คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 5 : พบเจอ (รีไรต์)
ฉันพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะยืนมองกระบวนการนิ่งๆ
เมื่อนายทหารคนหนึ่งตะโกนอะไรสักอย่างออกมา พวกทหารก็ก้มหัวให้พวกเรา
ก่อนจะแหวกทางให้เดินเข้าด้านในพระราชวัง เมื่อเข้ามาถึง
สิ่งแรกคือความยิ่งใหญ่โอ่อ่าของวัง เครื่องประดับและของใช้ต่างๆดูแล้วจะทำจากทองแท้ทั้งนั้น
แต่สิ่งที่น่าสะดุดตาที่สุดตอนนี้คือ
คนสองคนที่นั่งอยู่บนบังลังก์(ซึ่งดูๆแล้วก็คงทำมาจากทองแท้เช่นกัน..) คนหนึ่งเป็นผู้ชายที่มีลักษณะดูภูมิฐาน
และมีอำนาจบางอย่างแผ่ออกมา คงจะเป็นพระราชา ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิงที่ดูท่าทางจะดุไม่ใช่น้อย
ดูมีอำนาจบางอย่างแผ่ออกมาเช่นกัน แน่นอนว่าต้องเป็นองค์ราชินี ยังไม่ทันได้พิจารณารูปร่างหน้าตาของทั้งสอง
ฉันและครอบครัวก็ได้คุกเข่าลง
“ ถวายพระพรองค์ราชาและองค์ราชินี “
ท่านพ่อและท่านแม่พูด และแน่นอนว่าฉันและน้องชายก็พูดเช่นกัน
ถึงยังไงพวกเราก็ได้รับการสั่งสอนเรื่องมารยาทมาบ้างน่ะ
ยิ่งกับพวกขุนนางตระกูลสูงยิ่งแล้วใหญ่เลย
ดีหน่อยที่ครอบครัวฉันก็ไม่ได้เคร่งครัดถึงขนาดต้องเป๊ะทุกอย่าง
“ ไม่ต้องมากพิธีหรอก รีบลุกขึ้นเร็ว ข้าอยากเห็นหน้าลูกๆของเจ้านัก ว่าจะน่ารักแค่ไหน “
องค์ราชาพูดขึ้นก่อนที่ท่านพ่อและท่านแม่จะลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นว่าท่านพ่อและท่านแม่ลุกขึ้นยืนแล้ว ฉันและเครซิเมอร์ก็ลุกขึ้นยืนด้วย
“ ทำไมเจ้าต้องอยากมาเห็นหน้าลูกข้าด้วย ไปดูหน้าลูกของเจ้าจะดีกว่า “
ท่านพ่อพูดเสียงห้วนแบบไม่เกรงกลัวอาญา จนฉันนึกเสียวขึ้นมาแทนว่าจะโดนลงโทษไหม ฉันเหลือบตามององค์ราชาเล็กน้อยเพื่อสังเกตว่าปฏิกิริยาจะเป็นยังไง แต่ก็ต้องถอนหายใจออกมาเบาๆด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นองค์ราชาหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ ฮ่าๆ เจ้าอย่ามาทำหวงลูกหน่อยเลย ไหนๆ เอาลูกเจ้าทั้งสองมาให้ข้าดูเร็วเข้า ! “
องค์ราชาพูดย้ำอีกครั้ง และแน่นอนว่าท่านพ่อก็บ่นอีกครั้ง แต่ก็เรียกพวกเราให้ไปยืนหน้าองค์ราชา
ฉันและน้องชายเมื่ออยู่ต่อหน้าองค์ราชาและองค์ราชินีก็เกิดอาการประหม่าขึ้น แต่ฉันที่อายุในโลกก่อนก็บรรลุนิติภาวะแล้ว ทำให้ควบคุมสติได้มากกว่า จึงแนะนำตัวก่อน
“ ถวายพระพรเพคะ องค์ราชา องค์ราชินี หม่อนฉันชื่อ ออร์ล่า มาร์เควสส์ ยินดีที่ได้พบเพคะ “
ฉันพูดอย่างไม่มีติดขัดตรงกับสคิปที่คิดไว้ในหัว(?) และย่อตัวลงเพื่อแสดงความเคารพ และเหลือบมองเครซิเมอร์ที่ดูประหม่ามากๆ
ไม่แปลกหรอก สำหรับเด็กอายุ 4 ขวบ
ฉันคิดก่อนจะส่งสายตาให้กำลังใจเครซิเมอร์เมื่อเขาสบตากับฉัน เขาสูดลมหายใจเข้าเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงสั่นๆ
“ ถวายพระพรพะยะค่ะ องค์ราชา องค์ราชินี กระหม่อมชื่อ เครซิเมอร์ มาร์เควสส์ ยินดีที่ได้พบพะยะค่ะ “
เมื่อเขาพูดจบเขาก็โค้งตัวเพื่อแสดงความเคารพ ก่อนที่ฉันและเครซิเมอร์จะยืนขึ้นแบบปกติเมื่อองค์ราชาและองค์ราชินีเอ่ยปากให้ลุกขึ้นได้ ฉันก้มหน้าลงเล็กน้อย
ส่วนใหญ่เขาไม่ให้มองเบื้องสูงสินะ
ฉันคิด แต่ก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อองค์ราชาเอ่ยปากเรียกชื่อฉัน
“ ออร์ล่า เจ้าลองเงยหน้าสบตากับข้าหน่อยสิ “
องค์ราชาสั่ง แน่นอนว่าฉันต้องทำตามอยู่แล้ว ฉันเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาสีทองเรืองรองที่เปล่งกระกายมีอำนาจ นั้นทำให้เกิดความเงียบขึ้นเมื่อฉันและองค์ราชาไม่ได้พูดอะไร ต่างคนต่างจ้องมองกันอย่างนั้น จนสุดท้าย องค์ราชาก็เป็นคนหัวเราะออกมา(อีกแล้ว..) และถอนสายตาไปจากฉันก่อน
“ เป็นเด็กที่ใช้ได้ สมกับเป็นลูกสาวของเจ้าทั้งสอง ฮ่าๆๆ “
ท่านพ่อเมื่อได้ฟังก็กรอกตาไปมาเล็กน้อย ส่วนท่านแม่ก็ยิ้มรับคำชมนั้น
“ งั้นข้าขอดูบุตรชายอีกคนหน่อย เครซิเมอร์เข้ามาใกล้ๆข้าสิ “
องค์ราชาเอ่ยปากเรียกเครซิเมอร์ เครซิเมอร์มีท่าทีกลัวๆเล็กน้อย แต่ก็เดินไปหาองค์ราชาใกล้ๆ ดวงตาสีเหลืองนวลของเขาสบเขากับดวงตาสีทองเรืองรองอำนาจขององค์ราชา และแน่นอน เครซิเมอร์เป็นฝ่านถอนสายตาออกมา องค์ราชาเพียงยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวเครซิเมอร์
“ บุตรชายเจ้าช่างขี้อายนัก แต่ข้าว่าโตไปต้องซนเป็นแน่ “
องค์ราชาพูดพลางยิ้มอ่อนโยน
“ ออร์ล่า เครซิเมอร์ ต่อไปนี้พวกเจ้าไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์กับข้า แล้วต่อไปนี้ให้เรียกข้าว่าท่านลุง เข้าใจหรือไม่? “
องค์ราชาพูดแกมบังคับ แน่นอนละ ใครจะไปปฎิเสธได้ แต่ก่อนจะได้ขานรับ องค์ราชินีก็พูดขึ้นมา
“ อ๊ะ งั้นพวกเจ้าก็เรียกข้าว่าท่านป้านะ “
องค์ราชินีคลี่ยิ้มออกมา มันทำให้ใบหน้าของเธอดูอ่อนโยนและงดงามมากกว่าเก่าซะอีก
“ ค่ะ / ครับ ท่านลุง ท่านป้า “
ฉันและเครซิเมอร์พูดพร้อมกัน ก่อนจะคลี่ยิ้มสดใสออกมา ซึ่งแน่นอนว่ามีแค่เครซิเมอร์คนเดียวที่ยิ้มแบบนั้น ฉันก็แค่ยิ้มจางๆเท่านั้นละ..
“ อ่อ ข้าเองก็อยากแนะนำบุตรชายทั้งสองให้รู้จักบ้าง เข้ามาสิ “
องค์ราชา ไม่สิ ท่านลุงพูดขึ้น ก่อนที่จะปรากฏเด็กสองคนขึ้น ฉันและเครซิเมอร์จ้องมองไปที่พวกเขาทั้งสอง ซึ่งจุดประสงค์ต่างกัน..เครซิเมอร์จ้องมองด้วยความสนใจใคร่รู้ ส่วนฉัน จ้องมองเพราะต้องการ’ประเมิน’ พวกเขา แต่จะว่าไปพวกเขานี้หน้าตาคุ้นๆดีนะ..จริงสิ ตอนอายุ 4 ขวบที่โครงหน้าและผมเริ่มปรากฏให้เห็น ก็รู้สึกคุ้นๆหน้าตัวเองกับเครซิเมอร์เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ฉันเหม่อมองคิด ก่อนจะหันกลับมาสนใจเด็กชายทั้งสองที่เริ่มแนะนำตัว
“ ยินดีที่ได้พบ ข้ามีนามว่า คาร์อิส มอร์ริแกน เมอร์ซี่ เป็นบุตรชายคนโตของราชวงศ์เมอร์ซี่ “
เด็กคนแรกพูดขึ้นก่อน เด็กคนนี้มีใบหน้าที่หล่อเหลาคมคาย ถ้าโตเป็นคงเป็นขวัญใจของใครหลายๆคนแน่นอน ผมของเขาเป็นสีเทาเงา เข้ากับดวงตาสีฟ้าสว่าง ทั้งหมดนั้นช่างราวกับสวรรค์รังสรรค์มา อายุแค่นี้ก็หล่อขนาดนี้แล้ว ไม่อยากจะคิดถึงอนาคต..
“ ย ยินดีที่ได้พบ ข้ามีนามว่า คาร์ลอส มอร์ริแกน เมอร์ซี่ เป็นบุตรชายคนที่ 2 ของราชวงศ์เมอร์ซี่.. “
เด็กคนที่สองพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักและสั่นเล็กน้อย แต่หลังๆก็สามารถควบคุมโทนเสียงได้ เด็กคนนี้มีเส้นผมสีทองและดวงตาสีเขียวอ่อนๆ หน้าตาของเขาก็หล่อคมคายพอๆกับผู้เป็นพี่ แต่เด็กคนนี้จะมีความหวานติดอยู่ที่หน้าเล็กน้อย ดูๆแล้วน่าจะอายุ 3 ขวบย่าง 4 ขวบแล้ว ดูแล้วท่าจะเด็กกว่าไม่กี่เดือน
อ่า งั้นพวกฉันต้องแนะนำตัวสินะ
ฉันคิดก่อนจะฉีกยิ้มจอมปลอมให้ทั้งสอง และย่อตัวเป็นรอบที่สองของวันนี้..
“ ยินดีที่ได้พบเช่นกันเพคะ องค์ชายทั้งสอง หม่อมฉันมีชื่อว่า ออร์ล่า มาร์เควสส์ เป็นบุตรสาวของตระกูลมาร์เควสส์ “
ฉันแนะนำตัวเองยาวเหยียวยิ่งกว่าตอนที่แนะนำตัวกับท่านลุงและท่านป้า แน่นอนละ ในเมื่อเขาแนะนำตัวมาซะยาว ฉันก็ต้องแนะนำตัวยาวกลับ
ฉันเหลือบไปมองเครซิเมอร์ที่ทำหน้าเลิ่กลั่ก และใช้สายตาใส่เขาว่า ให้พูดและทำตาม เขาพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะโค้งตัวให้องค์ชายทั้งสอง
“ เอ่อ..ยินดีที่ได้พบพะยะค่ะ องค์ชาย กระหม่อมมีชื่อว่า เครซิเมอร์ มาร์เควสส์ เป็นบุตรชาย..ของตระกูลมาร์เควสส์ “
เขาฉีกยิ้มสดใสแฝงความเป็นมิตรไปให้องค์ชายทั้งสองคน
ดูๆแล้วเครซิเมอร์กับคาร์ลอสน่าจะเข้ากันได้ดีนะ..
“ ถ้าแนะนำตัวกันเสร็จแล้วก็ไปเล่นที่สวนนะเด็กๆ พ่อกับแม่มีเรื่องต้องคุยกันหน่อย “
ท่านแม่ของฉันพูดขึ้น ก่อนที่สาวใช้จะเดินนำทางพวกเราทั้งสี่ไปที่สวน ระหว่างทางที่เดินไม่มีใครเอ่ยพูดจาอะไรออกมาทั้งนั้น ทำให้บริเวณนี้มีแต่เสียงรองเท้าที่ดังกระทบทางเดิน
เมื่อเดินลัดเลาะตามสาวใช้มาได้เรื่อยๆ ก็มาหยุดอยู่หน้าสวนแห่งหนึ่ง ฉันสูดลมหายใจเข้าอย่างสดชื่น
อากาศแบบนี้เหมาะที่จะนอนมากๆ
ฉันคิดก่อนจะเหลือบตามองสาวใช้ที่ขอตัวไปทำงานต่อและเดินออกไปทันทีที่เจ้าชายอนุญาต พวกเราทั้งสี่เดินไปนั่งที่ศาลาแห่งหนึ่ง เครซิเมอร์นั่งข้างฉัน ส่วนเจ้าชายคาร์ลอสก็นั่งข้างๆพี่ของเขา
ทั่วทั้งสวนเกิดความเงียบขึ้นเมื่อไม่มีใครพูดอะไรออกมา ต่างคนต่างก็เงียบ ก่อตัวเป็นความอึดอัดเข้ามาแทนที่
“ เฮ้ๆ ทำไมเงียบกันยังงี้เล่า “
พลันก็มีเสียงเด็กคนหนึ่งพูดขึ้น ทำให้ความเงียบในศาลาหายไป พวกเราทั้งสี่คนเงยหน้าขึ้นมองที่มาของเสียง
เด็กผู้หญิงเหรอ?
ฉันคิดก่อนจะสำรวจเด็กผู้หญิงตรงหน้า เธอมีใบหน้าที่สวยหวาน เส้นผมสีน้ำตาลส้มหยักศก ดวงตากลมโตสีน้ำข้าวซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยแพขนตายาวเงางาม ริมฝีปากสีชมพูอิ่มที่กำลังส่งยิ้มมาให้
เด็กคนนี้สวยโคตรๆเลยแหะ โตไปต้องเกิดศึกชิงนางแหงๆ
“ ท่านพี่เซลิค !? “
ยังไม่ทันได้คิดเพ้อฝันต่อ เสียงขององค์ชายคาร์ลอสก็ดังขึ้นและเขาก็วิ่งไปกอดเด็กผู้หญิงที่เขาเรียกว่าท่านพี่
ท่านพี่เหรอ? ไม่ใช่ว่าอาณาจักรเมอร์ซี่มีเพียงองค์ชายสองพระองค์ไม่ใช่หรือ? จะว่าไปทำไมถึงชื่อว่าเซลิคล่ะ..
ฉันขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเล็กน้อย ก่อนที่จะต้องรีบปรับสีหน้าเมื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นจ้องมา เธอคลี่ยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะขยับปากพูด
“ พวกเจ้าคงยังไม่รู้จักข้าสินะ ข้า เซลิค ฟอร์ติโน่ เป็นลูกพี่ลูกน้องของคาร์อิสและคาร์ลอส และข้าเป็นผู้ชาย “
“...”
“...”
“...”
“...”
เกิดความเงียบขึ้นอึดใจเมื่อคนที่ฉันคิดว่าเป็นเด็กผู้หญิงมาตลอดพูดจบ ตอนนี้ฉันกำลังอึ้งและเครซิเมอร์ก็คงจะอึ้งเหมือนกัน..
“ ฮ่าๆ แมลงวันจะเข้าปากเจ้าอยู่แล้วนะเด็กน้อย “
เด็กผู้หญิง เอ้ย ท่านเซลิคพูดแซวเครซิเมอร์เมื่อเห็นว่าเขาอ้าปากค้าง.. ถ้าเป็นฉัน ฉันก็คงเป็นแบบนั้น เพราะความสวยของท่านเซลิคมันทำให้ผู้ชายหลายๆคนตกหลุมรักได้เลยละ..และแน่นอนว่าถ้ามารู้ทีหลังว่าคนที่คุณตกหลุมรักเป็นผู้ชาย คงช็อคไม่น้อย..
เมื่อเครซิเมอร์โดนแซว เขาก็หน้าขึ้นสีเล็กน้อยก่อนจะวิ่งมาหลบหลังฉัน ฉันส่ายหัวไปมากับความขี้อายนั้นเล็กน้อย ก่อนจะหันไปสบตากับท่านเซลิค
“ พวกข้าต้องขอโทษด้วย เรื่องที่คิดว่าท่าน..เอ่อ..เป็นผู้หญิง “
ฉันพูดอ้อมๆแอ้มๆเล็กน้อย ท่านเซลิคเพียงแค่ยิ้มก่อนจะส่ายหน้าไปมาเชิงไม่เป็นไร
“ ไม่ต้องกังวลหรอก มีคนเข้าใจผิดเยอะอยู่แล้ว จะว่าไปเจ้าไม่ต้องเรียกข้าว่าท่านหรอก เรียกข้าว่าเซลิคจะดีกว่า “
“ ใช่ๆ ออร์จัง เครจัง พวกเจ้าก็เรียกข้าว่าคาร์ลอสเฉยๆก็ได้ “
เมื่อท่านเซลิค ไม่สิ เซลิคพูดจบ เจ้าชายตัวน้อยก็พูดตามมาทันทีราวกับรอโอกาสนี้อยู่นาน จะว่าไป...
“ ออร์จัง? “
ฉันขมวดคิ้วสงสัยกับสรรพนามนั้น แต่ก็ต้องรีบเปลี่ยนสีหน้าเมื่อคาร์ลอสมองมาแบบหงอยๆ
“ ม ไม่ได้เหรอ ? “
คาร์ลอสช้อนตามองฉันด้วยความออดอ้อน ซึ่งมันทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงด้วยความอยากกินเด็—
“ ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ละ “
“ ใช่ๆ ได้สิ “
ฉันและเครซิเมอร์ประสานเสียงพูดพร้อมกัน นั้นทำให้คาร์ลอสยิ้มสดใสออกมา
อ่า รอยยิ้มของเด็กนี้ดีต่อใจจริงๆ
ฉันคิดก่อนจะยกยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างเผลอตัว แต่ก็ต้องรีบหุบยิ้มเมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของใครบางคนที่มองมา
“ ในเมื่อพวกเจ้าเรียกกันอย่างนั้น งั้นก็เรียกข้าว่าคาร์อิสก็แล้วกัน แล้วก็..ไม่ต้องพูดราชาศัพท์ด้วย.. “
เจ้าชายอีกองค์ที่เงียบอยู่นานพูดคุย และแน่นอนฉันกับเครซิเมอร์ก็ขานรับไป
“ จริงสิเซลิค พวกข้ายังไม่ได้แนะนำตัวเลยนี้ “
ฉันพูดอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้
“ อ่อ เรื่องนั้นไม่ต้องหรอก ข้ารู้ชื่อพวกเจ้ามาก่อนอยู่แล้ว “
เซลิคพูดขึ้น เมื่อได้ยินดังนั้นฉันจึงพยักหน้ารับ ถึงแม้ในใจจะสงสัยว่ารู้ได้ยังไง แต่ฉันกับเครซิเมอร์มาจากตระกูลขุนนางชั้นสูงที่มีอิทธิพล ก็คงไม่แปลกหรอกที่เขาจะรู้จัก
ฉันคิดเองเออเองเสร็จสรรพ ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตให้เครซิเมอร์ไปเล่นกับพวกเซลิคและคาร์ลอสข้างนอกศาลา และเมื่อพวกเขาไปเล่นข้างนอกจึงทำให้ศาลามีแต่ฉันและคาร์อิส
“...”
“...”
เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง แหงละ ฉันกับคาร์อิสเป็นพวกพูดน้อยพอๆกัน แล้วให้มาอยู่ด้วยกันเนี้ยนะ..
ฉันกำลังคิดเพ้อเจ้อไปมาเพื่อจะได้ไม่ต้องสนใจกับสายตาเขาที่มองมาที่ฉัน และก็ต้องตกใจเมื่ออยู่ๆคาร์อิสก็ลุกขึ้นแล้วเดินมาหา
“ ไปดูดอกไม้กันไหม “
คาร์อิสเอ่ยปากถามออกมา ฉันที่กำลังมึนๆอยู่ก็พยักหน้าตอบรับไป แต่ก็ต้องตกใจอีกรอบเมื่อคาร์อิสเดินผ่านตัวฉันไปและพูดคำบางคำออกมา
“ ก็ยิ้มสวยดีนี่ ทำไมไม่ยิ้มบ่อยๆละ.. “
ความคิดเห็น