46
"ท่าน...หย่งจิ้น"เสียงหวานใสที่ฝ่ายออกมาจากริมฝีปากจิ้มลิ้มเป็นการยืนยันตัวตนของฉีอวิ้นซีได้เป็นอย่างดีหากที่เป็นความฝันมิใช่ความจริงมันก็เป็นฝันที่ดีอย่างที่สุดที่นางเรียกเขาด้วยชื่อหาใช่คุณชายใหญ่หลางที่ฟังดูเหินห่างเป็นทางการ ท่ามกลางผู้คนมากมายดาษดื่นที่ดูเหมือนกันไปหมดทั้งที่แสงไฟก็มิได้มีมากนักทั้งนางยังแตกต่างจากที่เคยจนแทบดูไม่ออกแต่เมื่อสบดวงตาคู่นี้หลางหย่งจิ้นมั่นใจเหลือเกินว่าต่อให้อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายอีกหลายสิบหมื่นคนตนก็จะสามารถหาฉีอวิ้นซีเจอได้ เพียงมองตาคู่นี้เขาแน่ใจว่าคนตรงหน้าเป็นนางไม่ผิดเพี้ยน ยามนี้อวิ้นซีของเขาดูแปลกนักเหมือนไม่มีความมั่นใจคล้ายว่าเปราะบาง ชุดของชาวอี้เหอสีน้ำเงินเข้มที่ใส่ยิ่งทำให้ทั้งร่างดูเล็กกระจ้อยร่อย ประกายตานางยังฉายความเฉลียวฉลาดดวงหน้านั้นยังคงงดงามแต่เมื่อมองไปยังเด็กสาวผู้นี้กลับรู้สึกได้ถึงความเศร้าที่เจือออกมาในบรรยากาศ ในงานเทศกาลที่เต็มไปด้วยแสงสีเหตุใดจึงดูโดดเดี่ยวเช่นนี้ได้เล่า
"เป็นข้าเองตามมาทางนี้ก่อนเถอะ"โดยไม่สนธรรมเนียมที่พึงยึดปฏิบัติหลางหย่งจิ้นคว้าข้อมือที่เล็กเหมือนกิ่งหลิวแล้วใช้ร่างกายตัวเองแทรกฝูงชนเพื่อเปิดทาง หากมิใช่ดวงตาคู่นั้นเจือรอยเศร้าเอาไว้แล้วการที่นางเรียกชื่อตรงๆเช่นนี้คงทำให้ตนดีใจจนบอกไม่ถูกเป็นแน่ ไม่ต้องหันมองก็รู้ว่าคนด้านหลังตามมาแต่โดยดีนั่นทำให้หลางหย่งจิ้นยิ้มพอใจการเดินทางมาอี้เหอครั้งนี้คุ้มค่าแล้ว
ฉีอวิ้นซีไม่ตอบรับหรือปฏิเสธนางเดินตามคุณชายใหญ่บ้านหลางไปอย่างง่ายดาย ความรู้สึกยามมีใครยืนเป็นกำแพงขวางลมหนาวเป็นเช่นนี้เป็นความรู้สึกที่ไม่เลวเลย นางยอมรับว่าตนเองออกจะซื่อบื้อในบางเรื่องหัวช้าในบางครั้งแต่นางไม่โง่อย่างแน่นอนยิ่งได้รับความทรงจำบางส่วนจากยายเฒ่าพยากรณ์คำว่าโง่เขลายิ่งอยู่ห่างไกลออกไป ถ้าบอกว่าหลางหย่งจิ้นชื่นชอบสาวงามอย่างฉีจื่อฟูความดูแลเอาใจใส่ที่นางได้รับก็ออกจะมากไปเสียหน่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไม่เคยเยื่ยมเยือนฉีจื่อฟูโดยตรงก็ดูไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย แต่หากเปลี่ยนเป็นว่าหลางหย่งจิ้นสนใจนางก็จะสามารอธิบายสายตาที่มองมานั่นได้เป็นอย่างดีสายตาเช่นนี้นางเคยเห็นในความทรงจำของยายเฒ่า ฝ่าบาทซูหนานตี้ผู้นั้นก็มองมารดานางด้วยสายตาเช่นนี้มิใช่หรือ เมื่อคิดได้ดังนั้นจากที่ไม่รู้สึกอะไรมือที่ถูกกอบกุมก็พลันร้อนขึ้นหัวใจที่อยู่ในอกเต้นแรงขึ้นมาทันใด ฉีอวิ้นซีรู้สึกดีใจไม่น้อยที่ตอนนี้เป็นเวลาค่ำมิเช่นนั้นโลหิตที่ระบายอยู่บนหน้าจนเห่อร้อนต้องถูกตรวจจับได้เป็นแน่
พื้นที่ริมแม่น้ำรกร้างว่างเปล่าต่างจากจตุรัสกลางเมืองที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่ต้องการปล่อยโคมลอยขึ้นสู่ฟ้า ซึ่งแน่นอนว่าพรุ่งนี้ที่จะมีการลอยเรือกระดาษคงไม่สามารถยืนได้อย่างปลอดโปร่งเช่นนี้หลางหย่งจิ้นหยุดยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่รู้ว่าควรพูดสิ่งใดออกไป ก่อนส่งตัวเองมายังเหออี้เขาตระเตรียมสิ่งต่างๆไว้มากมายประโยคที่สวยงามอีกไม่น้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าฉีอวิ้นซีเมื่อสบสายตาใสกระจ่างที่มองมาสิ่งที่อยู่ในหัวก็หายไปเสียอย่างนั้น เพียงดึงเรือกระดาษในอกเสื้อออกมาให้แก่สาวงาม
คนซื่อบื้อในเรื่องการเกี้ยวหญิงจะเก่งเรื่องอื่นเพียงไรกับเรื่องที่ตนเองอ่อนด้อยเมื่อพยายามกับดูน่าอนาถไม่ต่างไปจากเดิม ฟางหรงมองจากในที่ไกลออกไปไม่กี่ลี้ส่ายหัวให้คุณชายใหญ่แห่งบ้านหลางคราหนึ่งพร้อมมือขวาก็กุมมือลูกศิษย์เพียงหนึ่งเดียวเอาไว้มั่นไม่คิดออมแรงเพ่งมองสายตาและสีหน้าของน้องสาวคนดีก็รู้ได้ว่านางเองก็รู้ความรู้สึกของหลางหย่งจิ้นผู้นั้นแล้ว จิงคุณเลิกพยายามดิ้นรนแรงยึดที่ข้อมือนั้นยิ่งกว่านำเอาทั้งภูเขามากดทับคาดว่าการดึงรั้งเพื่อให้หลุดออกเป็นการเสียแรงเปล่าเท่านั้น
"อาจารย์ปล่อยข้าไปเถอะ ท่านเองเคยบอกว่าหลางหย่งจิ้นผู้นี้ไม่คู่ควร"ฟางหรงเบนสายตากลับมามองลูกศิษย์ผู้ตกอยู่ในห้วงรักเช่นกันแล้วอยากทอดถอนใจ หลางหย่งจิ้นไม่คู่ควรแล้วใครนับว่าคู่ควรตัวมันเองหรือหากนับตามอายุขัยของมังกรแล้วเป็นเพียงทารกวัยเยาว์ต่อให้ภายนอกเริ่มเติบโตไปคล้ายมนุษย์ด้วยเลือดอีกครึ่งในร่างกายวุฒิภาวะภายในก็มิอาจเติบโตได้เท่าต่อให้อีกสิบปีหรือห้าสิบปีจนกระทั่งอวิ้นซีสิ้นอายุขัยตัวลูกศิษย์ของมันผู้นี้ก็จะยังเป็นเพียงเด็กเท่านั้นเรื่องนี้ฟางหรงไม่พูดออกไปด้วยไม่อยากทำร้ายจิตใจเด็กตรงหน้ามากจนเกินไป
"ชะตาของพวกเขาถูกเกี่ยวไว้ด้วยกันแล้วอย่าเข้าไปยุ่งเลย"ฟางหรงไม่สนใจอีกจิงคุณก็ไม่รบเร้าต่ออาจารย์เป็นเช่นไรตัวมันเองรู้ดีที่สุดผู้หนึ่ง เมื่อกระทำการสิ่งใดตัดสินเรื่องใดแล้วแทบไม่เปลี่ยนสักครั้งเมื่อครานี้ฟางหรงกำหนดให้มันมองดูตัวมันเองก็ทำได้เพียงมองดูเพียงเท่านั้น
คนที่มองดูอยู่ไม่ได้มีเพียงสองไกลออกไปอีกหน่อยยอดยุทธผู้หนึ่งก็จับจ้องที่ฉีอวิ้นซีเช่นกันหลิวต้าอี้รู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาวเป็นบางครั้งเหมือนยามเผชิญกับยอดฝีมือเมื่อตอนกลางวันหากมิใช่ลางสังหรณ์ของมันพลาดไปก็คงเป็นอาการป่วยแล้ว หลิวต้าอี้ไม่รู้ว่าคนที่ทำให้มันรู้สึกเช่นนี้กำลังวางแผนดึงตัวมันไปใช้งานมิเช่นนั้นคงเผ่นออกจากที่ตรงนี้ไปเสียนานแล้ว ฟางหรงกรอกดวงตาครุ่นคิดหลิวต้าอี๋ผู้นี้มีจุดอ่อนใดบ้างให้นางดึงมาใช้ ฟางหรงยกยิ้มที่ดูสยองมากกว่าสวยแบบที่ชอบทำยามวางแผนการ ไม่เป็นไรมีเวลาอีกมากนางค่อยๆคิดค่อยๆวางแผนไปก็ดีช่วงนี้น่าเบื่อไม่น้อยเช่นกัน
ฉีอวิ้นซีไม่ได้กลับโรงเตี๊ยมทันทีที่สบโอกาสนางเปิดโอกาสใช้คุณชายผู้ซื่อบื้อพาตนชมรอบเมืองกระทั่งขอให้เขาไปที่ประตูเมืองเป็นเพื่อน เห็นแก่การเดินทางไกลหลายลี้จากแคว้นซูโจวเพื่อมอบเรือกระดาษหนึ่งลำนางยกเวลาในตอนค่ำทั้งหมดให้หลางหย่งจิ้นจนหมดในยามนี้ไม่มีสิ่งใดที่นางสามารถทำได้การปล่อยให้ตนเองใช้ชีวิตเช่นเด็กสาวทั่วไปไม่ทำให้อวิ้นซีรู้สึกแย่แต่อย่างใด
เพียแต่หากเปลี่ยนจากหลางหย่งจิ้นเป็นผู้อื่นผลลัพธ์คงต่างออกไปถึงไม่ได้นิยมชมชอบเสือหลับผู้กุมบังเหียนการค้าในซูโจวผู้นี้แต่น้ำใจและความพยายามของเขาทำให้นางอดประทับใจไม่ได้ ในยามที่นางต้องการใครสักคนต้องการความช่วยเหลือคุณชายใหญ่แห่งบ้านหลางยื่นมือมาช่วยสองครั้งแล้ว
ตอนนี้นางยังเป็นเพียงบุตรีคนรองของใต้เท้าฉีอันเกิดแต่อนุไม่ได้มีหน้าตาทางสังคมหรือฐานะที่คู่ควรให้คนตรงหน้าหันมาสนใจด้วยซ้ำแต่คนซื่อบื้อที่สุดที่นางเคยเจอผู้ที้กลับกล้ากล่าวออกมาอย่างเต็มปากว่าชอบนางหาใช่ฉีจื่อฟู หัวใจเด็กสาวที่เพิ่งพบเจอสิ่งที่เรียกว่าความรักของชายหญิงครั้งแรกพองฟูหนึ่งวันก่อนวันสุดท้ายของสัปดาห์ในเดือนสิบท่ามกลางแสงจันทร์ที่อยู่สูงเหนือศรีษะและไอทะเลของเมืองใต้นางได้พบบุคคลที่ฝากใจเอาไว้ที่นาง
อวิ้นซีหลุบตามองพื้นดินหลบสายตาจริงใจที่มองมาตรงมาหากว่านางเป็นเพียงหญิงสาวผู้หนึ่งไร้ซึ่งพันธะถ้าเป็นเช่นนั้นได้ นางอาจตอบตกลงโดยไม่ลังเล"เมื่อพบกันคราวหน้าข้าอาจจะไม่ใช่ฉีอวิ้นซีที่ท่ารรู้จักแล้วคุณชายใหญ่ ดังนั้น..."คิ้วของฉีอวิ้นซีขมวดมุ่นมันยากที่จะกล่าวตัดรอนคนผู้นี้ไปตรงๆ
ก่อนที่อวิ้นซีจะได้พูดจบเสียงหลางหย่งจิ้นก็ดังแทรกออกมา"เมื่อเจ้าพบข้าคราวหน้าข้าก็จะมิใช่คุณชายใหญ่แซ่หลางเท่านั้น ข้าจะเป็นเป็นภูผาสูงที่เจ้าพักพิงได้เช่นกัน ดังนั้น.."หลางหย่งจิ้นพูดด้วยรูปแบบประโยดเดียวกันกับอวิ้นซีเพื่อหยอกล้อคนที่จริงจังเกินอายุดึงให้ร่างเล็กทิ้งน้ำหนักลงมาพิงตน"พบกันคราวหน้าข้าอยากช่วยเจ้าแบกน้ำหนักที่อยู่บนบ่านี้"
อวิ้นซีไม่รู้ว่าคุณชายตรงหน้ารู้สิ่งที่นางคิดได้อย่างไร ไม่รู้ว่าเหตุผลใดที่ทำให้คนเช่นเขายึดตัวเองติดไว้กับนางเช่นนี้แต่ที่รู้คือและอวิ้นซีไม่รู้จริงๆว่าเหตุใดจึงไม่ผลักเขาออก เป็นเพราะวันนี้นางเหนื่อยใจนักหรืออาจจะเพราะเมาฝูงชนฉีอวิ้นซีเริ่มโทษดินโทษฟ้าในใจแต่ไม่มีทางพูดถึงหัวใจตัวเอง คำสัญญาที่กล่าวออกมานั้นน่าเชื่อถือเพียงใดนางตอบไม่ได้แต่บอกได้ว่านางแอบเอนเอียงไปทางด้านผู้ชายซื่อบื้อคนนี้
จงฝูเป่ามองบุรุษผู้เดินอยู่เบื้องหลังฉีอวิ้นซีแล้วเลิกคิ้วเสือหลับแห่งซูโจวโผล่มาที่นี่ได้อย่างไรแล้วยังมาอยู่กับญาติผู้น้องของนางอีก 'บังเอิญ'อีกแล้วกระนั้นหรือ"ขอบคุณคุณชายหลางที่เป็นธุระมาส่งน้องสาวรบกวนท่านแล้ว"จะอย่างไรก็ช่างน้องสาวกลับมาถึงก็นับว่าดีแล้ว จิงคุณที่กลับมารอก่อนเดินไปกุมมือฉีอวิ้นซีแล้วส่งสายตาไม่เป็นมิตรไปให้หลางหย่งจิ้น และแน่นอนว่าคนที่กำลังมีความสุขมากเช่นมันไม่รับรู้สายตาเช่นนี้
"ไม่นับเป็นการรบกวนคุณหนูจง"จงฝูเปาเพียงพยักหน้าตอบรับเล็กน้อยตัวนางไม่มีความรู้สึกพิเศษกับคุณชายใหญ่ท่านนี้แม้ได้ฟังเรื่องเขาจากบิดามาบ้างก็ไม่ได้ชอบหรือเกลียดอันใด ฉีอวิ้นซีเดินตามญาติผู้พี่กลับไปยังเรือนพักลางสังหรณ์บอกนางว่าหลังจากนี้การเจอกันโดย'บังเอิญ'จากความตั้งใจของใครบางคนจะไม่มีอีกแล้วหลังจากดำเนินตามแผนการที่ตกลงกับฝ่าบาทฐานะนางจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป
หันกลับไปยังทิศทางที่เดินจากมาก็ยังเห็นหลางหย่งจิ้นผู้นั้นยืนอยู่ที่เดิมท่ามกลางแสงจันทร์ในคืนพระจันทร์เต็มดวงมองดูแล้งต้องแอบยอมรับในใจว่าชายผู้นี้ทั้งสง่างามและดูสูงศักดิ์ไม่แพ้ผู้ใด ร่างสมชายชาตรีแผ่กลิ่นไออบอุ่นอ่อนโยนเมื่อเห็นนางมองกลับไปก็ขยับยิ้มใจดีส่งมาให้รอยยิ้มเช่นนั้นแววตาเช่นนั้นเช่นนั้นหัวใจดวงน้อยสั่นไหวจนห้ามไม่อยู่คำสัญญาที่ให้กันนางจะรับและจดจำไว้ใต้ผืนฟ้าแห่งเหออี้มีเพียงเลือกกระดาษลำน้อยและแสงจันทร์เป็นพยาน
ดวงจันทร์ลอยขึ้นไปใกล้กลางฟ้าเข้าทุกทีบรรยากาศกลับยิ่งคึกครื้นในเวลาเดียวกันนี้รถมาสีเข้มแล่นออกจากพระราชวังด้านใต้โดยไร้เสียง สัญลักษณ์ไม่จำเป็นต้องถูกนำมาแสดงเพียงเห็นใบหน้าของผู้กุมบังเหียนทหารเฝ้าประตูก็โค้งศรีษะและส่งสัญญาณให้เปิดประตูในทันที
"ท่านหัวหน้าเปิดประตูวังในยามนี้"
"ท่านลิ่วจือจะเดินทางเจ้ากล้าขัดหรือ"นายทหารผู้นั้นเบิกตาขึ้นโตมันเข้ามาประจำประตูวังได้ไม่นานกลับเจอตำนานมีชีวิตเสียแล้ว โชคดีที่มิได้ขัดขึ้นยามหัวหน้าสั่งงาน
"เช่นนั้นในรถม้านั่น..."
"มิใช่เรื่องที่พวกเราสอดปากได้ กลับไปทำหน้าที่เสียยีงอีกครึ่งชั่วยามจึงจะเปลี่ยนเวร"
"ขอรับ"นายทหารยศน้อยยืดหลังให้ตรงตั้งใจทำหน้าที่ไม่ถามสิ่งใดอีก ทหารเฝ้าประตูถูกเพิ่มมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดหลังกระจายข่าวลับบางอย่างออกไป นักรบผู้แกร่งกล้ามีค่าเทียมทหารร้อยคนวีรบุรุษเช่นท่านลิ่วจือมีค่ายิ่งกว่าทหารหมื่นคนเช่นกันยามท่านประจำอยู่ในพระราชวังเหมือนมีขุมกำลังยิ่งใหญ่ทั้งหน้าหวั่นเกรงต่อศัตรูและอุ่นใจต่อมิตรสหายเมื่อท่านออกจากวังจึงเป็นปกติที่จะมีการเสริมกำลังป้องกันเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น
แผนการเริ่มแล้วก็จำต้องดำเนินต่อไปหลังจากนี้จะหาใช่การดำเนินการในเงามืดอีกต่อไป
ขอโทษที่หายไปนานนะคะติดสอบเยอะมาก
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
จะกลับไปในฐานะหลานฮ่องเต้องค์ก่อน หรือ แค่เจ้าหญิงลูกบุญธรรมฮ่องเต้ซูหนานตี้
งง กับ ฐานะ
ญาติกันหรือ คนละแม่ระหว่างเจาเหม่ยหรง และ ซูหนานตี้
แต่สุก ให้กำลังใจ ไปทำหน้าที่หลักก่อนได้คะ รอ นานแค่ไหนก็รอ
สอบเป็นอย่างไรบ้างคะ
ขอบคุณค่ะ