คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : บทที่ 8 ตอนที่ 2
แต่ทานาทอสไม่ตอบเลย
เอเรอาญ์รู้สึกว่าขอบตาร้อนผ่าว ยมโลกช่างบีบคั้นหัวใจเธอเหลือเกิน ถ้าหากแม้แต่ ‘เทพเจ้า’ ก็ยังสิ้นสติต่อหน้าต่อตาเธอ อาเธอร์กำลังท้าทายอะไรอยู่กันแน่
“ท่านคะ! หยุดนะ! หยุดเดี๋ยวนี้เลย! ”
เธอร้องเมื่อเห็นว่ามือของฮาเดสกำลังฟาดลงไปที่แผลของทานาทอสอย่างแรง เหมือนเขาพยายามจะปลุกข้ารับใช้ให้ตื่นด้วยความเจ็บปวด เอเรอาญ์ไม่รู้ว่าเธอใช้อะไรดึงมือเขาออกมาและทำให้เขามองเธอเหมือนอยากจะฟาดมือใส่เธออีกคน
“เข้ามาขวางข้าทำไม”
“พอเถอะค่ะ ได้โปรด ถามฉันก็ได้ อาเธอร์ไม่ได้โกหกแน่นอน -- เวเรน่าไม่ได้ฆ่าตัวตาย! ”
เธอมองเขา เขามองเธอ แล้วน้ำตาร้อน ๆ ก็ทำให้ใบหน้าของเธออุ่นวาบ
“หลายปีก่อน เราเพิ่งย้ายเข้าไปอยู่ในลอนดอน เพราะว่าไม่รู้จักใคร แถมยังถูกมองว่าใช้อิทธิพลของพ่อเลี้ยงที่ร่ำรวยเข้าโรงเรียนมา ทำให้มีแต่พวกอันธพาลคอยรังแกเรา ทำร้ายเรา อาเธอร์ต้องคอยปกป้องฉันตลอดเวลาจนถูกตราหน้าว่าเป็นอันธพาลไปอีกคน นั่นแหละ -- คือตอนที่เราได้พบเวเรน่า”
“ให้ฉันช่วยเถอะ...”
“ถอยไปนะ” เด็กสาวถดตัวหนีจากมือที่ยื่นเข้ามาเพื่อประคอง “เธอต้องการอะไร”
“ฉันจะช่วยเธอ”
“ไม่จริงหรอก”
“ทำไมถึงคิดว่าไม่จริงล่ะ”
“ช่างฉันเถอะน่า! ”
เด็กสาวท่าทางซีดเซียวและผ่ายผอมจนดูชี้โรคคนนั้นส่งยิ้มให้เธอ “สมกับเป็นฝาแฝดกัน จริง ๆ” เธอว่า “เอเรอาห์ อาร์เรห์นใช่ไหม เธอกับพี่ชายคิดว่าจะมีแต่คนที่ทำเรื่องร้าย ๆ กับตัวเองอย่างนั้นหรือ ”
“เธอเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเรา เธออยากช่วยเรา แต่เพราะเป็นโรคหอบหืดรุนแรงตั้งแต่เด็ก เลยกลายเป็นว่าอาเธอร์ต้องคอยปกป้องดูแลเธอไม่ต่างจากที่ทำให้ฉัน แต่ -- ไม่นานก็มีเรื่องที่ทำให้ฉันดีใจที่สุดเรื่องหนึ่ง -- อาเธอร์กับเวเรน่าคบกัน”
เขาไม่รู้ว่าเป็นกำปั้นของใคร รู้แต่ว่าหลังกระแทกผนัง และเรี่ยวแรงก็หมดสิ้น เขาร่วงหล่นลงมาบนพื้นเหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลมจนแฟบ เลือดซึมจากใต้ไรผม ไหลลงมาตามแก้ม และความนึกคิดก็แผ่วเบาลงทุกที
“พอแล้ว พอแล้ว อย่าทำเขาอีกเลย”
อาเธอร์อยากจะห้ามเธอ อยากจะตะโกนให้เธอวิ่งหนี แต่ไม่เหลือสติมากพอ
“วันนั้นเป็นวันคริสต์มาสอีฟ อาเธอร์ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสต้องพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ถ้าไม่ใช่เพราะเวเรน่าขวางเอาไว้ ฉัน -- อาจจะต้องเสียพี่ชายฝาแฝดไปแล้วก็ได้”
“เอเรล นี่ฉันเอง เวเรน่า”
“มีอะไรหรือเปล่า เสียงเธอฟังดูแปลก ๆ นะ”
“ฉัน -- ” เสียงของเวเรน่าสั่นเครือขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอแทบจะฟังไม่ออก “ฉันบอกเลิกอาเธอร์แล้ว”
“ไม่จริง!”
“พวกนั้นบังคับฉัน ถ้าฉันเลิกกับเขา และไม่เข้าไปยุ่งกับพวกเธออีก พวกเขาจะเลิกทำร้ายเธอกับ อาเธอร์”
“มันไม่จริงหรอก! ” ขอบตาของเอเรอาญ์ร้อนผ่าวด้วยความเจ็บปวดและความโกรธ “ตอนนี้อาเธอร์ต้องการเธอนะ ฉันเองก็ด้วย พวกเราต้องการเธอ อย่าไปเลยเวเรน่า”
“ฉันขอโทษ... ” มีแต่ความสิ้นหวังตลบอบอวลอยู่ในคำพูดเหล่านั้น “แล้วอย่าบอกเรื่องนี้กับอาเธอร์นะ แค่นี้แหละเอเรล ฉันต้องรีบไปตามนัดของพวกเขา”
“พวกนั้นจะทำอะไรเธอ! ”
แต่สายตัดไปเสียแล้ว
“พวกนั้นบังคับให้เวเรน่าไปอยู่ด้วย ฉันไม่รู้ว่าเธอถูกบีบให้ทำอะไรบ้าง รู้แต่ว่าเวเรน่าขาดเรียนบ่อยขึ้นและสุขภาพของเธอเท่าที่ฉันพอจะได้เห็น -- มันแย่ลงทุกที แย่ลงมาก ๆ ฉันตัดสินใจบอกความจริงให้อาเธอร์รู้ ฉัน -- อันที่จริงแล้ว” ริมฝีปากของเธอสั่นสะท้าน “ฉันเองที่ทำให้เวเรน่าต้องตาย”
ทุกอย่างบีบคั้นและอัดแน่นจนเหมือนจะระเบิดออก คอของเธอเต็มไปด้วยรสชาติที่ขมและฝาดเฝื่อน ไม่รู้ว่าเพราะน้ำดีที่ทำให้เธอรู้สึกวิงเวียนจนแทบจะยืนไม่อยู่หรือว่าก้อนสะอื้น
“พอรู้ความจริง พอรู้ -- อาเธอร์รีบไปหาคนพวกนั้น แน่นอนว่าเขาถูกทำร้าย แล้ว -- ”
“อย่า ฉันขอล่ะ อย่าทำเขาอีกเลย”
นั่นเป็นสิ่งเดียวที่เธอนึกออก และอาจเป็นสิ่งเดียวด้วยที่ร่างกายอ่อนแอของเธอสามารถกระทำได้ โดยที่ไม่รู้เลยว่าเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอจะได้ทำเช่นกัน
“ถอยไปเถอะน่า! ”
ร่างกายผ่ายผอมปลิวหวือด้วยแรงเหวี่ยง แล้วศีรษะก็กระแทกเข้ากับของแข็งบางอย่างอย่างจัง มันปวด โลกเลือนรางและเลอะเปรอะด้วยสีแดงฉาน เธอพยายามใช้แรงเท่าที่เหลืออยู่ประคองตัวขึ้น ตอนที่ความเจ็บปวดอันคุ้นเคยจุกอยู่ในอก
เธอภาวนาให้มันไม่เกิดขึ้น ภาวนาให้เป็นอุปาทานของตนเอง เพียงแต่มันเป็นความจริง
“ฉันโทรศัพท์หาอาเธอร์ แต่ไม่ได้ยินเสียงพูด ฉันเลยแจ้งตำรวจแล้วรีบไป เวเรน่าบาดเจ็บสาหัส หัวเธอกระแทก หืดกำเริบด้วย เราเรียกรถพยาบาล แต่กว่าจะมาถึง เวเรน่า -- เวเรน่าก็ -- เธอ ไปแล้ว”
แล้วเธอก็รู้ว่ามันคือก้อนสะอื้น ตอนที่น้ำตาปริมาณมหาศาลไหลพรั่งพรูออกจากดวงตาทั้งสองข้าง เหมือนกับว่าเธอยังคงมองเห็นสีแดงของเลือด และความเจ็บปวดจากการสูญเสียเมื่อหลายปีก่อนอยู่
“ท่านรู้ไหม -- ตลอดเวลาที่พ่อไม่อยู่กับพวกเรา อาเธอร์คอยดูแลทั้งฉันและแม่มาตลอด เขาเป็นคนที่เข้มแข็งที่สุดในบ้านเท่าที่เรามีอยู่ แต่หลังจากเสียเธอไป -- พี่ชายฝาแฝดของฉันไม่เคยเป็นเหมือนเดิมอีกเลย อาเธอร์พูดอยู่เสมอว่าเพราะเขาเองไม่เคยพยายามจนถึงที่สุด เธอถึงต้องตาย ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของเขาเลยสักนิด ไม่ใช่เลย! ทำไมเขาถึงได้พยายามเรียนวิชาแพทย์ที่ไม่ได้นึกรัก ทำไมเขาถึงได้พยายามปกป้องฉันอย่างบ้าคลั่งจนถูกพามาที่นี่ ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเรื่องนี้! และถ้าหากเทพทานาทอสยังถูกทำร้ายจนสาหัส ก็มีแต่ท่านเท่านั้นที่จะช่วยเราได้ ได้โปรด! ไม่เห็นแก่ฉัน ท่านก็เห็นแก่ใครก็ได้ สักคนหนึ่ง พาพวกเขากลับมาที! ”
เธอหอบหายใจและสะอึกสะอื้นจนหมดเรี่ยวแรง ต้องทรุดตัวลงข้าง ๆ ที่ที่ทานาทอสนอนอยู่อย่างอับจนหนทาง เธอสบตาเขา แม้จะมองอะไรไม่เห็นเพราะน้ำตาจำนวนมาก แต่เธอก็รู้ว่าฮาเดสมองเธอ และทั้งที่ยังไม่พูดอะไรสักคำ เขาหมุนตัวแล้วเดินจากไป
“นายหญิง... ”
เอเรอาญ์หันหน้ามอง ต้องใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าจะรู้ว่าทานาทอสมีสติแล้วและกำลังมองเธออยู่ หญิงสาวปาดน้ำตา พยายามฝืนยิ้มทั้งที่รู้สึกว่าในปากมีแต่รสขม
“ท่านเป็นยังไงบ้างคะ มะ -- มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่า”
“ไม่ต้องหรอกขอรับ นายท่านคืนชีวิตให้ข้าแล้ว”
น้ำเสียงของทานาทอสหมายความตามที่พูด เพราะมันกลายเป็นเสียงเดิมที่แหบแห้งชวนขนลุกแต่ยังมีชีวิตชีวา เอเรอาญ์กะพริบตา มันยังซีดเผือด แต่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมีชีวิตอย่างที่เธอเห็นมาตลอด
“อะไรกัน -- ”
เธองุนงง ไม่มีบาดแผลอยู่บนร่างกายของทานาทอส ไม่มีแม้แต่คราบเลือดบนเชิงหิน กระทั่งเสื้อคลุมที่ขาดวิ่นก็ยังประสานเข้าหากันราวกับมันไม่เคยฉีกขาดมาก่อน
“เป็นไปได้ยังไง”
“นายท่านช่วยรักษาข้าขอรับ”
“เฮ้ -- ” เธอยิ่งงุนงง “เมื่อไหร่กัน”
“การจะรักษา ก็ต้องใช้เวทมนตร์รักษาแตะที่บาดแผลสิขอรับ”
เธอนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจ ภาพที่เขาฟาดมือลงกับบาดแผลของทานาทอสอย่างแรงจนเธอต้องร้องห้ามนั้นปรากฏขึ้นมา และมันชัดเจนเกินกว่าที่เอเรอาญ์จะปฏิเสธได้
“ฟะ -- ฟาดน่ะหรือ”
“ขอรับ”
“องค์ราชันของท่านนี่ -- ” เธอถึงกับพูดอะไรไม่ออก “ทำให้ฉันทั้งกลัวทั้งสับสนไปหมดแล้ว”
หญิงสาวแปลกใจที่ได้ยินทานาทอสหัวเราะ “แล้วนายหญิงไม่สนใจหรือขอรับ ว่าทำไมถึงไม่มีผู้ใดหวาดกลัวนายท่านเลย”
เธอพยักหน้า
“ในโลกเบื้องบนของนายหญิง นายท่านไม่แตกต่างอะไรกับปีศาจ แท้จริงแล้วไม่เลย -- ข้าเห็นแต่ว่านายท่านเป็นเทพเจ้าองค์หนึ่งซึ่งรับมอบหมายให้ปกครองยมโลกเท่านั้น จับพลัดจับผลูได้อำนาจเช่นนี้มาไว้ในมือ จะถูกรังเกียจรังชังก็ดูธรรมดาสามัญ ดินแดนปรภพน่าพิสมัยเมื่อไหร่” เขาหัวเราะ “หลายพันปีมานี้ ข้าเห็นว่านายท่าน ‘อ่อนโยน’ โดยเนื้อแท้กว่าเทพเจ้าบนโน้นหลายองค์เสียอีก นายหญิงไม่รู้หรือ -- ที่นายท่านเค้นเอาคำตอบ ก็เพราะห่วงแต่เรื่องจะช่วยพี่ชายของข้า และเพราะรู้ดีว่าข้าจะสามารถอดทนได้นานเท่าใดด้วย”
“แล้วที่ฟาดท่านล่ะ ถ้าท่านบอกว่าเป็นการรักษา แล้วทำไมไม่ทาบมือลงไปเบา ๆ ”
ทานาทอสหัวเราะเสียงลั่นอย่างที่คนเจ็บไม่น่าจะทำได้ “ถ้าทำแบบนั้นก็คงไม่ใช่นายท่าน! ”
“อะไรกัน! ”
“เย็นใจไว้ก่อนนายหญิง นึก ๆ แล้วก็น่าเศร้า นายท่านถูกกรอบแห่งปรภพบีบไว้นานจนเกินไป นายท่านจะไม่เชื่อในหัวใจของใคร พอ ๆ กับที่ไม่เคยเชื่อว่าตัวท่านเองจะมีนั่นแหละ”
“เป็นเรื่องที่น่าเศร้าจริง ๆ “ เอเรอาญ์พูด แต่เธอกลับปาดน้ำตาทิ้งและยิ้มออกมาได้ “หมายความว่า ตอนนี้เทพฮาเดสกำลังจะไปช่วยทั้งอาเธอร์และเทพฮิปนอสน่ะสิคะ”
“ขอรับ” ทานาทอสตอบ “ว่าแต่ -- นายหญิงรู้หรือเปล่า หลังจากล่วงเกินท่านแล้ว นายท่านไม่ได้รู้สึกสบายใจเลย”
ใบหน้าของเอเรอาญ์ร้อนวูบวาบ ทานาทอสไม่ได้อ้อมค้อมเลย
“ข้าก็เลยแนะให้นายท่านโอนอ่อนต่อนายหญิงบ้าง”
“อะไรนะ -- ”
“ข้าก็เลยแนะให้นายท่านโอนอ่อนลงบ้าง เห็นไหม -- นายท่านแจ้งนายหญิงเรื่องพี่ชายก่อนมารักษาข้าเสียอีก! ”
“ท่านกำลังโกหกฉัน เทพฮาเดสไม่ได้มีท่าทีแบบนั้นเลย! ” เอเรอาญ์เสียงแข็ง
“ ‘ข้าทำผิดไปหรือ ทั้งกับเพอร์ซีโฟเน่และนาง’ ถ้าหากไม่รู้สึก นายท่านคงไม่พูดเช่นนั้น”
“แต่ว่า -- ”
“ถือว่าเห็นแก่ข้าเถิด นายหญิง” ทานาทอสยิ้มให้เธอด้วยรอยยิ้มที่เอเรอาญ์ไม่สามารถปฏิเสธได้ “นายหญิงเป็นโลกฝั่งเดียวของนายท่านที่สว่างไสว ได้โปรดทำให้โลกทุกฝั่งของนายท่านเป็นเช่นนั้น ข้าไม่ได้ขอให้ท่านอดทน หรือพยายาม ขอแต่เพียงความเมตตา -- ข้าเรียกว่าความเมตตา -- ได้โปรดเถิดขอรับ”
มันดูเป็นคำขอร้องที่กดลงบนบ่าจนหนักอึ้ง เอเรอาญ์ถอนหายใจ เปิดโลกให้ราชันแห่งปรภพดูเป็นงานที่ยากกว่าอะไรทั้งหมดที่เธอเคยทำมา
“ฉันไม่รับปากนะคะ”
เธอตอบแค่นั้น
WRITER : ในที่สุดอดีตของอาเธอร์และเวเรน่าก็เปิดเผยออกมาจนได้
ตอนนี้เรื่องราวก็ได้ดำเนินมาจนถึงครึ่งทางแล้วจริงๆ ( บทที่ 8 จากทั้งหมด 16 บท )
แอบใจหายเล็กน้อย เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นคน "เปิดเรื่องเร็ว" , "อัพเร็ว" และ "จบเร็ว" มาก ทั้งสำหรับแฟนฟิคชั่นและนิยาย
อาจจะเป็นเพราะมักจะรอให้เขียนจนจบเรื่องก่อน แล้วจึงนำมาลงในเว็บไซต์ ไม่ได้เขียนไปลงไป พอไม่ได้อัพก็เลยรู้สึกแปลกๆ เหมือนมันว่างๆ โหวงๆ พิกล
พยายามคิดเข้าข้างตัวเอง เอ... แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ คนอ่านจะได้อ่านได้ไม่สะดุด ขืนให้รอนาน เดี๋ยวลืมเนื้อหากับอารมณ์ในบทก่อนๆ ฉากก่อนๆ หมด
ทั้งที่จริงๆ แล้ว... มันคงเป็นเพียงเพราะความขี้เกียจของโรมจักรนั่นแหละค่า 555
บางทียังเคยนึกอยากจะลงทีเดียวหมดทั้งเรื่องแล้วจบกัน แต่ว่า... นั่นมันคงจะเกินไปแล้วล่ะ!
ความคิดเห็น