ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟิคสั้น โน่ริท

    ลำดับตอนที่ #15 : เปลี่ยนแฟนหลายหนไม่ใช่คนหลายใจ ตอน แฟนคนแรก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 557
      2
      4 มิ.ย. 55




    ไม่ว่ารักว่าเลือกคนไหนฉันทุ่มลงไปทุกๆอย่าง

    แต่จบทุกครั้งให้ทำอย่างไร

    “อะริท ของชำร่วยงานแต่งงานพี่รุจ เขาฝากมาให้มึงอันนึง” เสียงกันดังขึ้น

    “นี่มึงจะเยาะเย้ยกูรึไง ไอ้กัน” ผมว่า

    “เปล่า ก็เขาฝากมาให้จริงๆนี่หว่า”

    “ไม่เอา เอาไปทิ้งเลย เอาไปทิ้งให้หมด ของมึงก็ไม่ต้องเอา” ผมแย่งของชำร่วยมาจากมือมันแล้วเอาไปทิ้งลงถังขยะ

    “อะไรวะ นั่นของกู เขาให้กูมานะเว้ย แล้วกูก็อยากได้ด้วยน่ารักจะตาย”

    “ไอ้กันถ้ามึงไม่ทิ้ง มึงย้ายของออกไปจากห้องเลย” ผมชี้นิ้วไปที่ประตู

    “อะไรของมึงวะ แล้วอีกอย่างมึงเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า นี่ห้องกู มึงย้ายเข้ามาเอง” ก็จริงของมันเพราะผมย้ายเข้ามาอยู่กับมันหลังจากที่ผมเสียใจเรื่องพี่รุจ อยู่คนเดียวแล้วมันฟุ้งซ่าน นอนไม่หลับเลย

    “เออ โทษที ก็กูไม่อยากเห็นของพวกนั้นนี่หว่า มันเจ็บนะเว้ย” ผมก้มหน้าลงทันที

    “อะไรวะ ไหนมึงสัญญากับกูแล้วว่าจะไม่ร้องไห้เพราะเขาอีก” กันเดินเข้ามากอดคอผม

    “เออ กูรู้ ไม่ร้องไห้แล้วนี่ไง” ผมยิ้มให้มัน

    “ต้องอย่างนี้สิวะ ถึงจะเป็นริทตัวจริง” กันหยิกแก้มผม

    “ไปอาบน้ำได้แล้วไป กูจะนอนแล้ว” ผมบอกกัน

    “วันนี้กูต้องนอนโซฟาอีกเหมือนเดิมใช่ไหม” ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ด้วยกันผมก็ให้มันไปนอนที่โซฟาเพราะว่าเตียงมันแคบ ผมนอนคนเดียวก็จะเต็มแล้ว ทั้งๆที่มันเป็นเจ้าของห้อง=.=”

    “ก็ตามนั้นแหละมึง ชินได้แล้วนะ ฝันดีเว้ย” ผมบอกแล้วเข้าไปนอน แต่นอนยังไงมันก็ยังนอนไม่หลับ พอหลับตาก็นึกถึงแต่หน้าพี่รุจ

    “กันมึงหลับรึยังวะ” ผมหอบหมอนกับผ้าห่มออกมา

    “กันลุกขึ้นมาเปิดไฟ”

    “ไอ้เชี่ย เปิดไฟทำไมแสบตา” ผมหรี่ตาลง

    “อ้าว ไอ้นี่ก็กูเห็นเมิงเดินมา แล้วถือไรมา อ๋อมึงสงสารกูจะให้กูไปนอนบนเตียงแล้วมึงจะมานอนโซฟาเหรอ” มันกำลังจะลุกไปนอนที่เตียง

    “บ้า กูจะมานอนตรงนี้กับมึง” ผมนั่งลงบนโซฟา

    “แล้วกูละ”

    “นอนพื้น”

    “กวนตีนแล้วมึง”

    “อ้าว ก็กูนอนไม่หลับนี่หว่า”

    “เออ พื้นก็พื้นวะ นี่ถ้ามึงไม่อกหักนี่กูไม่ยอมขนาดนี้นะเนี่ย” มันเอาผ้ามาปูที่พื้นแล้วลงไปนอน ผมนอนบนโซฟา

    “ตอนที่กูมานอนที่นี่คืนแรกๆ ตอนกูนอนไม่หลับมึงทำยังไงจำได้ไหม”

    “เออ กูร้องเพลงให้เมิงฟัง”

    “ตอนนี้กูอยากฟัง”

    “แต่กูจะนอน พรุ่งนี้กูสอบร้องเพลงตั้งแต่เช้า”

    “เรื่องของมึง กูไม่มีเรียน” ผมบอกแล้วหัวเราะ

    “ไอ้ริท” มันลุกขั้นมามองหน้าผม

    “ก็ถือซะว่ามึงซ้อมไปร้องพรุ่งนี้ เอาเพลงที่มึงสอบอะ ไปๆไปปิดไฟแล้วมาร้องเพลง” ผมนอนลงต่อ มันปิดไฟแล้วกลับมานั่งข้างๆโซฟา

    “ไปเถิดทั้งคู่ ไปสู่ประตูสวรรค์” เพลงที่มันร้องขึ้นมาทำเอาผมต้องลุกขึ้นมาตบหัวมันไปหนึ่งที

    “ไอ้เชี่ยกัน กวนตีนและมึง พรุ่งนี้มึงสอบเพลงนี้เหรอ”

    “เจ็บนะเว้ย ก็กูเห็นมึงกำลังอิน” มันลูบหัวตัวเองเบาๆ

    “อินบ้านมึงสิ ร้องดีๆ”

    “ฉันอยากจะย้ำ อีกสักครั้ง ให้เธอฟังฉัน อีกสักครั้ง แต่อยากจะย้ำ อยากจะย้ำ จนเธอนั้นมั่นใจ”

    “เดี๋ยวกันพรุ่งนี้มึงจะสอบเพลงนี้เหรอ”

    “เปล่า กูเห็นมึงชอบ เอากีต้าร์มาดีดด้วยไหม”

    “ไม่เป็นไร ดีนะนี่ที่กูมีเพื่อนเป็นนักร้องของหมาวิทยาลัย”

    “นอกจากกูเสียงเพราะแล้วยังหล่อด้วยใช่ไหม”

    “เออ แต่ดำไปไปหน่อย”

    “เชี่ย กูไม่ร้องละ”

    “โอ๋ๆ พ่อขาว พ่อสว่าง พ่อออร่า”

    “ต้องอย่างนี้สิวะ มึงจริงใจกับกูจริงๆ”

    “ร้องต่อเถอะ ชอบตอนมึงร้องเพลงมากกว่าพูด” ตอนพูดมันกวนตีนสุดๆ

    “ถึงต่อให้นาน อีกนานสักเท่าไรก็อยากให้เชื่อใจ ว่าฉันรออยู่ และฉันจะรอต่อไป อย่างที่ได้เคยบอกไว้ จะรอเธอ”

    “เออริท ไอ้นี่มันก็ดูเป็นคนใช้ได้นะ แล้วแกไปเป็นแฟนกับมันตอนไหนวะ” พี่โน่ถามอีกแล้ว

    “หลังจากนั้นอีกสักพัก”

    “ริทรอแป๊ปนึงนะ เดี๋ยวกันไปซ้อมร้องเพลงก่อน” กันบอกผมก่อนจะเดินเข้าไปในห้องซ้อม

    “สวัสดีครับเป็นเพื่อนพี่กันเหรอครับ” พอกันเดินเข้าไปก็มี ผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาทักผม

    “ครับ” ผมตอบแล้วยิ้มให้เขา

    “เฮ้ย เข้ามาร้องสักทีเขารอมึงกันอยู่นะ” กันออกมาเรียกเพื่อน

    “เดี๋ยวสิ ผมขอคุยกับเพื่อนพี่ก่อน”

    “สวัสดีครับ ผมชื่อ

    “ไม่ต้องเลยมึง เข้ามาซ้อม” กันเดินมากอดคอรุ่นน้องคนนั้นแล้วเดินเข้าไปซ้อม

    ผ่านไปสักพัก คนเริ่มทยอยกันออกมาจากห้อง

    “เพื่อนพี่กันเหรอคะ เรียนหมอด้วย น่ารักจังเลย” ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาทักผม

    “ครับ” ผมยิ้มตอบ ผมรู้สึกว่ากันมีเพื่อนเยอะจัง ส่วนผมไม่ค่อยมีเพื่อนเลย

    “กินขนมด้วยกันไหมคะ” เธอยื่นขนมมาให้ผม

    “ไปริท เสร็จแล้ว” กันดึงมือผมเดินตามเขาไป

    “เดี๋ยวสิพี่กัน นทยังคุยกับเพื่อนพี่ไม่เสร็จเลยนะ ชื่อพี่ริทเหรอคะ” ผู้หญิงคนนั้นเดินตามมา

    “นทเอาไว้วันหลังพี่รีบ ไปนะ”

    “เดี๋ยวดิพี่ ถ้านทไม่รู้ว่าพี่ริทเป็นเพื่อนกับพี่กัน นทคงคิดว่าพี่ริทเป็นแฟนกับพี่กันแน่ๆเลย หวงซะขนาดนี้” ผมหันไปมองหน้ากัน

    “เออ แฟน พอใจยังไปละนะ” กันดึงมือผมมาขึ้นรถ

    O-O” หน้าน้องนท

    O^O” หน้าผม

    “กัน” ผมเรียกมันที่กำลังขับรถอยู่

    “ว่าไง มึงไม่ต้องไปใส่ใจคำพูดเมื่อกี้หรอก กูแค่อยากกลับไวๆนะ”

    “อ่อ กูก็ตกใจหมด” ผมถอนหายใจ

    “ตกใจทำไม เป็นแฟนกับกูมันไม่ดียังไงวะ” กันหันมาถามผม

    “ไม่ใช่ไม่ดี”

    “แล้วมึงตกใจทำไมวะ”

    “อ้าว ไอ้นี่ก็อยู่ดีๆมึงก็พูดแบบนั้น”

    “ไม่ได้อยู่ดีๆเว้ย แต่กูคิดจะพูดมานานแล้ว”

    “เฮ้ย ไอ้กัน”

    “ทำไม โดยเฉพาะวันนี้”

    “วันนี้ทำไม” มันขับรถมาจอดที่คอนโด

    “เดี๋ยวถึงห้องก็รู้เองแหละ” ผมมองหน้ามันอย่างงงๆ พอเปิดประตูเข้าไปในห้องถูกจัดด้วยลูกโป่งสีสวย

    “มึงเล่นอะไรของมึงอีกวะ” มันดันหลังผมให้มานั่งที่โต๊ะกินข้าว แล้วมันก็หายไปในครัว

    พรึ่บ ไฟดับลง

    “ไอ้กันไม่เล่นนะเว้ย กูกลัว”

    “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทูยู……..” มันถือเค้กพร้อมจุดเทียนเดินออกมา

    “อธิษฐานสิ” กันกระซิบข้างๆหูผม ผมหลับตาอธิษฐานแล้วเป่าเทียน กันเดินไปเปิดไฟ

    “กูลืมไปแล้วนะเนี่ยว่าวันนี้วันเกิดกู” ผมมองที่ปฎิทิน

    “กูว่าแล้ว เห็นมึงเรียนหนัก ตัดเค้กดิ เร็วๆกูหิว” 

    “ตกลงซื้อมาให้กู หรือกะกินเอง”

    “ทั้งสองอย่าง” มันพูดพร้อมๆกับตัดเค้กเข้าปาก

    “ขอบใจมากนะ มึงทำอะไรเพื่อกูตั้งหลายอย่างกูไม่มีอะไรตอบแทนมึงเลย เอาไว้วันเกิดมึงแล้วกันนะ” ผมพูด

    “ถ้ามึงจะตอบแทนกู ก็ตกลงเป็นแฟนกับกูสิ”

    “ยังจะเล่นอีก ไอ้นี่”

    “กูไม่ได้ล้อเล่น กูอยากเป็นแฟนกับมึงจริงๆ” กันจ้องหน้าผม

    “เอาจริงเหรอมึง ลองดูก็ได้” ผมพยักหน้า

    “อ้าวไอ้เตี้ย แกนี่ใจง่ายจริงๆเขาพูดแค่นั้นแกก็ยอมแล้วเหรอ ตอบแทนเพื่อนภาษาอะไรวะ ขอเป็นแฟนเฉยเลย ไอ้กาคาบถ่านนี่แผนสูงวะ ” พี่โน่ชี้หน้ากันในรูป

    “ไหนตอนแรกบอกคนนี้ใช้ได้ไง”

    “ใช้ไม่ได้แล้วเว้ย เซ็ง เล่ามาๆ”

    แล้วจากนั้นเราก็คบกันจริงๆ กันย้ายมานอนบนเตียงกับริท ถึงเตียงจะแคบแต่เราก็นอนเบียดกันได้

    “เดี๋ยวนะเตี้ย นอนด้วยกันอีกแล้วเหรอ” พี่โน่มองหน้าผม ผมพยักหน้าตอบ

    “จะฟังต่อไหม”

    “เออ” พี่โน่ทำเสียงเหมือนไม่ค่อยพอใจ

                    ช่วงแรกๆเราก็ทำตัวเหมือนเดิม แต่กันดูแลผมมากขึ้น ช่วงนั้นผมเรียนหนักมากไม่มีเวลาดูแลเขาบ้างเลย ยิ่งอยู่ด้วยกันผมก็ยิ่งรู้สึกดีๆกับเขาจนผมมั่นใจว่าผมรักเขา เพราะทุกๆวันเขาดีกับผมมากและเขาก็รักผมมากเช่นกัน

    “ริทกินข้าว กันซื้อข้ามต้มมาให้แล้ว”

    “เอาไว้ก่อนนะ ตอนเช้าริทมีแลบ” ผมกำลังจะเดินออกไป

    “ตอนเย็นกันไปรับนะ”

    “ไม่ต้องหรอก เลิกดึกเดี๋ยวให้พอตมาส่ง”

    “กันรักริทนะ” ผมยิ้มตอบ เขามักจะบอกแบบนี้ทุกๆวัน

    ตอนเย็น

    “ริทมากินข้าวก่อนสิ”

    “กันกินไปก่อนเลย ริทขอสรุปแลบวันนี้ให้เสร็จก่อนนะ” ผมนั่งทำงาน กันก็เก็บจานข้าวแล้วไปนอน

    “อ้าวแล้วกันไม่กินเหรอ”

    “ไม่เป็นไร ไม่หิว ฝันดีนะ” กันล้มตัวลงนอนที่เตียง

    “จ้า ฝันดีจ้า” ผมหันไปบอก

    “ริท กันรักริทมากนะ” กันพูดทั้งๆที่ยังหลับตา

    ผมรู้สึกว่าเขารักผมมากจริงๆ ผมเผลอหลับที่โต๊ะหนังสือตื่นเช้ามามีผ้าห่มอยู่บนตัวผม เดินออกมาที่ตู้เย็นมีกระดาษโน้ตติดอยู่

    “กินนมกับขนมปังในตู้เย็นด้วยนะ เดี๋ยวปวดท้อง รักนะ หมอน้อย” ผมดีใจที่เขายังเป็นห่วงผมเสมอ

    แต่พอวันนั้นที่มหาวิทยาลัย

    “ริทวันนี้ไปกินไอติมกันเถอะ” พอตเพื่อนที่คณะชวนผม

    “เออไปดิ กำลังอยากกินพอดี” ผมไปนั่งกินไอติมกับพอต

    “ริท” ผมหันไปหาเจ้าของเสียงที่คุ้นเคย

    “กัน” ผมยิ้มแล้วกำลังจะเดินเข้าไปหากัน

    “ไหนริทบอกมีเรียนทั้งวันไง แล้วนี่หมายความว่ายังไง”

    “กัน ฟังริทก่อน”

    “กันไม่ฟัง ไหนริทให้กันเชื่อใจไง แล้วที่ริททำอยู่นี่คืออะไร”

    “ใจเย็นๆนะครับ” พอตพูดเสริมขึ้นมา

    “มึงไม่ต้องมายุ่ง กูคุยกับแฟนกูอยู่”

    “ผมแค่จะอธิบาย” พอตพูดต่อเมื่อเห็นผมร้องไห้

    “มึงจะพูดอะไร กูไม่ต่อยมึงก็บุญเท่าไหร่แล้ว รู้ว่าเขามีแฟนยังมาวุ่นวายอยู่ได้ ไอ้หน้าด้าน”

    “อ้าว พูดงี้ได้ไงวะ” พอตกำหมัดกำลังจะชกกัน

    “อย่าพอต” ผมดึงแขนพอตไว้

    “มาดิ มึงคิดว่ากูกลัวมึงเหรอไอ้หมอจอมขโมย”

    “หยุดนะกัน พอได้แล้ว” ผมตวาดออกไป ทั้งคู่มองหน้าผม

    “กันกลับไปกับริท”

    “แต่ไอ้นี่มัน” กันชี้หน้าพอต

    “กัน” ผมขึ้นเสียงอีกครั้ง

    พอมาถึงคอนโด

    “ริททำอะไร ทำไมต้องไปปกป้องมันด้วย ริทรักมันมากใช่ไหม ตอบมาสิริท” กันเขย่าตัวผม

    “ปล่อยนะกัน หยุดบ้าได้แล้ว”

    “กันไม่หยุด ทำไมอะริท กันมันไม่ดีตรงไหน ทำไมริทต้องนอกใจกัน”

    “พอได้แล้ว ริทไม่ได้นอกใจ ริทกับพอตเป็นเพื่อนกัน”

    “เพื่อนเหรอ แล้วทำไมต้องโกหกกันว่ามีเรียนด้วย”

    “ริทไม่ได้โกหก วันนี้มีเรียนทั้งวันจริงๆแต่บังเอิญชั่วโมงนั้นอาจารย์ไม่มาสอน”

    “บังเอิญจังเนอะ แล้วก็บังเอิญมากินไอติมร้านโปรดของเราซะด้วย”

    “ก็ริทชอบร้านนี้”

    “ทั้งๆที่ริทสัญญากับกันว่าจะมากินร้านนี้กับกันคนเดียวนี่นะ ริทสัญญากับกันว่ามีอะไรเราจะคุยกันทุกเรื่อง”

    “ก็ริทพูดอยู่นี่ไง แต่กันไม่เชื่อ”

    “แล้วเรื่องข้อความนี้ละ” ผมมองไปที่โทรศัพท์ตัวเองที่ไม่รู้ไปอยู่ในมือเขาเมื่อไหร่

    “พอตรู้สึกดีๆกับริทมากนะ มากกว่าความเป็นเพื่อน พอตรักริทนะ” กันอ่านข้อมความให้ผมฟัง

    “กัน คือ ริท” ผมไม่รู้จะพูดยังไง

    “ไหนว่าจะบอกกันทุกเรื่องไง” ผมเห็นน้ำตากันคลอๆ

    “ริทกลัวกันไม่สบายใจ ริทคิดกับพอตแค่เพื่อนจริงๆนะ พอตเป็นเพื่อนริท”

    “แล้วกันละ กันก็เคยเป็นเพื่อนริท ตอนแรกที่ริทตอบรับเป็นแฟนกับกัน กันคิดว่าริทแค่ตอบไปงั้นๆ แต่กันก็ยังแอบคิดว่าสักวันริทจะรักกันเหมือนที่กันรักริท กันรักมาตลอดแต่มาวันนี้กันรู้ละ ว่าที่ริทมาคบกับกันก็แค่อยากตอบแทนที่กันดีกับริทใช่ไหม ถ้าแค่นั้นไม่ต้องเพราะแค่ได้อยู่กับริทกันก็มีความสุขแล้ว”

    “ไม่จริงนะกัน ที่ริทคบกับกันเพราะริทอยากเป็นแฟนกับกันจริงๆ”

    “อยากเป็นแฟนกับกัน หรืออยากมีแฟนเพราะจะได้ลืมพี่รุจกันแน่ ถ้าแค่อยากมีแฟนก็ไปหาใครก็ได้มั้งริท ไอ้หมอพอตนั่นก็ได้”

    “กัน ทำไมพูดแบบนี้ ริทอยากเป็นแฟนกับกัน กับกันแค่คนเดียวไม่ใช่ใครก็ได้นะ”

    “งั้นริทพูดมาสิ ว่าริทรักกัน ตั้งแต่คบกันมากันไม่เคยได้ยินคำนี้เคย”

    “เอ่อ คือ กัน” ผมรักกันนะ แต่มันเขินที่จะต้องมาพูดบ่อยๆผมคิดว่าแค่การกระทำ ที่เราอยู่ด้วยกันทุกๆวันมันก็เพียงพอแล้ว

    “พูดมาสิริท กันรอฟังอยู่”

    ผมเงียบไม่กล้าพูดคำนั้นออกมา

    “เท่านี้กันก็รู้คำตอบแล้ว”

    ปั้ง!!!แล้วเขาก็ออกจากห้องไป

                    ผมทำได้แต่ทรุดลงร้องไห้ ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี ผมเสียใจที่ผ่านมาผมรักกัน รักกันจริงๆแต่ที่ผมไม่พูดเพราะผมคิดว่าเขาน่าจะรู้น่าจะสัมผัสได้อยู่แล้ว ผมรู้ดีว่าผมทำอะไรเพื่อเขาได้ไม่มาก มันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่เขาทำเพื่อผม

     

    ผมตัดสินใจตามกันออกไป ผมลงมาหน้าคอนโดเห็นคนยืนมุงอะไรกันอยู่ก็ไม่รู้

    “โทษนะครับพี่ มีอะไรกันเหรอ”

    “คนถูกรถชนนะน้อง เลือดนี่อาบทั่วตัวเลย” ใจผมตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที ไม่รู้ทำไมผมรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ผมวิ่งเข้าไปในที่เกิดเหตุ

    “น้องอย่าเข้าไปนะครับ มันอันตราย”

    “ปล่อย ปล่อยผม” ผมฟ่าฝูงชนเข้าไป เสื้อผ้าชุดนั้น ร่างที่นอนจมกองเลือดผมจำได้ดี

    “กัน กันอย่าเป็นอะไรนะ” ผมพยุงตัวเขาขึ้นมา

    “กัน กันตื่นสิ กันตื่นขึ้นมาคุยกับริทก่อนสิ” ผมตบที่แก้มเขาเบาๆ

    “ระริท” กันค่อยๆลืมตาขึ้นมาในอ้อมกอดผม

    “กัน กันฟื้นแล้ว เดี๋ยวริทจะพากันไปหาหมอ ทำใจๆดีๆไว้” ผมกำลังจะพยุงเขาไป

    “พี่ พี่ครับไปตามรถพยาบาลให้หน่อย” ผมหันไปบอกคนที่มายืนดู

    “ระริท ไม่ต้องไม่ต้องหรอก” กันจับมือผมแน่น

    “ทำไมละกัน กันอย่าเป็นอะไรนะ ริทขอโทษ” ผมกอดเขาแน่นขึ้น

    “กันไม่เคยโกรธริท กะกันอยาก อยากได้ยินคำ คำนั้นเป็นครั้งสุดท้ายจะได้ไหม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ติดขัดยิ่งฟังน้ำตาผมก็ยิ่งไหลออกมา

    “ได้สิ ริท รัก กัน แต่มันจะไม่เป็นครั้งสุดท้ายนะ กันอย่าเป็นอะไรนะ ริทจะบอกรักกันทุกๆวันเลย” ผมจับมือกันมาไว้ที่หัวใจ น้ำตาผมตอนนี้ไหลออกมาเป็นสาย

    “กัน รัก ริทนะ และจะรักตลอดไป” มือเขาตกลงที่พื้นและกันก็หลับตาลง

    “ไม่ ไม่ กันอย่าเป็นอะไรนะ ถ้ากันเป็นอะไรไปแล้วริทจะอยู่กับใครริทจะอยู่ยังไง ริทรักกัน ริทรักกันได้ยินไหม ตื่นมาฟังสิไหนว่าอยากฟังไง ริทบอกรักกันอยู่นี่ อย่าทิ้งริทไป” ผมปล่อยน้ำตาทั้งหมดให้ไหลออกมาผมเขย่าตัวเขา กลิ่นเลือดคละคลุ้งไปทั่ว ตัวของผมกับกันเต็มไปด้วยสีแดงฉาน น้ำตาไหลจนผมเห็นภาพข้างหน้าเลือนรางและนั่นเป็นภาพสุดท้ายที่ผมจำได้

    “พี่โน่ฟังอยู่ไหม ทำไมเงียบไปละ หลับเหรอ” ผมเขย่าตัวเขา”

    “โคตรเศร้าเลยวะ สงสารให้บ้านั่น มันไม่น่าตายเลย” พี่โน่เงยหน้าขึ้นมาหาผม ทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา ตาเขาแดงกร่ำ

    “ร้องไห้เหรอ” ผมเช็ดน้ำตาให้เขา เพิ่งเคยเห็นเขาร้องไห้เป็นเด็กๆแบบนี้

    “แล้วริททำไงต่อไป”

    “ตอนนั้นริทเหมือนไม่มีใครแล้วจริงๆแต่ตอนที่ริทกลับไปอยู่ที่คอนโด ริทก็รู้สึกว่าริทไม่ได้อยู่คนเดียวนะ”

    “เอ้ย พูดเป็นเล่น ไอ้กาคาบถ่านเมื่อกี้พี่ล้อเล่นนะที่ด่านายไป พี่จะดูแลริทเอง นายไม่ต้องมาช่วยดูแลหรอก” พี่โน่พนมมือขึ้นมา

    “บ้าน่าพี่โน่ ป่านนี้กันไปเกิดแล้วละ” ผมยิ้มๆแล้วจับที่รูปของกัน

    “ผมไม่มีรูปคู่กับเขาเลยพี่เชื่อไหม คนที่อยู่ใกล้กันมากไปมักจะไม่เห็นความสำคัญ จนวันที่เขาจากไปเราถึงได้รู้”  ผมเอ่ยออกมาเบาๆ

    หลังจากที่กันไม่อยู่ผมก็ไม่มีใคร รู้สึกว่าเวลามันน่าจะผ่านไปเป็นปีจนวันนั้น วันที่ 23 ตุลาคมผมจำได้ดีเพราะเป็น วันเกิดของกันผมไปที่วัดแล้วผมก็ได้ยินเสียงนั้น

    ฉันอยากจะย้ำ อีกสักครั้ง ให้เธอฟังฉัน อีกสักครั้ง แต่อยากจะย้ำ อยากจะย้ำ จนเธอนั้นมั่นใจ ถึงต่อให้นาน อีกนานสักเท่าไร ก็อยากให้เชื่อใจ ว่าฉันรออยู่ และฉันจะรอต่อไป อย่างที่ได้เคยบอกไว้ จะรอเธอ

    กันผมรีบเดินเข้าไปพร้อมกับเรียกชื่อนั้น แล้วเขาก็หันมา

    ………………………………………………………………………………………..

     พบกับตอนต่อไป
    "บอกเลิกครั้งแรก"

    เร็วๆนี้!!

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×