ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กรรมสิทธิ์ซาตาน (e-book)

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 2 : 60%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.1K
      32
      20 มิ.ย. 60

                    อนาวินโยนซองสีน้ำตาลไปบนโต๊ะทำงาน เขารับซองนี้มาจากอานนท์ตั้งแต่เมื่อคืนแต่ยังไม่ได้เปิดดู เมื่อคืนกว่าจะกลับถึงคอนโดมิเนียมก็เกือบตีหนึ่ง อาบน้ำเรียบร้อยพอเข้านอนก็หลับจนถึงเช้า เขารู้ดีว่าในซองนั้นคือประวัติของเจ้าของที่ดินผืนติดริมแม่น้ำที่เขาอยากได้ โครงการของเขาควรจะเริ่มได้แล้วแต่ก็ต้องมาติดปัญหาที่ดินสองร้อยไร่ พอคิดถึงเรื่องที่ดินอนาวินก็ให้รู้สึกหงุดหงิด ร่างสูงเดินมานั่งลงที่เก้าอี้บุด้วยหนังชั้นดีตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงานแล้วคว้าซองมาเปิดออก สิ่งแรกที่เห็นคือรูปถ่ายหญิงสาวคนหนึ่ง เธอสวย สวยมาก ดวงตากลมโตของเธอฉายแววเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นนั่นช่วยให้ใบหน้าสวยๆ นั้นดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น จมูกเล็กโด่งรับกับริมฝีปากอิ่ม อนาวินยอมรับว่าผู้หญิงในรูปคนนี้สวยถูกใจเขามากทีเดียว แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เขาเรียกเลขานุการคนสนิทให้เข้ามาพบ

                    อนาวินเหลือบตาขึ้นมองอานนท์ที่เดินมายืนอยู่หน้าโต๊ะทำงาน หลังจากที่เขาโทรศัพท์ไปหาและบอกให้เข้ามาภายในสิบนาที ถ้าจำไม่ผิด เขาได้ยินอานนท์เรียกผู้หญิงคนที่เปิดประตูออกมาชนไหล่เขาว่า เอมิกา แสดงว่าคนที่ยืนยิ้มแห้งๆ ตรงหน้านี่จะต้องรู้ตัวว่าเขาเรียกเข้ามาเรื่องอะไร

                    อานนท์เห็นรูปของเอมิกาวางหราอยู่บนซองสีน้ำตาล ก็พอจะรู้แล้วว่าเสียงเข้มของอนาวินที่โทรศัพท์หาเขาเกิดจากเหตุอันใด เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างเจ้านายเขากับหญิงสาวในรูปเขาไม่รู้ แต่จากสถานการณ์ตอนนี้อานนท์คิดว่าอนาวินคงจะรู้แน่นอนแล้วว่าคนที่ยืนคุยด้วยเมื่อคืนเป็นใคร

                    “ทำไมนายถึงไม่บอกฉันเรื่องผู้หญิงคนนี้” อนาวินถามเรียบๆ

                    “ผมเห็นคุณวินยืนคุยกับเธอก็นึกว่ารู้จักกันแล้ว” อานนท์ตอบออกไป “แล้วอีกอย่าง คุณวินไม่ได้ถาม”

                    อนาวินพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ อยากจะทำอะไรสักอย่างกับคนสนิทที่ยืนทำท่าทางสงบเสงี่ยม แต่ทว่าคำพูดกลับตรงกันข้ามนั้นเสียเหลือเกิน

    “แสดงว่าฉันผิดที่ไม่ถาม”

                    “ผมไม่ได้จะว่าแบบนั้นนะครับ” อานนท์รีบยกมือของตัวเองโบกไปมา “ใครจะไปกล้าว่าคุณวินล่ะครับ”

    “ช่างเหอะ” อนาวินเลิกให้ความสนใจกับเรื่องใครผิดใครถูก เขาหยิบรูปหญิงสาวขึ้นมาแล้วสั่งกับคนสนิททั้งที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่รูปในมือ “นายนัดผู้หญิงคนนี้ให้ฉันด้วย”

    “ครับ” อานนท์รับคำสั่งสั้นๆ มีบางอย่างบอกกับเขาว่าเจ้าของที่ดินสาวกำลังจะเจอกับปัญหา แต่คิดไปคิดมาชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วสิว่าปัญหาจะเกิดกับใครก่อนกัน เขา หรือหญิงสาวที่เจ้านายเอาแต่จ้องตาไม่กะพริบนั่น

     





    สาวน้อยวัยสิบสี่กำลังชะเง้อคอยาวเป็นยีราฟเพื่อมองหาคนที่แม่เธอบอกว่าให้มารับที่สนามบินแห่งนี้ นัดไว้ตอนสามทุ่มตรง แต่ตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้ว กลัวจริงๆ ว่าคนที่มารับจะโกรธจนกลับไปแล้ว ยิ่งกลัวหนักเข้าไปอีกเมื่อนึกถึงสาเหตุที่ทำให้เธอมาช้า เพราะมัวแต่แอบไปยืนกรี๊ดดาราเกาหลีที่บินมาประเทศไทยวันนี้พอดี

                    “น้าวิน” เสียงสดใสตะโกนเรียกพร้อมกับวิ่งเข้าไปหาเมื่อเห็นบุคคลที่มารับยืนทำหน้าบึ้งอยู่มุมหนึ่ง

                    “มัวทำอะไรอยู่” อนาวินถามเสียงเข้ม เขาได้รับคำสั่งจากคุณรัตนาผู้เป็นย่าให้มารับสุนิสาตอนสามทุ่ม แต่หลานสาวเขามาช้าไปเกือบยี่สิบนาที

                    “แซนดี้ขอโทษค่ะ” เด็กสาวเอ่ยเสียงอ่อย “พอดีมีดาราเกาหลีมาประเทศไทยแซนดี้ก็เลยไปแอบดูมา” ที่จริงเธอจะโกหกเอาตัวรอดก็ได้ แต่แม่เธอสอนว่าถ้าทำความผิดให้ยอมรับผิดแล้วจะได้รับการให้อภัย “น้าวินอย่าโกรธเลยนะคะ เดี๋ยวแก่เร็วนะ” เด็กสาวอ้อนและก็ได้ผลเพราะน้าวินของเธอไม่ว่าอะไรเพียงแต่ส่ายหน้าระอานิดๆ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ

                    “แล้วกินอะไรมาหรือยัง” อนาวินหันไปถามหลานสาวขณะที่เขาเอากระเป๋าใบโตโยนไว้ท้ายรถ

                    “โฮ้... น้าวินอ่ะ เบาๆ หน่อยสิคะ เดี๋ยวของฝากให้คุณทวดก็พังหมดค่ะ” เด็กสาวบ่น

                    “น้อยๆ หน่อย มาช้าเพราะมัวแต่ไปกรี๊ดดาราน้ายังไม่ได้จัดการเลยนะ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับปิดท้ายรถเสียงดังจนเด็กสาวสะดุ้งโหยง รีบวิ่งไปเปิดประตูรถก้าวขึ้นไปนั่งอย่างเรียบร้อย

                    ออกจากสนามบินมาได้สักพักสายตาของสุนิสาก็เห็นร้านอาหารเรียงรายอยู่ตามข้างทางจึงนึกขึ้นได้ว่าน้าชายถามเธอถึงมื้อเย็น

    “น้าวินคะแซนดี้อยากกินอันนั้น” อันนั้นของเด็กสาวคือร้านข้าวมันไก่ที่ตั้งอยู่ริมฟุตปาธ              

                    “ไม่” ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงเข้มทันทีอย่างไม่ต้องคิด เขาก็ไม่มีทางพาหลานไปนั่งกินของข้างทางแบบนั้นเด็ดขาด “เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว กลับไปกินข้าวที่บ้านก็แล้วกัน อาหารข้างถนนแบบนั้นกินแล้วท้องเสียมันจะไม่คุ้มกัน”

                    ฟังน้าชายสรุปเด็กสาวที่อดกินข้าวมันไก่ก็ได้แต่นั่งหน้ามุ่ย น้าวินของเธออะไรๆ ก็ดีหมด ยกเว้นก็แต่เรื่องการเอาแต่ใจ เอะอะอะไรก็ห้าม ห้ามนั่นห้ามนี่ ของข้างทางก็กินไม่ได้ คบเพื่อนผู้ชายก็ไม่ได้ ไปไหนมาไหนคนเดียวก็ไม่ได้ สมแล้วที่เธอเรียกว่าน้าเผด็จที่ย่อมาจากเผด็จการนั่นล่ะ

                    “แล้วถ้าไม่ให้แซนดี้กินน้าเผด็จจะถามทำไมคะ”

                    อนาวินเห็นหลานสาวทำท่างอนก็ส่ายหน้าระอา ลองถ้าเรียกเขาว่าน้าเผด็จแสดงว่าคงมีเรื่องขัดใจอีกตามเคย เขาทำเป็นไม่สนใจ สุนิสางอนได้ไม่นานก็จะหายเองถ้าเจอเรื่องอะไรที่น่าสนใจมากกว่า






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×