คะแนน 5/5
นักวิจารณ์ กุมภ์กรณ์,หนามMelon
นิยายแฟนตาซีแนวสงครามและการรบ แต่การสู้รบในครั้งนี้ได้จบลงไปแล้ว และสิ่งที่ยังดำเนินต่อไปคือวิถีชิวิตของเหล่านักรบต่างหากล่ะ ฮาเล็มรึเปล่าไม่อาจแน่ใจ แต่ที่แนๆคือสาวๆเรื่องนี้เพียบ! พร้อมที่จะยลโฉมนิยายแนวเดิมๆแต่แปลกใหม่ (เอ๊ะ! ยังไง) เรื่องนี้กันรึยัง?
1. โครงเรื่อง: แค่ได้อ่านการเกริ่นเรื่องเท่านั้นก็ให้รู้สึกเลยว่า คนสั่งการช่างเข้มงวดและจริงจังในสิ่งที่ตนสอนซะเหลือเกิน ถึงจะรู้สึกแบบนั้นแต่มันกลับมีกลิ่นไอของความเป็นมิตรและเอาใจใส่เจือปนอยู่ (ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะเป็นแนวแฟนตาซีตามที่คุณได้ลงไว้รึเปล่า เพราะอารมณ์เรารู้สึกว่าเจ้าของเสียงตอนเกริ่นนำเหมือนกับรุ่นพี่จอมว๊ากยังไงยังงั้น555+) อ่านข้อมูลเบื้องต้นแล้วก็อดที่จะพูดประโยคนี้ออกมาไม่ได้ "ถือว่านี่เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่เราได้อ่านนิยายแฟนตาซี เกี่ยวกับสงคราม ซึ่งไม่ได้มีจุดเริ่มต้นจากการทำศึก แต่การสิ้นสุดของศึกสงครามต่างหากที่เป็นจุดเริ่มต้นของนิยายเรื่องนี้" อยากรู้จริงๆว่า หลังจากสิ้นสุดการรบราฆ่าฟันกันแล้ววิถีชีวิตของเหล่าทหารหาญและเหล่าอัศวินผู้กล้าจะดำเนินต่อไปเช่นไร อ่า... แนวเรื่องน่าสนใจและแปลกใหม่สำหรับเราซะจริง แบบนี้ไม่รีบอ่านคงไม่ได้แล้ว
เจอบทนำในความฝันเข้าไปถึงกับทำให้เราขนลุกซุ่กันเลยทีเดียว กรี๊ด~ ยิ่งเจอบทพี่ชายกับน้องสาวเค้าสวิทกัน เฮ้ย! เราหมายถึงหยอกล้อกันยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่ นอกจากนี้เราคิดว่าตัวเอกของเรื่องจะเป็นมนุษย์ธรรมดาที่มีความแกร่งกล้าและเวทมนต์อันกล้าแข็งจึงได้เป็นอัศวิน ที่ไหนได้ เราคิดผิดถนัด นั่นเพราะตัวเอกของคุณคือมนุษย์ครึ่งหมาป่าที่มีความเก่งกล้าสามารถจนได้ลำดับขั้นลำดับยศขึ้นเป็นอัศวินนั่นเอง
การดำเนินเรื่องตั้งแต่บทที่1จนกระทั่งถึงบทที่25 หลักจากที่เราได้อ่านและทำความเข้าใจในเรื่องราวที่คุณตั้งใจสื่อออกมาตามเค้าโครงเรื่องที่ว่า ‘หลังสิ้นสุดสงคราม ตัวเอกที่มียศเป็นอัศวินก็ได้รับมอบหมายให้ไปเป็นอาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้ฯ ณ โรงเรียนแห่งหนึ่ง’ โดยรวมแล้วคุณดำเนินเรื่องได้รวดเร็วทันใจไม่ยืดเยื้อ อ่านๆไปมันให้ความรู้สึกเรื่อยๆเหมือนจะเอื่อยๆก็จริง แต่มันไม่ใช่ นั่นเพราะคุณตั้งใจเร่งจังหวะของการดำเนินเรื่องราวต่างๆให้ดำเนินไปในทิศทางของมันเพื่อจะได้ดึงตัวเอกให้เข้าไปสู้วิถีของการเป็นอาจารย์ตามที่เกริ่นไว้ให้เร็วที่สุด เร็วที่สุดในที่นี้ไม่ใช่การเปลี่ยนฉากเปลี่ยนตอนที่ปุ๊บปั๊บหรือกะทันหัน จนนักอ่านเกิดความงุนงงหรือรู้สึกว่าตัวเองอ่านไม่รู้เรื่อง กลับกัน นอกจากคุณจะเขียนให้นักอ่านไม่งง ไม่หลงประเด็นแล้ว คุณยังทำให้นักอ่านตกหลุมรักตัวละครแทบทุกตัวได้ในคราวเดียวกัน นั่นเพราะ คุณมีการลำดับเรื่องราวของเหตุการณ์สถานที่ ความสัมพันธ์ของตัวละคร และฉากต่างๆ เป็นสัดส่วน ซึ่งองค์ประกอบทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีการจัดระเบียบเอาไว้เป็นอย่างดี มีความเป็นธรรมชาติ และสมจริง
นอกจากนี้ ถึงแม้ตอนจบในแต่ละบทแต่ละตอนคุณ (แทบ) จะไม่ได้มีการทิ้งปนปริศนาเอาไว้ให้นักอ่านสงสัยใคร่รู้ และไม่ได้มีการทิ้งคำพูดสวยหรู หรือประโยคแฝงความนัยต่างๆให้สะกิดใจนักอ่านจนต้องเอากลับไปนั่งขบคิดกันต่อ หากดูเผินๆแล้ว มันเหมือนกับคุณไม่ได้ทิ้งอะไรไว้เลย และไม่มีสิ่งจูงใจใดๆให้นักอ่านติดตามนิยายเรื่องนี้ต่อ หากเรามองแค่นั้น นั่นคือสิ่งที่เราคิดผิดถนัด เพราะสิ่งที่คุณทิ้งไว้มันน่าสนใจมากกว่านั้น นั่นคือเหตุการณ์ไม่คาดคิด และบรรยากาศชวนฝันที่เหมือนจะไม่มีอะไร แต่เชื่อเถอะว่า... มันมีกลิ่นไอบางอย่างที่แปลกและแตกต่างไปจากนิยายเรื่องอื่นปนอยู่ (ซึ่งเราก็อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูกเหมือนกันว่ามันคืออะไร) ส่งผลให้นักอ่าน (โดยเฉพาะเรา) ซึ่งสัมผัสกลิ่นไอนั้นได้ต่างติดตามต่อโดยปริยาย
ต่อไปก็ขอติงบ้างไรบ้างนะ ถึงแม้ว่าคุณจะมีการปูทางให้ตัวเอกเข้าสู่ภาระหน้าที่การเป็นอาจารย์ให้เร็วที่สุดก็จริง แต่คำว่าอาจารย์ของตัวเอกในเรื่องนี้มันดูไม่ค่อยจริงจังสักเท่าไหร่ ที่สำคัญ ดูเหมือนคุณจะสร้างตัวเอกให้เป็นอาจารย์แค่ในนามเท่านั้น แต่หน้าที่หลักจริงๆกลับต้องไปตามสืบเรื่องผิดกฎหมายของเมืองซะงั้น ซึ่งเรามองว่ามันสวนทางกับสิ่งที่คุณเกริ่นไว้ในตอนต้น ว่าตัวเอกจะต้องเข้ามาสอนศิลปะการต่อสู้ฯ และเท่าที่อ่านๆมาทั้งหมด25ตอนรวมตอนพิเศษ (ถือว่าปาเขาไปเกินครึ่งเรื่องแล้วมั้ง= =;) ตัวเอกของคุณก็พึ่งจะได้สอนแบบจริงๆจังๆ (?) ก็ตอนที่9 หลังจากนั้นก็ไม่มีการเรียนการสอนซึ่งถือว่าเป็นคอนเซปต์หลักๆของเรื่องอีกเลย อาจจะมีการพูดถึงเรื่องการเรียนการสอนอยู่บ้างประปราย อันนี้เราไม่นับนะ หวังว่าตอนที่26 หรือตอนใดตอนหนึ่งต่อจากนี้ไป นักอ่านจะได้มีโอกาสได้เห็นผู้ชายคนนี้เป็นอาจารย์เต็มตัวกับเค้าสักทีนะ
2. ตัวละคร: เราสามารถพูดโดยรวมจากความรู้สึก (ลึกๆภายในก้นบึ้นของจิตใจ) ของเราว่า... ตัวละครทุกตัวที่คุณเขียนขึ้นล้วนแล้วแต่มีนิสัยและเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป เขาและเธอมีความเป็นตัวของตัวเอง ทั้งยังให้ความรู้สึกราวกับเป็นมนุษย์เดินดินในชีวิตจริงอย่างเราๆท่านๆนั่นแล อ่า... เพื่อให้เห็นภาพมากยิ่งขึ้นว่าคุณเขียนคาแรกเตอร์ของตัวละครได้ดีขนาดไหน เราขอหยิบยกลักษณะนิสัยของเขาและเธอ ออกมาแนะนำตามความเข้าใจและความรู้สึกของเราเองคร่าวๆนะ
เนครอส (พระเอกของเรื่อง) จะเรียกว่าเป็นคนสองบุคลิกก็คงไม่ผิด นั่นเพราะเขาสามารถวางตัวให้เหมาะสมกับสถานการณ์หรือคนที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่ได้เป็นอย่างดี จริงๆแล้วผู้ชายคนนี้เป็นคนอ่อนโยน (แต่ไม่อ่อนแอ (?)) แข็งแรง (แต่ไม่แข็งกระด้าง (?)) ตรงไปตรงมา ที่สำคัญสุภาพบุรุษสุดโต่ง
ลูมิน่า (น้องสาวนอกไส้ อาจเปลี่ยนแปลงสถานะได้ตลอดเวลา อ่า... ไปกันใหญ่) ร่าเริงสดใส เอาแต่ใจนิดๆ (?)
เหล่าสาวๆในฮาเร็ม (อ๊าก~ เราไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่ หากตอนจบของเรื่องมีนางเอกมากกว่าหนึ่ง! แหะๆๆ เอาความชอบส่วนตัวมาปนจนได้= =;) วาลคีร์รี่ สาวสองบุคลิก ภายนอกเข้มแข็ง แต่ภายในเปราะบาง วิเวียน เงียบ เรียบร้อย อ่อนโยน ใจดี (ศูนย์รวมความเป็นแม่พระก็ว่าได้) เวโรนิก้า (เหมือนจะ) มีเหตุผล ดูจากภายนอกเธออาจจะแสดงบทร้ายโดยสมบูรณ์ แต่ภายในไม่มีใครรู้ คงต้องติดตามความเคลื่อนไหวของเธอต่อไป (อ่า... ผู้หญิงคนนี้แหล่ะที่เราชูป้ายไฟ555+) เอเมอรัล ฉลาดหลักแหลม เผด็จการสุดๆ ร้ายคือร้าย เล่นคือเล่น เฟียร์ สดใสร่าเริง ขี้เล่น เซเลน่า แข็งนอกนุ่มใน ปากร้ายใจดี ประมาณนี้มั้ง
3. การใช้ภาษา: เนื่องจากใช้การบรรยายโดยบุรุษที่หนึ่ง ภาษาที่คุณใช้จึงเป็นอะไรที่ธรรมดาแต่ว่าโดน (?) มันไม่ใช่ภาษาที่สวยหรูจนเกินไป แต่มันเป็นภาษาที่อ่านเข้าใจง่าย หนำซ้ำคุณยังบรรยายได้ดีไม่มีที่ติ และความเหมาะสมของภาษาที่คุณใช้นี่เอง จึงสามารถดึงนักอ่านให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งกับแนวนิยายได้ไม่ยาก (เข้าถึงอารมณ์ตัวละครนั่นเอง) แม้จะมีคำผิดเกาะติดเข้ามาบ้างในบางบทแต่ก็ไม่ได้รกหูรกตาหรือว่าสะดุดอารมณ์คนอ่านอย่างเราเลยแม้แต่น้อย นั่นเพราะสิ่งที่คุณบรรยายบวกกับเรื่องราวในนิยายของคุณมันเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบมากซะจนทำให้คนอ่านอย่างเรามองข้ามคำผิดหรือประโยคขาดๆเกินๆเหล่านั้นไปเลย มีเรื่องนึงที่ทำให้เรารู้สึกแปลกใจตัวเองมากถึงมากที่สุด เรื่องอะไรน่ะเหรอ ก็เรื่องที่คุณแทบจะไม่ได้บรรยายความรู้สึกใดๆของตัวละครแต่ละตัวเลยว่า ณ ขณะนั้นเขาและเธออยู่ในอารมณ์ไหน มีสีหน้าท่าทางยังไง แต่เรากลับสามารถจับความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ตัวละครออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เช่น คุณไม่ได้บรรยายว่าตอนนี้ตัวละครกำลังเศร้า แต่เรากลับสัมผัสได้ว่าเค้าเศร้า คุณไม่ได้บรรยายว่าเขายิ้ม ดีใจ หรือเสียใจ แต่เรากลับสัมผัสได้ได้ว่า ณ เวลานั้นหรือสถานการณ์นั้นเขากำลังยิ้ม ดีใจ หรือเสียใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าคุณจะสามารถถ่ายทอดอารมณ์ตัวละครออกมาได้อย่าล้ำลึกและสมจริงขนาดนี้
เราอ่านบทนำจนกระทั่งถึงบทที่2แล้วรู้สึกว่าการบรรยายของตัวเอกมันจะออกไปในแนวสุภาพบุรุษลูกผู้ชายยังไงยังงั้น ทั้งอ่อนโยน ทั้งใจดี และมีเสน่ห์บางอย่างแอบแฝงอยู่ (สารภาพตรงๆเลยว่าคุณกำลังทำให้เราตกหลุมรักผู้ชายคนนี้จนถอนตัวไม่ขึ้นซะแล้ว-///-;) แต่พอเข้าสู่บทที่3 เรารู้สึกว่า... สุภาพบุรุษของฉันหายไปไหน! ทำไม่นิสัยใจคอและคำพูดคำจาในตอนนี้ถึงได้กระโชกโฮกฮาก ดิบ เถื่อนขนาดนี้เนี่ย อาจจะเป็นไปได้ว่าตัวเอกกำลังเจอสถานการณ์กดดันจึงทำให้เค้าต้องแสดงพฤติกรรมด้านลบออกมาบ้างไรบ้าง อ่า... ในที่สุดบทที่4เป็นต้นไปสุภาพบุรุษของเราก็กลับมา (นี่เรากำลังออกนอกเรื่องอยู่รึเปล่าหว่า?-O-;) โดยเฉพะในบทที่6 ผู้ชายคนนี้แมนมากๆ (เราคงจะออกนอกเรื่องจริงๆU_U;)
แม้คุณจะไม่เน้นพร่ำพรรณนารูปร่างหน้าตาของเหล่าตัวละครให้ออกมาหล่อสวยปานเทพบุตรหรือเทพธิดาก็จริง แต่เรากลับจินตนาการตาม หรือเรียกอีกอย่างว่ามโนภาพไปตามชื่อที่คุณเรียกและลักษณะเด่นเพียงน้อยนิดที่คุณกล่าวถึงได้อย่างไม่น่าเชื่อ เชื่อเถอะว่า... นักอ่านท่านอื่นๆก็คงมโนภาพตัวละครของคุณให้คล้ายคลึงและใกล้เคียงกับเราหรือกับบุคลิกโดยตรงที่คุณตั้งใจจะสื่อให้นักอ่านมโนไปในทิศทางเดียวกันได้แน่นอน จุดเด่นนี่เองที่ทำให้เรารู้สึกว่านิยายของคุณแตกต่างจากเรื่องอื่นๆที่เคยได้อ่านลิบลับ สรุปประเด็นนี้เลยล่ะกัน ถึงแม้คุณจะไม่ได้บรรยายรูปกายภายนอกของตัวละครให้โดดเด่นและละเอียดยิบเทียบเท่ากับนิยายเรื่องอื่นๆ และถึงแม้คุณจะไม่ได้บรรยายอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครในเหตุการณ์หรือสถานการณ์ต่างๆให้คนอ่านเข้าใจหรือมโนภาพตามอารมณ์สุข เหงา เศร้า ซึ้งอย่างหาที่สุดไม่ได้ แต่คนอ่านอย่างเรากลับเข้าใจสิ่งที่คุณสื่ออกมาจากตัวละคร และจินตนาการรูปลักษณ์เหล่าตัวละครของคุณได้ไม่ยาก
ตอน Side story1กับ2 ตอนพิเศษทั้งสองตอนนี้ถือว่าเหนือความคาดหมายของเราจริงๆ นึกไม่ถึงเลยว่าคุณจะนำตัวละครอีกตัวมาบรรยายปูมหลังหรือช่วงวัยในอดีตของตัวเอกได้ดีถึงเพียงนี้ แบบว่า... ปกตินิยายที่เราอ่านจะเน้นบุรุษที่สามหรือไม่ก็เน้นให้ตัวเอกบรรยายปูมหลังของตนมากกว่าจะใช้ตัวละครอื่นบรรยายแทน แต่คุณกลับแสดงความแตกต่างของนิยายตัวเองได้เป็นอย่างดี ทำให้คนอ่านอย่างเราได้เห็นตัวตนของตัวเอกในอีกมุมหนึ่งในความรู้สึกของคนรอบข้าง สารภาพตามตรง เรารู้สึกว่านิสัยวัยเด็กของผู้บรรยายจะไปเหมือนและคล้ายคลึงกับน้องสาวนอกไส้ของตัวเอกอย่างแรก เลยกลายเป็นว่า ในหัวของเราจินตนาการถึงแต่ชื่อ ลูมิน่า มากกว่าจะเป็น เซเลน่า ซะอีก
ขอเพิ่มเติมอีกหน่อย (หรือออกนอกเรื่องไม่รู้= =;) เจอเสียงปิดประตูดัง ปั้ง! (ตัวบะเริ่อบะเต่อ) ในบทที่9เข้าไป เล่นเอาหูเราแทบดับ ฮ่าๆๆ มันให้ความรู้สึกเยี่ยงนั้นจริงๆนะ อีกอย่าง สาวๆในเรื่องนี้พร้อมที่จะวิ่งเข้าใส่พระเอกของเรา (เค้าเป็นของแก่ตั้งแต่เมื่อไหร่=[]=;) อยู่ตลอดเวลา
ตอนที่เอ่ยถึงแวร์วูฟ รู้สึกว่าคุณจะเขียนยืดเยื้อ(เกิน)ไปนะ กินเนื้อหาการบรรยายไปตั้งสามบทแน่ะ (บทที่20-22) จริงๆก็อยากจะค้านนะว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับการเข้ามาเป็นอาจารย์เลยสักนิด แต่ในเมื่อคุณเน้นเรื่องการสืบสวนด้วย เราก็อยากให้คุณเพิ่มข้อความเกี่ยวกับการตามสืบตามล่านี้ลงไปในข้อมูลเบื้องต้นบ้าง มันจะได้ครอบคลุมในส่วนของแก่นเรื่อง และคนอ่านอย่างเราจะได้ไม่คิดเองเออเองว่าคุณกำลังออกทะเลอยู่ (ในความคิดนะ-O-;)
ต่อไปก็เข้าสู่สาระสักนิด ตอนที่ตัวเอกบรรยายแล้วคิดถึงคำพูดหรือวลีเด็ดๆหรืออะไรสักอย่างแต่ไม่ได้ได้พูดออกมา แนะนำให้ใส่เครื่องหมาย ' ' แทนเครื่องหมาย " " นะ
เพื่อให้นิยายสมจริง ลื่นไหลเป็นละรอกคลื่นมากกว่านี้ และไม่ตรงดิ่งเป็นเส้นตรงมากจนเกินไป เราขอแนะนำให้คุณหาคำเชื่อมอื่นๆมาแทน ‘ที่’ บ้าง และพยายามเลี่ยงคำหรือข้อความที่เหมือนหรือคล้ายคลึงกันในประโยคหรือย่อหน้าเดียวกันบ่อยๆ เพราะถ้ามีคำซ้ำคำซ้อนเยอะ นั่นหมายถึงบทบรรยายของคุณจะดูยืดเยื้อ ไม่ลื่นไหล และไม่เป็นธรรมชาติ เราขอยกตัวอย่างคำหรือประโยคเหล่านั้นอันสะดุดตาสะดุดอารมณ์ของเราเหลือเกินคร่าวๆนะ (จากบทที่1) ผมนั่งอยู่ในห้องส่วนตัวของผมกับลูมิน่าอยู่สองคน>ผมกับลูมิน่านั่งอยู่ในห้องส่วนตัวของเรา (จากบทที่2) และแล้วผมก็เจอปืนของผมจนได้, กลับไปยังโต๊ะของผม>เปลี่ยนของผมเป็นของตัวเอง เพื่อลดความซ้ำซ้อนของคำ และมันจะทำให้ประโยคลื่นไหลไม่สะดุด (จากบทที่5) สิ่งที่ผมพอจะบรรยายได้ในตอนนี้คือ ใบหน้าของเอเมอรัสในตอนนี้ไม่ต่างอะไรไปจากเด็กสาวที่พึ่งจะได้ของขวัญชิ้นที่ถูกใจ แต่ด้วยท่าทางที่บิดไปบิดมาแบบกระดี๊กระด๊าเกินเหตุนั้น กลบความน่ารักที่ควรจะมีไปเสียสิ้น>สิ่งที่ผมพอจะบรรยายได้ในตอนนี้คือ ใบหน้าของเอเมอรัสไม่ต่างอะไรไปจากเด็กสาวที่พึ่งจะได้รับของขวัญชิ้นถูกใจ แต่ด้วยท่าทางบิดไปบิดมาแบบกระดี๊กระด๊าเกินเหตุนั้น จึงกลบความน่ารักอันพึงมีไปเสียสิ้น / ทำแบบนี้มากี่ได้ปีแล้วล่ะ>ทำแบบนี้มาได้กี่ปีแล้วล่ะ
4. แก่นเรื่อง: สำหรับประเด็นนี้ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากมายเท่าไหร่ มันเป็นเรื่องง่ายๆแต่กลับน่าสนใจยิ่งนัก แก่นของเรื่องนี้นั่นคือ... การเล่าถึงเหตุการณ์ภายหลังจากการสิ้นสุดการรบหรือการทำศึกสงครามของอัศวินนามว่า เนคลอส ผู้ที่ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา แต่เลือดในกายอีกครึ่งหนึ่งเป็นหมาป่าซะด้วยสิ ต่อมาเขาก็ได้รับจดหมายให้เข้าไปดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง และสถานที่แห่งนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราว (ดี-ร้าย) ต่างๆนอกเหนือจากการรบ จากอัศวินผู้ชินชาในสนามรบ จู่ๆต้องมารับหน้าที่เป็นครูฝึกศิลปะการต่อสู้ฯให้นักเรียนในสนาม (รัก (?)ของ) โรงเรียนมีทั้งมนุษย์และแวมไพร์ ถือเป็นความตื่นเต้นและท้าทายอัศวินผู้นี้อย่างแรง! ไม่รู้ว่า ระหว่างการฝึกทหารกับการฝึกนักเรียน อย่างไหนมันจะยากกว่ากัน! อ่า... วิถีชีวิตของนักรบที่มีคำว่า ‘อาจารย์’ ค้ำคออยู่จะดำเนินต่อไปในทิศทางไหน คงต้องให้นักอ่านทุกท่านติดตาม นิยายแฟนตาซีแหวกกฎเกณฑ์การรบเรื่อง Wolf's Pride : Prelude of Professor ต่อไปเรื่อยๆแล้วล่ะ
ความคิดเห็นที่ 1
*** เงิน คือ สิ่งที่ทุกๆคนปฏิเสธไม่ได้ LDS Thailand ***
----------- เปิดรับสมัคร แล้ว ------------
ส ร้ า ง เ งิ น ให้ กั บตั ว เอ ง แบบ ไ ม่ มี ขี ด จำ กัด ++++
รับ !! 18 ++ หญิง&ชาย บริษัทจ่ายผลตอบแทนให้
WeeK / WeeK ลงทะเบียนรับสิทธิ์ & สวัสดิการเที่ยวฟรี!! ทั้งในและต่างประเทศ
***ดูรายละเอียดเพิ่ม ***
----http://www.work2income.
สนใจติดต่อ : 086-3123926
By kookkik789 อัพเดท 2013-11-17 04:13