ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    end - ครั้งหนึ่งในวสันตกาล

    ลำดับตอนที่ #13 : บทที่ 6 ตอนที่ 2

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 482
      2
      14 ก.ย. 55

               


                “เฮ้
    --

                เฮ้ เป็นหนึ่งในไม่กี่คำที่อาเธอร์มีโอกาสได้พูดหลังจากสองสัปดาห์ในยมโลก และ เฮ้ก็มักมีน้ำเสียงที่เจือความกระท่อนกระแท่นด้วยความไม่แน่ใจเสมอ มันดังออกจากปากเขาทุกครั้งที่เห็นเทพแห่งการหลับใหลขดตัวอยู่บนเตียงนอนฝั่งตรงข้าม วันนี้เป็นเหมือนอย่างทุกวัน เสียงตอบรับคำว่า เฮ้ ของเขาจะเป็นเสียงกรนอย่างเอาเป็นเอาตายเสมอ

                เปล่าประโยชน์ที่จะปลุก อีกฝ่ายจะไม่ตื่นต่อให้มีใครเอาเหล็กอาบไฟแดง ๆ มานาบ -- เขาตั้งสมมติฐานอย่างนั้น แต่ก็ยังไม่เคยลองทำ และเท่าที่อาเธอร์สังเกตเห็น ฮิปนอสจะตื่นก็ต่อเมื่อเสียงกรีดร้องที่ห่วงจับประตูดังขึ้นเท่านั้น การจะหลบหนีจากเทพแห่งการหลับใหลช่างทำได้ง่ายดาย ติดปัญหาแต่ตรงห่วงจับซึ่งจะไม่ยอมให้ใครได้จับนอกจากเทพเจ้าที่เอาแต่ขดตัวอยู่ทั้งวี่ทั้งวัน บางครั้งอาเธอร์นึกสงสัย เทพฮิปนอสเองก็ควรจะปฏิบัติหน้าที่ต่าง ๆ ในยมโลกไม่ใช่หรือ? หรือเพราะเป็นเทพแห่งการหลับใหล หน้าที่เดียวที่มีจึงเป็นการหลับใหลที่เหมือนจะยาวนานตลอดกาล

                “เฮ้ --

                เขาถดตัวลงจากเตียง สองสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาเอาแต่นอน คิดอะไรเรื่อยเปื่อย แล้วก็กระวนกระวายเรื่องน้องสาวฝาแฝด จากนั้นก็นอน คิดอะไรเรื่อยเปื่อย แล้วกระวนกระวายเรื่องน้องสาวฝาแฝดอีก อาเธอร์คิดว่าเขาอาจจะเป็นบ้าตายไปแล้วถ้าหากฮิปนอสที่ตื่นขึ้นบ้างเป็นครั้งคราวจะไม่ไปหาเอเรอาญ์ แล้วยืนยันกับเขาว่าเธอสบายดี

                อีกฝ่ายเคยบอกเขาเอาไว้ในหกหรือเจ็ดวันที่แล้วว่า วิญญาณครึ่งเป็นครึ่งตายจะสามารถกลับคืนสู่ร่างด้วยตนเองในเวลาที่เหมาะสม -- กล่าวคือ วิญญาณอยู่ในสภาพพร้อม อาจเพราะสลัดบ่วงในใจหรือทำให้จิตใจสงบลงได้ ปัญหาก็คือวิธีเดียวที่อาเธอร์คิดว่าจะทำให้บ่วงในใจของเขาหายไปในได้ตอนนี้คือการพาเอเรอาญ์กลับไปพร้อมกัน แต่แน่นอน ถ้าหนีออกจากการดูแลของเทพแห่งการหลับใหลไม่ได้ ก็ไม่ควรหวังอะไรกับการหลบหนีไปจากราชาแห่งปรภพ

                ถ้ามีมือของเทพฮิปนอสจับเปิดประตู ทุกอย่างก็ผ่านฉลุย...

             อาเธอร์คิดเรื่องนี้มาสองวันแล้ว

                ทุกอย่างก็ผ่านฉลุย...

                เขาย้ำคำนั้นเพื่อเรียกกำลังใจให้ตนเอง แล้วค่อย ๆ ถดตัวลงจากเตียง ก้าวตรงไปที่เตียงของฮิปนอส และสูดหายใจเขาลึก ๆ -- ท้ายที่สุด -- เขายกร่างของเทพแห่งการหลับใหลขึ้นพาดบ่า

                อาเธอร์กลั้นหายใจ

                ไม่ช้าเขาก็ตระหนักว่าไม่จำเป็นต้องตื่นเต้นเลยสักนิด ฮิปนอสไม่แม้แต่จะร้องครางอย่างไม่สบายตัว    อาเธอร์ลองก้าวเดิน มันทำให้ขาของอีกฝ่ายลากไปกับพื้น แต่เทพแห่งการหลับใหลก็ไม่ได้ตื่นขึ้น จุดประกายความเข้าใจคำว่า หลับเป็นตาย ให้เขาอย่างชัดเจนที่สุดในชีวิต

                เขาค่อย ๆ ก้าวเดินต่อไปอย่างทุลักทุเลจนถึงหน้าประตู มันคือขั้นตอนสุดท้ายที่เขาต้องลองเสี่ยง อาเธอร์ดึงมือของอีกฝ่ายให้ขึ้นมาจับที่ห่วงจับอย่างช้า ๆ...

                ได้ผล! มันไม่ส่งเสียงร้องเลยสักนิด ชายหนุ่มค่อย ๆ รวบให้มือของฮิปนอสกำรอบห่วงจับ ก้าวถอยหลัง ปล่อยให้ประตูค่อย ๆ เปิดออก --

                “เฮ้ --

                คราวนี้เป็น เฮ้ที่สดใสกว่าเดิมมาก เขาดันประตูให้เปิดกว้างเอาไว้ แล้ววิ่งออกไปจากห้องโดยไม่ชายตาเหลียวหลัง

     

                ห้องสมุด

                ที่อยู่ตรงหน้าเธอคือห้องสมุดที่สวยงามและใหญ่โตมโหฬารที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็น เป็นพื้นที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาสูงลิ่วสีขาวโพลนเหลือบชมพูอย่างสีหินอ่อน  ประดับประดาด้วยธงโบราณหลากสีสันสะท้อนแสงจากโคมระย้าขนาดมหึมาเป็นมันยับ ชั้นหนังสือที่บรรจุไว้ด้วยหนังสือเก่าแก่หรือแม้แต่หน้ากระดาษทบกันสูงสุดตาแลและยาวเหยียดอย่างไม่น่าเชื่อเรียงรายไปจนไกลแสนไกล ตลอดทางมีพนักหินยื่นจากผนังเป็นระยะ ๆ มันถูกปกคลุมด้วยไม้เลื้อยที่มีดอกเล็ก ๆ สีเหลืองและสีขาวและเอเรอาญ์อนุมานว่ามันถูกใช้เป็นเก้าอี้สำหรับนั่ง

                “เป็นสถานที่ซึ่งถือกำเนิดด้วยหัวใจรักของนายท่าน -- ขอรับ”

                เธอไม่เชื่อคำพูดนั้นเลยสักนิด ราชาที่ปกครองโลกอันทึบทะมึน ราชาที่อารมณ์ร้ายและกราดเกรี้ยวไม่มีทางจะสร้างสถานที่ที่สวยงามขึ้นมาได้อย่างแน่นอน เธอนึกภาพไม่ออกเลย

                “ชอบหรือเปล่าขอรับ”

                เอเรอาญ์แทบจะลืมไปแล้วว่าเทพแห่งความตายยังคงยืนอยู่กับเธอที่ตรงนั้น หญิงสาวไม่ได้ตอบอะไรนอกจากพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น

                “นายหญิงไม่ได้ทรงแสดงทีท่าผิดจากครั้งที่เห็นเป็นครั้งแรกเลย”

                “ครั้งแรก? เทพีเพอร์ซีโฟเน่เคยมาที่นี่ด้วยหรือ? ”

                “ขอรับ นายท่านพามา”

                แน่ล่ะ! เธอน่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว

                “ถ้าอย่างนั้น ท่านพาฉันมา จะไม่ -- ” เธอกลืนน้ำลาย “ถูก -- เอ่อ --

                “ลงทัณฑ์? ไม่น่าจะเป็นไปได้ขอรับ อย่างไรเสียที่แห่งนี้ก็เป็นที่ที่นายท่านได้เนรมิตไว้สำหรับนายหญิงอยู่แล้ว”

                “เป็นไปไม่ได้ --

                เธอกระซิบ ลากมือผ่านผิวชั้นหนังสือซึ่งเรียบลื่นและเย็นเหมือนน้ำ นึกเท่าไรก็นึกภาพที่ราชันแห่งปรโลกสร้างสถานที่แห่งนี้ขึ้นมาให้กับหญิงสาวที่เขาแสดงท่าทีว่าทั้งโกรธทั้งแค้นไม่ออก

                “เป็นไปแล้วขอรับ”

                “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเทพฮาเดสสามารถสร้างสถานที่ -- แบบนี้ได้”

                ทานาทอสยิ้มให้อย่างที่เธอเดาอารมณ์ไม่ถูก “มันฝังใจนายท่านเสมอว่ายมโลกไม่เป็นที่พึงปรารถนากับผู้ใดทั้งสิ้น เมื่อเห็นว่านายหญิงเอาแต่คะนึงหาโลกเบื้องบน จึงได้รังสรรค์ที่แห่งนี้ขึ้น เป็นสิ่งที่นับว่ามีชีวิตชีวาและน่าตื่นตาที่สุดในปรภพ ยิ่งกว่าทุ่งเอลลีเซียมเสียอีก ทั้งมันเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ เพราะนับวันตัวอักษรเหล่านี้จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น ๆ  ราวกับว่าสถานที่นี้มีชีวิตของมันเอง สมกับที่นายท่านหวังจะใช้มันช่วยลดทอนความทุกข์ทนของนายหญิง อย่างน้อยก็ให้นายหญิงได้เห็นโลกภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวันผ่านตัวอักษรเหล่านั้น นายท่านหวังแต่เพียงเท่านั้น”

                ทานาทอสไม่น่าจะสามารถพูดได้เหยียดยาวนัก พอ ๆ กับที่ฮาเดสไม่น่าจะสามารถมีความรู้สึกอ่อนโยนแบบนั้นอยู่เลย

             บางที -- เธอเริ่มคิด หรือว่ามนุษย์เพียงแต่กลัวความตาย จึงมองยมโลกเป็นสถานที่น่าสะพรึงขวัญ สร้างเปลือกย้อมดินแดนแห่งวิญญาณ รวมถึงเจ้าของอาณาจักรแห่งนี้ให้เป็นปีศาจร้ายที่ใครต่อใครต่างพากันถอยหนี ชั่วขณะนั้น -- ด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง เธอรู้สึกดีใจ

             อย่างน้อยที่สุด เธอก็ได้รู้ว่ายมโลกเป็นอย่างไรในความเป็นจริง ถ้ามองอย่างเปิดใจสักหน่อย ก็จะเห็นว่าเทพเจ้าซึ่งพรากลมหายใจมนุษย์อย่างทานาทอสมีความจงรักภักดีและเห็นอกเห็นใจเป็นเลิศ ฮิปนอสที่ถึงจะไม่ได้ตื่นขึ้นบ่อยครั้งนักก็ยังมีความอารีที่เธอสัมผัสได้ในทุกครั้งที่เขาลืมตา และแม้แต่ฮาเดส... เทพเจ้าที่ร้ายกาจอย่างยิ่งในสายตามนุษย์ ก็ยังเป็นที่รักของข้ารับใช้ทุกคนอย่างที่ความเกรงกลัวเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำได้ 

                ยังมีหลายสิ่ง -- หลายอย่าง ที่ไม่เคยมีใครเห็น หรือไม่เคย พยายามจะมองเห็นมัน

                “เทพีเพอร์ซีโฟเน่คงจะรักเทพฮาเดสมาก” เธอพูดตามความรู้สึกจริง ๆ

                แต่เอเรอาญ์ลืมสังเกตไปว่าทานาทอสไม่ตอบเธอ

                เพราะเธอกำลังมองดูรอบ ๆ ตัวอย่างชื่นชมอยู่ จึงไม่ทันสังเกตเห็นดวงตาของทานาทอส ซึ่งตอบเธออย่างชัดเจนว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นไม่เคยเกิดขึ้นจริงเลยแม้แต่ครั้งเดียว

     

                อาเธอร์วิ่งเร็ว ๆ ตัดผ่านทุ่งนาร์ซิสซัสสีขาวสะอาด ย่ำไปบนผืนหญ้าสีเทาที่ทอดยาวไกลสุดลูกหูลูกตา เขามีอิสระ มีเรี่ยวแรง และความคิด แต่แน่นอนว่าเขาไม่รู้จักยมโลก เมื่อวิ่งไปได้ไม่นานเขาจึงหยุด ทอดตามองไปรอบตัวที่ทึบทะมึนไร้สีสัน

                เขาไม่มีทางรู้เลยว่าน้องสาวฝาแฝดอยู่ที่ไหน แต่ปราสาทที่เขาเพิ่งจากมาดูจะเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ใหญ่โตที่สุดในบริเวณนี้ ฉะนั้นตามเหตุผล ผู้ที่ถูกเรียกว่า องค์ราชัน ก็ควรจะอยู่ที่นี่ และเมื่อเทพฮาเดสอยู่ที่นี่ เอเรอาญ์ก็ควรจะอยู่เช่นกัน หรืออันที่จริงคือ -- ต้อง -- อยู่ต่างหาก เขาคิดอย่างขมขื่นตอนที่นึกขึ้นได้ว่าเธอไม่ได้รับอนุญาตให้แม้แต่มาพบเขาที่เป็นพี่ชายและฝาแฝดของเธอเอง

                ชายหนุ่มมองย้อนกลับไป ทางตรงหน้าอาจจะยาวไกลและน่าค้นหามากกว่าปราสาทกับห้องซึ่งเขาไม่นึกอยากจะกลับไปเห็น แต่อาเธอร์ไม่ต้องการจะพลาดแม้แต่ที่เดียวในการค้นหาเอเรอาญ์ ดังนั้นเขาจึงหมุนตัวกลับ และก้าวเดินเข้าสู่ปราสาทด้วยหัวใจที่ยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจและหวาดกลัว

     

                “มันแปลก -- แต่ฉันก็ดีใจนะที่อ่านได้”

                เอเรอาญ์พูดเจื้อยแจ้ว เธอหอบหนังสือไว้ในอ้อมแขนจนเต็ม ทุกหน้าเก่ากรอบ เขียนด้วยภาษาที่เธอไม่ควรรู้จัก แต่เธอกลับเข้าใจและคิดว่ามันน่าสนใจทีเดียว

                “คงเป็นหนึ่งในความทรงจำของนายหญิงขอรับ”

                เธอไม่ต้องการจะยอมรับอย่างนั้น แต่เอเรอาญ์ก็ไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่น่าสงสัยได้ ดังนั้นเธอจึงไม่โต้ตอบเทพแห่งความตาย นอกจากเดินต่อไป ก้มหน้าก้มตาเปิดหนังสือเล่มบนสุดในอ้อมแขนอ่านอย่างที่ไม่พยายามหาเรื่องพูดคุยอีก

                “เอเรล!

                แต่เสียงนั้นทำให้เธอสะดุ้งสุดตัว หนังสือทุกเล่มหล่นจากอ้อมแขน

                จะมีสักกี่คนที่เรียกเธอด้วยชื่อนี้ได้ --

                “อาเธอร์!

                พี่ชายอยู่ข้างหลังเธอ ยืนอยู่ตรงทางเข้าที่เธอเพิ่งเดินผ่านเข้ามา เอเรอาญ์วิ่งตรงไปหาเขา และอาเธอร์ก็กำลังทำแบบเดียวกัน สองพี่น้องกระโจนเข้าโอบกอดอีกฝ่ายอย่างคนที่กลัวว่าจะไม่ได้พบเจอกันอีก

                “พี่มาที่นี่ได้ยังไง! พี่ออกมาได้ยังไง มันเกิดอะไรขึ้น พี่มาทำอะไรที่เอเธนส์!

                “ทีละคำถาม แต่ฉันขอยังไม่ตอบ” เธอรู้สึกเหมือนว่าอาเธอร์จะไม่สามารถยิ้มได้กว้างกว่านั้นอีกแล้วตอนที่เขากอดเธออีกครั้ง “ฉันนึกว่าต้องเสียฝาแฝดไปตลอดกาลแล้วเสียอีก”

                “ฉันก็เหมือนกัน”

                “นายหญิง!

                เสียงเรียกของทานาทอสแปลกไป และในเวลาเดียวกันก็มีความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้เธอต้องหันกลับไปมอง ภาพที่เห็นทำให้มือและหัวใจของเธอเย็นเฉียบยิ่งกว่าน้ำแข็ง

                อีกฟากหนึ่งของทางเดิน เขา ยืนอยู่ตรงนั้น

                “นายหญิง ข้าคิดว่า --

                ไม่จำเป็นต้องให้เทพแห่งความตายบอกเลย ดวงตาของเขาบอกต่างหาก และเห็นได้ชัดว่าไม่เหลือเวลาสำหรับถามหาเหตุผล เธอรีบกระตุกแขนเสื้อของอาเธอร์อย่างแรงด้วยความหวาดกลัว “พี่อยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว รีบหนีไป”

                “อะไรนะ แต่ --

                “ไปก่อน แล้วฉันจะหาทางไปเจอ” เมื่อเห็นเขาไม่ขยับตัวเสียที เธอก็แทบจะร้องไห้อย่างสิ้นหวัง “เขาไม่ให้ฉันพบพี่แน่ ๆ พี่หนีไปก่อน”

                “คนคนนั้นใครกันน่ะ? ”

                “เขา --

                อาเธอร์มองเห็นราชันแห่งปรภพยืนอยู่ที่อีกฟากหนึ่งของทางเดิน เป็นโครงสร้างที่สูงใหญ่ แข็งแกร่ง และน่าหวาดหวั่นเมื่อเขามองเห็นแต่ความทึบทะมึนเกรี้ยวกราดแผ่อยู่ในอากาศโดยรอบเหมือนพิษที่ฟุ้งกระจาย

                “ใครกัน”

                “เทพฮาเดส”

                ในฐานะมนุษย์ธรรมดา ชื่อนั้นทำให้อาเธอร์เข่าอ่อน ดวงตาของราชาแห่งปรโลกจ้องมองเขาเหมือนนักล่าที่คลุ้มคลั่ง และทันใดนั้นเอง โคมไฟดวงที่อยู่เหนือศีรษะเขาก็หล่นวูบ! อาเธอร์เบี่ยงตัวหลบ มันจึงตกกระแทกพื้นที่ข้างเท้าเขาจนแตกกระจายพร้อมกับความลังเลครั้งสุดท้าย เขาวิ่งไม่คิดชีวิต

                “ข้าบอกไม่ให้เจ้าออกมา!

                “ได้โปรดเถอะ ท่านจะขังฉันไว้อย่างนั้นตลอดไปไม่ได้นะ!

                นั่นคือเสียงสุดท้ายดังไล่หลังให้ได้ยิน อาเธอร์วิ่งโดยไม่เสียเวลาเหลียวกลับไปมอง เขาไม่ได้กลัวเพราะว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่กลัวเพราะสิ่งที่ราชันแห่งปรภพใช้โถมลงในจิตใจเขา

                อาเธอร์วิ่งจนสะดุด ล้มหน้าคว่ำลงบนกอนาร์ซิสซัสอย่างแรง ทั้งเจ็บ ทั้งจุก ทั้งมองอะไรไม่เห็น

                “ไม่ยุติธรรมเลย”

                มีใครกระซิบข้างหูเขา

                “มาหาเราสิ”

                เขากวาดแขนไปบนพื้นหญ้าอย่างร้อนรน ในที่สุดเมื่อแว่นตากลับมาอยู่ในมือ อาเธอร์ก็สวมมันและกะพริบตา ท้องฟ้ายังคงลอยคว้าง และแม้แต่อากาศก็ดูเหมือนจะกำลังกดอยู่บนไหล่ของเขาอย่างหนักหน่วงจนปวดแปลบ

                อาเธอร์นอนหน้าคว่ำอยู่อย่างนั้น อาจจะกินเวลาหลายนาที จนกระทั่งตอนที่ได้ยินเสียงย่ำเท้าใกล้เข้ามา แรงเฮือกสุดท้ายดึงให้เขาทะลึ่งตัวขึ้น

                “กรี๊ด!

                เขาเซ ผุดลุกยืนอย่างกะทันหันและเกือบจะชนกับเจ้าของฝีเท้าเข้าให้แล้ว  เธอถอยหลังเช่นกัน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เป็นอันตรายต่อเขา อาเธอร์จึงหยุดหอบหายใจ รีบละล่ำละลักคำขอโทษตอนที่ --

                “เธอ --

                แน่นอน เธอผู้เป็นหญิง

                แต่สิ่งที่ยิ่งกว่าความเป็นผู้หญิงอย่างเต็มเปี่ยมนั้น เป็นเพราะเธอคือ --

                “เวเรน่า!

    WRITER : เวเรน่า หญิงสาวที่อาเธอร์ไม่เคยลืมนั่นเองค่ะ 
    ขอบคุณนักอ่านทุกๆ ท่านที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้นะคะ นักอ่านเงาด้วย จากยอดวิวในแต่ละตอน ที่ทำให้รู้ว่ายังไม่หายไปไหนไกล ( แต่เมนท์สักตอนก็ดีนา... ) 
    อีกไม่กี่บทก็จะถึงครึ่งทางของเรื่องกันแล้ว หลังจากที่ไม่เคยลงนิยายในเด็กดีจนจบเรื่องได้เลยสักครั้ง โรมจักรรู้สึกว่านี่เป็นพัฒนาการที่ดีแล้วล่ะค่ะ :)


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×