ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    end - (exo) lone wolf | chanbaek

    ลำดับตอนที่ #30 : L O N E W O L F | Director's cut: Dead tree.

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.46K
      62
      3 เม.ย. 60


    ? cactus




    Director’s cut: Dead tree






              มูซาน, จังหวัดฮัมกยองเหนือ ปีจูเชที่ 89 (ปี 2000)


    “ชื่ออะไรนะ”


              เด็กชายผิวสีน้ำตาลที่สูงกว่าเขาหน่อยหนึ่งตอบห้วน ๆ “ ...อิน ”


              “อะไรนะ อินอะไร”


              “จงอิน! คิมจงอิน! ” อีกฝ่ายแผดเสียง “ได้ยินหรือยัง ไอ้... ”


              แต่ไม่ว่าไอ้นั้นจะตามติดด้วยคำผรุสวาทใด จงอินก็ไม่มีโอกาสเอ่ยออกไป กูยอนตีเด็กชายที่หน้าแข้งด้วยเข็มขัดของพลเรือเอกปาร์ค อีกฝ่ายนิ่วหน้า ก่อนถ่มน้ำลายรดรองเท้าราคาแพงของเขา


              “พาออกไป” แม่บ้านพูดเสียงเฉียบขาด “จีซู... พาเขาออกไป”       


              “อย่านะ!


              เพียงแต่ลูกชายคนเดียวของพลเรือเอกเขี้ยวลากดินกลับส่งเสียงแหลมขึ้น “ฉันจะเล่นกับเขา” ชานยอลว่าอย่างเอาแต่ใจ “คิมจงอินไม่น่าเบื่อ”


              “ให้มันได้อย่างนี้ซี่”


              ร้อยเอกปาร์คมีอายุหกปีขณะติดสอยห้อยตามผู้ให้กำเนิดไปยังมูซาน ตำบลเล็ก ๆ ห่างไกล คลุ้งด้วยฝุ่นควันจากเหมืองเหล็กแม้ในฤดูมรสุม เด็กชายต้องการเพื่อนเล่น ขณะที่คณะเดินทางเต็มไปด้วยผู้ใหญ่ซึ่งจดจ่อกับการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากทุกตารางนิ้วของตำบลแห่งนั้น  พลเรือเอกปาร์คจึงให้คัดเลือกเด็กชายอายุไม่เกินสิบห้าปีให้เล่นสนุกกับชานยอล แน่นอนว่าล้วนแต่เป็นเด็กชายท่าทางแข็งแรง กระฉับกระเฉง และมีสุขภาพดี


              “นายอ่อนกว่าฉันเจ็ดปี” จงอินที่เพิ่งจะหันไปแลบลิ้นใส่กูยอนหันกลับมาหาเขา “ควรจะเรียกฉันว่าพี่นะ”


              “ไม่มีทาง”


              “ทำไมล่ะ เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม” เด็กชายผิวสีน้ำตาลเงื้อหมัดขึ้น ก่อนถูกฟาดด้วยเข็มขัดอีกครั้ง แรงกว่าเดิม “ใช้ไม่ได้ ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย”


              “คุณชาย... อย่าคลุกคลีกะคนพรรค์นี้เลยค่ะ”


              ถ้าเพียงแต่เขาจะรู้ว่าสิบเจ็ดปีให้หลัง จงอินจะเติบโตเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ผอมเกร็งด้วยกล้ามเนื้อ และแข็งแรงอย่างยิ่งด้วยการทำงานหนักติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี ร้อยเอกปาร์คจะไม่ให้อีกฝ่ายถูกฟาดด้วยเข็มขัดเป็นอันขาด เพราะเมื่อพบกันอีกครั้งที่สถานีรถไฟมูซานพร้อมกับแบคฮยอนและจุนมยอนนั้น จงอินเป็นฝ่ายเดียวที่จำเขาได้ ความชิงชังในวันวานผสมกับโทสะที่ชานยอลล่วงเกินผู้ติดตามจอมปอลม ทำให้หมัดลุ่น ๆ ของอีกคนหนึ่งถูกใช้เพื่อตะบันหน้าเขาครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยกำลังมากกว่าปกติ


              “แต่คนอื่น ๆ น่าเบื่อ” เด็กชายแบะปาก “ไม่มีใครพูดกับผมอย่างนี้ ดีแต่พยักหน้าปะหลก ๆ น่ารำคาญชะมัด”


              “เพราะกลัวว่าจะถูกพ่อของนายควักหัวใจออกมาทั้งเป็น ๆ ต่างหาก”


              “โกหก” ชานยอลโต้ “พ่อไม่ใช่ยักษ์นะ!


              “ไม่ใช่ก็เหมือนใช่ น้อง ๆ ของฉันต้องเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเพราะ... ”


              “พอได้แล้ว! ” จีซูบอกอย่างเข้มงวด พลขับวัยกลางคนดุดันได้เสมอเมื่อต้องการ “คุณชาย... ไปข้างนอกเถอะครับ จวนจะได้เวลาแล้ว คุณท่านต้องใช้ห้องนี้ และได้โปรด... ระวังตัวด้วย”


              เพราะจงอินอายุมากกว่าเขาถึงเจ็ดปี เด็กชายที่จวนเจียนจะเติบโตเป็นเด็กหนุ่มเต็มทีจึงชักชวนชานยอลที่ไม่รู้ประสีประสาไปยังสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งออกจะอันตรายอยู่มากสำหรับเด็กชายสองคน ไม่ว่าจะเป็นด้านในเหมืองร้าง ในโรงงานผลิตไม้แปรรูป รวมถึงทางน้ำเก่าริมฝั่งแม่น้ำทูมันซึ่งเต็มไปด้วยโคลนดูด


              “ฝั่งโน้นมีแต่ป่า”


              เด็กชายชาวเปียงยางส่งเสียงเจื้อยแจ้วขณะยกมือข้างหนึ่งขึ้นป้องดวงตาและชะแง้มองฝั่งตรงกันข้ามด้วยท่าทางราวกับนักสำเร็จ “เห็นไหม... ที่นี่ดีที่สุด ท่านผู้นำ... ดีที่สุด”


              “รู้ได้ยังไงว่ามีแต่ป่า”


              “ก็เห็น ๆ กันอยู่”


              “โง่จริง ๆ ” จงอินบอกอย่างยียวน “รู้ไหม ฝั่งโน้นมีเมือง มีตลาด ฉันรู้... เพราะพ่อค้าจากฝั่งโน้นมักขายปลากับเครื่องเล่นดีวีดีให้เรา”


              “เครื่องเล่นดีวีดี... ใช้ทำอะไร”


              “ก็ดูอะไรต่อมิอะไรน่ะสิ ถามได้! ” เด็กชายผิวสีน้ำตาลว่า “น้องชายของฉันชอบใหญ่ พวกเราจะอยู่หน้าเตาไฟ และ... ”


              “โอ้โห! นายมีน้องชายด้วย”


              จงอินเอียงศีรษะไปด้านหนึ่งอย่างงุนงง “แน่ล่ะสิ... ไม่ว่าใครก็มีน้องชาย”


              “ก็ฉันไม่มีนี่นา”


              “ที่อ้วน โง่ และเอาแต่ใจเพราะอย่างนี้เอง” ไม่ว่าใคร หากพิจารณาให้ดีจะเห็นว่าถ้อยคำของเด็กชายผิวสีน้ำตาลโหดร้ายกว่าที่ควรจะเป็น ไม่สมวัยอย่างเห็นได้ชัด และเพียงพอจะบอกความเลวร้ายในสถาพแวดล้อมที่จงอินเติบโตขึ้น “ฉันมีน้องชายถึงสามคน แบคฮยอนมีผิวขาวกว่าใคร จงแดใจดีที่สุด มีแต่จุนมยอนที่น่าสงสาร”


              “ทำไมล่ะ”


              “ก็เขาเป็น... โรคประหลาด ๆ น่ะ” จงอินออกท่าทางเมื่อไม่อาจอธิบายที่มาที่ไปของโรคอันซับซ้อนได้ “เมื่อถูกมีดบาด หลายชั่วโมงกว่าเลือดของเขาจะหยุดไหล”


              “แย่จริง ๆ ” ชานยอลนั่งแปะลงกับทางน้ำเก่า ไม่แยแสแม้กางเกงสีขาวราคาแพงเปื้อนโคลนสีเทาอมน้ำตาลน่าเกลียด “ยกจุมมยอนให้ฉันซี่ ให้เขาเป็นน้องชายของฉัน ฉันจะพาเขาไปที่เปียงยาง หมอของพ่อ... เขาเก่งนะ”


              “ไม่มีทาง!


              หากเขาและจงอินในวันวานรู้ว่าจะมีเรื่องเลวร้ายใดเกิดขึ้นในอนาคต ขณะนั้นเด็กชายผิวสีน้ำตาลจะพาน้องชายบุญธรรมมาพบเขาอย่างไม่ต้องสงสัย


              แต่เพราะไม่รู้นี่เอง... เพราะไม่รู้เท่านั้นเอง กงล้อแห่งโชคชะตาจึงหมุนไปอีกทางหนึ่ง เช่นเดียวกับการเล่นสนุกของเด็กชายทั้งสองก่อนดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า...


              “เล่นซ่อนหากันเถอะ!


              “สองคนเนี่ยนะ” ชานยอลแย้ง


              “ทำไม... มีปัญหาหรือไง”


              เฮ้อ... ไม่ว่าเมื่อไหร่เมื่อระลึกถึงเหตุการณ์นั้น ชายหนุ่มร่างสูงได้แต่ถอนหายใจ จงอินเป็นนักเลงโตมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่เอง


              เขากับเด็กชายผิวสีน้ำตาลผลัดกันเป็นฝ่ายซ่อนและฝ่ายหา จงอินทำได้ดีกว่าชานยอลอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะด้วยความชำนาญในภูมิประเทศ และความปราดเปรียวซึ่งเป็นคุณลักษณะของเจ้าตัวแต่เล็กจนโต ลูกชายคนเดียวของพลเรือเอกปาร์คถูกหาพบอย่างรวดเร็วเสมอ เพราะไม่รู้จักซ่อนตัวเอาเสียเลย หยุกหยิกในพุ่มไม้โดยมีชายเสื้อโผล่ออกมาด้านนอกบ้าง หลบอยู่ด้านหลังกะละมังแสตนเลสขนาดใหญ่โดยลืมว่าจงอินอาจย่องมาจากทางด้านหลังบ้าง กระทั่งหลบอยู่ด้านหลังต้นไม้ที่มีลำต้นผ่ายผอมแม้รู้ว่าไม่อาจบดบังรูปร่างจ้ำม่ำได้หมด


              เพราะชานยอลไม่เคยแพ้... ฐานะของเขาทำให้เพื่อนเล่นในวัยเด็กอ่อนข้อให้เสมอ เด็กชายคนอื่น ๆ กลัวเกินกว่าจะทำให้เขาไม่พอใจ ดังนั้น แม้การพบกันอีกครั้งในสิบเจ็ดปีให้หลังจะลงเอยด้วยการถูกตะบันหน้า...


              จงอินก็อาจนับได้ว่าเป็นเพื่อนที่แท้จริงคนแรกของร้อยเอกปาร์ค


              “จงอิน! อยู่ไหนน่ะ!


              เด็กชายชาวเปียงยางป้องปากก่อนส่งเสียงตะโกนแหบแห้ง ดวงอาทิตย์จวนจะลับขอบฟ้าแล้ว ต้นไม้น้อยใหญ่ซึ่งกิ่งใบล้วนแห้งโกร๋นทอดเงาเหยียดยาวบนพื้นดินปนทราย พื้นรองเท้าของชานยอลสึกเสียแล้ว แม้ต้องการหาเพื่อนเล่นให้พบ แรงเสียดสีใต้ฝ่าเท้าก็ทำให้เขาสนุกกับการละเล่นน้อยลงทุกขณะ


              “ออกมาได้แล้ว ฉันยอมแพ้แล้ว ขอร้องล่ะ!


              ไม่มีเสียงตอบ จงอินไม่เคยอ่อนข้อให้เขา ชานยอลได้แต่เดินคอตก ลากเท้าไปบนลานดินกว้างใหญ่ไม่ไกลจากเหมืองเหล็ก อากาศแห้งลงเล็กน้อย ส่งผลให้ยามค่ำคืนอับทึบด้วยฝุ่นควันซึ่งดูคล้ายกลุ่มเมฆขมุกขมัวสีเหลืองตุ่น ๆ ในความมืดมิด


              “จงอิน! จงอิน!


              แสงไฟจากอาคารที่พักของผู้ให้กำเนิดอยู่ไม่ไกลนัก เด็กชายจากเปียงยางแบะปาก ไม่เล่นแล้ว! ไม่เล่นก็ไม่เล่น ขณะก้าวเร็ว ๆ ข้ามลานกว้าง เจ้าคนไม่มีมารยาท เจ้าคนไม่ได้ความ!


                “จงอิน! นี่เป็นโอกาสสุดท้าย! จง... ”


              ทันใดนั้น ชานยอลยืนตัวแข็งทื่อ ก่อนรอยยิ้มอย่างนึกสนุกปรากฏที่ริมฝีปาก ไม่ไกลนักด้านหน้า ด้านหลังไม้ใหญ่ซึ่งยืนต้นตายอย่างอ้างว้างมีเด็กชายคนหนึ่งหมอบคู้อยู่


              ความมืดทำให้เขาไม่สังเกตเห็นรูปร่างของอีกฝ่ายซึ่งเล็กกว่าจงอินอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงผิวที่ซีดเซียวกว่า และผมที่มีสีอ่อนกว่า ชานยอลรู้แต่ว่าเด็กชายด้านหลังต้นไม้นั้นสวมเสื้อผ้าชุดเดียวกับเพื่อนเล่น เขาไม่รู้ว่าในมูซานนี้เสื้อผ้าหายากและมีราคาแพง


              เด็กชายจากเปียงยางย่อตัวลง ย่องเข้าใกล้ด้วยฝีเท้าที่เบาราวกับแมว แล้วเมื่ออีกคนหนึ่งอยู่ในระยะเอื้อมถึง ชานยอลก็ปรี่เข้าใส่ สองมือตะปบลงที่ไหล่เล็ก ๆ บอบบาง คล้ายจะแตกหักเดี๋ยวนั้น พร้อมกับร้องว่า “จับได้แล้ว!


              “อย่าแตะต้องฉัน!


              อีกฝ่ายกรีดร้อง สลัดหลุดจากมือทั้งสองของเขา ก่อนซวดเซล้มลงท่ามกลางแสงไฟเลือนราง


              “อ้าว... ” ชานยอลร้องอย่างผิดหวัง “นายไม่ใช่จงอินนี่”


              “ก็ไม่ใช่น่ะสิ! ” เพื่อนใหม่บอกอย่างขุ่นเคือง “ฉันเป็นน้องชายของเขาต่างหาก ฮี่โธ่เอ๊ย”


              “อ้อ... น้องชาย” เขาเอียงคอขณะใคร่ครวญถึงคำบอกเล่าของเด็กชายผิวสีน้ำตาล “ไม่ใช่จง... จงแตแน่ ๆ ล่ะ เขาว่าจงแตใจดี ว่าแต่... เป็นแบคฮาหรือจุนซางล่ะ จุนซางแน่ ๆ ท่าทางกระเสาะกระแสะอย่างนี้”


    “ไม่เห็นรู้จัก” อีกคนหนึ่งทำปากยื่น “จงแตอะไรกัน แบคฮาอะไรกัน จุนซางอะไรกัน เจ้าโง่ นายไม่รู้จักพวกเราเสียหน่อย”


    ชานยอลเม้มริมฝีปากอย่างไม่พอใจ “จะจงอินหรือนายก็ดีแต่ว่าฉันอย่างนั้น พวกนายนี่ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย”


    “ไม่เกี่ยวกับนายเสียหน่อย”


              เด็กชายทั้งสองยืนประจันหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเขาเห็นว่าอีกฝ่ายยืนพักเท้าโดยไม่เปลี่ยนท่าทางเลย ใบหน้าเผือดซีดนิ่วน้อย ๆ อย่างเจ็บปวด


              “เจ็บ...  ที่ข้อเท้าอย่างนั้นหรือ”


              “เพราะใครกันเล่า เจ้าโง่ ใครใช้ให้พรวดพราดเข้ามาอย่างนี้!


              แม้จะมีอายุเพียงหกปี แต่เพราะเติบโตขึ้นในสังคมที่ท่วมท้นด้วยพิธีรีตอง ชานยอลจึงคุกเข่าให้อีกคนหนึ่ง แม้การกระทำนั้นจะนับว่าเกินวัยไปมาก “ขึ้นหลังฉันซี่” เขาแนะ “ฉันจะพานายกลับไปที่บ้าน”


              “จะบ้าหรือไง ตัวนายก็เท่านี้”


              “ตัวโตกว่านายแล้วกัน! ” เด็กชายจากเปียงยางตอกกลับ


              เมื่อท้องฟ้าเป็นสีเข้มขึ้นทุกขณะ และไม่มีทีท่าว่าข้อเท้าข้างที่บาดเจ็บจะมีอาการดีขึ้น หนึ่งในน้องชายของจงอินจึงขยับตัวอย่างเสียไม่ได้ ก่อนนั่งลงบนหลังของเขา แม้แก้มผอม ๆ ทั้งสองยังป่องอยู่เพื่อบอกว่าไม่พอใจ


              “บ้านของนาย... ไปทางไหน”


              “ทางโน้น” เพื่อนใหม่ตอบห้วน ๆ


              ชานยอลพาอีกฝ่ายไปส่งที่ด้านหน้าบ้านเรือนกลุ่มเล็ก ๆ ปลูกเบียดเสียดกัน เก่าคร่าและโย้เย้ จวนจะถล่มลงได้ทุกเมื่อ ขณะนั้นดวงจันทร์ลอยสูง เพราะเป็นคืนเดือนหงายและในมูซานไม่มีแสงไฟ แสงสีเงินยวงจึงตกกระทบผิวของเพื่อนใหม่อย่างไม่มีอะไรปนเปื้อน แวบหนึ่งขณะเด็กชายจากด้านหลังต้นไม้ซึ่งยืนต้นตายหันมาโบกมือให้อย่างไม่เต็มใจนัก ลมหายใจของเด็กชายจากเปียงยางกลับขาดห้วง


              เพราะผิวของอีกฝ่ายเป็นสีขาวราวกับไข่มุก นุ่มนวลคล้ายไหมราคาแพง และเนียนละเอียดราวกับผิวของตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ


              “แบค... แบคฮา” ชานยอลพูดตะกุกตะกัก “ไม่ใช่... แบคฮยอนใช่ไหม”


              อีกฝ่ายไม่ตอบอะไร เพียงแต่แลบลิ้นให้ ก่อนจากไปในเงาอันทึบทะมึนของบ้านเรือนและคอกสัตว์ เหลือไว้แต่กลิ่นคล้ายถ่านเถ้าจากเตาไฟ และความทรงจำเกี่ยวกับเด็กชายแปลกหน้าด้านหลังต้นไม้สีขาวในลานกว้าง


              น่าเสียดายที่ไม่ช้าเด็กชายจากเปียงยางจะลืมมัน


              และลืมไปอย่างสนิทใจทีเดียว





    #ฟิคเปียงยาง

    ถึงเวลาโบกมือลาจริง ๆ แล้ว จะได้ขึ้นคำว่า end ด้านหน้าชื่อเรื่องเสียทีหลังจากหนึ่งปีผ่านไป

    ใจหายเนอะ จากนี้ก็คงคิดถึงทุกคนในเรื่องนี้แย่เลย ;)

    ขอบคุณอีกครั้งที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนนี้นะคะ

    แล้วพบกันในเล่มน้า




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×