ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟาโรห์ที่รัก ตอน จอมใจฟาโรห์

    ลำดับตอนที่ #24 : กลับมาหาแม่เถิดลูกรัก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.02K
      5
      3 เม.ย. 56


        เบื้องหน้าโต๊ะหมู่ในห้องพระของบ้าน แม่ของพรพิงค์จ้องมองยังพระแก้วมรกตจำลองซึ่งเป็นพระประธานของบ้าน ในมือพนมระหว่างอกดุจดอกบัวที่ตูมสด ใบหน้าเศร้าสร้อยในหัวมีแต่คำเรียกหาและคร่ำครวญถึงพรพิงค์ลูกสาวสุดที่รักที่หายไปทุกลมหายใจ ธูปที่ปัดไว้ที่กระถางทองเหลืองกำลังจะหมดลงจนถึงก้านแสดงว่าได้นั่งอยู่ในห้องพระนี้มานานพอสมควรแล้ว จากนั้นก็ยกมือขึ้นระหว่างขนคิ้วแล้วก้มลงกราบพระ 3 ครั้ง แสดงถึงการจบสิ้นของการขอพรไหว้พระในครั้งนี้แล้ว แม่ของพรพิงค์ลุกขึ้นและออกจากห้องพระไป เธอเดินไปยังหน้าบ้านซึ่งมีใบไม้ร่วงเต็มไปหมด ตอนนั้นภัทรวินขับรถเข้ามาจอดที่หน้าประตูรั้วพอดี เธอจำได้ว่านั้นเป็นรถของภัทรวินผู้เป็นลูกชาย ก็รีบเดินไปช่วยเปิดประตูให้ขับรถเข้ามาจอดในบ้าน 

        ภัทรวินในชุดทำงานผูกเนคไทซึ่งแลดูเป็นผู้ใหญ่ มองแม่ของตนเองอย่างหดหู่ เมื่อประตูรั่วเปิดออกเขาก็ขับรถเข้าไปในบ้านและจอดยังโรงรถ ภัทรวินดับเครื่องแล้วลงจากรถ

         "สวัสดีครับแม่" 

        "เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ ทำงานเหนื่อยไหมวันนี้"

        "ก็นิดหน่อยล่ะครับ ช่วงนี้ที่ทำงานวุ่นวายไปเสียหน่อย" ภัทรวินยิ้มหวานส่งให้แม่ของเขา

         "โธ่... นั้นเข้าไปอาบน้ำแล้วทานข้าว วันนี้มีเมนูโปรดของเราด้วยนะ" 

          "อะไรหรือครับ..." 

          "ไข่ลูกเขย น้ำพริกปลาทู หมี่กรอบ แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย และ ต้มจืดวุ้นเส้นจ๊ะ"

          "โอ้....น่ากินทั้งนั้นเลยครับแม่ นั้นผมขอตัวเข้าบ้านไปอาบน้ำก่อนนะครับ"

            "จ๊ะ" 

            ภัทรวินเดินเข้าไปในบ้าน เขารู้อยู่เต็มอกว่า กับข้าวเหล่านั้นเป็นของโปรดของพรพิงค์ มิใช่ของโปรดของเขาสักอย่าง แต่เขาก็อดสงสารแม่ของเขาไม่ได้ที่มีแต่ความห่วงหาและความคิดถึงพรพิงค์น้องสาวผู้สาปสูญ 

           "แม่เขาคงหวังว่าสักวันพิงค์จะกลับมา" ภัทรวินถอดหายใจและแอบมองดูแม่ของเขาจากทางหน้าต่างของห้องรับแขก เขาเห็นแม่ของเขานั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินหน้าบ้านโดยที่หน้านั้นหันมาประตูรั้ว 

           "โธ่....แม่ครับ ผมสงสารแม่เหลทอเกินเมื่อไร น้องพิงค์จะกลับมาเสียที" 

          แม่ของพรพิงค์นั่งรอคอยการกลับมาของพรพิงค์ ถึงแม้ว่าจะมืดค่ำยุงกัดเพียงใดก็ตาม เมื่อภัทรวินอาบน้ำเสร็จก็ยังเห็นแม่นั่งอยู่ที่เดิม เขาจึงต้องออกไปหาแม่ยังโต๊ะม้าหิน เขาเข้าโอบกอดแม่ของเขาอย่างเป็นห่วง

         "แม่ครับ เข้าบ้านเถิดครับ ดึกมากแล้วนะครับ"

         "วินเข้าไปก่อน เดี๋ยวสักพักแม่จะตามเข้าไป"

          "แม่รอน้องอีกแล้วนะครับ แม่จะทำร้ายตัวเองไปทำไมครับ ทางตำรวจเขาก็รับเรื่องแล้วว่าจะตามหาน้องให้"

          "แม่ไม่ได้รอน้องหรอก แม่แค่มานั่งตากลมเท่านั้นในบ้านมันร้อน"

          "โธ่....แม่ครับนั้นผมจะนั่งเป็นเพื่อนแม่ด้วย" ภัทรวินเดินไปยังโรงรถซึ่งมีชั้นวางของอยู่ เขาหยิบยาจุดกันฉีกมาวางบนฝากล่องคุ๊กกี้แล้ววางมันลงบนที่ปักยาจุดกันยุง เขาจุดยากันยุงมาวางไว้ใต้โต๊ะม้าหิน แล้วจึงนั่งลงบนเก้าอี้ม้าหินข้างๆแม่ของเขา 

          "ดื้อจริงๆลูกคนนี้ ไปกินข้าวกินปลาเสีย"

           "ไม่ครับ ผมเป็นห่วงแม่มากนะครับ ถ้าแม่ไม่เข้าบ้าน ผมก็จะไม่ยอมทานข้าวครับ"

            "ดู....ซิมีการต่อรองอีกตาลูกคนนี้" แม่ของภัทรวินหัวเราะใหญ่ "เข้าบ้านกัน ตาเด็กดื้อของแม่จะได้กินข้าวกินปลา" 

          ภัทรวินประคองแม่ของเขาเข้าไปในบ้าน แต่ไม่ทันใดแม่ก็ร้องไห้โหใหญ่ เขาต้องประคองแม่เข้าไปในนอนบนเตียง และเขาก็นั่งลงข้างๆและห่มผ้าห่มให้แม่ เขาแทบจะร้องไห้ตามเสียแล้วแต่เขากลั้นน้ำตาไว้จนเป็นน้ำตาตกใน แม่ร้องไห้หนักขึ้นด้วยความเหนื่อยอ่อนจึงทำให้เธอหลับไป ภัทรวินเมื่อเห็นแม่หลับลงแล้วเขาก็จับผ้าห่มให้ดีแล้วออกจากห้องนอนของแม่ไป  

            ภัทรวินกินข้าวไม่ลงเสียแล้วเขาเก็บกับข้าวเหล่านั้นเข้าตู้เย็นแล้วมานั่งดูโทรทัศน์ที่ห้องรับแขก เขาคิดขึ้นในใจว่า หากปล่อยให้แม่เป็นเช่นนี้ต่อไปสุขภาพจิตของแม่คงจะไม่ได้แน่ และนี้มันก็ 5 ปีเข้าไปแล้ว พิงค์หายไปนานถึง 5 ปีแล้ว และแม่ก็เป็นเช่นนั้นมาโดยตลอด เราจะทำอย่างไรดี ได้โปรดเถิดคุณพระคุณเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยให้พรพิงค์กลับมาเสียทีเถิด ผมสงสารแม่ครับ ขอได้โปรดช่วยด้วยเถิด...... นั้นคือการอธิษฐานของภัทรวินที่หนักแน่น 

          ในร้านอาหารหรูใจกลางกรุง หญิงสาวที่ทันชุดทันสมัย 4 คน กำลังสนทนากันอย่างสนุกสนาน หญิงสาวทั้ง 4 ต้องหยุดชะงักเมื่อ....

          "ตายแล้ว...พระเทพีเจ้า" หญิงชุดสีเงินกล่าวอย่างตกใจโดยหันหน้าไปยังหญิงที่สวมแว่นตาดำอย่างมีสไตล์

          "เราได้ยินแล้ว คำอธิษฐานของชายผู้นั้นด้วยความรักและความกตัญญูจึงทำให้พวก
    เราได้ยินซึ่งปกติเราจะไม่อาจได้ยินคำอธิษฐานของชนผู้ที่ไม่นับถือเทพเจ้าอย่างพวกเราไม่"  

        หญิงที่แลดูมีอายุที่สุดในชุดสุภาพกระโปรงยาวส่ายหน้า "ช่างน่าสงสารจริงๆ โธ่ และเราจะทำอย่างไรดี เทพีไอซิส เราชัดจะอยากล้มเลิกในสิ่งที่เราทำอยู่เสียจริง ส่งพรพิงค์กลับบ้านของเธอเถิดนะ" 

       "นั้นซิเพคะ พระพี่นาง" หญิงสาวในชุดสีครีมหวานกล่าว

         "ทำเช่นนั้นไม่ได้หรอก พระเทพีทุกๆท่าน เราจะส่งพรพิงค์กลับหลังจาก...."

         "หลังจากอะไรกัน พระเทพีไอซิส" หญิงสาวที่แลดูมีอายุที่สุดกล่าว 

          "หลังจากที่ องค์ฟาโรห์ด้วยสิ้นพระชนม์เสียก่อน หรือไม่นางต้องให้กำเนิดพระราชบุตรเสียก่อนเพื่อให้สืบเชื้อสายแห่งโอรสสวรรค์ฮอรัส"

          "ขนาดนั้นมันไม่เกือบ สิบๆปีหรือเช่นไรกัน มันเกินไปแล้วนะ เราไม่น่าเล่นอะไรแบบนี้กันเลยนะจริงๆ" หญิงสาวผู้แลดูมีอายุกล่าวด้วยความโมโห

          "อย่าได้ทรงกริ้วไปเลยเพคะ ปักษาเทพีมัตเจ้า"

          "หม่อมฉันว่ามันจะเร็วกว่านี้เสียมิได้หรือเพคะ" หญิงสาวชุดสีเงินกล่าว

           "หากเราส่งพรพิงค์ในเร็ววันี้ มันจะทำให้ระบบประวัติศาสตร์เสีย และจะส่งผลร้ายต่อมวลมนุษยชาติ"

           "จริงด้วย และเราจะทำเช่นไรดีเพคะ" หญิงสาวชุดสีเงินกล่าวอย่างตื่นตกใจ 

           "วิฬารเทพีบาสท์ พอกันที นั้นพระเทพีไอซิสต้องยืนยันต่อพวกเราทั้ง 4 ว่า จะส่งพรพิงค์กลับคืนสู่ครอบครัวของเธอ หลังจากให้กำเนิดบุตรแล้ว หรือไม่ก็องค์ฟาโรห์ทรงสิ้นพระชนม์"

          "เพคะ หม่อมฉันขอสัญญา" 

           พระเทพีทั้ง 4 อันมีพระเทพีไอซิส พระเทพีเนปทีส วิหคเทพีมัต และ วิฬารเทพีบาสท์ จำแลงกายเป็นมนุษย์มาเที่ยวยังโลกมนุษย์ในรูปกายของหญิงสาวสมัยใหม่  การเสวนาอันแสนประหลาดในครั้งนี้ก็ยุติลงโดยพรพิงค์มีเส้นตายไว้ว่า จะกลับคืนสู่โลกยุคปัจจุบันต่อเมื่อเธอให้กำเนิดรัชทายาทหรือไม่ก็หลังจากองค์ฟาโรห์สิ้นพระชนม์เท่านั้น พรพิงค์ยังคงติดอยู่ในยุคอียิปต์โบราณต่อไปในฐานะพระราชินีแห่งอียิปต์ และหน้าที่ของนางจะสิ้นสุดลงเมื่อเส้นตายนั้นไม่อันใดก็อันหนึ่งมาถึง......

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×