คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : CHAPTER 11
by cloud48
“เป็นไงบ้าง บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
ลู่หานอุ้มคนหน้าหวานขึ้นรถ เขาพาอี้ชิงมาเปลี่ยนชุด มาส่งที่บ้าน เช็ดผมให้แถมยังคอยดูแล สำรวจแขนขาว่าแบคฮยอนทำร้ายร่างกายตรงไหนบ้างไหม
คนรักผมทองของอี้ชิงมีสีหน้าที่เป็นกังวล คิ้วขมวดกันแน่นแถมยังลูบหัวของอี้ชิงเบาๆคล้ายต้องการจะปลอบใจ การกระทำทั้งหมดนั้นทำให้อี้ชิงยิ้มบางออกมา ลู่หานยังคงนั่งอยู่บนเตียง จัดแจงห่มผ้าห่มอี้ชิงอย่างหนาด้วยความกลัวว่าคนที่นอนอยู่จะหนาว
“อี้ดีแล้วละครับ ไม่เป็นไรแล้ว”
“อื้มม ไม่เป็นไรก็ดีแล้วนะ พี่ฝากยาไว้ให้กับคุณป้าแม่บ้านแล้วนะครับ”
น้ำเสียงที่อ่อนโยน ท่าทีที่เอ็นดู อี้ชิงดีใจที่ตนเองได้มีโอกาสเข้ามายืนอยู่ในจุดที่ลู่หานมองเห็น เขาดีใจที่รับความใจดีนั้น แม้เศษเสี้ยวเพียงเล็กน้อยก็ทำให้หัวใจอี้ชิงชุ่มฉ่ำ
รอยลักยิ้มปรากฏออกมาอย่างหวานที่สุดให้กับคนรักตนเอง
หากแต่ประโยคที่เอ่ยออกมาหลังจากนั้น ทำให้ใบหน้าขาวเนียนหุบยิ้มในทันใด
“งั้น....พี่กลับบ้านก่อนนะครับ คืนนี้อี้ชิงอย่าลืมฝันดีนะ”
คนตัวโตกว่าจุมพิตไปที่หน้าผากอย่างแผ่วเบาคล้ายจะบอกว่าฝันดี
แต่เขาบอกว่าจะกลับบ้าน...
บ้านหรอ...?
อี้ชิงไม่ชอบคำนี้ บ้านมีอะไรดี? ที่บ้านมีอะไรพิเศษนอกจากห้องกรอบสี่เหลี่ยมที่ว่างเปล่า?
อาจเพราะคำว่าบ้านสำหรับอิ้ชิงเป็นเพียงสถานที่ที่ใช้ทานข้าวและนอนหลับเพียงเท่านั้น อาจเพราะคุณพ่อคุณแม่อี้ชิงทำงานอยู่ต่างประเทศ พวกท่านปล่อยให้ลูกชายนอนคนเดียวมานานจนเกินไป
อี้ชิงไม่เข้าใจพี่ชาย...
หรือที่บ้านมีใครอยู่หรอ
แบคฮยอนคนนั้นใช่ไหม แล้วคนๆนั้นสำคัญกว่าแฟนขนาดนั้นเลยหรอ
มือเรียวจับแขนของลู่หานเอาไว้แน่นจนเกือบจะบีบ
“อยู่ อยู่ที่นี่กับอี้ไม่ได้หรอ”
“พี่ชายช่วยนอนข้างๆอี้ อยู่เป็นเพื่อนอี้ แค่ซักวันไม่ได้หรอครับ?”
“.................”
คำถามที่ต้องใช้ความกล้าหาญมากมายเพื่อกล่าวออกมา หากแต่ไม่มีคำตอบจากพี่ลู่หาน.. สิ่งที่อี้ชิงเห็น มีเพียงดวงตาคมที่หลบการสบตาออกไป
หากจิตใจของพี่ชายมั่นคงในความรักที่มีต่ออี้ชิงแล้ว เขาจะต้องการกลับบ้านทำไม หากอี้ชิงคิดว่าตนเองได้รับหัวใจของพี่ลู่หานแล้ว พี่เขายังอยากจะกลับบ้านทำไม
อี้ชิงถามคำถามกับตัวเองอยู่อย่างนั้นหากแต่ตัวเขาเองก็ไม่มีคำตอบเหมือนกัน ทำขนาดนี้แล้ว ใจของพี่ชายก็ยังเลือกที่จะลังเล ลู่หานก็ยังคงเป็นแบบเดิม ผู้ชายคนนั้น ยังคงเลือกจะวิ่งนำออกไป
จางอี้ชิงจะต้องวิ่งไล่ตามเสี่ยวลู่หานคนนั้นไปถึงเมื่อไหร่กัน
แม้จะได้รับความใจดี...หากแต่ลึกๆในใจเจ็บเหลือเกิน
เคยบ้างไหม เราทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ยืนอยู่ในจุดที่เราเชื่อว่าเราได้ยืนเคียงข้างคนที่เรารักแล้ว แต่ทำไมกัน รอยยิ้ม ณ จุดๆนั้น มันกลับไม่ใช่รอยยิ้มที่เราเคยมีให้กับคนนั้น เมื่อครั้งเราเป็นฝ่ายที่คอยดูแล คอยให้ความอบอุ่นเขาอยู่เพียงฝ่ายเดียว..
รักที่ไม่หวังผลตอบแทน ความรักที่ไม่คาดหวัง มันอาจจะเป็นความสุขมากกว่าหรือเปล่า?
ที่เคยมีคนเคยกล่าวว่า ความรักเป็นเฉกเช่นดอกกุหลาบ มันก็คงจะจริงละมั้ง
เพราะอี้ชิงเลือกกำดอกกุหลาบสีสวยที่เต็มไปด้วยหนามนั่นแน่นเหลือเกิน
เขารู้ตัวหรือเปล่าว่าตอนนี้เลือดไหลซึมออกจากมือมากมายแล้ว
หรือเขาเองก็รู้ดีว่ามันเจ็บ แต่เขาก็เลือกที่จะทำ ทำไปทั้งๆที่รู้ว่ามันจะเป็นแผล
จาง อี้ชิง ยังคงไม่มั่นใจซักนิดว่าเขาควรจะเลือกเช็ดทำความสะอาดแผลนั้นดี หรือ ยังคงทำร้ายตัวเองด้วยการกำกุหลาบหนามคมต่อไป
แต่ไม่ว่าใคร...ต่างก็อยากจะมีความสุขไม่ใช่หรอ..
“ถ้าพี่ลู่หานอยากจะกลับบ้าน ก็กลับเถอะครับ“
“วันนี้อี้เพลียแล้วละ อยากพักซักหน่อย แค่พี่ชายดูแลอี้ อี้ก็มีความสุขมากแล้วครับ”
น้ำเสียงเหนื่อยอ่อน ฝืนยิ้มบางแล้วหันหลัง ก่อนจะแกล้งหลับตาลง
ไปเถอะ อยากให้ไป เพราะอิ้ชิงรู้สึกตอนนี้เองเสียใจจนทนไม่ไหว
อี้ชิงยังคงรู้สึกลึกๆว่าเขาเป็นคนที่น่าสมเพช ไม่มีใครน่ารังเกียจเท่าตัวเขาแล้วละ
จะมีใครเข้าใจบ้าง เขาต้องใช้พลังมากมายเพื่อทำร้ายแบคฮยอน
เขาต้องเสี่ยงตัวเองมากมายเพื่อให้พี่ลู่หานเห็นใจ
แค่เศษเสี้ยวของความรักจากลู่หานเขากลับเลือกอยากจะแย่งชิงมัน
ไม่อยากจะเป็นผู้แพ้ในเกมนี้ซักนิด หากแต่เขาจะทนอยู่แบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่กัน ยิ่งได้รับเศษส่วนความรักนั้น อี้ชิงก็รู้สึกว่ามันไม่เห็นจะมีความสุขตรงไหนเลย ยิ่งเห็นสีหน้าที่ฝืนทนของอีกฝ่ายก็ยิ่งทุกข์ใจ
อี้ชิงตัวร้ายน้ำตาไหลแล้วกอดหมอนแน่น น้ำสีใสที่รินไหลออกมา กลั่นออกมาจากความรู้สึกผิดและเจ็บลึกไปยังขั้วใจ
พี่ชาย อี้เป็นคนเห็นแก่ตัวใช่ไหม.....เห็นแก่ตัวแม้แต่กับคนที่อี้คิดว่ารักมากที่สุด
พี่ลู่หานครับ อี้ชิงควรจะทำยังไงดี...
กุหลาบสีแดงอันนี้มันทิ่มแทงหัวใจอี้ชิงจนพรุนไปหมดแล้ว
“ไม่ผิดสัญญา”
แสงอ่อนๆจากแสงไฟสีนวลวาบเข้ามาเพียงเล็กน้อย เสียงปิดประตูอย่างแผ่วเบาบ่งบอกว่าคนตัดสินใจรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวอย่างห้องนอนนั้นไม่ต้องการให้คนที่หลับไปแล้วรู้ตัวซักนิด
แบคฮยอนหลับอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าขาวซีด แม้ในตอนนี้ฟ้าจะมืดและฝนจะซาลงแล้ว หากแต่เสียงหยดน้ำที่กระทบหลังคายังคงดังต่อเนื่องอยู่อย่างนั้น ลู่หานนั่งลงยองมองภาพแบคฮยอนหลับ ก่อนจะตกใจเมื่อได้ยินเสียงแผ่วเบาของน้องชายเอ่ยออกมาคล้ายกับคนไม่มีแรง
“นะ หนาว”
ลู่หานรีบเดินเข้าไปหาคนที่นอนอยู่บนเตียงในทันที มือหนาอังไปหน้าผากคนตัวเล็กอย่างเบามืออย่างรวดเร็ว หากแค่สัมผัสก็ต้องตกใจสะดุดเอามือออก อุณหภูมิความร้อนบนหน้าผากของแบคฮยอนร้อนมากจนลู่หานใจหาย เพียงแค่นี้ก็เป็นคำตอบได้ดี
แบคฮยอนไม่สบาย..
“ปะ ปวดหัว”
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ มาหาพี่มา”
ลู่หานไม่ลังเลที่จะนั่งลงบนเตียงแล้วโอบกอดน้องเอาไว้จนแน่น คืนนี้เขาจะนอนกอดแบคฮยอนเอาไว้
สิ่งที่พี่ชายหวังมีเพียงจะให้น้องชายถ่ายทอดอุณหณภูมิที่ร้อนดังไฟมายังร่างกายของเขาบ้าง แบคฮยอนเหมือนคนเพ้อ มีสติบ้าง ไม่รู้ตัวบ้าง เหงื่อผุดเต็มไปหน้าซีดขาว
สิ่งที่แบคฮยอนมองเห็นเป็นเพียงลางเลือน น้องชายลืมตาปรือขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ว่าเขากำลังถูกใครอีกคนโอบรัดไว้ กลิ่นหอมนั้นเป็นกลิ่นจางๆที่คุ้นเคย กลิ่นหอมที่ไม่เคยลบเลือนจากใจ น้ำตาไหลหยดลงมาจากหางตาของคนตัวเล็กเพียงหยดเดียวก่อนจะเอ่ยประโยคเสียงอ่อนแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราในทันใด
“คงไม่ใช่พี่ชายหรอกนะ ผมคงฝันไป”
“แต่ถ้าผมไม่ได้ฝัน ก็คงจะดี..”
คำพูดบางเบา หากแต่มันคือความหวังของแบคฮยอนจริงๆ
เสี่ยวลู่หาน พี่ชายต่างสายเลือดเป็นคนที่พิเศษคนหนึ่ง เขาเป็นคนที่ทำให้แบคฮยอนอยากลืมตาขึ้นมามองเห็น และก็เป็นคนเดียวกันที่ทำให้หลับตาได้เพราะรู้ดีว่าจะปลอดภัย แบคฮยอนรู้ดีว่าถ้ามีลู่หานอยู่เขาก็คงจะไม่เป็นอันตรายแล้ว
แม้กระทั่งในตอนนี้ ต่อให้ป่วย แบคฮยอนก็อยากลืมตามองหน้า หากแต่เขาเองก็รู้สึกสบายใจจนหลับลงไปอย่างง่ายดาย
“พี่นี่แย่ ไม่เคยดูแลนายได้เลยนะ พี่ทิ้งให้แบคฮยอนต้องตากฝนคนเดียว สมควรแล้วครับที่พี่โดนเกลียด”
“ไม่ต้องรักพี่เลยนะครับแบคฮยอน พี่ผิดเอง”
“เพราะพี่เป็นคนใจร้ายแบบนี้ พี่จะกล้าดูแลแบคฮยอนได้ยังไงกัน”
ขอโทษ คำที่ลู่หานไม่เคยพูดออกมา เขาไม่แม้จะกล้าคิดถึงโอกาสที่จะพูดต่อหน้าแบคฮยอน
ถึงน้องจะหลับตาลง เขายังไม่กล้าพูดคำนั้นออกมาเลย
พี่ชายโอบกอดน้องชายเอาไว้อย่างนั้น เมื่อเห็นว่าอุณหภูมิเริ่มเย็นลง เสียงหายใจที่คงที่แล้วคน ผมทองก็ค่อยๆละตัวเองออกจากการให้ไออุ่นแบคฮยอน เขาจุมพิตแผ่วเบาไปยังหน้าผากน้องชาย มองใบหน้านั้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดหัวใจ
พี่เลี้ยงใจร้ายลุกออกจากเตียงไปหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดตัวให้น้องอย่างบรรจง
แผลของแบคฮยอนที่ได้รับจากข้อเท้า ลู่หานตั้งใจใช้สำลีชุบแอลกฮอล์แล้วเช็ดมันมันอย่างดี เขาใช้เวลาช่วงนั้นสำรวจร่างกายของแบคฮยอนทุกสัดส่วน มีรอยบีบที่แขน มีรอยแผลจากเศษแก้วที่กระเด็น
พี่ชายเลิกคิ้วสงสัยก่อนจะหลับตาลงเพื่อบังคับสติทบทวนความคิดของตนเอง ลู่หานพยายามแปะพลาสเตอร์อย่างบรรจงที่ข้อเท้าของแบคฮยอน จากนั้นพี่ชายจึงใช้แผ่นความเย็นมาวางไว้บนหน้าผากของน้องชาย
เจ็บมากหรือเปล่า พี่ทำแผลให้นายแล้วนะ
หนาวมากไหม พี่จะคอยให้ไออุ่นนายเองนะ
นายร้องไห้เพราะพี่หลายครั้งแล้วใช่ไหม...
อย่าเจ็บปวดอีกเลยนะ
พี่สัญญาว่า พี่จะเป็นคนรับความเจ็บทั้งหมดนั้นให้นายเอง
“แบคฮยอน แบคฮยอนรอพี่ที่นี่ได้ใช่ไหมครับ?”
สัมผัสที่ไออุ่นของมือหนายกชึ้นมาสัมผัสใบหน้าของเด็กชายวัยสิบชวบที่ร้องไห้งอแง เขาบรรจงเช็ดน้ำตาของน้องชายอย่างเบามือพร้อมกับพยายามมอบรอยยิ้มที่อ่อนโยน
“ฮือ เสี่ยวลู่จะไปไหน ไหนบอกว่าจะไม่ทิ้งแบคฮยอนไง”
“พี่ไปแปปเดียวเองนะ พี่สัญญาว่าจะไม่ทิ้งแบคฮยอนอีกแล้ว เดี๋ยวพี่ก็กลับมาแล้วนะครับ พี่รักแบคฮยอนคนเดียวนี่นา แบคฮยอนจะรอพี่ตรงนี้ จะไม่ดื้อ ไม่ซนใช่ไหม”
“แบคฮยอนต้องไม่ร้องไห้นะ พี่ไปแค่แปปเดียวเองครับ”
“พี่สัญญานะ ว่าพี่จะรักแบคฮยอนตลอดไป แบคฮยอนเชื่อใจพี่ใช่ไหม”
แบคฮยอนเชื่อใจพี่ใช่ไหม
แบคฮยอนเชื่อใจพี่ใช่ไหม
แบคฮยอน เชื่อ ใจ พี่ ใช่ ไหม ...
น้ำเสียงอ่อนโยนนั้นก้องอยู่ในหัวของน้องชายอยู่อย่างนั้น แบคฮยอนได้ยินเสียงของพี่ชายเอ่ยประโยคนั้น สิ่งที่ได้ยินนั้นยังค้างอยู่ในใจ ก่อนที่เขาจะหลุดจากความฝันเพื่อพบกับความเป็นจริง
สิบปีมาแล้ว ทำไมเขาถึงไม่เคยลืมประโยคนั้นเลย..เวลามีความหมายบ้างหรือเปล่า..
แสงอาทิตย์ยามเช้าเดินทางมาแล้ว แบคฮยอนลืมตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆทับที่สมอง เขายังคงรู้สึกปวดหัวอยู่ คนตัวเล็กเอามือมากุมไว้ที่ศีรษะหน้าเหยเกแล้วพยายามดันตัวลุกขึ้นนั่ง
ลู่หานเดินเข้าในห้องพอดีเพื่อมาวางชามข้าวต้มให้น้องตรงโต๊ะข้างเตียง คนผมทองนั่งลงบนเตียงมองหน้าน้องชายนิ่ง ส่วนแบคฮยอนที่พอเห็นหน้าลู่หานปุ๊ปก็หลบสายตาในทันที น้องชายไม่แสดงออกทางสีหน้าใดใดแถมยังไม่มองหน้าเลยด้วยซ้ำ คนสองคนนั่งเงียบเป็นเวลานานจนสุดท้ายพี่ชายเป็นคนเริ่มบทสนทนาขึ้นมาก่อน
“ว่าไง ฉันรอฟังคำแก้ตัวของนายอยู่?”
“ไม่มีหรอกครับ ผมตั้งใจทำร้ายอี้ชิงเขาเอง”
ไม่มองหน้าคือไม่มองหน้าจริงๆ แบคฮยอนมองออกไปข้างหน้าเหมือนเขาคุยอยู่กับลมฟ้าอากาศ
“ไม่ว่าชีวิตใครก็สำคัญทั้งนั้นนะ ฉันขอเหตุผลที่นายทำเรื่องแย่ๆแบบนี้ด้วย?”
น้องชายมีสีหน้าที่เหนื่อยอ่อน เขาแล้วก้มหน้าลงจนคางแทบชิดอก
เหตุผลหรอ...คุณลู่หานเขากำลังขอเหตุผลที่เราทำเรื่องแย่ๆอยู่นะ
แต่พูดอะไรไปเค้าจะเชื่อหรือเปล่า บอกอะไรไปจะมีความหวังหวังบ้างไหม
ผ้าขี้ริ้ว... บางทีผ้าขี้ริ้วที่ไม่มีค่าอะไรมากมายคือสิ่งที่แบคฮยอนรู้สึกตามคำพูดนั้นของอี้ชิงจริงๆ
“คุณลู่หานก็รู้คำตอบดีนี่ครับ คนเป็นผ้าขี้ริ้วย่อมมีจิตใจที่สกปรก เหตุผลที่คุณลู่หานไม่ชอบขี้หน้าผม รังเกียจผมก็เพราะผมเป็นคนนิสัยไม่ดีเหมือนกันไม่ใช่หรอครับ ไม่เห็นจะยากตรงไหน”
พูดออกมาก็น้ำตาคลอเบ้า แบคฮยอนจงใจมองไปในดวงตาคมของพี่ชาย สิ่งที่สะท้อนออกจากดวงตาเรียวเล็กปรากฏแต่เพียงความเจ็บปวดที่แบคอยอนได้รับ
ลู่หานหลบสายตาของไป ใจของเขากระตุกอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อน้องมองมาแบบนี้
ใครบอกน้องว่าน้องเป็นผ้าขี้ริ้ว
ใครสอนแบคฮยอนใช้คำแบบนี้กัน ใครกันที่สอนให้นายคิดแบบนี้
ลึกๆของลู่หานเขาเป็นคนขี้ขลาด พี่ชายทำได้แต่เพียงคิดในใจ คำพูดที่เขาเอ่ยออกไป จึงเป็นแค่ประโยคที่ต้องการว่ากล่าวตักเตือน
“แล้วใครใช้ให้นายไปตากฝนแบบนั้น จะให้ฉันผิดหวังไปถึงไหน”
”ผมอยากป่วย อยากอู้งานมั้งครับ...”
ถึงคนนอนอยู่บนเตียงจะรู้สึกเหนื่อยและเพลีย แต่แบคฮยอนก็เลือกที่จะเอ่ยคำพูดออกมาอย่างประชดชัน
คนตัวเล็กปาดน้ำตาลวกๆแล้วแย่งช้อนที่ลู่หานถือเอาไว้ในทันที
“ผมทานเองได้ ไม่เป็นไรหรอกครับ”
มือเล็กที่สั่นพยายามตักข้าวต้มเข้าปาก แม้แต่จับช้อนที่ต้มข้าวต้มยังจับไม่แน่น
แบคฮยอนไม่ใช่คนเข้มแข็ง หากแต่เวลาอยู่ต่อหน้าลู่หาน ไม่รู้ทำไม น้องชายจะพยายามทำเหมือนว่าตัวเองแข็งแรง เหมือนอยากทำให้เห็นว่าไม่ได้อ่อนแอ ไม่ได้จะอยากให้มาเอาอกเอาใจ เขาเพียงแค่ไม่อยากให้พี่ชายต้องมาดูแลแล้วก็พูดจาว่าเขาแรงๆอีกแล้ว
ลู่หานขมวดคิ้วในทันที มือหนาแย่งช้อนคืนมาอย่างรวดเร็ว เขาส่งสายตาดุให้แบคฮยอนก่อนจะก้มลงมองดูที่ขาน้องชายเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้ง
“ไหน....ให้ฉันดูแผลก่อนซิ”
น้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างน่าประหลาด ลู่หานพยายามเอื้อมมือไปจับที่ข้อเท้าเพื่อสำรวจดู หากแต่แบคฮยอนก็รีบขยับเท้าหนีทันทีที่มือหนาเอื้อมไปจับ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ได้เจ็บมาก”
ลู่หานเลิกคิ้ว ก่อนจะลองบีบลงไปที่ข้อเท้า แค่ออกแรงมากกว่าเดิมนิดหน่อย คนเป็นน้องก็ร้องออกมาเสียงดัง
“โอ้ย...”
“ฉันเบื่อและรำคาญคนงี่เง่า”
“งั้นไม่ต้องทนอยู่หรอกครับ...ผมเป็นคนงี่เง่าแบบนี้แหละ”
เสียงถอนหายใจดังขึ้น ลู่หานพยายามข่มอารมณ์ตัวเอง ไม่รู้ว่าเขาหงุดหงิดที่น้องเถียงเขาหรือเสียใจที่น้องไม่พูดดีกับเขาแล้วกันแน่
คนผมทองตักข้าวต้มขึ้นมาเป่าแล้วยัดเข้าปากแบคฮยอนแบบไม่สนใจว่าคนตัวเล็กจะดื้อแค่ไหน ในตอนแรกแบคฮยอนปิดปากไม่ยอมจนมือหนาต้องบังคับจับใบหน้าเรียวเล็กให้อ้าปากซักที
แบคฮยอนป่วยอยู่แล้ว แรงเขามีไม่มาก เขาจึงปฏิเสธไม่ได้ ทำได้แต่เพียงกินข้าวต้มที่ลู่หานป้อนให้จนหมดชามหากแต่เขาไม่มองหน้าพี่ชายซักนิดเลย
ว่ากันว่า ขั้นตอนที่ยากที่สุดของการรักษาคนป่วย คือการทานยา ตอนนี้ลู่หานกับแบคฮยอนกำลังอยู่จุดนั้น ลู่หานพยายามใจเย็นเมื่อเห็นว่าน้องอาการไม่ได้ดีขึ้นมาก เขารินน้ำเปล่าลงในแก้วใสก่อนจะยื่นเม็ดทรงกลมสีขาวและแคปซูลสีแดงให้
“กินยาหน่อยนะ”
“...........”
ไม่มีเสียงตอบรับจากน้องชาย แบคฮยอนมองหันหน้าหนีไปทางอื่น ถึงคำพูดเมื่อกี้จะเป็นน้ำเสียงที่ดูต้องการเอาใจน้ำเสียงที่ดูใส่ใจมันทำให้แบคฮยอนใจแทบหล่นลงไปกับเตียง
หากแต่อะไรหลายๆอย่าง รวมถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาก็ยังทำให้คนตัวเล็กตั้งทิฏฐิกับพี่ชายอยู่
“ช่วยกินหน่อยได้ไหม...”
“ผมไม่อยากกิน ผมอยากป่วยให้ตายไปเลย คุณลู่หานจะได้ดีใจซักทีไง”
คำพูดกรีดแทงหัวใจของคนทั้งคู่ ยิ่งป่วย ทำไมยิ่งดื้อแบบนี้นะ
ลู่หานหลับตาลงแล้วค่อยๆพูดอีกครั้ง
“นายก็คิดว่าฉันเป็นอี้ฟานซักวันนึงและกันนะ”
“ไม่มีใครแทนใครได้ โดยเฉพาะพี่อี้ฟาน..ไม่มีใครแทนพี่เค้าได้”
“อืม ฉันก็พอจะรู้อยู่”
สีหน้าลู่หานกลับกลายเป็นเศร้าลง หากแต่เขาเองก็พยายามฝืนยิ้ม ฝืนพูด
น้องป่วยขนาดนี้แถมยังดื้อมาก ตัวเขาเองก็เป็นห่วงเหลือเกิน เขาห่วงน้องมากเกินไป
“แต่เดี๋ยวเจ้าชายของนายก็จะมาแล้วไง.....ทนอยู่กับฉันไปอีกหน่อยนะ”
คิ้วบางขมวดกันแน่นราวก่อนจะก้มลงถอนหายใจ คนตัวเล็กหยิบยาจากมือหนาของพี่ชายแล้วค่อยๆหย่อนลงไปในลำคอระหง แบคฮยอนรีบดื่มน้ำจากหลอดตามเข้าไปในทันที คนตัวเล็กเช็ดน้ำที่มุมปากของตัวเอง ก่อนจะลดตัวลงนอนหันหลังให้กับพี่ชาย
“ครับคุณลู่หาน ผมทานยาให้แล้ว ออกไปเถอะครับ ผมรอพี่อี้ฟานได้ พี่เค้าโทรมาบอกผมตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าจะมา อีกซักพักเดี๋ยวเขาก็คงมาแล้วละ เขาไม่ผิดสัญญาใครง่ายๆหรอกครับ“
แบคฮยอนแค่นยิ้ม เขาเหยียดหยันคำพูดออกมาพอๆกับที่หัวใจโศกเศร้า น้ำตาคลอที่หน่วยอีกครั้ง หากเพียงแต่ลู่หานไม่เห็นมัน ใบหน้าเรียวเล็กซีดขาวที่เจ็บปวดมันยังคงเป็นอยู่อย่างนั้นไม่เคยจางหายไป
“สัญญาว่าจะรักตลอดไป สัญญาว่าจะรักคนเดียว สัญญาว่าจะสอนว่ายน้ำ สัญญาว่าจะไม่ทิ้ง...ผมเชื่อว่าถ้าสัญญากัน พี่อี้ฟานเค้าจะไม่ผิดสัญญาพวกนั้นหรอกครับ”
นั่นสินะ สัญญาที่ลู่หานไม่เคยทำได้ซักข้อ เขาเป็นคนหล่อหลอมแบคฮยอนด้วยตัวเอง
พี่เลี้ยงใจร้ายเป็นคนก่อสร้างกำแพงหน้าทีละชั้นให้กับหัวใจแบคฮยอน น้องชายโดนความใจร้ายของพี่ชายกัดกร่อนทุกวัน ทีละนิด ทีละนิด วันหนึ่งมันคงจะต้องหมดไป
แบคฮยอนกลับกลายเป็นคนไม่เชื่อมั่นในการทำดีของลู่หานขึ้น เขาลังเลและตั้งคำถามกับทุกการกระทำที่ลู่หานแสดงออก
น้องชายคิดว่าที่พี่ชายมาทำดีด้วย เดี๋ยวก็แกล้งบอกกับเขาว่าไม่คิดอะไร เหมือนที่เคยทำ..
แกล้งทำดี แล้วก็บอกว่าไม่เคยรัก อย่างที่เคยเป็นมา..
แบคฮยอนไม่มั่นใจซักนิดเลยว่าพี่ลู่หานจะล้อเล่นกับหัวใจของเขาอีกหรือเปล่า
“อ้อ อีกอย่างหนึ่ง ผมไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นหรอกนะครับ และผมก็ไม่ได้ต้องการขอความเห็นใจจากคุณลู่หานด้วย”
“ถ้าคุณลู่หานบอกว่า พี่อี้ฟานกำลังจะมาแล้ว คุณลู่หานจะช่วยออกไปได้ไหมครับ ผมอยากนอนแล้ว ผมไม่หนีไปไหนหรอกครับ ขาผมเจ็บขนาดนี้”
“จะไปได้หรือยังครับ.....ผมรอคุณลู่หานเดินออกไปอยู่นะครับ”
แบคฮยอนจงใจเน้นประโยคเพื่อให้ลู่หานออกไปซักที เขาสับสนในหัวใจจนเหนื่อยไปหมด หัวใจที่เขามอบให้กับพี่ชายมันยังคงเต้นดังอยู่อย่างนั้นคล้ายจะหมดแรงเต็มที่
ส่วนตัวพี่ชายเอง พอได้ฟังประโยคนั้นก็เจ็บไม่แพ้กัน ลู่หานลุกยืนขึ้น ตั้งใจจะออกไปตามที่น้องชายคาดหวัง หากแต่เสียงดังที่ประตูสีขาวดังขึ้นซะก่อน
ก๊อกๆ
ใบหน้าหล่อเหลาที่เจาะหูอย่างเท่ห์อย่าบอกใครโผล่เข้ามา น้ำเสียงทุ้มที่อ่อนโยนเอ่ยขึ้น
“ได้ข่าวว่ามีเจ้าหญิงนอนป่วยที่บ้านหรอ..”
“เจ้าชาย..”
แบคฮยอนหันหลังกลับมาเพื่อมองหน้าอี้ฟานในทันที คนตัวสูงรีบเดินเข้าไปนั่งบนเตียงก่อนจะกอดแบคฮยอนอย่างแน่นที่สุด
“แบคฮยอนของพี่ไม่สบายหรอครับ ไหนขอพี่ดูสิ ตัวร้อนมากมั้ย”
ว่าแล้วก็เอาหน้าผากแนบไปในทันที ดวงตาของคนทั้งคู่สบประสานกัน
“อืมม ก็ไม่ร้อนมากแล้ว แต่ยังไงต้องดูแลตัวเองดีดีนะ”
แบคฮยอนกอดเจ้าชายแน่นก่อนจะใช้ใบหน้าซบลงกับไหล่หนาเพื่อต้องการไออุ่น
“เจ้าชาย ใช้หน้าผากวัด มันจะวัดไข้ได้จริงหรอครับเนี่ย ผมมีปรอทนะ”
“ไม่เป็นไรครับ เจ้าชายสามารถรู้ได้ว่าแบคฮยอนป่วยหรือเปล่า เพราะเจ้าชายจำความอุ่นของแบคฮยอนได้ ”
“หืม ขนาดนั้นเลยหรอ?”
“จริงๆนะ ก็พี่กอดแบคฮยอนทุกวันนี่นา พี่จะมาเยี่ยมแบคฮยอนทุกวันจนหายเลย โอเคมั้ย”
อี้ฟานจับเบาๆไปที่แก้มใส ก่อนจะลูบผมสีน้ำตาลอย่างเบามือแล้วเอื้อนเอ่ย
“อย่าป่วยบ่อยนะ พี่เป็นห่วงมากเลย”
“เจ้าชายขอโทษนะที่มาหาช้า เจ้าชายบินไปที่เซี้ยงไฮ้เพราะไปดูวัสดุแต่งบ้านพอดี เมื่อคืนเจ้าชายอยากแทบอยากจะบินกลับมาหาเลย รู้ตัวบ้างไหมว่าเจ้าหญิงทำให้เจ้าชายเป็นห่วงแค่ไหน”
“อื้มมม ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ถ้าเจ้าชายมาเยี่ยม เจ้าชายก็ต้องซื้อขนมมาให้ผมทานทุกวันนะ”
“ฮ่าๆ ไม่เอา เดี๋ยวหายช้า แบคฮยอนต้องทานโจ๊ก ข้าวต้ม อาหารอะไรที่ย่อยง่ายๆสิ”
แบคฮยอนยู่ปากลง แม้ริมฝีปากจะยังคงซีดเซียวแต่คนตัวเล็กก็ยิ้มออกมา มือเล็กเกาะแขนหนาของอี้ฟานไว้ก่อนจะเอาหน้าตัวเองถูกับไหล่คนตัวสูงแล้วเอ่ยเสียงเล็ก
“นี่ M&M ก็ย่อยง่ายนะเจ้าชาย ละลายในปากไม่ละลายในมือด้วย”
อี้ฟานหัวเราะออกมาเสียงดังก่อนจะใช้มือหนาบีบจมูกเล็กๆของแบคฮยอน
“เจ้าชายว่าเจ้าหญิงขี้อ้อนเกินไป..”
ทั้งสองคนคุยกันราวกับว่าไม่มีลู่หานอยู่ในนั้น
อันที่จริง เขาก็ไม่ควรยืนอยู่ที่ตรงนั้นนั่นแหล่ะ
ลู่หานมองภาพแบคฮยอนจับมือคุยกันกับเจ้าชาย ก่อนจะยิ้มลงกับพื้น
ตอนเขาอยู่กับอี้ชิง แบคฮยอนรู้สึกแบบนี้บ้างไหม แบคฮยอนจะรู้สึกเจ็บแบบนี้มากไหมนะเวลาที่เห็นเขารักคนอื่น
ขาทั้งสองข้างของลู่หานค่อยๆถอยออกมาแล้วเปิดประตูออกไป
เคลื่อนไหวร่างกายให้เบาที่สุด เพื่อให้สองคนนั้นจะได้ไม่ต้องสังเกตว่าเขากำลังจะออกไปแล้ว
หลังของลู่หานพิงอยู่กับประตูห้องนอนน้องชาย เขาเงยหน้าใช้ความคิดทบทวน
พี่เลี้ยงใจร้ายแทนเจ้าชายไม่ได้หรอก..พี่ชายคนนี้รู้และเข้าใจดี...
''PAY IT FORWARD''
“ไงมึง ขอบุหรี่ตัวดิ”
“น้องหลับไปแล้ว?”
อู๋อี้ฟานเดินมาคุยกับพี่เลี้ยงใจร้ายที่สนามหญ้าหลังบ้าน วิวของสระว่ายน้ำยังเห็นได้ชัดอยู่ ลู่หานยังคงนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับแบคฮยอน เขาไม่ได้โง่จนคาดเดาไม่ได้ว่า หรืออันที่จริง เป็นอี้ชิงมากกว่าที่แกล้งทำร้ายแบคฮยอนให้เจ็บตัว มือหนาของคนส่วนสูงน้อยกว่าโยนกล่องบุหรี่ให้เจ้าชาย ก่อนจะโยนไฟแช็คตามไปติดๆ
เจ้าชายจุดไฟวาบก่อนควันสีขาวลอยขึ้นไปในอากาศในทันที
“เออ เล่นกับกูแปปเดียวก็หลับ คงเพลียอยู่”
“กูขอบใจมึง ที่อยู่เป็นเพื่อนแบคฮยอน”
“กูก็ต้องอยู่ ดูมึงทำเขาแต่ละอย่าง บางที...มึงก็ทำให้กูมีทางเลือกไม่มากหวะไอ้ลู่”
“มึงพูดเหมือนกูมีทางเลือกมาก?”
“ก็อาจจะมี หรืออาจไม่มี กูไม่ใช่คนต้องมาตัดสิน”
คนสองคนเงียบไปอีกครั้ง เจ้าชายใช้ความคิด ลู่หานก็ใช้ความคิดเช่นกัน เจ้าชายคาบบุหรี่อีกตัวก่อนจะใช้มือบังจุดไฟแล้วเอื้อนเอ่ย
“เออ กูให้นกหวีดแบคฮยอนแล้วนะ”
“นกหวีดอะไรวะ”
“นกหวีดที่มึงเคยให้ซิ่วหมินไปอะ”
“คนที่กูจะ PAY IT FORWARD ให้คือแบคฮยอน กูเคยคิดจะให้นกหวีดเค้านานแล้ว แต่กูเพิ่งตัดสินใจได้เมื่อไม่กี่วันก่อน น้องชายของมึงคือคนที่กูเลือก กูจะดูแลเค้าให้ดี...”
“แล้วที่กูบอกว่าจะไม่คืนน้องให้มึง กูก็คิดแบบนั้นจริง นั่นคือเหตุผลที่กูจะรีบออกแบบบ้านให้เสร็จๆ”
“กูไม่รู้เหี้ยไรทั้งนั้นนะไอ้ลู่ แต่กูคิดว่ากูตอบแทนมึงเท่าที่เพื่อนทำได้แล้ว”
เจ้าชายเย็นชา เหตุผลที่ได้รับฉายานี้ อาจจะเป็นเพราะใบหน้าของเขาไม่แสดงความรู้สึกใดใดซักนิด
ไม่ใช่จิตใจที่เย็นชาของเขาหรอก เรารู้กันดี อู๋อี้ฟานเป็นคนอบอุ่นมาก บางเวลาเขาเป็นคนดีเกินไปด้วยซ้ำ ...เพียงแต่บางครั้ง บางสถานการณ์ เจ้าชายก็หน้านิ่ง นิ่งจนไม่รู้ว่ากำลังรู้สึกอะไรอยู่
ไม่มีใครอาจคาดเดาสิ่งที่อยู่ในใจได้ แม้แต่เพื่อนรักหลายสิบปี อย่าง เสี่ยวลู่หาน
PAY IT FORWARD คือภาพยนตร์ที่แสนจะกินใจเมื่อครั้งเกินกว่าสิบปีก่อนที่เพื่อนรักสามคนไปดูด้วยกัน ภาพยนตร์เสนอเรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่งที่ตัดสินใจช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่คำนึงถึงผลตอบรับและผลตอบแทนใดใด เขาเพียงแค่ช่วยเหลือผู้คนและบอกกับคนเหล่านั้นว่าจงไปช่วยเหลือคนอื่นต่อไป จงส่งความดีงามนี้ต่อไป..
หลังจากได้ดูหนังจบ แรงบันดาลใจนั้นก็เกิดขึ้นกับเด็กชายคนหนึ่งเช่นกัน ใบหน้าขาวที่มีหน้าตาน่ารัก แก้มป่อง ดวงตาตี่เล็กหากแต่เป็นประกาย ซิ่วหมินเคยฉายประกายแสงแห่งความหวังให้จิตใจคนทั้งคู่
แม้สิ่งที่ลู่หานและอี้ฟานได้รับจะเป็นเพียงนกหวีด หากแต่แค่นกหวีดสีแดงอันเล็กแสนธรรมดานั้น มันคือจุดเปลี่ยนของอะไรหลายอย่างในเวลาต่อมา
" ฉันมีสิทธิ์เปลี่ยนแปลงอะไรในตัวเธอบ้างไหม? "
วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก การได้พบเจอกับเพื่อนจึงเป็นวันที่น่าตื่นเต้นมากที่สุด ทั้งนี้ทั้งนั้นรวมไปถึงที่มหาวิทยาลัยKมีธรรมเนียมที่แปลกประหลาดอยู่อย่างหนึ่งด้วย ทุกคนเรียกวันนี้ว่า “วัน white day ”
วันเปิดเทอมวันแรก เป็นวันที่บ่งบอกได้ดีถึงความคิดถึงของเพื่อนที่ต่างแยกย้ายกันไป ความคิดคิดถึงต่อคนที่ชอบ หรือแม้แต่ความคิดถึงที่มีต่ออาจารย์ (คาดว่าอันหลังคงมีน้อย) ธรรมเนียมจึงเกิดมาอย่างช่วยไม่ได้
การได้รับขนมหรือให้ขนมกับเพื่อนหรือคนที่เราแอบชอบเพื่อเป็นการต้อนรับการเปิดเทอมใหม่จึงกลายเป็นวันที่น่าสนุกของที่นี่ ขนมที่ให้จะต้องแปะโพสอิสเอาไว้อย่างดี ส่วนใหญ่นักศึกษามักจะเขียนคำสั้นๆง่ายๆ เช่น “เทอมสองสู้ๆนะ” หรือ
”เทอมสองตั้งใจเรียนนะ” เอาไว้เพื่อให้กำลังใจกับคนที่เราหวังดี
เสียงฮาครืนจากรุ่นพี่นักฟุตบอลที่นัดนั่งกันอยู่ใต้ตึกคณะเป็นจุดสนใจได้มาก โดยเฉพาะรุ่นน้องเดือนคณะอย่างปาร์คชานยอล วันนี้เขาก็ได้รับขนมมากมายเช่นเคย
แม้แต่ก่อนเขาเคยดุแฟนคลับจนพวกเธอกลัวและหายไป แต่ซักพักผู้หญิงกลุ่มนั้นก็กลับมาคุกเข่าเอ่ยคำขอโทษทั้งน้ำตากับทั้งชานยอลและเซฮุน คราวนี้พวกเธอรู้สึกผิดจริงๆ อาจเป็นเพราะมีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มเกือบจะโดนกลุ่มของมยองซูข่มขืนเช่นกัน การแต่งกายที่ล่อแหลมย่อมทำให้คนคิดไม่ดีกระทำสิ่งเลวร้ายได้เสมอ
โชคดีที่ตอนนั้นเซฮุนและกลุ่มรุ่นน้องเชียร์หลีดเดอร์ผ่านมาพอดี แม้รุ่นพี่เซฮุนจะดูปากร้าย มองดูเป็นคนใจร้ายยังไง สุดท้ายแล้วเขาก็ใจอ่อนตัดสินใจสั่งให้รุ่นน้องไปช่วยกลุ่มแฟนคลับชานยอลอยู่ดี
พวกกลุ่มผู้หญิงเหล่านั้นเริ่มมองเห็นบางอย่างในตัวรุ่นพี่หน้าเหวี่ยง หลังจากนั้นกลุ่มแฟนคลับของชานยอลก็ผันตัวมาเป็นแฟนคลับของเซฮุนด้วย พวกเธอเรียกเซฮุนว่า ”คุณหัวหน้า” และพวกเธอก็คอยช่วยเหลือเซฮุนจากนั้นเป็นต้นมา
ปาร์คชานยอลหัวเราะคุยกับรุ่นพี่นักบอลในคณะด้วยรอยยิ้มที่มีสเน่ห์ที่ยังคงอยู่ แน่นอนสิ่งที่พวกเขาคุยกันคงไม่พ้นเรื่องของชานยอลกับรุ่นพี่ที่ตนเองประกาศกร้าวว่าจะจีบ
“โหย มึงจีบเค้าตั้งนาน ยังไม่ได้เป็นแฟนอีก อ่อนด๋อยหวะไอ่ปาร์ค”
“เออ ถ้าไม่ติดมึงจีบเซฮุน กูจะจีบเองละ แม้งน่ารักตลอดกาล พอๆกับแบคฮยอน คยองซูเลยสาส”
“ว่าแต่นี่มึงไม่คิดว่าเซฮุนอาจจะรำคาญมึงจริงๆอ่อวะ”
คำพูดของรุ่นพี่ทำให้รอยยิ้มของชานยอลลดลงนิดนึง คิ้วของคนหล่อขมวดขึ้นจนเห็นได้ชัด เขาแอบใช้ความคิดทบทวนกับตัวเอง มันก็อาจจะจริงที่รุ่นพี่เขาบอกนะ เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมาพี่เซฮุนก็ไม่ได้คุยกับเค้าดีเลย ยังคงเป็นกูมึงบ้าง
แม้ปิดเทอมที่ผ่านมาพวกเขาสองคนก็โทรคุยกันตลอดและก็เป็นชานยอลคนเดียวที่โทรไปเกาะแกะแล้วก็ชอบแวะไปหาเซฮุนที่บ้านพร้อมข้ออ้างหลากหลายกันไป
บางครั้ง ใบหน้าที่เขาได้รับจากเซฮุน ก็เป็นเพียงใบหน้าเรียบเฉย หน้าบูดบึ้งไม่สนใจ แถมโอ เซฮุนยังชอบดุปาร์ค ชานยอลเสมอตอนที่เขาไปหาดึกๆ อย่างไรก็ตามเซฮุนก็ไม่เคยเอ่ยปากไล่เขาซักครั้ง
“กูไม่ได้ไรนะ แต่เซฮุนน่ะเอาใจยากจะตาย กูว่าถ้าเป็นกูจีบมัน กูคงเบื่อ งี่เง่าชะมัด ทำตัวอย่างกับผู้หญิง นิสัยเอาแต่ใจแบบนี้ กูตอบตรงนะ ไม่เห็นจะมีผู้ชายคนไหนชอบเลยหวะ ฮ่าฮา”
“ฮ่าๆ จริงๆผมก็ไม่ชอบอะไรงี่เง่าแบบนั้นหรอกครับพี่”
ชานยอลตอบขำขำเพื่อเอาใจรุ่นพี่
แปลกแต่จริง จะบอกว่าไม่มีผู้ชายคนไหนชอบ แต่เขากลับชอบมันที่สุด
อาจเพราะเขารู้ตัวว่าตอนนี้ความรู้สึกของตัวเขา คือชอบพี่เซฮุนมาก ชอบจนอยากพัฒนาความสัมพันธ์ให้มากขึ้นไปขึ้นไปอีกขั้น แม้ในตอนนี้ความสัมพันธ์นั้นมันไม่ชัดเจนจนชานยอลหนักใจ
สิ่งที่พูดออกไป เจตนาของชานยอลจึงไม่ได้ตั้งใจซักนิดเลย
อย่างไรก็ตาม การพยายามพูดตลกเพื่อเอาใจรุ่นพี่นักบอลนั้น ชานยอลก็ช่างเอาใจรุ่นพี่ได้ถูกเวลาจริงๆ
กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยผ่านไปอย่างรวดเร็ว ขาโปร่งของเซฮุนในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวชะงักเล็กน้อยเมื่อผ่านมาได้ยินบทสนทนาดังกล่าวพอดี เซฮุนตัดสินใจเดินผ่านหลังชานยอลไปอย่างไม่สนใจ คนตัวสูงตาโตตกใจเมื่อหันหลังมาเห็นใบหน้าของรุ่นพี่ตัวขาวก่อนจะรีบวิ่งตามไปในทันที
“พี่เซฮุน...จะไปไหนอะ?”
เมื่อกี้จะได้ยินอะไรหรือเปล่านะ
แล้วจะคิดมากหรือเปล่า
“อ๋อ ไปเรียนน่ะ”
เซฮุนเองก็พยายามปรับน้ำเสียงเช่นกัน ชานยอลพยักหน้า มือหนาจับมือเรียวไว้แล้วยิ้มกว้าง
เขากลัวว่ารุ่นพี่จะได้ยินแล้วเสียใจกับคำพูดตัวเอง ประโยคข้ออ้างพยายามทำให้อารมณ์ดีจึงเกิดขึ้น
“กินข้าวมายัง เดี๋ยวผมพาไปกินข้าวหมูแดงมั้ย วันนี้จะสั่งไข่พิเศษให้ด้วย แต่เค้าจะแย่งตัวกินนะ ถึงตัวจะชอบมากก็เถอะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันกินมาแล้ว”
เซฮุนหลบสายตาออกไปย่างรวดเร็ว ใบหน้าสวยไม่ยิ้มเหมือนเดิม แถมยังพยายามจะหันหลังไปอีก ชานยอลรีบจับข้อมือเอาไว้แน่นก่อนจะเอ่ย
“เดี๋ยวดิ....”
พอรุ่นพี่ตัวขาวหันหลังกลับมา ชานยอลก็กลับกลายเป็นว่าไม่รู้จะพูดอะไรดี
ยิ่งได้รับสายตาผิดหวังจากรุ่นพี่แล้วหัวใจก็ยิ่งกลัว ใจของชานยอลแทบหล่นลงไปพื้น
“แล้ว...เซฮุนมีเรียนที่ไหน เดี๋ยวผมไปส่ง”
“ไม่จำเป็นหรอก ฉันมีขา เดินไปได้ ตารางเรียนเทอมสองก็เคยส่งให้ดูตั้งแต่ปิดเทอมแล้วนี่“
“ถ้าไม่ใส่ใจจริงๆ เบื่อจริงๆ ก็ไม่เห็นต้องทำเป็นมาห่วงหรอกนะ ฉันไม่ได้ต้องการคนมาดูแลขนาดนั้น”
เซฮุนรีบดันมือตัวเองออก เขาวิ่งหนีออกไป ทิ้งให้ชานยอลก้มลงมองมือหนาของตัวเอง แล้วทำได้เพียงมองตามหลังของร่างเพรียวเพียงแค่นั้น....
“แบคฮยอน เซฮุน ฉันคิดถึงพวกนายที่ซู้ดดดดดดด”
คยองซูเดินเข้ามาในห้อง วางกระเป๋าแล้วกอดเพื่อนรักสองคนในทันทีที่เห็นหน้า ปิดเทอมที่ผ่านมาคยองซูได้คุยกับแบคฮยอนแค่เล็กน้อยเท่านั้น นั่นเป็นเพราะเขาต้องช่วยงานที่ร้านกาแฟจนไม่มีเวลาว่างเท่าไหร่ แถมแบคฮยอนเองก็ไปทำงานที่บริษัท
ส่วนเซฮุนก็ฝึกซ้อมเชียร์หลีดเดอร์ให้รุ่นน้องที่จะต้องแสดงในวันกีฬามหาวิทยาลัยที่ใกล้จะถึงแล้ว เซฮุนซ้อมให้น้องจะเป็นปี เพียงเพื่อให้การแสดงได้รับคำชมมากที่สุด
ใบหน้าของเซฮุนยังคงฉายความกังวลถึงสิ่งที่ได้ยินมาเมื่อเช้า หากแต่เขาก็ยังเป็นห่วงเพื่อนรักมากกว่า
“ว่าแต่แบคฮยอนป่วยหายดีแล้วใช่ไหม พี่อี้ฟานบอกว่านายไม่สบาย”
“อื้ม หายดีแล้วละ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เซฮุนละเป็นไงบ้าง สรุปว่าให้คุกกี้ชานยอลหรือยัง”
“คุกกี้วัน white day ใช่ปะ ไอ้เด็กนั้นต้องดีใจชัวร์ เชื่อฉัน”
คยองซูฟังแล้วเสริมตอบ
“ยังไม่ได้ให้เลย”
ใบหน้าของเซฮุนสลดลง จนทำให้แบคฮยอนสบตากับคยองซูแล้วมองไปที่เพื่อนรักอย่างสงสัย
เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่านะ
แบคฮยอนตบไหล่ของเพื่อนรักก่อนจะเอ่ยอย่างให้กำลังใจ
“เซฮุน เอาไปให้ชานยอลเค้าเถอะ ตั้งใจแล้วนี่นา”
“แบคฮยอนอ่า....”
“เอาน่า นายไม่ใช่คนล้มเลิกอะไรง่ายๆไม่ใช่หรอ ฉันกำลังเฝ้ามองเซฮุนอยู่นะ ปกติเพื่อนรักของฉันเป็นคนมั่นใจนี่นา”
แบคฮยอนยิ้มกว้างให้พร้อมกับกำมือบอกว่า ไฟต์ติ้ง
จริงๆเซฮุนตั้งใจจะเอาไปให้ชานยอลตั้งแต่เช้าแล้ว ..หากแต่เขาดันได้ยินประโยคที่ชานยอลบอกกับรุ่นพี่นักบอลพอดี
เขาจะกลายเป็นงี่เง่า เอาแต่ใจหรือเปล่า ..ถ้าจะบอกให้ชานยอลทานมัน
แล้วนิสัยแบบนี้มันทำให้ชานยอลไม่ชอบหรือเปล่า เซฮุนกลายเป็นคนคิดมากในทันที
ในที่สุด แววตาแกมบังคับของแบคฮยอนแถมคำก่นด่าของคยองซูก็ทำให้เซฮุนต้องมาที่ตึกของปีหนึ่งอีกครั้ง คนเป็นรุ่นพี่มองไปยังมือถือยังเบอร์โทรล่าสุด เขาตั้งใจจะโทรแต่ก็ตัดสินใจเก็บเอาใส่กระเป๋า
เซฮุนตั้งใจจะรอชานยอล อย่างน้อยก็ยังอยากคุยกันอยู่
เซฮุนสูดหายใจลึก พยายามเดินเข้าไปหาชานยอลที่ตอนนี้กำลังเก็บรองเท้าสตัชท์อยู่ที่ล็อคเกอร์ด้วยความไม่มั่นใจเท่าไหร่ ขาโปร่งชะงักในทันทีเมื่อเห็นว่ามีใครอีกคนกำลังเดินเข้าไป ร่างบางตัดสินใจแอบอยู่ที่ด้านหลังล็อกเกอร์แทนจึงทำให้ชานยอลมองไม่เห็น
รุ่นน้องชอนจี....หนุ่มหน้าหวาน การกระทำก็หวาน เรียบร้อย เขาเป็นผู้ชายรูปร่างผอมบาง ความสูงน่าจะไล่เลี่ยเท่าแบคฮยอนได้ แถมใบหน้ายังมีบางมุมที่คล้ายแบคฮยอนอย่างประหลาด ชอนจีเป็นเด็กรุ่นน้องที่อยู่รุ่นเดียวกับชานยอล เขาเป็นคนน่ารัก นิสัยดีและอยู่ชมรมเชียร์เช่นกันกำลังชวนชานยอลคุยพร้อมกับใบหน้าที่แดงเล็กน้อย
“ระ เราตั้งใจทำคุกกี้มาให้เธอ นี่เราอบเองเลยนะ นั่งปั้นตั้งแต่เมื่อคืนแหน่ะ”
ชานยอลผละออกจากการวางรองเท้าเลยเงยหน้าขึ้นมา เขาพยักหน้าแล้วอมยิ้มเหมือนกับต้องการขอบคุณ ความอัธยาศัยดีของชานยอลเป็นสิ่งที่มีเสน่ห์
“จริงหรอ ดูน่ากินจัง นายท่าทางจะทำอาหารเก่งเหมือนพี่แบคฮยอนเลย”
“เอ๋..?”
“ไอดอลฉันน่ะ ฉันปลื้มคนทำอาหารเก่งนะ ฮ่าๆ”
ชานยอลเอามือเกาหัวแก้เขินพอพูดถึงพี่แบคฮยอน
ไอดอลในดวงใจของเขาเจ๋งที่สุด
“แล้วนายชะ ชอบคุกกี้นี้ไหม”
“เฮ้ย ชอบสิ..”
“ถ้าคนน่ารักทำ ฉันก็ชอบหมดแหล่ะ ฮ่าๆ”
ชานยอลไม่ใช่คนเจ้าชู้ เขาแค่เป็นคนขี้เล่น เขาแค่เป็นคนร่าเริงและตอบแทนความหวังดีของคนอื่นด้วยรอยยิ้มทุกคน
แต่ชานยอลจะเข้าใจในจุดนี้บ้างไหม ว่าการกระทำบางอย่าง คำพูดบางคำพูดของเขา มันอาจจะทำให้อีกฝ่ายคิดไปไกลก็ได้
ไม่เพียงแต่ชอนจีหรอก แต่เป็นพี่เซฮุนด้วย
รุ่นพี่ก้มหน้าลงจนคางชิดอก ความเสียใจอยู่ดีดีก็เข้ามาเกาะกุมหัวก้อนเนื้อด้านซ้าย เซฮุนตั้งใจจะเดินออกไปจากที่แห่งนี้
ไม่รู้ตัวเองว่ามารอเด็กคนนี้ทำไมกันนะ
ชานยอลยังคงอมยิ้มให้กับชอนจี แต่แล้วก็ต้องตกใจทันทีเมื่อสายตาคมเหลือบไปเห็นหลังของร่างโปร่งที่คุ้นเคยไกลๆ กำลังจะเดินไปทางอื่น ชานยอลจำได้ดีอยู่แล้วว่าๆคนนั้นคือรุ่นพี่ที่เขาจีบ
“พี่เซฮุน “
“มาหาผมหรอ เดี๋ยวสิครับพี่....”
“ปล่อยฉัน ไม่ต้องมายุ่งเลยนะ แล้วไม่ต้องมาเดินตามฉันต้อยๆอีกแล้วด้วย”
“ฉันรำคาญนายทุกวันเลย รู้ตัวบ้างไหม!!!”
เซฮุนหันหลังกลับมาใช้แขนทั้งสองข้างผลักอย่างเต็มแรงจนชานยอลล้มลงไป รุ่นพี่เช็ดน้ำตาลวกๆ มองหน้าชานยอลอย่างน้อยใจ ก่อนจะโยนถุงขนมที่ผูกโบว์เอาไว้อย่างน่ารักไปเต็มอกของรุ่นน้องนักฟุตบอล เซฮุนวิ่งหนีอกไปโดยที่น้ำตาไหลอยู่อย่างนั้น
ใช่แล้ว คุกกี้ของเซฮุนมันเละ เละจนไม่มีชิ้นดี ช็อคโกแลตที่ดูยังไงก็เป็นแค่ของเหลวสีดำไหลย้อยไปหมด เซฮุนเผลอตั้งเวลาผิดด้วย คุกกี้แต่ละชิ้นที่อยู่ในถุงเกรียมไปแล้วครึ่งอัน
หากแต่เข้าใช้เวลาทั้งคืน นั่งผสมแป้ง นั่งถามแบคฮยอนถึงสูตรการอบ นั่งนวดแป้ง วางช็อคโกแลตชิปลงไป เซฮุนใช้เวลาจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ตนเองไม่ถนัดเพียงเพราะคิดถึงใบหน้าดีใจของใครอีกคน
แต่ยังไง เด็กนั่นก็ดูเหมือนดีใจตลอดเวลา มีความสุขอยุ่แล้ว จะมีหรือไม่มีรุ่นพี่อย่างเขา เด็กนั่นก็เฮฮาฮาดี ดูเหมือนมีความสุขดี
ชานยอลก็เป็นแบบนี้นี่นา เขาไม่ได้ขอให้เซฮุนเปลี่ยนอะไร แล้วเซฮุนจะมีสิทธิ์ขอให้ชานยอลเปลี่ยนอะไรหรือแปล่า
เราอาจจะเคยชอบกินอะไรเหมือนกัน..แต่ไม่รู้ทำไม
เหมือนเซฮุนกับชานยอล จะก้าวห่างถอยกันไปทีละก้าว ทีละก้าวจนไกลห่างกัน
อาจเป็นเพราะเซฮุนร้องไห้ หากเพียงแต่ทำไม ชานยอลก็ยังคงคิดว่าลมมันพัดเข้าตา
[TBC]
:) Shalunla
ความคิดเห็น