ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    CHILDISH TEACHER { KRIS X CHANYEOL ft.yunjae/lumin }

    ลำดับตอนที่ #2 : LESSON 02

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 420
      1
      26 พ.ย. 56


     

    lesson 2

     


     

              รถจักรยานยนต์รุ่น HYOSUNG GT250R ราคาแพงถูกจอดไว้ข้างสนามบาสสาธารณะในยามวิกาล บรรยากาศวังเวงไร้ซึ้งผู้คน มีเพียงชายร่างสูงสองคนในชุดยูนิฟอร์มนักเรียนที่ยืนประจันหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย ท่ามกลางเสียงจราจรจากถนนใหญ่และแสงไฟสลัวสีส้มส่องสว่างเป็นจุดๆ

     

    หึ นึกว่าจะเบี้ยวซะแล้วอู๋ฟาน

     

    คนอย่างฉัน คำไหนคำนั้นลู่หาน”  ผู้มาทีหลังยกยิ้มอย่างมีเลศนัยน์ไม่ต่างจากอีกฝ่าย สายตาคมจ้องกันอย่างดุเดือด ใครก็รู้ว่าทั้งคู่เป็นคู่ปรับมาตั้งแต่ม.4 แล้ว พวกเขาก่อเหตุทะเลาะวิวาทจนได้เข้าห้องปกครองเป็นว่าเล่นจนเกือบจะโดนไล่ออก เพราะแบบนั้นจึงใช้วิธีนัดเจอหลังเลิกเรียน

     

    ตัวตัวแบบนี้ก็ยุติธรรมดีเหมือนกัน

     

    สิ่งที่ทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกันเกิดเพราะเรื่องเล็กน้อย เหยียบเท้าบ้าง ชนไหล่กันบ้าง ผู้ชายเลือดร้อนก็แบบนี้ เจออะไรไม่ถูกชะตาก็พาลหาเรื่องได้หมด แถมทั้งสองคนต่างมีพรรคมีพวก สมาชิกคนไหนมีเรื่องกับใคร คนอื่นๆ ก็จะพากันไปช่วยตลอด มีแผลติดตัวไม่เว้นสัปดาห์

     

     

    เริ่มเลยไหมล่ะ

     

    จะรออะไร

     

    ฟุ่บ!!!! ขวับ!!!!

     

    บทสนทนาปิดฉากลงด้วยภาษากายของลูกผู้ชาย หมัดหนักเสยหน้าอีกฝ่ายสลับกันจนเวลาล่วงเลยได้สักพัก คอเสื้อของลู่หานก็ถูกมือหนาของอู๋ฟานยกขึ้นแล้วทุ่มลงพื้น คนได้เปรียบนั่งคร่อมกลางลำตัวของอีกฝ่ายก่อนจะอัดหมัดบนใบหน้าหวานแรงๆ จนสาแก่ใจ น้ำสีแดงเข้มไหลจากรูจมูก ไม่รวมกับบริเวณริมฝีปาก ดวงตาข้างขวาบวมช้ำจนจำแทบไม่ได้

     

    ฉันเตือนแล้ว

     

    หนุ่มลูกครึ่งจีน-เกาหลีลุกขึ้นยืน ปัดฝุ่นออกจากหน้าอกตน ยกยิ้มขึ้นพลางส่ายหัวเบาๆ กับสภาพของคนตรงหน้าที่นอนกองอยู่บนพื้น รถจักรยานยนต์คันหรูถูกขับออกไปจากสถานที่เปลี่ยวเหลือไว้เพียงร่างกายอิดโรย

     

    มันน่าเจ็บใจจริงๆ

    ฝากไว้ก่อนเถอะ

     

     

     ฝากรูป

     

     

    ตามทันได้ไงวะ!” มีศัตรูเยอะก็แบบนี้ สองขายาวทิ้งจักรยานยนต์ราคาแพงก่อนจะวิ่งเข้าซอยมืดในกลางเมือง ก็กลับบ้านอยู่ดีๆ แต่ดันเจอคู่อริต่างโรงเรียนอย่างจื่อเทาซะนี่ แถมมากันเป็นโขยง จะให้ลุยเดี่ยวคงไม่ไหว

     

    ตามมันให้ทัน!” เสียงตะโกนไล่หลังทำให้ฮอร์โมนอะดรีนาลีนของอู๋ฟานหลั่งอย่างเต็มที่ เขาวิ่งไปจนสุดซอยโผล่ที่หน้าถนนใหญ่บริเวณสี่แยกไฟแดงพอดิบพอดี เหมือนกับว่าวินาทีนั้นสมองตีบตันไปหมด ข้างหลังก็มี ข้างซ้ายก็มา ข้างขวาก็เจอ อะไรจะตื่นเต้นขนาดนี้

     

     

    ปัง! บรื้นนนนนนนนนน

     

     

    ยังกับพระเอกในหนังแอคชั่น!

     

    อู๋ฟานวิ่งไปบนถนนขณะที่รถทุกคันกำลังติดไฟแดง 3 วินาทีสุดท้าย เขาเปิดประตูรถแท็กซี่คันหนึ่งออกแล้วกระโจนขึ้นอย่างทันท่วงทีสร้างความตกใจให้ทั้งคนขับและผู้โดยสาร

     

    เฮ้ย!!! ” เสียงของคนน่ารักดังขึ้นด้วยความตกใจ แต่ก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นหน้าของอีกฝ่าย

     

    ขึ้นมาได้ยังไงเนี่ยไอ้หนุ่ม!” ลุงคนขับหันมาถาม แต่ก็ยังขับไปข้างหน้าเพราะจะให้จอดกลางถนนแบบนี้คงไม่ได้แน่

     

    ขอโทษทีครับ ผมหนีพวกนักเลงมา ขอโทษด้วยน…” ร่างสูงในชุดยูนิฟอร์มนักเรียนที่เนคไทหลุดลุ่ยชะงักเมื่อหันไปพบร่างโปร่งที่คุ้นตาซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ  

     

    บังเอิญ โลกกลม พรหมลิขิต

     

    พรมเช็ดเท้าล่ะสิไม่ว่า ทำไมชานยอลต้องเจอเด็กนี่ในสภาพวิ่งหนีคนอื่นมาตลอด ใช้ชีวิตแบบนี้ทั้งวันเลยหรือไงกัน

     

    แต่ความจริงแล้ว โลกมันกลมกว่าที่คิดเสียอีก

     

    ทำบ้าอะไรของเธอ

     

    แค่นี้ดุใส่นะครับโธ่ เดี๋ยวผมจ่ายค่าแท็กซี่ให้ก็ได้ครับคุณ นี่ครับลุง ไม่ต้องทอนนะพูดจบก็ยื่นเงินหมื่นวอนให้คนขับ พลางชี้บอกทางราวกับนั่งมาคนเดียวอย่างไรอย่างนั้น

     

    ลุงครับ จอดตรงคลินิกข้างหน้าครับ ตรงนั้นน่ะ

     

    คนตัวเล็กกว่าได้แต่นั่งขมวดคิ้วกอดกระเป๋าเป้ใบโตไว้แน่นพลางมองการกระทำของอีกคนจนรถแท็กซี่มาจอดเทียบกับหน้าคลินิกแห่งหนึ่งที่ยังคงเปิดไฟสว่างไสว ท่าทางบวกกับน่าตาน่ารักของคนอายุมากกว่าทำให้คนที่หันมามองอดยิ้มออกมาไม่ได้ อู๋ฟานมั่นใจเหลือเกินว่าตัวเองอายุมากกว่าทั้งที่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่เลย แถมสถานะและอำนาจของคนน่ารักยังมีมากกว่าตัวเองหลายเท่า

     

    ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ ไม่พูดเปล่า เขายื่นหน้ามาหอมแก้มกลมของอีกฝ่ายโดยไม่ขออนุญาตก่อนจะเปิดประตูลงจากรถไป

     

    เจ้าเด็กบ้า

     

    ชานยอลได้แต่เบิกตาโตด้วยความตกใจ อยู่ๆ ใบหน้าก็ร้อนไปหมด นิ้วมืออวบกอดกระเป๋าแน่นกว่าเดิม บ้าจริงๆ บ้าไปแล้ว

     

    ไปไหนต่อครับคุณ

     

    ..เลี้ยวซ้ายซอยข้างหน้าครับ

     
     

     

     ฝากรูป


     

     

                 สองขายาวค่อยๆ เลื่อนประตูกระจกคลินิกออกเบาๆ เดินตรงไปยังเคาท์เตอร์จ่ายยาที่คุ้นเคย จะเรียกว่าเป็นจุดปฐมพยาบาลส่วนตัวเลยก็ว่าได้

     

     พี่ยูริครับ แม่อยู่ในห้องตรวจเหรอครับ

     

    ใช่ค่ะ ตรวจคนไข้รายสุดท้ายของวันนี้อยู่เภสัชกรคนสวยยิ้มให้ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเขียนอย่างขะมักเขม้น

     

    ขอพลาสเตอร์ยาอันนึงสิครับร่างสูงหัวเราะแห้งๆ พลางส่งสายตาเหมือนเด็กขี้อ้อนให้คนอายุมากกว่า

     

    เฮ้อ คุณอู๋ฟานนี่จริงๆ เลยนะคะ ไปมีเรื่องกับชาวบ้านเค้าอีกแล้วล่ะสิเธอวางปากกาลงก่อนจะหันหลังไปหยิบพลาสเตอร์ยาจากกล่องที่วางไม่ไกลนัก

     

    มานี่เลย มานี่เสียงแหลมของหญิงวัยกลางคนทะลุเข้าโสตประสาทพร้อมด้วยความเจ็บปวดชนิดที่หูแทบขาด เธอเดินมาดึงหูลูกชายโดยที่ไม่ทันตั้งตัว

     

    โอ้ยยยยยย ผมเจ็บนะครับแม่

     

    ไปมีเรื่องกับใครอีกแล้ว แกนี่หาเรื่องให้แม่ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน

     

    หูจะขาดแล้วเนี่ย ปล่อยผมก่อน  โอ้ยยยยยยิ่งพูดยิ่งน่าบิดหูให้มันขาดนักเจ้าลูกคนนี้ เรียนไม่เอาไหนแล้วยังจะชกต่อยเป็นงานอดิเรก ถ้าไม่ติดว่าหน้าตาดี ป่านนี้สภาพคงไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว

     

    แล้วจะกลับบ้านกับแม่เลยไหมมือเรียวปล่อยจากหูลูกชายมาควานหาโทรศัพท์ราคาแพงจากในกระเป๋าสะพาย

     

    ผมต้องกลับไปเอารถก่อนครับ จอดทิ้งไว้ แม่กลับก่อนเลยเดี๋ยวผมตามไป

     

    เอางั้นเหรอ ยังไงก็รีบกลับล่ะ สามทุ่มกว่าแล้วนะ

     

    คร้าบแม่ ไปแปบเดียวหน่า ไม่ต้องห่วงร่างสูงยิ้มให้ผู้เป็นแม่ก่อนจะเดินผิวปากควงพวงกุญแจรถในมือออกไปจากคลินิก แฮมิได้แต่ส่ายหน้าพลางถอนหายใจกับลูกคนเล็กของตัวเอง จะสั่งจะสอนหรือเตือนกี่ครั้งก็ไม่เคยจะปรับปรุงตัวเลยสักที ยิ่งอยู่ในช่วงม.6 ที่ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยยิ่งน่าเป็นห่วงเข้าไปใหญ่

     

    ถ้าแม่ไม่อยู่แล้ว อนาคตของแกจะเป็นยังไงนะอู๋ฟาน …’

     

     

     

     

     ฝากรูป

     

     

     

           ร่างโปร่งครางในลำคอเพราะความเจ็บปวด พยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง

     

    ใครมานอนอยู่ตรงนั้นน่ะ?” ปากบางของนักเรียนม.ปลายพึมพำกับตัวเองหลังจากเห็นบุคคลปริศนานอนอยู่กลางสนามบาสประกอบกับเสียงโอดครวญ สองเท้าเล็กรีบวิ่งโผล่ออกมาจากทางเดินมืด แต่ก็ต้องหยุดชะงัก ร่างกายแข็งทื่อด้วยความกลัว ใจหนึ่งก็อยากช่วย อีกใจหนึ่งก็กลัว นี่มันก็สามทุ่มกว่าแล้ว แถมอยู่คนเดียวด้วยสิ

     

    เอาก็เอาวะซิ่วหมิน

     

    เขาเม้มปากพลันกระชับกระเป๋าที่สะพายหลังไว้แน่นแล้ววิ่งไปยังร่างที่นอนอยู่

     

    คุณครับ เป็นอะไรไหม

     

    เจ็บไปหมด

     

    ไหวไหมฮะเด็กอนามัยค้นกระเป๋าควานหากระดาษชำระที่พกไปโรงเรียนทุกวัน มือเล็กค่อยๆ ซับเลือดบริเวณใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างเบามือ

     

    ผมจะพาไปโรงพยาบาลนะซิ่วหมินพยุงร่างอีกคนให้ยืนขึ้นตาม

     

    ไม่ ฉันไม่ไป

     

    ไม่ไปได้ยังไง เจ็บขนาดนี้

     

    ฉันจะกลับบ้าน ฉันไม่เป็นอะไร

     

    นี่คุณ อย่าทำตัวเป็นพระเอกไปหน่อยเลย สภาพยังกับไปฟัดหมาที่ไหนมา

     

    ร้ายยิ่งกว่าหมาอีก หึ

     

    จะไปไม่ไป

     

    ไม่

     

    งั้นไปทำแผลบ้านผมก่อน แม่ผมเป็นหมอ ให้แม่ดูว่าคุณช้ำอะไรขนาดไหน ต้องไปโรงพยาบาลไหมคนบาดเจ็บไม่ตอบอะไร ได้แต่กอดคอคนตัวเล็กไว้ พยายามใช้แรงที่มีอยู่พยุงตัวเองและเดินไปตามทาง ถือว่าโชคดีมากที่เขาได้ซิ่วหมินช่วยไว้ ไม่งั้นคงได้นอนอยู่ตรงนั้นยันเช้าแน่ๆ มือเล็กยกขึ้นดูนาฬิกาข้อมือบอกเวลาสามทุ่มครึ่ง ซึ่งเป็นเวลาที่เขาควรถึงบ้านแล้วหลังจากเลิกเรียนพิเศษ ปกติเขาเดินกลับบ้านคนเดียวผ่านสวนสาธารณะแห่งนี้ทุกวัน เรียกว่าเป็นนักเรียนที่เรียนโหดที่สุดในโรงเรียนเลยก็ว่าได้

     

     

    เดี๋ยวผมไปเอายามาทาให้นะคนตัวเล็กวางคนตัวสูงลงบนโซฟายาวก่อนจะหายเข้าไปในห้องโถงที่มีกล่องปฐมพยาบาลเก็บไว้ ลู่หานทอดสายตามองไปรอบๆ ห้องรับแขกขนาดใหญ่ บนผนังถูกประดับด้วยกรอบรูปสีทองซึ่งด้านในมีรูปคนในครอบครัวถ่ายร่วมกัน ถึงแม้สายตาที่พร่ามัวในตอนนี้จะมองใบหน้าคนในรูปไม่ชัด แต่ก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น เมื่อหันกลับมามองตัวเองช่างน่าเศร้า ตัวเขาเองที่ไม่เคยมีครอบครัวอบอุ่น ครอบครัวที่อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาเหมือนอย่างในรูปสักนิดเลย ไม่มีเลย

     

    มาแล้วซิ่วหมินวิ่งแจ้นมาพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาลสีขาว เขาวางมันบนโต๊ะแล้วจัดแจงทำการปฐมพยาบาลให้กับอีกฝ่าย ถึงจะเบามือขนาดไหน ลู่หานก็อดร้องโวยวายออกมาไม่ได้

     

     “เบาๆ หน่อยสิ!!”

     

    เบาแล้ว ต่อให้เบากว่านี้คุณก็เจ็บอยู่ดี แผลมันเยอะขนาดนี้นี่

     

    โอ้ยยยยยยย!!!!”

     

    เสียงอะไรดังมาถึงห้องครัวเลยหญิงวัยกลางคนโผล่มาจากประตูที่เชื่อมระหว่างห้องรับแขกและห้องรับประทานอาหาร เธอต้องเบิกตาโตด้วยความตกใจเมื่อเห็นนักเรียนชายในชุดยูนิฟอร์มเหมือนลูกของตนมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ

     

    เพื่อนลูกเหรอจ้ะ ทำไมหน้าถึงเป็นแบบนั้น ไหน มาให้ดูหน่อยสิเธอนั่งลงข้างๆ คนบาดเจ็บ บีบคางแล้วจับเอียงหน้าเพื่อดูบาดแผลที่ปรากฎบนหน้าหวาน

     

    ซิ่วหมิน หยิบแอลกอฮอล์มาสิ เช็ดตรงนี้หน่อย

     

    ครับแหม่มือเล็กหยิบขวดสีฟ้าส่งให้แม่ พลางมองการปฐมพยาบาลสุดโหดที่เล่นเอาลู่หานตะโกนออกมาด้วยความทรมาน

     

    โอ้ยยยยยยยยย!!!!!!”

     

    กลับมาแล้วครับแม่ แล้วนี่แหกปากอะไรเสียงดังห้ะซิ่วหมิน

    ประตูบ้านถูกเปิดออกโดยร่างสูงในชุดยูนิฟอร์มนักเรียนเดียวกัน เขาพูดพลางหันหลังล็อกประตูบ้าน มือข้างหนึ่งกระชับกระเป๋าเป้ที่สะพายไว้บนไหล่ข้างเดียวขึ้นแล้วหันหน้าไปพบกับ

     

    ลู่หาน!!!!”

     

    อู๋ฟาน!!!!”

     

     

    !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

     

    โลกกลมกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว










    TBC

     


    ฝากรูป



    กราบสวัสดีทุกท่าน ด้วยความเป็นไรเตอร์สมัครเล่นจึงนั่งแต่งหลังขดหลังแข็งจนสำเร็จไปอีก 1 ตอนค่ะ
    พี่คริสอู๋เราเฟี้ยวสุดไรสุด T v T เป็นเด็กดื้อของแม่ด้วย งุยๆๆๆ แถมแต๊ะอั๋งครูอีกตังหาก  เพราะความไม่รู้แท้ๆเลย
    โลกชักจะกลมขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ติดตามด้วยน้า ขอบคุณมากนะคะ เม้นก็ดี ไม่เม้นก็ #ฟิคครูครับ เหมือนเคย ฮูเร้ 





     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×