ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    end - ครั้งหนึ่งในวสันตกาล

    ลำดับตอนที่ #18 : บทที่ 8 ตอนที่ 2

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 467
      1
      30 พ.ค. 60




                   แต่ทานาทอสไม่ตอบเลย

                เอเรอาญ์รู้สึกว่าขอบตาร้อนผ่าว ยมโลกช่างบีบคั้นหัวใจเธอเหลือเกิน ถ้าหากแม้แต่ ‘เทพเจ้า ก็ยังสิ้นสติต่อหน้าต่อตาเธอ อาเธอร์กำลังท้าทายอะไรอยู่กันแน่

                “ท่านคะ! หยุดนะ! หยุดเดี๋ยวนี้เลย! ”

     

                เธอร้องเมื่อเห็นว่ามือของฮาเดสกำลังฟาดลงไปที่แผลของทานาทอสอย่างแรง เหมือนเขาพยายามจะปลุกข้ารับใช้ให้ตื่นด้วยความเจ็บปวด เอเรอาญ์ไม่รู้ว่าเธอใช้อะไรดึงมือเขาออกมาและทำให้เขามองเธอเหมือนอยากจะฟาดมือใส่เธออีกคน

                เข้ามาขวางข้าทำไม

                พอเถอะค่ะ ได้โปรด ถามฉันก็ได้ อาเธอร์ไม่ได้โกหกแน่นอน -- เวเรน่าไม่ได้ฆ่าตัวตาย! ”

                เธอมองเขา เขามองเธอ แล้วน้ำตาร้อน ๆ ก็ทำให้ใบหน้าของเธออุ่นวาบ

                “หลายปีก่อน เราเพิ่งย้ายเข้าไปอยู่ในลอนดอน เพราะว่าไม่รู้จักใคร แถมยังถูกมองว่าใช้อิทธิพลของพ่อเลี้ยงที่ร่ำรวยเข้าโรงเรียนมา ทำให้มีแต่พวกอันธพาลคอยรังแกเรา ทำร้ายเรา อาเธอร์ต้องคอยปกป้องฉันตลอดเวลาจนถูกตราหน้าว่าเป็นอันธพาลไปอีกคน นั่นแหละ -- คือตอนที่เราได้พบเวเรน่า”

     

                “ให้ฉันช่วยเถอะ...”

             “ถอยไปนะ” เด็กสาวถดตัวหนีจากมือที่ยื่นเข้ามาเพื่อประคอง “เธอต้องการอะไร”

             “ฉันจะช่วยเธอ”

             “ไม่จริงหรอก”

             “ทำไมถึงคิดว่าไม่จริงล่ะ”

             “ช่างฉันเถอะน่า!

             เด็กสาวท่าทางซีดเซียวและผ่ายผอมจนดูชี้โรคคนนั้นส่งยิ้มให้เธอ “สมกับเป็นฝาแฝดกัน จริง ๆ” เธอว่า “เอเรอาห์ อาร์เรห์นใช่ไหม เธอกับพี่ชายคิดว่าจะมีแต่คนที่ทำเรื่องร้าย ๆ กับตัวเองอย่างนั้นหรือ ”

     

                “เธอเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเรา เธออยากช่วยเรา แต่เพราะเป็นโรคหอบหืดรุนแรงตั้งแต่เด็ก เลยกลายเป็นว่าอาเธอร์ต้องคอยปกป้องดูแลเธอไม่ต่างจากที่ทำให้ฉัน แต่ -- ไม่นานก็มีเรื่องที่ทำให้ฉันดีใจที่สุดเรื่องหนึ่ง -- อาเธอร์กับเวเรน่าคบกัน”

                เขาไม่รู้ว่าเป็นกำปั้นของใคร รู้แต่ว่าหลังกระแทกผนัง และเรี่ยวแรงก็หมดสิ้น เขาร่วงหล่นลงมาบนพื้นเหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลมจนแฟบ เลือดซึมจากใต้ไรผม ไหลลงมาตามแก้ม และความนึกคิดก็แผ่วเบาลงทุกที

             “พอแล้ว พอแล้ว อย่าทำเขาอีกเลย”

             อาเธอร์อยากจะห้ามเธอ อยากจะตะโกนให้เธอวิ่งหนี แต่ไม่เหลือสติมากพอ

                “วันนั้นเป็นวันคริสต์มาสอีฟ อาเธอร์ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสต้องพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ถ้าไม่ใช่เพราะเวเรน่าขวางเอาไว้ ฉัน -- อาจจะต้องเสียพี่ชายฝาแฝดไปแล้วก็ได้”

        

             “เอเรล นี่ฉันเอง เวเรน่า”

             “มีอะไรหรือเปล่า เสียงเธอฟังดูแปลก ๆ นะ”

             “ฉัน -- ” เสียงของเวเรน่าสั่นเครือขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอแทบจะฟังไม่ออก “ฉันบอกเลิกอาเธอร์แล้ว”

             “ไม่จริง!

             “พวกนั้นบังคับฉัน ถ้าฉันเลิกกับเขา และไม่เข้าไปยุ่งกับพวกเธออีก พวกเขาจะเลิกทำร้ายเธอกับ       อาเธอร์”

             “มันไม่จริงหรอก! ” ขอบตาของเอเรอาญ์ร้อนผ่าวด้วยความเจ็บปวดและความโกรธ “ตอนนี้อาเธอร์ต้องการเธอนะ ฉันเองก็ด้วย พวกเราต้องการเธอ อย่าไปเลยเวเรน่า”

             “ฉันขอโทษ... ” มีแต่ความสิ้นหวังตลบอบอวลอยู่ในคำพูดเหล่านั้น “แล้วอย่าบอกเรื่องนี้กับอาเธอร์นะ แค่นี้แหละเอเรล ฉันต้องรีบไปตามนัดของพวกเขา”

             “พวกนั้นจะทำอะไรเธอ!

             แต่สายตัดไปเสียแล้ว

        

                “พวกนั้นบังคับให้เวเรน่าไปอยู่ด้วย ฉันไม่รู้ว่าเธอถูกบีบให้ทำอะไรบ้าง รู้แต่ว่าเวเรน่าขาดเรียนบ่อยขึ้นและสุขภาพของเธอเท่าที่ฉันพอจะได้เห็น -- มันแย่ลงทุกที แย่ลงมาก ๆ ฉันตัดสินใจบอกความจริงให้อาเธอร์รู้ ฉัน -- อันที่จริงแล้ว ริมฝีปากของเธอสั่นสะท้าน ฉันเองที่ทำให้เวเรน่าต้องตาย

                ทุกอย่างบีบคั้นและอัดแน่นจนเหมือนจะระเบิดออก คอของเธอเต็มไปด้วยรสชาติที่ขมและฝาดเฝื่อน ไม่รู้ว่าเพราะน้ำดีที่ทำให้เธอรู้สึกวิงเวียนจนแทบจะยืนไม่อยู่หรือว่าก้อนสะอื้น

                “พอรู้ความจริง พอรู้ -- อาเธอร์รีบไปหาคนพวกนั้น แน่นอนว่าเขาถูกทำร้าย แล้ว --

                “อย่า ฉันขอล่ะ อย่าทำเขาอีกเลย”

             นั่นเป็นสิ่งเดียวที่เธอนึกออก และอาจเป็นสิ่งเดียวด้วยที่ร่างกายอ่อนแอของเธอสามารถกระทำได้ โดยที่ไม่รู้เลยว่าเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอจะได้ทำเช่นกัน

     

             “ถอยไปเถอะน่า!

             ร่างกายผ่ายผอมปลิวหวือด้วยแรงเหวี่ยง แล้วศีรษะก็กระแทกเข้ากับของแข็งบางอย่างอย่างจัง  มันปวด โลกเลือนรางและเลอะเปรอะด้วยสีแดงฉาน เธอพยายามใช้แรงเท่าที่เหลืออยู่ประคองตัวขึ้น ตอนที่ความเจ็บปวดอันคุ้นเคยจุกอยู่ในอก

             เธอภาวนาให้มันไม่เกิดขึ้น ภาวนาให้เป็นอุปาทานของตนเอง เพียงแต่มันเป็นความจริง

                “ฉันโทรศัพท์หาอาเธอร์ แต่ไม่ได้ยินเสียงพูด ฉันเลยแจ้งตำรวจแล้วรีบไป เวเรน่าบาดเจ็บสาหัส หัวเธอกระแทก หืดกำเริบด้วย เราเรียกรถพยาบาล แต่กว่าจะมาถึง   เวเรน่า -- เวเรน่าก็ -- เธอ ไปแล้ว”

                แล้วเธอก็รู้ว่ามันคือก้อนสะอื้น ตอนที่น้ำตาปริมาณมหาศาลไหลพรั่งพรูออกจากดวงตาทั้งสองข้าง เหมือนกับว่าเธอยังคงมองเห็นสีแดงของเลือด และความเจ็บปวดจากการสูญเสียเมื่อหลายปีก่อนอยู่

                ท่านรู้ไหม -- ตลอดเวลาที่พ่อไม่อยู่กับพวกเรา อาเธอร์คอยดูแลทั้งฉันและแม่มาตลอด เขาเป็นคนที่เข้มแข็งที่สุดในบ้านเท่าที่เรามีอยู่ แต่หลังจากเสียเธอไป -- พี่ชายฝาแฝดของฉันไม่เคยเป็นเหมือนเดิมอีกเลย อาเธอร์พูดอยู่เสมอว่าเพราะเขาเองไม่เคยพยายามจนถึงที่สุด เธอถึงต้องตาย ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของเขาเลยสักนิด ไม่ใช่เลย! ทำไมเขาถึงได้พยายามเรียนวิชาแพทย์ที่ไม่ได้นึกรัก ทำไมเขาถึงได้พยายามปกป้องฉันอย่างบ้าคลั่งจนถูกพามาที่นี่ ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเรื่องนี้! และถ้าหากเทพทานาทอสยังถูกทำร้ายจนสาหัส ก็มีแต่ท่านเท่านั้นที่จะช่วยเราได้ ได้โปรด! ไม่เห็นแก่ฉัน ท่านก็เห็นแก่ใครก็ได้ สักคนหนึ่ง พาพวกเขากลับมาที! ”

                เธอหอบหายใจและสะอึกสะอื้นจนหมดเรี่ยวแรง ต้องทรุดตัวลงข้าง ๆ ที่ที่ทานาทอสนอนอยู่อย่างอับจนหนทาง เธอสบตาเขา แม้จะมองอะไรไม่เห็นเพราะน้ำตาจำนวนมาก แต่เธอก็รู้ว่าฮาเดสมองเธอ และทั้งที่ยังไม่พูดอะไรสักคำ เขาหมุนตัวแล้วเดินจากไป

                นายหญิง...

                เอเรอาญ์หันหน้ามอง ต้องใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าจะรู้ว่าทานาทอสมีสติแล้วและกำลังมองเธออยู่ หญิงสาวปาดน้ำตา พยายามฝืนยิ้มทั้งที่รู้สึกว่าในปากมีแต่รสขม

                ท่านเป็นยังไงบ้างคะ มะ -- มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่า

                ไม่ต้องหรอกขอรับ นายท่านคืนชีวิตให้ข้าแล้ว

                  น้ำเสียงของทานาทอสหมายความตามที่พูด เพราะมันกลายเป็นเสียงเดิมที่แหบแห้งชวนขนลุกแต่ยังมีชีวิตชีวา เอเรอาญ์กะพริบตา มันยังซีดเผือด แต่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมีชีวิตอย่างที่เธอเห็นมาตลอด

                อะไรกัน -- ”

                เธองุนงง ไม่มีบาดแผลอยู่บนร่างกายของทานาทอส ไม่มีแม้แต่คราบเลือดบนเชิงหิน กระทั่งเสื้อคลุมที่ขาดวิ่นก็ยังประสานเข้าหากันราวกับมันไม่เคยฉีกขาดมาก่อน

                เป็นไปได้ยังไง

                นายท่านช่วยรักษาข้าขอรับ

                เฮ้ -- ” เธอยิ่งงุนงง เมื่อไหร่กัน

                การจะรักษา ก็ต้องใช้เวทมนตร์รักษาแตะที่บาดแผลสิขอรับ

                เธอนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจ ภาพที่เขาฟาดมือลงกับบาดแผลของทานาทอสอย่างแรงจนเธอต้องร้องห้ามนั้นปรากฏขึ้นมา และมันชัดเจนเกินกว่าที่เอเรอาญ์จะปฏิเสธได้

                ฟะ -- ฟาดน่ะหรือ

                ขอรับ

                องค์ราชันของท่านนี่ -- ” เธอถึงกับพูดอะไรไม่ออก ทำให้ฉันทั้งกลัวทั้งสับสนไปหมดแล้ว

                หญิงสาวแปลกใจที่ได้ยินทานาทอสหัวเราะ แล้วนายหญิงไม่สนใจหรือขอรับ ว่าทำไมถึงไม่มีผู้ใดหวาดกลัวนายท่านเลย

                เธอพยักหน้า

                ในโลกเบื้องบนของนายหญิง นายท่านไม่แตกต่างอะไรกับปีศาจ แท้จริงแล้วไม่เลย -- ข้าเห็นแต่ว่านายท่านเป็นเทพเจ้าองค์หนึ่งซึ่งรับมอบหมายให้ปกครองยมโลกเท่านั้น จับพลัดจับผลูได้อำนาจเช่นนี้มาไว้ในมือ จะถูกรังเกียจรังชังก็ดูธรรมดาสามัญ ดินแดนปรภพน่าพิสมัยเมื่อไหร่ เขาหัวเราะ หลายพันปีมานี้ ข้าเห็นว่านายท่าน อ่อนโยน โดยเนื้อแท้กว่าเทพเจ้าบนโน้นหลายองค์เสียอีก นายหญิงไม่รู้หรือ -- ที่นายท่านเค้นเอาคำตอบ ก็เพราะห่วงแต่เรื่องจะช่วยพี่ชายของข้า และเพราะรู้ดีว่าข้าจะสามารถอดทนได้นานเท่าใดด้วย

                แล้วที่ฟาดท่านล่ะ ถ้าท่านบอกว่าเป็นการรักษา แล้วทำไมไม่ทาบมือลงไปเบา ๆ

                ทานาทอสหัวเราะเสียงลั่นอย่างที่คนเจ็บไม่น่าจะทำได้ ถ้าทำแบบนั้นก็คงไม่ใช่นายท่าน! ”

                อะไรกัน! ”

                “เย็นใจไว้ก่อนนายหญิง นึก ๆ แล้วก็น่าเศร้า นายท่านถูกกรอบแห่งปรภพบีบไว้นานจนเกินไป นายท่านจะไม่เชื่อในหัวใจของใคร พอ ๆ กับที่ไม่เคยเชื่อว่าตัวท่านเองจะมีนั่นแหละ

                เป็นเรื่องที่น่าเศร้าจริง ๆ เอเรอาญ์พูด แต่เธอกลับปาดน้ำตาทิ้งและยิ้มออกมาได้ หมายความว่า ตอนนี้เทพฮาเดสกำลังจะไปช่วยทั้งอาเธอร์และเทพฮิปนอสน่ะสิคะ

                ขอรับ ทานาทอสตอบ ว่าแต่ -- นายหญิงรู้หรือเปล่า หลังจากล่วงเกินท่านแล้ว นายท่านไม่ได้รู้สึกสบายใจเลย

                ใบหน้าของเอเรอาญ์ร้อนวูบวาบ ทานาทอสไม่ได้อ้อมค้อมเลย

                “ข้าก็เลยแนะให้นายท่านโอนอ่อนต่อนายหญิงบ้าง

                อะไรนะ -- ”

                ข้าก็เลยแนะให้นายท่านโอนอ่อนลงบ้าง เห็นไหม -- นายท่านแจ้งนายหญิงเรื่องพี่ชายก่อนมารักษาข้าเสียอีก! ”

                “ท่านกำลังโกหกฉัน เทพฮาเดสไม่ได้มีท่าทีแบบนั้นเลย! ” เอเรอาญ์เสียงแข็ง

                ข้าทำผิดไปหรือ ทั้งกับเพอร์ซีโฟเน่และนาง ถ้าหากไม่รู้สึก นายท่านคงไม่พูดเช่นนั้น

                แต่ว่า -- ”

                ถือว่าเห็นแก่ข้าเถิด นายหญิง ทานาทอสยิ้มให้เธอด้วยรอยยิ้มที่เอเรอาญ์ไม่สามารถปฏิเสธได้ นายหญิงเป็นโลกฝั่งเดียวของนายท่านที่สว่างไสว ได้โปรดทำให้โลกทุกฝั่งของนายท่านเป็นเช่นนั้น ข้าไม่ได้ขอให้ท่านอดทน หรือพยายาม ขอแต่เพียงความเมตตา -- ข้าเรียกว่าความเมตตา -- ได้โปรดเถิดขอรับ

                มันดูเป็นคำขอร้องที่กดลงบนบ่าจนหนักอึ้ง เอเรอาญ์ถอนหายใจ เปิดโลกให้ราชันแห่งปรภพดูเป็นงานที่ยากกว่าอะไรทั้งหมดที่เธอเคยทำมา

                ฉันไม่รับปากนะคะ

                เธอตอบแค่นั้น


    WRITER : ในที่สุดอดีตของอาเธอร์และเวเรน่าก็เปิดเผยออกมาจนได้
     
    ตอนนี้เรื่องราวก็ได้ดำเนินมาจนถึงครึ่งทางแล้วจริงๆ ( บทที่ 8 จากทั้งหมด 16 บท ) 
    แอบใจหายเล็กน้อย เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นคน "เปิดเรื่องเร็ว" , "อัพเร็ว" และ "จบเร็ว" มาก ทั้งสำหรับแฟนฟิคชั่นและนิยาย
    อาจจะเป็นเพราะมักจะรอให้เขียนจนจบเรื่องก่อน แล้วจึงนำมาลงในเว็บไซต์ ไม่ได้เขียนไปลงไป พอไม่ได้อัพก็เลยรู้สึกแปลกๆ เหมือนมันว่างๆ โหวงๆ พิกล 
    พยายามคิดเข้าข้างตัวเอง เอ... แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ คนอ่านจะได้อ่านได้ไม่สะดุด ขืนให้รอนาน เดี๋ยวลืมเนื้อหากับอารมณ์ในบทก่อนๆ ฉากก่อนๆ หมด
    ทั้งที่จริงๆ แล้ว... มันคงเป็นเพียงเพราะความขี้เกียจของโรมจักรนั่นแหละค่า 555
    บางทียังเคยนึกอยากจะลงทีเดียวหมดทั้งเรื่องแล้วจบกัน แต่ว่า... นั่นมันคงจะเกินไปแล้วล่ะ!

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×