คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : บ่วงปรารถนาจอมมาร 7.1
ภาคินกลับมาถึงคอนโดมิเนียมเกือบตีสาม
แล้วเขาก็พบว่าพราวพิรุณนอนหลับสนิทอย่างสบายอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น
โดยมีทั้งหมอนและผ้าห่มที่เจ้าหล่อนขนออกมาจากห้องนอนของเขาคอยให้ความอบอุ่น
และภาพยามหลับของอดีตแฟนสาวก็ทำให้เขาเผลอมองอยู่อย่างนั้นโดยไม่รู้ตัว
ดูเอาเถอะ ขนาดถูกเขาขังเอาไว้ในห้องทั้งวัน แต่เจ้าหล่อนก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร
ซ้ำยังดูเหมือนว่าจะสบายเกินไปเสียด้วยซ้ำ
ผิดกับเขาที่วันทั้งวันเอาแต่เป็นห่วงเป็นกังวลจนไม่เป็นอันทำอะไร
เขานั่งลงแล้วเอามือไปแตะที่ใบหน้าของเธอ
แล้วก้มลงไปจูบที่ริมฝีปากอ่อนนุ่มเย้ายวนเบาๆ อย่างห้ามใจตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ ก่อนจะขยับผ้าห่มให้เธอ
แล้วตัดใจจากร่างหอมกรุ่นด้วยกลิ่นครีมอาบน้ำที่เขาใช้ ซึ่งเขาเองก็เพิ่งรู้ว่ามันหอมขนาดนี้
ร่างสูงเดินเข้าห้องนอน
เดิมทีเขานึกอยากจะอุ้มเธอเข้ามานอนในห้อง...บนเตียงเดียวกัน
แต่คิดอีกทีอย่าดีกว่า เพราะคนที่จะลำบากน่าจะเป็นตัวเขาเสียมากกว่า
ภาคินทิ้งตัวลงบนที่นอนพลางเอามือขึ้นก่ายหน้าผากเมื่อนึกย้อนไปถึงเรื่องที่คุยกับธีรฉัตร...พราวพิรุณกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจจากกัญชลีย์
และเธอจำเป็นต้องมีคนปกป้อง...
ดังนั้นคุณยายน้อยจึงเรียกธีรฉัตรเข้าไปคุยเพื่อขอให้ส่งคนไปติดต่อซื้อที่ดินผืนนั้นตัดหน้าเสี่ยชาญวิทย์
ซึ่งถ้าหากพราวพิรุณยอมขาย เธอก็จะได้เงินจากที่ดินผืนนั้นเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว
แต่ถ้าเธอไม่ขาย คุณยายน้อยที่เป็นห่วงความปลอดภัยของหลานสาวห่างๆ คนนี้จึงอยากจะให้ธีรฉัตรช่วยออกหน้าปกป้องพราวพิรุณในฐานะพี่ชายของเธอ
เพราะที่ผ่านมานับตั้งแต่เดชาตายไป พราวพิรุณก็ตัดขาดกับผู้เป็นย่าแท้ๆ ของตน
ว่าจะไม่สนใจ
ว่าจะไม่แยแส แต่ภาคินกลับเอาแต่คิดถึงเรื่องของพราวพิรุณ จนกระทั่งหลับไปโดยที่ยังไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า...
เคล้ง!!!
เสียงเหมือนแก้วตกแตกทำให้ภาคินตกใจสะดุ้งตื่นทั้งที่เพิ่งจะนอนไปได้แค่ไม่ถึงสามชั่วโมง
ก่อนเขาจะพรวดพราดลุกขึ้นแล้วเปิดประตูออกมาจากห้องนอนเพื่อจะไปดูที่มาของเสียงนั้น
และเมื่อเขามองไปยังห้องนั่งเล่นก็พบกับร่างบอบบางของพราวพิรุณยืนตัวแข็งทื่ออยู่กลางห้อง
ในขณะที่สายตาของเธอพุ่งตรงไปยังจอโทรทัศน์ซึ่งเป็นรายการข่าวยามเช้าของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง
และข่าวที่ผู้ประกาศสาวกำลังรายงานอยู่นั้น
คือข่าวบ้านหลังหนึ่งในจังหวัดจันทบุรีที่ถูกไฟไหม้จนเหลือแต่โครงสร้างของบ้านที่ดำเกรียมเป็นคราบไม่น่ามอง
แต่โชคยังดีที่ในข่าวแจ้งว่าไม่ได้มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
เนื่องจากเป็นบ้านที่ไม่มีคนอยู่อาศัย
“เกิดอะไรขึ้น”
เสียงนั้นดึงสายตาของพราวพิรุณที่จับจ้องอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์ให้หันไปมองอย่างช้าๆ
ด้วยใบหน้าที่ยังซีดเผือดคล้ายว่าเจ้าตัวกำลังตกอยู่ในอาการตกใจจนช็อก
“พี่คิน...”
เธอเรียกเขาเสียงเบาหวิว ก่อนจะยกมือขึ้นช้าๆ แล้วชี้ไปที่หน้าจอโทรทัศน์
“บ้านพราว...ไฟไหม้”
“อะไรนะ!” ที่ถามไม่ใช่เพราะเขาไม่ได้ยิน ทว่าคล้ายเป็นการอุทานอย่างตกใจมากกว่า
“บ้าน...ไฟไหม้”
พราวพิรุณยังคงตอบเหมือนคนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และแม้ว่ากาแฟร้อนๆ
ที่เพิ่งชงมากับเศษแก้วเซรามิกที่ตกแตกจะกระเด็นถูกขาและเท้าเปลือยเปล่า แต่เธอกลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยสักนิด
“บ้านนั่น บ้านของพ่อกับแม่พราว”
บ้านที่ครั้งหนึ่งพ่อกับแม่ของเธอเคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันก่อนที่เธอจะเกิด
บ้านที่พ่อเคยบอกกับแม่ว่าจะสร้างครอบครัวเล็กๆ ด้วยกันที่นั่น
บ้านที่แม้ว่าแม่จะหนีพ่อไปอยู่ที่อื่นเพราะต้องการปกป้องเธอจากคุณหญิงพิไลวรรณ
แต่พ่อก็ยังคงเก็บรักษาและดูแลบ้านหลังนั้นเอาไว้ เพื่อรอว่าวันหนึ่งพวกเราสามคนพ่อ
แม่ ลูก จะได้มีโอกาสกลับมาอยู่ด้วยกัน...
“พราว
อย่าเพิ่งขยับ”
ภาคินรีบห้ามเอาไว้เมื่อพราวพิรุณทำท่าจะก้าวขาไปข้างหน้าทั้งที่บนพื้นเต็มไปด้วยเศษแก้ว
ก่อนเขาจะอ้อมเข้าไปทางด้านหลังเพื่อคว้าตัวเธอออกมาแล้วพาไปนั่งที่โซฟา บีบมือเบาๆ
เพื่อช่วยให้เธอผ่อนคลาย
“โทรศัพท์
ฉันต้องการโทรศัพท์” เธอหันไปจับแขนเขาเขย่าแล้วบอกความต้องการอย่างร้อนรน “กระเป๋าของฉันอยู่ที่ไหนคะ
ฉัน ฉันต้องไปจันทบุรีเดี๋ยวนี้”
“พราว
ใจเย็นๆ ก่อน ค่อยๆ ตั้งสติ” เขาเอ่ยปลอบแล้วก้มมองที่เท้าของเธอซึ่งมีแผลจากการโดนเศษแก้วบาดอยู่สองสามแผลเล็กๆ
และรอยแดงๆ จากการถูกกาแฟลวกตรงหลังเท้าข้างขวา “เจ็บหรือเปล่า”
เธอส่ายหน้าแรงๆ
“คุณภาคิน...ฉันต้องรีบไปเดี๋ยวนี้!”
ภาคินถอนหายใจ
ถึงตอนนี้เขาไม่ได้ต้องการที่จะกักขังเธอเอาไว้
แต่เพราะเขาต้องการให้เธอตั้งสติก่อนเท่านั้น “ผมเอาเสื้อผ้ามาให้แล้ว อยู่ในห้องนอน
รวมทั้งกระเป๋าของคุณด้วย เดี๋ยวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วค่อยไป”
“ค่ะๆ
ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ว่าแล้วพราวพิรุณก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินแกมวิ่งอย่างร้อนรนเข้าไปในห้องนอน โดยมีภาคินเดินตามเข้ามาด้วย
เขาหยิบถุงเสื้อผ้าที่ให้พนักงานผู้หญิงในไนต์คลับไปซื้อมาซึ่งมีทั้งชั้นนอกและชั้นในแล้วยื่นส่งให้เธอ
“นี่เสื้อผ้าของคุณ”
พราวพิรุณรับไปอย่างไม่เรื่องมาก
ตอนนี้จะชุดอะไรเธอก็ใส่ได้ทั้งนั้น พอได้เสื้อผ้ามาเธอก็รีบเข้าห้องน้ำไปทันที
จากนั้นภาคินจึงเอากระเป๋าของเธอที่เขาเอามาจากไนต์คลับเมื่อคืนไปวางไว้ให้บนเตียง
ก่อนจะคว้าโทรศัพท์มือถือของตัวเองแล้วเดินออกไปที่ระเบียง
พร้อมกันนั้นก็โทรหาธีรฉัตร ซึ่งต้องรอสายอยู่นานเลยทีเดียวกว่าอีกฝ่ายจะรับ
“คิดถึงฉันมากหรือไงวะ
ถึงต้องโทรหาแต่เช้าแบบนี้” ธีรฉัตรตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเหมือนยังไม่ตื่นดี
เพราะเมื่อคืนดื่มไปไม่ใช่น้อยๆ ในขณะที่ภาคินไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะด่าเพื่อนในตอนนี้จึงเข้าประเด็นทันที
“บ้านพราวที่จันทบุรีไฟไหม้”
“อะไรนะ!” คราวนี้ธีรฉัตรถึงกับตื่นเต็มตาเลยทีเดียว “เมื่อกี้นี้แกบอกว่าบ้านใครไฟไหม้นะ”
“เมื่อเช้าทีวีมีข่าวไฟไหม้ที่จันทบุรี
พราวบอกว่าบ้านหลังนั้นเป็นบ้านพ่อกับแม่ของเขา”
ธีรฉัตรได้ยินอย่างนั้นก็เงียบไปนาน
ก่อนจะนึกเอะใจบางอย่างขึ้นมา “แกพูดเหมือนกับว่าแกอยู่กับน้องสาวฉัน”
“อืม
พราวอยู่กับฉัน” ภาคินตอบออกไปตามตรงโดยไม่คิดที่จะปิดบัง
“นะ...นี่อย่าบอกนะว่าผู้หญิงหน้าตาสวยๆ
ที่แกอุ้มออกไปจากไนต์คลับคืนก่อนนี้ก็คือพราว”
“อืม”
“ไอ้คิน
ไอ้เพื่อนสารเลว นั่นน้องสาวกูนะโว้ย!”
เจ้าของโรงแรมหนุ่มโวยวาย
“มึงอย่ามาทำตัวเป็นพี่ชายหวงน้องสาวตอนนี้ไอ้ธี
กูไม่อิน” เมื่อเพื่อนกูมา ภาคินก็มึงกลับ “เดี๋ยวกูจะไปจันทบุรีกับพราว จะดูด้วยว่ามีอะไรน่าสงสัยหรือเปล่า”
ภาคินบอกแค่นั้นแล้ววางสายโดยไม่สนใจคำด่าของเพื่อนที่ยังดังแว่วๆ
อยู่ในสาย ก่อนจะอดคิดถึงเรื่องที่อีกฝ่ายเล่าให้ฟังเมื่อคืนอีกครั้งไม่ได้ ซึ่งทำให้เขาคิดถึงความไม่ชอบมาพากลที่อาจจะเกิดขึ้น
เพราะเท่าที่รู้ เสี่ยชาญวิทย์เองก็ใช่ว่าจะเป็นนักธุรกิจที่ไร้เล่ห์เหลี่ยมกลโกงเสียเมื่อไหร่
และลองว่าหากรายนั้นอยากจะได้ที่ดินของพราวพิรุณจริงๆ ก็คงจะไม่ยอมอยู่เฉย และยังไม่ต้องคิดไปถึงปัญหาแม่เลี้ยงลูกเลี้ยงระหว่างกัญชลีย์กับพราวพิรุณด้วยซ้ำ
@@@@@@@
อีบุ๊กมาแล้วน้าาาาาาา
ฝากอีบุ๊กเรื่องอื่นๆ ด้วยนะคะ
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ความคิดเห็น