คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : CHAPTER 10
Chapter 10
ร้องไห้....คุณลู่หานร้องไห้ทำไม
สีหน้าที่ฉายแววกังวล สับสน ไม่มั่นใจของแบคฮยอนปรากฏออกมาในแต่ละก้าวที่เขาเดินกลับบ้านเจ้าชาย สิ่งที่ตกค้างภายในจิตใจหลั่งไหลออกมาประกอบกันอย่างมากมาย ความรู้สึกตีกันไปหมด
หนึ่งก้าว สมองพยายามฝืนสั่งให้คิดว่า คนนั้นเขาจะเป็นยังไงก็เรื่องของเขาไม่ใช่หรอ แต่อีกหนึ่งก้าว หัวใจก็บอกว่า แบคฮยอนเป็นห่วงคนนั้นซะมากมาย
แบคฮยอนไม่ใช่คนโง่ ลมพัดเข้าตาแล้วร้องไห้ ไม่ใช่ข้ออ้างที่ดี
แต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจคือเหตุผลที่พี่เลี้ยงใจร้ายของเขาร้องไห้
คุณลู่หาน......เป็นอะไรกันแน่...?
แบคฮยอนซึมเศร้าลงไปแบบเห็นได้ชัด เขาเดินมาถึงที่หน้าบ้านแล้วเห็นพี่อี้ฟานยืนรออยู่ด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล
“เจ้าหญิงไปไหนมา..ถ้าหายไปแบบนี้เจ้าชายเป็นห่วงนะรู้ไหม?”
เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วง เจ้าชายมีสีหน้าที่แย่มากจริงๆ ใบหน้าของเขาฉายแววความเคร่งเครียด คนตัวสูงกลัวว่าแบคฮยอนจะเป็นอะไรหรือเปล่า พี่อี้ฟานเดินเข้ามากอดแน่นจนแบคฮยอนจมลงไปในอกแล้วเอื้อนเอ่ย
“ห้ามไปไหนอีกโดยไม่บอกเจ้าชายนะครับ เป็นแฟนกันแล้ว”
น้ำเสียงที่อ่อนโยนพร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นดังทะลุออกของพี่อี้ฟานทำให้ถึงจะรู้สึกเหนื่อยแค่ไหน แบคฮยอนก็ฝืนยิ้มออกมา คนตัวเล็กพยักหน้าอ่อนๆก่อนจะถูกมือหนาของเจ้าชายจับเอาไว้แน่นแล้วพาเข้าไปในบ้านด้วยกัน
ผลไม้และไอศครีม คงไม่จำเป็นต้องออกไปซื้ออีกแล้วละ..
เจ้าชายหิมะเดินนำหน้าแบคฮยอนไปด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด เขารู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านั้น แต่เขาสัญญากับตัวเองเอาไว้ว่าจะดูแลแบคฮยอนให้ดีที่สุด แม้เรื่องจริงเจ้าชายจะรู้อยู่แก่ใจ สัญญาระหว่างลูกผู้ชายของเพื่อนรักสองคนทำให้เจ้าชายไม่อาจก้าวเข้าไปยุ่งถึงการตัดสินใจของลู่หานได้เลยซักนิดเดียว...
เจ้าชายหิมะทำกับข้าวให้แบคฮยอนกินหลายอย่าง มีไก่ทอดของโปรด แถมยังมีผัดผักและไข่ตุ๋นดูน่ารับประทาน ปรกติแล้วคนตัวเล็กน่าจะทานเยอะกว่านี้ แต่ไม่รู้ทำไม ..แบคฮยอนเขี่ยข้าวในจานอยู่อย่างนั้น
“อิ่มแล้วหรอครับ”
“.......”
แบคฮยอนไม่ตอบ คนตัวเล็กมีท่าทีที่ค่อนข้างเหม่อลอย ความคิดยังติดอยู่กับหยดน้ำที่กระทบใบหน้าของพี่เลี้ยงผมทอง
“แบคฮยอนครับ...”
เมื่อถูกเรียกอีกครั้ง คนอายุน้อยกว่าก็รู้สึกตัว ใบหน้าที่ขาวซีดฝืนยิ้มเพื่อพยายามเอาใจคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“ครับ?...เมื่อกี้เจ้าชายว่ายังไงนะครับ? เจ้าชายทำอาหารอร่อยมากเลย”
อี้ฟานแอบถอนหายใจ เขาเหมือนคนที่ไม่มีทางเลือกมากมาย มือหนายื่นออกมาลูบหัวเบาๆอย่างอ่อนโยน
“แบคฮยอนต้องกินเยอะๆนะ ถ้าแบคฮยอนผอมเกินไป เกิดลมพัดแบคฮยอนหายไปพี่จะทำยังไงครับ?”
แบคฮยอนหัวเราะออกมาเล็กน้อย เขาส่ายหน้าให้กับสิ่งที่เจ้าชายพูดอ้อน..นาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังบอกเวลาว่าตอนนี้สี่ทุ่มแล้ว เจ้าชายหันไปมองการเคลื่อนที่ของเข็มนาฬิกาแล้วเอ่ยออกมา
“นี่ก็ดึกแล้วนะ...คืนนี้แบคฮยอนอยากนอนค้างที่บ้านเจ้าชายไหม?”
“เจ้าชายสัญญาว่าไม่ปล้ำเจ้าหญิงนะ”
อี้ฝานพยายามยิ้มให้กว้างที่สุด เขาพยายามทำให้ร่างบางอารมณ์ดี แต่ทำไมแบคฮยอนก็ยังคงดูซึมเศร้า คนตัวเล็กก้มหน้าลงจนแทบชิดอก ก่อนจะเอ่ยประโยคตอบกับเจ้าชายด้วยสีหน้าอ่อนแรง
อู๋ อี้ฝานไม่เคยรู้ซักนิดเลยว่า ประโยคแบบนี้ คำพูดที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำสียงแผ่วเบาเหมือนเหนื่อยมากมายแบบนี้จะถูกเอ่ยมาอีกครั้งในอนาคต
และ เจ้าชาย คงจะต้องสูญเสียเจ้าหญิงไปตลอดกาล
“เจ้าชายครับ....ผม.....อยากกลับบ้าน”
ไฟมืดสนิทที่หน้าบ้าน บ่งบอกได้ดีว่าพี่ลู่หานคงจะไม่กลับบ้านในคืนนี้ ตอนนี้ที่บ้านตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว ถ้าปรกติแม่นมก็จะมานั่งคอยหากเธอรู้ว่าแบคฮยอนจะกลับบ้านดึก แต่ตอนนี้เมื่อไม่ใครอยู่ บ้านของพวกเขาจึงเงียบสงบเหลือเกิน เจ้าชายไม่กล้าพูดอะไรมาก เขาเพียงแต่ยืนรอแบคฮยอนไขประตูหน้าบ้านเข้าไป ก่อนจากกัน แบคฮยอนกอดคนตัวสูงที่วันนี้ขับมารถมาส่งทั้งๆที่ดึกมากแล้ว
“ขอบคุณมากนะครับ”
“อื้มมม แบคฮยอนต้องไปช่วยงานที่บริษัทตอนปิดเทอมนี้ด้วยใช่ไหม เดี๋ยวพรุ่งนี้เจ้าชายก็ไปที่บริษัทเหมือนกัน ยังไงก็จะมารับนะ รอพี่ด้วยนะครับ”
“ครับ..”
“เจ้าหญิง เดี๋ยวแปปนึงนะครับ....”
อี้ฟานจับข้อมือของแบคฮยอนเอาไว้เมื่อแบคฮยอนหันหลังจะเข้าบ้านไป ก่อนจะวางสิ่งของเล็กๆสิ่งหนึ่งไว้ในมือร่างบาง อี้ฟานยิ้มให้น้องอย่างอ่อนโยน
“เก็บไว้ดีดีนะ ที่คือนกหวีดเอาไว้เรียกเจ้าชาย ถ้าแบคฮยอนน้ำตาไหลแล้วเป่านกหวีดอันนี้ เจ้าชายจะบินมาหาเลย”
“ที่จริงแล้ว เจ้าชายคือมังกรแปลงร่างมาอ่ะ”
เจ้าชายหิมะทำท่าจุ๊ปากใส่เป็นเชิงบอกว่าอย่าไปบอกใครนะ เขายิ้มยักคิ้วตามไตล์คนหล่อให้กับแบคฮยอน
นกหวีดตัวเล็กสีแดง คือสิ่งที่พี่อี้ฟานมอบให้
สิ่งของเล็กน้อยธรรมดาที่เจ้าชายมอบให้นั้นทำให้แบคฮยอนน้ำตาคลอเบ้า คนตัวเล็กก้มหน้ามองมันในฝ่ามืออยู่อย่างนั้น
“อย่าร้องไห้บ่อยด้วยนะ เด็กขี้แย เข้าใจไหม?“
คำพูดที่อ่อนโยนประกอบกับมือใหญ่ที่ลูบผมอยู่อย่างนั้นทำให้แบคฮยอนฝืนยิ้มกว้างออกมาทั้งที่น้ำสีใสยังเอ่อล้นในดวงตา แบคฮยอนพยักหน้าแล้วกอดกับเจ้าชายเนิ่นนานด้วยใบหน้าที่ไม่ต้องการให้เจ้าชายเห็นถึงความเจ็บปวด
เจ้าชายครับง.. เจ้าชายคือคนที่ดีที่สุด เจ้าชายคือคนใจดีที่สุด...
แต่เจ้าชายช่วยได้โปรด.....ได้โปรดทำให้เจ้าหญิงลืมคนใจร้ายซักทีได้ไหม?....
แค่เพียงวินาทีเดียว เจ้าชายจะช่วยเจ้าหญิงได้ไหม...
แบคฮยอนไล่เปิดไฟทีละดวง แสงสีนวลอ่อนส่องแสงสว่างออกมาที่ชั้นล่างของตัวบ้าน คนตัวเล็กตั้งใจจะเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง แต่แล้วก็เกิดนึกได้ เขาถอนหายใจยาวก่อนจะเดินไปที่ตู้เย็น . มันกลับกลายเป็นความเคยชินของแบคฮยอนไปแล้วที่ต้องดื่มนม ไม่ตอนเช้า ก็ต้องตอนเย็นหรือก่อนนอน
ถ้าคุณลู่หานไม่เห็นว่ากล่องนมหายไป เขาจะต้องทำหน้าดุและต่อว่าแบคฮยอนราวกับเขาไปทำอะไรแย่ซะมากมาย แน่นอน..โดนนมเทราดหัวก็เคยมาแล้ว แบคฮยอนฝังใจกับการกระทำนั้นมากที่สุด
ที่โต๊ะกินข้าวมีเพียงน้องชายที่นั่งอยู่คนเดียว ร่างเล็กยังคงใช้ความคิดของตนเองอยู่อย่างนั้น เหมือนเวลาที่ผ่านมาช่างรวดเร็วและเชื่องช้าไปพร้อมๆกัน ความทรงจำเต็มไปด้วย ภาพของคนใจร้าย ภาพของคนใจดี ภาพของผู้ชายที่ทำให้จิตใจสั่นไหว ภาพของคนที่ทำให้จิตใจแตกสลาย ผู้ชายคนนั้นคือคนเดียวกัน
หัวใจของคนเราไม่ได้ตายด้าน ทุกอย่างเกิดขึ้นราวกับว่า แบคฮยอนจะต้องใช้เวลาจากนี้ไปชั่วชีวิตเพื่อลืมลู่หาน
แบคฮยอนหลับตาลง ภาพที่พี่ชายร้องไห้ยังคงติดอยู่ในใจ น้องชายดื่มนมได้เพียงครึ่งกล่อง ก่อนจะหยิบมันกลับไปแช่ตู้เย็นตามเดิม เขามองขึ้นไปชั้นบน ชั่งใจอยู่เล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจเดินขึ้นไปเปิดประตูห้องนอนของใครอีกคนหนึ่ง
ห้องนอนที่เรียบง่ายนั้นยังเป็นแบบเดิม แบคฮยอนไม่ได้เข้ามาในห้องนี้นานแล้ว คงเป็นเพราะเวลาที่ต้องทำความสะอาด เขามักจะขอร้องแม่นมให้มาที่ห้องลู่หานแทนเขาเสมอ ร่างเล็กแปลกใจเมื่อพบว่า ตุ๊กตาหมาลูลู่วางอยู่บนเตียงสีขาวของพี่ชาย
“ว่าไงละ แบคฮยอน เราชื่อเหมือนกันเลยนะ เป็นไงบ้าง นายคิดถึงฉันไหม?”
ร่างเล็กนั่งลงพื้นข้างเตียงก่อนจะเอื้อมไปหยิบตุ๊กตาหมาไซบีเรียนฮัสกี้มามอง
“พี่ชายเขาได้นายมาง่ายๆเลยเนอะ ไม่ต้องทำอะไรยากเย็นเลย เหมือนหัวใจฉันเลย เขาไม่เห็นต้องทำอะไรซักนิด”
“แต่เขาไม่ได้รักฉันนี่นา ฉันสับสนจังเลยแบคฮยอน...”
แบคฮยอนก้มลงใช้ใบหน้าซบกับเตียงพี่ชาย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา น้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มทั้งสองข้าง คนตัวเล็กหยิบตุ๊กตาขึ้นมาแล้วกอดมันไว้แน่น นึกถึงคำพูดที่แสนจะใจดีคำนั้น
เผื่อพี่ไม่ค่อยกลับบ้าน นายจะได้มีเพื่อนไว้กอดไง
นั่นสินะ พี่ลู่หานไม่ค่อยกลับบ้าน พี่ชายไม่ค่อยอยู่เป็นเพื่อนเลย
คนใจดีคนนั้นชอบหนีไปตลอดเลย
พี่ชายหายไปไหนอีกแล้วครับ พี่จะให้ผมรอพี่อีกนานไหม...
หรือพี่ชายคนนั้นไม่เคยมีอยู่จริงๆเลย
พี่จะให้ผม...กอดตุ๊กตาหมาจนลืมพี่ไปเลยใช่ไหมครับ
แบคฮยอนเผลอหลับไปทั้งที่ใบหน้ายังเกรอะกรังไปด้วยน้ำตา
นาฬิกาข้อมือสีเงิน TAG HEUER บ่งบอกเวลาว่าตอนนี้ตีสี่ครึ่งแล้ว ลู่หานเดินทางไปสถานที่นึงมา อยู่ดีดีเขาก็คิดถึงเด็กผู้ชายคนหนึ่งขึ้นมาจับใจ เขาเดินทางไปตามหาคนๆนั้นตามสัญญาที่เคยไว้ให้กัน แต่สิ่งที่เขาพบเจอมีเพียงตึกแถวที่ว่างเปล่า...ไม่มีร่องรอยใดใดที่ลู่หานจะตามหาเจอได้เลย
สิบปีผ่านมาแล้ว ลู่หานไม่ได้หวังจะได้พบเจอหรอก เขาเตรียมใจไว้แล้วว่าเราอาจะไม่ได้เจอกันอีก หากเพียงแต่ว่า...อะไรหลายๆอย่างในช่วงนี้ที่เกิดขึ้น มันทำให้เขานึกถึงบุคคลนั้นอย่างช่วยไม่ได้ เพราะนับตั้งแต่แยกกันวันนั้น พวกเขาก็ไม่ได้พบหน้ากันเลย
ลู่หานเพียงแค่อยากรู้ว่าคนๆนั้นสบายดีหรือเปล่า คนที่เหมือนเข้าใจเขาในทุกเรื่องคนนั้นมีความสุขดีกับสิ่งที่พวกเขาสองคนตัดสินใจด้วยกันหรือเปล่า
ลู่หานแค่อยากเจอหน้าเพื่อบอกว่า เขาเองก็สบายดี..
ขายาวเดินเข้าไปในบ้านด้วยความอ่อนล้า ระยะทางที่เขาเดินทางไปนั้นค่อนข้างไกลอยู่พอสมควร ประตูสีขาวที่หน้าห้องถูกเปิดออก ลู่หานตั้งใจจะล้มตัวลงบนเตียงด้วยความเพลีย เมื่อเข้ามาในห้อง พี่ชายก็ต้องสะดุดกับสิ่งที่มองเห็น เขารู้สึกว่า เหมือนกับความฝัน.....ความฝันของพี่ชาย ที่แบคฮยอนนอนหลับตาอยู่ในห้องนอนของตัวเอง
ลู่หานมองภาพนั้นแล้วนั่งยองลง
มองน้องชายตอนหลับตามันทำให้เขาไม่รู้สึกเจ็บและทรมาณ อย่างน้อยแค่ตอนนี้ ขอเพียงได้มองหน้าน้องก็ยังดี เพราะถ้าน้องตื่นมาเราก็คงจะต้องเกลียดกัน ทะเลาะกันเหมือนเดิม
ลู่หานรู้สึกผิดทุกอย่างต่อแบคฮยอนจริงๆ พี่ชายผมทองเสียใจมากกับทุกการกระทำที่เขาได้เคยทำลงไป อีกทั้งเขายังรู้สึกเสียใจ เขารู้สึกถึงผิดพลาด พลาดตรงที่เขาดันน้ำตาไหลต่อหน้าน้อง...ไม่ว่าจะอย่างไร น้องคงไม่ต้องการพี่เลี้ยงใจร้ายอย่างเขาหรอก
“หนาว....หนาวไหมครับแบคฮยอน?”
ลู่หานเอ่ยคำกระซิบแผ่วเบา ก่อนจะหยิบผ้าห่มคลุมตัวคนตัวเล็กเอาไว้ เขาตัดสินใจนอนลงข้างๆมองไปยังใบหน้าของแบคฮยอนที่หลับสนิทอยู่อย่างนั้น ลู่หานมองมันราวกับว่าเขาไม่อยากให้มันหายไปซักวินาที มือหนาเอื้อมไปจับแบคฮยอนเอาไว้ ก่อนที่เขาจะบรรจงจูงลงไปที่ฝ่ามือนั้นอย่างแผ่วเบา ซักพักมือหนาของลู่หานก็เอื้อมไปสัมผัสแก้มใสของแบคฮยอนอย่างอ่อนโยน
หลับฝันดีหรือเปล่า เดี๋ยวดวงอาทิตย์ก็มาแล้วนะ ตื่นมาแล้วก็อย่าลืมมีความสุขล่ะ ดวงตาขอบคล้ำไม่ยอมหลับตาลงซักที พี่ชายผมทองฝืนเปลือกตาหนาของตนเองอยู่อย่างนั้น เขาเลือกที่จะเฝ้ารอเช้าวันใหม่ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมง
เปลือกตาบางประกอบกับขนตาแพเริ่มขยับยุกยิก แบคฮยอนกระพริบตาขึ้นมาแล้วค่อยๆปรับโฟกัสขึ้น คนตัวเล็กมองเห็นใบหน้าของพี่ลู่หานอยู่ห่างออกไปไม่ถึงคืบ เขารู้สึกตกใจที่พี่ชายกลับมาบ้านเมื่อวาน แบคฮยอนตาโตขึ้นก่อนจะเม้มปากแน่นเมื่อเห็นว่าลู่หานยังมองหน้าของตัวเองอยู่ แบคฮยอนไม่รู้จะพูดอะไรดี ไม่รู้ว่าควรจะถามถึงเรื่องเมื่อวานหรือเปล่า
“นาย......มานอนบนเตียงฉันทำไม?”
“ผะผม ไม่ได้ตั้งใจ”
“สาม สอง หนึ่ง....”
ลู่หานพูดราวกับต้องการนับถอยหลังให้น้องลุกออกจากเตียงไป ไม่งั้นจะโดนดีแน่ ทั้งที่ความจริงแล้ว เขาเหมือนคนที่แบตหมดและกำลังนับถอยหลังเวลามากกว่า
ความเพลียประกอบกับร่างกายที่อ้อนล้าเกินไปทำให้ลู่หานพูดคำแปลกๆแล้วหลับตาลงอย่างอ่อนแรงหลังจากนั้นโดยทันที ไม่รู้ว่าเขาจะฝืนมองหน้าน้องทั้งคืน กอดน้องทั้งคืน จับมือน้องทั้งคืนไปทำไม
คงเป็นเพราะอยู่ดีดี เขาก็รู้สึกกลัวว่าแบคฮยอนจะหลับตาลงไปแล้วไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย
คงเป็นเพราะอยู่ดีดี ลู่หานก็เกิดรู้สึกไม่ไว้ใจสิ่งต่างๆรอบตัวซักวินาที ลมหายใจเข้าออกของแบคฮยอนไม่สามารถทำให้ลู่หานหลับตาลงอย่างสบายใจได้ มันเคยเป็นแบบนี้เมื่อหลายปีก่อน แบคฮยอนมีลมหายใจแต่น้องชายไม่ฟื้นขึ้นมารับรู้สิ่งต่างๆซักที ลู่หานเริ่มกลายเป็นคนไม่ไว้ใจพระเจ้า เขากลัวว่าท่านอาจจะจะพาคนที่เขารักจากไปเหมือนในครั้งก่อน...
เพราะพระเจ้าไม่เคยหยุดเวลาให้ใคร ท่านมอบเพียงแต่ความจริงแด่ทุกสรรพสิ่งบนโลก
เหมือนที่ท่านทำให้ลู่หานและแบคฮยอนปวดร้าว โดยการพรากคุณพ่อคุณแม่อันเป็นที่รักของพวกเขาไป
Cinderella Story
"ยังมองเห็นกันได้"
“เฮ้อออออออ ซวยซ้ำซวยซ้อน ซวยซ่อนเงื่อน”
โด คยองซูเอ่ยออกมาเมื่อตนเองต้องเป็นคนเดินไปรับออเดอร์จากผู้ชายที่มาสั่งกาแฟเมนูเดิมทุกวัน เวลาบ่ายสองคือเวลาที่คนๆนี้จะมา คาดว่าหลังจากซ้อมเทนนิสเสร็จมีเวลาพักนิดหน่อยก็เลยพาตัวเองมาที่นี่ คนผิวคล้ำเลิกคิ้วมองหน้าคนที่กำลังจดปากกาอยู่
นี่คยองซูพูดกับลูกค้าคนสำคัญแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า หรือพูดเฉพาะกับเขากันแน่เนี่ย
“ลาเต้นะ ไม่ต้องหวานมาก”
เมนูเดิมๆถูกสั่งออกมา คยองซูพยักหน้าส่งๆ ส่วนคนผิวคล้ำก็หยิบแมกกาซีนออกมาเปิดอ่าน พอคนตัวเล็กหันหลังไป ตั้งใจจะไปชงกาแฟ เขากลับได้ยินประโยคเบาๆจากคนที่ยังเปิดอ่านนิตยาสารทำเป็นไม่รู้เรื่องอยู่
“อย่าโหมงานหนักละ”
“เออ”
“ดูแลตัวเองงดีดี”
“เออ พอแล้ว ไม่ต้องพูดขนาดนั้นก็ได้”
พวกเขาสองคนแทบจะไม่มองหน้ากัน แต่ต่างฝ่ายต่างแอบยิ้มละมุนออกมา ไม่สามารถยืนเคียงข้างกันได้ แต่อย่างน้อย ก็สามารถมองเห็นกันได้นี่นา
คงจะเหมือนรสชาติของกาแฟที่คยองซูชงอย่างชำนาญเพิ่มขึ้นทุกวันแหล่ะมั้ง
จะรสชาติขมก็คงไม่ใช่ จะบอกว่าหวานซะทีเดียวก็เป็นไปไม่ได้
คยองซูบรรจงใช้ฟองนมวาดรูปหัวใจออกมา หัวใจบนถ้วยกาแฟลาเต้ของเขาแบ่งออกเป็นหลายชั้น น่าจะเพราะการป้องกันลวดลายจะแตกสลายมากกว่า
กาแฟรสนั้นอาจจะเป็นรสชาติที่ดีที่สุด
และรสชาติขมหวานผสมกัน ดูจะเป็นรสชาติที่เหมาะสม และเป็นเพียงหนทางเดียวของความรักที่พวกเขาทั้งสองคนจะสามารถรักษาเอาไว้ได้
อย่างน้อยก็แค่ในช่วงเวลานี้...ประมาณ 730 วันของเวลาที่จะนับถอยหลังต่อจากนี้
Cinderella Story
“เจ้าชาย..ทำอะไรอยู่ครับ?”
แบคฮยอนเดินเข้ามาโอบกอดคนตัวสูงที่กำลังนั่งทำงานอยู่จากทางด้านหลังเมื่อถึงตอนพักเที่ยง แบคฮยอนถูกลู่หานสั่งให้มาช่วยงานที่บริษัท อันที่จริงเขาไม่ต้องทำอะไรมาก และเหมือนว่าแบคฮยอนจะถูกส่งตัวให้มาเป็นเลขาของเจ้าชายที่อยู่อีกบริษัทซะมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทั้งสองบริษัทยังอยู่ในเครือสัญญาร่วมกันอยู่ แบคฮยอนเป็นคนได้รับมอบหมายให้คอยตรวจเอกสาร ศึกษาการลงทุนต่างๆ รวมไปถึงการมองรูปแบบการโฆษณาในหลากหลายมุมมอง ไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ หรือสื่อโทรทัศน์ แบคฮยอนก็มีโอกาสได้ลองไปดูของจริงทั้งหมด
งานค่อนข้างซับซ้อนอยู่นิดหน่อย แต่เหมือนว่าคุณเลขาหญิงของลู่หานจะทราบถึงจุดที่แบคฮยอนไม่เข้าใจได้อย่างดี เธออ่านลิสต์รายการลายมือของลู่หาน แล้วพยายามอธิบายให้คนตัวเล็กเข้าใจในแต่ละข้อ ซึ่งแบคฮยอนก็เรียนรู้ได้เร็ว คงเป็นเพราะแบคฮยอนชอบมันมากอยู่แล้ว
“เจ้าชายกำลังออกแบบบ้านให้เจ้าหญิงอยู่ครับ”
“โห สวยจัง...”
กลิ่นหอมอ่อนๆคล้ายแป้งเด็กยังคอยลอยมาติดจมูกเจ้าชาย แบคฮยอนยังกอดอี้ฟานจากทางด้านหลังอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าอยากได้ที่พักพิงมากมายมาจากไหน เหมือนกับว่าภายในใจอ่อนแอจนอยากกอดใครซักคน
แบบบ้านที่เจ้าชายกำลังออกแบบเป็นดีไซน์ที่ค่อนข้างแปลก มันเป็นรูปทรงที่ไม่เหมือนใคร คล้ายกับเจ้าชายผสมความโมเดรินและความเป็นธรรมชาติลงไปในตัว เจ้าชายใส่รายละเอียดเอาไว้อย่างดีและไม่มีที่ติ
แบคฮยอนอมยิ้มออกมา ก่อนมือขาวเล็กจะหยิบโพสอิสเปล่าที่วางอยู่บนโต๊ะมาแปะไว้ตรงมุมของกระดาษเขียนแบบของเจ้าชาย
คนตัวเล็กใช้ดินสอวาดรูปบ้านง่ายๆ รูปทรงมีแค่สามเหลี่ยมและสี่เหลี่ยม มีประตู มีหน้าต่าง มีพระอาทิตย์อยู่ด้านบน แบคฮยอนบรรจงวาดนกสามตัว บินข้างๆก้อนเมฆ ก่อนจะอธิบายให้ฟังถึงบ้านที่ตัวเองชอบ
“นี่....เจ้าชายต้องวาดหน้าต่างเยอะๆนะครับ ถ้าเป็นห้องนอนสีฟ้า แบคฮยอนจะนอนห้องนอนนั้นกับเจ้าชายทุกวันเลย”
“.........”
คำพูดที่คุ้นเคย.. เหมือนเพื่อนรักเขาไม่มีผิด..ห้องที่แบคฮยอนชอบ
พวกเขาสองคนเคยคุยเรื่องนี้กันมาก่อนหรือเปล่า เจ้าชายหิมะคิดว่าไม่มีทาง
อู๋อี้ฟานชะงักในทันที เขาวางดินสอด้วยใบหน้าเหนื่อยอ่อน
เจ้าชายจะทำยังไงดี..
เขาผิดหรือเปล่าที่รักแบคฮยอนในรูปแบบของความรักแบบนี้ มันเป็นการตกลงที่ยอดแย่ระหว่างเขากับลู่หานหรือเปล่าที่จะไม่ยอมบอกอะไรเลยกับแบคฮยอน เขาทำอะไรผิดไปหรือเปล่าที่ช่วยลู่หานปิดบังความจริงอันโหดร้าย
หรืออันที่จริง มันถูกต้องที่สุดแล้ว เพราะน้องจะไม่ต้องเสียใจและมีความสุขอยู่กับเขา แต่การที่จะไม่ถามว่าแบคฮยอนรักใคร มันจะทำให้เราสองคนอยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุขจริงๆหรอ
ความรักของเจ้าชายหิมะ คือเขาไม่ต้องการเห็นภาพของแบคฮยอนเสียใจเลยซักนิด ซึ่งในตอนนี้เขาเองก็เริ่มจะไม่รู้เหมือนกันว่า การบอกความจริง หรือการเก็บเอาไว้ในใจ สิ่งไหนคือสิ่งที่ดีที่สุดกันแน่?
อี้ฟานหมุนเก้าอี้ทำงานของตัวเองกลับมา จากนั้น...เขาก็โอบกอดแบคฮยอนที่กำลังยืนอยู่เอาไว้ ใบหน้าคมซบลงกับหน้าท้องของคนที่เขาเรียกว่า เจ้าหญิง
“แบคฮยอน....แต่บ้านหลังนี้จะอยู่ที่แคนาดานะครับ”
“ถ้าเจ้าชายออกแบบเสร็จแล้ว เราย้ายไปอยู่ด้วยกันนะ”
“บ้านน่าจะเสร็จตอนแบคฮยอนเรียนจบปีสามพอดี เจ้าชายจะพาไปเรียนต่อที่มหาลัยที่นั่นอีกหนึ่งปี ยังไงมหาวิทยาลับแบคฮยอนก็โอนหน่วยกิตไปที่แคนาดาได้อยู่แล้ว เพราะงั้น ถ้าบ้านหลังนี้เสร็จ แบคฮยอนมาอยู่กับพี่นะ”
“ได้ไหมครับ.....พี่ขอร้อง”
ไม่มีการตอบคำถามใดๆต่อจากนั้นจากแบคฮยอน เจ้าชายได้รับเพียงการสวมกอดกลับคืนอย่างแน่นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้..
แบบของความรักระหว่างเจ้าหญิงเจ้าชาย มันจำเป็นต้องมั่นคงและแน่นอนเหมือนรูปแบบของสถาปัตยกรรมที่ต้องใช้การคำนวณอย่างแม่นยำไหม?
แล้วมันจะมั่นคงได้อย่างไร หากเราคิดจะอยู่ด้วยกันโดยไม่คิดจะตั้งคำถามว่า หัวใจของใครอีกคน อยู่ที่ใคร..
Cinderella Story
you know I'll fight my corner
เวลาล่วงเลยไปสองอาทิตย์แล้ว แบคฮยอนกับลู่หานก็ไม่ค่อยคุยกันเหมือนเคย ท่าทีที่ไม่แยแสของพี่ชายก็เป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง แบคฮยอนแอบมองหน้าลู่หานตอนเอากาแฟมาวางให้แล้วถอนหายใจ ถึงภายในใจจะรู้สึกเป็นห่วง แต่คนตัวเล็กจะถามอะไรออกไปได้ยังไง ในเมื่อเขาไม่อาจเดาอารมณ์พี่ชายได้เลย ถ้าเราสองคนพูดกัน มันอาจจะทำให้แบคฮยอนรู้สึกเจ็บมากกว่าเดิมก็ได้
อย่างไรก็ตาม ก็มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนเดิมเช่นกัน สิ่งนั้นคือท่าทีของพี่เลี้ยงใจร้ายที่ไม่เคยตาม ไม่เคยห้าม รวมไปถึงไม่พูดจาประชดประชันเมื่อเห็นว่าแบคฮยอนออกไปพร้อมกับเจ้าชาย เขาแสดงออกราวกับว่าแทบจะเมินเฉยเสียด้วยซ้ำ
เหมือนต่างคน ต่างมีคนที่พวกเขาต้องรับผิดชอบอยู่ สถานะ ”แฟน” เป็นสถานะหนึ่งที่ไม่ง่ายเอาซะเลย
ตอนบ่ายของวันนั้น ลู่หานเลือกไปหาอี้ชิงที่บ้าน อี้ชิงรู้สึกเหนื่อยอ่อนกับคนรักตัวเองจึงไม่ออดอ้อนและไม่เกาะแกะพี่เขามากมาย คนตัวสูงบอกว่าจะพาแฟนของตัวเองออกไปทานข้าวกลางวันด้วยกันที่ร้านอาหารในห้างหรูอี้ชิงก็ตอบตกลงไป
พอเห็นใบหน้าที่ขาวซีด ดูทุกข์ใจของอี้ชิง มันทำให้ลู่หานรู้สึกสงสาร เขาดึงอี้ชิงมาเกี่ยวข้อง ทั้งๆที่อี้ชิงไม่ได้ทำอะไรผิด เขาเลือกขอน้องชายคนนี้เป็นแฟนเพียงเพราะอยากให้แบคฮยอนตัดใจซักที
ลู่หานมองหน้าอี้ชิงอีกครั้งแล้วนึกถึงใบหน้าน้องชายต่างสายเลือดของตัวเองอย่างบอกไม่ถูก มีบางอย่างที่คนอายุน้อยกว่าทั้งสองคนคล้ายคลึงกัน ลู่หานไม่อาจรู้คำตอบได้ว่ามันคืออะไร เพราะคำตอบมันง่ายและอยู่ใกล้ตัวเขาเกินไป
แต่ทั้งอี้ชิงและแบคฮยอนรู้ดี เพราะสิ่งนั้นมันคือ “ความรัก” ที่พวกเขาต้องการมอบให้คนที่ตัวเองรัก มันคือความเคารพและเชื่อใจเท่านั้นเอง
โลกของเราไม่ได้มีแค่เพียงมุมเดียว จางอี้ชิงก็มีสิทธ์เหนื่อยกับความรัก เจ็บปวดจากความรักเหมือนกันนี่นา เมื่อเห็นดังนั้น มือหนาของลู่หานส่งออกไปเมื่อเห็นว่าคนรักของตนเองเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่างนอกรถ
“อี้ชิง...รักพี่เหนื่อยไหมครับ?”
“พี่มันแย่มากเลยเนอะ ไม่เคยมีเวลาให้อี้ชิงเลย เหมือนพี่ทำร้ายอี้ชิงตั้งมากมาย”
ลู่หานเองก็รู้ตัวดี เขาไม่ใช่แฟนที่ดีของอี้ชิงซักนิด มือหนาสอดประสานกับมือเรียวของคนที่นั่งข้างๆแน่นขึ้นแล้วเอ่ยออกมา
“วันนี้เราลองขับรถไปไหนซักแห่งกันไหม อี้ชิงอยากได้อะไรหรือเปล่า อยากไปไหนหรือเปล่า เราไปกันแค่สองคน ดีไหมครับ?”
ประโยคแสนดีเพื่อต้องการเอาใจ รอยยิ้มที่อ่อนโยนถูกส่งออกมาจากลู่หาน ประโยคที่แสดงให้เห็นว่าใส่ใจนั้นทำให้อี้ชิงน้ำตาคลอเบ้าก่อนหยดน้ำตาจะไหลร่วงลงมา เด็กชายตัวร้ายใข้นิ้วเรียวปาดน้ำตาของตนเอง เขาร้องไห้โดยที่ไม่มีเสียงเลยซักนิด
อี้ชิงคิดว่า...สำหรับพวกเขาสองคนนั้น ลู่หานกับอี้ชิงเหมือนนักกีฬาที่เลือกวิ่งออกมาพร้อมกัน คนหนึ่งวิ่งนำคนอีกคนมาตลอด เราวิ่งตามเท่าไหร่เหมือนคนนั้นยิ่งวิ่งไกลห่างออกไป เหมือนกับเขาคนนั้นอยากวิ่งไปอีกคนหนึ่ง เหมือนกับเขาชวนเราออกวิ่งเพื่อทดแทนใครอีกคนหนึ่งที่ขาดหายไป
หากแต่พอวิ่งไปได้ซักพัก เราบอกว่าเหนื่อย อยากจะพอ อยากจะเลิกรัก เราไม่อยากวิ่งตามหรือพยายามเป็นเงาของใครอีกแล้ว คนข้างหน้าเรากลับหยุดวิ่ง หันหลังกลับมาแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน เขาถามเราว่า เหนื่อยไหม เราวิ่งต่อไปกันเถอะนะ
พี่ลู่หาน....คือผู้ชายคนนั้น...
เขาคือผู้ชายที่พาอี้ชิงออกวิ่ง ขาทั้งสองข้างของอี้ชิงก้าวออกไปข้าวหน้า เพื่อหวังจะตามลู่หานให้ทันในวันหนึ่ง
พวกเขาทั้งสอง คิดว่าทางที่พวกเขากำลังวิ่งคือทางที่จะมุ่งไปข้างหน้า ทั้งๆที่ความจริงพวกเขาสองคนวิ่งอยู่ในวังวน
วังวนที่ไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไรดี...ความรักก็ไม่ใช่ วังวนนี้ไม่มีชื่อเรียก แต่อี้ชิงรู้ดีว่ามันทั้งสุขและทรมาณไปพร้อมๆกัน
เห็นแก่ตัวหรอ? อิ้ชิงไม่ได้คิดว่าพี่ลู่หานเป็นคนแบบนั้น เป็นตัวเขาเองซะมากกว่าที่เห็นแก่ตัว อี้ชิงไม่ยอมปล่อยนักวิ่งที่
เพราะลู่หานไม่เคยขอร้องให้อี้ชิงอยู่เคียงข้าง พี่ชายผมทองไม่เคยขอร้องให้อี้ชิงทำสิ่งต่างๆให้เลยซักนิด ถ้าอี้ชิงจะบอกลา พี่ลู่หานก็คงไม่ยื้อ ไม่แน่..พี่เขาอาจจะไม่เสียใจด้วยซ้ำ คนยิ้มหวานรู้คำตอบนี้ดีแก่ใจ ที่พี่เขาถามว่าอี้ชิงเหนื่อยหรือเปล่าหรือที่พี่เขาพยายามทำดีด้วย นั่นเป็นเพราะพี่ลู่หานเป็นคนดี
ดีเกินไปต่างหาก...
เพียงแต่พระผู้เป็นเจ้าจะได้โปรดเข้าใจ จางอี้ชิงเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาที่หลงรักในความดีของผู้ชายอีกคนหนี่งมากเกินไป เขาติดอยู่ในความฝัน เขายึดติดกับความสุขจอมปลอมที่เป็นภาพลวงตา
ถึงแม้จะเป็นความสุขที่ชั่วคราว อี้ชิงก็อยากจะได้รับมัน ถึงเขาจะต้องกลายเป็นคนเลว เขาก็จะต้องฝืนใจทำ
และไม่ว่าหัวใจของลู่ หานจะอยู่ที่ใคร จางอี้ชิงคนนี้จะช่วงชิงมันกลับมาให้ได้...
ใบหน้าเนียนไร้ที่ติซบลงกับไหล่แกร่งของพี่ชายผมทองคนที่ยังขับรถอยู่ ก่อนจะเอ่ยปากออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“พี่ลู่หาน.....ผมอยากไป....”
“อยากไปบ้านพี่ชาย...”
เพราะที่บ้านมีคนๆนั้นอยู่ และต่อให้ศัตรูหัวใจของเขาจะมาในรูปแบบไหน เจ้าหญิง น้องชาย คนใช้หรืออะไรก็ตามแต่
อี้ชิงสัญญากับตัวเองว่า ความรักครั้งนี้ เขาจะไม่ปราณีต่อซินเดอเรลล่าที่แย่งความรักจากเขาไป อีกต่อไปแล้ว
Cinderella Story
“จับมือพี่ไว้นะ ไม่เป็นไรหรอก”
“แต่ผม..กลัว..”
ตอนนี้ ผู้ชายทั้งสองคนอยู่ในสระว่ายน้ำหลังบ้าน อี้ชิงใส่เสื้อยืดสีขาว พร้อมกับกางเกงขาสั้นสำหรับหรับว่ายน้ำ เขากำลังจับมือพี่ลู่หานที่ยิ้มอย่างอ่อนโยนมาให้อยู่ข้างหน้า ลู่หานพยายามพาอี้ชิงเดินไปให้ลึกขึ้น พี่ชายผมทองตอนผมเปียกดูแข็งแรงและเป็นที่พึ่งให้กับอี้ชิงได้ดี กล้ามเนื้อของเขาขึ้นเป็นมัดและมีสเหน่ห์เข้าไปใหญ่เมื่อได้ว่ายน้ำ
“ฮ่าๆ พี่ก็ไม่ได้ปล่อยมือไง นี่พี่ก็ยังอยู่”
“กอด...อี้กอดได้ไหมครับ”
“อื้มมมม”
แขนของคนตัวเล็กกว่าโอบกอดลู่หานเอาไว้ ลู่หานพาอี้ชิงมาอยู่ในส่วนที่ทั้งสองยืนไม่ถึง ใบหน้าของอี้ชิงกอดและซบลงไปกับไหล่หนาของคนรัก
เมื่อทั้งคู่มาถึงที่คฤหาสน์ลู่ อี้ชิงบอกกับลู่หานว่า เขาอยากให้พี่ชายสอนว่ายน้ำให้ซักครั้งเพราะตนเองว่ายน้ำไม่เป็นเลย แถมยังรู้สึกกลัวน้ำอีกต่างหาก อี้ชิงทักทายแบคฮยอนที่กำลังเช็ดโต๊ะอยู่อย่างเป็นมิตร ก่อนลู่หานจะไปหยิบเสื้อและกางเกงว่ายน้ำมาให้อี้ชิงเปลี่ยน
อี้ชิงยิ้มออกมาเบาบาง เขารู้ดีว่าตอนนี้แบคฮยอนกำลังแอบมองพวกเขาสองคนอยู่จากหน้าต่างที่คนตัวเล็กนั่งเช็ดอยู่
“เห็นไหม ก็ว่ายได้แล้วนี่”
ลู่หานบอกให้อี้ชิงตีขาจะได้ว่ายน้ำได้ พี่ชายผมทองจับมืออี้ชิงแล้วพาวนไปรอบๆสระ อี้ชิงหัวเราะออกมาเสียงใส พร้อมกับใบหน้าของลู่หานที่อมยิ้มมาให้
“อี้เก่งมั้ย”
“เก่งสิ...เก่งมากเลย ทีนี้ก็ไม่ต้องกลัวแล้วนะครับ”
ฟันทั้งสามสิบสองซี่ ถูกส่งออกมาจากคนหน้าหวาน ลักยิ้มเปล่งประกายพอๆกับแสงระยิบระยับในสระว่ายน้ำที่สะท้อนแสงของดวงอาทิตย์
ขอบคุณนะครับพี่ชายที่ชมอี้ ที่จริงแล้ว...อี้เป็นแชมป์ว่ายน้ำตั้งแต่ ป.สี่แล้วละครับ
“เดี๋ยวเอาอะไรไปให้อี้ชิงทานด้วยนะ ฉันจะไปคุยงานแปปนึง”
ลู่หานเดินเช็ดผมเปียกหมาดของตัวเองเข้ามาในตัวบ้าน เขาสะดุดมองน้องชาย ก่อนจะมองไปยังด้านหน้าไม่สบตาร่างสูงเอ่ยคำสั่งแล้วเดินไปอีกทาง แบคฮยอนก้มหน้าลงแล้วทำตามอย่างดี
“ครับคุณลู่หาน..”
แบคฮยอนรีบเดินเข้าไปในครัว โดยที่มีลู่หานมองตามแผ่นหลังไปด้วยสีหน้าที่ยากจะเข้าใจ
พี่อยากคุยด้วยมากกว่านี้..แต่พี่ก็ทำได้แค่นี้เอง...
“อี้ชิง ทานแอปเปิ้ลหน่อยไหม?”
รอยยิ้มเล็กๆปรากฏให้คนที่อยู่ในวัยเดียวกัน แบคฮยอนอมยิ้มก่อนจะยื่นจานแอปเปิ้ลที่ตั้งใจปอกอย่างดีให้ เขารู้สึกเจ็บหัวใจแปลกๆที่ต้องเห็นภาพลู่หานกับอี้ชิงเล่นน้ำด้วยกัน แต่แบคฮยอนเองก็พอเข้าใจ ทั้งสองคนเป็นแฟนกันนี่นา มันไม่แปลกอะไรหรอก
“ไม่กินหรอก..”
จาง อี้ชิงนั่งไขว่ห้าง กดมือถือของตัวเองโดยที่ไม่ใส่ใจแบคฮยอนซักนิด คนตัวเล็กค่อนข้างตกใจกับท่าทีที่พออยู่ด้วยกันสองคนตอนนี้มาก เพราะท่าทางที่อยู่ต่อหน้าลู่หานของอี้ชิง มันเปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน แบคฮยอนตั้งใจจะไปทำความสะอาดต่อ หากแต่เสียงของคนที่นั่งอยู่เก้าอี้ริมสระร้องเรียกไว้
“เดี๋ยวสิ...”
เพล้ง....!!!
อี้ชิงขว้างจานแอปเปิ้ลลงกับพื้นโดยเล็งพื้นที่ไปยังใกล้กับข้อเท้าของแบคฮยอน แน่นอน เศษของแก้วกระเด็นไปโดนขาของคนตัวเล็กจนต้องร้องออกมา
“อะ โอ้ย...”
อี้ชิงลุกยืนขึ้นแล้วมาจับแขนแบคฮยอนเอาไว้ ก่อนจะบีบมันอย่างไม่ออมแรงก่อนจะลากแบคฮยอนมาอย่างไม่ปราณีให้ไปอยู่ใกล้ริมสระ แววตาของอี้ชิงในตอนนี้น่ากลัวอย่างมาก
“ฉัน...มีเรื่องที่ฉันอยากจะพูดซักหน่อย และฉันจะไม่อ้อมค้อมให้มันเสียเวลา”
“ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่านายกับพี่ลู่หานมีความสัมพันธ์แบบไหน แบบพี่น้อง? หรือนายจะสะเออะคิดมากกว่านั้นก็ตามที แต่ฉันจะบอกอะไรให้ พี่เค้ามองนายเป็นแค่เศษผ้าขี้ริ้วสกปรกที่นายใช้ทำความสะอาดบ้านนั่นแหละ”
“แต่คนอย่างนายจะมีค่าอะไร กินข้าวของคนบ้านนี้มาเป็นสิบปี ถ้าพี่เขาจะรักนาย เขาก็รักนายไปตั้งนานแล้ว อย่างว่าแหละ เจ้านายไม่มีทางรัก คนรับใช้ หรอกนะ“
ประโยคที่อี้ชิงเอ่ยออกมา ทำให้แบคฮยอนมองใบหน้าหวานอย่างน้ำตาคลอ ทำไม ทำไมต้องพูดกันขนาดนี้ด้วย
พี่เค้าบอกอี้ชิงอย่างนั้นหรอ...พี่ชายบอกอี้ชิงอย่างนั้นใช่ไหม
“น่าเสียดายแทน..แบคฮยอนผู้น่าสงสาร...อยากจะมีพี่ชายกับเขาบ้าง..“
“อยากจะให้พี่ชายรัก...อยากจะให้พี่ชายมอบหัวใจให้ ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่มีอะไรดี”
คำพูดที่อี้ชิงเอ่ยออกไป มันคือสิ่งที่สะท้อนเงาของตัวเขาเองทั้งหมด แต่ตัวอี้ชิงเองไม่รู้ตัวเลยซักนิด คงเป็นเพราะแรงอิจฉาริษยา ทำให้อี้ชิงมองไม่เห็นภาพของความเป็นจริง คนหน้าหวานยิ้มเหยียดให้กับแบคฮยอนก่อนจะเริ่มเบะปากเมื่อเห็นใครซักคนกำลังเดินมาทางนี้
มือเรียวจับมือเล็กของแบคฮยอนเอาไว้ แล้วแกล้งทำเป็นยื้อยุด ราวกับว่าแบคฮยอนเป็นจิกผมของเขา
“ปล่อยย ปล่อยฉันนะแบคฮยอน ฮึก....ฉันทำอะไรผิด” คนหน้าหวานแกล้งทำเสียงดัง น้ำตาไหลลงมาราวกับสั่งได้ ก่อนจะกระซิบไปที่ใบหูของคนตัวเล็ก
“อ้อ ลืมบอกไปเลย พี่ลู่หานเขาเคยบอกฉันว่า เขารังเกียจนายนะ”
อี้ชิงปล่อยร่างของตัวเองให้ลงไปที่สระน้ำอย่างง่าย ร่างบางแกล้งทำเป็นหายใจไม่ออก อี้ชิงตะเกียกตะกายในน้ำอยู่อย่างนั้น ส่วนแบคฮยอนก็ได้แต่ตกใจและยืนค้าง เขาทำอะไรไม่ถูกเลย
“ช่วย...ฮึก...ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย”
“อี้ชิงงง!!!!!!!”
ลู่หานร้องเรียกเสียงดังแล้วรีบวิ่งมาทันทีที่เห็นว่าอี้ชิงตกน้ำ พี่ชายรีบกระโดดลงไปในสระทันทีก่อนจับใช้แขนพยุงอี้ชิงเขาไว้ เขาอุ้มอี้ชิงที่มาวางไว้ที่พื้นริมขอบสระก่อนจะร้องเรียกเสียงดัง
“อี้ชิง อี้ชิงฟื้นสิ!”
“แค่กๆ”
เสียงสำลักน้ำถูกพ่นออกมาจากปาก ก่อนใบหน้าหวานของอี้ชิงจะน้ำตาไหลออกมาอย่างมากมาย ตาของอี้ชิงแดงไปหมด
“เป็นอะไรหรือเปล่า..” ลู่หานกอดอี้ชิงเอาไว้เพื่อเป็นการปลอบใจ เขาพยามยามใช้มือหนาลูบหน้าอี้ชิงให้รู้สึกตัว...
“ไม่เป็นไร อี้ไม่เป็นไรแล้วครับ แค่ก.. แบคฮยอนเขาแค่แกล้งอี้เล่นน่ะครับ เราเล่นกันเฉยๆ”
“จริงหรอ...”
ลู่หานมองใบหน้าหวาน ก่อนจะหันไปมองหน้าน้องชายต่างสายเลือดที่ยังตกใจอยู่ แบคฮยอนทำแบบนี้ทำไม เขาไม่คิดเลยว่า น้องชายของตนเองจะทำอะไรแบบนี้กับอี้ชิง
มองไกลๆเมื่อกี้ มันเหมือนกับว่า แบคฮยอนเป็นฝ่ายทำร้ายอี้ชิงซะมากกว่า
“ ฉันเบื่อและผิดหวังในตัวนายจริงๆ”
“อย่าคิดเอาชีวิตของคนอื่นมาล้อเล่นแบบนี้อีกนะแบคฮยอน!”
ลู่หานช้อนตัวอี้ชิงชิดเอาไว้แนบอกก่อนจะพาคนหน้าหวานเข้าไปบ้านไป แบคฮยอนเจ็บแผลที่ข้อเท้าจนต้องลงนั่งลงไปกับพื้น พี่ลู่หานไม่เคยจะใส่ใจใยดีกับเขาหรอก
ไม่มีการฟังคำอธิบายใดใด พี่ชายรังเกียจเขาจริงๆด้วยนั่นแหล่ะ
แบคฮยอนรู้ดี..
รู้ดีที่สุดแล้วว่าพี่ชายไม่รัก แต่ก็เหมือนโดนตอกย้ำไปเรื่อยๆ ตะปูความเสียใจที่ลู่หานมอบให้ มันเริ่มขึ้นสนิมในใจน้องชายไปเรื่อยๆ
ยิ่งพี่ชายมองหน้าแบคฮยอนอย่างผิดหวังแบบนี้ คนตัวเล็กก็ยิ่งเสียใจ
แบคฮยอนเพียงแค่น้อยใจในโชคชะตา น้อยใจในคนๆหนึ่ง เขาเป็นแบบนั้นมาเสมอ เหมือนว่าใครก็ไม่อาจช่วยให้แบคฮยอนได้ เจ้าชายก็ช่วยไม่ได้ ไม่ได้ซักนิดเลย
ทุกอย่างเกิดขึ้นราวกับว่า คนที่จะช่วยแบคฮยอนได้ มีเพียงคนที่เป็นคนทำร้ายหัวใจคนนั้นคนเดียว
ซึ่งความหวังที่มีต่อคนๆนั้นมันเลือนลาง คล้ายแสงเทียนที่กำลังจะดับ และมืดลงทุกวินาที
ฝนตกลงมาจากฟากฟ้าราวกับว่าเข้าใจดีว่าความรู้สึกของน้องชายเป็นอย่างไร น้ำตาเป็นลิตรร่วงหล่นลงมาอาบแก้มทั้งสองข้างอีกครั้ง
แบคฮยอนใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างปิดบังใบหน้าที่เจ็บช้ำของตัวเอง รสชาติของน้ำตาที่เขาได้รับมันช่างเค็มและเจ็บปวดเหลือเกิน
เหนื่อย หลายครั้งที่เหนื่อยจนไม่อยากจะทน แต่พอมองกลับมาทีไร ก็เห็นตัวเองยังบ้า ยืนรอคนนั้นอยู่ที่เดิม
แบคฮยอนจะวิ่งหนีเงาของตัวเองได้อย่างไร? ทำไมยิ่งเขาหนี มันก็ดึงเขากลับมาราวกับว่าเขาจะไม่มีวันหนีมันพ้นเลย
หัวใจของน้องชายตรอมตรมขึ้นไปทุกที
การรักลู่หานมากเกินไป มันทำให้แบคฮยอนเหมือนคนตายทั้งเป็น..
ความคิดเห็น