คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : บทที่ 10 ตอนที่ 2
เธออ่านหนังสือจบไปอีกหนึ่งเล่มตอนที่ได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างรีบร้อนและไม่มีความเกรงอกเกรงใจเลยสักนิด ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่เปิดออก --
“ทำไมถึงได้เปิดช้านัก หรือว่าข้าให้อิสระเจ้ามากเกินไป! ”
เสียงของฮาเดสดังขึ้นพร้อมกับดวงตาจับผิดปนเกรี้ยวกราดเหมือนเจ้านายที่กำลังจ้องมองผู้ใต้บังคับบัญชา เขายืนอยู่ตรงหน้าเธอ พ่นลมอย่างหงุดหงิดรำคาญใจ
“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าจะพาไปที่หอคอยทุกวัน”
“ท่านคะ ฉันต้องขอคัดค้าน” เอเรอาญ์พูดอย่างใจเย็น “และขอพูดอีกครั้ง ฉันไม่มีทางเป็นเทพี เพอร์ซีโฟเน่ไปได้หรอกค่ะ ฉันไม่มีวี่แววว่าจะจำอะไรได้เลยสักนิด”
“แต่ข้าบอกว่าเจ้าต้องไป! ”
“ท่านไม่ควรบังคับ -- ”
ฮาเดสเงียบเสียงลงเล็กน้อย เอเรอาญ์คิดว่าเขาคงเริ่มพิจารณาว่าการบังคับเป็นสิ่งที่หมายถึงการทำผิดต่อเธอและเพอร์ซีโฟเน่หรือเปล่า แต่แล้วเธอก็รู้ว่าเธอคิดผิด
“เจ้ารู้ว่าข้าสร้างหอคอยนั้นด้วยประสงค์ดี และข้าคิด -- ไม่ -- มันต้องเป็นประสงค์ดีแน่ ๆ การนำเจ้าหรือนางไปที่นั่นทุกวันไม่ใช่ประสงค์ร้าย เพราะฉะนั้นมันจึงไม่ใช่การบังคับ”
“แต่ฉันไม่ได้เต็มใจจะไปทุกวัน”
“แล้วทำท่าโหยหาโลกข้างบนอยู่ตลอดเวลาทำไมกัน รู้ไหมว่าหอคอยนั่นเห็นมองเห็นได้ทั้งอาทิตย์และ -- ”
“นั่นเทพีเพอร์ซีโฟเน่ค่ะ ไม่ใช่ฉัน” อาจจะเป็นครั้งแรกเลยที่เธอขัดเขา “วันนี้ฉันอยากอ่านหนังสืออยู่ในนี้เงียบ ๆ”
“เจ้ากับนางเป็นคนคนเดียวกัน” เขาพูดอย่างดื้อดึง
“ฉันบอกว่าไม่ใช่”
“แต่ข้าบอกว่าใช่”
เธอเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง “ท่านนี่เหมือนอสูรในเรื่องโฉมงามกับเจ้าชายอสูรเปี๊ยบเลย”
“ข้าไม่ใช่อสูร และไม่ใช่เจ้าชายด้วย”
“ฉันไม่ได้หมายความว่า -- ”
“ที่สำคัญ เจ้าก็ไม่น่าจะเป็นโฉมงามไปได้”
หยาบคาย! และถ้าเอเรอาญ์ไม่ได้นับหนึ่งถึงร้อยเตรียมไว้ในใจ รวมถึงปลอบตัวเองว่าเขาไม่เคยสัมผัสโลกที่ไม่ตรงเผงเหมือนเวลาที่เขาตัดสินความถูกผิดของวิญญาณและไม่แข็งกระด้างมานานแสนนานแล้ว เธอก็คงนึกอยากจะฟาดมือบนใบหน้าของราชันแห่งปรโลกสักเปรี้ยงอย่างเหลืออด
“ค่ะ ฉัน – จะ – ไป” เธอจงใจให้เขารู้ว่ากัดฟันตอบ
ไม่ช้าเอเรอาญ์ก็เดินตามเขาอย่างไร้ทางสู้ -- หรืออันที่จริงคือเธอไม่มีทางจะสู้รบปรบมือกับเขาแน่ ๆ อยู่แล้ว จนมาถึงนอกตัวปราสาท แล้วในขณะที่เธอกำลังจะถามว่าเขาจะเดินไปพร้อมกับเธอ หรือหายวับไปก่อนอย่างที่เธอเคยเห็นบ่อย ๆ แล้วปล่อยให้เธอเดินตามไปทีหลังนั่นเอง ก็พอดีกับที่เขาทำอะไรบางอย่างอย่างฉับพลัน และแน่นอน เธอร้องเสียงหลง!
“ท่านจะทำอะไรน่ะ! ”
เขาช้อนตัวเธอขึ้น อุ้มด้วยสองแขน และทันทีที่เธอร้อง เขาก็โยนตัวเธอขึ้นสูงอย่างเหลืออดเหลือทนและเป็นเธอเองที่ต้องผวารีบคว้าตัวเขาไว้ เธอเพิ่งมั่นใจในตอนนั้นเองว่าเขาตัวสูงเหลือเกิน แน่นอนว่าต้องสูงกว่าเธอมากด้วยในเมื่อระดับอกยังทำให้เธอรู้สึกกลัวการตกกระทบพื้นได้
“มันเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เราไปถึงพร้อมกันได้โดยเร็วที่สุด”
“แต่... ” เธอพูดอะไรไม่ออก ทว่าเอเรอาญ์จำได้ดีและมีสติระลึกว่าเขาพาเธอหายตัวไปด้วยได้ การไปด้วยกัน ‘เร็วที่สุด’ ไม่ใช่การที่มีปีกสีดำขนาดใหญ่ค่อย ๆ เหยียดออกมาจากแผ่นหลังของเขาเหมือนพญาเหยี่ยวที่กำลังบิดขี้เกียจต้อนรับวันใหม่อย่างนี้แน่
เอเรอาญ์ได้ยินเสียงเขาพูดแว่ว ๆ ว่าพร้อมไหม เธอกำลังจะตอบปฏิเสธตอนที่รู้สึกว่าอากาศรอบตัวพัดผ่านร่างกายไปอย่างรวดเร็ว เนื้อตัวเบาโหวง และเธอก็อยู่สูงจากพื้นมากเหลือเกิน มากเสียจนตัวปราสาทกลายเป็นเหมือนหยดหมึกสีดำหยดเล็ก ๆ ระหว่างบรรทัดที่ติดกันเป็นพืด ฮาเดสสะบัดปีก และคนหนึ่งคนกับเทพเจ้าหนึ่งองค์ก็โผทะยานไปสู่ท้องฟ้าของเอลลีเซียมที่มองเห็นอยู่ไกลลิบ ๆ
ทันทีที่หาเสียงพบ เธอก็กรีดร้องลั่น แต่มันไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่มันถูกสายลมพัดหายไปในชั่ววินาทีเดียว แต่เพราะเธอรู้อยู่เต็มอกเสียด้วยว่าไม่มีใครช่วยเธอได้แน่ ๆ
“ไม่เอาแบบนี้! ”
เธอร้องอีก และด้วยความแปลกใจยิ่งยวด เธอได้ยินอะไรบางอย่าง บางอย่างที่อาจจะแปลกประหลาดที่สุดในชีวิต บางอย่างที่แม้แต่สิ่งใดก็ตามที่เก่าแก่ที่สุดในโลกก็คงไม่เคยได้สัมผัส พบเห็น หรือได้ยิน
มันเป็นเสียงที่ต่อให้ฟังกี่ครั้งเธอก็ต้องบอกว่าเจ้าของเสียงไม่เคยมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ และยอมทุ่มเงินพนันหมดธนาคารเพื่อบอกว่านั่นไม่ใช่เสียงของฮาเดส
เพราะเขากำลังหัวเราะลั่น! หัวเราะอย่างที่คนมีความสุขจะต้องทำ เขากำลังหัวเราะอยู่แน่ๆ !
ไม่ช้า ในความแปลกใจของแปลกใจ หลังจากที่ฮาเดสพาเธอลอดผ่านบานหน้าต่างเข้ามายืนอยู่ในหอคอยเรียบร้อยแล้ว เขาก็ยังไม่หยุดหัวเราะ เธอทั้งฉุนทั้งนึกอยากเห็นใบหน้าของเขาที่กำลังทำอย่างนั้น มันอาจจะเป็นของประมูลที่หายากและราคาแพงที่สุดในโลกเลยก็ได้ แต่ฮาเดสไม่ยอมให้เธอได้เห็น เขาหันหลังให้เธอ ซ่อนใบหน้าด้วยปีกและขอบหน้าต่าง ขณะที่หัวเราะกึก ๆ อย่างเอาเป็นเอาตาย
“ฉันยืนอยู่บนพื้นแล้วค่ะ ท่านไม่ต้องหัวเราะแล้ว” เธอพูดเสียงห้วน
“เจ้า... ช่าง... น่าขัน”
เอเรอาญ์มั่นใจว่าแม้แต่ทานาทอสก็ต้องไม่เคยได้ยินเขาตอบอย่างยากลำบากในขณะที่หัวเราะอยู่แน่ ๆ และเธอเองก็ควรจะตื่นเต้นหรือแปลกใจเสียหน่อย ถ้าเพียงมันจะไม่ถูกอารมณ์ฉุนกลบจนมิด
“ไม่ตลกเลยนะคะ ท่านรู้ว่าฉันกลัว”
“ข้าไม่เคยคิดว่าใครจะกลัวเรื่องนี้” เสียงของเขากลับมาเป็นปกติแล้ว แต่เธอก็ยังมองไม่เห็นใบหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้เงาปีกสีดำกว้างใหญ่อยู่ดี เธอเดาว่าในตอนนั้นว่าเขากำลังยิ้ม แต่ความโมโหโทโสก็กลบความตื่นเต้นที่จะได้มองเห็นรอยยิ้มของเขาอย่างไม่ลดละ
“ฉันไม่ได้กลัว ฉันแค่ตกใจ! ”
“แต่เจ้าร้องไม่หยุด”
“ฉันนึกว่าท่านจะพาฉันหายวับไปในวูบเดียวเหมือนคราวก่อน”
“ข้าไม่ได้บินมานานแล้ว”
“ท่านไม่จำเป็นต้องอุ้มฉันขึ้นแล้วแกล้งโยน”
“หรือจะให้แบกเหมือนอะไรสักอย่างไหมล่ะ พอทำอย่างนั้น เจ้า ไม่ก็นางในตัวเจ้า หรือไม่ก็ ทานาทอสก็ต้องพูดว่าข้าทำไม่ถูกต้องอยู่ดี”
“ท่านไม่ควรแกล้งโยนฉัน! ”
“เจ้าไม่ยอมกอดข้า ข้าบินสูง มันไม่แน่นพอ หรือเจ้าอยากพิสูจน์อีกครั้ง! ”
เขาหันกลับมาประจันหน้าเธอแล้ว แน่นอนว่าไม่มีรอยยิ้ม และก็น่าหงุดหงิดใจอย่างยิ่งที่เธอพูดอะไรไม่ออกเพราะประโยคเดียว
“ทำไมฉันต้อง -- กอด! ด้วยล่ะ! ”
“ข้าไม่ได้หมายถึงกอด ข้าหมายถึงตรึงตัวเจ้าไว้ ไม่อย่างนั้นจะไม่มั่นคง” เขาตอบด้วยสีหน้าเฉยชาอย่างที่สุด
“ท่านบอกดี ๆ ก็ได้นี่คะ”
เขาโคลงไหล่เบา ๆ
“ฉันเองก็ไม่ได้สนุกเลยนะ! ”
“เจ้าน่าขัน ยิ่งตกใจมาก ๆ ยิ่งน่าขัน ข้ารู้สึก -- ประหลาดดีเหมือนกัน -- อาจจะชอบก็ได้ ”
เธอนึกเสียใจที่บอกให้เป็นตัวเขาอย่างที่อยากเป็น ฮาเดสอาจไม่เคยรู้จักคำว่า ‘คัดกรองคำพูด’ มาก่อน มันไม่ใช่ถ้อยคำที่ฟังแล้วหยาบโลนหรือทำร้ายจิตใจใครเลย กระนั้นเอเรอาญ์กลับรู้สึกว่าถูกทำร้าย ตัวของเธอร้อนผ่าวเหมือนคำพูดของเขาเป็นคำสาป และเธอก็ลงท้ายอาการนั้นด้วยการหันหน้าหนี
“อะไร! ข้าก็ทำอย่างที่เจ้าพูดแล้ว”
“ฉันไม่คิดว่าตัวท่าน -- ”
เอเรอาญ์หันกลับไปแล้วเม้มริมฝีปาก ไม่คิดว่าเขาจะเป็นอย่างไรนั้น เธอเองก็ไม่เคยคาดฝันมามากพอที่จะตอบได้ รู้แต่ว่าถ้าหากท่าทางไร้ความรู้สึกและเกรี้ยวกราดนั้นมาจากกรอบที่บีบบังคับและการถูกหวาดกลัว ถูกชิงชังเพียงอย่างเดียว เขาก็คงเรียกได้ว่ายึดติดกับหน้าที่การงานจนน่าทึ่ง
“ตัวข้าทำไม? ”
“ช่างเถอะค่ะ”
เธอพยายามละทิ้งความหงุดหงิดด้วยการเดินตรงไปยังหน้าต่าง และได้ผลดีทีเดียว ลำแสงอ่อนจางและสีสันบาดตาของดวงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องเข้ามาในหอคอย เอเรอาญ์แน่ใจว่ามันเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็น เธอสัมผัสได้ถึงไออุ่นของดวงอาทิตย์ดวงโตที่สุดของวันที่กำลังจะจมหายไปในฟากฟ้าด้านใดด้านหนึ่ง ก้อนเมฆทุกก้อนไม่มีสีสันที่ซ้ำกันเลย ทั้งส้ม แดง เหลือง และชมพู รวมถึงม่วง น้ำเงิน และดำในอีกฟากหนึ่งของวันที่กำลังจะมาเยือนในไม่ช้า
“ท่านดูสิ! ” เธอส่งเสียงอย่างกระตือรือร้น
แต่เขากลับตอบอย่างเหนื่อยหน่าย “ดูอะไร”
“ทุกอย่างสวยมากเลย! ”
“ข้าเห็นจนเบื่อแล้ว”
เธอไม่ชอบใจน้ำเสียงเนือย ๆ นั้นเลย และครั้งนี้ก็นับเป็นครั้งแรกที่เธอกระชากแขนของเขาก่อน ดึงตัวราชันแห่งปรภพมายืนอยู่ข้าง ๆ เธอที่ริมหน้าต่างอย่างเหลือทน
“ท่านดูสิ ไม่เห็นมีอะไรน่าเบื่อเลย”
“ข้ามองว่าน่าเบื่อ” เขาบ่น แต่ก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น
ไม่รู้ว่าเป็นเวลานานเท่าไหร่ ห้านาที สิบห้านาที หรือเป็นชั่วโมง ๆ ท้องฟ้าค่อย ๆ มืดมิดลงช้า ๆ แสงสีส้ม แดง เหลือง และชมพู จางหายไปทุกที โทนที่เข้มกว่ากำลังเข้ามาแทนที่ สายลมซึ่งพัดผ่านระลอกแล้วระลอกเล่าเย็นเยือกขึ้น ระหว่างที่แสงสีเงินรำไรค่อย ๆ ทอประกายมาจากอีกฟากหนึ่งของท้องฟ้าที่เธอมองไม่เห็น และทุกสิ่งกำลังจมสู่ความเงียบสงัดยามค่ำคืน
“ไม่เคยมองพระจันทร์ที่นี่ใช่ไหม”
เธอไม่ได้ตอบคำถามที่น้ำเสียงผ่อนลงจนอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าเขาค่อย ๆ เหยียดริมฝีปากช้า ๆ แต่มันก็ไม่ได้เป็นรอยยิ้มที่สมบูรณ์ในท้ายที่สุด
“อ๊ะ -- ”
เธอร้องเบา ๆ เมื่อสัมผัสนุ่ม ๆ และอุ่นเหมือนดื่มช็อกโกแลตร้อน ๆ ลงไปทั้งถ้วยสัมผัสแผ่นหลัง ก่อนจะค่อย ๆ โอบลำตัวของเธอเอาไว้อย่างแผ่วเบาและเชื่องช้า
มันคือปีกของฮาเดส
“อากาศจะเย็นขึ้น” เขาพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดาจนเหมือนการพูดถึงลมฟ้าอากาศทั่วไป “อีกอย่าง ทำเช่นนี้แล้วเจ้าอาจจะนึกถึงเรื่องราวเมื่อครั้งที่เป็นเพอร์ซีโฟเน่ได้ง่ายขึ้น”
เขาพูดแค่นั้น
ทุกสิ่งเงียบงัน
แต่เอเรอาญ์กลับรู้สึกว่ามีอะไรมากกว่านั้น มากกว่านั้น... มากทีเดียว
WRITER : อยากเขียนถึงตัวละครที่มีปีกบินมานานแล้วค่ะ เรียกได้ว่าเป็นความเวิ่นเว้อเพ้อฝันอย่างหนึ่งของโรมจักร เท่าที่จินตนาการไว้ ปีกของฮาเดสมีหน้าตาเหมือนกับปีกของเทพบุตรในภาพยนตร์หรือโฆษณานั่นแหละค่ะ คือเป็นขนนกเรียงกันเป็นแผงๆ แต่เป็นสีดำสนิท
ในบทหน้า ( บทที่ 11 ) โรมจักรจะแบ่งเป็น 4 ตอนย่อยนะคะ เพราะเป็นบทที่มีความยาวมากกว่าบทอื่นๆ สองเท่า จะนำตอนที่ 1 และตอนที่ 2 มาลงก่อนในวันศุกร์ และตอนที่ 3 และ 4 ในวันอาทิตย์ค่ะ
ความคิดเห็น