眼泪(อัสสุชลจอมนาง)
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ อดีต ปัจจุบัน อนาคต ผู้แต่ง : carentear
My.iD :
https://my.dek-d.com/carentear/writer/
ตอนที่ 15 : 15 re
15
บุปผากลีบบางผุดพรายขึ้นบนผืนกระดาษ หมึกแต่ละสีที่แต่งแต้มรังสรรค์ภาพผืนน้อยให้กลายเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามอ่อนช้อยของสวนบุปผาที่กำลังแย้มกลีบบาน ดูตามเนื้อผ้างานก็นับว่าสวยในระดับหนึ่งพออวดใครต่อใครได้ แต่ที่ทำให้ภาพดูเลิศล้ำคือกริยายามตวัดปลายผู้กันลงบนผืนภาพ ท่าทางอ่อนช้อยยามฝนหมึกอันงามไร้ที่ติของโฉมสะคราญต่างหากเล่า พี่หญิงใหญ่ของนางนั่งอยู่ตรงนั้น แสดงฝีมือดึงดูดสายตาทุกคู่ให้สนใจจดจ้องโดดเด่นเหนือผู้ใดอย่างที่เป็นมา
"เพียงภาพของมือสมัครเล่นเท่านั้น"วาดเสร็จฉีจื่อฟูก็กล่าวคำคล้ายเอียงอายในฝีมือที่อ่อนด้อยของตน ใบหน้างามก้มลงกว่าเดิมอีกนิดเพื่อหลบจากสายตาผู้คน
"หากฝีมือคุณหนูใหญ่บ้านฉีเป็นมือสมัครเล่น ภาพที่พวกเราเคยเขียนก็นับว่าไร้ฝีมือแล้ว"ข่งมินมินผู้เป็นเจ้าบ้านก็กล่าวรับคำ เยินยอฉีจื่อฟูอีกสองสามประโยคก็สั่งให้สาวใช้ยกสำรับเข้ามา ขนมหวานและกับอาหารจานเล็กๆเหล่านี้ล้วนตกแต่งด้วยบุปผา
ขนมนั้นถูกวางเรียงตามลำดับแตกต่างกันไปตามความหมายมงคลแต่ ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าคือขนมที่ทำจากแป้งสีเขียวดูน่าทานมิใช่น้อย แต่เดิมขนมจานนี้ต้องถูกผสมด้วยส่วนผสมพิเศษที่เมื่อทานเข้าไปพร้อมชาดอกบ้วยแล้วจะทำให้ลำคอแห้ผาก เอื้อนเอ่ยสิ่งใดก็ไม่น่าฟังแต่ด้วยสินจ้างที่มากกว่าหลายเท่าแล้วจึงกลายเป็นขนมธรรมดาเท่านั้น ขนมสีสวยถูกหยิบเข้าปากเคี้ยวช้าๆแล้วกลืนลงคอ อร่อยใช้ได้เลยทีเดียว ฉีอวิ้นซียกชาดอกบ้วยขึ้นจิบก่อนแสร้งขมวดคิ้วโดยมั่นใจว่าทุกการกระทำทั้งหมดอยู่ในสายตาของพี่สาวคนดี ท่านอยากให้ข้าไร้เสียงข้าก็จะทำให้ตามนั้นแต่ทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนหรือไม่ก็อยู่ที่ฝีมือท่านแล้ว
"น้องรองถึงเวลาเจ้ากลว่าอวยพรแล้ว"ฉีจื่อฟูกล่าวเสียงค่อยไม่ได้ดังกว่าเสียงพุดคุยปกติแต่ด้วยห้องนั่นเงียบไร้เสียงพูดคุยผู้คนทั้งหลายจึงได้ยินเป็นอย่างดี อวิ้นซีเอี้ยวตัวเล็กน้อยกระซิบไป่หลาง
สาวใช้ข้างกายก็ออกไปเตรียมของตามคำสั่ง กระดาษผืนใหญ่ถูกขึงบนผนังในแนวตั้งพร้อมพู่กันขนาดใหญ่เป็นการบอกว่าฉีอวิ้นซีต้องการเขียนอักษร การเขียนในลักษณะนี้ไม่เป็นที่นิยมนักเนื่องด้วยต้องใช้ฝีมือยากต่อการควบคุมมิให้หมึกเลอะออกมานอกตัวอักษรทั้งยังดูเกินความจำเป็น มือบางจับผู้กันตวัดอย่างรวดเร็วมั่นคง '如意'ตัวอักษรสองตัวปรากฏแก่สายตาโค้งมนสวยงามไม่มีรอยหมึกที่เกินออกมาจากลายเส้นแม้แต่น้อย สมหวังความหมายของคำนี้เพียงพอต่อการอวยพร ผู้มีพรสวรรค์ทั้งหลายที่ได้เห็นอักษรคำนี้ย่อมชื่นชนในความใส่ใจของผู้เขียน
เห็นน้องสาวแก้แผนการนางได้ก็กำกระโปรงแน่นในใจนึกวิธี อย่างน้อยให้นางเอ่ยปากสักคำก็เพียงพอ แค่พูดสักคำก็ทำให้นางอับอายได้แล้ว
"น้องรองทำไมไม่ร่ายกลอน ที่พี่ช่วยแต่งเล่ามันดีไม่พอหลอกหรือ"เห็นฉีจื่อฟูกล่าวด้วยเสียเครือแสดงกริยาน่าสงสารแล้วนางอยากกลอกตามองฟ้า ท่าทางเช่นนี้ก็น่าสงสารดีอยู่หลอกแต่มองบ่อยๆแล้วรู้สึกอย่างไรก็บอกไม่ถูกลูกไม้เดิมๆที่พี่สาวชอบใช้นั้นทำให้อวิ้นซีรู้สึกปวดมวลในลำไส้ พี่สาวอยากเล่นละครหรือนางขอร่วมด้วยก็แล้วกัน ผู้หญิงทุกคนล้วนมีมารยาอยู่ที่ว่าใครจะนำมาแสดงได้ดีกว่ากันเท่านั้น
น้ำตารื้นขึ้นมาราวกับสั่งได้จ้องมองพี่สาวด้วยสายตาตัดพ้อที่สุด ปล่อยน้ำหยดเล็กๆกลิ้งผ่านหางตา ฉีอวิ้นซีก้มหน้านิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนเดินออกจากโถงจัดงานโดยไม่เอ่ยลาแม้แต่ครึ่งคำ บางครั้งการอธิบายก็ไม่สามารถทำสิ่งได้เท่าความคิดในใจคน มนุษย์นั้นย่องเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่โดยเฉพาะมนุษย์ที่ถูกเรียกว่าสตรี
คุณหนูรองตระกูลฉีออกไปแล้วยังมีการวิพากษ์วิจารณ์กันเสียงขรม แต่ละคนคิดไปคนละทางแต่แน่นอนผู้ที่ถูกกระทำในสายตาพวกเขาย่อมเป็นผู้ที่เดินจากไปไม่เอ่ยแก้ตัว ฉีจื่อฟูฟังความแต่ละคนกล่าวแล้วกัดฟันแน่นน้องสาวคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่คิดจริงๆ ภายในมีลมพายุปั่นป่วนแต่ภายนอกก็แสดงกริยาห่วงใยราวกับไม่รับรู้สิ่งใด เป็นครั้งแรกที่ฉีจื่อฟูรู้สึกไม่สบายตัวเมื่ออยู่ต่อหน้าสายตาของฝูงชน สายตาที่มองนางสูงศักดิ์ล้าค่ากำลังเปลี่ยนไปเพราะใยเด็กนั่นคนเดียว
"พี่ใหญ่สาวน้อยของท่านออกไปแล้ว..."เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาสองพี่น้องตระกูลหลาง หลางกูเตียวเห็นสาวน้อยที่ผู้เป็นพี่สนใจจากไปก็เอ่ยเร่ง ยังพูดยังไม่ทันได้พูดจบก็เห็นพี่ชายเดินออกไปเสียแล้วพริบตาเดียวแผ่นหลังก็หายรับไป คุณชายรองบ้านหลางนั้นอยากหัวเราะแต่ก็หัวเราะไม่ออกพี่ชายใหญ่ตกหลุมรักเสียแล้วดูท่าจะลึกเสียด้วย หลางหย่งจิ้นผู้คอยหลบลี้หนีหน้าสตรีจนแทบกระโจนหนี ผู้ยืนกรานปฏิเสธงานดูตัวกับยอดหญิงงามทั้งหลายมาบัดนี้กลับเป็นฝ่ายวิ่งตามหลังสตรีเสียนี่ มางานเลี้ยงในครั้งนี้คุ้มเกินคุ้มจริงๆ เขามีเรื่องให้เล่าให้มารดาฟังเยอะเลยทีเดียว
หลางหย่งจิ้นตามร่างน้อยออกมาจนมาถึงกลางสวน รู้ตัวอีกทีก็เก้อกระดากจนไม่รู้จะกล่าวคำใด สูดหายใจเอาอากาศเข้าเต็มปอดเขาเป็นถึงนายน้องบ้านหลางเรื่องแค่นี้กลับขลาดกลัวเสียได้ช่างน่าอายเสียจริง
"แม่นางน้อยหากไม่สะดวกใจให้ข้าไปส่งดีหรือไม่"คนถูกเรียกหันกลับมา มองซ้ายมองขวาไม่เห็นใครนอกจากคุณชายใหญ่บ้านหลางเสือหลับแห่งเมืองหลวงผู้เลื่องชื่อ
"ไม่ต้องรบกวนคุณชาย"เด็กสาวไม่ได้มีดวงหน้าเปื้อนน้ำตาหรือมีท่าทางโศกเศร้า ทุกอย่างเป็นปกติราวกับเรื่องเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้นมีแต่ตนที่คิดไปเองฝ่ายเดียว
"เจ้า"
"มีคนไม่อยากให้ข้าพูดข้าก็ไม่พูด เพียงเท่านั้น"เห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกก็อธิบายเพิ่มอีกประโยค อย่างน้อยคนตรงหน้าก็หวังดี"อีกอย่างข้าเบื่องานเลี้ยงแล้วเสียด้วย"หลางหย่งจิ้นรู้สึกอยากหัวเราะนางช่างตรงไปตรงมา พูดตรงตรงออกมาไม่สร้างประโยคซ่อนความในอย่างที่เหล่าคุณหนูในห้องหอชอบทำไม่แม้แต่จะอ้อมค้อมสักนิดเลยด้วยซ้ำไป ดวงตากระจ่างใสที่มองสบให้ความรู้สึกสบายพาเรื่องที่น่าตำหนิให้ลอยลับหายไปในอากาศ
"ที่จริงข้าเองก็เบื่อเช่นกัน"ไปเดินเล่นกันสักหน่อยดีหรือไม่ ประโยคหลังถูกกลืนหายไป หลางหย่งจิ้งรู้สึกว่าตอนนี้ตนไม่สามารถควบคุมตนเองได้อย่างที่ควรเป็นเอาเสียเลย เขาเกือบทำตัวเจ้าชู้ใส่นางทั้งที่ยังไม่ได้รู้จักชื่อเสียแล้ว
"แม่นางน้อยข้าหลางหย่งจิ้น ยินดีที่ได้รู้จัก"
"ฉีอวิ้นซียินดีที่ได้รู้จักคุณชายใหญ่บ้านหลาง"ดวงตาสีดำสนิทมีประกายระยิบระยับเหมือนแสงดาวแต่ก็นิ่งสงบไปพร้อมๆกัน คำพูดนางบอกว่ารู้ดีอยู่แล้วว่าตนเป็นใครแต่ก็ไม่มีท่าทางเขินอายหรือสนใจ
"คุณหนูเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่จะกลับแล้วเจ้าค่ะ"ไป่หลางส่งเสียงเรียกคุณหนูของตน นางเองออกมานอกจวนอยู่หลายครั้งเกียรติศักดิ์ของคุณชายใหญ่บ้านหลางนางรู้ดี คุณหนูนางไม่ยุ่งกับชายผู้นี้เป็นดีที่สุดอย่าเข้าไปใกล้ย่อมเป็นการดี อวิ้นชีนั้นไม่รู้เจตนาของสาวใช้เมื่อไป่หลางว่าเช่นนั้นเธอก็พยักหน้าเป็นสัญญาณว่าเข้าใจแล้ว
"ข้าคงต้องไปแล้ว"อวิ้นซีย่อตัวลงแล้วหันหลังเดินตามไป่หลางไป คุณชายใหญ่บ้านหลางผู้นี้อยู่นอกเหนือแผนการของนาง แต่ท่าทางเป็นมิตรที่แสดงออกต่อนางนั้นบอกได้ว่าเขาคงไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครต่อใคร ฉีอวิ้นซีสูดลมหายใจเข้าค่อยๆปรับสีหน้าให้เปลี่ยนไปอีกทาง คงไม่ดีถ้าฉีจื่อฟูรู้ว่าเรื่องวันนี้เป็นการซ้อนแผนของเธอการมีสีหน้าสบายดีจนเกินไปจะทำให้นางให้สงสัยเอาได้
ตลอดทางกลับจวนฉีจื่อฟูไม่พูดกับนางสักคำไม่พยายามแสดงท่าทีห่วงใยหรือพยายามปลอบใจเสียด้วย ฉีอวิ้นซีเองก็นั่งก้มหน้าก้มตาไม่เอ่ยสิ่งใดในรถม้าจึงเงียบกริบปราศจากเสียง ภายใต้ผ้าคลุมฉีอวิ้นซีเเอบแย้มรอยยิ้มนางเข้าใจผู้เป็นพี่เป็นอย่างดีคนที่เป็นจุดสนใจมีความพร้อมเป็นเลิศอย่างจื่อฟูไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้ แม่ใหญ่ประคบประหงมนางมาอย่างดียุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ไม่เคยว่าไม่เคยตี นางรับสายตาต่อว่าจากคนรอบข้างไม่ได้ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่จริงฉีอวิ้นซีไม่อยากเป็นศัตรูกับพี่สาวคนนี้นัก ถ้าทำได้นางไม่อยากสนใจด้วยซ้ำแต่หากมีคนคิดทำร้ายตนจะปล่อยให้ถูกรังแกก็กระไรอยู่ฉีจื่อฟูผิดเองที่คิดเล่นงานคนอย่างนาง
รถม้าแล่นไปตามถนนที่ครึกครื้นแต่ก็ไม่มีใครให้ความสนใจเปิดม่านชมบรรยากาศแต่อย่างใด ต่างจมอยู่ในความคิดของตนเอง
สาวงามจากไปนานแล้วแต่หลางหย่งจิ้นยังยืนอยู่ที่เดิม น้องชายที่เดินมาตามกล่าวเย้าหลายประโยคตนก็ไม่สนใจ ในใจนึกถึงเพียงเจ้าของดวงตากลมโตใสกระจ่างเหมือนแก้ว ยิ่งคิดยิ่งแต่งเติมคนงามจนกลายเป็นภาพฝัน
ฉีอวิ้นซี คุณหนูรองบ้านฉีอย่างนั้นหรือน่าสนใจน่าสนใจจริงๆ ริมฝีปากยกเป็นรอยยิ้มอย่าไม่รู้ตัว นานแค่ไหร่กันที่ไม่เคยมีผู้ใดเรียกความสนใจจากหลางหย่งจิ้นผู้นี้ได้ นางไม่ได้พยายามทำสิ่งใดเลยด้วยซ้ำดวงตานางกลับติดตา น้ำเสียงหวานกลับตรึงใจ
กลับจวนแทนที่จะจักการงานต่างๆเหมือนเช่นทุกวันหลางหย่งจิ้นก็หยิบผู้กันออกมาวาดภาพสาวงาม วาดไปยิ้มไปไม่สนใจน้องชายที่วันนี้เกาะติดตนยิ่งกว่าปลิงดูดเลือด วาดไปจนเกือบเสร็จก็หยุดมือ ด้วยไม่รู้จะวาดดวงตาคู่นั้นอย่างไรให้ออกมาเหมือนจริง กำลังจะหันไปถามน้องชายตัวดีว่าไม่มีสิ่งใดให้ทำแล้วหรือวันนี้จึงมาเกาะติดตนเช่นนี้ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นกูเตียวรออยู่นานแล้ว
"พี่ใหญ่ท่านต้องหยุดคิดถึงสาวงามเสียที องค์ชายสามรอท่านอยู่ที่เรือนรับรองแล้ว"กูเตียวนั้นกล่าวเตือน ให้เชื้อพระองค์รอนานนั้นไม่ใช่เรื่องดีแม้หลางหย่งจิ้งเป็นสหายสนิทก็เป็นเรื่องไม่ควร
"เฟิ่งหมิงมาหรือ แล้วทำไมไม่รีบเตือนเล่า"กูเตียวนั้นอยากประท้วงเหลือเกินว่าไม่ใช่ความผิดตน เป็นพี่ใหญ่หลงใหลในสาวงามจนไม่สนใจสิ่งใดต่างหากเล่า หย่งจิ้นไม่สนใจท่าทีน้องชายสั่งให้บ่าวรอเก็บรูปแล้วรีบตรงไปยังเรือนรับรองสหายอย่างเฟิ่งหมินนั้นปกติจะไม่มาเยี่ยมเยือนในเวลาเช่นนี้ แสดงว่ามีเรื่องแล้ว
สีหน้าของสหายไม่ดีนักบอกได้เป็นอย่างดีว่ามีเรื่องผิดปกติ"มีเรื่องอันใด"
"เฟิ่งซูเฟยถูกวางยาหลักฐานชี้มาที่ท่านแม่"มือใหญ่ที่จับถ้วยเหล้าออกแรงบีบจนเห็นเป็นข้อขาว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กสั่นคลอนทั้งวังให้หวาดกลัวในพระอาญา ไม่รู้ว่าครั้งนี้ใครจะถูกสาดสีหรือดึงลงบ่อโคลนไปบ้าง ฮ่องเต้นั้นกริ้วจนใครก็เข้าหน้าไม่ติด แม้แต่เหออวี้ไทเฮาที่เข้าพบเมื่อวานยังต้องถอยทัพกลับตำหนังแสงสลวย
"รู้ตัวผู้บงการหรือไม่"
"ยัง แผนครั้งนี้วางไว้ดีมากไม่มีกลิ่นสักนิด ซูเฟยถูกวางยาต่อหน้าต่อตาเสด็จพ่อไม่กริ้วก็แปลก"ปกติฮ่องเต้นั้นเกลียดเรื่องกานชิงดีแย่งความโปรดปรานพวกนี้ที่สุด ยิ่งมาเกิดกับซูเฟยที่ทรงโปรดวันหลวงตอนนี้ร้อนยิ่งกว่าถูกไฟสุม คนในแทบไม่กล้าขยับตัวทำสิ่งใด ทั้งวังหน้าและวังหลังไม่เกี่ยวโยงกันชัดเจนแต่ก็มีสายใยพัวพันกันจนแยกไม่ออกเช่นกันเรื่องแบบนี้มีมาหลายยุคสมัย ขุนนานงต่างๆที่ต้องเข้าไปเจอฝ่าบาทต่างทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แต่ก็แทบไม่กล้าหายใจแรง
"หรือนางจะวางยาตนเอง"ซูเฟิ่งหมิงส่ายหน้าทันที
"ตอนนี้นางเป็นตายเท่ากันหมอหลวงพยายามประคองอาการกันอยู่"สภาพซูเฟยที่เห็นกับตานั้นลบความคิดนี้ออกไปได้อย่างสิ้นเชิง สาวงามแห่งวังหลังไม่เหลือเค้าความเป็นซูเฟย ร่างทั้งร่างนั้นร่างซูบไปเพราะไม่อาจรับอาหารใดๆเข้าไปได้ยังไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นแม้ผ่านมานานกว่าสามวัน อาการมีแต่ทรงกับทรุด"ข้าอยากให้เจ้าสืบเรื่องตัวยาพวกนี้หากได้ยาถอนด้วยจะดีมาก"
หลางหย่งจิ้นรับของมาโดยไม่ถามสิ่งใดข่งกุ้งเฟยวางยาหรือไม่ไม่สำคัญ หากซูเฟยเป็นอะไรไปพระสนมชายารวมทั้งผู้เป็นมารดาของเฟิงหมิงย่อมถูกลากติดร่างแหไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย อยู่ในตำแหน่งสูงส่งก็ไม่นับว่าดีนักเหมือนอยู่กลางพายุคมเขี้ยวที่พร้อมฉีกกระชากให้กลายเป็นเศษเนื้อเมื่อยามพลาดพลั้ง
"ข้าจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด"เขาตบไหล่สหายอย่างปลอบใจอีกทีแล้วรีบเร่งจัดการกับของในมือโดยเร็วที่สุด เรื่องใหญ่เช่นนี้ชักช้าไม่ได้
สุดท้ายสำคัญสุดติ่งกระดิ่งแมวขาดไม่ได้สุดๆ ฝ่าบาทของอัยย์เองถ้าเด็กกว่านี้สักยี่สิบปีอัยย์จะดันขึ้นแท่นชิงตำแหน่งพระเอกแน่นอน
เอ๋ๆ หรือไรท์จะดันก็ไม่ว่านะค๊าา ถ้าเข้าชิง
อิฉันจะได้เริ่มปักป้ายเชียร์