คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : L O N E W O L F | Director's cut: Begin again.
? cactus
Director’s cut: Begin
Again
เสียงไซเรนรถดับเพลิงจากที่ไกล
ๆ ทำให้ชานยอลได้สติ ร้อยเอกปาร์คผงกศีรษะขึ้น ไฟราลงเล็กน้อย
การระเบิดนั้นไม่รุนแรง ทว่าก่อความเสียหายอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
“แบคฮยอน...
”
เขากระซิบ
ริมฝีปากแห้งผาก
อดีตผู้ติดตามไม่ได้อยู่ด้านหลังกำแพงเพลิงซึ่งระเบิดจากครัวและลามเลียห้องโถงอย่างรวดเร็วแล้ว
ดี... ชานยอลคิดอย่างนั้น หนีไป... ไปเร็วเข้า
แรงระเบิดและออกซิเจนที่อันตรธานไปทำให้เขาหมดสติไปชั่วขณะ
ถึงอย่างนั้น เมื่อร้อยเอกปาร์คตบลงบนส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
ชายหนุ่มร่างสูงกลับไม่พบบาดแผลใด ๆ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ เป็นไปได้ยังไง...
ชานยอลถามตัวเอง ระยะเท่านั้น กระสุนของพลเรือเอกซงจะไม่พลาดเป้า
พร้อมกันนั้นก็ได้กลิ่นฉุนเฉียว
เป็นกลิ่นเนื้อไหม้ไฟอย่างน่าสยดสยอง ซอนบีนั่นเอง
อีกฝ่ายนอนคว่ำหน้าบนพื้นห้องโถงซึ่งกลายเป็นสีดำด้วยเขม่า
ร่างกายซีกหนึ่งถูกเผาผลาญเป็นตอตะโก ขณะที่มืออีกข้างหนึ่งยังกำด้ามปืนแน่น
นิ้วโป้งกดลงรูปดาวห้าแฉกสีดำสนิท ปืนพกของเขา ทูลา-โทกาเรฟที่ซื่อสัตย์กับร้อยเอกปาร์คตลอดอายุการใช้งาน
“แบคฮยอน! ”
เขาอุทานอีกครั้ง
เพียงแต่ไม่ได้เป็นไปเพราะห่วงหาอดีตผู้ใต้บังคับบัญชา แต่เพราะรู้แล้วต่างหาก...
สาเหตุที่กระสุนของซอนบีไม่อาจทำร้ายเขา
เพราะปืนพกของเขาด้าน
เพราะชายหนุ่มร่างเล็กทำให้กระสุนปืนขัดลำกล้องเมื่อไม่นานมานี้เอง!
เสียงไซเรนรถดับเพลิงดังขึ้นทุกขณะ
ชานยอลตะเกียกตะกายไปยังร่างที่แน่นิ่งของผู้ให้กำเนิด สัมผัสใบหน้าอันอ่อนโยนแม้เมื่อไร้ชีวิต
เพียงแต่ไม่มีเวลาหลงเหลือสำหรับการคร่ำครวญ ร้อยเอกปาร์คจูบแม่ที่หน้าผาก
ปลดเข็มกลัดประดับด้วยอัญมณีราคาแพงจากอกข้างหนึ่ง และฉีกชายเสื้อที่ชุ่มโชกด้วยเลือดของอีกฝ่าย
ผูกกับปากและจมูก ก่อนกระโจนฝ่ากำแพงเพลิงส่วนที่เตี้ยที่สุดไป
เท้าทั้งสองชา
แทบจะไร้ความรู้สึกเมื่อชานยอลวิ่งไม่คิดชีวิตบนถนนที่ว่างเปล่าโดยไม่เหลียวหลัง
ร้อยเอกปาร์คหักเลี้ยวอย่างกะทันหัน ถลันไปไกลจากย่านมุนฮุงทางตะวันออก
เป็นครั้งแรกที่จุดหมายของเขาเป็นสถานเอกอัคราชทูตจากประเทศเสรี “เยอรมนี อังกฤษ สวีเดน
ใช้สถานทูตร่วมกัน”
เขาเคยบอกอดีตผู้ติดตามอย่างนั้น และตอนนี้เมื่อละทิ้งความชิงชังไป
ชายหนุ่มร่างสูงก็พบว่าสถานที่แห่งนั้นเรืองรองด้วยความหวังที่ตัวเองไม่อาจพบได้จากที่ไหน
มินโฮตายแล้ว
พลเรือเอกซงก็เหมือนกัน ร้อยเอกปาร์ครำพึงในใจขณะบังคับร่างกายให้พุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยความเร็วสม่ำเสมอ
แร้งเฒ่า พ่อของฉัน จะเหลือก็แต่ซึงฮยอน... กับซึงวาน ดีแล้ว
ซึงฮยอนเป็นพี่ชายของเธอ ซึงวานจะปลอดภัย
ความรู้สึกปลงตกกัดกินความคิดอ่านของชานยอล
เท่านี้เองหรือ... หลังจากการฟาดฟันอย่างเอาเป็นเอาตายตลอดหลายปี ไม่ช้าส่วนหนึ่งของหัวใจก็ตอกกลับ
เออ... เท่านี้เองแหละ
จะได้รู้เสียที
ว่าทั้งสามตระกูลต่างห้ำหั่นกันอย่างไร้ประโยชน์ เพื่อจะถึงจุดจบซึ่งตนเป็นผู้ก่อขึ้น
สิ่งสร้างอันยิ่งใหญ่ไม่อาจถูกทำลายจากภายนอก เว้นแต่จะทำลายตัวเองจากภายใน
ชานยอลเข้าใจประโยคที่ว่านั้นอย่างถ่องแท้ในวันนี้เอง
“ไปจากเรื่องนี้เสียที
ไปจากเรื่องนี้ให้ได้” ชายหนุ่มร่างสูงพึมพำกับตัวเอง “ไป... หาแบคฮยอนให้พบ”
หนึ่งปีเจ็ดเดือนหลังจากนั้นเต็มไปด้วยความทุกข์ยาก
ร้อยเอกปาร์คแฝงตัวปะปนกับนายทหารชั้นประทวนที่เส้นขนานที่สามสิบแปด
เฝ้าดูการคำรามโต้ตอบของสองฝ่ายอย่างเจ็บปวด อย่าทำอย่างนี้เลย
เขามักร่ำร้องโดยไร้เสียง พวกนายไม่เคยเกลียดกันจริง ๆ หรอก
โอกาสมาถึงในที่สุดเมื่อเกิดการทะเลาะวิวาทขึ้น
เวลาผ่านไปรวดเร็วกว่ากะพริบตาเมื่อเขากระโจนผ่านรั้วลวดหนามไปยังอีกฝั่งหนึ่ง
ชูแขนทั้งสองขึ้นเหนือศีรษะและละล่ำละลักบอกคนเหล่านั้นว่า “ฉันยอมจำนน” ชานยอลพูดอย่างหนักแน่น
“ยอมสวามิภักดิ์”
เขาถูกพาไปยังที่ต่าง
ๆ ซึ่งปิดมิดชิดเป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน
รัฐบาลพี่น้องที่ใต้เส้นขนานไม่อาจวางใจชายซึ่งเคยยิ้มอย่างภาคภูมิใจข้างผู้นำประเทศ
เจ้าหน้าที่ระดับสูงในพรรคแรงงาน หรือร้อยเอกจากโชซอนอินมินกุนได้
ร้อยเอกปาร์คถูกสอบสวน ซักฟอก กระทั่งคาดคั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถูกกักบริเวณ
เฝ้าระวังพฤติกรรมเป็นเวลากว่าปีจึงได้รับการปล่อยตัว และโชคดีอย่างเหลือเชื่อ
หลังเผชิญโชคร้ายมาอย่างโชกโชน
อดีตนักสังคมสงเคราะห์ซึ่งผันตัวเป็นพ่อค้าในตลาดเมียงดงรับอุปการะเขา
“เธอไม่เหมือนคนอื่น”
อีกฝ่ายให้เหตุผลอย่างนั้น “เธออาจยังหนุ่มมาก แต่แววตาแห้งแล้งเหมือนเห็นโลกมาแล้วทั้งใบ
เธอตั้งคำถามกับสิ่งที่เป็นอยู่เสมอ ถึงอย่างนั้นก็ยังมีความหวัง บอกฉันได้ไหม
ความหวังของเธอคืออะไร... ”
“การได้พบเขาอีกครั้ง” ชานยอลตอบอย่างง่าย ๆ
“ใครคือเขาคนที่ว่า”
“อดีตผู้ติดตามของผม”
ร้อยเอกปาร์คอธิบาย “สูงเท่านี้ จมูกเล็กเท่านี้ ดวงตาก็เหมือนกัน”
เขาออกท่าทางไปด้วย “แต่ฉลาดเป็นกรด และแสบที่สุด... แสบอย่าบอกใคร
ใจแข็งเสียด้วย หัวรั้นก็เท่านั้น”
พ่อค้าเงยหน้าขึ้นและหัวเราะ
“เธอรักเขา”
“ใช่
ผมรักเขา” ชายหนุ่มร่างสูงบอกอย่างตรงไปตรงมา “ไม่มีเหตุผลอื่นที่ยิ่งใหญ่กว่านี้”
“ไม่เป็นไร”
อดีตนักสังคมสังเคราะห์ส่งยิ้มให้ “เท่านี้ก็เป็นเหตุผลที่ยิ่งใหญ่เพียงพอแล้ว”
แม้จะมีฐานะดีเป็นทุนเดิม
ทว่าผู้ให้ความช่วยเหลือเขากลับเอาจริงเอาจังกับการเปิดร้านขนมปังด้วยเหตุผลที่ชานยอลไม่รู้สึกว่าฟังขึ้นนัก
ชายวัยกลางคนเพียงแต่ชอบพอความผันผวน อีกฝ่ายสนุกกับไล่ตามความต้องการของลูกค้าในตลาดเมียงดง
“ความต้องการของลูกค้า”
ชานยอลขมวดคิ้ว “เราก็แค่... ขายขนมปังไม่ใช่หรือไง”
“เธอติดอยู่ในประเทศสังคมนิยมนานเกินไป” อีกคนหนึ่งให้คำตอบเท่านั้น
เขายังจำวันแรกที่เริ่มงานได้
อดีตร้อยเอกปาร์คเป็นบริกรที่ไม่ได้ความเอาเสียเลย เมื่อชายหญิงคู่หนึ่งจูบกันเหนือกระปุกแยม
ชานยอลกระชากเส้นผมของฝ่ายชายอย่างแรงและบอกว่าทำอย่างนั้นไม่ได้
“ทำไมจะไม่ได้วะ! ”
“ก็...
คุณไม่อายหรือไง” หูของชายหนุ่มร่างสูงเป็นสีแดงเข้ม “ทำเรื่องบัดสีในที่สาธารณะแบบนี้”
“ใครก็ทำทั้งนั้น
ไอ้บ้า เพิ่งจะขึ้นมาจากหลุมไหนวะ”
หากสารภาพว่าเขามาจากเปียงยาง
ชื่อเสียงของร้านขนมปังแห่งนั้นจะตกต่ำลงอย่างไม่ต้องสงสัย
ท้ายที่สุดพ่อค้าจึงบอกใครต่อใครว่าอดีตร้อยเอกปาร์คเป็นหลานชายซึ่งโยกย้ายมาจากทางเหนือ
ไม่เคยมีใครถามผู้ช่วยเหลือเขาว่า
“เหนือแค่ไหน” ไม่มี... กระทั่งการมาถึงแบคฮยอน
เมื่อกิจการร้านขนมปังซบเซาลงระยะหนึ่ง
พ่อค้าเป็นกังวลและทำทุกวิถีทางเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้คนในตลาดเมียงดง
ชานยอลจึงถูกส่งขึ้นตะแลงแกงด้วยการสวมบทบาทพ่อค้ารูปงาม เกิดเป็นเรื่องครึกโครมในสื่อสังคมออนไลน์อยู่ระยะหนึ่ง
“แบบนี้ไม่ต่างกับการ...
เอ้อ... ขายตัวเลยไม่ใช่หรือไง” ผู้ไม่คุ้นเคยกับระบอบทุนนิยมถามอย่างฉุน ๆ
“ฉันจะรอวันที่เธอเลิกทำตัวเป็นผู้ชายสมัยเหมาเจ๋อตง
ฉันจะรอวันนั้น จะตั้งตารอเลยล่ะ! ”
ไม่ช้า
การประคับประคองร้านขนมปังก็กลายเป็นเรื่องน่าสนุกสำหรับอดีตร้อยเอกปาร์ค ชานยอลเปลี่ยนทรงผม
เป็นทรงที่ทันสมัย รู้จักเลือกเสื้อผ้ายิ่งขึ้น หลังจากที่มักถูกพ่อค้าค่อนแคะเสมอว่า
“เหมือนตาลุงอายุสี่สิบเศษไม่มีผิด” ใบหูของเขาเป็นสีอ่อนลงทุกขณะเมื่อพบเห็นการแสดงความรักในที่สาธารณะ
“ฉันว่าขายขนมปังอย่างเดียวไม่พอแล้วล่ะ”
และนั่นเองที่อาจเรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของทุกสิ่งทุกอย่าง
ชานยอลที่เพิ่งกลับจากนัมซานทาวเวอร์
เที่ยวเตร่ด้วยเงินที่เก็บเกี่ยวจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองขมวดคิ้ว “ไม่พออย่างนั้นหรือ”
ชายหนุ่มร่างสูงงุนงง “คุณจะขายอะไรอีกล่ะ”
“คนเรากินอะไรกับขนมปังบ้าง”
“ก็...
นม” อดีตร้อยเอกปาร์คครุ่นคิด “แยม เนย... ทูน่ากระป๋อง”
“ไม่เห็นจะแปลกใหม่ที่ตรงไหน
อย่างนี้ประชันขันแข่งกะใครเขาไม่ได้หรอก” อีกฝ่ายถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม “ต้อมากกว่านี้
ต้องมี... ต้องมีสิน่า”
นานหลายอึดใจกว่าชานยอลจะเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา “ซุปหัวหอม...
”
“อะไรนะ”
“คุณช่วยจัดให้มีอาหารชุดได้ไหม
บาแก็ต ซุปหัวหอม กับนมแพะแก้วหนึ่ง” ชายหนุ่มร่างสูงอ้อนวอน “ได้โปรด
อาจเป็นความคิดที่ไม่ดีนัก แต่สักระยะหนึ่งก็ยังดี เมื่อ... ท้ายที่สุดยังล้มเหลว
ผมจะไม่ว่าอะไร ไม่ว่าเลยจนคำเดียว”
“หมายความว่ายังไง... ที่ว่าล้มเหลว”
“เขาจะรู้ว่าเป็นผม” เขาว่าอย่างเชื่อมั่น “แบคฮยอนจะรู้ว่าเป็นผม
ได้โปรดเถอะ”
เพราะอย่างนั้นเอง เมื่อได้ยินคำถาม “ทางเหนือ...
เหนือแค่ไหน” ด้วยเสียงสั่นเครือ ชานยอลจึงปล่อยมือจากหม้อซุปหัวหอมอย่างปัจจุบัน
ถลันออกมาที่หน้าร้าน เพื่อให้คำตอบที่ชัดเจนที่สุด
“ก็เหนือกระทั่งแม่น้ำฮันเปลี่ยนเป็นแม่น้ำแทดง”
ใบหน้าของแบคฮยอนเปล่งประกายกว่าที่เขาจำได้เสียอีก “แต่ไม่เหนือไปกว่าแม่น้ำทูมัน
ที่ผมได้รับรู้ถึงหัวใจของคุณผ่านมือที่ยื่นลงมาในน้ำเย็นจัด... ”
ทุกอย่างหลังจากนั้นดำเนินไปอย่างลื่นไหล
เรียบง่าย ทว่านุ่มนวล อดีตผู้ติดตามโถมตัวใส่เขา และชายหนุ่มร่างสูงกางแขนทั้งสองออกทันเวลา
ก่อนมอบจุมพิตท่ามกลางสายตาผู้คนในตลาดเมียงดง
น่าขัน...
ลูกค้าที่เขาเคยกระชากเส้นผมด้วยข้อหาเดียวกันนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง จ้องดูด้วยอารมณ์พรึงเพริดพลางอ้าปากค้าง
“ฉันจะให้เงินก้อนหนึ่งสำหรับการ...
ก่อร่างสร้างตัว และ... เอ้อ... ฮันนีมูน” พ่อค้าบอกชานยอลหลังจากนั้น
บอกพลางกระแอมพลางอย่างคนที่เพิ่งจะเห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเป็นฝั่งเป็นฝา “แต่ไม่ใช่ตอนนี้
และอย่าเถลไถลจนเสียการเสียงานเชียวล่ะ”
“น่า...
ผมสัญญา”
อดีตนักสังคมสงเคราะห์สะดุ้งสุดตัวเมื่อชายหนุ่มร่างสูงปรี่เข้าใส่และหอมแรง
ๆ ที่แก้ม “ไง... ผมยังเหมือนผู้ชายสมัยเหมาเจ๋อตงอยู่หรือเปล่า”
พ่อค้าหัวเราะหึ
ๆ ขณะเช็ดน้ำลายของเขาจากแก้มที่หย่อนคล้อย
“ฉันจะเลื่อนขั้นให้เป็นผู้ชายสมัยเติ้งเสี่ยวผิงแล้วกัน
ไอ้เสือ! ”
ฤดูร้อนจวนจะผ่านพ้นไป
และไม่ช้าฤดูใบไม้ร่วงจะมาถึง เช่นเดียวกับฤดูหนาวอันทารุณ
แต่จะเป็นอะไรไปเล่า ก็เขามักอ้อนวอนอย่างนั้นกับแบคฮยอนเพียงคนเดียว เพื่อตักตวงไออุ่นจากร่างกายเล็ก ๆ ก่อนหัวเราะกับท่าทีงุ่นง่านของอีกฝ่าย
ประโยคที่ว่า
“กอดหน่อย” จะได้รับสิ่งเดียวกันตอบกลับ หลังจากเป็นหมันมากว่าสามปีเสียที
#ฟิคเปียงยาง
เป็นตอนพิเศษที่ดูสั้น ๆ เนอะ ไร้แก่นสารอีกละ 555
คือมีความไม่รู้จะเขียนอะไร รู้สึกเหมือนเขียนในเรื่องไปเยอะแล้ว
รออีกตอนหนึ่งนะคะ ถามว่าจะมีสาระขึ้นใช่ไหม
อ๋อเปล่าอ่ะ เท่าเดิม 555 คิดเสียว่าเป็นสี่หน้าเอสี่แก้เครียดจากที่ผ่านมาทั้งหมดแล้วกัน
ความคิดเห็น