ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    end - (exo) lone wolf | chanbaek

    ลำดับตอนที่ #29 : L O N E W O L F | Director's cut: Begin again.

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.11K
      68
      3 เม.ย. 60


    ? cactus




    Director’s cut: Begin Again




     

                เสียงไซเรนรถดับเพลิงจากที่ไกล ๆ ทำให้ชานยอลได้สติ ร้อยเอกปาร์คผงกศีรษะขึ้น ไฟราลงเล็กน้อย การระเบิดนั้นไม่รุนแรง ทว่าก่อความเสียหายอย่างไม่อาจปฏิเสธได้


                “แบคฮยอน... ”


                เขากระซิบ ริมฝีปากแห้งผาก อดีตผู้ติดตามไม่ได้อยู่ด้านหลังกำแพงเพลิงซึ่งระเบิดจากครัวและลามเลียห้องโถงอย่างรวดเร็วแล้ว ดี... ชานยอลคิดอย่างนั้น หนีไป... ไปเร็วเข้า


                    แรงระเบิดและออกซิเจนที่อันตรธานไปทำให้เขาหมดสติไปชั่วขณะ ถึงอย่างนั้น เมื่อร้อยเอกปาร์คตบลงบนส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ชายหนุ่มร่างสูงกลับไม่พบบาดแผลใด ๆ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ เป็นไปได้ยังไง... ชานยอลถามตัวเอง ระยะเท่านั้น กระสุนของพลเรือเอกซงจะไม่พลาดเป้า


                    พร้อมกันนั้นก็ได้กลิ่นฉุนเฉียว เป็นกลิ่นเนื้อไหม้ไฟอย่างน่าสยดสยอง ซอนบีนั่นเอง อีกฝ่ายนอนคว่ำหน้าบนพื้นห้องโถงซึ่งกลายเป็นสีดำด้วยเขม่า ร่างกายซีกหนึ่งถูกเผาผลาญเป็นตอตะโก ขณะที่มืออีกข้างหนึ่งยังกำด้ามปืนแน่น นิ้วโป้งกดลงรูปดาวห้าแฉกสีดำสนิท ปืนพกของเขา ทูลา-โทกาเรฟที่ซื่อสัตย์กับร้อยเอกปาร์คตลอดอายุการใช้งาน


                “แบคฮยอน!


                เขาอุทานอีกครั้ง เพียงแต่ไม่ได้เป็นไปเพราะห่วงหาอดีตผู้ใต้บังคับบัญชา แต่เพราะรู้แล้วต่างหาก... สาเหตุที่กระสุนของซอนบีไม่อาจทำร้ายเขา


                เพราะปืนพกของเขาด้าน เพราะชายหนุ่มร่างเล็กทำให้กระสุนปืนขัดลำกล้องเมื่อไม่นานมานี้เอง!


                เสียงไซเรนรถดับเพลิงดังขึ้นทุกขณะ ชานยอลตะเกียกตะกายไปยังร่างที่แน่นิ่งของผู้ให้กำเนิด สัมผัสใบหน้าอันอ่อนโยนแม้เมื่อไร้ชีวิต เพียงแต่ไม่มีเวลาหลงเหลือสำหรับการคร่ำครวญ ร้อยเอกปาร์คจูบแม่ที่หน้าผาก ปลดเข็มกลัดประดับด้วยอัญมณีราคาแพงจากอกข้างหนึ่ง และฉีกชายเสื้อที่ชุ่มโชกด้วยเลือดของอีกฝ่าย ผูกกับปากและจมูก ก่อนกระโจนฝ่ากำแพงเพลิงส่วนที่เตี้ยที่สุดไป


                เท้าทั้งสองชา แทบจะไร้ความรู้สึกเมื่อชานยอลวิ่งไม่คิดชีวิตบนถนนที่ว่างเปล่าโดยไม่เหลียวหลัง ร้อยเอกปาร์คหักเลี้ยวอย่างกะทันหัน ถลันไปไกลจากย่านมุนฮุงทางตะวันออก เป็นครั้งแรกที่จุดหมายของเขาเป็นสถานเอกอัคราชทูตจากประเทศเสรี เยอรมนี อังกฤษ สวีเดน ใช้สถานทูตร่วมกัน” เขาเคยบอกอดีตผู้ติดตามอย่างนั้น และตอนนี้เมื่อละทิ้งความชิงชังไป ชายหนุ่มร่างสูงก็พบว่าสถานที่แห่งนั้นเรืองรองด้วยความหวังที่ตัวเองไม่อาจพบได้จากที่ไหน


                มินโฮตายแล้ว พลเรือเอกซงก็เหมือนกัน ร้อยเอกปาร์ครำพึงในใจขณะบังคับร่างกายให้พุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยความเร็วสม่ำเสมอ แร้งเฒ่า พ่อของฉัน จะเหลือก็แต่ซึงฮยอน... กับซึงวาน ดีแล้ว ซึงฮยอนเป็นพี่ชายของเธอ ซึงวานจะปลอดภัย


                    ความรู้สึกปลงตกกัดกินความคิดอ่านของชานยอล เท่านี้เองหรือ... หลังจากการฟาดฟันอย่างเอาเป็นเอาตายตลอดหลายปี ไม่ช้าส่วนหนึ่งของหัวใจก็ตอกกลับ เออ... เท่านี้เองแหละ


                จะได้รู้เสียที ว่าทั้งสามตระกูลต่างห้ำหั่นกันอย่างไร้ประโยชน์ เพื่อจะถึงจุดจบซึ่งตนเป็นผู้ก่อขึ้น สิ่งสร้างอันยิ่งใหญ่ไม่อาจถูกทำลายจากภายนอก เว้นแต่จะทำลายตัวเองจากภายใน ชานยอลเข้าใจประโยคที่ว่านั้นอย่างถ่องแท้ในวันนี้เอง


                “ไปจากเรื่องนี้เสียที ไปจากเรื่องนี้ให้ได้” ชายหนุ่มร่างสูงพึมพำกับตัวเอง “ไป... หาแบคฮยอนให้พบ”


                หนึ่งปีเจ็ดเดือนหลังจากนั้นเต็มไปด้วยความทุกข์ยาก ร้อยเอกปาร์คแฝงตัวปะปนกับนายทหารชั้นประทวนที่เส้นขนานที่สามสิบแปด เฝ้าดูการคำรามโต้ตอบของสองฝ่ายอย่างเจ็บปวด อย่าทำอย่างนี้เลย เขามักร่ำร้องโดยไร้เสียง พวกนายไม่เคยเกลียดกันจริง ๆ หรอก


                    โอกาสมาถึงในที่สุดเมื่อเกิดการทะเลาะวิวาทขึ้น เวลาผ่านไปรวดเร็วกว่ากะพริบตาเมื่อเขากระโจนผ่านรั้วลวดหนามไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ชูแขนทั้งสองขึ้นเหนือศีรษะและละล่ำละลักบอกคนเหล่านั้นว่า “ฉันยอมจำนน” ชานยอลพูดอย่างหนักแน่น “ยอมสวามิภักดิ์”


                เขาถูกพาไปยังที่ต่าง ๆ ซึ่งปิดมิดชิดเป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน รัฐบาลพี่น้องที่ใต้เส้นขนานไม่อาจวางใจชายซึ่งเคยยิ้มอย่างภาคภูมิใจข้างผู้นำประเทศ เจ้าหน้าที่ระดับสูงในพรรคแรงงาน หรือร้อยเอกจากโชซอนอินมินกุนได้ ร้อยเอกปาร์คถูกสอบสวน ซักฟอก กระทั่งคาดคั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถูกกักบริเวณ เฝ้าระวังพฤติกรรมเป็นเวลากว่าปีจึงได้รับการปล่อยตัว และโชคดีอย่างเหลือเชื่อ หลังเผชิญโชคร้ายมาอย่างโชกโชน อดีตนักสังคมสงเคราะห์ซึ่งผันตัวเป็นพ่อค้าในตลาดเมียงดงรับอุปการะเขา


                “เธอไม่เหมือนคนอื่น” อีกฝ่ายให้เหตุผลอย่างนั้น “เธออาจยังหนุ่มมาก แต่แววตาแห้งแล้งเหมือนเห็นโลกมาแล้วทั้งใบ เธอตั้งคำถามกับสิ่งที่เป็นอยู่เสมอ ถึงอย่างนั้นก็ยังมีความหวัง บอกฉันได้ไหม ความหวังของเธอคืออะไร... ”


                    “การได้พบเขาอีกครั้ง” ชานยอลตอบอย่างง่าย ๆ


                “ใครคือเขาคนที่ว่า”


                “อดีตผู้ติดตามของผม” ร้อยเอกปาร์คอธิบาย “สูงเท่านี้ จมูกเล็กเท่านี้ ดวงตาก็เหมือนกัน” เขาออกท่าทางไปด้วย “แต่ฉลาดเป็นกรด และแสบที่สุด... แสบอย่าบอกใคร ใจแข็งเสียด้วย หัวรั้นก็เท่านั้น”


                พ่อค้าเงยหน้าขึ้นและหัวเราะ “เธอรักเขา”


                “ใช่ ผมรักเขา” ชายหนุ่มร่างสูงบอกอย่างตรงไปตรงมา “ไม่มีเหตุผลอื่นที่ยิ่งใหญ่กว่านี้”


                “ไม่เป็นไร” อดีตนักสังคมสังเคราะห์ส่งยิ้มให้ “เท่านี้ก็เป็นเหตุผลที่ยิ่งใหญ่เพียงพอแล้ว”


                    แม้จะมีฐานะดีเป็นทุนเดิม ทว่าผู้ให้ความช่วยเหลือเขากลับเอาจริงเอาจังกับการเปิดร้านขนมปังด้วยเหตุผลที่ชานยอลไม่รู้สึกว่าฟังขึ้นนัก ชายวัยกลางคนเพียงแต่ชอบพอความผันผวน อีกฝ่ายสนุกกับไล่ตามความต้องการของลูกค้าในตลาดเมียงดง


                “ความต้องการของลูกค้า” ชานยอลขมวดคิ้ว “เราก็แค่... ขายขนมปังไม่ใช่หรือไง”


                    “เธอติดอยู่ในประเทศสังคมนิยมนานเกินไป” อีกคนหนึ่งให้คำตอบเท่านั้น


                เขายังจำวันแรกที่เริ่มงานได้ อดีตร้อยเอกปาร์คเป็นบริกรที่ไม่ได้ความเอาเสียเลย เมื่อชายหญิงคู่หนึ่งจูบกันเหนือกระปุกแยม ชานยอลกระชากเส้นผมของฝ่ายชายอย่างแรงและบอกว่าทำอย่างนั้นไม่ได้


                “ทำไมจะไม่ได้วะ!


                “ก็... คุณไม่อายหรือไง” หูของชายหนุ่มร่างสูงเป็นสีแดงเข้ม “ทำเรื่องบัดสีในที่สาธารณะแบบนี้”


                “ใครก็ทำทั้งนั้น ไอ้บ้า เพิ่งจะขึ้นมาจากหลุมไหนวะ”


                    หากสารภาพว่าเขามาจากเปียงยาง ชื่อเสียงของร้านขนมปังแห่งนั้นจะตกต่ำลงอย่างไม่ต้องสงสัย ท้ายที่สุดพ่อค้าจึงบอกใครต่อใครว่าอดีตร้อยเอกปาร์คเป็นหลานชายซึ่งโยกย้ายมาจากทางเหนือ


                ไม่เคยมีใครถามผู้ช่วยเหลือเขาว่า “เหนือแค่ไหน” ไม่มี... กระทั่งการมาถึงแบคฮยอน


                เมื่อกิจการร้านขนมปังซบเซาลงระยะหนึ่ง พ่อค้าเป็นกังวลและทำทุกวิถีทางเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้คนในตลาดเมียงดง ชานยอลจึงถูกส่งขึ้นตะแลงแกงด้วยการสวมบทบาทพ่อค้ารูปงาม เกิดเป็นเรื่องครึกโครมในสื่อสังคมออนไลน์อยู่ระยะหนึ่ง


                “แบบนี้ไม่ต่างกับการ... เอ้อ... ขายตัวเลยไม่ใช่หรือไง” ผู้ไม่คุ้นเคยกับระบอบทุนนิยมถามอย่างฉุน ๆ


                    “ฉันจะรอวันที่เธอเลิกทำตัวเป็นผู้ชายสมัยเหมาเจ๋อตง ฉันจะรอวันนั้น จะตั้งตารอเลยล่ะ!


                    ไม่ช้า การประคับประคองร้านขนมปังก็กลายเป็นเรื่องน่าสนุกสำหรับอดีตร้อยเอกปาร์ค ชานยอลเปลี่ยนทรงผม เป็นทรงที่ทันสมัย รู้จักเลือกเสื้อผ้ายิ่งขึ้น หลังจากที่มักถูกพ่อค้าค่อนแคะเสมอว่า “เหมือนตาลุงอายุสี่สิบเศษไม่มีผิด” ใบหูของเขาเป็นสีอ่อนลงทุกขณะเมื่อพบเห็นการแสดงความรักในที่สาธารณะ


                “ฉันว่าขายขนมปังอย่างเดียวไม่พอแล้วล่ะ”


                และนั่นเองที่อาจเรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของทุกสิ่งทุกอย่าง


                ชานยอลที่เพิ่งกลับจากนัมซานทาวเวอร์ เที่ยวเตร่ด้วยเงินที่เก็บเกี่ยวจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองขมวดคิ้ว “ไม่พออย่างนั้นหรือ” ชายหนุ่มร่างสูงงุนงง “คุณจะขายอะไรอีกล่ะ”


                    “คนเรากินอะไรกับขนมปังบ้าง”


                “ก็... นม” อดีตร้อยเอกปาร์คครุ่นคิด “แยม เนย... ทูน่ากระป๋อง”


                “ไม่เห็นจะแปลกใหม่ที่ตรงไหน อย่างนี้ประชันขันแข่งกะใครเขาไม่ได้หรอก” อีกฝ่ายถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม “ต้อมากกว่านี้ ต้องมี... ต้องมีสิน่า”


                    นานหลายอึดใจกว่าชานยอลจะเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา “ซุปหัวหอม... ”


                “อะไรนะ”


                “คุณช่วยจัดให้มีอาหารชุดได้ไหม บาแก็ต ซุปหัวหอม กับนมแพะแก้วหนึ่ง” ชายหนุ่มร่างสูงอ้อนวอน “ได้โปรด อาจเป็นความคิดที่ไม่ดีนัก แต่สักระยะหนึ่งก็ยังดี เมื่อ... ท้ายที่สุดยังล้มเหลว ผมจะไม่ว่าอะไร ไม่ว่าเลยจนคำเดียว”


                    “หมายความว่ายังไง... ที่ว่าล้มเหลว”


                    “เขาจะรู้ว่าเป็นผม” เขาว่าอย่างเชื่อมั่น “แบคฮยอนจะรู้ว่าเป็นผม ได้โปรดเถอะ”


                    เพราะอย่างนั้นเอง เมื่อได้ยินคำถาม “ทางเหนือ... เหนือแค่ไหน” ด้วยเสียงสั่นเครือ ชานยอลจึงปล่อยมือจากหม้อซุปหัวหอมอย่างปัจจุบัน ถลันออกมาที่หน้าร้าน เพื่อให้คำตอบที่ชัดเจนที่สุด


                “ก็เหนือกระทั่งแม่น้ำฮันเปลี่ยนเป็นแม่น้ำแทดง” ใบหน้าของแบคฮยอนเปล่งประกายกว่าที่เขาจำได้เสียอีก “แต่ไม่เหนือไปกว่าแม่น้ำทูมัน ที่ผมได้รับรู้ถึงหัวใจของคุณผ่านมือที่ยื่นลงมาในน้ำเย็นจัด... ”


                ทุกอย่างหลังจากนั้นดำเนินไปอย่างลื่นไหล เรียบง่าย ทว่านุ่มนวล อดีตผู้ติดตามโถมตัวใส่เขา และชายหนุ่มร่างสูงกางแขนทั้งสองออกทันเวลา ก่อนมอบจุมพิตท่ามกลางสายตาผู้คนในตลาดเมียงดง


                น่าขัน... ลูกค้าที่เขาเคยกระชากเส้นผมด้วยข้อหาเดียวกันนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง จ้องดูด้วยอารมณ์พรึงเพริดพลางอ้าปากค้าง


                “ฉันจะให้เงินก้อนหนึ่งสำหรับการ... ก่อร่างสร้างตัว และ... เอ้อ... ฮันนีมูน” พ่อค้าบอกชานยอลหลังจากนั้น บอกพลางกระแอมพลางอย่างคนที่เพิ่งจะเห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเป็นฝั่งเป็นฝา “แต่ไม่ใช่ตอนนี้ และอย่าเถลไถลจนเสียการเสียงานเชียวล่ะ”


                “น่า... ผมสัญญา”


                อดีตนักสังคมสงเคราะห์สะดุ้งสุดตัวเมื่อชายหนุ่มร่างสูงปรี่เข้าใส่และหอมแรง ๆ ที่แก้ม “ไง... ผมยังเหมือนผู้ชายสมัยเหมาเจ๋อตงอยู่หรือเปล่า”


                พ่อค้าหัวเราะหึ ๆ ขณะเช็ดน้ำลายของเขาจากแก้มที่หย่อนคล้อย


                “ฉันจะเลื่อนขั้นให้เป็นผู้ชายสมัยเติ้งเสี่ยวผิงแล้วกัน ไอ้เสือ!


                ฤดูร้อนจวนจะผ่านพ้นไป และไม่ช้าฤดูใบไม้ร่วงจะมาถึง เช่นเดียวกับฤดูหนาวอันทารุณ


                แต่จะเป็นอะไรไปเล่า ก็เขามักอ้อนวอนอย่างนั้นกับแบคฮยอนเพียงคนเดียว เพื่อตักตวงไออุ่นจากร่างกายเล็ก ๆ ก่อนหัวเราะกับท่าทีงุ่นง่านของอีกฝ่าย


                ประโยคที่ว่า “กอดหน่อย” จะได้รับสิ่งเดียวกันตอบกลับ หลังจากเป็นหมันมากว่าสามปีเสียที






    #ฟิคเปียงยาง

    เป็นตอนพิเศษที่ดูสั้น ๆ เนอะ ไร้แก่นสารอีกละ 555

    คือมีความไม่รู้จะเขียนอะไร รู้สึกเหมือนเขียนในเรื่องไปเยอะแล้ว 

    รออีกตอนหนึ่งนะคะ ถามว่าจะมีสาระขึ้นใช่ไหม

    อ๋อเปล่าอ่ะ เท่าเดิม 555 คิดเสียว่าเป็นสี่หน้าเอสี่แก้เครียดจากที่ผ่านมาทั้งหมดแล้วกัน










     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×