คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : บ่วงปรารถนาจอมมาร 5.2
แอตติก้า
คลับคือร้านอาหารและไนต์คลับสุดหรูที่ตั้งอยู่บนดาดฟ้าของโรงแรมหรูระดับไฮเอนด์
ซึ่งในส่วนของไนต์คลับจะต้องเป็นสมาชิกเท่านั้นถึงจะเข้ามาได้
และแน่นอนว่าพราวพิรุณไม่ได้เป็นเมมเบอร์ของไนต์คลับสุดหรูแห่งนี้
แต่ว่าเจ้านายของเธอเป็น เพราะบางครั้งก็ต้องพาลูกค้ามาเลี้ยงรับรอง ทำให้เธอพลอยได้รับอานิสงส์ไปด้วย
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่เธอจะพาตัวเองขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้าของโรงแรมดังเพื่อมาใช้บริการของไนต์คลับ
ซึ่งพอขึ้นมาถึง ยังไม่ทันที่เธอจะมองหาคนที่นัดให้มาที่นี่ ก็มีชายหนุ่มอายุประมาณสามสิบปีคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหาพร้อมเอ่ยถาม
“คุณพราวพิรุณใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ”
“งั้นเชิญทางนี้ครับ”
พราวพิรุณพยักหน้าก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายไปตามทางเดิน
ไม่นานจากนั้นเธอก็มายืนอยู่ที่หน้าห้องห้องหนึ่ง ก่อนที่คนเดินนำหน้าจะเคาะประตูเพื่อให้สัญญาณเบาๆ
จากนั้นก็ได้ยินเสียงคนด้านในตอบกลับมา
“เข้ามา”
เอกรินทร์ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้จัดการดูแลไนต์คลับหรูแห่งนี้เปิดประตูออก
แล้วหันมาบอกพราวพิรุณพร้อมกับรอยยิ้ม “เชิญครับ”
เรียบร้อยแล้วก็เดินเลี่ยงออกไป
ทิ้งให้หญิงสาวพ่นลมหายใจร้อนผ่าวซึ่งคาดว่าเกิดจากอุณหภูมิในร่างกายของตัวเองที่สูงขึ้นออกมาแรงๆ
พราวพิรุณก้าวเข้ามาในห้อง...พลันคิ้วเรียวได้รูปก็ขมวดเข้าหากัน
เพราะไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นอะไรๆ ที่ต่างไปจากที่คิดไว้
“กระเป๋าฉันล่ะคะ” พราวพิรุณไม่สนใจบรรยากาศภายในห้องที่มีลักษณะเหมือนกับห้องทำงานทั่วๆ
ไปที่เธอกำลังยืนอยู่ในตอนนี้ แม้ว่าเธอจะค่อนข้างแปลกใจที่เขามาอยู่ในนี้ราวกับเป็นเจ้าของสถานที่ก็ตาม
ร่างสูงในชุดสูทลำลองที่กำลังยืนห่างจากผนังกระจกราวๆ
หนึ่งฟุตและมองออกไปด้านนอกราวกับกำลังดื่มด่ำกับแสงสีของตึกสูงต่างระดับค่อยๆ
หันกลับมา ดวงตาคู่คมจ้องมองร่างในชุดเดรสกระโปรงสั้นลายดอกไม้
เนื้อผ้าบางเบาสวมใส่สบาย ช่วงบนเปิดไหล่กลมกลึงและเนินอกอวบอิ่มอวดสายตาของคนที่ยืนอยู่กลางห้อง
ภาคินไล่สายตาไปตามเรือนร่างบอบบางซึ่งอวดสัดส่วนความเย้ายวนใจตรงหน้าแล้วขบกรามแน่นโดยไม่รู้ตัว
เขารู้ ว่าเวลาย่อมทำให้คนและสิ่งของบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป และพราวพิรุณก็ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับการเปลี่ยนแปลงนั้น
เพียงแต่พอคิดว่าเรือนร่างงดงามของคนตรงหน้าซึ่งความจริงแล้วควรเป็นเขาที่ได้ครอบครองเธอแต่เพียงผู้เดียว
ต้องผ่านมือของผู้ชายคนอื่น ที่สำคัญ
หัวใจของเธอที่มันเคยเป็นของเขาก็กลายเป็นของคนอื่นไปแล้ว หัวใจของเขาก็เจ็บปวดรวดร้าวขึ้นมาอีกครั้ง
“รีบร้อนจริงนะ”
“จริงๆ ก็ไม่ได้รีบอะไรมากมาย แต่ฉันแค่ไม่อยากใช้ลมหายใจร่วมกับคุณนานเกินไปก็เท่านั้น”
พราวพิรุณโต้กลับอย่างสุดทน ยิ่งนึกถึงความใจร้ายของเขา เธอก็ยิ่งรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบเค้น
“ดี งั้นคืนนี้ลองใช้ลมหายใจร่วมกันกับผมสักคืนเป็นไง” ร่างสูงก้าวช้าๆ
เข้ามาใกล้ร่างบอบบางด้วยท่วงท่าคุกคามพลางยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างทรงเสน่ห์ทว่าร้ายกาจพอกัน
แต่ดวงตาลึกล้ำของเขากลับจ้องมองใบหน้าสวยคมที่แต่งมาอย่างสวยงามของเธอด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก
ท่าทีคุกคามและคำว่า ‘ใช้ลมหายใจร่วมกัน’ ของเขาซึ่งพราวพิรุณมั่นใจว่าไม่ได้มีความหมายเดียวกันกับที่เธอคิดนั้นทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นมา
แต่ทว่าเพียงครู่เดียวเธอก็เชิดหน้าขึ้นแล้วยิ้มอย่างท้าทาย
“คุณกล้าเหรอคะ”
“อย่าท้าทายความอดทนของผม พราวพิรุณ
เพราะคุณจะได้ไม่คุ้มเสีย”
“งั้นก็คืนกระเป๋าฉันมาสิ ฉันจะได้ไปให้พ้นหน้าพ้นตาคุณเสียที” ตอนนี้อุณหภูมิในร่างกายที่สูงขึ้นเริ่มจะทำให้เธอรู้สึกปวดหัวตุ้บๆ
แล้ว
ดวงตาเย็นเยียบของภาคินจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่ง ในขณะที่ภายในใจคุกรุ่นไปด้วยไฟแห่งโทสะ
เพราะคำพูดของพราวพิรุณนั้นไม่ต่างจากการราดน้ำมันลงบนกองไฟเลยสักนิดเดียว
“ถ้าไม่อยากจะเห็นหน้าผมขนาดนี้
แล้วกลับเข้ามาในชีวิตของผมอีกทำไม!” เขาจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอแล้วกระชากเข้าหาตัว
“ฉันก็บอกคุณไปแล้วไง ว่ามันเป็นหน้าที่”
“งั้นถ้าเกิดอะไรขึ้น ก็รู้เอาไว้ด้วยละกัน ว่าเป็นเพราะคุณรนหาที่เอง”
พอพูดจบ ริมฝีปากของเขาก็บดขยี้ลงมาบนเรียวปากอ่อนนุ่มของเธออย่างหนักหน่วง
โดยไม่ได้สนใจเลยสักนิดเดียวว่าผิวกายของเธอที่มือเขากำลังสัมผัสอยู่นั้นร้อนผ่าวแค่ไหน
หนำซ้ำยังกระชากแขนเสื้อที่เกาะอยู่ตรงหัวไหล่ให้ต่ำลงมาอย่างไร้การทะนุถนอมโดยสิ้นเชิง
เพื่อที่เขาจะได้แตะต้องความเย้ายวนใจจากร่างบอบบางได้อย่างถนัดถนี่มากยิ่งขึ้น
“คุณภาคิน!...อื้อ!...”
พราวพิรุณถึงกับตื่นตระหนกเมื่อจู่ๆ
เขาก็กัดริมฝีปากที่กำลังจะร้องห้ามจนเธอถึงกับสะดุ้งด้วยความเจ็บ ตัวเธอสั่นสะท้านแรงขึ้น
สองมือทุบเขาอย่างสะเปะสะปะ พยายามหันหน้าหนีริมฝีปากของเขา แต่ก็ไม่เป็นผลเลยเมื่อท้ายทอยของเธอถูกมือหนาล็อกเอาไว้แน่น
แล้วบดจูบลงมาบนริมฝีปากของเธออย่างบ้าคลั่ง
ในขณะที่มืออีกข้างก็ลูบต่ำลงไปยังสะโพก
แล้วกดเข้าหาตัวเพื่อให้เธอสัมผัสถึงบางสิ่งบางอย่างที่แข็งขึงของเขาอย่างจาบจ้วง น้ำตาร้อนๆ
เอ่อคลอ...ไม่คิดว่าเขาจะป่าเถื่อนกับเธอถึงขนาดนี้!
แล้วเพียงไม่นานพราวพิรุณก็เริ่มหายใจติดขัด ริมฝีปากของเธอถูกเขาบดจูบอย่างรุนแรงจนเจ็บระบมไปหมด
มือที่ทุบเขาเพื่อต่อสู้ให้ได้มาซึ่งอิสรภาพของตัวเองเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ
จนในที่สุดเธอก็ค่อยๆ ทรุดลงราวกับร่างที่ไร้กระดูก
“พราวพิรุณ...”
ภาคินเรียกคนที่ตกใจจนสิ้นสติไปในอ้อมกอดของตัวเอง
แล้วตอนนี้เองที่เขาเพิ่งจะสังเกตว่าตัวเธอร้อนราวกับไฟเลยทีเดียว “บ้าจริง!”
ภาคินสบถออกมาอย่างโมโห แต่ไม่รู้ว่าโมโหตัวเองหรือคนที่ช็อกจนเป็นลมหมดสติไปกันแน่
และทั้งๆ ที่เขาบอกว่าจะสั่งสอนให้พราวพิรุณรู้สำนึกว่าการที่เธอท้าทายเขาเธอจะต้องได้รับผลตอบแทนที่สาสม
แต่ทำไมพอเขาเห็นเธอเจ็บป่วยแบบนี้ ถึงกลับกลายเป็นเขาที่ต้องรู้สึกผิดเสียเอง
ภาคินถอนหายใจแรงๆ
อย่างไม่รู้ว่าจะไปลงเอากับใคร ก่อนที่จะอุ้มเธอขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนแล้วพาไปนอนที่โซฟา
จากนั้นก็ล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วโทรหาเอกรินทร์ให้จัดการเปิดห้องในโรงแรมเอาไว้ห้องหนึ่ง
แอตติก้า คลับตั้งอยู่บนดาดฟ้าของโรงแรมชื่อดังซึ่งมีเพื่อนสนิทของภาคินเป็นเจ้าของ
โดยที่เขาทำสัญญาเช่าพื้นที่อย่างถูกต้องเลยทำให้ไม่ต้องยุ่งยากในการเปิดห้องพักในโรงแรมแห่งนี้
ดังนั้นไม่นานเกินรอเอกรินทร์ก็โทรขึ้นมาบอกว่าจัดการเปิดห้องพักตามคำสั่งของเขาเรียบร้อยแล้ว
ทว่าพอเขาอุ้มพราวพิรุณขึ้นมาเพื่อจะพาไปยังห้องพักที่เอกรินทร์เปิดเอาไว้ให้
จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนใจอุ้มเธอออกไปทางประตูหลังของไนต์คลับ แล้วพากลับไปที่คอนโดส่วนตัวของเขาแทน
@@@@@@@
อีบุ๊กมาแล้วน้าาาาาาา
ฝากอีบุ๊กเรื่องอื่นๆ ด้วยนะคะ
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ความคิดเห็น