ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    end - (exo) lone wolf | chanbaek

    ลำดับตอนที่ #10 : L O N E W O L F | Silence is the most powerful scream.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.83K
      99
      23 ก.ย. 59


    ? cactus





    Chapter 7

    Silence is the most powerful scream.

    (ความเงียบงัน คือเสียงกรีดร้องอันทรงพลังที่สุด)




              แบคฮยอนไม่ตอบ


              “ได้ยินหรือเปล่า” เกิดเสียงกรุ๋งกริ๋ง จากนั้น จงแดจึงสบถ “เวรล่ะ ต้องหยอดเหรียญเพิ่ม รอเดี๋ยวนะ”


              “นาย... ” ชายหนุ่มร่างเล็กกลืนน้ำลาย “อยู่... ที่ไหน”


              “ชงโน เป็นเขตหนึ่งในโซลน่ะ เพิ่งมาถึงเมื่อสัปดาห์ก่อน ขลุกขลักพอสมควร แต่ตอนนี้ราบรื่น ฉันมีที่พักแล้ว เร็ว ๆ นี้จะได้รับเงินสำหรับลงหลักปักฐานกับสัญชาติใหม่”


              “ไปได้สวยสินะ”


              เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มอยู่ “เพราะใครกันล่ะ”


              ก่อนจะตัดสินใจรับทุนการศึกษาจากพลเอกชเว และกลายสภาพเป็นหมาป่าเดียวดาย เวียนว่ายในสงครามสามตระกูล แบคฮยอน จงแด และจงอินที่ขณะนั้นจวนจะปลดประจำการอยู่แล้วหารือกันอย่างคร่ำเคร่ง ท่ามกลางฝุ่นละอองจากเหมืองเหล็ก


              “แร้งเฒ่าไม่ใช่คนมือสะอาด มันจะหักหลังแก” จงอินซึ่งอายุมากที่สุดอ่านสถานการณ์ขาดเกือบจะทันที “ไม่มีทางที่แกจะได้ไปจากประเทศนี้ มันบอกให้แกทำอะไรนะ ทำลายปาร์คชานยอลใช่ไหม ลูกชายของปาร์คมินกู... ไอ้สารเลวที่หักหลังพ่อของเรา แต่ทำลายยังไง”


              “ฉันไม่รู้” แบคฮยอนบอกอย่างฝืดเฝือ เขาในเวลานั้นไม่รู้จริง ๆ ว่าการทำลายที่ว่า ทั้งร่างกายและหัวใจจะถูกใช้เป็นเครื่องสังเวย “แร้งเฒ่ารู้ว่าฉันกับจงแด เรา... เป็นอะไรกัน”


                “ฉันน่าจะตายไปเสีย”


                “อย่าพูดอย่างนั้น จงแด!


                ได้ยินเสียงปี๊บทึบ ๆ เสียงคนรักของตัวเองสบถ และเสียงกรุ๋งกริ๋งอีก “ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง” ผู้ติดตามจอมปลอมถาม


              “สบายดี ยังต้องปรับตัวอีกมาก เหมือนฉันเป็นคนตาบอดที่จู่ ๆ ก็มองเห็นได้”


              “ฉันเป็นห่วงนายนะ”


              จงแดถอนหายใจ “ฉันก็เหมือนกัน แบคฮยอน”


                “อย่าเชื่อถือ อย่าเชื่อใจนายทหารระดับสูง ถ้าไม่อยากลงเอยเหมือนพ่อ” จงอินเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “มีความเป็นไปได้ที่ในที่สุด เมื่อแร้งเฒ่าไม่แน่ใจว่าจะเป็นฝ่ายชนะ ไม่แน่ใจว่าบ้านปาร์คจะตกตมจมดินลงจริง ๆ พลเอกชเวดูฮวานคนนี้จะหันหลังให้... แก เบี้ยที่มีค่าน้อยที่สุดบนกระดาน มีปากเสียงน้อยที่สุดบนสังเวียน มีความเป็นไปได้ที่มันจะปฏิเสธ บอกใคร ๆ ว่าไม่รู้จักมักจี่กับแก บอกใคร ๆ ว่าการทำลายชานยอลเป็นฝีมือของแก... แกเท่านั้น แกที่ชิงชังพลเรือเอกปาร์คเป็นการส่วนตัว แกจะถูกจับ ถูกประหารชีวิตเร็วกว่ากะพริบตา ฉันเคยเห็นมาแล้วในกองทัพ เร็วกว่ากะพริบตาจริง ๆ แบคฮยอน”


              “แบคฮยอนควรหนีไปเสียแต่ตอนนี้”


              “ทำอย่างนั้นไม่ได้” พี่ชายบุญธรรมของเขาครุ่นคิด “แกต่างหากคือคนที่ควรไปเสีย จงแด”


                “อะไรนะ”


                “ฟังฉัน ข้อเสนอของมันมีช่องโหว่ กลิ่นไม่ดีเสียด้วย พลเอกชเวจะให้แกไปจากประเทศนี้... คนเดียว ไม่มีเหตุผลเลย ไปคนเดียวเท่ากับทอดทิ้งครอบครัวไว้ให้กลายเป็นเหยื่อ เป็นตัวประกัน โทษกักกันตลอดชีวิต หรือแม้แต่โทษประหารชีวิตจะตกอยู่กับแม่ หรือไม่ก็จุนมยอน ถ้าเผื่อว่าแก... ถ้าเผื่อว่าแกโชคดี ไปจากประเทศนี้ได้น่ะนะ”


              “ถ้าอย่างนั้น... ” ชายหนุ่มร่างเล็กเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง “ก่อนที่ภารกิจของฉันจะลุล่วง ก่อนที่จะทำลายปาร์คชานยอลได้สำเร็จ ฉันต้องแน่ใจว่าทั้งแม่ ทั้งแก ทั้งจุนมยอน ทั้งจงแด และตัวเอง... จะปลอดภัย”


              “หัวไว” จงอินชม “แกว่ามันจะให้ทุนการศึกษาใช่ไหม แบ่งให้จงแดครึ่งหนึ่งทุกเดือน ให้จงแดใช้มันติดต่อกับนายหน้า พวกที่พาใครต่อใครข้ามแม่น้ำทูมันหนีไปฝั่งขะโน้น ให้หมอนี่ไปก่อน ให้มันตระเตรียมที่ทางของพวกเราทางใต้ เงินก้อนหนึ่งสำหรับตั้งตัว... ที่เขาว่ากันว่ารัฐบาลทางใต้จะมอบให้คนทางเหนือที่หนีไปตั้งรกรากทางนั้นได้สำเร็จ ให้จงแดส่งมาให้พวกเราทั้งหมด เมื่อถึงวันนัดหมาย พูดให้ถูกก็คือวันที่พลเอกชเวกำหนดให้ภารกิจของแกลุล่วง เราทุกคนจะหนีไปพร้อมกันโดยไม่ห่วงหน้าพะวงหลัง ไม่กังวลว่าจะต้องไปตายเอาดาบหน้า เมื่อเราส่งจงแดไปแผ้วถางทางไว้ก่อนแล้ว และเรามีแก... คนเดียวในบ้านที่มีการศึกษา คนเดียวในบ้านที่มีความรู้”


                เขาอาจหัวไว แต่เป็นจงอินต่างหากที่ฉลาดเป็นกรด อีกฝ่ายอาจไม่มีความรู้ แต่มีความสามารถในการเอาชีวิตรอดอย่างหาตัวจับยาก พี่ชายบุญธรรมบอกกล่าวแผนที่วางไว้อย่างรัดกุม ให้แบคฮยอนยอมรับข้อเสนอของพลเอกชเว ให้เขาได้รับการศึกษา ขณะเดียวกันก็หักหลังแร้งเฒ่าเสียก่อนที่จะถูกหักหลัง โดยการให้จงแดจากไปสู่แผ่นดินใต้ ตระเตรียมที่พักและที่ทำกินไว้คอยท่า ส่งเงินสำหรับลงหลักปักฐานกลับมา เพื่อให้ทุกคนได้จากรัฐอันไร้ซึ่งความหวังแห่งนี้ไปพร้อมกัน ได้ชำระแค้น ได้ความรู้สำหรับประกอบอาชีพในอนาคต และยังได้เริ่มต้นใหม่ในแผ่นดินอื่นอีกด้วย


              “อาหารอร่อยไหม”


              “ทั้งอิ่มทั้งอร่อยกว่าที่บ้านเราโข อ้อ... เรื่องที่ว่าทำลายปาร์คชานยอลอะไรนั่น” ปลายสายถามขึ้น ทำให้แบคฮยอนกัดริมฝีปากโดยอัตโนมัติ “เขาให้นายทำอะไรน่ะแบคฮยอน”


              จงแดไม่เคยรู้ว่าเขาต้องทำอะไรเพื่อจะไปพบอีกฝ่าย และแบคฮยอนก็เชื่ออย่างสุดหัวใจ... ไม่รู้ยังดีเสียกว่า


                “สอดแนม จารกรรมข้อมูล เรื่องทั่ว ๆ ไปน่ะ”


              “แปลก... ทำไมต้องเป็นนายนะ”


              “อย่าคิดมากเลย” ชายหนุ่มร่างเล็กแบ่งรับแบ่งสู้ “รู้ว่าฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้เราทุกคนได้อยู่พร้อมหน้าในที่ที่ดีกว่านี้ก็พอ”


              “อย่าให้เกินกำลังล่ะ แบคฮยอน ฉันรู้ว่านายจะต้องทำอย่างนั้นแน่ ๆ ”


              จงแดไม่มีครอบครัว พูดให้ถูกก็คือ ไม่มีสมาชิกครอบครัวที่มีชีวิตอยู่แล้วเมื่อแบคฮยอนได้รับทุนการศึกษา จงอินจึงเลือกส่งคนรักของเขาไป ไม่ใช่ตัวเอง ด้วยสองเหตุผล หนึ่งคือจงแดตัวคนเดียว ไม่มีความกังวลถึงคนข้างหลัง สองคือจงอินแข็งแรงกว่าและฉลาดเฉลียวกว่า การฝากทั้งแม่บุญธรรมและจุนมยอนไว้ในความดูแลของจงอินจึงสมเหตุสมผลกว่า


              “นายเองก็ด้วย”


              จงแดไม่มีครอบครัว อีกนัยหนึ่ง... คือจงแดไม่มีใครนอกจากแบคฮยอน ฉะนั้น จะให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาต้องทำอะไรไม่ได้เป็นอันขาด


              “ฉันรักนายนะ รักมาก ๆ เลย... แบคฮยอน”


              “ฮื่อ... ” สมาร์ตโฟนของชานยอลในมืออีกข้างหนึ่งของเขาส่งเสียงครืดคราดออกมาพร้อมกัน “ฉันก็รักนาย”


              “รีบมาล่ะ”


              “ฉันสัญญา”


              สายถูกตัดพร้อมกับที่เขารับโทรศัพท์อีกเครื่องหนึ่ง


              “รีบกลับมา แบคฮยอน” ร้อยโทปาร์คพูดห้วน ๆ ด้วยประโยคที่แทบจะเป็นประโยคเดียวกับของจงแดอย่างน่าประหลาดใจ


              อา... แบคฮยอนไม่รู้เลยว่า รีบมา ของใครที่มีอิทธิพลเหนือหัวใจของตัวเองมากกว่ากัน

     






              ภาษาเยอรมันของชานยอลดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงตอนนี้ อีกฝ่ายพอจะผันกริยา บุรุษสรรพนาม และจำแนกคำนามตามเพศได้บ้างแล้ว


              เสียงนาฬิกาตีสิบเอ็ดครั้งดังมาจากห้องโถงชั้นล่าง สะท้อนกลับไปกลับมาในความกว้างใหญ่ทว่าเกือบจะว่างเปล่าของบ้านที่มีผู้อาศัยเพียงไม่กี่ราย โดยเฉพาะ... ชั้นสอง ซึ่งเขาและชานยอลจับจองห้องพักในแต่ละปีก โดยมีห้องทำงานของร้อยโทปาร์คอยู่ตรงกลาง


              “ดวงดาว... เป็นเพศอะไรนะ” ผู้บังคับบัญชาขูดขีดปลายปากกาไปมาบนโต๊ะ “เพศหญิงหรือเปล่า”


              “ผิด เพศชายต่างหาก” แบคฮยอนเขียนคำตอบที่ถูกต้องลงบนกระดาษ “Der Stern (แดร์ ชแตร์น) ”


              “น่ารำคาญ” ร้อยโทปาร์คพาล “คำนามกี่พันกี่หมื่นคำ มีเพศกำกับทุกคำเลยหรือไง ยุ่งยากชะมัด Der (แดร์) เพศชาย Die (ดี) เพศหญิง Das (ดาส) เพศกลาง แล้วคำนามกับเพศที่กำกับยังพิลึกพิลั่นสุด ๆ มีอย่างที่ไหน กระโปรงเป็นเพศชาย ดวงอาทิตย์เป็นเพศหญิง”


              อีกฝ่ายหมายถึง Der Rock (แดร์ ร็อก) และ Die Sonne (ดี ซอนเนอ) หมายถึงกระโปรงและดวงอาทิตย์ตามลำดับ น่ารำคาญจริง ๆ อย่างชานยอลว่า เขาเมื่อเริ่มเรียนก็รู้สึกไม่ต่างกัน


              “จำแนกเพศของคำนามไม่ได้ ก็ไม่มีวันใช้ภาษาเยอรมันได้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์” ผู้ติดตามบอกความจริงอันขมขื่น “จะเลิกเสียก็ได้นะ”


              “ไม่เลิกหรอก”


              เขาถามออกไปโดยไม่ทันคิด “ทำไม... ”


              “บอกว่าไม่เลิกก็ไม่เลิก นายต่างหาก จะเซ้าซี้ทำไม!


              ชายหนุ่มร่างเล็กหดคอโดยอัตโนมัติเมื่ออีกฝ่ายเสียงดังขึ้น ปากกาในมือร่วงผล็อย


              แบคฮยอนกล้าหาญ แต่ลึกลงไป ความหวาดกลัวที่มีต่อชนชั้นสูงยังเบ่งบาน แม้จะถูกกลบฝังด้วยความเกลียดชังและความสามารถในการเอาชีวิตรอดก็ตาม ห้าปีในเปียงยางไม่ได้ลบเลือนความรู้สึกนั้นไป ความรู้สึกที่ว่าหากต้องการ... จะชานยอลหรือพลเอกชเวก็ตาม สะบัดมือครั้งเดียว เพียงพอจะทำให้ลมหายใจของเขาหลุดลอย


              “เป็นอะไรไป” ร้อยโทปาร์คถาม ขณะที่ชายหนุ่มร่างเล็กก้มลงเก็บปากกาลูกลื่น “ตกใจหรือเปล่า”


              ผู้ติดตามนวดขมับไปด้วย “นิดหน่อย แต่ไม่เป็นไร”


              “ขอโทษนะ” อีกฝ่ายบอกอย่างง่าย ๆ อันที่จริง ชานยอลเป็นชนชั้นสูงที่ออกปากขอโทษเขาบ่อยครั้งที่สุด นับแต่แบคฮยอนเคยพบมา “ฉันไม่ชอบ ไม่ชอบเลยที่บางครั้ง... ทำให้ใครต่อใครรู้สึกไม่ดี”


              ชายหนุ่มร่างเล็กหันไปมองอย่างประหลาดใจ ผู้บังคับบัญชาละสายตาจากแบบฝึกหัด เสมองชั้นหนังสือข้าง ๆ ขณะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่วงท่าราวทหารผ่านศึกผู้สูญเสียแขนขา “ฉันไม่อยากเป็นเหมือนพ่อ”


              สิบกว่าวัน... แบคฮยอนคิด สิบกว่าวันที่อยู่ด้วยกัน เพียงพอแล้วสินะที่แกจะเผยด้านที่อ่อนแอ ไว้ใจฉันแล้วสินะ ไม่ระแคะระคายแล้วสินะ


                “ช่างเถอะ... นายไม่อยากรู้หรอก”    


              “ไม่เอาน่า” เขาเร้า “ฉันอยากฟัง”


                อ่อนหัดจริง ๆ

     






                ส่วนหนึ่งในใจกรีดร้อง อย่าบอกแบคฮยอน อย่าบอกเขา อย่าไว้ใจเขา! ถึงอย่างนั้น มันกลับไร้น้ำหนักเมื่อเทียบกับความรู้สึกที่ว่า ผู้ติดตามจะไม่ทำร้ายเขา แบคฮยอนจะไม่ทำร้ายเขา แม้จะไม่รู้ว่าความรู้สึกนั้นงอกเงยขึ้นจากอะไรก็ตาม


              “โลกของพ่อ... น่ากลัว” ชานยอลกระซิบออกมาในที่สุด “ตั้งแต่เล็ก ฉันโตมาพร้อมกับความรู้สึกที่ว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ พ่อหรือแม่ หรือแม้แต่ตัวเอง จะถูกทำให้หายไป... เมื่อไหร่ก็ได้ ชีวิตช่างเปราะบาง เหมือนขนนกหรือเส้นด้ายที่ตึงเขม็ง ฉันไม่เคยอยากเป็นทหาร ไม่เคยเลย”


              เขาเห็นแบคฮยอนขมวดคิ้ว “ไม่เคยอยากเป็น แต่ว่านาย... ”


              “ฉันทำได้ดี ทำได้ดีเสมอ แต่การทำบางสิ่งได้ดี ไม่ได้หมายความว่า... เรารักที่จะเป็น หรือแม้แต่รักที่จะทำ” ชายหนุ่มร่างสูงพูดช้า ๆ พรั่งพรูความในใจออกมา “ฉันรู้ว่าฉันต้องทำอะไร รู้ว่าต้องเป็นอะไร รู้ว่าปฏิเสธอะไรได้ และปฏิเสธอะไรไม่ได้ ฉันปฏิเสธการเป็นพลเอกปาร์คชานยอลในอนาคตไม่ได้ แต่ปฏิเสธการเป็นพลเรือเอกปาร์คมินกูคนที่สองได้ ดังนั้นจึงจากบ้านมา เพราะบ้านหลังเดิมคับแคบและจอแจเกินไปก็ใช่ เพราะไม่อยากเป็นเหมือนพ่อ... ก็ใช่”


              “อะไรที่ว่าไม่อยากเป็นเหมือนพ่อ”


              “เมื่อเป็นพ่อ พ่อเป็นพ่อที่ดี แต่เมื่อเป็นพลเรือเอกปาร์ค พ่อหวาดระแวง พ่ออารมณ์ร้าย พ่อเอาชีวิตใครต่อใครโดยไม่กะพริบตา พ่อไม่แยแสผู้คน พ่อไม่มีหัวใจ ฉันปฏิเสธการเป็นเหมือนพ่อ ทั้งที่เป็นเมล็ดพันธุ์ของพ่อ ทั้งที่พ่อหยั่งรากลึกในตัวฉัน ไม่เคยชอบที่ทำให้นายตกใจ ไม่เคยชอบที่ทำให้นายหรือเซฮุนกลัว แต่ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ มันเป็นส่วนหนึ่งของฉัน เป็นเบ้าที่หลอมฉันมา จะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันทำยังไง แบคฮยอน!


              ประกายอย่างหนึ่งวาบขึ้นในดวงตาของอีกฝ่าย ชายหนุ่มร่างเล็กก้าวถอยหลัง ดังนั้น ชานยอลจึงได้สติ


              “ขอโทษ เอาอีกแล้ว” เขาถอนหายใจ “บ้าจริง”


              ร้อยโทปาร์คไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นนัก ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยตั้งคำถาม เขาไม่รู้ว่าในโลกภายนอก ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจิตวิทยาเป็นที่แพร่หลาย และหลายต่อหลายคนที่มีความขัดแย้งในตัวเอง... เหมือนกับเขา คลายความขัดแย้งภายในลงได้ด้วยการเข้ารับคำปรึกษาจากจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา ชานยอลไม่รู้จักโลกใบนั้น ชายหนุ่มร่างสูงรู้จักแต่โลกใบนี้ โลกที่การกระทำบางอย่างซึ่งขัดต่อสามัญสำนึกไม่เคยถูกตีแผ่ โลกที่การเข้าพบจิตแพทย์เป็นเรื่องสกปรกและน่าละอาย


              “นานแล้ว” ชานยอลเอ่ยออกไปเมื่ออีกฝ่ายกลับมายืนที่จุดเดิม “นับจาก... คืนนั้น”


              “คืนไหน”


              “คืนที่ฉันทำให้นายเสียเสื้อคลุมชุดนอนตัวโปรดไป”


              ผู้ใต้บังคับบัญชากลืนน้ำลายอย่างไม่ปิดบัง


              “หายกลัวหรือยัง แบคฮยอน”


              “ฉัน... ”


              “ไม่ได้กลัวฉัน หรือรังเกียจฉันไปแล้วใช่ไหม”


              ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงถาม เพราะเขาหลีกเลี่ยงการแตะเนื้อต้องตัวอีกฝ่ายมาตลอดสัปดาห์หรือเปล่า ความกระหาย และโหยหาอย่างน่าประหลาดจึงกลายเป็นความสงสัย เป็นความขุ่นข้องซึ่งตกตะกอนอยู่ในภายในใจ


              ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แบคฮยอนจึงตอบเขาด้วยประโยคนั้นเช่นกัน


              “ฉันไม่ได้กลัว”

     






              หมอนี่อ่อนแอ ไม่ใช่คู่มือของฉันเลย


              แบคฮยอนดูแคลน ร้อยโทปาร์คชานยอลเปราะบาง... เปราะบางเหลือเกิน เด็กชายจอมโยเยที่เติบโตมาโดยปราศจากโอกาสในการเป็นตัวของตัวเอง ช่างน่าสมเพช ถูกหล่อหลอมให้เชื่อ ถูกสั่งสอนให้ทำ และถูกบังคับให้เป็น ท้ายที่สุด ยังไม่มีความกล้าหาญมากพอจะหักด่านทลายโรงออกจากกรงหรือกรอบซึ่งถูกสร้างไว้ให้อยู่


                “ฉันไม่ได้กลัว”


              ฉันไม่ได้สงสาร ไม่ได้เห็นใจ เขาบอกตัวเองอย่างนั้น ช่วยไม่ได้ ต่อให้แกจะรู้สึกยังไง เราก็...


              “ขอบคุณ”


              เราก็ยืนอยู่คนละฝั่งของกระดาน


              “ขอบคุณที่ฟังฉัน มีไม่กี่คนที่บอกว่าอยากฟัง แบคฮยอน หนึ่งในนั้นคือนาย”


              แต่ความสงสารเหมือนเถาวัลย์ มันลดเลี้ยวมาถึงยังหัวใจของเขาจนได้ ชายหนุ่มร่างเล็กตัดมันออกด้วยความชิงชังอันคมกริบ แต่สายเกินไป ส่วนหนึ่งของเถาวัลย์เส้นนั้นหยั่งรากลงในจิตใต้สำนึกของเขาแล้ว


              เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึก... ว่าชานยอลเป็นเพียงเด็กหนุ่ม เด็กหนุ่มซึ่งยังไม่เติบโตเป็นชายหนุ่มเต็มตัว ว่าชานยอลอ่อนกว่าตัวเองถึงสี่ปี ว่าชานยอลไม่ได้เป็นเพียงศัตรูคู่อาฆาต แต่เป็นมนุษย์ มนุษย์ที่ติดอยู่ในตม ยื่นมือขึ้นมา ขอความช่วยเหลือจากเขาซึ่งไม่แยแส


              “จะเรียนต่อไหม”


              “ไม่ไหวแล้ว ดึกแล้ว”


              “ได้... ถ้าอย่างนั้น ราตรีสวัสดิ์”


              แต่ทันทีที่ชายหนุ่มร่างเล็กหันหลังให้ ร้อยโทปาร์คกลับโพล่งขึ้นว่า “จูบฉันหน่อยได้ไหม”


              เขาหันกลับไปอย่างรวดเร็วด้วยความประหลาดใจ หูทั้งสองของอีกฝ่ายเป็นสีแดง ชานยอลไม่ได้ดูเหมือนนายทหารชั้นสัญญาบัตรผู้กราดเกรี้ยวในคืนแห่งความตื่นตระหนกของแบคฮยอนเลย


              “จูบนาย... นี่มัน... ไม่ใช่ภาระหน้าที่ของผู้ติดตาม”


              “ฉันเคยบอกแล้ว” อีกฝ่ายบอกอย่างหนักแน่น “เวลาที่เราอยู่ด้วยกัน... แค่สองคน ฉันไม่อยากเป็นร้อยโท ไม่อยากเป็นเจ้านาย”


              ทำสิแบคฮยอน ทำสิ... โอกาสทองชัด ๆ


              “มานี่สิ”


              “ไม่... นายนั่นแหละมา”


    ชานยอลไว้ใจ... ท้ายที่สุดจะตกหลุมรัก ภารกิจจะลุล่วง เป็นไปตามแผนที่วางไว้


    เสียงเล็ก ๆ ที่พร่ำอยู่ซ้ำ ๆ ในความคิดอ่านเงียบไปอึดใจหนึ่ง เมื่อเขานั่งลงบนตักของอีกฝ่าย ประจันหน้ากัน โน้มใบหน้าของอีกฝ่ายลงมา และบรรจงจุมพิต


    ชานยอลจูบตอบอย่างช้า ๆ มือข้างหนึ่งของร้อยโทปาร์คถูกใช้เพื่อประคองใบหน้าของแบคฮยอน มันอบอุ่นจนถึงร้อน... อีกแล้ว เช่นเดียวกับที่ผิวของเขาเย็นเยียบอย่างเสมอต้นเสมอปลาย


    น่าประหลาดที่เมื่อผิวหนังอันร้อนและเย็นนั้นสัมผัสกัน ผู้ติดตามจอมปลอมกลับรู้สึกได้ถึงขั้วตรงข้ามซึ่งซุกซ่อนอยู่ภายใน ใต้ความมุทะลุ แปรปรวน และเกรี้ยวกราด ชานยอลมีความเยือกเย็นและอ่อนไหวซ่อนอยู่ ขณะเดียวกัน ใต้อาการเมินเฉย แข็งกระด้าง และชืดชา แบคฮยอนมีความเห็นอกเห็นใจ เป็นรสชาติอันสว่างไสวที่ตัดไม่ขาด


              ใบหน้าของจงแดเลือนรางลง


              ทั้งเขาและชานยอลกักขังอสูรร้ายไว้ภายใน อสูรร้ายนั้นคือสิ่งที่คนทั้งสองไม่ต้องการจะเป็น สิ่งที่ขัดต่อธรรมชาติของคนทั้งคู่ เพียงแต่ถูกสร้างขึ้นด้วยแรงกดดันของสิ่งแวดล้อมและชะตาชีวิต


              ไม่รู้ว่าชานยอลรู้หรือไม่ แต่เขารู้... วันใดที่อสูรตนนั้นตื่นขึ้น มันจะกัดกินทั้งเขา และคนที่เขากำลังจุมพิตอยู่นี้โดยปราศจากความเมตตา


              “อย่าเพิ่งหยุดซี่... ขออีกหน่อย... นะ”


              เขาเองก็อยากจะทำอย่างนี้ โดยลืมว่าต้องทำอะไร อยากจะแค่... จุมพิตอีกฝ่ายไปจนกว่าจะรุ่งสาง

     






              นานแล้วที่ชานยอลไม่ได้ตื่นขึ้นท่ามกลางไอร้อนจากลมหายใจ และไออุ่นจากเลือดเนื้อ ครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อเขายังเล็ก เด็กเกินกว่าจะมีห้องส่วนตัว ร้อยโทปาร์คในวันวานฝันร้าย และต้องลี้ภัยสู่อ้อมแขนผู้ให้กำเนิด


              แบคฮยอน...


                อีกฝ่ายไม่รู้สึกตัว ผู้ติดตามดูไร้พิษสง ชายหนุ่มร่างเล็กคู้ตัวอยู่เคียงข้าง ใช้แขนของเขาต่างหมอน แบคฮยอนขมวดคิ้วเล็กน้อย จะด้วยพื้นอันกระด้างหรืออุณหภูมิซึ่งลดต่ำลงอย่างรวดเร็วก็ตามแต่ ชานยอลหายใจเข้า สัมผัสแห้งแล้ง แสบเล็กน้อย และเยือกเย็นในโพรงจมูกทำให้ประหลาดใจ ได้ยินเสียงลมพัดเกรียว เขย่ากรอบหน้าต่างดังกึก ๆ พอดีกับที่ผู้ใต้บังคับบัญชาส่งเสียงอู้อี้ คู้ตัวยิ่งขึ้น และแนบชิดยิ่งขึ้น


              เขาลืม... ปิดหน้าต่างห้องทำงาน


              “ห้องทำงาน” ชานยอลกระซิบ


              ความทรงจำรี่เข้าปะต่อกันเป็นรูปร่าง


              เขากับแบคฮยอนกอดก่ายกันอยู่บนพื้นห้องทำงาน ร้อยโทปาร์ครอบคอบเสมอ ถูกฝึกฝนให้มีประสาทสัมผัสอันเฉียบคม และมีความระแวดระวังเป็นที่หนึ่ง ไม่เคยลืมที่จะตรวจดูประตูและหน้าต่าง ไม่เคยเผอเรอ ปล่อยให้ศัตรูหรือผู้มีแนวโน้มจะเป็นศัตรูเข้าประชิดตัว ที่สำคัญ ไม่เคยนอนบนพื้นห้องทำงาน


              ผู้ติดตามกลับฉีกกระชากทุกสิ่ง... ทั้งหมดที่เป็นชานยอล ด้วยจุมพิตเดียว


              เสื้อผ้าทุกชิ้น ร้อยโทปาร์คกวาดตามอง... ยังอยู่ครบ ทั้งของแบคฮยอนและของเขา ไม่มีร่องรอยถูกขยำ ขยี้ ทึ้ง หรือทำลาย สะอาด และแห้งสนิท เว้นแต่... รอยเปียกชื้นเป็นวงใหญ่ ตรงกลางระหว่างขาทั้งสองของชายหนุ่มร่างสูง


              ความชิงชังในตัวเองพลุ่งพล่าน


              จูบของผู้ติดตามมีพิษ มันทำลายสติสัมปชัญญะทั้งมวล ทำให้ชานยอลหอบหายใจ ใบหูและใบหน้าเป็นสีแดง น้ำลายเหนียวและท้นท่วม


              “อย่าเพิ่งหยุดซี่... ขออีกหน่อย... นะ”


                แบคฮยอนปฏิบัติตามคำสั่ง จูบอันเงียบงันกลายเป็นจูบที่แข็งกระด้าง หยาบโลน และปราศจากมารยาทในไม่ช้า ทุกการสัมผัสก่อให้เกิดเสียงดัง และทุกรสสัมผัสก่อให้เกิดการขบถ ทรยศต่อความห่วงใยของพ่อ ความเป็นกังวลของคยองซู ร้อยโทปาร์คหันหลังให้อุดมการณ์และความรอบคอบ เมื่อชายหนุ่มร่างเล็กวางมือลงบนจุดกึ่งกลางลำตัวของเขา


              “ฉันรู้ว่านายรู้สึก” อีกฝ่ายว่าเสียงพร่า “ฉันรู้... ชานยอล”


                ปล่อยให้ผู้ติดตามใช้มือข้างเดียวกันนั้นชำแรกเข้ามาภายใน... ลงไปข้างใต้ กอบกุมศูนย์รวมแห่งอารมณ์และความปรารถนา หยอกเอินศูนย์กลางแห่งความกระหายที่ขยายใหญ่ขึ้น อาการปวดแล่นพล่านตลอดร่างกายช่วงล่าง ชานยอลไม่รู้สึกตัวเลยเมื่อแยกปลายเท้าจากกัน เพิ่มพื้นที่แห่งการปรนเปรอด้วยมืออันเย็นเยียบของอีกคนหนึ่ง ไม่ช้า เขาครวญคราง


              “เบา ๆ ใครจะได้ยินเข้า”


                “ฉันทำไม่ได้” ร้อยโทปาร์คสำลัก ปลายเท้าหดเกร็ง “ฉันทำไม่ได้ เมื่อ... ” ลมหายใจขาดห้วง แบคฮยอนขยับมือขึ้นและลงรวดเร็วยิ่งขึ้น “เมื่อนายทำแบบนี้”


                คิดว่าอีกฝ่ายจะหัวเราะ แต่ชายหนุ่มร่างเล็กกลับขยับเข้าใกล้ เอียงด้านหนึ่งของลำคอให้เขา


                “กัดมันสิ”


                ทันใดนั้น เขากลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา


              ร่องรอยของการขบกัด ดูดกลืนด้วยแรงปรารถนาปรากฏอยู่บนลำคอด้านซ้ายของแบคฮยอน บนไหปลาร้า และที่ส่วนบนสุดของอก ร่องรอยนั้นเป็นสีแดงเข้ม บางส่วนติดต่อกันเป็นเนื้อเดียว บางส่วนเป็นจุดเล็ก ๆ คล้ายหยดเลือดตกกระทบแล้วแผ่ซ่าน มันจะกลายเป็นสีม่วงและสีเขียวในไม่ช้า


              ภาพสุดท้ายในสติอันรางเลือน คือภาพที่ศีรษะของตัวเองแหงนเงย มองเพดานห้องทำงานกระทั่งใบหน้าของผู้ติดตามบดบังทัศนียภาพ แบคฮยอนชะโงกตัวอยู่เหนือเขา ขยับมืออย่างบ้าคลั่งราวผสมเครื่องดื่ม เพียงแต่ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ใช่สุราผสม แต่เป็นของเหลวแห่งความขื่นขมและสุขสมในเวลาเดียวกัน


              ขื่นขมในความพ่ายแพ้ สุขสมเมื่อเห็นรอยแดงเป็นจ้ำบนลำคอเปลือยเปล่า ขาวซีด


              ผู้ใต้บังคับบัญชายังหลับสนิท ยึดเหนี่ยวแขนและร่างกายส่วนหนึ่งของเขาไว้ เกาะเกี่ยวราวจะให้เป็นที่พึ่งสุดท้าย เป็นหลักชัยท่ามกลางกระแสลมแรง ร้อยโทปาร์คจึงทิ้งตัวลงนอน รวบเอาอีกคนหนึ่งเข้าใกล้ แบคฮยอนซุกหน้าลงกับอกของเขา กระซิบว่า “หนาว”


              ไม่ต่างจากเด็กเล็ก ๆ ดูไม่เหมือนใครก็ตามที่มีแนวโน้มจะเป็นศัตรูของเขา เขาอาจชอบผู้ติดตามเมื่อหลับใหลมากกว่าเมื่อตื่นนอนก็ได้ ชายหนุ่มร่างเล็กในเวลานี้อ่อนแอ เปราะบาง ไร้พิษภัยอย่างเหลือเชื่อ


              “ฉันรู้” ชานยอลพูดด้วยเสียงแผ่วเบา


              นึกทบทวนเหตุการณ์ในคืนนั้น คืนที่เขาเป็นกังวลมาโดยตลอด ว่าได้ทำให้แบคฮยอนกลัว... หวาดระแวงผู้บังคับบัญชาอย่างถาวร ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงเรียกของแม่บ้าน ไม่ใช่เพราะการมาถึงของคนของพลเรือเอกปาร์ค ชานยอลรู้... ผู้ติดตามเจ็บตัวแน่


              ความปรารถนาที่ถูกปลุกเร้าให้แตกซ่านย่อมไม่ปราณีใคร


              แต่เพราะอะไรกันนะ... แปลกจริง เหมือนเขาจะลืมไปเสียสนิท ทำไมกัน อาการคลุ้มคลั่งจึงครอบงำร้อยโทปาร์ค ความกระหายจึงมีชัยเหนือทุกสิ่ง เพราะเสื้อคลุมชุดนอนผ้าซาตินตัวนั้น ตัวที่แบคฮยอนยืนกรานจะซื้อ ตัวที่แบคฮยอนสวมมันเข้ามาในห้องทำงานโดยปราศจากเหตุผล


              เหตุผล ชานยอลกลืนน้ำลาย


              อันที่จริง... พอจะมีเหตุผล


              ไม่มีใครจงใจสวมชุดใหม่ที่ยังไม่ได้ซักแน่ แบคฮยอนต้องการอะไรบางอย่าง เขาเคยคิดอย่างนั้น คิดก่อนที่สติสัมปชัญญะจะถูกทำให้หายไปด้วยการรุกเร้าอย่างถึงพริกถึงขิง ถ้าการรุกเร้าในคืนนั้นไม่ได้บังเอิญเป็นไป แต่ปะทุขึ้นด้วยการเป็นใจของอีกคนหนึ่งล่ะ...


              แย่แล้ว! หัวใจของร้อยโทปาร์คเต้นแรงขึ้น ลืมไปเสียสนิทเลย!


                ก่อนหน้านั้น เขาเคยสงสัยไม่ใช่หรือว่าเสียงครืด ๆ ที่ได้ยินจากพัสดุของผู้ติดตามคืออะไร เพจเจอร์หรือเครื่องส่งสัญญาณวิทยุ เขาสงสัย... กำลังสงสัย และกำลังจะสืบสวน ก็พอดีกับที่ชายหนุ่มร่างเล็กเปิดประตูเข้ามา ปรากฏตัวในเสื้อคลุมชุดนอนผ้าซาตินสีขาวสะอาด


              แล้วความระแวดระวังก็เหือดหาย


              ผ่านมาแล้วกว่าสัปดาห์นับแต่เหตุการณ์นั้น ชานยอลแทบจะผุดลุกนั่งด้วยอารามรีบร้อน ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก รวบรวมความคิดอ่าน ค่อย ๆ เลื่อนแขนออกจากใต้ศีรษะของแบคฮยอนอย่างนุ่มนวล แทนที่ด้วยหนังสือซึ่งเอื้อมถึงได้จากพื้นห้องทำงาน


              เป็นโอกาสดีที่จะสืบดูให้รู้แน่ ร้อยโทปาร์คยืนขึ้น ระวังไม่ให้ข้อต่อส่งเสียงกรอบแกรบ ออกจากห้องทำงานด้วยฝีเท้าเบา เงียบกริบ ประตูห้องนอนของผู้ติดตามไม่ได้ล็อก ชายหนุ่มร่างสูงหมุนลูกบิดแล้วก้าวเข้าไป ไม่เปิดไฟ ใช้เวลาครู่หนึ่ง สายตาที่ได้รับการฝึกฝนจากกองทัพประชาชนก็ปรับตัว มองเห็นได้ในความมืด เพียงพอจะรู้ว่าอะไรเป็นไร


              ชานยอลเริ่มต้นการค้นหาอย่างเป็นระบบ รื้อค้นอย่างเงียบเชียบ และให้ของทุกชิ้นอยู่ในสภาพเดิม ท่ามกลางความมืดมิด เขาใช้สัมผัสนำทาง ไม่มีอะไรที่ดูเหมือนเพจเจอร์ เช่นเดียวกับที่ไม่มีอะไรที่ดูเหมือนเครื่องส่งสัญญาณวิทยุ แต่ร้อยโทปาร์คไม่ละความพยายาม


              เขากำลังเลิกผ้าปูที่นอนขึ้นเมื่อได้ยินเสียงนั้นอีก... เสียงครืด ๆ ราวกับฟ้าร้องจากที่ไกล ๆ


              ชายหนุ่มร่างสูงขมวดคิ้ว ยืดตัวขึ้น ยืนนิ่ง มองไปรอบตัวและเงี่ยหูฟัง ต้องหาที่มาของเสียง เขารู้เท่านั้น ต้องหาที่มาของเสียงให้ได้


                เสียงนั้นดังซ้ำไปซ้ำมาราวกับท้าทาย ครืด ๆ ชานยอลสะดุ้ง ครืด ๆ


              อยู่ใกล้ ๆ นี่เอง! ร้อยโทปาร์คร้องในใจอย่างมีชัย ที่เตียง! ฉันรู้แล้ว!


                ผวาเข้าใกล้หมอน ยกขึ้น เสียงครืด ๆ ดังรุนแรง ชานยอลมองหารอยเหน็บของผ้าปูที่นอน เมื่อพบแล้วก็ทำท่าจะดึงออกเพื่อเลิกขึ้น พร้อมกันนั้น ไฟในห้องถูกเปิดสว่างโร่ แสงแยงตาเสียจนชายหนุ่มร่างสูงต้องใช้มือป้อง


              “นายทำอะไร”


              แบคฮยอนนั่นเอง


              อีกหน่อยเดียวเท่านั้น แต่การค้นหาเป็นอันคว้าน้ำเหลว ร้อยโทปาร์คกระแอม หันไปมองผู้ใต้บังคับบัญชา “เตรียมห้องให้นาย” เขาโกหก “ห้องทำงานหนาวเกินไป”


              “Der Lügner (แดร์ ลืกเนอร์) ” ชายหนุ่มร่างเล็กย้อน “นายโกหก”


              “จะเชื่ออย่างนั้นก็ได้”


              “บอกมาสิ” แบคฮยอนออกเดิน เข้าใกล้เขามากขึ้นเรื่อย ๆ “ว่ายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฉันอีก”


              ริมฝีปากนั้นเผยอออก ราวจะชวนเชิญให้จุมพิต ชานยอลหลบตา เป็นครั้งแรกที่เขาหลีกเลี่ยงการสบตาอีกฝ่าย และก็ไม่เสียใจเลยที่ทำอย่างนั้น ไม่เสียใจที่ได้พูดออกไป...


              “ยังไม่รู้อีกมาก แต่คืนนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับการหาคำตอบ”


              ว่าแล้วก็เบี่ยงตัวออกจากทางเดินของอีกคนหนึ่ง ผู้ติดตามชะงักฝีเท้า ท่าทางประหลาดใจ ร้อยโทปาร์คเลิกคิ้ว ขณะหลบฉากและเดินสวนชายหนุ่มร่างเล็ก ออกไปจากห้องโดยไม่หันกลับมามอง


              เขาจะไม่ยอมถูกยั่วยุจนสูญสิ้นสติสัมปชัญญะอีก


              จะไม่ยอมลืมเรื่องสำคัญเป็นเวลากว่าสัปดาห์อย่างนี้อีก


              ชานยอลสาวเท้าเร็ว ๆ กลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง ปิดประตู ลงกลอน และถอนหายใจ เอื้อมมือไปแตะใบหูสองข้าง อุณหภูมิปกติ มันไม่ได้กลายเป็นสีแดง


              ชายหนุ่มร่างสูงไม่รู้เลยว่า ลับหลังเขานั้น เหงื่อขนาดเท่าเมล็ดข้าวโพดหยดลงจากขมับของแบคฮยอนแห่งมูซาน ริมฝีปากที่เคยเผยอออกอย่างยั่วเย้าสั่นระริก


              ผู้ติดตามจอมปลอมกำลังกลัวเหลือเกิน...    

     






              ข้าวต้มให้สัมผัสราวกับหนอนตายในปาก แม้กาแฟก็ฝาดเฝื่อนกว่าเคย จีซูกลับมาทำหน้าที่พลขับ แบคฮยอนนั่งคู่กับชานยอลที่เบาะหลัง จงใจมองออกไปทางหน้าต่างเพื่อหลีกเลี่ยงบทสนทนา


              ใครจะรู้ว่าเขานอนไม่หลับเลยหลังจากเหตุการณ์นั้น


              ทำไมจู่ ๆ ร้อยโทปาร์คจึงรื้อค้นห้องนอนของเขา ถ้าไม่ใช่เพราะอากาศหนาวเสียจนชายหนุ่มร่างเล็กตื่นขึ้นในห้องทำงานว่างเปล่า และเห็นว่าประตูเปิดอยู่ ชานยอลอาจพบโทรศัพท์ของจงอินแล้วก็ได้


              “อ้อ... ลืมไปเลย” จีซูพูดขึ้นเมื่อใกล้ถึงที่หมายแล้ว “ก่อนคุณชายจะตื่น ผมได้รับโทรศัพท์จากคุณ... จำไม่ได้ เขาว่าเป็นเลขานุการต้นห้องของคุณชาย”


              “คยองซู”


              “ใช่ครับ คุณคยองซู” พลขับพยักหน้า “ได้ยินว่า คุณชายได้รับมอบหมายงานใหม่ และต้องทำงานร่วมกับ... เอ้อ... ผมจำชื่อไม่ได้อีกแหละ เห็นว่าเป็นเรื่องด่วน ขอโทษนะครับ เรื่องสำคัญแท้ ๆ ”


              “ไม่เป็นไร จีซู คุณอายุมากแล้ว ทุกวันนี้ที่ยังอาสาเป็นพลขับ ผมก็ไม่รู้จะขอบคุณด้วยคำไหน”


              “คุณชายไม่ควรขอบคุณผม ไม่ใช่เรื่องสมควรเลย”


              “ช่างมันเถอะ” ร้อยโทปาร์คโบกมือ “ผมจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก”


              เมื่อมาถึงอาคารที่ทำการพรรคแรงงาน ชานยอลลงจากรถยนต์ก่อน ทำให้ชายหนุ่มร่างเล็กซึ่งตกอยู่ในภวังค์สะดุ้งและรีบตะกายออกทางประตูฝั่งของตัวเอง รู้สึกราวกับว่าโทรศัพท์ของจงอินจวนเจียนจะหล่นจากกระเป๋าเสื้อ แบคฮยอนซึ่งลืมไปด้วยความตื่นตระหนกว่าได้กลัดกระดุมไว้รัดกุมแล้วผวาคว้าอุปกรณ์สื่อสาร เมื่อได้สติและเงยหน้าขึ้นก็กลืนน้ำลาย


              ร้อยโทปาร์คมองลงมาจากบาทวิถี จ้องเขม็ง ท่าทางสงสัย


              “เป็นอะไรไป”


              “ผมนึกว่า... ” แม้แต่น้ำลายก็ขมปี๋ “นึกว่า... จะมีอะไรหล่น”


              “อะไรกัน” ชานยอลว่าอย่างง่าย ๆ “โทรศัพท์ของคุณไม่ได้อยู่ในกระเป๋ากางเกงหรือไง”  


              อีกฝ่ายหมายถึงสมาร์ตโฟนของตัวเอง แบคฮยอนผงกศีรษะ “ขอโทษครับ” เขาพยายามไม่จ้องดูสมาชิกพรรคแรงงานคนอื่น ๆ รวมถึงนายทหารชั้นสัญญาบัตรที่เดินสวนไปมา “ขอโทษครับ ผมลืมไป”


              “อย่าบ่อยนักล่ะ ลืมอย่างนี้บ่อย ๆ ใคร ๆ จะกล่าวหาได้ ว่าคุณมีพิรุธ ต้องสงสัย ซุกซ่อนอะไรไว้ไม่บอกกล่าว”


              แบคฮยอนไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยว่า ชายหนุ่มร่างสูงในเวลาที่ไม่ได้แทนตัวเองว่าฉัน อีกนัยหนึ่งคือเมื่ออยู่ท่ามกลางผู้คน น่าเกรง และน่ากลัวเท่านี้ ชานยอลแม้จะถูกฟูมฟัก เป็นไข่ในหินของพลเรือเอกเขี้ยวลากดิน แต่ก็ได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวด เติบโตมาท่ามกลางบรรยากาศแห่งการเอาชนะและปฏิภาณ


              ในเวลาที่ร้อยโทปาร์คเก็บงำอารมณ์ส่วนตัว เป็นร้อยโทปาร์คชานยอลในความคาดหวังของผู้คนอย่างเต็มขั้น ไม่ใช่ชายหนุ่มร่างสูงในห้องทำงาน ผู้มีอารมณ์อ่อนไหวและมักจะพ่ายแพ้แก่เขาอย่างง่ายดาย แบคฮยอนไม่เคยกล้าฟันธงลงไปสักครั้ง ว่าในหนึ่งประโยคนั้นเคล้าองค์ประกอบใดเข้าด้วยกัน ความบังเอิญเท่านั้น ความจริงใจเท่านั้น หรือการสำรวจพิรุธและบีบคั้น หยั่งเชิงและประเมินผลอย่างนักการเมือง


              ชานยอลคงหลีกเลี่ยงบทสนทนาเช่นเคย จนกว่าจะถึงห้องทำงานซึ่งเป็นส่วนตัว ผู้ติดตามจอมปลอมก้มหน้างุด ไม่สบตาใครกระทั่งถึงที่หมาย ซึ่งร้อยโทปาร์คชะงักฝีเท้า ทำให้เขาจวนเจียนจะคะมำ แบคฮยอนมองเห็นคยองซูก่อน ต้นห้องของผู้บังคับบัญชายืนตัวตรงแน่ว แข็งทื่อ ริมฝีปากสั่นระริก


              “ท่านครับ... ”


              ไม่ช้า เขาก็รู้ว่าอะไรคือเหตุแห่งความเป็นกังวล เหตุแห่งความร้อนรนของเลขานุการโด


              นกกระสาหนุ่มยืนอยู่ตรงนั้น เซฮุนยืนอยู่ตรงนั้น หน้าประตูห้องทำงาน


              “ฉันถูกมอบหมายงานร่วมกับนาย” ความหลังของชานยอลพูด ท่าทางไม่สบายใจเช่นกัน “เราต้องทำงานร่วมกัน”


              ร้อยโทปาร์คราวสะอึกคำถามออกไป “ใคร... ใครเป็นผู้มอบหมาย”


              เขารู้คำตอบก่อนนกกระสาหนุ่มจะอ้าปากเสียอีก


              “พลเรือเอกซงซอนบี”


              คลื่นลูกใหม่สาดซัด การรุกไล่โดยบ้านซงเริ่มต้น ยังไม่ทันที่เขาจะตอบตกลงในข้อเสนอของมินโฮด้วยซ้ำ เป็นการเร่งเร้าไม่ผิดแน่... เป็นการยั่วเย้า บ่อนทำลาย และบีบบังคับ


              แร้งเฒ่าส่งเขามาเพื่อทำลายชานยอล พลเรือเอกซงก็ส่งเซฮุนมาเพื่อทำลายชานยอลเช่นกัน บ้านซงปล่อยหมัดแรกนับแต่บทสนทนาระหว่างเขากับเสือผู้หญิงแห่งเหล่าทัพ หมัดที่สองได้แก่การชักเชิดเซฮุน มินโฮพยายามซื้อเขา และตอนนี้นกกระสาหนุ่มก็ทอดกายอยู่ใต้อิทธิพลของขั้วอำนาจที่สามในสงครามสามตระกูล


              เป็นอันว่า ทุกสิ่ง... ทุกชีวิตที่จะใช้ทำลายร้อยโทปาร์คได้ อยู่ในกำมือซงซอนบีและซงมินโฮอย่างเบ็ดเสร็จ... เกือบจะเบ็ดเสร็จ ถ้าเพียงแต่แบคฮยอนจะรับข้อเสนอ เท่านั้นเอง!






    #ฟิคเปียงยาง

    เหนื่อยเนอะ เอ๊า 555

    เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ก็ต้องมี งานชิงไหวชิงพริบก็ต้องมา อ๋อยยย


    ฉากแฮนด์จ๊อบของแบคฮยอน ถ้ามันอ้อมโลกมากเกินไปก็บอกได้นะคะ

    คือเราว่ามันไม่ได้มากมายขนาดที่จะต้อง CUT แต่ก็ไม่อยากโดนจิ้มแบนง่าาา ก็เลยสรรคำเต็มที่

    ถ้ามันอ้อมโลกไปจนเริ่มอ่านไม่รู้เรื่องแล้วก็กระทุ้งเราได้เลย


    ร้อยโทปาร์ค ร้อยตรีโอ เลขานุการโด ผู้ติดตามบยอน มาทำงานร่วมกันก็โป๊ะเชะ เซ็ตนี้เลย 555

    แต่มืดมนกว่าประมาณ 10 เท่าได้





    พบกันใหม่เมื่อชาติต้องการรร

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×