ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บุคคลและประวัติศาสตร์ในชาติต่าง ๆ

    ลำดับตอนที่ #22 : จวงจื่อ หรือจวงโจว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 130
      0
      23 ม.ค. 54

    จวงจื่อ หรือจวงโจว
    中国国际广播电台


     

    เดิมชื่อจวงโจว เป็นปรัชญาเมธีและนักศิลปศาสตร์ผู้โด่งดัง แห่ง ลัทธิเต๋าในสมัยจั้นกั๋วอีกท่านหนึ่งต่อจากเหลาจื้อ     

    จวงจื้อเป็นชาวรัฐซ่ง(มณฑลเหอหนันในปัจจุบัน)เคยเป็นข้าราช การชั้นผู้น้อย เล่ากันว่า  จวงจื้อเป็นคนเฉลียวฉลาด และชอบอ่านหนังสือตั้งแต่เด็ก เคยท่องเที่ยวไปตามรัฐต่างๆเพื่อ ศึกษาหาความรู้ด้านประเพณีนิยมพื้นเมือง จวงจื่อถือหลักการว่า จะ ต้องทำตนให้เป็นอิสระ หลุดพ้นจากโลกอันวุ่นวายนี้ ประท้วงจารีต ประเพณีและดูหมิ่นเชื้อพระวงศ์ กษัติริย์รัฐฉู่เคยเชื้อเชิญให้ดำรง ตำแหน่งเสนาบดีรัฐฉู่ด้วยเงินทองก้อนมหึมา แต่ถูกจวงจื้อปฏิเสธ  เนื่องจากไม่พอใจสถานการณ์ทางการเมืองและสังคม ในสมัยนั้น จวงจื้อลาออกจากข้าราชการ เลี้ยงชีพด้วยการถักรองเท้าฟาง ไปถ่ายทอดแนวคิดลัทธิเต๋าและ ประพันธ์หนังสือ”จวงจื้อ”ที่มีตัวหนังสือถึงกว่า100,000คำ

    หนังสือเรื่อง“จางจื้อ” แบ่งเนื้อหาทั้งหมดเป็น 3 เล่ม  ได้แก่ ความเรียงใน ความเรียงนอก และความเรียงปกิณกะ รวม 33 บทด้วยกัน ความเรียงในเป็นบทประพันธ์ของจวงจื้อ ส่วนความเรียงนอก และความเรียงปกิณกะ อาจเป็นบทประพันธ์ของลูกศิษย์และนักปราชญ์รุ่นหลัง เนื้อหาของ ความเรียงในแบ่งเป็น3บท ได้แก่”ฉีอู้ลุ่น” “เซียวเหยาอิ๋ว” และ“ต้าจงซือ” นับเป็นแก่นสารหลักของคัมภีร์เต๋าเล่มนี้ บทประพันธ์เรื่อง”จวงจื้อ” เป็นหนังสือทั้งไพเราะและพิสดาร ถือได้ว่าเป็นวรรณกรรมปรัชญาที่ดี ที่สุดเล่มหนึ่งของโลก ผู้เชี่ยวชาญทั้งจีนและต่างประเทศ ต่างยกย่อง จวงจื้อว่าเป็นนักปรัชญาที่มีความรอบรู้ในวิชาการต่างๆอย่าง กว้างขวาง  และมีภาษาหนังสือที่น่าอัศจรรย์ที่สุด

        ทางด้านแนวคิดปรัชญานั้น จวงจื้อได้สืบทอดและเชิดชู ส่งเสริมแนวคิดของเหลาจื้อและลัทธิเต๋า ก่อรูปเป็นระบบแนวคิดทาง ปรัชญาที่มีเอกลักษณ์ของตนและท่วงทำนองในการใช้ภาษาหนังสือ ที่มีลักษณะพิเศษของตนขึ้นจวงจื่อเห็นว่า“เต้า”หรือ”เต๋า”เป็นการ ดำรงอยู่ในความเป็นจริงทางภววิสัย “เต๋า”เป็นบ่อเกิดสรรพสิ่งในโลกนี้ สรรพสิ่งในโลกเคลื่อนไหวอย่างไม่รู้สิ้นสุดและก็มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่อุบัติจนดับสูญ อันเป็นกระบวนการที่มักเปรียบเทียบกับพระจันทร์ ที่มีข้างขึ้นข้างแรม โลกนี้ปราศจากขอบเขตทั้งในอวกาศและกาลเวลา
          “จวงจื้อฝันเห็นฝีเสื้อ” เป็นเรื่องที่จวงจื้อเล่าในหนังสือ”จวงจื้อ”นั้น นับเป็นเรื่องที่คนรุ่นหลังนำมาอ้างอิงกันมากที่สุดเรื่องหนึ่ง กล่าว คือ”ครั้งหนึ่ง  ข้าพเจ้าฝันไปว่าเป็นผีเสื้อโบยบินไปมาอย่างสบายใจ  ไม่มีความวิตกกังวลใดๆ  ผีเสื้อตัวนี้ไม่รู้เลยว่า  มันคือจวงโจว   แต่แล้วในทันใดก็ตื่นขึ้นรู้สึกตัวว่า   ตัวคือจวงโจว    ข้าพเจ้ารู้สึกว่า   เป็นการยากที่จะบอกได้ว่า  ตนเองเป็นจวงโจวที่ฝันไปว่าเป็นผีเสื้อตัวนั้น  หรือว่า ผีเสื้อตัวนั้นฝันไปว่า  มันเป็นจวงโจว  ระหว่างผีเสื้อกับจวงโจวนั้น จะต้องแตกต่างกันแน่ๆ ”

    จวงจื้อเลื่อมใสศรัทธาในธรรมชาติ   ส่งเสริมเจตนารมณ์ที่ว่า “ฟ้าดินอยู่เคียงคู่กับข้าพเจ้า สรรพสิ่งต่างๆกับข้าพเจ้าเป็นอันหนึ่งอัน เดียวกัน ”และให้ความเห็นว่า อาณาจักรแห่งชีวิตสูงสุดคืออิสระและ ไม่มีอะไรมาบังคับความเป็นอิสระทางจิตใจได้ หากไม่ใช่การเสพสุข ทางวัตถุและชื่อเสียงอันจอมปลอม แนวคิดดังกล่าวของจวงจื้อได้ส่ง อิทธิพล ต่ออารยธรรมจีนทุกด้านอย่างกว้างขวางลึกซึ้งนับเป็นสิ่ง ล้ำค่าทางจิตใจในประวัติแนวคิดของมนุษยชาติ   

    “จวงจื้อ”ได้กลายเป็นหนึ่งในคัมภีร์อมตะแห่งลัทธิเต๋าอย่างเป็นทางการในราชวงศ์ถัง(ราวปี618-907) แนวการประพันธ์ของจวงจื้อ มักใช้รูปแบบเล่านิทานบรรยายอุดมคติของตน ทำให้ผู้อ่านเพลิน เพลินไปกับอารมณ์ของตนโดยไม่รู้สึกตัว กลวิธีการเขียนก็มีความพลิกแพลง ตื่นเต้น ลึกลับซับซ้อน เป็นหนึ่งในหนังสือที่เด่นที่สุดของหนังสือ ปรัชญาทั้งหลายในประวัติศาสตร์จีนและก็มีฐานะสำคัญในประวัติ วรรณกรรมของจีน หนังสือเรื่อง”จวงจื้อ”ร่วม กับหนังสืออีกสองเรื่องได้แก่”เต้าเต๋อจิง”หรือ“เหลาจื่อ”และ”โจวอี้” หรือ”อี้จิง”รวมเป็นหนังสือสำคัญ3เล่มที่สะท้อนถึงคุณค่าของลัทธิเต๋าซึ่งเป็นปรัชญาแนวธรรมชาตินิยมได้เป็นอย่างดีที่สุด



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×