ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic KHR] Robbery! ช่วงชิงอิสภาพกลับคืนมา!

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่4::ความช่วยเหลือ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 119
      2
      23 ม.ค. 61

    B
    E
    R
    L
    I
    N
     

    บทบาทที่4::ความช่วยเหลือ

                ความช่วยเหลือ คงเป็นสิ่งที่ทุกคนบนโลกนี้คิดถึงเมื่อตัวเองตกในที่นั่งลำบาก แต่ความลำบากของทุกคนมันเป็นแบบไหนกันล่ะ เรื่องเงิน? เรื่องความรัก? หรือความทุกข์ที่เก็บไว้ในใจ

    สำหรับฉันมันไม่ใช่แบบนั้นเลย ความช่วยเหลือที่ฉันต้องการน่ะ คือพาฉันออกไปจากพวกที่นรกส่งขึ้นมาต่างหากล่ะ ใช่ วองโกเล่ เป็นสิ่งเดียวยังป็นความทุกข์ทรมาณของคนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกมัน

                คุณยูเรียคะ

    ฉันหลุดจากห้วงความคิดทันที ที่ได้ยินเสียงเรียกดังจากข้างหลัง เมื่อหันไปดูเด็กหญิงที่น่าจะอายุน้อยกว่าผมสั้น ดวงตาประกายคลื่นสีน้ำเงิน เด็กคนที่ไม่ได้แนะนำตัวตอนนั้น?..

    เธอยิ้มให้ฉันก่อนที่จะก้มหัวให้เล็กน้อย ฉันก้มให้เธอเล็กน้อยเป็นมารยาทและมองหน้าของเธอชัดๆอีกที

                ฉันชื่อ โยซุเนะ ฮินาโกะนะคะ

    เธอพูดพร้อมรอยยิ้มอีกครั้งก่อนที่จะยื่นห่อบางอย่างมาให้ฉัน กลิ่นหอมจังแฮะ...ฉันรับมาก่อนที่จะมองหน้าเธอเป็นเชิงขออนุญาตเปิดห่อในมือ เธอพยักหน้าและยิ้มอย่างเป็นมิตร

                คุกกี้งั้นเหรอ? น่าอร่อยจังเลยนะ

    ฉันมองคุกกี้รูปร่างต่างๆ ทั้งหัวใจ รูปดาว ทั้งหลายแหล่ ฉันหยิบขึ้นมากินเพียงแค่1ชิ้น ถามว่าไม่กลัวจะโดนวางยาพิษเหรอ ไม่อ่ะ...ไม่เหลือ!! ไม่ใช่ๆ

                อร่อยจัง ขอบคุณนะฮินาโกะ ขอเรียกแบบนี้แล้วกันนะ จะได้ดูสนิทกันมากขึ้น

                “ได้แน่นอนอยู่แล้วล่ะค่ะ งั้นขอตัวก่อนนะคะ

    เธอก้มหัวให้ก่อนจะเดินไปตามทางเดิน ที่เขาเขียนไว้ว่า ห้ามเข้าพวกสวะ เป็นป้ายเขียนที่ดูน่าหาเรื่องดีแต่ใครอยากจะหาเหาใส่หัวกันล่ะ?

    พอคิดได้แบบนั้นก็กลับไปอยู่ที่ห้องแล้วรอคิดหาแผนช่วยกันกับยัยฝรั่งโนตมนั่นก็แล้วกัน

     (เมแกน::นี่หล่อนชมหรือด่าฉันกันแน่...)

    จริงๆก็ไม่อยากให้ยัยนั่นช่วยหรอกแต่คนเดียวหัวหายสองคนเพื่อนตายอยู่กันเป็นหมู่รอดนี่นา ช่วยไม่ได้ ยังไงก็จะให้มาช่วยให้ได้ล่ะ!

    [End Julie]

                ถ้าเลือกเกิดได้ผมก็ยังอยากเป็นคนธรรมดา ผมรู้ว่าการเป็นบอสใครๆก็อยากจะเป็นเพราะมันคือทั้งอำนาจเงินและอำนาจทางสังคม มีคนคอยประจบประแจงตลอดเวลา

    ส่วนตัวผมก็ไม่คิดอะไรกับเรื่องพวกนี้หรอก แต่เพราะซันซัสตอนนี้เราวาเรียและวองโกเล่ก็ยังญาติดีกันเหมือนเดิม เพียงแต่เริ่มเข้ามาทำงานให้กับผมชัดเจนมาขึ้น แต่ซันซัสก็ยังคงเป็นใหญ่ที่สุดของวาเรียอยู่ดี ผมก็ไม่ได้ขัดอะไรหรอก ผมชอบที่มันเป็นแบบนี้ที่สุดแล้วล่ะ

    แต่ก็ยังมีหลายร้อยคน หรือเป็นพันคนหรือมากกว่าพันคนยังคงกลัวการต่อกรกับ

    วองโกเล่ และตอนนี้ผมกับซันซัสก็กำลังนั่งอยู่ในห้องเดียวกัน  อึดอัด!

                “เจ้าสวะ

    เสียงของซันซัสดึงสติผมมาก่อนที่จะเตลิดคิดเรื่องอื่นก่อนที่จะได้คุยเกี่ยวกับรายละเอียดงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในเมืองเร็วๆนี้

    ครับ?

                “ยัยสวะพวกนั้นทำงานกันเป็นไหม

    เสียงของซันซัสดังขึ้นเรียบๆก่อนที่เจ้าไลเกอร์จะเดินมานัวเนียกับขาที่ถูกพาดอยู่บนเก้าอี้รองขาประจำตัวของหมอนั่น ผมมองเจ้าไลเกอร์นั่นก่อนที่จะก้มมองใบกระดาษในมือ  งานเลี้ยงที่จะจัดขึ้นเมื่อครบรอบวันเกิดของฉันเอง ไม่เจ้าบ้านที่ไหนหรอกจะจัดงานแบบนี้ขึ้น เจ้ารีบอร์นเท่านั้นแหละ!

    ก็น่าจะพอทำได้ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่นายต้องมานั่งกลุ้มกับฉันเลยนะซันซัส

    ผมพูดไปตามความจริง หลายคนคงจะดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดงานวันเกิดของเจ้ารีบอร์นแต่สำหรับผมคิดว่ามันวุ่นวายแต่ยังไงหมอนั่นก็คอยดูแลผม นี่ก็คงเป็นการตอบแทนแบบหนึ่ง  รวมทั้งเด็กที่ชื่อฮิบิกิ ด้วยผมให้เธอเป็นของขวัญให้รีบอร์น ถึงตอนแรกจะพยศใส่รีบอร์นไปบ้างแต่ตอนนี้เธอก็เป็นคนนึงที่ผมกับรีบอร์นค่อนข้างไว้ใจ ส่วนคริสติน่าก็เป็นคนในวาเรียซันซัสเป็นคนให้สควอโล่เอง เธอเป็นคนที่เข้าถึงกับทุกคนได้เธอออกจะใจดีและสควอโล่ก็ค่อนข้างตามใจเธอ แต่เธอก็ไม่เคยที่จะออกนอกกรอบเลยแม่แต่น้อย

                งั้นก็ให้ยัยพวกนั้นเป็นเมดชั่วคราวสิ ไหนๆซะเจ้าแก่กับแฟมิลี่อื่นก็ต้องมากันอยู่แล้ว พูดน่ะพูดง่าย แต่ถ้ายังคุมกันไม่ได้ ยังไงๆก็งานก็แตกอยู่ดี

                พูดยังไม่ค่อยจะฟังเลยเนี่ยนะ

    ผมถอนหายใจออกมาปลงๆ เข้ามาได้ไม่กี่วันงานวันเกิดของรีบอร์นก็เริ่ม คงจะใช้จังหวะเกิดความวุ่นวายและหนีไปช่วยพ่อแม่อยู่แล้ว

                “…งั้นก็ให้พวกสวะที่อยู่ท่อระบายน้ำขึ้นมาคุมสิ จะได้เชื่อง

                “แล้วใครจะคุมพวกนักโทษล่ะ

                “แกเป็นบอสได้ไง...

    คงเป็นเพราะช่วงนี้เบลอๆ ทำให้ถามเยอะไปหน่อย ซันซัสคงรำคาญล่ะมั้ง เอาเป็นว่าตอนนี้คิดไม่ออกโว้ย!!

    ถ้างั้นค่อยคิดก็ได้  งั้นอาหารเย็นวันนี้ค่อยคุยกับทุกคน นายก็ลงมาด้วยล่ะ

                ผมตัดบทสนทนาง่ายๆก่อนที่จะลุกยืนเต็มความสูง  ซันซัสหลับตาและพ่นลมหายใจตามสไตล์ตัวเอง ไม่ใช่พ่นลมล่ะมั้งน่าจะเรียกว่าทำให้เกิดเสียงในคอว่า หึ ต่างหาก


    If you do not cut the fire, but the wind.

    หากไม่ตัดไฟ แต่ต้นลม


    Sparks will splash the appropriate infection.


    ประกายไฟจะกระเด็นติดเชื้อที่เหมาะสม


    Become a big fire to burn yourself!

    กลายเป็นไฟขนาดใหญ่ที่จะเผาตัวเอง!

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×