คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 4 : 60%
รุ่งเช้า...
เอมิกาทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับสุนิสาคือพาไปสวนผักออแกนิก คิดว่าเด็กสาวจะตื่นไม่ไหวเสียแล้วเพราะเมื่อคืนหลังจากที่คุณรัตนากับป้าทิพย์ขอไปนอนก่อน
พอเหลือกันอยู่สามคนชาญวิทย์ก็หยิบกีต้าร์ขึ้นมาดีดสุนิสาเป็นนักร้องส่วนเอมิกาก็ทำหน้าที่ทั้งร้องแล้วก็เคาะกระป๋องให้จังหวะกว่าจะเลิกปาร์ตี้บาร์บีคิวก็เกือบจะเที่ยงคืน
ที่ว่ามาพักผ่อนก็เห็นจะมีคุณรัตนาที่ได้พักผ่อนจริงๆ
เพราะเมื่อวานตอนบ่ายท่านเอาหนังสือธรรมมะไปอ่านที่ศาลาท่าน้ำ
มีป้าสายทิพย์ที่เห็นจะคุยกันถูกคออยู่เป็นเพื่อน
ในขณะที่สุนิสาถูกเจ้าของบ้านสาวจัดกิจกรรมให้แบบเต็มเอี๊ยด
ตั้งแต่ไปเดินซื้อของที่ตลาดนัด กลับมาก็ชวนไปสวนผลไม้ เย็นก็ชวนกันจัดสถานที่ปาร์ตี้บาร์บีคิว
และเพราะสุนิสาขอนอนด้วยจึงต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าพร้อมกันกับเธออีก
“ทำไมที่ดินตรงนั้นพี่เอมถึงไม่ปลูกต้นอะไรเลยล่ะคะ”
สุนิสาถามหลังจากที่เอมิกาอธิบายให้ฟังว่าผักที่ปลูกไว้มีผักอะไรบ้าง
ซึ่งก็มีทั้งคะน้า ผักกาดหอม ถั่วฝักยาว มะเขือเทศราชินี
“ผักที่เราปลูกแต่ละชนิดมีอายุการเก็บเกี่ยวที่ไม่เหมือนกัน
อย่างผักคะน้าเราจะตัดทีเดียวเป็นหน้าไปหมดชุดก็หมดเลย ส่วนผักกาดหอมก็จะตัดได้สองครั้ง
ครั้งแรกเราจะเลือกตัดต้นที่สมบูรณ์ก่อนเก็บต้นที่ยังโตไม่เต็มที่ไว้ตัดอีกรอบ
แต่อย่างถั่วฝักยาวกับมะเขือเทศมีอายุการเก็บเกี่ยวที่ค่อนข้างนานกว่า
เราจะเก็บผลผลิตได้เรื่อยๆ
จนกว่าต้นมันจะโทรมไม่สามรถออกผลได้อีกเราถึงจะตัดต้นทิ้งแล้วก็ปลูกใหม่
แต่ก็ต้องรอปรับดินอย่างที่แซนดี้เห็นก่อนถึงจะปลูกใหม่ได้
ทำแบบนี้ผักของเราก็จะได้ไม่ขาดช่วง”
“พี่เอมนี่เก่งสุดยอดไปเลยค่ะ”
สุนิสาฟังจบก็ร้องบอกอย่างตื่นเต้นแล้วก็ออกอาการปลื้ม
“ไม่หรอกแซนดี้
คนเราไม่ได้เก่งไปซะทุกเรื่องหรอกนะ พี่ก็รู้ในสิ่งที่พี่คลุกคลีและศึกษามา
แต่ถ้าให้พี่ไปทำในสิ่งที่พี่ไม่รู้หรือไม่ถนัดพี่ก็ทำไม่ได้เหมือนกัน”
“โอเคค่ะ
ถ้างั้นแซนดี้พูดใหม่ พี่เอมนี่เก่งเรื่องการเกษตรสุดๆไปเลยนะคะ”
“ถ้าชมแบบนี้พี่ก็ไม่ขอปฏิเสธ
ยินดีน้อมรับ ขอบใจมากนะจ๊ะสาวน้อย” หญิงสาวบอกยิ้มๆ พลางยักคิ้วทะเล้นให้เด็กสาว
จากนั้นก็ชวนกันเดินกลับบ้าน
เดินมาจนสุดสวนผักสุนิสาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูน่าสงสาร
“แซนดี้ชอบที่นี่จังค่ะ
เสียดายเดี๋ยวก็ต้องกลับกรุงเทพแล้ว กลับไปแซนดี้จะต้องคิดถึงพี่เอม พี่เป้
แล้วก็ป้าทิพย์มากๆแน่เลย”
“งั้นแซนดี้ก็ชวนคุณย่าอยู่ต่ออีกวันสองวันสิแล้วค่อยกลับ”
เอมิกาแนะ
“ไม่ได้หรอกค่ะพรุ่งนี้แซนดี้ต้องไปวิปัสสนากับคุณทวด”
เด็กสาวบอก
เอมิกาได้ฟังแบบนั้นก็ยิ้ม
สุนิสาเป็นเด็กสาวที่สดใสร่าเริงช่างซักช่างถาม
ตอนที่พูดถึงการไปวิปัสสนาก็ไม่เห็นว่าจะมีทีท่าไม่อยากไปให้เห็นแม้แต่น้อย
หากเป็นเด็กวัยเดียวกันคงหาได้น้อยนักที่จะเข้าวัดเข้าวาไปนั่งวิปัสสนา
“แล้วไปวิปัสสนาแซนดี้ไม่เบื่อเหรอ”
“แรกๆก็มีบ้างแต่คุณแม่บอกว่าถ้ามาเมืองไทยจะต้องยอมให้คุณทวดพาไปวิปัสสนาอย่างน้อยหนึ่งวัน
มันเป็นข้อตกลงของคุณแม่ คุณทวด แล้วก็แซนดี้ค่ะ ถ้าอยากจะมาแซนดี้ก็ต้องยอม
คุณทวดยังบอกอีกว่าแซนดี้จะได้บุญแล้วก็ฝึกความอดทนด้วย”
“คุณแม่กับคุณทวดของแซนดี้เป็นคนดีจังนะ”
แม้จะไม่รู้จักมารดาของสุนิสา
แต่เอมิกาก็คิดว่าหากสอนลูกได้แบบนี้เธอคงจะเป็นคนดีคนหนึ่งเลยทีเดียว
“คุณพ่อของแซนดี้ก็เป็นคนดีค่ะ”
บอกจบสาวน้อยก็ทำท่าคิดสักพักก็บอกออกมาอย่างไม่ค่อยมั่นใจ “จะมีก็แต่น้าเผด็จ
ที่ดูจะไม่ค่อยเป็นคนดีสักเท่าไหร่”
หญิงสาวฟังแล้วก็รู้สึกแปลกใจ...
“ทำไมล่ะ
น้าของแซนดี้เขาเป็นยังไงถึงบอกว่าเขาเป็นคนไม่ดี”
“แซนดี้ไม่ชอบเวลาที่น้าวินควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า
แล้วก็ชอบบังคับแซนดี้เลยเรียกน้าเผด็จซะเลย
อย่างวันก่อนแซนดี้อยากกินข้าวมันไก่ร้านที่อยู่ข้างถนน
น้าเผด็จก็ไม่ให้กินบอกว่าไม่สะอาด แต่นอกนั้นดีหมดนะคะ หล่อ รวย เก่ง
นี่ถ้าน้าของแซนดี้ไม่เจ้าชู้แล้วก็ชอบทำให้ผู้หญิงเสียใจนะแซนดี้ยุให้จีบพี่เอมไปแล้ว”
เอมิกายิ้มน้อยๆ
นึกขอบใจสาวน้อยที่ไม่ทำแบบนั้น เพราะหากสุนิสายุน้าชายให้มาจีบจริง
เธอก็ไม่ขอรับเหมือนกัน เท่าที่ฟังน้าชายของสุนิสาคงจะเจ้าชู้ไม่น้อย
ผู้ชายเจ้าชู้ก็คือคนเห็นแก่ตัวเรื่องอะไรจะเอาชีวิตอันสงบมาทุกข์ใจ
ขึ้นชื่อว่าผู้ชายเจ้าชู้จะไปรักใครจริง
ผู้หญิงที่ไหนไปหลงรักสุดท้ายก็ต้องเสียใจอยู่ดี ผู้หญิงสมัยนี้ทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้เก่งกว่าผู้ชายบางคนเสียด้วยซ้ำไป
แล้วทำไมจะต้องไปพึ่งพาพวกผู้ชายด้วย...
แต่เดี๋ยวนะ...
เธอคิดยาวไปหรือเปล่าเอมิกา
ใช่ว่าหลานสาวยุแล้วน้าชายที่พูดถึงนั่นเขาจะมาจีบเธอจริงอย่างนั้นแหละ
ชักจะเพ้อไปกันใหญ่
สองสาวต่างวัยเดินคุยกันมาเรื่อยๆจนถึงบ้าน
มาถึงก็ถูกป้าสายทิพย์เรียกไปกินมื้อเช้า จากนั้นคุณรัตนาก็บอกกับสุนิสาว่าถึงเวลาที่ต้องกลับแล้ว
สุดท้ายคุณรัตนาก็ไม่ยอมรับเงินที่เธอตั้งใจเอาไว้ว่าจะจ่ายคืนให้ท่านบางส่วน
แถมท่านยังจะคืนโฉนดให้อีก
แล้วใครจะกล้ารับในเมื่อท่านก็แสนจะดีกับครอบครัวเธอถึงเพียงนี้
ก่อนที่ท่านจะขึ้นรถท่านก็ยังบอกกับเธออีกว่าไม่ต้องเป็นกังวลกับเงินจำนวนนั้น
เงินทองเป็นของนอกกายตายไปก็เอาไปด้วยไม่ได้
อย่าไปเอามาคิดจนทำให้ชีวิตไม่มีความสุขเพราะท่านไม่ได้เร่งรัด
มีเมื่อไหร่ก็ค่อยเอามาคืน
หรือหากยังไม่มีก็ไม่ต้องขวนขวายหามาคืนจนตัวเองต้องลำบาก
และท่านยังทิ้งท้ายอย่างอารมณ์ดีอีกว่า
“หลานชายย่ามันรวย
เงินแค่นี้มันไม่สนใจหรอกว่าย่าเอาไปทำอะไร” น้ำเสียงของท่านไม่ได้ต้องการจะอวดรวย
แต่ฟังดูเหมือนต้องการประชดหลานชายที่ไม่ได้อยู่ในที่นี้มากกว่า
แล้วคุณรัตนาจะรู้ไหมว่าประโยคที่ท่านพูดประชดขำๆนั้นทำให้เอมิกาคิดมากอยู่ไม่น้อย
ฟังยังไงก็เหมือนกับว่าเจ้าของเงินตัวจริงที่ตาทินเอามาลงทุนแล้วก็ซ่อมแซมเรือนไทยหลังจากถูกน้ำท่วมก็คือหลานชายที่ท่านเอ่ยถึง
แล้วเจ้าหนี้ตัวจริงจะใจดีเหมือนคุณรัตนาหรือเปล่าก็ไม่รู้...
@@@@@@@@@@
ฝากอีบุ๊กด้วยนะคะ
|
|
ความคิดเห็น