ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    end - ครั้งหนึ่งในวสันตกาล

    ลำดับตอนที่ #26 : บทที่ 11 ตอนที่ 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 365
      2
      2 ต.ค. 55




               เอเรอาญ์เพิ่งสังเกตเห็นว่าดวงตาของอาเธอร์ปิดสนิท เขาไม่ขยับตัวเลย และถึงเธอจะรู้ดีว่าเขาเป็นเพียงวิญญาณซึ่งไม่มีทางจะตายได้ แต่น้ำตาของหญิงสาวก็ไหลพรั่งพรูออกมาอย่างไร้คำพูด เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเวเรน่าไปถึงตัวอาเธอร์ก่อนเธอที่เป็นฝาแฝดเสียอีก นี่หมายความว่าเวเรน่ามองภาพทั้งหมดอยู่ตลอดใช่ไหม เพราะความเป็นห่วง หรืออะไรกันแน่ แต่มันทำให้เอเรอาญ์รู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กหญิงที่ถูกรังแกอีกครั้ง โดยมีเพื่อนเพียงคนเดียวที่พร้อมจะประจันหน้ากับใครก็ตามที่เข้ามา นั่นคือเวเรน่า

                “ท่าน... ทำอะไร”

                เสียงของเอเรอาญ์สั่นจนแม้แต่ตัวเธอเองก็ฟังไม่ออกในทีแรก จนเมื่อเธอพูดซ้ำอีกครั้ง ฮาเดสจึงละสายตาจากเวเรน่าที่จ้องมองราชันแห่งปรภพเหมือนลูกหนี้ที่ถูกเจ้าหนี้กระหายเงินไล่กระทั่งจนตรอก

                “ข้าพยายามถอนเวทมนตร์ใดก็ตามที่สะกดเขาไว้” ฮาเดสตอบ

                “แต่ว่าเสียงของอาเธอร์... ”

                “มันรุนแรงกว่าที่ข้าคิดไว้มาก ทั้งตัวเวทมนตร์เองและสภาพความนึกคิดของเขา บางทีมันอาจจะไม่รุนแรงเพียงนี้ถ้าหากความนึกคิดของเขาที่พ้องกับอำนาจการสะกดไม่เข้มข้นพอ เพียงแต่มันเป็นเช่นนั้น และข้าไม่มั่นใจนักว่าหลังจากการถอนเวทมนตร์ที่สะกดไว้ออก วิญญาณของเขาจะยังคงอยู่หรือไม่”

                “หมายความว่ายังไงคะที่วิญญาณของเขาจะไม่คงอยู่” เวเรน่าโพล่งอย่างตื่นตระหนก

                “วิญญาณของเขาจะแตกสลาย” ทานาทอสเป็นฝ่ายตอบ เขามองดูอาเธอร์ราวกับพยายามพิจารณาสภาพวิญญาณที่เป็นอยู่ และเอเรอาญ์ก็รู้ว่ามันเป็นไปได้ที่ทานาทอสอาจจะกำลังทำอย่างนั้น ในฐานะเทพแห่งความตาย “หมดสิทธิ์ในการกลับคืนสู่ร่าง หรือคำอธิบายที่สั้นที่สุด -- เขาจะตาย”

                “ท่านทำอย่างนั้น! ” เอเรอาญ์รู้สึกเหมือนจังหวะการเต้นของหัวใจหายไปจากทรวงอก และเหลือเพียงความตื่นตระหนกเท่านั้นที่หล่อเลี้ยงชีวิตของเธอเอาไว้ “ท่านทำ... ทั้งที่รู้ว่า... ”

                “ถ้าหากไม่ถอนเวทมนตร์สะกดที่เขาไว้ ไม่นานวิญญาณของเขาก็จะแตกสลายเช่นกัน และเป็นในรูปที่เจ้าไม่อยากนึกถึงแน่” ฮาเดสจ้องมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยการกล่าวหาของเธอ “วิญญาณของเขาอาจจะยังคงอยู่หรือดับสลายก็ได้ ในขณะที่หากปล่อยเอาไว้ มันจะเหลือทางเลือกหลังเพียงอย่างเดียว!” เขาระบายลมหายใจ “ข้านึกว่าข้ารู้เสียอีกว่าเจ้าไม่อยากเสียพี่ชายไป”

                นั่นหมายถึงความเห็นอกเห็นใจ เมตตาสงสาร เป็นห่วง หรือความพยายามในการช่วยเหลือของเขาหรือเปล่านั้น เอเรอาญ์ไม่รับรู้ เธอมองอาเธอร์ที่ยังคงแน่นิ่ง

                “เขา... ตะ... ตายหรือเปล่า” เธอเค้นเสียงถาม ได้ยินเสียงเวเรน่าสูดหายใจ

                “ยังขอรับ” เทพแห่งความตายที่คุกเข่าลงเพื่อพิจารณาใกล้ ๆ เอ่ยขึ้น “อันที่จริง ข้าคิดว่าทุกสิ่งเป็นไปด้วยดีทีเดียว วิญญาณของเขาเกือบจะแตกสลายแล้ว แต่ตอนนี้มันกำลังก่อรูปร่างขึ้นใหม่อย่างช้า ๆ เวเรน่า เฮกเซล หยุดมือนายท่านเอาไว้ได้ถูกเวลา -- น่าประหลาดใจมาก เราจะได้เขาคืนมา พร้อมกับความทรงจำที่ครบถ้วน ยากที่จะหาได้ในวิญญาณดวงใดก็ตามที่เพิ่งถูกถอดถอนเวทมนตร์บางอย่างออกไป”

                เวเรน่าเหมือนจะปล่อยโฮตอนที่เอเรอาญ์รู้สึกว่าทุกสิ่งอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง เข่าของเธอค่อย ๆ ทรุดลงจนกระแทกพื้น ความกังวลและตื่นตระหนกตกใจจางหายไปอย่างช้า ๆ เหมือนหมอกควันในแสงแดด ทิ้งร่างกายที่ทั้งผ่อนคลายทั้งเหนื่อยอ่อนไว้ให้เบาหวิวและบอบบางราวกับแก้วเปราะ ๆ ที่ว่างเปล่า เอเรอาญ์รู้สึกเหมือนมีใครแตะหลังเธอ แต่สัมผัสของมันนุ่มนวลเกินกว่าจะเป็นมือ และมันก็ดึงเธอที่อ่อนแรงให้โอนเอนไปทางหนึ่งอย่างอ่อนโยนก่อนศีรษะที่กะปลกกะเปลี้ยจะมีที่พักพิง ทุกส่วนในร่างกาย... กระทั่งส่วนที่อยู่ในอกนั้น -- รู้สึกอุ่นวาบ เธอเห็นทานาทอสและฮิปนอสมองตากันแวบหนึ่งอย่างมีความหมายขณะที่ฮาเดสใช้ปีกโอบกอดเธอไว้กับไหล่ของเขา แต่หญิงสาวไม่มีแรงจะสนใจ

                และแล้ว กลับไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เธอรู้สึกว่ากอดของเขาอบอุ่นเกินไป มันทำให้น้ำตาของเธอไหลมากจนเกินไป เธอไม่เคยแสดงออกถึงความอ่อนแอขนาดนี้ต่อหน้าใคร และเอเรอาญ์ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เพราะตกใจที่อาเธอร์ดูเหมือนไม่ใช่คนที่เธอรู้จัก เพราะความเจ็บปวดของอาเธอร์ เพราะความรู้สึกเหมือนว่ากลับไปอยู่ในช่วงชีวิตวัยที่ขื่นขมอีกครั้ง หรือเพราะจู่ ๆ เธอก็ถูกโอบกอดอย่างอ่อนโยนแต่แข็งแรง เธอจำอ้อมแขนของพ่อไม่ได้ และของอาเธอร์ก็ไม่เคยทำให้เธอมีความรู้สึกเหมือนตอนนี้เลย

                เธอรู้สึกว่าปีกของเขาขยับ ฮาเดสดันตัวเธอให้แนบชิดกับไหล่ของเขามากขึ้น และมันก็เกินกว่าที่เธอจะทนรับได้ เธออาจจะเพิ่งพบเขาไม่นาน ได้พูดคุยอย่างเข้าอกเข้าใจรวมกันแล้วทั้งหมดไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ

                ...แต่ตอนนี้เธอกลับฝังใบหน้าลงบนไหล่ของเขาอย่างอับจนหนทาง ก่อนจะเริ่มต้นร้องไห้สะอึกสะอื้นจนเขาอาจจะตกใจ และแล้วทั้งที่เหมือนปีกสองข้างจะขยับอย่างทำอะไรไม่ถูกอยู่พักหนึ่ง เขากลับดึงตัวเธอเข้าไปกอดทั้งตัวด้วยแขนทั้งสองจริง ๆ ที่ไม่ใช่ปีกเหมือนอย่างเคย

                “ท่าน... ” เธอนึกไม่ออกเลยว่าเป็นเสียงใคร และไม่รู้ว่าคำนั้นหมายถึงเธอหรือเขาด้วย อย่างไรก็ตาม หลังจากฮาเดสส่งเสียงกระแอมหนึ่งครั้ง ทุกอย่างก็เงียบงัน

                มันนานจนเธอหยุดร้องไห้ได้ในที่สุด และหลับตาลงอย่างอ่อนแรงในอ้อมแขนนั้น ตอนที่เวเรน่าส่งเสียงร้องอย่างตื่นเต้น แม้ว่าจะสั่นด้วยความหวาดกลัว

                “อาเธอร์! อาเธอร์!

                เอเรอาญ์เหมือนคนที่ผวาตื่น ฮาเดสปล่อยเธอพอดีกับที่เธอตรงเข้าไปหาพี่ชายฝาแฝด อาเธอร์          ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ และมันก็ช้ามาก ๆ เหมือนกับว่าดวงตาของเขาหนักเป็นตัน หรือไม่ก็เพราะความพยายามปรือเปลือกตาขึ้นนั้นทำให้ทั้งใบหน้าเจ็บแปลบ

                “เอเรล... ” เสียงของเขาแทบไม่พ้นลำคอ “เอเรล... เกิดอะไรขึ้น ธะ... เธอร้องไห้หรือ”

                “โง่จริง” เธอก่นด่าฝาแฝด น้ำตาเริ่มหยดอีกครั้ง “มันเป็นเพราะใครกันล่ะ”

                “เวเรน่า! ” เขาอุทานเมื่อสังเกตเห็นเธอด้วย “เวเรน่า... ฉันเห็นเธออยู่ใน... เดี๋ยวก่อน! แต่เอเรลบอกฉันว่ามันเป็นความฝัน... ”

                เขาส่งเสียงอะไรบางอย่างในลำคอเหมือนคนที่กำลังจะจมน้ำ “แต่ว่า... ” ดวงตาของเขาที่กลับมาเป็นปกติทอแสงอย่างตื่น ๆ “ฉะ... ฉัน... จะ... จำได้ว่าฉัน... ทะ ทำ”

                “เจ้าถูกสะกด” ฮาเดสเอ่ยขึ้น ปีกของเขาหายไปแล้ว “โชคดีที่วิญญาณตนนี้รั้งข้าไว้ทันเวลา ถ้าหากข้าถอนมนตร์สะกดนานเกินไป บางทีเจ้าอาจไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเหลืออยู่ก็ได้

                “เกิดอะไรขึ้น อาเธอร์” เอเรอาญ์ถามเสียงรัว “พี่เปลี่ยนไปเร็วมาก ฉันงงไปหมดเลย ตกใจมากด้วย”

                “ฉัน... ” อาเธอร์ทำสีหน้าเหมือนจะขย้อนอะไรสักอย่างออกมาได้ทุกเมื่อ “ฉัน... ” และบางทีก็อาจเป็นเพราะทุกคนกำลังจ้องมองเขาอยู่ แต่แล้วในที่สุดเมื่อไม่มีใครถอนสายตาจากเขาแม้แต่คนเดียว เขาจึงต้องพูดต่อแม้ว่าจะยากเย็นเต็มที “ฉัน... เหมือนจะฝัน แต่มันเหมือนจริงมาก... ใช่ มันเหมือนจริงมาก ๆ ฉันตื่นขึ้นและรู้สึกว่าร้อนเหลือเกินจนนอนไม่หลับ ฉันเปิดประตูระเบียงเพื่อจะรับลมแล้วฉันก็เห็น... ” เขากลืนน้ำลาย “นรกแห่งการลงทัณฑ์ ฉันกลัวมาก พยายามปิดประตู แต่ได้ยินเสียงเธอ... เวเรน่า เธอเรียกฉัน ขอให้ฉันช่วย เสียงของเธอเหมือนเสียงแว่วที่ฉันเคยได้ยินบ่อย ๆ ด้วย แต่... แต่... ฉันคิดว่าคงคิดมากไปเอง”

                “เสียงแว่วที่เคยได้ยินบ่อย ๆ ? ” ฮิปนอสเลิกคิ้ว ดูจริงจังเมื่อใบหน้าเคร่งขรึมและไม่มีคำว่า จะว่าไปเลอะทั่วประโยคเหมือนเคย

                “ใช่... มีอยู่แค่สองประโยค คือ ไม่ยุติธรรมเลยกับ มาหาเราหรืออะไรคล้าย ๆ อย่างนี้ ฉันไม่เคยรู้เลยว่าเป็นเสียงใคร แม้แต่ผู้ชายหรือผู้หญิง... ฉะ... ฉันคิดว่าท่านจะได้ยินเสียอีก ฉันจำได้ ว่าได้ยินเป็นครั้งแรกตอนที่วิ่งหนีออกมาจากปราสาท จนมากับพบเวเรน่าและยมทูต"

                ทานาทอสกับฮิปนอสสบตากันอย่างมีความหมายอีกครั้ง

                “หลังจากนั้น... ฉัน -- ไม่รู้สิ ฉันตื่นขึ้น แล้วเหมือนกับว่า... ไม่รู้สิ” อาเธอร์สั่นศีรษะอย่างสับสน “ฉันรู้สึกเหมือนมีความคิดใหม่ ฉันยังจำได้อยู่ว่าเคยตกลงกับเอเรลว่าจะอยู่ที่นี่เฉย ๆ ไปจนกว่าเทพฮาเดสจะรู้ว่าจริง ๆ ว่าเธอไม่ใช่เทพีเพอร์ซีโฟเน่และปล่อยพวกเราไป แต่ตอนนั้นฉันกลับคิดว่า ไม่ได้... เธอคือเทพีเพอร์ซีโฟเน่แน่ ๆ เธอต้องคืนความเป็นเทพี และเราทุกคนจะได้กลับไป ฉันรู้สึกเหมือนว่าทุกอย่าง... ทุกอย่างหักหลังฉัน โลกนี้ไม่มีความยุติธรรมเลย ทำไมฉันต้องเสียเธอ ต้องเสียเวเรน่า ทำไมเวเรน่าต้องเกือบจะถูกจองจำอยู่ในนรกแห่งการลงทัณฑ์โดยที่เธอคัดค้านไม่ได้ ทุกอย่างที่นี่เลวร้าย และฉันต้องออกไปให้เร็วที่สุด ฉันต้องพาน้องสาวของฉันไป...ตอนนั้นเอง มันเหมือนมีใครบอกฉัน... หรือไม่ก็จู่ ๆ ฉันก็คิดขึ้นเอง.... ”

                “พี่คิดอะไร... ” เอเรอาญ์ถามเสียงเบาเมี่อเห็นว่าอาเธอร์เงียบไป

                “จู่ ๆ ฉันก็คิดว่า... ถ้ามีอำนาจเวทมนตร์ของเทพเจ้าล่ะก็ ต้องทำให้ได้กลับไปแน่ ๆ แล้วก็... เอาอีกแล้ว แต่ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงที่จู่ๆ ฉันก็รู้ว่าจะมีเรือมารอท่าอยู่ที่นี่ ต้องอาศัยเวทมนตร์ของเทพเจ้าเพื่อพาเรือลำนั้นล่องไปถึงโลกมนุษย์ จากนั้นฉันก็คิดออก... เทพเจ้าองค์ไหนล่ะจะช่วยฉัน ถ้าไม่ใช่น้องสาวที่กลับเป็นเทพีเพอร์ซีโฟเน่อีกครั้ง ฉันเร่งให้เธอคืนความเป็นเทพี... แล้ว... พอฉันคิดว่ารอต่อไปไม่ไหว ฉันก็ไปหาเวเรน่า ฉันคิดแต่ว่าต้องพาเธอไปด้วย ไม่รู้ว่าฉันหาเธอเจอโดยไม่หลงทางได้ยังไง แล้ว... แล้ว... เราก็มาอยู่ที่นี่”

                ทุกอย่างเงียบสนิท

                แล้วทานาทอสก็เอ่ยขึ้น “ข้าไม่เคยพบเห็นเวทมนตร์ที่สะกดวิญญาณตนใดได้มากมายถึงขนาดนี้มาก่อน ความรู้สึกใดของเจ้ากันที่พ้องกับอำนาจที่สั่งสะกด”

                “คำว่า ไม่ยุติธรรม ” ฮิปนอสโพล่งขึ้น “เสียงนั่นที่เจ้าได้ยิน และความรู้สึกของเจ้าก็คือ -- เจ้ารู้สึกว่าเทพเจ้าไม่ยุติธรรมกับเจ้า ใช่ไหม... เจ้าคิดว่าถ้าหากหยุดยั้งเอาไว้ไม่ทัน เวเรน่า เฮกเซล ก็ต้องตกอยู่ในนรกแห่งการลงทัณฑ์ทั้งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เจ้าคิดว่ามันไม่ยุติธรรมที่เจ้าถูกพรากทุกสิ่งไป ทั้งครอบครัว และตอนนี้ก็น้องสาว เจ้ารู้สึกอย่างนั้นตั้งแต่ตอนที่ขอให้ข้าพาไปร้องประท้วงต่อสามเทพสุภา เพราะเจ้าเพิ่งจะหนีออกมาอย่างสิ้นหวังด้วยความหวาดกลัวต่อองค์ราชัน เจ้ารู้สึกว่าไม่ถูกต้องเลยที่น้องสาวของเจ้าจะถูกกักขังเอาไว้ และไม่ถูกต้องเลยที่แม้แต่เจ้าก็พบนางไม่ได้”

                “แต่ข้าจะบอกให้รู้เอาไว้” ฮาเดสเสริม "เรือลำนี้ที่เจ้าหมายใจจะใช้หนีไปจากยมโลกมีกลิ่นอายของเทพีดีมิเทอร์อยู่ สุดท้ายมันจะนำพาไปหานาง และข้าเชื่อเสียเหลือเกินว่านางต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ธิดาอยู่ในอ้อมอกของตนเองไปชั่วกาลนาน”

                แม้ว่าจะยังคงตื่นตระหนกและสับสน เอเรอาญ์กลับรู้สึกว่าคำพูดของฮาเดสฟังดูผิดที่ผิดทาง สมองของเธออาจจะหยุดทำงานไปชั่วขณะหนึ่ง ถึงกระนั้น เธอก็ยังคงรู้ดีว่าอาเธอร์จะรู้สึกผิดบาป -- อย่างที่สุดและอย่างมากจนเกินควร หากเขาเป็นต้นเหตุให้เกิดความวุ่นวาย หรือแม้แต่ความทุกข์เพียงเล็กน้อย เหมือนจะเป็นสิ่งที่ดี แต่เอเรอาญ์เรียกมันว่า 'นิสัยเสียของอาเธอร์' 

                “อาเธอร์!

                เธออุทานเมื่อเขาลุกขึ้นและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว เวเรน่าตามเขาไป และเอเรอาญ์กำลังจะทำอย่างเดียวกันตอนที่ทานาทอสกระแอม

                “อย่าเลย นายหญิง” เทพแห่งความตายบอก “คงจะดีกว่าถ้าปล่อยให้เขาสงบใจสักพัก” และเสริมขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มแบบที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน “ถ้าสายตาของข้าไม่ผิดพลาด กับ... คนที่เขาโหยหาเหลือเกิน”

                เอเรอาญ์มองตามแผ่นหลังของคนสองคนที่ค่อย ๆ ไกลลิบออกไป ทานาทอสอาจจะพูดถูก บางทีคำพูดของเธอ แม้จะเป็นคำปลอบโยนก็อาจทำให้อาเธอร์รู้สึกผิดยิ่งขึ้นเท่านั้น เธอนึกถึงมันอย่างรำคาญใจวูบหนึ่ง แต่แล้วมันก็หายไปอย่างรวดเร็ว ๆ พอ ๆ กับตอนที่เกิดขึ้น

               อย่างน้อยเธอก็เชื่อว่าในตอนนี้ พี่ชายฝาแฝดของเธอคงจะต้องการความอบอุ่นของเวเรน่ามากกว่าใคร และมันก็เป็นสิ่งที่เขาสมควรจะได้รับที่สุดด้วย


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×