ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟิคสั้น โน่ริท

    ลำดับตอนที่ #10 : วูบหนึ่งของความรู้สึก (ริทเต๋า F.โตโน่+คชา)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.09K
      3
      22 พ.ค. 55

    เรื่องนี้เกิดจากจินตนาการมิได้มิเจตนาสร้างความเสื่อมเสียให้ศิลปินแต่อย่างใด
    ปล.เพื่อความบันเทิงนะจ๊ะ
    .........................................................................................................................................................................................

    Tao Part
    เอี๊ยดดดดดดด
    !! ผมเบรกรถกะทันหันเมื่อเห็นคนวิ่งมาตัดหน้ารถ

    “คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ” ผมลงไปถามเขา คนข้างหน้าหันหน้ามาเพราะแสงจากไฟหน้ารถส่องมาพอดี

    “ริท” ผมเรียกและมองหน้าเขาที่มีน้ำตาไหลเอ่อ

    “เต๋า” ริทเอ่ยเบาๆ

    ��������������� ผมรับริทขึ้นมาบนรถ เพราะริทเงียบผมเลยไม่รู้จะถามอะไร

    “สีหน้าริท เดอะสตาร์ตอนนี้ดูไม่จืดเลยเนอะ” ผมเอ่ยแบบกล้าๆกลัวๆ

    “จริงเหรอ” ริทจับหน้าตัวเองแล้วมองกระจก”

    “ฮ่าๆ ยังน่ารักอยู่ครับ” ผมพูดพร้อมหัวเราะกับท่าทีของเขา

    “ฮ่าๆ เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว” ริทหันมายิ้มให้ผม

    “ยิ้มได้แล้วค่อยสมกับเป็นริทหน่อย” ผมบอก

    “มาขับรถอะไรแถวนี้” ริทถาม

    “ก็รู้ว่ามีคนจะร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่แถวนี้ละสิ” ผมยิ้ม

    “ใคร ริทเปล่าสักหน่อย” ริทแก้ตัวเสียงสั่นๆ

    “ก็ไม่ได้ว่าริทสักหน่อย ร้อนตัวไปได้นะ คุณหมอ”

    “แล้วเราจะไปไหนกัน” ริทหันมาถามเพราะผมขับรถออกมาไกลแล้ว

    “นั่นสิ แล้วริทอยากไปไหนละ”

    “เอ่อ” ริทอ่ำอึ้ง

    “อยากไปไหนละ ว่ามาสิ”

    “ไม่รู้ แต่ริทอยากกินเหล้า”

    “โอ้ เพิ่งเห็นคุณหมออยากเมา เรียนแล้วมันเครียดขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมทำเสียงตกใจ

    “ไปส่งริทไว้ที่ร้านก็ได้ริทนั่งคนเดียวได้” ริทบอก

    “ได้ไง เต๋าก็อยากเมาเหมือนกัน” ผมขับรถมาจอดที่หน้าร้าน คนในร้านเยอะมาก

    “เอาจริงเหรอ จะเป็นข่าวไหมเนี่ย” ผมหันไปถามริท

    “เอาไงล่ะ หรือจะไปร้านที่เงียบๆ กว่านี้” ริทหันมาถาม

    “แล้วแต่ริทนะ แต่ดึกๆ แบบนี้ร้านไหนก็เต็มทั้งนั้นแหละ”

    “เฮ้อ!!” ริทถอนหายใจออกมา

    “แต่มีที่นึงนะที่ไม่เต็ม”

    “ร้านไหน” ริททำเสียงดีใจ

    “ไม่ใช่ร้านหรอก ที่ห้องนะ” ผมยิ้มๆ

    “ห้องเต๋านะเหรอ” ริทจ้องหน้าผม

    “คุณหมอกล้าไปรึเปล่าล่ะ” ผมยักคิ้ว

    “กลัวที่ไหน” ริทยักคิ้วตอบ

    “งั้นไปซื้อเหล้ากันเนาะ ริทกินอะไรล่ะ”

    “ไม่รู้สิ ปกติพี่เอ่อ ไม่ได้ซื้อเอง” ริทชะงักไปแปปนึง

    “อ่อ เข้าใจละ งั้นเต๋าซื้อที่เต๋ากินละกัน คุณหมออยากเมาไวหรือเมาช้าๆล่ะ”

    “เอาแบบกินแล้วหลับเลยได้เปล่า” ริทบอก

    “โอเค จัดไป” ผมลงไปซื้อ ผมลงไปสักพักก็กลับมาพร้อม ๆ กับของที่มันมากมายจริงๆ^^”แต่พอผมกลับมาคนที่นั่งข้างๆหลับปุ๋ยซะแล้ว ผมขยับหน้าเข้าไปใกล้ๆริท ผมค่อยๆเช็ดน้ำตาบนหน้าเขาเบาๆ

    “เต๋า” ริทลืมตาขึ้นมา หน้าเราตอนนี้อยู่ห่างกันแค่คืบ ริทเขยิบหนี

    “ริท” ผมจับมือริท

    “ตะเต๋า” ริททำตาโต ตกใจสินะ

    “ถ้าเลื่อนไปอีกนิดเดียว จะตกรถแล้วนนะคุณหมอ” ผมดึงริทเขยิบมา แล้วกลับไปนั่งที่เดิม

    “ยังไม่ทันกินเลย หลับซะแล้ว ไหวไหมเนี่ย”

    “อะไร ริทไม่ได้หลับซะหน่อยแค่พักสายตา” ริทอมยิ้ม


    �������������������
    ณ คอนโดเต๋า

    “ห้องเต๋านี่สะอาดเกินคาดนะเนี่ย” ริทเดินดูรอบๆ

    “อ้าว ที่ผ่านมาเห็นเต๋าสกปรกใช่ไหมเนี่ย”

    “ไม่รู้สิ” ริทยิ้มนิดๆ

    “เอาเข้มไหม” ผมชงเหล้าแล้วหันไปถาม

    “ไม่ พอดีๆ” ผมส่งแก้วให้ริท พอริทดื่มเสร็จก็หันมาบอก

    “นี่จะมอมกันรึไงเนี่ย ขมขนาดนี้” ริทหันมาทำหน้าดุ

    “อ้าวก็เหล้ามันแรง คุณหมอบอกอยากหลับไวๆนี่หน่า”

    ��������������� หลังจากนั้นเราก็กินไปสักพัก จนเริ่มเงียบกันทั้งคู่บรรยากาศชักไม่ค่อยคึกครื้นเลยแหะ

    “ริท ทำไมถึงร้องไห้มาแบบนั้นล่ะ” ผมช่างใจอยู่นานก่อนที่จะถามออกไป

    “เอ่อ” ริททำหน้าเหมือนไม่อยากตอบ

    “ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรนะ”

    “โทษทีนะ” ริทบอก

    “อื้ม เข้าใจ” ผมนั่งมองหน้าริท ผู้ชายอะไรน่ารักชะมัดยิ้มทีนึงละลายเลย แต่ใบหน้าเศร้าๆนิ่งๆก็ดูดีไปอีกแบบ สักพักริทเริ่มเอนตัวลงนอนบนพื้น

    “เฮ้ย ริทไม่ไหวแล้วเหรอ ไปนอนที่เตียงไป” ผมบอกเขา แต่ริทยังนอนนิ่ง

    “ริท ริท” ผมเขย่าตัวเขา

    เงียบ…..

    ผมพยุงริทไปที่เตียง ผมค่อยๆดึงผ้ามาห่มให้ริท แต่ริทจับมือผมไว้แล้วลืมตาปรือๆมองผม

    “ริท คืนนี้นอนนี่ละกันนะ” ผมบอก ริทเอามือมาโอบรอบคอผม

    “เอ่อ ริทเมาแล้วนะเนี่ย” ผมค่อยๆดึงมือริทออก แต่เพราะผมเริ่มเมารึเปล่าก็ไม่รู้ดึงยังไงก็ไม่ออก

    “ริท เต๋าก็ไม่ใช่คนดีอะไรขนาดนั้นนะ อย่าแกล้งสิ” ผมจ้องหน้าริทและปล่อยให้เขากอดต่อไป

    “ริทไม่ได้มาวววว” ริททำเสียงงัวเงีย ผมจ้องหน้าริทและค่อยๆยื่นหน้าเข้าไปจนจมูกเราชนกัน ผมกอดริท

    กลับ เราสองคนกอดกันแน่นขึ้น ผมเอามือจับหน้าหวานๆของคนตรงหน้าไว้ ผมก้มลง ริทค่อยๆหลับตา

    “พี่โน่” เมื่อผมได้ยินชื่อนั้นผมคลายอ้อมกอดออกทันที

    “พี่โน่ยังเหมือนเดิมใช่ไหม” ริทยังเพ้อต่อ ผมไม่รู้จะทำยังไง ทำดีที่สุดแค่นั่งมองเขา และค่อยๆซับน้ำตาบนใบหน้าหวานๆเท่านั้น

    “ริท ริทไม่อยากห่างกับพี่เลย” ริทจับมือผม ผมกุมมือเขาไว้แน่นด้วยความเห็นใจ

    “ฮือๆๆ ริทรักพี่โน่นะ” ริทร้องไห้ออกมา ผมทนเห็นน้ำตานั้นไม่ได้ผมนอนลงและกอดริทไว้ มันคงเป็นวิธีเดียวในตอนนี้ที่จะปลอบใจเขาเพราะลำพังแค่คำปลอบใจเขาคงไม่ได้ยิน ถึงแม้ในตอนนี้เขาจะคิดว่าผมเป็นใครก็ตาม

    เช้าวันต่อมา

    คิดถึงฉันสักครั้ง เมื่อไม่ได้คิดถึงใคร เสียงโทรศัพท์ผมดังลั่นห้อง

    “ฮาโหล”

    (เต๋า)

    “อื้ม”

    (ยังไม่ตื่นอีกเหรอ มันจะเที่ยงแล้วนะ”)

    “ฮ๊ะ!!” ผมรีบตื่นมาดูโทรศัพท์

    (ทำอะไรอยู่นี่ ถึงตื่นเอาป่านนี้)

    “อื้อ” เสียงริทพลิกตัว ผมมองหน้าคนข้างๆ

    (เสียงใครอ่ะ) คชาทำเสียงเข้ม

    “ปะเปล่า ก็เสียงเต๋าไง” ผมรีบแก้ตัว

    “โอ๊ย ปวดหัว” ผมหันไปมองหน้าริท ที่ลุกขึ้นมาข้างๆ

    (เสียงใคร) คชาถามซ้ำ

    “เพื่อน เพื่อนมันมาดื่มด้วย”

    “เต๋า เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นอ่ะ” ริทยังงัวเงียอยู่

    “คชาฟังเต๋าก่อน คชา คชา” ผมยังไม่ได้อธิบายอะไรอีกฝ่ายก็ชิงวางไปก่อน

    ผมหันมามองหน้าริท ริททำหน้างง

    “ปะเป็นอะไรรึเปล่า” ริทถามผม

    “เฮ้อ ป่าว”

    “ขอโทษ” ริทบอก พร้อมกับทำหน้าเศร้า

    “ขอโทษทำไม ริทไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อยเนอะ” ผมกอดคอริท

    ริทมองที่มือผม

    “แหมๆ โอเคๆแค่นี้ทำมามองทีเมื่อคืน

    ริทหันมามองหน้าผมทันที “เมื่อคืนทำไม เกิดอะไรขึ้น”

    “เปล่า ไม่ทีอะไร” ผมยิ้ม

    “เต๋า” ริททำหน้าดุอีกแล้ว แต่ไม่เห็นน่ากลัวสักนิด

    “ไม่บอก”

    “บอกมานะ”

    “ไม่บอก” เราวิ่งไล่กันไปมา

    “เหนื่อยแล้วนะ” ริทนั่งกับโซฟา

    “เหนื่อยแล้วก็ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวไปส่ง จะบ่ายแล้วนะเนี่ย” ผมบอก ริทพยักหน้าแล้วเดินไปอาบน้ำ

    “กินอะไรกันก่อนไหม” ผมถามเมื่อเราขับรถออกมา

    “ไม่เป็นไร ริทยังปวดหัวอยู่เลย”

    “ตอนอยู่ที่ห้องบอกให้กินยาก็ไม่เชื่อ”

    “ก็ยังไม่ได้กินข้าวเลย เดี๋ยวยาไปกัดกระเพาะ”

    “ครับๆคุณหมอ งั้นแวะซื้ออะไรไปกินดีกว่านะ” ผมจอดที่ร้านสะดวกซื้อเพื่อให้ริทลงไปซื้อของกิน

    Part Rit

    วันต่อมา

    วันนี้เป็นลอยกระทง จริงๆผมอยากไปลอยกับเพื่อนๆ แต่ถ้าไปตอนนี้คงไม่ได้ลอยแน่ๆเพราะคนเยอะ ผมเลยว่าจะไปลอยดึกๆถ้าง่วงก่อนก็คงไม่ได้ลอย จริงๆผมก็ไม่อยากไปลอยเท่าไหร่เพราะไม่มีคนไปลอยด้วยนึกถึงปีที่แล้วไปลอยกับพี่โน่ เฮ้ยเราเลิกไปพูดถึงเขาดีกว่า คนที่ไม่มีทางมาได้คนนั้น

    ผมนั่งดูทีวีเห็นแต่ข่าวเขาไปลอยกระทงเป็นคู่ เห็นแล้วหดหู่ยังไงไม่รู้ ผมเปลี่ยนไปเล่นอินเทอร์เน็ตแต่สงสัยแฟนคลับไปลอยกระทงกันหมดจึงไม่มีใครเล่นในบอร์ดเลยผมนั่งเล่นเรื่อยๆจนไม่รู้เผลอหลับไปตอนไหนตื่นมาอีกทีดูนาฬิกาก้ห้าทุ่มกว่าแล้ว

    ปั้งๆๆ!!!เสียงประทัดชวนผมให้อยากไปลอยกระทงซะแล้วสิ ผมเดินออกมาอากาศข้างนอกเริ่มหนาวแล้ว ผมเดินไปเรื่อยๆๆหาสระน้ำที่คนเงียบๆหน่อย

    “โห อธิษฐานนานขนาดนี้จะลอยกี่กระทงเนี่ย” ผมเดินไปแซวเต๋าที่นั่งอธิษฐานอนอยู่ริมสระ

    “อ้าวริท มาได้ไง” เต๋าทำหนาตกใจ

    “ก็เดินมาเรื่อยๆ”

    “คนเดียวนี่นะ”

    “อื้ม เห็นมากับใครละ”

    “อ้าวก็มีคนเดินมาตามเกาะหลังอยู่นั่นไง” เต๋าทำเสียงหลอกผม

    “เฮ้ย อย่าแกล้งกันดิ กลัวนะเว้ย” ผมตีแขนเต๋า

    “แล้วเต๋ามาคนเดียวเหรอ”

    เต๋าพยักหน้า

    “เศร้าเนอะวันลอยกระทงทั้งที ต้องมาลอยคนเดียว” ผมพูดขึ้น

    “งั้นไหนๆก็เจอกันแล้ว ลอยด้วยกันไหมละ” เต๋ายื่นกระทงให้ผม

    “เฮ้ย ไม่เป็นไร” ผมปฏิเสธ

    “อธิษฐานดิ” เต๋ายังคะยั้นคะยอ

    ผมมองหน้าเขา

    “น่านะ หรือว่ากลัวชาติหน้าเกิดมาเจอกันอีกเหรอ” เต๋ายักคิ้ว แล้วยิ้ม

    “ก็ได้” ผมรำคาญเลยจับกระทงมาอธิษฐาน ผมหยิบเหรียญขึ้นมาจะใส่ในกระทงแต่เต๋า ยกมือห้ามแล้วใส่เหรียญห้าสิบสตางค์เข้าไปแทน

    “เฮ้ย ทำไร”

    “วีธีนี้หละสุดๆ” เต๋าหยักหน้า

    “ไม่มีใครเขามาเอาหรอก”

    “คอยดูเถอะน่า” เต๋าทำเสียมั่นใจ

    พอเราลอยกระทงแล้ว ก็ช่วยกันวิดน้ำเพื่อให้กระทงลอยไปไกลๆเรานั่งดูกระทงกันสักพักก็มีเด็กมาจากไหนไม่รู้เอาไม้มาเขี่ยกระทงเรา สงสัยเขาจะหาเงินในกระทง

    เราหันมามองหน้ากัน

    “อย่างน้อยก็ได้ไปตั้งสองเหรียญ” เต๋าพูดกับผม

    “น้อง เอาไปแลกที่เซเว่นนะ” ผมเดินไปบอกน้องคนนั้น

    “โห!! งกทั้งคู่เลยวะ รักกันนานๆนะพี่” น้องทำเสียงเซ็งๆใส่เราสองคน

    เราสองคนหันมองหน้ากันแล้วหัวเราะ

    “คุณหมอนี่กวนเหมือนกันนะเนี่ย” เต๋าหันมาบอก

    “ตัวเองก็ใช่ย่อย” ผมหัวเราะ

    “คุณหมอ สนใจกลับด้วยกันไหม” เต๋าจับจักรยาน

    “จักรยานนี่นะ”

    “ช่วยชาติประหยัดน้ำมันไง”

    “เออ น่าสนๆนานๆทีเปลี่ยนบรรยากาศก็ดี” ผมทำหน้าสนใจ

    “แต่คุณหมอขับนะ”

    “เฮ้ย!” ผมโวยวายเมื่อเต๋ามาที่เบาะหลังรอ

    “ไปกันเลย” ผมขับรถออกไป แต่มันเซไปเซมา

    “เฮ้ย ขับจักรยานเป็นไหมเนี่ย” เต๋าเริ่มโวยวายบ้าง

    “ไม่เป็นเว้ย” ผมแกล้งตอบไป

    “สอบเข้าหมอมาได้ไงเนี่ย” เต๋าจับเอวผมเพราะกลัวตก

    “ก็หมอเขาไม่ได้ให้สอบขับจักรยานนี่หว่า” ผมตอบกลับ

    “เหรอออ กวนนักนะ” เต๋าจักจี้เอวผม

    “เฮ้ย! อย่าๆมันจั๊กจี้” ผมดิ้นไปมา

    “เฮ้ยยยยยยยยย เต๋า อย่าดิ รถจะล้ม” ผมตะโกน เต๋ายังไม่หยุดสักพักเราสองคนก็นอนอยู่ข้าง =_=”

    “บอกแล้วว่าอย่าๆ” ผมทำหน้าเบ้

    “เป็นอะไรไหมคุณหมอ”

    “เจ็บนะสิถามได้”

    “ตรงไหน” เต๋าพลิกตัวแล้วเอาโทรศัพท์มาจ่อที่หน้าผม ผมมองหน้าเขาเพราะตอนนี้หน้าเราใกล้กันมาก

    “เจ็บตรงไหน” เต๋าจ้องตาผมแล้วถาม

    “หะหัว” เสียงผมตะกุกตะกัก เต๋าเอามือมาลูบหัว

    “โนเลยอ่ะ คุณหมอ นี่เต๋ามีวิธีรักษา” ผมมองหน้าสงสัยกับวีธีรักษาของคนตรงหน้า เขาก้มลงเอาหัวมาแตะที่หัวผมแล้วทำเหมือนนวดเบาๆ สักพักผมเริ่มรู้สึก

    “เฮ้ยยยย ทำไรเนี่ย” ผมพลักเต๋าออก

    “โอ๊ย เจ็บนะ ริท” เต๋าหันมามองหน้าผมเคืองๆ

    “ทำไรเนี่ย” ผมลุกขึ้นมองหน้าเขา

    “ก็เต๋าเคยได้ยินมาว่า ถ้าหัวโนต้องประคบร้อนภายใน 24 ชั่วโมง หัวเรามีอุณหภูมิที่สูงใช่ไหมแล้วอีกอย่างเต๋าก็เป็นไข้หัวคงร้อนมากๆ

    “ก็เคยเอาหัวตัวเองมาประคบให้ริท” ผมถามออกไป

    เต๋าพยักหน้า

    “ไอ้บ้า เขาไม่เคยหรอก”

    “มันเป็นแพทย์แผนใหม่ คุณหมอยังเรียนไม่ถึงหรอก” เต๋ายังเพ้อเจ้ออยู่ ผมรำคาญอดไม่ได้ที่จะตีเขาไปสักที“โอ๊ยยยย” เต๋าร้องเสียงดัง

    “เว่อร์ละ ๆ ตีแค่นี้ร้องยังกับจะตาย” ผมปรามๆ ผมรู้สึกถึงของเหลวบนมือ

    “เฮ้ย! เต๋าเลือด” ผมมองมือตัวเอง

    “เลือดที่ไหน เลือดใคร ริทเป็นอะไร” เต๋ารีบมาจับมือผมพลิกไปพลิกมา มองที่ตัวผม

    “ไม่ใช่เลือดริท เลือดเต๋าตังหาก” พอผมพูด เต๋ารีบสำรวจตัวเอง ที่ไหล่มีเลือดไหลออกมา

    “เออ เลือดออกจริงๆด้วยวะ”

    “ริทว่าเรารีบไปทำแผลเถอะ เลือดออกเยอะแล้ว” เราสองคนขับมาที่คอนโดผมเพราะมันใกล้ที่สุด

    ณ คอนโด

    “มาเดี๋ยวริททำแผลให้” ผมเดินไปเอากล่องยา พอกลับมา

    “ถะถอดเสื้อทำไม” ผมมองเต๋า

    “อ้าว ก็แผลมันอยู่ข้างใน ถ้าไม่ถอดคุณหมอจะทำแผลได้เหรอ” เต๋าหันมาบอก

    “ริทกลัวเลือดนี่หว่า ดูหน้าซีดเชียว” เต๋าลูบแก้มผม

    “ปะเปล่าใครว่ากลัว เป็นหมอจะกลัวได้ไง” ผมปัดมือเขาออก

    “จริงเหรอ” เต๋าเดินมาใกล้ผมเรื่อยๆมองหน้าแล้วยิ้ม

    “ยิ้มอยู่นั่นแหละ หันแผลมาดิจะให้ทายาให้”

    “ไปโดนอะไรวะ เลือดออกด้วย” เต๋าพึมพำ

    “สงสัยจะเป็นไม้แถวๆนั้น” ผมตอบ มือผมสั่นๆ

    “โอ๊ย” เต๋าโวยวาย

    “ยังไม่โดนเลย” ผมบอก

    “ฮ่าๆซ้อมไว้” เต๋าหัวเราะ ผมหมั่นไส้เลยกดไปที่แผลเต็มที

    “โอ๊ยยยยย” ผมไม่สนใจเสียงเจ็บปวด ทำแผลต่อไป

    “อ่ะ เสร็จแล้ว”

    “คิดว่าจะตายซะแล้ว”

    “บ้า แผลแค่นี้ไม่มีใครเขาตายกันหรอก”

    “มา ถึงตาริทแล้ว” เต๋าหันหน้ามามองผม

    “อะไร ริทไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”

    “ก็หัวไง” ผมเขยิบหนี

    “ไม่เป็นไร” เต๋าขยับมาแล้วจับไหล่ผมไว้

    “อย่าหนีสิ เดี๋ยวไม่หายนะคุณหมอ”

    “ว่าแต่ ใส่เสื้อก่อนดีกว่าไหม” ผมบอก

    “ทำไม คุณหมอหวั่นไหวรึไง” เต๋าทำหน้าทะเล้น

    “จะบ้าเหรอ” ผมหันหน้าหนี

    “ทำไมต้องหันหน้าหนีด้วยละ” เต๋ายังแหย่ผมต่อ

    “กลับบ้านไปได้แล้วไป มันดึกแล้ว” ผมลุกขึ้นหนี

    “อะไรไล่กันเหรอ เต๋าไม่กลับจนกว่าจะได้ทำแผลให้ริท”

    “แค่หัวโน ไม่ต้องทำแผลหรอก”

    “งั้นแบบนี้ก็ได้” เต๋ามามือมานวดที่หัวให้ผม

    “โอ๊ย เจ็บนะ” ผมบอก

    “อดทนหน่อยสิ คุณหมอ” เต๋านวดให้ผมไปสักพัก เราสองคนจ้องหน้ากันใจผมเริ่มเต้นแรง

    พรึ่บ!!

    “เฮ้ย/เฮ้ย” เราสองคนร้องออกมาพร้อมกันเมื่อไฟดับ พอรู้ตัวอีกทีเราก็กอดกันแน่น

    “เต๋า เต๋า” ผมเรียกเขา

    “น่ากลัวว่ะ” เต๋าพึมพำ

    “เต๋ากลัวด้วยเหรอเนื่ย” ผมหัวเราะ

    “พูดยังกับริทไม่กลัว” เต๋าหันมาถาม

    “ปล่อยได้ยัง” ผมถามเพราะมือเขายังกอดแน่น

    “กะก็เต๋าเห็นว่าริทกลัวผีไง”เต๋าบอก

    “ใครบอกว่าริทกลัว” ผมทำเสียงเข้ม

    ปั้งๆๆ!!

    “เฮ้ย! เสียงอะไรนะ” คราวนี้เป็นผมเสียเองที่โผกอดเขาแน่น

    “พลุ” เต๋ากระซิบข้างหูผม

    ผมคลายอ้อมกอดและหันไปมองหน้าเขา

    “ขนาดไม่กลัวนะเนี่ย” เต๋าลูบหัวผม

    ผมยิ้มๆ

    “ไปดูประทัดกันเถอะ” เต๋าชวน

    เราสองคนออกมานั่งที่ระเบียง แล้วดูพลุมันสวยมากๆ จนทำให้ผมนึกถึงใครบางคนผมนั่งมองแล้วยิ่งคิดถึงปีที่แล้วที่ได้นั่งดูพลุกับเขาแต่ต่อไปมันคงไม่มีภาพนั้นเกิดขึ้นอีกแล้ว ที่เหลืออยู่คงเป็นแค่ภาพความทรงจำ

    “เฮ้ย เป็นไรทำหน้าอย่างกับจะร้องไห้” เต๋ากอดคอผม

    “เปล่าๆ” ผมส่ายหัว

    “จำวันแรกที่เราเจอกันได้ไหม” เต๋าหันมาถาม

    “เมื่อวานนะเหรอ” ผมพยักหน้า

    “ไม่ใช่” เต๋าส่ายหัวไปมา

    “อ้าว วันไหนละ” ผมทำหน้างง

    “เมื่อ 2ปีก่อน” เต๋ายิ้มๆ

    “อ๋อ ตอนไหนวะ” ผมพยักหน้า

    “ที่ห้องน้ำไง”

    “ฮะ!O_O+

    “ก็วันที่เราเจอกันครั้งแรกเต๋าเห็นริทที่หน้าห้องน้ำ เราเดินชนกันที่นั่น ตอนนั้นรู้สึกว่า” เต๋าหันมามองหน้าผม

    “ว่าอะไรละ” ผมมองหน้าเขากลับ

    “คนอะไรน่ารักจังวะ” เต๋ายิ้มๆ หน้าผมร้อนผ่าวขึ้นมาทันที

    “แล้วไงต่อ” ผมถาม

    “แล้วจากนั้นเราก็เจอกันอีกที่ประกวดดาวเดือนที่คณะแพทย์”

    “ฮะ ทำไมวันนั้นริทไม่เจอเต๋าเลยละ เจอกันอีกทีวันประกวดของมหาวิทยาลัย”

    “จะเจอได้ยังไงล่ะ ก็ผมแอบมองคุณหมออยู่หลังเวที” เต๋ายักคิ้ว (คนอะไรกวนจังแหะ)

    “ไปทำอะไรหลังเวที เขาไม่ให้คนนอกเข้า”

    “ก็ไปแอบดูคุณหมอเปลี่ยนเสื้อผ้าไง” เต๋าจ้องผมอย่างกับจะกิน

    “บ้า หื่นนะนายเนี่ย”

    “ก็คุณหมอผิดเองดันเกิดมาน่า

    “เฮ้ย น่าอะไร” ผมรีบถาม

    “น่ารักไง” เต๋าหัวเราะ

    “คุณหมอล่ะเจอผมครั้งแรกตอนไหน”

    “วันประกวดดาวเดือนมหาวิทยาลัยที่นายมาเป็นช่างภาพมั้ง” ผมทำท่านึก

    “แล้วเป็นไงบ้าง ตอนเจอกันครั้งแรก” เต๋าขยับมาใกล้ๆผม

    “รู้สึกว่า อืมคนบ้าอะไรขาวยังกับแวมไพร์ ดูสิตัวเย็นซะขนาดนี้” ผมจิ้มไปที่แขนเต๋า

    “ตอนนี้แวมไพร์อยากกัดคอคุณหมอจังเลย” เต๋ากระซิบข้างๆหูผม

    “ริทยังไม่อยากเป็นแวมไพร์ไปด้วยอ่ะ” ผมยิ้ม เราสองคนสบตากัน

    “ถ้าวันนั้นเต๋ากล้ากว่านี้ก็คงจะดี” เต๋าซบลงที่ไหล่ผม ผมไม่รู้จะทำอย่างไง นั่งฟังเขาต่อไป

    “ถ้าวันนั้นทำอะไรอย่างที่ใจอยากจะทำ วันนี้เราคง” ผมหลับตานึกถึงวันนั้น

    เมื่อ 2 ปีก่อน...

    “คุณหมอครับขอถ่ายรูปหน่อย” เสียงเข้มๆดังขึ้นข้างหลัง ผมหันไปเจอคนคิ้วหนา ปากแดงผิวขาวซีดยังกับเป็นผิวเผือก =.="

    ผมหันไปยิ้ม ในใจรู้สึกแปลกๆกับคนคนนี้เหมือนกัน

    “คุณหมอยิ้มหวานจัง”ผมมองหน้าเขา ทำไมคำชมนั้นมันมีความหมายจังนะ

    “คุณหมออยู่เฉยๆก่อน” เต๋าเอามือมาจับที่แก้มผม ผมมองหน้าเขา

    “โทษทีนะ อะไรติดไม่รู้ เป็นผู้ชายแท้ๆทำไมแก้มนุ่มจังนะครับคุณหมอเรืองฤทธิ์” เต๋าก้มมองที่ป้ายชื่อ

    “ชื่อเพราะเนอะแปลว่ามีฤทธิ์เยอะเหรอ”

    “ไม่รู้สิ ประมาณนั้นมั้งแล้วคุณตากล้องชื่ออะไรล่ะ” ผมถาม

    “ชื่อเต๋าครับ สารสนเทศอินเตอร์”

    “เด็กอินเตอร์เหรอเนี่ย” ผมมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า

    “ก็ไม่น่าเชื่อพอๆกับที่ริทเป็นหมอนั่นแหละ” เขาพูดและรัวชัตเตอร์

    “หน้าตอนงงๆกับสายตาแบบนี้มันชวนให้หลงใหลนะครับ”

    “ฮะ” ผมทำเสียงตกใจและเขยิบออกมา ไม่เคยมีใครพูดและทำให้ผมใจเต้นรัวแบบนี้มาก่อน

    “น่าจะเปลี่ยนเป็นหลงริท มากกว่าเรืองฤทธิ์นะเนี่ย”

    เอ่อ ผมไม่รู้จะพูดว่ายังไง เสียงชัตเตอร์ดังอีกรอบ แต่ยังดังไม่เท่าเสียงหัวใจของผม

    “หน้าแดงแบบนี้ สายตาตกใจแบบนี้น่ารักมากเลยนะ” เต๋ายื่นหน้ามาใกล้ๆผมหลับตาลงเพราะอะไรก็ไม่รู้

    “เชิญน้องๆขึ้นเวทีดีเลยนะครับ” เสียงนั้นทำให้ผมลืมตาและรีบลุกไป

    “โชคดีนะครับ คุณหมอ” เต๋าบ๊ายบายให้ผม

    ผมได้แค่ยิ้มเก้อๆทั้งๆที่เจอกันครั้งแรกแต่กลับรู้สึกดีได้อยู่ใกล้ๆคนคนนี้

    แล้วเราก็ไม่ค่อยได้คุยกันจริงจังเท่าไหร่ ก็แค่ทักทายเมื่อเจอหน้าตามปกติเหมือนคนทั่วไป จนผมเข้าประกวดเดอะสตาร์

    ………………………………………………………………………….

    “ก็ริทเป็นถึงเดือนคณะแพทย์นี่ ใครจะกล้าเข้าไปคุยด้วยละ” เสียงเต๋าทำให้ผมลืมตาหลุดออกจากภวังค์

    “ไม่เห็นเกี่ยวเลย ริทเดือนแพทย์ริทเดอะสตาร์ยังไงก็คือริทอยู่ดี” ผมหันไปบอก เต๋าประคองหน้าผมและก้มลงมาประทับริทฝีปากอย่างแผ่วเบา ลิ้นร้อนค่อยๆสอดสัมผัสผ่านริมฝีปาก ผมจูบตอบเราสองคนหลับตารับรู้ความรู้สึกที่ส่งให้กัน

    “ถ้าวันนั้นเต๋ากล้าทำแบบนี้ วันนี้เราคง” เต๋าบอกหลังจากที่ถอนริมฝีปากออก

    “วันนี้มันสายไปแล้วละ” ผมบอก

    “เราต่างคนต่างก็”เต๋าก้มลงมาจูบผมอีกครั้ง เหมือนไม่อยากให้ผมพูดความจริงที่เราต้องยอมรับออกมา

    “แค่วันนี้ วันนี้วันเดียวไม่ได้เหรอ” เต๋ามองหน้าผม

    “แต่” ผมบอก

    “ที่ผ่านมามันเจ็บนะที่ต้องทนแอบมองโดยที่ไม่ทำอะไร คุณหมอพอจะเข้าใจความรู้สึกของเต๋ารึเปล่า” เต๋ากอดผม

    “เข้าใจสิเพราะที่ผ่านมาฉันก็รอนายเหมือนกัน” ผมบอกออกไป ตอนนี้เราสองคนนั่งอยู่บนเตียงเสื้อของผมถูกถอดออกตอนไหนก็ไม่รู้ เต๋ากำลังซุกไซร้ที่ซอกคอของผมและร่างกายที่ถูกเขาสัมผัสก็เริ่มร้อนไปหมด

    “อื้อ” ผมส่งเสียงเมื่อเขาสัมผัสที่ยอดอก

    “คุณหมอสวยจัง” เต๋ามองหน้าผม ผมเบือนหน้าหนีแก้มร้อนผ่าว

    คิดถึงฉันสักครั้ง เมื่อไม่ได้คิดถึงใคร เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผมมองหน้าเต๋า เต๋าเลื่อนมือไปปิดโทรศัพท์

    ผมมองหน้าเขาอย่างตกใจ

    “คืนนี้ไม่มีริท เดอะสตาร์ ไม่มีเต๋า เอเอฟ ไม่มีคนในโทรศัพท์และไม่มีคนบนหัวเตียง เต๋ายื่นมือไปคว่ำรูปลงโอเครึเปล่า คืนนี้ขอมีแค่เราจะได้ไหม” เต๋าทำสายตาเว้าวอน

    ผมมองรูปที่หัวเตียงและพยักหน้าพร้อมทั้งโอบกอดคนบนร่างอย่างแนบชิด

    “ขาวจริงๆนะนายเนี่ย แถมยังตัวเย็นเฉียบ” ผมกระซิบข้างหูเขาบ้าง

    “ถึงตัวจะเย็นแต่กอดผมอุ่นนะ” เต๋ากอดผมและเลื่อนมือลงมาเรื่อย

    “ยะอย่า พอแค่นี้เถอะเต๋า” ผมบอกก่อนที่เราจะเกินเลยไปมากกว่านี้

    “ตอนนี้แวมไพร์อยากกินริทจริงๆนะ” เต๋าขบเม้มที่ซอกคอผม

    “บอกแล้วไงว่าไม่อยากเป็นแวมไพร์ไปด้วย เข้าใจริทเถอะนะ ริทแค่ไม่อยากให้มันมากไปกว่านี้” ผมบอก

    “ก็ได้ๆ” เต๋าเลื่อนมือขึ้นมาประคองหน้าผมและจูบอีกครั้ง เราสองคนนอนกอดกัน

    “อิจฉาเขาจังเลยที่มีคนรักดีๆแบบนี้ริทคงรักเขามากสินะ” เต๋าบอก

    “ก็คงพอๆกับที่นายรักคนในโทรศัพท์ละมั้ง” ผมจับมือเขาที่กอดผม

    “ทะเลาะกันเรื่องอะไรเหรอ” เต๋าถาม

    “เวลามันไม่ตรงกัน พอมีปัญหาเลยคุยกันยาก ช่างเถอะเดี๋ยวคงดีขึ้นอย่าไปพูดถึงมันเลย แล้วเต๋าละ”

    “เหมือนกันนั่นแหละ” เต๋ากอดผมแน่นขึ้น

    “คอคุณหมอมีรอยแนะ เจ็บรึเปล่า” เต๋าลูบที่คอผม

    “พรุ่งนี้ไม่มีเรียน ช่างเถอะถือซะว่ารอยแวมไพร์”

    “ขอโทษนะ” เต๋าบอก สายตาเขาเหมือนรู้สึกผิดมากๆ

    “ไม่ให้อภัย” ผมมองหน้าเขา เขาก้มหน้า

    “ถ้าไม่ให้กัดคืน” ผมก้มไปขบเม้มที่ซอกคอขาวๆกลับ

    “โอ๊ะ เจ็บนะคุณหมอ” เต๋าโวยวาย

    “ทีนี้เข้าใจความรู้สึกของคนที่ถูกแวมไพร์กัดรึยังล่ะ” เต๋าส่ายหน้า

    “อยากให้คุณหมอกัดทั้งตัวจัง เผื่อผมจะได้หายเป็นแวมไพร์” เต๋ายิ้ม

    “แล้วริทจะได้เป็นต่องั้นเหรอ ไม่เอาหรอก”

    ��������������� เราสองคนนอนคุยกันต่อ จนเผลอหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พอรู้ตัวอีกทีก็เช้าซะแล้วผมลืมขึ้นมาในอ้อมกอดเต๋า ผมค่อยๆยกแขนเขาออกและดึงตัวมาจากอ้อมกอด

    “ขออีกนิดเถอะนะ” เต๋าลืมตาและกอดผมอีก

    “เช้าแล้วนะ ตื่นได้แล้ว” ผมบอก

    “อย่างน้อย morning kissก็ยังดี” เต๋าเอ่ย ผมพูดและทำตามที่เขาขอแต่ครั้งนี้เป็นเพียงแค่ริมฝีปากแตะกันเท่านั้น

    “เช้านี้ต้องกลับมาเป็นริท เดอะสตาร์และเต๋า เอเอฟแล้วใช่ไหม” เต๋าบอก

    “ใช่” ผมบอกเต๋าแล้วลุกขึ้น เต๋าลุกตามมา

    “เราเป็นเพื่อนกัน ต่อไปนี้มีอะไรก็จะปรึกษากันใช่ไหม”

    “อื้ม” ผมพยักหน้า

    “ไป ถ้างั้น” เต๋าจูงมือผม

    “ปะไปไหน” ผมอึกอัก

    “ไปอาบน้ำ เป็นเพื่อนกันอาบน้ำด้วยกัน ปกติจะตายไป”

    “เฮ้ย!!” ผมตกใจ

    “เถอะน่า คุณหมอ” เต๋าดึงผมเข้ามาในห้องน้ำ เราสองคนอาบน้ำกันจนเสร็จพอออกมาแต่งตัว

    “มิน่าล่ะ สาวๆถึงได้กรี๊ดเต๋าเอเอฟกันทั้งนั้น” ผมมองเต๋ายิ้มๆ เขาหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัดอาจเป็นเพราะผิวละมั้งที่ทำให้ดูไม่ยาก

    “คุณก็ใช่ย่อย ทั้งหนุ่มทั้งสาวถึงได้หลงใหล เมื่อคืนไม่น่าปล่อยไปเลย” เต๋ากระซิบ

    “พอเลยๆเราเป็นเพื่อนกันนะ” ผมรีบพูดและทำเสียงดุ

    “ครับ เข้าใจแล้วครับ ต่อไปผมจะไปนอกใจแฟนแล้ว โอเคไหม”

    “ดีมาก” ผมบอก

    “แต่คุณหมออย่าไปนอกกายแฟนล่ะ” เต๋ายังแหย่ไม่เลิก

    “นี่ แฟนริทเป็นนักมวยนะ” ผมชี้หน้าเขา

    “ครับ ผมไม่กล้าแหยมหรอก”

    “แฟนผมก็มีอะไรที่สุดยอดเหมือนกัน”

    “นายนี่ทะลึ่งได้ตลอดเวลาเลยนะ” ผมบอก

    ��������������� หลังจากนั้นผมก็ไปส่งเต๋าถึงผมจะยังรู้สึกดีกับเขามากๆแต่มันก็เป็นแค่ความรู้สึกต่อเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น ถึงแม้บางครั้งมันอาจจะเกินเลยไปบ้างจะเพราะอะไรก็ตามแต่พอเราหลับตาและนึกถึงคนที่เรารักจริงๆแล้วละก็ต่อให้เผลอใจขนาดไหนก็กลับมาได้ เชื่อสิ ถ้าเรารักคนของเรามากพอผมก็คิดว่าเต๋าคิดแบบเดียวกับผมถึงเราจะไม่ใช่คนที่ดีสักเท่าไหร่แต่เราก็ไม่ร้ายพอที่จะทำให้คนที่รักเราเสียใจ มันอาจเป็นเพียงวูบหนึ่งของความรู้สึกเท่านั้น และผมจะไม่ยอมให้วูบหนึ่งมาทำลายความสัมพันธ์และความรักที่เราอุตส่าห์สร้างมาแน่นอน

    …………………………………………………………………………………….

    Special Tao Rit (part tao)

    หลังจากที่ผมทำให้คชาหายงอนได้เราก็เลยมาออกงานคอนเสิร์ตด้วยกัน ในห้องแต่งตัวไม่มีใครอยู่แล้ว

    “เต๋าเดี๋ยวคชาขึ้นเวทีก่อนนะ”คชาหันมายิ้มๆให้ผม

    “เดี๋ยวๆ” ผมดึงมือคชาเอาไว้

    “มีอะไร” คชาเลิกคิ้วมอง

    “มาหอมแก้มก่อนดิ คิดถึง” ผมแตะที่แก้ม

    “คิดถึงอะไรอยู่ด้วยกันทั้งคืน” คชาหอมแก้มผมแล้วเดินออกไป

    “แหมๆหวานกันจริงๆเลยนะ” ผมมองหาต้นเสียง

    “คุณหมอ” ผมยิ้มเมื่อเห็นเขา

    “ไม่ได้ตั้งใจมาแอบดูหรอกนะ แต่พอดีต้องมาเตรียมตัวร้องต่อ” ริทยิ้มหวานเหมือนเคย

    “คิดถึงงงงงงงงงงงง” ผมกอดริท

    “เฮ้ย ปล่อยๆแฟนเพิ่งออกไปเมื่อกี้เอง” ริทหัวเราะร่า

    “โทษทีๆ จะเจอต่อยไหมเนี่ย” ผมมองไปรอบๆ

    “ยังไม่เข้ามา ถ่ายรูปอยู่ข้างนอก” ริทเอ่ย

    “เฮ้อ ค่อยยังชั่ว” ผมถอนหายใจทันที

    “กลัวเหรอเนี่ย” ริทจับหัวผม

    “ก็แฟนคุณหมอเป็นนักมวยนะครับ ใครจะกล้า” ผมหัวเราะ

    “ทีวันนั้นละกล้า” ริทยักคิ้ว

    “ก็วันนั้นคุณหมอเซ็กซี่ซะขนาดนั้น” ผมกระซิบข้างหู

    “ริท” เสียงที่ผมกลัวที่สุดดังขั้น ผมเรีบเด้งตัวออกมา

    “อ้าวคิดว่าอยู่คนเดียว” พี่โตโน่มองหน้าผม

    “สะสวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้

    “เออ” พี่โน่ทำเสียงเข้มแต่รับไหว้

    “นี่ไงเต๋าที่ริทบอก” ริทแนะนำ

    “อ่อ คนนี้เองเหรอ” พี่โน่เดินเข้ามาผมเดินถอยหลัง

    “อ้าวจะถอยไปไหน มีเรื่องจะคุยด้วย”” พี่โน่มองหน้า
    “คะครับ มีอะไรครับ” ผมก้มหน้า

    “เรื่องคืนนั้นนะ

    “คะคือ คืนนั้นผมขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ผมรีบบอก

    “เฮ้ยไม่เป็นไร จะบอกว่าขอบใจที่อยู่เป็นเพื่อนริท และทำให้ริทเข้าใจพี่” พี่โน่แตะที่บ่าผม

    “อ่อ คะครับไม่เป็นไรเพื่อนกันช่วยกันได้” ผมบอก

    “งั้นพี่ไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ” พี่โน่ยิ้มแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ ผมมองหน้าริท

    “เป็นไร หน้าซีดเชียว” ริทยิ้มแล้วเช็ดเหงื่อให้ผม

    “คะคุณหมอ เราอยู่ห่างๆกันจะดีกว่า” ผมเดินหนี

    “ฮ่าๆทำไมล่ะ ว่าจะมาชวนเป็นกิ๊กกันสักหน่อย”

    “เต๋าว่าอย่าดีกว่า” ผมเดินออกมาจากห้อง

    “เต๋าเป็นไรหน้าซีดเชียว” คชาจับที่หน้าผม

    “คชา” ผมกอดเขาแน่น อบอุ่น น่ารัก ไม่ต้องกลัวใครต่อยด้วย

    “เป็นไร” คชายังไม่ทันจะพูดอะไรผมก็ชิงจูบเขาซะก่อน

    “รักคชานะ รักคชาคนเดียว” ผมกระซิบ

    “คชาก็รักเต๋า” เรากอดกัน

    “อะแฮ่มๆ” เสียงไอนั้นทำให้ผมหันไปมอง

    “หวานตลอดๆ” ริทแซว ผมยักคิ้ว

    “อิจฉาเขาจังเขารีบไปร้องเพลง แล้วกลับไปทำแบบนั้นกันที่คอนโดเถอะ” พี่โน่บอกแล้วหันไปบอกริท เราทั้งหมดมองหน้ากันหัวเราะออกมา

    ������������ ถึงผมจะเหลวไหลไปบ้างแต่ผมก็ไม่มีทางทำให้คนที่รักผมและคนที่ผมรักเสียใจหรอกนะครับตอนนี้ในหัวใจผมมีแต่เขาคนนี้คนเดียวคชา

    The EnD

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×