ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานเทพเจ้ากรีก-โรมัน อมตะเทวตำนาน

    ลำดับตอนที่ #19 : อะโฟรไดทิ เทพีแห่งความงาม

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 15.62K
      29
      9 เม.ย. 53








    อะโฟรไดทิ
    เทพีแห่งความงาม

           เมื่่อโลกใบนี้ขาดความงามไปคงดูไร้ซึ่งชีวิตชีวา ยิ่งขาดหญิงงามแล้วไซร้ใจของหนุ่มๆเสือสิงห์กระทิงป่าคงห่อเหี่ยวไปตามๆกัน แต่เมื่อเทพีพระองค์นี้ย่างก้่า่วเยียบขึ้นบนโลก ความงดงามก็บังเกิดขึ้น ทำให้โลกมีชีวิตชีวา เหมือนดั่งอัญมณีที่เลอค่าประดับประดาแต้มสีสันให้โลกา สมแล้วที่เป็นเทพีแห่งความงาม...






             เมื่อกล่าวถึงเทพีผู้โฉมงามและเป็นที่ล่ำลือมากที่สุดในตำนานเทพเจ้าคงหนีไม่พ้น เทพีอะโฟรไดทิ พระองค์นี้ ซึ่งได้ขนานนามว่า เทพีแห่งความงาม พระองค์ทรงเป็นพระธิดาในเทพยูเรนัส ซึ่งเกิดจากหยดเลือดที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกเทพโครนัสทำร้าย ระหว่างเหาะหนีขึ้นฟ้า เลือดนั้นก็หยดลงบนทะเลและบ่งตนกลายเป็นเทพธิดาและเจริญวัยเป็นเทพีผู้งดงาม และเต็มด้วยกิเลสและไฟราคี ก็คงเพราะเกิดจากเลือดตรงอวัยวะเพศของเทพยูเรนัสจึงทำให้พระเทพีมักมากเช่นที่ปรากฏในตำนานมากมาย นอนกับคนโน่น มีลูกกับคนนี้ บางตำนานว่าเป็นพระธิดาในเทพซีอุสกับเทพีดิโอนี และบางตำนานว่าพระเทพีเิกิดจากฟองละอองในทะเล มันเป็นอย่างนี้นะ คือเทพีซีอุสมีความสัมพันธ์กับเทพีดิโอนีจนพระเทพีตั้งครรภ์ เทพซีอุสก็กลัวแสนกลัวว่าเทพีเฮร่าจะตามมาราวีเทพีดีโอนี จึงนำเทพีไปฝากไว้กับเทพโพไซดอนใต้ทะเล เรื่องมันก็อีว่า พอเทพีให้กำเนิดพระบุตรแล้ว กลับกลายเป็นฟองละอองลอยขึ้นไปบนผิวน้ำและรวมตัวกันเป็นร่างเทพีผู้งดงามไง...
     




          บางเขาว่าเทพีอะโฟรไดทิมิใช่เทพเจ้ากรีกโดยแท้ แต่เป็นเทพเจ้าแห่งชนชาติกลุ่มอพยพเข้ามาอาศัยในประเทศกรีซ คือ ชนชาติฟีนีเซีย แต่เขายังว่าพระเทพีนั้นเป็นพระองค์เดียวกับ เทพีอีชตาร์ ซึ่งเป็นที่เคารพของชาวอัีสสิเรียกับบาบิโลเนีย และ เป็นพระองค์เดียวกับ เทพีแอสตาร์เต ของชาวไซโรฟีนิเซียน อีกด้วย ซึ่งพระองค์อยู่มานานเกิดจะกำเนิดอารยธรรมกรีก-โรมันเสียอีก เท่ากับว่าพระองค์เป็นเทพเจ้าที่มาจากอารยธรรมขึ้นที่แทรกเข้ามาในชาวกรีก
      
          เทพีอีชตาร์                                    เทพีแอสตาร์เต
     


             ตำนานกำเนิดเทพีอะโฟรไดทิว่า พระเทพีทรงอุบัติขึ้นที่ทะเลแถวเกาะไซเธอรา และถูกคลื่นและลมพัดไปยังเกาะไซปรัส ซึ่งต่อมาเกาัะทั้งสองนี้จึงกลายเป็นเกาะศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่เคารพของชาวกรีก เพราะเป็นสถานที่ประสูติของเทพเจ้านั่นเอง เขาว่าพอพระเทพีถูกลมและคลื่นพัดไปติดเกาะไซปรัส ด้วยรูปร่างที่โป๊เปลือย เทพีแห่งฤดูกาลทั้ง3 คือ กลุ่มเทพีซีซั่นซึ่งเป็นผู้พิทักษ์ประตูสู่โอลิมปัสพบเข้า ก็เกิดความสงสารจึงนำอาภรณ์์มอบให้เทพีและพาขึ้นสู่โอลิมปัส พระเทพีเป็นที่ตะลึงแห่งเหล่าทวยเทพ รวมถึงเทพซีอุสที่พอใจกับความงามของพระธิดาเป็นอันมาก บางตำนานก็ว่าพระองค์ไม่ทราบว่าพระเทพีเป็นพระธิดาของพระองค์ จึงหมายจะได้พระเทพีเป็นชายา แต่ด้วยความหยิ่งผยองในพระเทพีที่ไม่ยอมรับรักจากเทพซีอุส พระองค์จึงกลั่นแกล้งพระเทพีโดยยกให้เป็นพระชายาของพระโอรสคือ เทพฮิฟีสทัสผู้อัปลักษณ์และพิการด้วย น่าสงสารจริงๆเลย...






           
              เทพฮีฟีสทัสทรงยินดีที่ได้พระชายาที่งดงามกว่าพระเทพีองค์ใด ซึ่งก่อนหน้านั้นพระองค์ทรงอกหักจากเทพีอธีน่ามา ซึ่งพระเทพีปฏิเสธความรักจากเทพฮีฟีสทัสนั้นเอง เทพฮีฟีสทัสทรงทำสายรัดเอวให้แก่พระชายาที่รักเส้นหนึ่ง และสวยงามมากทำจากทองคำและมีลวดลายเป็นเกรียวสวยงาม ถึงเทพฮีฟีสทัสจะรักพระชายามากเพียงใด แต่พระองค์กลับอยู่แต่กับที่ทำงานในห้องหล่อห้องตีเหล็กของพระองค์ ทำให้พระชายาต้องอยู่อย่างโดดในวิมานเพราะถึงพระชายาจึงตามไปอยู่ในที่ทำงานมิควรอยู่ จึงทำให้พระชายามีเวลาคิดนอกใจสวมเขาให้เทพฮีฟีสทัส โดยเป็นชู้กับเทพเจ้ามากมาย แต่ที่รู้จักกันมากคือ เทพแอรีสเทพเจ้าแห่งสงครามกับเทพเฮอร์เมส เทพเจ้าแห่งการสื่อสารนั่นเอง อย่างที่ควรกล่าวไปแล้วในตอน ฮีฟีสทัส เทพเจ้าแห่งการช่าง ที่ว่าพระองค์จับได้ว่าพระชายามีชู้ โดยพระองค์นำแหทองคำไปล่ามไว้และนำพระชายาและเทพแอรีสผู้เป็นชู้ไปประจาญต่อหน้าเหล่าทวยเทพ



            พระชายายังมีพระโอรสกับเทพแอรีส คือ เทพบุตรอีรอส นั่นเอง เทพฮีฟีสทัสบางตำนานว่าถึงจะทราบว่าเป็นลูกที่เกิดจากเทพแอรีสแต่ก็รักเหมือนลูกของตน บางตำนานว่าพระองค์ยังคงถูกพระเทพีสวมเขาโดยให้พระองค์เชื่อว่าเทพบุตรอีรอสเป็นพระโอรสของพระองค์ เทพฮีฟีสทัสรักเทพบุตรอีรอสมากถึงกับสร้างธนูทองคำเล็กๆให้ และกลายมาเป็นอาวุธคู่ใจของกามเทพพระองค์นี้ แต่พระเทพียังคงมีความสัมพันธ์และรักในเทพแอรีสจึงมีพระโอรส พระธิดาต่อมาคือ เทพแอนติรอส และ เทพีเฮอร์ไมโอนี ตามตำนานว่าเทพอีรอสไม่ยอมโตเสียที เทพีอะโฟรไดทิได้ไปขอคำแนะนำจากเทพีเทมิส ซึ่้งพระเทพีว่าเทพีอะโฟรไดทิควรให้กำเนิดพระบุตรอีกพระองค์แล้วเทพอีรอสจะโตเอง ก็เป็นจริงเมื่อเทพีอะโฟรไดทิให้กำเนิดเทพแอนติรอสแล้วผลปรากฏว่าเทพอีรอสกลับกลายเป็นเทพบุตรสุดหล่อแห่งสรวงสวรรค์ และทำหน้าที่แผลงศรให้ความรักแก่สรรพสิ่งบนโลก





           เทพีอะโฟรไดทิเป็นเทพีที่ฉาวที่สุดในโอลิมปัสและตำนานเทพเจ้า พระองค์มีความสัมพันธ์กับเทพเจ้าและมนุษย์ เช่น มีความสัมพันธ์กับเทพแอรีส เทพเจ้าแห่้งสงคราม และ เทพเฮอร์เมส เทพเจ้าแห่งการสื่อสารจนมีพระโอรสด้วยกัน คือ เฮอร์มาโฟรดิทัส ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นกระเทยคนแรกแห่งกรีก...!!!




    เฮอร์มาโฟรดิทัส


              แล้วพระเทพียังมีความสัมผัสกับมนุษย์เดินดินอย่างเจ้าชาย นามว่า "แอนคิซีส" ซึ่งเป็นเจ้าชายโทรยันพระองค์หนึ่ง และมีพระโอรสด้วยกัน นามว่า "เอนิแอส" ซึ่งต่อมากลายเป็นต้นตระกูลของชาวโรมัน




                       ถึงเทพีอะโฟรไดทิจะได้ชื่อว่าเป็นเทพีแห่งความงาม และยังมีตำแหน่งเทพีแห่งความรักซึ่งภายหลังยกหน้าที่มอบความรักแก่มวลสรรพสัตว์ให้แก่พระโอรสสุดที่รัก คือ เทพอีรอส ไปก็ตาม ดูจากตำนานและเรื่องเล่าที่พระเทพีมักจะได้ชัยในสนามรักเสมอ แต่พระองค์ก็ีความผิดหวังและความทุกข์อันพามาซึ่งเพราะความรักเช่นกัน คือ พระเทพีทรงหลงใหลในตัวนายพรานหนุ่มรูปงาม ซึ่งจัดได้ว่าหล่อเหลาในขณะนั้น นามว่า "อโดนิ"


        พระเทพีพบเขากำลังล่าสัตว์ พระเทพีหลงในรูปลักษณ์และความหล่อเหลาอันคมคลายของเขาเสียเหลือเกิน ถึงกับเหาะและเดินตามอะโดนิ ถึงพระเทพีจะเป็นฝ่ายที่รักเขาข้างเดียวก็ตาม พระเทพีถึงจะร่วมรักกับอะโดนิ แต่ขอเพียงติดตามและอยู่ใกล้ๆก็พอ อะโดนิก็พยายามปฏิเสธเสมอ แต่ดูแล้วพระเทพีไม่ยอมท่าเดียว พระเทพีจำต้องจากอะโดนิเพราะกลัีวว่าจะเป็นขี้ปากชาวเทพเพราะหายไปนาน จึงกล่าวบอกอะโดนิเป็นการเตือนด้วยความหวังดีจากใจว่า
    "ท่านต้องระวังภัยจากสัตว์ใหญ่นะ..."
          จากนั้นพระเทพีก็ลาลับกลับสู่โอลิมปัส ทางอะโดนิก็ไม่สนใจยังคงตามล่าสัตว์อยู่จนพบกับหมูป่ายักษ์ตัวหนึ่งมันตามขริดอะโดนิจนถึงความตาย เขาว่าหมูป่าตัวนี้คือ เทพแอรีสจำแลงมาสังหารอะโดนิเพราะความหึงหวงพระเทพีนั่นเอง อะโดนิร้องด้วยความเจ็บปวด


           พระเทพีได้ยินเข้าถึงกับใจเต้นสั่น พระองค์ทราบแล้วว่าอะโดนิผู้เป็นที่รักถึงฆาต พระองค์จึงลงมาจากโอลิมปัสเข้าหาร่างอะโดนิที่กำลังจะหมดลมหายใจ อะโดนิสิ้นใจแล้วบนตักของพระเทพี พระเทพีทรงกรรแสงอย่างบ้าคลั่ง พระเทพีทรงโกรธแค้นเทพีแห่งโชคชะตาว่า
    "ทำไมเจ้าจึงมาเด็ดเส้นชะตาของเขาในวันนี้ด้วย...ทำไม..."
         พระเทพีมองที่ใบหน้าของอะโดนิ พระเทพีตั้งจิตอธิษฐานว่า
     "อะโดนิที่รักของข้า ข้าของให้เจ้าฟื้นจากความตาย ขอให้ดวงจิตวิญญาณและร่างของเจ้ากลายเป็นดอกไม้สีแดงดั่งเลือดที่ไหลออกจากกายของเจ้า เพื่อมิให้วิญญาณของเจ้าต้องจากข้าไปตลอดกาล"
       จากนั้นร่างของอะโดนิก็กลายเป็นดอกไม้สีแดงชาด ที่ต่อมาเรียกกันว่า ดอกอะเนโมนิ หรือ ดอกอะโดนิ กลายเป็นดอกไม้อนุสรณ์ความรักแห่งเทพีอะโฟรไดทินับแต่นั้นมา... 





         เทพีอะโฟรไดทิ ทรงเป็นเทพีแห่งความรัก พระองค์ทรงทำหน้าที่พิทักษ์และประทานความสุขสมหวังในความรักของมนุษย์ชายหญิงได้อย่างดี เลยมีตำนานถึงความเมตตาของพระเทพีที่ช่วยให้คู่รักที่ดูแล้วจะเป็นไปไม่ได้ให้้เป็นไปได้ อย่างคู่ของ พิคแมเลียนกับนางกัลละเธีย ซึ่งในตำนานเล่าว่า พิคแมเลียนเ็ป็นช่างปั้นฝีมือเยี่ยมคนหนึ่ง แต่เขาก็ยังเป็นชายหนุ่้มที่หล่อเหลาไม่เบาเลยทีเดียว เป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ คงเพราะนิสัยของเขาที่เป็นศิลปินใจเย็นและสุขุม แต่แปลกที่พิคแมเลียนกลับไ่ม่สนใจในสตรีนางใดเลยสักคน ถึงเหล่านางทั้งหลายจะมาเสนอตัวก็ตามที เขาว่่าพวกนางไม่เหมาะสมกับเขา และเขาัยังไม่ถูกใจสตรีใด เขามีสตรีในอุดมคติที่สูงเกินไปล่ะมั้ง วันหนึ่งเขาลองปั้นรูปของสตรีงามนางหนึ่งขึ้นมา รูปปั้นนี้เป็นรูปของนางในฝันของเขานั่นเอง เขาถึงการอึ้งกับฝีมือของเขาที่ปั้นได้เหมือนจริง เขาหลงใหลในรูปปั้นรูปนี้มาก ถึงการเพ้อพูดจาเหมือนกับเขาเป็นบ้าไป เขาจ้องมองใบหน้าที่สวยงามของรูปปั้น ถึงเขารู้ทั้งรู้ว่ารูปปั้นนี้ไม่มีชีวิตและมิอาจจะมาพูดคุยหรือสบตาเขาได้ เรื่องนี้จึงร้อนไปถึงเทพีแห่งความรักอย่างเทพีอะโฟรไดทิ พระองค์ทรงสงสารในพิคแมเลียนจึงประทานชีวิตให้รูปปั้นนั้นมีชีวิตขึ้นมา พิคแมเลียนถึงกับยินดีที่ความฝันของเขาเป็นจริงขึ้นมาได้ พระเทพียังประทานชื่อให้แก่นางที่มาจากรูปปั้นว่า "กัลละเธีย" และทั้งสองก็ครองรักกันอย่างมีความสุข


           อีกคู่ต่อมาเป็นคู่นักวิ่งลมกรด เขาว่าอย่างนั้นคือคู่้ของ ฮิปโปเมนีส กับ นางอัตตะลันตา เขาว่านางอัตตะลันตามีความงามมากจนเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มมากมาย นางเลยประกาศว่า
      "หากชายบุรุษใดสามารถวิ่้งแข่งชนะข้าได้ ชายบุรุษผู้นั้นจะเป็นสามีของนาง" แต่จนแล้วจนรอดก็มิได้มีชายบุรุษคนใดเอาชนะนางได้เลย แต่เมื่อชายหนุ่มคนหนึ่งนามว่า "ฮิปโปเมนิส" เขาวินวอนต่อเทพีแห่งความรัก พระเทพีรับทราบถึงความทุกข์ของชายหนุ่ม จึงมาปรากฏกายพร้อมประทานแอปเปิ้ลทองคำให้ 3 ผล
      "เ้จ้าจงใช้แอปเปิ้ลทองคำนี้ให้เป็นประโยชน์" จากนั้นพระเทพีก็หายไปในท่ามกลางกลุ่มควันสีทอง
      ฮิปโปเมนีสมาพร้อมกับความมั่นใจว่ายังมีเทพีอะโฟรไดทิอยู่ข้างตน ตนจึงลงแข่งกับนางอัตตะลันตา ผลออกมาว่าพอนางอัตตะลันตาจะวิ่งนำหน้าตน ฮิปโปเมนิสก็โยนแอปเปิ้ลทองคำนี้ลง นางอัตตะลันตาเห็นก็หยุดเก็บเลยเสียเวลาให้ ฮิปโปเมนีสนำหน้าไป ฮิปโปเมนีสชนะเข้าถึงเส้นชัยสำเร็จ นางอัตตะลันตาจึงยอมรับการแต่งงานเป็นภรรยาของฮิปโปเมนิส





            คู่ต่อมานี้กลับเป็นการทำลายชื่อเสียงแห่งเทพีแห่งความรักเป็นอันมาก คือ คู่ของเจ้าชายปารีสกับนางเฮเลน ซึ่งตอนนั้นเจ้าชายปารีสทรงพักผ่อนในหมู่ไม้ในอุทยาน บังเอิญลูกแอปเปิ้ลทองคำดันตกลงมาต้องพระองค์ พระองค์หยิบขึ้นดู และแล้ว
      "ท่านได้โปรดเถิด..."
       เจ้าชายปารีสไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง ที่มีพระเทพีทั้ง 3 มาปรากฏต่อหน้า คือ เทพีเฮร่า เทพีอธีน่า และ้เทพีอโฟรไดทิ
      "ท่านได้โปรด ช่วยตัดสินหน่อยเถิดว่า1ในพระเทพี พระองค์ใดงามที่สุด" เทพีเฮร่ากล่าว
      "ทำไมล่ะพระแม่ทั้ง3 จึงมาให้ข้าผู้เป็นมนุษย์ต่ำด้อยอย่างข้า เป็นผู้ตัดสิน"
      "ก็แอปเปิ้ลทองคำนั้นอยู่ที่ท่าน" เทพีอธีน่ากล่าว
      "แอปเปิ้ลทองคำผลนี้มีเจ้าของได้เพียงผู้เดียว และผู้ที่เหมาะสมจะเป็นเจ้าของต้องมีความงามเป็นเลิศ" เทพีอะโฟรไดทิกล่าว
      "เจ้าชายปารีสแห่งทรอย หากท่านเลือกข้า ราชินีเฮร่าแห่งสรวงสวรรค์ข้าจะตอบแทนท่านด้วยความเจริญรุ่งเรืองแห่งอาณาจักรของพระองค์"
      "อะไำรนี่ ไม่..ไม่..เจ้าชายหากพระองค์เลือกข้า อธีน่า เทพีแห่งสติปัญญาและสงคราม ข้าจะประทานชัยชนะแก่อาณาจักรของพระองค์จะไม่มีศัตรูใดมาทำลายอาณาจักรของพระองค์ได้ และเจ้าชายเองจะมีชัยเหนืออริราชศัตรูและไพรี"
      "เจ้าชาย...ปารีส...หากพระองค์เลือกข้า อะโฟรไดทิ เทพีแห่งความรักและความงาม ข้าจะประทานพระชายาผู้งดงามที่สุดในปฐพีแก่พระองค์..."
      เจ้าชายปารีสเหมือนตกในมนต์ พระองค์ยื่นแอปเปิ้ลทองคำอันแวววาวแก่เทพีอะโฟรไดทิ ผลสรุปว่าเ้จ้าชายตัดสินให้เทพีอะโฟรไดทิเป็นเจ้าของแอปเปิ้ลทองคำผลนี้ แต่สิ่งที่พระเทพีประทานให้คือ นางเฮเลนที่มีความงามเป็นเลิศแต่นางกลับมาพร้อมกับความหายนะมาสู่ทรอยอันเกรียงไกร เพราะเป็นชนวนสงครามแห่งกรีกกับทรอย จึงทำให้อาณาจักรทรอยนี้จบสิ้นปวสาน






          เทพีอะโฟรไดทิยังได้รับการยกย่องเป็นเทพีแห่งการประทานบุตร เพราะชาวกรีก-โรมันมีความเชื่อว่าหากนกกระสามาทำรังบนหลังคาบ้าน ที่บ้านนั้นจะให้กำเนิดทารกน้อย ซึ่งเขาเชื่อว่านกกระสาเป็นนกโปรดของเทพีอะโฟรไดทิ ซึ่งแสดงว่าพระเทพีประทานบุตรมาให้ และความเชื่อนี้ยังแพร่ไปในยุโรป มักมีภาพวาดนกกระสาที่คาบถุงที่มีเด็กทารกอยู่ข้างใน แสดงถึงความเชื่อเรื่องนกกระสามาประทานบุตรให้ได้อย่างชัดเจน และเชื่อว่าหากนกกระสาบินวนรอบหลังคาบ้าน แสดงว่าบ้านหลังนั้นกำลังมีเด็กเกิด ซึ่งหากนกกระสามาปรากฏเช่นนี้เขาว่าเป็นมงคล รวมถึงหากนกกระสามาทำรังบนหลังคาจะนำโชคลาภความเป็นมงคลมาให้...
    ใครอยากโชคดีก็จับนกกระสาตามท้องนามาทำรังบนหลังคาบ้านได้นะเผื่อจะให้เลขเด็ด...

      



         การบังเกิดของเทพีอโฟรไทดินั้นคงเกิดจากความปรารถนาในความรักของหนุ่มสาวที่ต้องการที่พึ่งทางใจ จึงมีพระเทพีพระองค์นี้ขึ้นมา เพื่อเป็นตัวแทนแห่้งความรัก และอาจเป็นไปได้ว่าเทพเจ้าบางพระองค์อาจมิได้เป็นเทพกรีกแท้ๆ ซึ่งเป็นมาจากอิทธิพลของเพื่อนบ้านหรือไม่ก็ชนชาติอื่นที่มาอาศัยในกรีกอย่างที่กล่าวไปแล้ว.. และยังเป็นไปได้ว่าชาวกรีกหลงในกิเลสเลยแสดงออกมาทางเทวตำนานโดยหวังให้ลูกหลานดูไว้เป็นเยี่ยงแต่อย่างเอาเป็นอย่าง ให้รู้ว่าเทพเจ้าก็มีความอยากใคร่ได้อย่างมนุษย์เราธรรมดา จึงทำให้ชาวกรีกรู้สึกว่าเทพเจ้าก็มิได้อยู่ไกลจากพวกตนเท่าไรนั้นเอง...





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×