ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เด็กสลัมกับโลกโอโตเมะเกมของเธอ

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 5 : พบเจอ (รีไรต์)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.98K
      137
      23 ต.ค. 61

    บทที่ 5
    กุบกับ กุบกับ
    เสียงฝีเท้าของม้ากระทบกับพื้นดินดังขึ้น ก่อนจะค่อยแผ่วเบาลงจนเงียบไปในที่สุด เป็นสัญญาณว่าตอนนี้ถึงที่หมายแล้ว ฉันดึงสติที่ล่องลอยไปไกลคืนมา ก่อนจะก้าวขาออกจากรถม้าคันหรู ฉันใช้สายตาจ้องมองไปข้างหน้าก็พบเขากับบรรดาทหารมากมาย
    พอพวกเขาเห็นท่านพ่อและท่านแม่ก็ค้อมตัวแสดงความเคารพทันที ฉันยิ้มอย่างสุภาพให้นายทหารคนหนึ่งที่เผลอสบตากับฉัน
    ก่อนจะหันกลับมาเมื่อสัมผัสได้ว่ามีคนมาจับมือฉัน เมื่อเหลือบมองก็เห็นเป็นเครซิเมอร์ที่ทำหน้าบูดแล้วจับมือฉันอยู่

    " พี่ฮะ เข้าข้างในกัน "

    พอพูดเสร็จก็ลากฉันเข้าไปข้างในทันที ฉันที่ไม่ทันตั้งตัวก็เลยปล่อยตัวไปตามแรงจูงของเขา
    แต่ท่านพ่อกับท่านแม่มาห้ามไว้ก่อน บอกว่าต้องบอกให้คนที่เฝ้าหน้าปะตู พูดอะไรสักอย่างก่อน

    ฉันพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะยืนมองกระบวนการนิ่งๆ เมื่อนายทหารคนหนึ่งตะโกนอะไรสักอย่างออกมา พวกทหารก็ก้มหัวให้พวกเรา ก่อนจะแหวกทางให้เดินเข้าด้านในพระราชวัง เมื่อเข้ามาถึง สิ่งแรกคือความยิ่งใหญ่โอ่อ่าของวัง เครื่องประดับและของใช้ต่างๆดูแล้วจะทำจากทองแท้ทั้งนั้น แต่สิ่งที่น่าสะดุดตาที่สุดตอนนี้คือ คนสองคนที่นั่งอยู่บนบังลังก์(ซึ่งดูๆแล้วก็คงทำมาจากทองแท้เช่นกัน..) คนหนึ่งเป็นผู้ชายที่มีลักษณะดูภูมิฐาน และมีอำนาจบางอย่างแผ่ออกมา คงจะเป็นพระราชา ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิงที่ดูท่าทางจะดุไม่ใช่น้อย ดูมีอำนาจบางอย่างแผ่ออกมาเช่นกัน แน่นอนว่าต้องเป็นองค์ราชินี ยังไม่ทันได้พิจารณารูปร่างหน้าตาของทั้งสอง ฉันและครอบครัวก็ได้คุกเข่าลง

    ถวายพระพรองค์ราชาและองค์ราชินี

    ท่านพ่อและท่านแม่พูด และแน่นอนว่าฉันและน้องชายก็พูดเช่นกัน ถึงยังไงพวกเราก็ได้รับการสั่งสอนเรื่องมารยาทมาบ้างน่ะ ยิ่งกับพวกขุนนางตระกูลสูงยิ่งแล้วใหญ่เลย ดีหน่อยที่ครอบครัวฉันก็ไม่ได้เคร่งครัดถึงขนาดต้องเป๊ะทุกอย่าง

    ไม่ต้องมากพิธีหรอก รีบลุขึ้นเร็ว ข้าอยากเห็นหน้าลูกๆของเจ้านัก ว่าจะน่ารักแค่ไหน 

    งค์ราชาพูดขึ้นก่อนที่ท่านพ่อและท่านแม่จะลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นว่าท่านพ่อและท่านแม่ลุกขึ้นยืนแล้ว ฉันและเครซิเมอร์ก็ลุกขึ้นยืนด้วย

     ทำไมเจ้าต้องอยากมาเห็นหน้าลูกข้าด้วย ไปดูหน้าลูกของเจ้าจะดีกว่า 

    ท่านพ่อพูดเสียงห้วนแบบไม่เกรงกลัวอาญา จนฉันนึกเสียวขึ้นมาแทนว่าจะโดนลงโทษไหม ฉันเหลือบตามององค์ราชาเล็กน้อยเพื่อสังเกตว่าปฏิกิริยาจะเป็นยังไง แต่ก็ต้องถอนหายใจออกมาเบาๆด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นองค์ราชาหัวเราะออกมาเสียงดัง

    “ ฮ่าๆ เจ้าอย่ามาทำหวงลูกหน่อยเลย ไหนๆ เอาลูกเจ้าทั้งสองมาให้ข้าดูเร็วเข้า ! “

    องค์ราชาพูดย้ำอีกครั้ง และแน่นอนว่าท่านพ่อก็บ่นอีกครั้ง แต่ก็เรียกพวกเราให้ไปยืนหน้าองค์ราชา

    ฉันและน้องชายเมื่ออยู่ต่อหน้าองค์ราชาและองค์ราชินีก็เกิดอาการประหม่าขึ้น แต่ฉันที่อายุในโลกก่อนก็บรรลุนิติภาวะแล้ว ทำให้ควบคุมสติได้มากกว่า จึงแนะนำตัวก่อน

     ถวายพระพรเพคะ องค์ราชา องค์ราชินี หม่อนฉันชื่อ ออร์ล่า มาร์เควสส์ ยินดีที่ได้พบเพคะ 

    ฉันพูดอย่างไม่มีติดขัดตรงกับสคิปที่คิดไว้ในหัว(?) และย่อตัวลงเพื่อแสดงความเคารพ และเหลือบมองเครซิเมอร์ที่ดูประหม่ามากๆ

    ไม่แปลกหรอก สำหรับเด็กอายุ ขวบ

    ฉันคิดก่อนจะส่งสายตาให้กำลังใจเครซิเมอร์เมื่อเขาสบตากับฉัน เขาสูดลมหายใจเข้าเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงสั่นๆ

     “ ถวายพระพรพะยะค่ะ องค์ราชา องค์ราชินี กระหม่อมชื่อ เครซิเมอร์ มาร์เควสส์ ยินดีที่ได้พบพะยะค่ะ 

    เมื่อเขาพูดจบเขาก็โค้งตัวเพื่อแสดงความเคารพ ก่อนที่ฉันและเครซิเมอร์จะยืนขึ้นแบบปกติเมื่อองค์ราชาและองค์ราชินีเอ่ยปากให้ลุกขึ้นได้ ฉันก้มหน้าลงเล็กน้อย

    ส่วนใหญ่เขาไม่ให้มองเบื้องสูงสินะ

    ฉันคิด แต่ก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อองค์ราชาเอ่ยปากเรียกชื่อฉัน

     ออร์ล่า เจ้าลองเงยหน้าสบตากับข้าหน่อยสิ 

    องค์ราชาสั่ง แน่นอนว่าฉันต้องทำตามอยู่แล้ว ฉันเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาสีทองเรืองรองที่เปล่งกระกายมีอำนาจ นั้นทำให้เกิดความเงียบขึ้นเมื่อฉันและองค์ราชาไม่ได้พูดอะไร ต่างคนต่างจ้องมองกันอย่างนั้น จนสุดท้าย องค์ราชาก็เป็นคนหัวเราะออกมา(อีกแล้ว..) และถอนสายตาไปจากฉันก่อน

    “ เป็นเด็กที่ใช้ได้ สมกับเป็นลูกสาวของเจ้าทั้งสอง ฮ่าๆๆ 

    ท่านพ่อเมื่อได้ฟังก็กรอกตาไปมาเล็กน้อย ส่วนท่านแม่ก็ยิ้มรับคำชมนั้น

     งั้นข้าขอดูบุตรชายอีกคนหน่อย เครซิเมอร์เข้ามาใกล้ๆข้าสิ 

    องค์ราชาเอ่ยปากเรียกเครซิเมอร์ เครซิเมอร์มีท่าทีกลัวๆเล็กน้อย แต่ก็เดินไปหาองค์ราชาใกล้ๆ ดวงตาสีเหลืองนวลของเขาสบเขากับดวงตาสีทองเรืองรองอำนาจขององค์ราชา และแน่นอน เครซิเมอร์เป็นฝ่านถอนสายตาออกมา องค์ราชาเพียงยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวเครซิเมอร์

     บุตรชายเจ้าช่างขี้อายนัก แต่ข้าว่าโตไปต้องซนเป็นแน่ 

    องค์ราชาพูดพลางยิ้มอ่อนโยน

     ออร์ล่า เครซิเมอร์ ต่อไปนี้พวกเจ้าไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์กับข้า แล้วต่อไปนี้ให้เรียกข้าว่าท่านลุง เข้าใจหรือไม่? 

    องค์ราชาพูดแกมบังคับ แน่นอนละ ใครจะไปปฎิเสธได้ แต่ก่อนจะได้ขานรับ องค์ราชินีก็พูดขึ้นมา

     อ๊ะ งั้นพวกเจ้าก็เรียกข้าว่าท่านป้านะ 

    องค์ราชินีคลี่ยิ้มออกมา มันทำให้ใบหน้าของเธอดูอ่อนโยนและงดงามมากกว่าเก่าซะอีก

     ค่ะ / ครับ ท่านลุง ท่านป้า 

    ฉันและเครซิเมอร์พูดพร้อมกัน ก่อนจะคลี่ยิ้มสดใสออกมา ซึ่งแน่นอนว่ามีแค่เครซิเมอร์คนเดียวที่ยิ้มแบบนั้น ฉันก็แค่ยิ้มจางๆเท่านั้นละ..

     อ่อ ข้าเองก็อยากแนะนำบุตรชายทั้งสองให้รู้จักบ้าง เข้ามาสิ 

    องค์ราชา ไม่สิ ท่านลุงพูดขึ้น ก่อนที่จะปรากฏเด็กสองคนขึ้น ฉันและเครซิเมอร์จ้องมองไปที่พวกเขาทั้งสอง ซึ่งจุดประสงค์ต่างกัน..เครซิเมอร์จ้องมองด้วยความสนใจใคร่รู้  ส่วนฉัน จ้องมองเพราะต้องการประเมิน พวกเขา แต่จะว่าไปพวกเขานี้หน้าตาคุ้นๆดีนะ..จริงสิ ตอนอายุ 4 ขวบที่โครงหน้าและผมเริ่มปรากฏให้เห็น ก็รู้สึกคุ้นๆหน้าตัวเองกับเครซิเมอร์เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ฉันเหม่อมองคิด ก่อนจะหันกลับมาสนใจเด็กชายทั้งสองที่เริ่มแนะนำตัว

     ยินดีที่ได้พบ ข้ามีนามว่า คาร์อิส มอร์ริแกน เมอร์ซี่ เป็นบุตรชายคนโตของราชวงศ์เมอร์ซี่ 

    เด็กคนแรกพูดขึ้นก่อน เด็กคนนี้มีใบหน้าที่หล่อเหลาคมคาย ถ้าโตเป็นคงเป็นขวัญใจของใครหลายๆคนแน่นอน ผมของเขาเป็นสีเทาเงา เข้ากับดวงตาสีฟ้าสว่าง ทั้งหมดนั้นช่างราวกับสวรรค์รังสรรค์มา อายุแค่นี้ก็หล่อขนาดนี้แล้ว ไม่อยากจะคิดถึงอนาคต..

     ย ยินดีที่ได้พบ ข้ามีนามว่า คาร์ลอส มอร์ริแกน เมอร์ซี่ เป็นบุตรชายคนที่ ของราชวงศ์เมอร์ซี่.. 

    เด็กคนที่สองพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักและสั่นเล็กน้อย แต่หลังๆก็สามารถควบคุมโทนเสียงได้ เด็กคนนี้มีเส้นผมสีทองและดวงตาสีเขียวอ่อนๆ หน้าตาของเขาก็หล่อคมคายพอๆกับผู้เป็นพี่ แต่เด็กคนนี้จะมีความหวานติดอยู่ที่หน้าเล็กน้อย ดูๆแล้วน่าจะอายุ 3 ขวบย่าง 4 ขวบแล้ว ดูแล้วท่าจะเด็กกว่าไม่กี่เดือน 

    อ่า งั้นพวกฉันต้องแนะนำตัวสินะ

    ฉันคิดก่อนจะฉีกยิ้มจอมปลอมให้ทั้งสอง และย่อตัวเป็นรอบที่สองของวันนี้..

     ยินดีที่ได้พบเช่นกันเพคะ องค์ชายทั้งสอง หม่อมฉันมีชื่อว่า ออร์ล่า มาร์เควสส์ เป็นบุตรสาวของตระกูลมาร์เควสส์ 

    ฉันแนะนำตัวเองยาวเหยียวยิ่งกว่าตอนที่แนะนำตัวกับท่านลุงและท่านป้า แน่นอนละ ในเมื่อเขาแนะนำตัวมาซะยาว ฉันก็ต้องแนะนำตัวยาวกลับ

    ฉันเหลือบไปมองเครซิเมอร์ที่ทำหน้าเลิ่กลั่ก และใช้สายตาใส่เขาว่า ให้พูดและทำตาม เขาพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะโค้งตัวให้องค์ชายทั้งสอง

     เอ่อ..ยินดีที่ได้พบพะยะค่ะ องค์ชาย กระหม่อมมีชื่อว่า เครซิเมอร์ มาร์เควสส์ เป็นบุตรชาย..ของตระกูลมาร์เควสส์ 

    เขาฉีกยิ้มสดใสแฝงความเป็นมิตรไปให้องค์ชายทั้งสองคน 

    ดูๆแล้วเครซิเมอร์กับคาร์ลอสน่าจะเข้ากันได้ดีนะ..

     ถ้าแนะนำตัวกันเสร็จแล้วก็ไปเล่นที่สวนนะเด็กๆ พ่อกับแม่มีเรื่องต้องคุยกันหน่อย 

    ท่านแม่ของฉันพูดขึ้น ก่อนที่สาวใช้จะเดินนำทางพวกเราทั้งสี่ไปที่สวน ระหว่างทางที่เดินไม่มีใครเอ่ยพูดจาอะไรออกมาทั้งนั้น ทำให้บริเวณนี้มีแต่เสียงรองเท้าที่ดังกระทบทางเดิน

    เมื่อเดินลัดเลาะตามสาวใช้มาได้เรื่อยๆ ก็มาหยุดอยู่หน้าสวนแห่งหนึ่ง ฉันสูดลมหายใจเข้าอย่างสดชื่น

    อากาศแบบนี้เหมาะที่จะนอนมากๆ

    ฉันคิดก่อนจะเหลือบตามองสาวใช้ที่ขอตัวไปทำงานต่อและเดินออกไปทันทีที่เจ้าชายอนุญาต พวกเราทั้งสี่เดินไปนั่งที่ศาลาแห่งหนึ่ง เครซิเมอร์นั่งข้างฉัน ส่วนเจ้าชายคาร์ลอสก็นั่งข้างๆพี่ของเขา

    ทั่วทั้งสวนเกิดความเงียบขึ้นเมื่อไม่มีใครพูดอะไรออกมา ต่างคนต่างก็เงียบ ก่อตัวเป็นความอึดอัดเข้ามาแทนที่

     เฮ้ๆ ทำไมเงียบกันยังงี้เล่า 

    พลันก็มีเสียงเด็กคนหนึ่งพูดขึ้น ทำให้ความเงียบในศาลาหายไป พวกเราทั้งสี่คนเงยหน้าขึ้นมองที่มาของเสียง

    เด็กผู้หญิงเหรอ?

    ฉันคิดก่อนจะสำรวจเด็กผู้หญิงตรงหน้า  เธอมีใบหน้าที่สวยหวาน เส้นผมสีน้ำตาลส้มหยักศก ดวงตากลมโตสีน้ำข้าวซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยแพขนตายาวเงางาม ริมฝีปากสีชมพูอิ่มที่กำลังส่งยิ้มมาให้

    เด็กคนนี้สวยโคตรๆเลยแหะ โตไปต้องเกิดศึกชิงนางแหงๆ

     ท่านพี่เซลิค !

    ยังไม่ทันได้คิดเพ้อฝันต่อ เสียงขององค์ชายคาร์ลอสก็ดังขึ้นและเขาก็วิ่งไปกอดเด็กผู้หญิงที่เขาเรียกว่าท่านพี่

    ท่านพี่เหรอ? ไม่ใช่ว่าอาณาจักรเมอร์ซี่มีเพียงองค์ชายสองพระองค์ไม่ใช่หรือ? จะว่าไปทำไมถึงชื่อว่าเซลิคล่ะ..

    ฉันขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเล็กน้อย ก่อนที่จะต้องรีบปรับสีหน้าเมื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นจ้องมา เธอคลี่ยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะขยับปากพูด

     พวกเจ้าคงยังไม่รู้จักข้าสินะ ข้า เซลิค ฟอร์ติโน่ เป็นลูกพี่ลูกน้องของคาร์อิสและคาร์ลอส และข้าเป็นผู้ชาย 

    ...

    ...

    ...

    ...

    เกิดความเงียบขึ้นอึดใจเมื่อคนที่ฉันคิดว่าเป็นเด็กผู้หญิงมาตลอดพูดจบ ตอนนี้ฉันกำลังอึ้งและเครซิเมอร์ก็คงจะอึ้งเหมือนกัน..

     ฮ่าๆ แมลงวันจะเข้าปากเจ้าอยู่แล้วนะเด็กน้อย 

    เด็กผู้หญิง เอ้ย ท่านเซลิคพูดแซวเครซิเมอร์เมื่อเห็นว่าเขาอ้าปากค้าง.. ถ้าเป็นฉัน ฉันก็คงเป็นแบบนั้น เพราะความสวยของท่านเซลิคมันทำให้ผู้ชายหลายๆคนตกหลุมรักได้เลยละ..และแน่นอนว่าถ้ามารู้ทีหลังว่าคนที่คุณตกหลุมรักเป็นผู้ชาย คงช็อคไม่น้อย..

    เมื่อเครซิเมอร์โดนแซว เขาก็หน้าขึ้นสีเล็กน้อยก่อนจะวิ่งมาหลบหลังฉัน ฉันส่ายหัวไปมากับความขี้อายนั้นเล็กน้อย ก่อนจะหันไปสบตากับท่านเซลิค

     พวกข้าต้องขอโทษด้วย เรื่องที่คิดว่าท่าน..เอ่อ..เป็นผู้หญิง 

    ฉันพูดอ้อมๆแอ้มๆเล็กน้อย ท่านเซลิคเพียงแค่ยิ้มก่อนจะส่ายหน้าไปมาเชิงไม่เป็นไร

     ไม่ต้องกังวลหรอก มีคนเข้าใจผิดเยอะอยู่แล้ว จะว่าไปเจ้าไม่ต้องเรียกข้าว่าท่านหรอก เรียกข้าว่าเซลิคจะดีกว่า 

     ใช่ๆ ออร์จัง เครจัง พวกเจ้าก็เรียกข้าว่าคาร์ลอสเฉยๆก็ได้ 

    เมื่อท่านเซลิค ไม่สิ เซลิคพูดจบ เจ้าชายตัวน้อยก็พูดตามมาทันทีราวกับรอโอกาสนี้อยู่นาน จะว่าไป...

     ออร์จัง? 

    ฉันขมวดคิ้วสงสัยกับสรรพนามนั้น แต่ก็ต้องรีบเปลี่ยนสีหน้าเมื่อคาร์ลอสมองมาแบบหงอยๆ

     ม ไม่ได้เหรอ ? 

    คาร์ลอสช้อนตามองฉันด้วยความออดอ้อน ซึ่งมันทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงด้วยความอยากกินเด็—

     ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ละ 

     ใช่ๆ ได้สิ 

    ฉันและเครซิเมอร์ประสานเสียงพูดพร้อมกัน นั้นทำให้คาร์ลอสยิ้มสดใสออกมา

    อ่า รอยยิ้มของเด็กนี้ดีต่อใจจริงๆ

    ฉันคิดก่อนจะยกยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างเผลอตัว แต่ก็ต้องรีบหุบยิ้มเมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของใครบางคนที่มองมา

    “ ในเมื่อพวกเจ้าเรียกกันอย่างนั้น งั้นก็เรียกข้าว่าคาร์อิสก็แล้วกัน แล้วก็..ไม่ต้องพูดราชาศัพท์ด้วย.. 

    เจ้าชายอีกองค์ที่เงียบอยู่นานพูดคุย และแน่นอนฉันกับเครซิเมอร์ก็ขานรับไป

     จริงสิเซลิค พวกข้ายังไม่ได้แนะนำตัวเลยนี้ 

    ฉันพูดอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้

     อ่อ เรื่องนั้นไม่ต้องหรอก ข้ารู้ชื่อพวกเจ้ามาก่อนอยู่แล้ว 

    เซลิคพูดขึ้น เมื่อได้ยินดังนั้นฉันจึงพยักหน้ารับ ถึงแม้ในใจจะสงสัยว่ารู้ได้ยังไง แต่ฉันกับเครซิเมอร์มาจากตระกูลขุนนางชั้นสูงที่มีอิทธิพล ก็คงไม่แปลกหรอกที่เขาจะรู้จัก

    ฉันคิดเองเออเองเสร็จสรรพ ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตให้เครซิเมอร์ไปเล่นกับพวกเซลิคและคาร์ลอสข้างนอกศาลา และเมื่อพวกเขาไปเล่นข้างนอกจึงทำให้ศาลามีแต่ฉันและคาร์อิส

    ...

    ...

    เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง แหงละ ฉันกับคาร์อิสเป็นพวกพูดน้อยพอๆกัน แล้วให้มาอยู่ด้วยกันเนี้ยนะ..

    ฉันกำลังคิดเพ้อเจ้อไปมาเพื่อจะได้ไม่ต้องสนใจกับสายตาเขาที่มองมาที่ฉัน และก็ต้องตกใจเมื่ออยู่ๆคาร์อิสก็ลุกขึ้นแล้วเดินมาหา

     ไปดูดอกไม้กันไหม 

    คาร์อิสเอ่ยปากถามออกมา ฉันที่กำลังมึนๆอยู่ก็พยักหน้าตอบรับไป แต่ก็ต้องตกใจอีกรอบเมื่อคาร์อิสเดินผ่านตัวฉันไปและพูดคำบางคำออกมา

     ก็ยิ้มสวยดีนี่ ทำไมไม่ยิ้มบ่อยๆละ.. 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×