ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    end - ครั้งหนึ่งในวสันตกาล

    ลำดับตอนที่ #28 : บทที่ 12 ตอนที่ 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 416
      2
      2 ต.ค. 55




    บทที่ 12

                สรวงสวรรค์ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสว่าง มันเต็มไปด้วยเฉดสีที่ส่องประกายระยิบระยับและริ้วเมฆซึ่งลอยต่ำอยู่ใต้เงาไม้ใหญ่กินพื้นที่กว้างขวาง กิ่งก้านที่คดโค้งของมันเป็นสีทอง ส่วนใบที่ปกคลุมอยู่หนาทึบนั้นเป็นสีแดงชาด  ประตูรั้วซึ่งดูเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของแสงอาทิตย์ยืนตระหง่านอยู่เหนือบันไดที่สูงขึ้นไปสามร้อยขั้น

                ไดโอนีซุสนอนเหยียดกายอย่างพึงพอใจอยู่ที่โคนต้นไม้ใหญ่ ดวงตาปิดสนิท

                “ไดโอนีซุส”

                เทพเจ้าแห่งความรื่นรมย์ไม่เคยฝัน แต่หวังว่าเสียงที่รบกวนความสงบสุขนั้นเป็นเพียงความฝันที่ผ่านมาและจากไป

                “ข้าเอง อพอลโล”

                ไดโอนีซุสลืมตาขึ้นเล็กน้อย “เจ้าปรารถนาสิ่งใด”

                “มีข่าวจากเฮอร์มีส เกิดเหตุในยมโลก”

                “เกิดอะไรขึ้น” ไดโอนีซุสขยับตัวและลุกขึ้นนั่ง “เกี่ยวกับเพอร์ซีโฟเน่หรือเปล่า”

                “ใช่” อพอลโลตอบ “เกี่ยวกับนาง และข้าเองก็ไม่สบายใจนัก... ”

                สีหน้าของไดโอนีซุสไม่เหลือความพึงพอใจอย่างเดิมอยู่เลย แน่นอนว่าอพอลโลรับรู้ได้

                “ฟากฟ้ายามราตรีในทุกหนแห่งเป็นสิทธิ์ของอาร์เทมีส” เขาเริ่มต้น “นางสัมผัสได้ว่ามีเรื่องชอบกลที่ใต้ผืนฟ้าของโลกเบื้องล่าง เจ้าต้องไม่เชื่อแน่ -- อาร์เทมิสผละจากการล่าของนางเพื่อรอคอยให้เฮอร์มีสกลับมาจากการส่งมอบวิญญาณสู่ปรภพ”

                นั่นไม่ใช่สิ่งที่ไดโอนีซุสต้องการจะรู้ และอีกฝ่ายก็ดูจะเข้าใจดีทีเดียว

                “เฮอร์มีสบอกนางว่าเหตุที่เกิดขึ้นลือมาถึงยมทูตในอิเรบัส เรือ ซึ่งอาบด้วยมนตราของเทพีดีมิเทอร์เทียบท่าในลีธี”

                “แล้ว --

                “วิญญาณตนนั้น... ตนที่ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย จากร่างมนุษย์ที่เข้าขวางข้าก่อนจะพานางไปยังยมโลก! เขาต้องมนตร์สะกด และเกือบจะทำให้เพอร์ซีโฟเน่ต้องล่องไปกับเรือลำนั้นแล้ว หากไม่ถูก... ” แม้แต่การเรียกชื่อของราชันแห่งปรภพก็ทำให้อพอลโลต้องกลืนน้ำลายอย่างลำบาก “หยุดยั้งเอาไว้เสียก่อน”

                ไดโอนีซุสดูกระสับกระส่ายขึ้นมาทัน ขณะที่อพอลโลเสริมขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ใช่แต่เจ้าที่ร้อนใจ ข้าและอาร์เทมีสก็เช่นกัน เราทั้งสามต่างรักและผูกพันกับเพอร์ซีโฟเน่เหมือนเป็นน้องสาวร่วมอุทร และ --

                “เจ้าคิดว่า นางจะร้อนใจบ้างไหม? ”

                “เจ้าหมายถึงใคร”

                ไดโอนีซุสบุ้ยใบ้ไปที่บันไดขั้นแรก อพอลโลมองตาม แล้วความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นในจิตใจที่สับสน

                “แต่... เทพีดีมิเทอร์คัดค้านการหวนคืนมาของเพอร์ซีโฟเน่ --

                “การคัดค้านที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น และยัง -- เรือลำนั้น” เทพแห่งความรื่นรมย์จ้องมองฝีก้าวบนบันไดอย่างว้าวุ่นใจ “กับทางตรงไปยังวิมานของพระบิดา ทั้งหมดนี้ทำให้เจ้ารู้สึกเหมือนข้าหรือเปล่า? ”

                อพอลโลไม่ตอบ นานเหมือนเขาจะไม่มีวันพูดอีกเลย แต่แล้วเขาก็พยักหน้า

     

                “ฮีป” ชายเสื้อคลุมของฮิปนอสถูกดึงเอาไว้ “พี่ข้า -- ฟังข้าก่อน”

                นานจนเกือบจะเป็นเรื่องปกติแล้วที่ทานาทอสไม่ได้เรียกฮิปนอสว่า พี่ดังนั้นฮิปนอสจึงมีท่าทางที่ดูเหมือนถูกจี้ด้วยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ทีหนึ่ง

                “จะว่าไปเจ้าสงสัยอะไร”

                ฮิปนอสกลับมาเป็นอย่างที่เคยเป็นอีกครั้งหนึ่งแล้ว ความง่วงงุนมักจะจู่โจมเขาเหมือนหมาป่าเจ้าเล่ห์ที่คอยซุ่มดูจังหวะเมื่อคนเลี้ยงแกะเผลอไผล

                “พี่ข้า ยมโลกมี หนอน

                มันดึงความสนใจกลับมาได้มาก “เจ้าคิดอย่างนั้นจริงๆ หรือ? ”

                “ฮีป -- อาเธอร์ อาร์เรห์นถูกสะกดด้วยแรงจูงใจที่ถูกกระทำด้วยความอยุติธรรมจากยมโลก จะต้องมีคนอื่นนอกจากเราที่รู้ว่าองค์ราชินีไว้ใจเขา รู้ว่าจะสามารถใช้สิ่งใดล่อลวงและสะกดเขาได้ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ -- ใครคนหนึ่งกำลังจะพรากนายหญิงไป”

                ไม่บ่อยที่ฮิปนอสจะถูกเรียกว่า พี่พอ ๆ กับที่เขาจะครุ่นคิดอย่างเอาเป็นเอาตาย แทนที่จะเป็นง่วงเหงาหาวนอน ทานาทอสรู้สึกว่าต้องกลั้นหายใจ สีหน้าของฮิปนอสไม่ได้บ่งบอกอารมณ์ที่ชัดเจนเลย

                “จะว่าไป -- หนอนของเทพีดีมิเทอร์เสียด้วย”

                “หมายความว่ายังไง”

                ฮิปนอสชี้ที่เรือลำนั้น มันยังคงลอยอยู่อย่างสงบนิ่งบนแม่น้ำ ราวกับอนุสรณ์สถานที่ตอกย้ำความบาดหมางระหว่างเจ้าของของมันและดินแดนแห่งคนตาย

                “เราต้องระวัง” นานแล้วเช่นกันที่เสียงของฮิปนอสไม่ได้สุขุมและฟังดูเหมือนเทพเจ้าที่จัดเจนกับทุกสิ่งอย่างที่กำลังทำอยู่

                “หนอนของเทพีดีมิเทอร์” เสียงของทานาทอสยิ่งแหบแห้งกว่าเดิม “หนอนที่รู้ตื้นลึกหนาบางในยมโลก มันหลบอยู่ใต้จมูกเรานี่เอง”

                “มันอยู่ในเงามืด”

                พี่ชายหันหลัง แล้วก็เดินจากไปในความมืดมน ท่ามกลางสีเทาและดำ กับทุ่งนาร์ซิสซัสสีขาวที่มองเห็นแต่ไกลๆ แล้ว แผ่นหลังของฮิปนอสเกือบจะดูเหมือนเทพเจ้าที่อมทุกข์และเต็มไปด้วยการครุ่นคิด ทานาทอสก้าวตามไป พร้อมกับพูดขึ้น --

                “จนกว่าเราจะพามันออกมา”

                “จนกว่าเราจะพามันออกมา”

                เสียงฮิปนอสสำทับ ขณะที่พี่และน้องจมหายไปในสีสันมืดดำ

               

     

                “ใกล้หน่อย -- ไม่ได้ยินอะไรเลย”

                เขามองไม่เห็นอพอลโล แต่รู้ว่าอพอลโลเข้าใจในความต้องการของเขา ในที่สุด หลังจากเคลื่อนที่อย่างเงียบเชียบ มือที่โปร่งแสงของเขาก็แตะลงบนพื้นผิวที่เยือกเย็นแต่สวยงามของกระจกหน้าต่างที่ยาวเหยียดและสูงลิ่ว

                ม่านหนาๆ ที่ปิดอยู่แยกออกเป็นเสี้ยวบางๆ แคบและยาว  พอมองเห็นห้องโถงกว้างขวางเพียงเล็กน้อย และที่น้อยนิดยิ่งกว่าก็นั้นก็คือเสียงพูดคุยที่เบาเสียจนเหมือนจะดังมาจากบันไดสามร้อยขั้นที่อยู่ต่ำลงไปและไกลออกไปจนลิบตา

                “ราชันแห่งปรภพพลาดพลั้งมาครั้งหนึ่งแล้ว! ” จู่ๆ เสียงของเทพีดีมิเทอร์ก็แผดดังจนไดโอนีซุสแทบจะพลัดตกจากขอบหน้าต่าง “บอกที ราชันแห่งทวยเทพ ไยท่านจึงด่วนตัดสิน --

                “สิบเอ็ดเสียงต่อหนึ่ง หรือเจ้าจะปฏิเสธ! ” ซุส -- ราชันแห่งทวยเทพเสียงดังขึ้นบ้าง “และวันนี้ข้าก็เพิ่งจะได้ยินอะไรมาอย่างหนึ่ง -- ซึ่งเจ้าควรจะมาที่นี่เพื่ออธิบายว่าทำไม -- ” ได้ยินเสียงเหมือนการขว้างปาอะไรบางอย่าง มันแหลมและดัง อาจจะเป็นจอกเหล้าหรือคนโททองเหลือง “เรือของเจ้าจึงปรากฏขึ้นบนแม่น้ำลีธี ไม่ใช่มาเพื่อร้องเรียนเรื่องราวที่ยุติลงแล้ว!

                มีการโต้เถีงต่อไปอีกเล็กน้อย แล้วเขาก็ได้ยินเสียงประตูปิดดังสนั่น

                “เราช้าไป ไดโอนีซุส ข้าไม่เข้าใจอะ --

                “ใครก็ตามที่อยู่ตรงนั้น ไม่คิดหรือว่าควรจะแสดงตัวต่อข้าเสียที!

                การโต้เถียงที่จบลงไปเมื่ออึดใจที่แล้วดูจะมิตรยิ่งกว่า เมื่อไดโอนีซุสหันมาสบส่วนที่ควรจะเป็นดวงตาของอพอลโลอย่างพรั่นพรึง

                “ไดโอนีซุส --

                ไม่ว่าอพอลโลจะรู้สึกอย่างไร ญาติและเพื่อนก็พาเขาเข้าไปภายในนั้นอย่างเงียบเชียบยิ่งกว่าเดิม เทพซุสจ้องมองลงมาจากบัลลังก์ด้วยดวงตาสีฟ้าที่ให้สัมผัสเหมือนใบมีด ราชันแห่งทวยเทพอาจไม่ใช่เทพเจ้าผู้สะพรึงขวัญ แต่คำนิยามทุกคำที่แสดงถึงความเมตตาเหล่านั้นไม่ได้รวมถึงในเวลาที่กำลังโกรธเกรี้ยว

                “ลูกขออภัย พระบิดา -- ราชันแห่งทวยเทพ” ไดโอนีซุสคุกเข่าลงและก้มหน้า “เมตตาอพอลโลด้วย เขาไม่ได้เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด”

                “ผู้ไม่ได้สมรู้ร่วมคิดที่แปลงกายเป็นแสงตะวันเพื่อบดบังเจ้าให้พ้นจากสายตาอย่างนั้นรึ” ริมฝีปากของพ่อกระตุกขึ้นจนเกือบจะเป็นรอยยิ้ม “หมายใจสิ่งใดกัน... ทั้งสองคน”

                เทพเจ้าทั้งสองสบตากันครั้งหนึ่ง ก่อนที่อพอลโลจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นเมื่อตัดสินใจกันอย่างเงียบงันว่าเสียงของไดโอนีซุสอาจจะสานต่อความโกรธให้ดำเนินต่อไป “พระบิดาทรงทราบข่าวจากเฮอร์มีส -- พี่น้องของลูกแล้ว”

                “พ่อได้ยินแล้ว”

                และแล้ว ช่างน่าแปลกใจจนทั้งสองต้องเงยหน้าขึ้น เพื่อจ้องมองใบหน้าของราชันแห่งทวยเทพที่วิตกกังวลจนเกือบจะเป็นทุกข์ระทม หลังจากการระบายลมหายใจที่ดังและเหยียดยาว

                “เจ้าทั้งสองต่างเข้าใจดีว่าเหตุใดพ่อจึงปล่อยปละเรื่องที่อีรอสแผลงศรปักอกฮาเดส และยินดีจะเสียสละน้องสาวของเจ้าแก่ปรโลก”

                “ลูกทราบและเข้าใจดี” ไดโอนีซุสตอบหลังจากความเงียบที่น่าอึดอัดหนึ่งนาทีเต็มๆ

                “นางรู้ แต่ไม่เคยยอมรับ”

                “พระบิดาหมายถึงเทพีดีมิเทอร์? ”

                “ดีมิเทอร์ทำลืมคำสาบานนั่น” เทพซุสถอนหายใจอีกครั้ง และอีกครั้งอย่างยากเย็น “คำสาบานที่เพอร์ซีโฟเน่เคยให้ไว้กับนาง ทั้งที่การสาบสูญไปของนางก็บอกกับพวกเราโอลิมเปียนอย่างชัดเจนอยู่แล้ว... ” และ --ไดโอนีซุสมั่นใจว่าไม่เคยเห็นพ่อของเขาถอนหายใจอย่างหดหู่เท่านี้มาก่อน “ฮาเดสไม่ได้พลาดพลั้งหรือบกพร่องเพียงฝ่ายเดียว”

                “เทพีดีมิเทอร์ร้องเรียนสิ่งใดหรือ พระบิดา” อพอลโลถาม ความเข้าใจและหวาดหวั่นค่อยๆ ก่อตัวอย่างไร้ที่มาที่ไป

                “เหตุที่เพอร์ซีโฟเน่ต้องสาบสูญไปนั้น -- สิ่งเดียวที่นางรับรู้คือฮาเดสไม่อาจดูแลธิดาของนางในฐานะพระชายาได้ และ --

                “แต่ว่า --

                “นางร้องให้ -- ถ้าหากว่าฮาเดสได้บกพร่องในการดูและและคุ้มครองชายาของตนอีกครั้ง พ่อจะต้องตัดสินให้เพอร์ซีโฟเน่ขาดจากยมโลก”

                “แต่พระบิดาปฏิเสธได้!

                “ไม่ได้” เสียงที่ดังและทรงอำนาจเหมือนจะแหบแห้งลงอย่างน่ากลัว “นางสาบานต่อแม่น้ำสติกซ์ หากไม่อาจร้องให้พ่อทำตอบรับได้สำเร็จ นางจะจองจำตัวไว้ในวิมาน เจ้ารู้ดีว่าหมายถึงอะไร -- หากเทพีแห่งพืชพรรณจากไป ทุกหย่อมหญ้าบนแผ่นดินมนุษย์จะมีแต่ความแห้งแล้งและเหน็บหนาว!

                “แต่เทพีดีมิเทอร์ทำไม่ได้ --

                “นางทำไปแล้ว อพอลโล! และเจ้าก็น่าจะรู้ดีว่านางเริ่มต้นทำอะไรไปแล้วด้วย”

                “แต่ถ้าหากเป็นเรือของนาง และเวทมนตร์ของนางที่นำพาเพอร์ซีโฟเน่มาสู่โลกเบื้องบน ก็ไม่อาจนับเป็นคววามบกพร่องของเทพฮาเดสได้เลย” ไดโอนีซุสโต้แย้ง

                “ศรอีรอสคือจุดอ่อนเพียงอย่างเดียวที่ฮาเดสมีอยู่! ” ราชันแห่งทวยเทพคำรามอยู่ในลำคอด้วยความว้าวุ่น “เจ้ารู้กฎของกามเทพ -- อำนาจศรจะคงอยู่ชั่วฟ้าดินสลาย ตราบเท่าที่หัวใจของอีรอสไม่แหลกลาญ”

                “พระบิดาหมายความว่า... ”

                “รู้แล้วหรือยัง หากศรอีรอสสิ้นฤทธิ์ ฮาเดสก็สิ้นรัก และทุกสิ่งจะสิ้นสูญ ทุกอย่างที่เราเคยหมายใจจะไร้ค่า ยมโลกจะไร้ราชินี ตราบชั่วนิจนิรันดร์!

                นิจนิรันดร์ดูเป็นเวลาที่ยาวนานเหลือเกินแม้แต่สำหรับเทพเจ้า ไดโอนีซุสสัมผัสได้ว่าความตื่นตระหนกไหลเวียนไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว มันเร็วยิ่งกว่าเลือดสีทองในนั้นเสียอีก

                “เทพีดีมิเทอร์ไม่เคยปล่อยมือจากเรื่องนี้” อพอลโลกระซิบ มันเบาและเลื่อนลอย แต่กลับแขวนลอยอยู่ตรงนั้นราวกับว่าหนักอึ้งเสียเหลือเกิน

                “นางไม่เคยหยุดตั้งแง่รังเกียจปรภพ และจะไม่มีวันหยุด -- ลูกข้า”

                ไดโอนีซุสกลืนน้ำลาย เขาจำไม่ได้เสียแล้วว่าเคยดีใจและตื่นเต้นแค่ไหนเมื่อพบเอเรอาญ์ อาร์เรห์น ท่ามกลางผู้คนพลุกพล่านในพลาก้าครั้งแรก เขาอยากจะสบตาพ่อ แต่มันยากเย็น ยิ่งเมื่อเขาตระหนักว่าไฟที่ปลายชนวนได้ถูกจุดเสียแล้ว และอาจไม่มีหนทางที่จะดับมัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×