ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    end - ครั้งหนึ่งในวสันตกาล

    ลำดับตอนที่ #24 : บทที่ 11 ตอนที่ 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 394
      2
      28 ก.ย. 55

     




    บทที่ 11

                ฮิปนอสลืมตาตื่นขึ้น ง่วงงุนและรู้สึกว่าศีรษะหนักอึ้งราวกับตะกั่วเหมือนทุกครั้ง เขาจำได้ดีว่ามันเป็นเรื่องที่ทานาทอสคอยตำหนิเขา “เจ้านอนมากเกินไป! และเมื่อนึกถึง เสียงแหบห้าวของน้องชายก็แทบจะแว่วมาเข้าหู

                เทพแห่งการหลับใหลค่อย ๆ ทบทวนอย่างเชื่องช้าว่าอะไรทำให้เขาตื่นขึ้น เขาต้องอาศัยเวลาอยู่กับเงียบ ๆ พักหนึ่ง จึงนึกขึ้นได้ว่าอาเธอร์ไม่ได้อยู่ที่นี่กับเขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางตื่นขึ้นเพราะเสียงของห่วงจับประตูที่กรีดร้อง -- แต่ก็เกือบช้าเกินไป เขาเดินไปถึงหน้าประตูเพราะคิดว่าอาเธอร์หนีไปอีกครั้ง ก่อนจะนึกถึงเรื่องนี้ได้และกลับมานั่งลงบนเตียงอีกครั้ง

                เขาตื่นขึ้นได้อย่างไรกัน

                ฮิปนอสคิดหนัก มันเป็นเรื่องที่เขาต้องคิด น้อยคนนักจะรู้ว่าถึงแม้จะขี้เซาและง่วงเหงาหาวนอนอยู่ตลอดเวลา แต่เขาก็มีเวลาหลับและตื่นที่แน่นอน ตารางนั้นเพิ่งแปรปรวนตอนที่ห่วงจับประตูถูกเสกเสียงกรีดร้องไว้ แต่เมื่อมันหายไป ฮิปนอสก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว จะต้องมีอะไรสักอย่างทำให้เขาตื่นขึ้นผิดเวลา และเทพแห่งการหลับใหลก็เชื่อว่านั่นไม่ใช่เรื่องปกติ

                เสียงหรือ... ฮิปนอสพยายามเงี่ยหูฟัง แต่ไม่มีเสียงอะไร กลิ่นหรือ... เขาพยายามดมกลิ่นอย่างที่ตัวเองคิดได้ว่าต้องน่าขัน แต่ก็ไม่มีกลิ่นอะไรเลยในอากาศที่เยียบเย็น แสงสีหรือ... เขามองเห็นแต่เพียงสีดำสนิทของยมโลก หรือว่าเป็นสัมผัส...

                ฮิปนอสรู้สึกทันที

                เขาตัวสั่น เขารู้ว่าสัมผัสนั้นมาจากไหน และจากใครด้วย

     

                ท้องฟ้ามืดสนิท เกลื่อนด้วยดวงดาวและแสงนวลสีเงินของดวงจันทร์ ทุ่งเอลลีเซียมที่อยู่ต่ำลงไปและไกลแสนไกลออกไปในพื้นเบื้องล่างเงียบสงัด เอเรอาญ์รู้สึกว่าตนเองค่อย ๆ จมลงไปในความเงียบงันทีละน้อย บางทีอาจเป็นเพราะกอดของเขา -- แต่เธอไม่อยากเรียกมันว่ากอด

                ปีกที่โอบเธออยู่ขยับน้อย ๆ และทำให้เธอตื่นจากภวังค์ หญิงสาวเหลือบมองเสี้ยวหน้าเฉยเมยของฮาเดส ก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวและหันกลับมามองเธอบ้าง เอเรอาญ์จ้องลึกลงไปในดวงตาคู่นั้น มันไม่ยากอย่างที่เธอคิดและเคยรู้สึกเมื่อตั้งใจทำจริง ๆ

                “เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่” เขาถาม เสียงเบาประหลาดหู

                “เทพีเพอร์ซีโฟเน่ชอบที่นี่มากไหมคะ” เธอตอบด้วยคำถาม ก่อนจะกวาดตามองท้องฟ้าเบื้องนอกอีกครั้ง “สำหรับฉัน... ”

                “นางไม่เคยมาที่นี่”

                “คะ --

                เธอหันกลับไปมองเสี้ยวหน้าของเขาอีกครั้ง ริมฝีปากของฮาเดสเม้มแน่น “นางจากไปก่อนจะเคยมาที่นี่”

                มีกระแสบางอย่างในน้ำเสียงของเขาที่ทำให้เอเรอาญ์รู้สึกหนาวยะเยือก

                “ฉันคิดว่า -- ท่านรักเธอนะคะ”

                “เจ้าพูดว่าอะไรนะ” เขาจ้องใบหน้าของเธอที่กำลังยิ้มกว้าง “เจ้าหมายความว่ายังไง”

                “ฉันคิดว่าท่านรักเธอ” เอเรอาญ์ตอบชัดถ้อยชัดคำ ความอบอุ่นและอ่อนโยนจากปีกของเขาทำให้เธอรู้สึกว่าฮาเดสไม่ใช่เทพเจ้าที่น่ากลัวเลย “ท่านรักเธอ ด้วย... ใจ ไม่ใช่ศรกามเทพ”

                “แต่ว่า --

                “ฟังก่อนสิคะ” เธอปราม “ที่ท่านขังเธอเอาไว้ในตอนนั้น เป็นเพราะ -- ท่านอยากให้เธออยู่กับท่านตลอดเวลา ฉันคิดอย่างนี้ถูกไหมคะ”

                “ข้าคิดว่า -- ใช่”

                “นั่นคือความรักที่เกิดจากศรกามเทพ ความรู้สึกที่ท่านเองก็บอกว่ามันไม่น่าจะเป็นอะไรที่แท้จริง ฉันเองก็คิดอย่างนั้น ความรักคงไม่ใช่สิ่งที่ต้องการและเรียกร้องจากอีกฝ่ายถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ” เธอค่อย ๆ เรียบเรียงคำพูด ทว่าคราวนี้คำพูดทุกคำกลับหลั่งไหลออกจากปากราวกับมันไม่ใช่ปากของเธอเอง “แต่ท่าน มองหา ความต้องการของเทพีเพอร์ซีโฟเน่ตลอดเวลานี่คะหลังจากนั้น ท่านจะรู้ได้ยังไงว่าเธอโหยหาโลกเบื้องบน ท่านจะใส่ใจเรื่องเหล่านั้นและสร้างทั้งห้องสมุดกับหอคอยตรงนี้ทำไม ถ้าหากไม่ได้เฝ้ามองเธอตลอดเวลาและต้องการให้เธอมีความสุข ความรักของท่าน ความรักที่เกิดจากหัวใจของท่านเองค่อย ๆ เติบโตขึ้น ฉันว่าบางทีการที่กามเทพแผลงศรใส่ท่าน คงไม่ได้หวังให้ท่านใช้แต่ความรักจากศรของเขาหรอกค่ะ แต่คงต้องการให้ท่านค่อย ๆ ปล่อยให้ความรักของตัวเองงอกงามต่างหาก ท่านเพียงแต่ไม่เคย -- สัมผัสคำว่ารัก จึงสับสนและคิดว่าทั้งความรู้สึกทั้งของท่านและเธอไม่ใช่ของจริง กระทั่ง --

                “ความรู้สึกของนางอาจไม่ใช่ของจริง”

                “แต่ฉันคิดว่าจริงนะคะ”

                “ทำไม”

                “ฉันรู้สึกอย่างนั้น” เธอตอบโดยไม่ทันคิด “ขอโทษค่ะ -- ฉันเพียงแต่รู้สึกอย่างนั้น ท่านบอกว่า                       เทพีเพอร์ซีโฟเน่กลัวท่านมาก ความกลัวเปลี่ยนเป็นการแสดงความรักความห่วงใยไม่ง่ายดายหรอกนะคะ ฉันคิดว่านั่นไม่ใช่การเสแสร้ง”

                “แต่นางไม่เคยบอกว่ารักข้า” น้ำเสียงของเขาเปี่ยมด้วยอารมณ์ขึ้นมาเล็กน้อย

                “ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่รักนี่คะ” เอเรอาญ์แย้ง “เพราะเธอกลัวว่าท่านจะไม่เชื่อหรือเปล่า เธอถึงไม่พูด”

                น่าแปลกที่คราวนี้ฮาเดสไม่เถียงเธอเลย เขามองท้องฟ้าอย่างไร้จุดหมาย เอเรอาญ์มองไม่เห็นความรู้สึกบนใบหน้าหรือในดวงตาคู่นั้น แต่กลับรู้สึกได้ว่าปีกที่โอบรอบตัวเธออยู่สั่นสะท้าน

                “คงจะจริง” เขาตอบในที่สุด “ข้าเองที่ปล่อยให้ทุกสิ่งสายไป”
                “ท่านคะ
    --

                “ช่วยบอกข้าหน่อยได้ไหม... เจ้าคือเพอร์ซีโฟเน่จริง ๆ หรือเปล่า”

                เขามองเธอ เธอสบตาเขา เอเรอาญ์พยายามคิด พยายามรู้สึกอะไรก็ได้ที่เทพีเพอร์ซีโฟเน่ควรจะรู้สึก แต่ก็ไม่มี เธอไม่รู้สึกอะไรเลย “ไม่ค่ะ” เธอตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ “ฉันไม่ใช่เธอ”

                “เจ้ามีดวงตาของนาง”

                “แต่ฉันไม่รู้สึกเลยว่าฉันเป็นเธอ ไม่เคยเลยค่ะ”

                “แต่เจ้าบอกว่าเจ้า... ” เขาอึกอักเหมือนเลือกคำพูดไม่ถูก “เจ้าบอกว่า... เจ้ารู้สึกได้ว่านางรักข้า”

                “แต่ว่า --

                “เจ้าต้องเป็นนางสิ ข้าจะไปหานางจากที่ไหนได้พบ ในเมื่อข้าพบเจ้าแล้ว เจ้าถูกพวกข้างบนนั่นส่งมา เจ้าจะไม่ใช่นางได้ยังไง”

                “ฉันขอโทษ” เธอส่ายศีรษะอย่างอับจนหนทาง “ฉันขอโทษ ฉันรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ ท่านเข้าใจใช่ไหม ฉันรู้สึกว่าฉันเข้าใจเธอ มันรู้สึกเหมือนกับเวลาที่ฉันเข้าใจหรืออ่านความรู้สึก ความคิดของอาเธอร์ออก แต่ฉันไม่เคยรู้สึกว่าฉันเป็นเธอเลย”

                “ถ้าหากเจ้าไม่ใช่นาง ข้าจะไม่มีวันได้รู้เลยว่านางรักข้าหรือไม่”

                “แต่เธอจากไปแล้วนี่คะ สิ่งเดียวที่พอจะทำได้คือเก็บความรู้สึกทั้งหมดที่เธอเคยแสดงออกเอาไว้ในความนึกคิดของท่านเท่านั้น เทพฮาเดส!

                เธอร้องอุทานเมื่อเขาดึงตัวเธอเข้าไปกอดอย่างรวดเร็ว เอเรอาญ์ไม่รู้สึกว่ามันเป็นการบังคับ ตรงกันข้าม เธอกลับรู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหลออกมาเสียให้ได้

                “ข้าจะไม่มีวันได้แน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง และพูดคำว่ารักออกมาได้อีกเลย”

                เขากระซิบ มันแหบแห้งเหมือนเสียงของทานาทอส แต่ฟังแล้วเจ็บปวดกว่ากันมาก เอเรอาญ์ไม่ได้กอดเขาตอบ เธอได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่รู้จะอธิบายอะไรให้เขาฟัง

                “ฉันขอโทษค่ะ... ”

                เธอไม่รู้ว่าเขาได้ยินเธอหรือเปล่า แต่เขาไม่ได้คลายอ้อมแขนลงเลย มันเป็นเวลานานแสนนานเหมือนนาฬิกาทุกเรือนบนโลกหยุดเดินในวินาทีนั้น

                แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็ดันตัวเธอออก สีหน้าเคร่งเครียด

                “เกิดเรื่องแล้ว”

                เขาพูดแค่นั้น ใบหน้าดูว้าวุ่น เอเรอาญ์ยังไม่ทันสัมผัสได้ถึงอะไรเลยตอนที่เขาดึงแขนเธอ และมาปรากฏตัวอีกครั้งในห้องของเธอทันที

     

                “ทานาทอส น้องข้า! จะว่าไปเจ้าอยู่ไหน! ข้าคิดว่า --

                “ฮีป! หยุดส่งเสียงเสียที!

                เสียงทานาทอสตะคอก มันดังก้องพระบัญชรว่าการที่ว่างเปล่า “อะไรปลุกเจ้าขึ้นมาล่ะ หรือลืมอีกแล้วว่าเจ้าวิญญาณครึ่งเป็นครึ่งตายไม่ได้อยู่กับเจ้า มันไม่ได้หนีไป”

                “ไม่ใช่ -- ” ฮิปนอสหอบหายใจ “ไม่เกี่ยวกับอาเธอร์ อาร์เรห์น” เทพแห่งความหลับใหลถึงกับต้องยกมือขึ้นพิงผนัง “เทพีดีมิเทอร์มาที่นี่ ข้าสัมผัสได้”

                “อะไรนะ!

                อาจดูประหลาดที่เทพีแห่งพืชพรรณธัญญาหารซึ่งไม่น่าจะเป็นพิษภัยได้ทำให้เทพเจ้าทั้งสองแห่งยมโลกแตกตื่น แต่ทั้งฮิปนอสและทานาทอสมีเหตุผลที่เป็นอย่างนั้น

                “ข้าไม่รู้ว่ามาที่นี่ด้วยเหตุใด สัมผัสได้แต่ว่านางอยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำลีธี”

                “ยังไม่ถึงวสันตฤดู” ทานาทอสแย้ง ความตื่นตระหนกของพี่ชายทำให้เทพแห่งความตายสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ค่อย ๆ เข้มข้นขึ้นได้เช่นกัน แม่น้ำลีธีอยู่ไกลจากพระบัญชรว่าการมากกว่าตัวปราสาท “เทพีดีมิเทอร์ไม่มีสิทธิ์ทวงคืนองค์ราชินีกลับไป”

                “ข้าไม่รู้... ”

                ทานาทอสจ้องมองใบหน้าของพี่ชาย รู้สึกเหมือนปากและลำคอแห้งผาก

                “เราไปที่นั่นกันเถอะ”

                ฮิปนอสทำเสียงเหมือนแมวคราง

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×