
ศ.นพ.ปิติ พลังวชิรา ผู้อำนวยการศูนย์ ผิวหนัง คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวว่า ช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม อากาศจะร้อนอบอ้าวมาก ผลเสียของอากาศจะทำให้หงุดหงิด และเกิดโรคผิวหนังได้ง่าย เริ่มตั้งแต่ผดผื่นคัน ลมพิษ กลิ่นตัว
ดังนั้น วิธีการป้องกันถ้าเกิดผดในวัยเด็ก ต้องให้เด็กอาบน้ำ ทาแป้งฝุ่น และใส่เสื้อผ้าบางๆ เพื่อให้อากาศถ่ายเท หรือพยายามหาผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตัวบริเวณที่เริ่มมีอาการคัน อาการจะดีขึ้น ส่วนกลิ่นตัวมีวิธีป้องกันง่ายๆ คือ พยายามอาบน้ำชำระร่างกาย ลดกิจกรรมที่กระตุ้นให้เหงื่อออก อาจต้องใช้น้ำยาดับกลิ่นช่วยในบางครั้ง ขณะที่อาหาร ยา ผลไม้บางชนิด ซึ่งมีกลิ่นฉุน เช่น กระเทียม สะตอ ทุเรียน พริกป่น เนย ควรต้องงด เพราะสิ่งเหล่านี้อาจถูกขับออกมาพร้อมกับเหงื่อ บริเวณต่อมอโปไครน์ ใต้รักแร้ ซึ่งจะส่งเสริมให้กลิ่นตัวฉุนรุนแรงมากขึ้น
ขณะเดียวกัน เชื่อว่าอากาศร้อน แสงอัลตรา ไวโอเลต เหงื่อ ทำให้เกิดลมพิษได้ อุณหภูมิที่สูงขึ้นจะกระตุ้นให้ร่างกายมีการผลิตสารที่ชื่อ “อะเซติลโคลีน” ซึ่งจะกระตุ้นให้ร่างกายขับเหงื่อออกมา และทำให้เกิดอาการคันขึ้น ลักษณะของผิวหนังอาจเป็นตุ่มแดงเล็กๆ นอกจากนี้ ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดลมพิษ ได้แก่ อาหารรสจัด เผ็ดจัด หรือภาวะเครียด อาจกระตุ้นให้เป็นมากขึ้น ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงจากสิ่งเหล่านี้ทั้งทางตรงและทางอ้อม.
ความคิดเห็น