฟุ้งจนเขาต้องเบ้หน้า ใบหน้าเปื้อนไปด้วยสีน้ำตาลของดินเรียกเสียงหัวเราะครื้นจากคนอื่น ๆ เมื่อรู้ว่าแม้แต่เพื่อนคนเก่งยังพลาดท่า
“ ฝันอย่างนั้นเหรอ ? ” เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ แต่ก็รู้สึกตัวมือข้างขวาได้กำบางสิ่งไว้ มันคือ ... กุญแจดอกเล็กสีน้ำตาลทอง
“ ของชิ้นแรกได้ฤกษ์หาแล้ว ” รอยยิ้มที่มุมปากปรากฏความพึงพอใจ ใช่ว่าวอดก้าจะไม่สามารถหาของทั้งสี่จากอาเรียได้แต่สิ่งที่ผู้เป็นมารดาได้บอกต่างหากว่าเมื่อถึงเวลา ผู้พิทักษ์จะเป็นคนปรากฏกายและมอบกุญแจในการค้นหาของทั้งสี่เองพร้อมมอบบททดสอบเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเขาหรือเธอนั้นเหมาะสมที่จะครอบครองหรือไม่
ต่ออีก 20% ค่ะ คอมเม้นด้วยน้า
“ สถานที่ยังไงก็บอกถึงเมืองวาเนซซ่า แต่ปัญหาคือมันอยู่ที่ไหนต่างหาก ” วอดก้าพูดพลางปิดหนังสือในมือดังปึง ดวงตาหลังเลนส์กรอกไปมาอย่างใช้ความคิด โดยมีอีกสามหน่อเพื่อนซี้นั่งเท้าคางมอง
“ อืม ... นั่นอะเด่ะ อุตส่าห์ได้คำใบ้มาแล้วแท้ ๆ ถึงวาเนซซ่าจะเป็นเมืองขนาดกลางแต่ต่อให้เป็นเมืองขนาดเล็กก็เถอะ เราก็ไม่รู้อยู่ดีว่าจะหาจากที่ไหน ? ” จินที่นั่งควงปากกาในมือทำสีหน้าครุ่นคิด วิสกี้ลูบคางตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเสนอความเห็นว่า
“ งั้นเรามาลองดูกันหน่อยไหมว่ากลอนที่วอดก้าได้มามันอาจจะมีหนทางหาพิกัดของตำแหน่งสร้อยข้อมือก็ได้ ”
“ นั่นสินะ ” วอดก้าพยักหน้าอย่างเห็นด้วยแต่แล้วก็กระพริบตาปริบ ๆ หลังกวาดตามองไปรอบตัว
“ แล้วรัมหายไปไหนล่ะ ? ” เขาเพิ่งรู้สึกตัวหลังหาข้อมูลจากกลอนที่ได้รับมาเสร็จว่าหนึ่งในเพื่อนรักอีกคนหายจ๋อยไปเสียแล้ว เตกีล่าปัดเส้นผมสีแดงเพลิงของเจ้าตัวไปด้านข้างแล้วตอบเสียงเรียบทั้งที่มือยังไม่ละจากแป้นคีย์บอร์ด
“ เห็นว่าผอ . วิเวียย่าเรียกไปคุยธุระอะไรสักอย่างนี่แหละ เดี๋ยวก็คงกลับมา ”
“ อ๋อ ... ”
“ งั้นมาเริ่มลองหารหัสหรือคำใบ้อะไรกันดีกว่า ” พ่อค้าหนุ่มว่าอย่างกะตือรือร้นเรียกรอยยิ้มจากคนที่เหลือก่อนพวกเขาจะพากันสุมหัวอย่างขะมักขะเม้นในการหาคำใบ้
ผ่านไปสักพัก
“ ไม่เห็นมีเลย ” เตกีล่าทำหน้ายุ่งเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ที่ถอนหายใจเฮือก นักฆ่าสาวในคราบชายหนุ่มหมุนลูกกุญแจดอกเล็กเล่นก่อนจะเพิ่งสังเกตว่ามันทำจากคริสตัลสีน้ำตาลทอง
ถ้าเอาไปขายคงได้ราคาดีไม่น้อยแฮะ
หัวเกี่ยวกับเรื่องเงิน ๆ เริ่มเสนอความเห็นในใจทำเอาเจ้าของสมองอดพยักหน้าหงึกหงักด้วย ยกกุญแจดอกเล็กขึ้นส่องกับแสงไฟแล้วนิ่งค้างเมื่อเห็นอะไรบางอย่าง
“ เติร์ก หาพิกัด 41.7 - 17.8 ให้ที ” แม้เตกีล่าจะแปลกใจกับการกระทำของคนเป็นเพื่อนแต่ก็จัดให้ตามที่ขอแล้วหมุนหน้าจอไปทางเพื่อนอีกที่เหลือซึ่งทำตาโต เริ่มรับกุญแจคริสตัลไปส่องไฟแล้วพบอักษรเลือนรางตามที่วอดก้าได้พูดไป
ฟุ่บ
“ ทำอะไรกันอยู่ ” พ่อหมอที่หายไปนานโผล่ชะแวบมาพร้อมเอ่ยทักผู้เป็นเพื่อน มือหนึ่งถือม้วนกระดาษซึ่งมีริบบิ้นสีทองผูกไว้ ตราด้วยตราสัญลักษณ์ของวังหลวงของวาเนซซ่า
“ เฮ่อ ... จะเรียกเป็นพรหมลิขิตหรือกรรมตั้งแต่ชาติปางก่อนดีหนอ ... ” รัมพูดเปรย ๆ พลางส่ายหัวเหมือนคนที่ผ่านโลกมามากหลังรู้ในสิ่งที่ทำให้วอดก้า วิสกี้ จินและเตกีล่าทำหน้าพิลึกพิลั่น
“ เห็นทีจะได้ฤกษ์ไปทำบุญล้างบาปแล้วล่ะไอ้เกลอ ” วอดก้าเอ่ยเสนอเสียงหน่ายเช่นเดียวกับคนที่เหลือ
“ เห็นด้วย ! ”
ไปอ่านต่อเลยค่า
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ของทั้งสีาเป็นคฝเรื่องประดับ ที่วอดก้าจะต้องตามหา เป็นหน้าที่ นางจะมีฤกษ์ที่จะได้รับคำไบ้และกุญแจ จะมีสี่ชิ้นตามฤดูและมีพลังแตกต่างกัน พอวอดก้าได้ม่แล้ว วอดก้าจะใช้พลังได้//ต้องฝึกด้วต
//ปล.// มาตอบแทนเน้ออิ
PS. รักนะ แต่ไม่แสดงออก ^^
PS. ทุกอย่างมี 2 ด้าน เช่นเดียวกับ ราตรีที่มืดมิดแต่กลับสวยงามอย่างประหลาด ซึ่งมันแล้วแต่ว่าใครจะมองด้านไหนเท่านั้นของมันเท่านั้น เช่นเดียวกับความรัก ที่มีทั้ง ความทุกข์และความสุข
PS. ทางเดินมันโรยด้วยกลีบกุหลาบซะที่ไหนล่ะ ในเมื่อทางข้างหน้าเห็นแต่หนามกุหลาบชัดๆ
ในที่สุดไรท์ก็กลับมา~~~~ คิดถึงจาง~~~ คึคึ
ตอนต่อไป ๆ
ขอบคุณน้า
PS. ป.ล.เค้าคือผู้รอคอยเองนะ
สนุกๆ รัมเป็นตัวนำโชคเลยนะเนี่ย 5555
PS. เบื่อๆ เหงาๆ.... แวะมาดูไอดีเราได้นะ แอดกันบ้างเน้อ
PS. เคา้ว่าคนตรงๆเนี้ยจะโดนสังคมรังเกียจ ใช่ไหมนะ~
PS. When I see your face... My heart is dilated.
PS. ล้านถ้อยคำรักที่ฉันพร่ำบอก ก็อาจเป็นเพียงแค่ลมเท่านั้น
PS. ตราบใดที่ยูแจซอกยังไม่ตาย...ไม่ได้เห็นตัวจริงของซงจีฮโย...ไม่ได้จับกล้ามของคิมจงกุก...รันนิ่งแมนยังไม่สูญสลาย...คิมดงจุนคนนี้จะไม่ยอมตายเด็ดขาด!!!(คิมดงจุนชื่อเกาหลีของตัวเองน่ะแฮะๆ=..=;)
ได้อ่านแล้วววววววว ชอบมากๆเลยอ่ะ
ลุ้นๆๆๆ รอดูต่อไปอยู่นะ สู้ๆน๊าาาาา ไรท์เตอร์ของพวกเรา
อิอิ ^^
สนุกเหมือนเช่นเคยนะตอนนี้ อัพต่อไปน้า สู้
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 18 มกราคม 2557 / 20:56
PS. ตัวตลก..แม้ใบหน้าจะมีรอยยิ้ม แต่รู้มั้ยว่า..\"ความมืดที่งดงาม รัตติกาลที่อ่อนโยน\"
PS. เคา้ว่าคนตรงๆเนี้ยจะโดนสังคมรังเกียจ ใช่ไหมนะ~
รอส่อนที่เหลือนะคะ
สนุกเหมือนเช่นเคยนะตอนนี้ อัพต่อไปน้า สู้
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 18 มกราคม 2557 / 20:57
PS. ตัวตลก..แม้ใบหน้าจะมีรอยยิ้ม แต่รู้มั้ยว่า..\"ความมืดที่งดงาม รัตติกาลที่อ่อนโยน\"